ขี่ไปตามแผนที่ด้านล่างครับ ขากลับถ้าขี่ไหวก็ขี่กลับกัน ถ้าไม่ไหวก็เหมา 2 แถวเอาไหมครับ (จะเอาขึ้นรถไฟกลัวจักรยานถลอกจัง)
ป.ล จะให้ไปเปิดในกระทู้ชวนปั่นไหมครับ คนจะได้เยอะๆ อิอิ
![รูปภาพ](http://i138.photobucket.com/albums/q275/TumMongoose/AU.gif)
จากที่ไป Survey มาครับ
http://www.hondajazzlover.com/forum/ind ... ic=18751.0
ก็วิ่งไปตามหมายเลข 1-6 แล้วก็ไปทานข้าวที่ตลาดน้ำคลองสระบัวตรง X1 ครับ
http://www.paiduaykan.com/76_province/c ... arket.html
วัดภูเขาทอง และอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวมหาราช (X2)
เป็นเจดีย์ที่สูงใหญ่ตั้งอยู่กลางทุ่งนา สามารถเห็นได้แต่ไกล สันนิฐานว่าได้สร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระราเมศวร เมื่อปี พ.ศ. 1930 และเมื่อปี พ.ศ. 2112 พระเจ้าบุเรงนอง แห่งเมืองหงสาวดี ได้ยกทัพเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยาได้สำเร็จ จึงได้สร้างพระเจดีย์ใหญ่แบบมอญขึ้นไว้เป็นอนุสรณ์ที่วัดนี้ เจดีย์ที่สร้างนี้เรียกว่า ภูเขาทอง และวัดที่อยู่ต้ดกับเจดีย์นี้ก็เรียก ว่า วัดภูเขาทอง
เจดีย์พระศรีสุริโยทัย (X3)
เป็นอนุสรณ์สถานของวีรสตรีไทยพระองค์แรก สมเด็จพระสุริโยทัยซึ่ง สิ้นพระชนม์ในการทำสงครามยุทธหัตถีระหว่างสมเด็จพระมหาจักรพรรดิกับพระเจ้าแปรและเป็นการยืนยันเกียรติแห่งสตรีไทยที่ได้รับการยกย่องจากสังคมไทยมาแต่ครั้งบรรพกาล สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงปลงพระศพของพระนางและสถาปนาวัดที่ปลงพระศพขึ้นเป็นวัดสวนหลวงสบสวรรค์ (เดิมชื่อ วัดสบสวรรค์) ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้มีการสอบสวน หาตำแหน่งสถานที่ต่างๆที่กล่าวถึงในพระราชพงศาวดารเพื่อเรียบเรียงเป็นหนังสือประชุมพงศาวดารขึ้นทูลเกล้าฯถวาย จึงเป็นเหตุให้ทราบตำแหน่งของวัดสบสวรรค์ซึ่งยังคงพบเจดีย์แบบย่อไม้สิบสองสูงใหญ่ปรากฏตามที่ตั้งในปัจจุบันนี้
วัดไชยวัฒนาราม (X4)
วัดไชยวัฒนารามตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก นอกเกาะเมือง เป็นวัดที่พระเจ้าปราสาททอง กษัตริย์กรุงศรีอยุธยาองค์ที่ 24 (พ.ศ. 2173-2198) โปรดให้สร้างขึ้น ปัจจุบันเป็นวัดร้าง สิ่งก่อสร้างที่เหลืออยู่ มีพระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุและเจดีย์ราย ตามพระระเบียงคดรอบพระปรางค์ ความสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ วัดนี้เป็นที่ฝังพระศพของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศ กวีเอกสมัยอยุธยาตอนปลายกับเจ้าฟ้าสังวาลย์ ซึ่งต้องพระราชอาญาโบยจนสิ้นพระชนม์ในรัชสมัยของพระเจ้าบรมโกศ วัดไชยวัฒนาราม ได้รับการประกาศขึ้น เป็นโบราณสถานของชาติเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2478 และกรมศิลปากร โดยอุทยานประวัติ-ศาสตร์พระนครศรีอยุธยาได้ดำเนินการบูรณะ ตลอดมาจนปัจจุบันไม่มีสภาพรกร้างอยู่ในป่าอีกแล้ว และยังคงมองเห็นเค้าแห่งความสวยงามยิ่งใหญ่ตระการตา ซึ่งผู้ไปเยือนไม่ควรพลาดชมอย่างยิ่ง อนึ่งในการเดินทางไปชมวัดสำคัญในประวัติศาสตร์ในบริเวณนี้ ท่านอาจเหมาเช่าเรือหางยาว จากบริเวณหลังลานจอดรถฝั่งตรงข้ามพระราชวังจันทรเกษมด้านทิศตะวันออกของเกาะ เมือง ในอัตราลำละ 300-400 บาท เรือจะล่องไปตามลำน้ำป่าสักไปทางใต้ ผ่านวิทยาลัยการต่อเรือพระนครศรีอยุธยา วัดพนัญเชิงวรวิหาร วัดพุทไธสวรรค์ โบสถ์โปรตุเกส วัดไชยวัฒนารามวัดกษัตราธิราช และเจดีย์พระศรีสุริโยทัยอันสง่างามอีกด้วย ซึ่งจะทำให้การเดินทางมีรสชาติไปอีกแบบหนึ่ง โดยเฉพาะเวลาพลบค่ำจะเห็นภาพบริเวณวัดไชยวัฒนารามสวยงามมาก