::: เรื่องเล่า การออกแบบ Ridley Noah SL ::: Part II
ผู้ดูแล: www.asiabike.com
- www.asiabike.com
- ขาประจำ
- โพสต์: 3428
- ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ต.ค. 2008, 14:25
- Tel: 028877813-4,0811330063
- team: AsiaBike
- Bike: Wheeler-Haro-CSK-CKT-Manitou-A2Z-Wheeler Helmet-Hayes-Tacx-SixSixOne -DT Swiss-Masi -etc...
- ติดต่อ:
::: เรื่องเล่า การออกแบบ Ridley Noah SL ::: Part II
กลับมาต่อกันที่ เรื่องเล่า การออกแบบ Ridley Noah SL Part II เริ่มต้นกระทู้นี้กันที่ Carbon Lay- Up กันเลยค่ะ
Carbon lay-up
คาร์บอนไฟเบอร์เรียบเป็นชั้นในส่วนที่ต้องการความหนา บางไม่เท่ากันแต่ละส่วน ( lay-up ) มีความสำคัญที่จะทำให้การขับขี่สมบูรณ์แบบ ด้วยการปรับแต่งลักษณะการขับขี่ จากเฟรมที่มีน้ำหนักเบา Ridleyใช้คาร์บอนไฟเบอร์ที่ขนาดน้ำหนัก 60, 40 และ 30 ตัน ในเรซินนาโนเทคโนโลยีสำหรับเฟรมและใช้ไฟเบอร์ 40, 30 และ 24 ตัน ในตะเกียบ (Fork)
วิธีการวางเรียงเป็นชั้นแบบใหม่นี้ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง คงทนและกำลังรับแรงบิดตัวระหว่างชั้น (interlaminar shear strength) ทำให้มันเป็นไปได้สำหรับวิศวกรของเราที่จะลดน้ำหนัก Frame ลงได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ Noah SL layup ยังใช้วิธีการสร้างแบบจำลอง แบบ FEA สำหรับการทดสอบรายละเอียดสมรรถนะการทำงานของแต่ละท่อไปจนถึงการส่งกำลังเพื่อช่วยให้การขับขี่เกิดความสะดวกสบาย และในส่วนหนึ่งของการผลิต, Ridley ได้ใส่ถุงลม/ไว้ภายในท่อที่สามารถถอดออกมาได้ในระหว่างการสร้างตัวท่อ ซึ่งจะยังช่วยให้การควบคุมแม่นยำในส่วนของพื้นผิวด้านในของท่อเรียบร้อยและมีความหนาของผนังบางมากขึ้น (thinner-walled tubing) โดยไม่สูญเสียสมรรถณะไปเลยแม้แต่น้อย สำหรับ Thinner tubing หมายถึง Frame น้ำหนักเบาย่อมส่งผลให้ไปได้เร็วขึ้น และนั่นก็หมายถึง ความสนุกในการขับขี่อีกด้วย
Chainstay Design
การออกแบบ Chainstay ที่ไม่สมมาตรช่วยให้ประสิทธิภาพการในการ Sprint มีกำลังมากขึ้น รวมถึงการเบรกที่เหนือชั้น สำหรับ lay-ups ของ Chainstays ที่เป็นลิขสิทธิ์ของบริษัททำให้มั่นใจได้ถึงการส่งพลังกดสูงสุดโดยไม่ต้องสุญเสียกำลังไปกับการโยกที่ Chainstay ล้อหลัง
Seatstay design
สำหรับการออกแบบ Seatstay ลดระดับลงจากท่อบน ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งในการตัดสินใจการออกแบบ Noah SL นั้น จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับนักปั่นทั้งหลายโดยไม่ส่งผลกระทบต่อสมรรถนะที่ส่งผลในทางลบขณะเดียวกันหางหลังล่าง (Dropped Seatstays) ช่วยให้บรรลุเป้าหมายทั้งสองอย่าง ดังนี้
สามเหลี่ยมด้านหลังที่มีขนาดเล็กลงไม่ทำให้เกิดการสูญเสีย stiffness ด้านข้าง ในขณะที่มีการเปลี่ยนแปลงท่าอย่างต่อเนื่องตามความยาวเพื่อปรับ length ของพวกเขาให้สบายในท่าขับขี่เท่าที่จะเป็นไปได้ นอกจากนี้ หางหลังที่ลดระดับลง (dropped chainstay) นี้ยัง ช่วยให้การไหลเวียนของอากาศโดยรอบ ท่อนั่ง (seattube) และส่วนตกท่อบน (top tube junction) ราบเรียบและลดแรงลม(drag) ย่อมส่งผลให้ไปได้เร็วขึ้น
เทคโนโลยี f-split fork
เทคโนโลยี Split Fork ของ Ridley ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้ง มีการปรับปรุงให้ทันสมัย สำหรับการออกแบบตะเกียบคู่ (double-fork) ใช้หลักการไล่อากาศไม่ให้เข้าในล้อหน้า โดยจะลดแหล่งกำเนิดหลักที่ทำให้เกิดแรงลม (drag) บนจักรยาน โดยเทคโนโลยีนี้ปฏิบัติการด้วยการไม่ให้อากาศเข้าไปผ่านซี่ล้อที่อยู่ใกล้กับส่วนบนสุดของล้อ ซึ่งการลดแรงลมไม่ให้เข้าไปตัดกับซี่ลวด (drag) เป็นลดการเคลื่อนไหวอย่างไม่เป็นระเบียบของอากาศ (turbulence) ย่อมส่งผลให้เกิดสูญญากาศ ที่ช่วยให้ล้อหมุนเร็วขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ในส่วนของการจำลองระบบพลศาสตร์ของไหลของอากาศ (Computational fluid dynamics: CFD) และการทดสอบแบบ real-life test แสดงให้เห็นว่า ตะเกียบ (Fork) ลดแรงลม ได้มากถึง 8% ทั้งนี้ตะเกียบที่ได้การพัฒนาใน Frame ของ Noah SL จะทำให้การส่งผ่านไปยัง headtube มีความราบเรียบ โดยในส่วนของท่อล่าง Lowered downtubeและ Cut-out ของล้อหน้า จะช่วยให้เกิดประสิทธิภาพการทำงานของระบบอากาศพลศาสตร์ (aerodynamic performance) ที่เหนือกว่า
เทคโนโลยีแบบ Inmold f-surface+ technology
Noah SL แหวกแนวคิดใหม่โดยใช้เทคโนโลยี Molded-in F-Surface+ technology ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ la-yup ที่เป็นลิขสิทธิ์ของบริษัท นั่นหมายความว่า ปกตินักปั่นจะได้รับประโยชน์จาก การขี่หลบลม wind-cheating design แต่ถึงแม้จะมีเฟรมรูปทรง Aero ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก แต่ก็ยังหนี้ไม่พ้นเรื่องลม เช่น ลมปะทะด้านข้าง (Crosswinds) อย่างหนักในบางครั้ง หรือหลงอยู่ในกลุ่มนักปั่นกลุ่มใหญ่ หรือบางครั้งในการหนีเดี่ยว (solo breakaway) โดยสถานการณ์และทิศทางลมที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เทคโนโลยีตะเกียบ F-Surface+ performs ของ Noah SL ที่สร้างพื้นผิวมันเรียบและเจาะช่องไว้ระหว่างตะเกียบ ทำให้เกิดการไหลผ่านของอากาศผ่านไปได้อย่างสะดวก โดยลมไม่ส่งผลให้ต้านกับเฟรม และ หลีกเลี่ยงการเกิดลมหมุนในวงแคบใต้เฟรม ก็เพราะ ลมหมุนนี้เอง (Micro-turbulence) เป็นจุดเริ่มต้นของนวัตกรรมใหม่ระบบ airflow ที่ Ridley ออกแบบตะเกียบมาเพื่อเพิ่มช่องระบบการไหลเวียนอากาศให้ราบเรียบและผ่านสะดวกขึ้นโดยเฉลี่ย 7% เกิดลมต้านน้อยลง เนื่องจากเทคโนโลยี F-Surface+ เป็นการออกแบบเพื่อหลบลม (wind-cheating design) ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับจักรยานที่พร้อมปฏิบัติการเสมอ
It’s always ready to perform.
::: โปรดติดตามตอนต่อไปของ "เรื่องเล่า การออกแบบ Ridley Noah SL" เร็วๆ นี้ :::
AsiaBike:http://www.asiabike.com
FaceBook:https://www.facebook.com/AsiabikesThailand
เบอร์โทรศัพท์ : 0 2887 7813-4