เสือภูเขาพิชิตเส้นทางใหม่ในลาวเหนือ

รายงาน/รูป "สรุปทริป" จากที่ได้ปั่นมา
รูปประจำตัวสมาชิก
ทวีศักดิ์ ไชยเขียว
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 265
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ค. 2013, 19:49
Tel: -
team: นักปั่นลุ่มน้ำโขง
Bike: Modified
ตำแหน่ง: Chiangkhong/ Chiangrai

เสือภูเขาพิชิตเส้นทางใหม่ในลาวเหนือ

โพสต์ โดย ทวีศักดิ์ ไชยเขียว »

เสือภูเขาพิชิตเส้นทางใหม่ในลาวเหนือ
(เส้นทางวงกลมจากแขวงบ่อแก้ว(ห้วยทราย)-เมืองเวียงภูคา-แขวงหลวงน้ำทา-เมืองสิง-เมืองมอม-บ้านเชียงกก-เมืองเมิง-บ้านปงนานูน-ห้วยทราย 6วัน 6 คืน 470 กิโลเมตร) โดย ทวีศักดิ์ ไชยเขียว 17-04-2013
ถนนที่เลี้ยวลดคดเคี้ยวสักปานใดก็ไม่มากไปกว่าสองทิศทางคือโค้งซ้ายและโค้งขวา จากตีนเขาขึ้นสู่ยอดก็ไม่มากไปกว่าการขึ้นและลงเท่านั้น ไม่แตกต่างไปจากตัวโน๊ตดนตรีสูงๆต่ำๆที่สร้างความไพเราะเพราะพริ้ง พื้นถนนที่เรียบงามแต่งแต้มด้วยสีแนวกลางและขอบข้างก็ถูกล้อเลียนด้วยเส้นทางขรุขระและฝุ่นละอองที่คละคลุ้งในบางช่วง จากกายสัมผัสความเย็นชื้นของป่าดงดิบสู่ไอแดดที่แผดเผาของภูเขาหัวโล้นและป่าไหม้ไฟ ไม่แตกต่างไปกว่าสีสันที่จิตกรละเลงบนผืนผ้าใบได้อย่างมีชีวิตชีวา จะมีความสวยงามและความลงตัวใดเกินไปกว่าสิ่งที่ธรรมชาติได้สรรสร้าง แขนสองข้างสองขาสองตาทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อสัตย์และตั้งใจ สองเฒ่าวัยเกษียณผู้พิศมัยในการขับขี่จักรยานเสือภูเขาเป็นชีวิตจิตใจ บุญน้อม ปัญโญใหญ่ผู้เคยเป็นโรคหัวใจโต และทวีศักดิ์ ไชยเขียว ผู้ที่เคยผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่ ได้พาตัวเองเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติเหล่านั้นอย่างกลมกลืน เมื่อได้ชื่นชมแล้วก็อยากจะหยิบยื่นประสบการณ์ที่ล้ำค่าให้กับผู้ที่สนใจอย่างไร้ขีดจำกัด หากท่านคิดว่าสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นและหลงใหลในมนต์เสน่ห์ของการเดินทางท่องเที่ยวของเสือภูเขาอย่างหยุดยั้งไม่ได้ ผู้เขียนก็หวังว่าเส้นทางนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยและจะมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์หลงเหลืออยู่บ้าง
การเดินทางเกือบจะเป็นหมันเสียแล้วเมื่อจักรยานคู่ใจพยศพาตีลังกาเพียงสองวันก่อนการเดินทาง เข่าขวาสาหัสช้ำบวมและห้อเลือด เข่าซ้ายอาการน้อยหน่อย ข้อมือซ้ายเคล็ดจนหยิบจับอะไรไม่มั่นคง อุ้งมือขวาปวด ร้อนผะผ่าว หากไม่มีถุงมือและกางเกงขายาวก็จะแย่กว่านี้ ชั่วโมงแรกประคบเย็น จากนั้นประคบร้อนวันละหลายครั้ง การเคลื่อนไหวตัวในวันแรกแทบร้องไห้ วันที่สองพอเดินได้อย่างเชื่องช้าพร้อมตระเตรียมสัมภาระอย่างทุลักทุเล วันที่สามตัดสินใจออกเดินทางโดยไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ไม่มีก้าวใดเลยที่จะไม่เจ็บปวดแต่พยายามเก็บอาการอย่างน้อยก็ให้เพื่อนร่วมทางเห็นว่าเรามีความพร้อม คิดว่าสภาพร่างกายจะฟื้นขึ้นได้เองซึ่งเป็นไปดังความคาดหมายสามารถฝ่าด่านอรหันต์จากตีนเขาถึงปลายฟ้าจนจบสิ้นการเดินทาง สิ่งที่ช่วยประคบร้อนที่นำติดตัวไปด้วยคือใบพลับพลึง ตัดเป็นท่อนแค่คืบ เมื่อพักคราใดเจอกองไปเป็นต้องเผาและห่อผ้าประคบ
หลังจากจัดการหนังสือเดินทางด่านขาออกที่ท่าเรือบั๊กเชียงของแล้วซื้อตั๋วเรือข้ามฟากคนละ 40 บาท ค่าจักรยานอีกคันละ 20 บาท แต่ขากลับเรือลาวเก็บคันละ 40 บาทเท่าคน ประมาณสองสามนาทีก็ขึ้นฝั่งลาวจัดการเขียนเอกสารแนบหนังสือเดินทางที่ช่องขาเข้าประเดี๋ยวเดียวก็เรียบร้อย แต่ถ้าไปวันหยุดหรือเลยสี่โมงเย็นจะต้องจ่ายโอทีอีกคนละ 40 บาท(เข้ากระเป๋าเจ้าหน้าที่) เคยมีคนโวยวายเจ้าหน้าที่อยู่เหมือนกันแล้วท่านก็จะปิดประตุช่องติดต่อทันทีอย่างไม่แยแสเช่นกัน จนคุณต้องไม่ได้ไปไหนเลยทีเดียว สุดท้ายต้องไปง้องอนจนได้(เฮ้อ) เมื่อขึ้นฝั่งได้สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงคือขับรถทางด้านขวาครับ เราสองคนมักเผลอไผลอยู่เสมอจนอีกคนจะตะโกนบอก “ขวาๆ” อยู่ตลอด
การขับขี่เป็นไปอย่างระมัดระวังเพราะอาการปวดร้อนของหัวเข่านั่นเอง สองเราขี่เลียบโขงมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกประมาณ 5 กิโลเมตร ไปอู่จอดรถของบริษัทอาคเนย์ ของคุณจ้ำซึ่งมีพันธะสัญญาในการขนถ่านหินจากเมืองเวียงภูคามาส่งยังท่าเรือห้วยทราย คุณจ้ำมีรถพ่วงอยู่ห้าสิบกว่าคัน จากการช่วยเหลือติดต่อประสานงานของคุณเจี๊ยบ(ผู้จัดการเหมืองฝ่ายคนไทย) คุณเจี๊ยบ(จิราพล กาญจนกามล)เคยเป็นอดีตนักปั่นทีมเขต 5 เชียงใหม่ด้วย เราจึงได้รับความกรุณาจากคุณจ้ำให้อาศัยไปกับรถบรรทุกขากลับซึ่งเป็นรถเปล่า ทำให้ผมมีโอกาสพักร่างกายไปอีกหลายชั่วโมง ซึ่งมีระยะทางร่วม 108 กิโลเมตร
(บุญน้อมขึ้นไปผูกรถอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้เกิดความมั่นใจ) เมื่อถึงปลายทางก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมสัมภาระ ปั่นเบาๆจากบ่อแร่ถ่านหินไปเมือง “เวียงภูคา” ระยะทาง 12 กิโลเมตร แล้วชมบ้านชมเมืองของเขาไปตามถนนตัวเมืองซึ่งมีขนาดเท่าหมู่บ้านใหญ่ในบ้านเราแต่ก็ไม่หรูหราเท่านะครับ เป็นถนนลูกรังและดินแดง บ้านส่วนใหย่เป็นไม้มุงด้วยหญ้าคา ฝาไม้ใผ่สาน ระหว่างเสาใต้ถุนบ้านจะเป็นที่เก็บฝืนเตรียมไว้พอใช้ในปีหนึ่ง
แวบเข้าไปดูโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง พวกเด็กๆก็กรูกันเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังทักทาย “สบายดีๆๆๆ” พอจะถ่ายรูปกลับวิ่งหลบกล้องกันพัลวันแต่กลับชอบมาดูหลังกล้องว่ามีใครอยู่ในกล้องบ้าง จากนั้นข้ามถนนไปอีกฟากดูโรงเรียนมัธยม(มัธยมสมบูรณ์) ไม่มีนักเรียน ครูกำลังประชุมกันอยู่ จากนั้นปั่นขึ้นไปบนเนินเขาเป็นจุดสูงสุดของเมืองเป็นวัด ด้วยสัมภาระที่หนักหน่วงทำให้รถหงายเงิบล้มลงอย่างไม่เป็นกระบวนท่า ดีที่ไม่ซ้ำรอยเดิม(55)
ร้อนนักก็แวะคุยตามบ้านทั้งเด็กและผู้ใหญ่ก็จะมาห้อมล้อมด้วยความสนใจมาดูคนมาดูรถ โดยเฉพาะเสือบุญน้อมนั้นมีหน้าตาเหมือนฝรั่งอยู่มากไว้หนวดเครายาวเฟื้อย แลกเปลี่ยนซักถามกันตามสมควร เราทั้งสองเคยคลุกคลีกับชนเผ่าทางเหนืออยู่หลายปีจึงพอจะรู้ภาษาของชนหลายเผ่า พอรู้ภาษาเขาบ้างก็ได้เห็นการแสดงออกถึงความเป็นมิตร ความเป็นกันเองอย่างออกนอกหน้าจนสังเกตได้ชัด
ขมุหรือลาวเทิง ซึ่งมีถึงร้อยละ 60....พวกเราแลกเงินที่ธนาคารพัฒนาลาวคนละ 1,000 บาท และได้ 260,๐๐๐ กีบ(สองแล้นหกหมื่นกีบกีบ) แล้วตระเวนหาที่พักก็ได้ “เรือนพักทองมีชัย” หลังละ 150 บาท เหลือห้องเตียงเดียว ถ้าจะพักเตียงคู่ก็จะให้แขกห้องอื่นย้าย เราบอกว่าไม่จำเป็น เสือบุญน้อมนอนในห้องส่วนผมออกมากางเต้นที่ระเบียงด้านนอก ตกดึกอากาศหนาวจนนอนไม่ได้ ผ้าขาวม้าผืนเดียวให้ความอบอุ่นไม่พอต้องลุกขึ้นมานั่งหลับๆตื่นๆจนถึงรุ่งเช้า
เช้าวันที่สองของเมืองลาว ออกจากเฮือนพักได้ก็มุ่งตรงไปตลาดเช้า หาของกินที่ถูกปากถูกใจได้ยาก ก็จะซื้อได้ข้าวเหนียวนึ่ง พวกปลากระป๋อง ไข่ต้ม ข้าวโพดนึ่ง พวกปิ้งย่างอะไรไม่กล้าซื้อกิน มีนมถั่วเหลือง ขนม กล้วย น้ำส้ม เสือบุญน้อมยิ่งเลือกมากกว่าเพราะเป็นมุสลิมมีปลากระป๋องเป็นอาหารหลัก ผมมีอินทะผาลัมติดไปบ้างกินกับข้าวเหนียวมื้อละเม็ดสองเม็ดพอเป็นอาหารเสริม หลังจากนั้นก็มุ่งตรงไปทางทิศเหนือสู่เมืองหลวงน้ำทา 6๐ กิโลเมตร
ทางราดยางตลอดสาย มีเขาบ้างแต่ก็โอเคนะ
อากาศเย็นสบายมีหมอกบางเบาคล้ายหน้าหนาว ใช้เวลา 6 ชั่วโมงถึงหลวงน้ำทา ก่อนถึงตัวแขวง(จังหวัด) 8 กิโลเมตรแวะกินน้ำอ้อยคั้นใส่น้ำก้อนเย็นชื่นใจ ถือโอกาสช่วงพักคุยกับเด็กอนุบาลลูกสาวเจ้าของร้านชื่อ “นางดาว”ได้เกร็ดความรู้ภาษาลาวบ้าง....จ.จอก...ย.ยุงและ ย.ยา...ต...ตา..น...นก...บ..แบะ(แพะ)..ฝ...ฝน...พ..พู (ภูเขา)..ฟ..ไฟ...ม..แมว...ร..เรด้า...ว..วี(พัด)...ห...ห่าน...ฮ..เฮือน (บ้าน) เมื่อถึงหลวงน้ำทาแล้วสิ่งแรกต้องหาที่พักกันก่อนและก็ได้เฮือนพัก “โชคชัยทอนรีสอร์ท” เตียงคู่ห้องแอร์ คืนละ 150 พันกีบ( 150,๐๐๐ กีบ)ประมาณ 6๐๐ บาท อาบน้ำนอนผ่อนคลายสุดๆ ตื่นขึ้นมาตอนเย็นออกตระเวนไปตามถนนในเมือง ทุกเย็นวันอังคารและวันศุกร์จะมีแผงขายลอตเตอรี่ไปทั่วเมือง ซื้อสองพันกีบได้รางวัลเลขสามตัวสองล้านห้าแสนกีบ (ประมาณหนึ่งหมื่นบาท) พบเห็นพวกฝรั่งบ้างประปราย มีร้านจักรยานให้เช่าเป็นชั่วโมง ร้านที่มีมากคือร้านเป็ดปิ้ง ร้านค้าเล็กๆตั้งโต๊ะเตี้ยๆข้างถนนก็จะขายข้าวซอย ข้าวฟืน และขนมเกลือ ข้าวซอยมีหน้าหมูลักษณะคล้ายๆน้ำพริกอ่อง ส่วนข้าวฟืนและขนมเกลือ(เป็นห่อ)จะปรุงรสเองด้วยพริกน้ำตาลและผงชูรส พอมีเวลาเหลือก่อนค่ำจึงปั่นขึ้นไปดูเจดีย์(พระธาตุ)บนเขาทางตะวันตกของเมือง ได้มองเห็นทิวทัศน์ของเมืองอย่างกว้างไกล เจดีย์นี้สร้างเมื่อเจ้าแขวงเป็นชาวพุทธ ซึ่งเป็นคนส่วนน้อยของที่นี่ คนส่วนส่วนใหญ่จะเป็นลาวเทิง (ขมุ)ซึ่งนับถือผี มีลาวเทิง “ระเมด”เพียงเผ่าเดียวที่นับถือพุทธและมีวัด เจ้าแขวงคนปัจจุบันเป็นเผ่า “ไทยดำ” ซึ่งนับถือผีเช่นกัน
เราย้อนกลับไปในเมืองอีกครั้งที่ถนนสายกลาง มีตลาดกลางคืนขายพวกอาหาร ผลไม้ เครื่องดื่ม จะมีชาวต่างชาติ(บ้าง)ซื้อมานั่งกินที่โต๊ะด้านหน้าซึ่งมีประมาณสิบตัว สนนราคาจานละ ห้าพันกีบสิบพันกีบแล้วแต่ชนิด ถ้าไก่เป็นตัวก็มี สรุปได้ว่าพอกินแก้ขัดได้
เจอสาวสวิสคนหนึ่งเดินทางฉายเดี่ยวมาเที่ยวในลาวหลายสัปดาห์แล้ว เชิญให้นั่งร่วมโต๊ะ คุยถูกคอกับเสือบุญน้อมจนผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินจึงขอตัวกลับที่พักก่อน คิดว่าจำที่พักได้ขี่รถตระเวนหาก็ไม่เจอ จำชื่อโรงแรมก็ไม่ได้ เข้าไปใกล้ๆบริเวณนี้คุ้นๆก็ไม่เจออีก จนขี่มาเจอเสือบุญน้อมแล้วช่วยกันหาที่พักจนเจอ เขาจำชื่อที่พักได้ ผิดกับเรา555 มาก่อนแต่ถึงพร้อมกัน
เป้าหมายของเราวันต่อมาคือ “เมืองสิง” ระยะทางประมาณ.60.กิโลเมตร เป็นป่าเขาสวยเย็น ขึ้นๆลงๆไม่สูงมากนัก จนใกล้เป้าหมายเข้าไปนั่นแหละ 555 หนักหน่อยแต่ราดยางนะครับ ประมาณ 4 ชั่วโมง ขีดจำกัดทางขึ้นเขาของเราคงได้ประมาณนี้แหละ ถ้าเดินทางต่ออีกก็จะไปค่ำกลางทางก็จะลำบากในการหาที่นอนที่กินแต่ถ้าเรามีกันสี่ห้าคนก็ลุยได้เหมือนกันนะ นี่เพียงสองคนถือว่ากำลังพลน้อยไปหน่อย เมื่อลงเขาก็มองเห็นทิวทัศน์เมืองสิงห์เป็นลักษณะแอ่งกระทะขาดใหญ่คล้ายเชียงตุงในพม่า แม้จะมองดูว่าเป็นที่ราบแต่ดูว่ารถลื่นไหลได้ดีเมื่อเราจะขยับออกแรงเพียงเล็กน้อยก็ตาม ประมาณว่าห้าถึงแปดกิโลเห็นจะได้ แสดงว่าทางลาดเอียง นึกในใจว่าถ้ากลับทางเดิมคงอืดน่าดู ผมไม่ได้เดินทางตามแนวประวัติศาสตร์ที่มีคนแนะนำแต่เก็บเกี่ยวเอาสิ่งที่พบเห็นมากกว่า เมืองสิงห์เป็นเมืองเล็กๆแต่หมู่บ้านบริวารที่กระจายออกไปทุกทิศทาง
เราหาที่พักได้ที่ “ที่พักและห้องอาหารพูวิว 2” ค่าที่พักราคา “หกสิบพันกีบ”ประมาณ 240 บาท พักห้องติดกันกับสาวเกาหลีกับสาวญี่ปุ่น มากันสองคน เข้าพักพร้อมๆกับเรา
ตกเย็นขี่รถตระเวนไปตามถนนต่างๆ ไปตลาด ไปท่ารถ มีร้านจีนตั้งอยู่มากมายกำระบบเศรษฐกิจไว้ในมืออย่างมั่นคง ร้านคนท้องถิ่นมีไม่กี่ร้าน ไปดูวัดวาอารามแต่ก็ไม่แตกต่างกันกับวัดอื่นโดยทั่วไป
ออกมาเที่ยวในเมือง เจอสาวสวิสคนเดิมเช่ามอเตอร์ไซค์มากับเพื่อนใหม่ชาวเยอรมันคู่หนึ่ง วัยไล่เลี่ยกัน เอ่ยปากชวนเที่ยวเธอบอกเดี๋ยวจะเดินทางกลับแล้ว เอาไว้เจอกันที่เมืองไทยก็แล้วกัน ความสวยของเธอลดลงไปเยอะเพราะวันนี้ไม่รู้ว่าเอวเธอหายไปไหน ได้ยินเสียงเพลงออกดังเลยแวะเข้าไปดูก็พบว่ามีการตอกบั้งไฟยักษ์เป็นกลุ่มๆ จะแข่งขันบั้งไฟในวันที่แปดเดือนหน้า ไปทางทิศใต้พบวัดน้ำแก้วหลวง(ฟักทองใหญ่) มีการบวชพระเณรหลายรูป ได้เก็บภาพมาบางส่
เราได้แวะไปสอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่สำนักงานท่องเที่ยว จึงตัดสินใจที่ไม่เดินทางย้อนกลับเส้นทางเดิมคือกลับหลวงน้ำทาและเวียงภูคาเส้นทางที่เรามา เปลี่ยนเป็นเส้นทางใหม่ได้ 2 เส้นทางคือ
เส้นที่ 1 เมืองสิงห์-เมืองลอง - บ้านเชียงกก–เมืองเมิง-บ้านปงนานูน-ห้วยทราย ระยะทางประมาณ 240 กิโลเมตร
เส้นที่ 2 เมืองสิงห์-เมืองลอง-บ้านเชียงกก-บ้านเซียงดาว-บ้านปงจอมแสง-บ้านปงลื้อ-เมืองต้นผึ้ง-แขวงห้วยทราย ระยะทางประมาณ 300 กิโลเมตร
หมายเหตุ เส้นทางที่สองแยกขวาก่อนถึงเมืองเมิง เลาะเลียบไปตามฝั่งแม่น้ำโขงเป็นเส้นทางก่อสร้างใหม่ ได้รับการยืนยันจากทหารในพื้นที่ว่าทางง่ายกว่าไม่ค่อยขึ้นภูเขา แต่ช่วงสุดท้ายคือเมืองต้นผึ้งถึงแขวงห้วยทรายนั้นเป็นทางคอนกรีตและทางราดยางตลอดสาย ระยะทาง 52 กิโลเมตร

เราต้องออกเดินทางกันแต่เช้าประมาณ 5-6 โมง เพราะอากาศเย็นสบาย มีน้ำติดตัว 3 ขวด อาหารสำรอง อย่างน้อยข้าวเหนียวอาหารกระป๋องเพราะจะไม่มีที่ซื้อหาระหว่างทางและไม่ควรไว้ใจกับการบอกระยะทางของชาวบ้าน เช่นบอกว่า “ไม่ไกลหรอก “ “เดี๋ยวเดียวก็ถึงแล้ว”ฯลฯ แม้เจ้าหน้าที่เองก็ยังบอกผิดไปเกือบ 20 กิโลเมตร ออกเดินทางจากเมืองสิงห์มุ่งลงทางใต้มาได้ 5-6 กิโลเมตรเป็น “บ้านน้ำด้าย” เผ่าลื้อ พูดคุยกันปรากฏว่าเสือบุญน้อมรู้จักกับญาติของพวกเขาที่อยู่ทางเมืองไทยที่อพยพไปอยู่ที่บ้านเวียงหมอก ตำบลห้วยซ้อ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เสือบุญน้อมกินข้าวกับปลากระป๋องที่นั่น ส่วนผมไม่รู้จะกินอะไรที่สุดต้องขอซื้อข้าวเหนียวกับชาวบ้านและอะไรก็ได้ที่กินได้ แม้ว่าตนเองไม่ชอบก็ตามติดกระเป๋าไปด้วย ผมเองก็ได้รับความสงเคราะห์ช่วยไปตัดใบพลับพลึงมาให้ 2-3 ใบ สำหรับไว้ประคบกลางทาง ชาวบ้านเรียกพลับพลึงว่า”วีโล” ออกบ้าน “น้ำด้าย”มาอีกหมู่บ้านหนึ่งก็เข้าสู่ทางลูกรัง เต็มไปด้วยฝุ่น เพราะมีรถบรรทุกของจีนวิ่งขนส่งผลิตผลทางการเกษตรอยู่ทั้งวัน จีนได้ลงทุนพวกชาวบ้านลงแรงได้รับส่วนแบ่งกันไม่รู้กี่มากน้อย พืชส่วนใหญ่ที่มองเห็นได้แก่ฟักทอง แตงโม กล้วยหอม ปลูกกันเป็นทิวแถวท่ามกลางขุนเขา โดยเฉพาะกล้วยนั้นมีระบบท่อส่งน้ำด้วย ระยะทางเมืองสิงห์ถึงเมืองลองที่เจ้าหน้าที่บอก 40 กิโลเมตร เอาเข้าจริงๆเกือบ 50 กิโลเมตร เราแวะเข้าไปในตลาดสดเมืองลองเพื่อหาซื้อของกินอีกบ้าง เนื่องจากอากาศร้อนมากเลยแวะพักที่วัดท้ายเมืองประมาณครึ่งชั่วโมง เจอพระรูปหนึ่งอายุเพียง 15 ปี อยู่กับสามเณรอีกสองรูป
ออกเดินทางต่อไปยังบ้านเชียงกกอีก 21 กิโลเมตร ชาวบ้านเชียงกกเป็นเผ่าลื้อ ที่จริงการใช้ภาษาไทยก็น่าจะสื่อสารได้เพราะชาวบ้านมีจานดาวเทียมและดูทีวีไทยกันทั้งนั้น ช่องไหนละครเรื่องใดรู้หมด ไปอีกกิโลเมตรกว่าก็ถึงบ้านเชียงกกใหม่ติดแม่น้ำโขง ซึ่งตรงข้ามกับดินแดนพม่าจังหวัดท่าขี้เหล็ก
ในที่สุดเราก็ได้เข้าพักที่ “เซียงกกรีสอร์ท”หนึ่งในสองของเรือนพักที่นี่ "เชียงกกรีสอร์ท"เป็นของคนจีนมีอยู่ประมาณ 10 หลังเล็กๆ เตียงคู่กางมุ้ง มีพัดลมให้ตัวหนึ่ง มีห้องน้ำ น้ำไฟที่นี่ไม่ค่อยสะดวกนัก ไฟ 3 หลอด ดีหลอดเดียว จับไม้กวาดทำความสะอาดกันเอง ไม่มีระบบการเก็บขยะ ขว้างทิ้งกันเกลื่อนพื้นหญ้า ราคาที่พัก 5๐,๐๐๐ กีบ(ห้าสิบพัน)ประมาณ 2๐๐ บาท ที่นี่ไม่มีเรือโดยสารตามที่เจ้าหน้าที่เมืองสิงห์บอก มีแต่เรือสินค้าที่ต้องขอโดยสารไป ค่าโดยสารก็ไม่แน่นอนประมาณ 500 บาท หรือ 1,000 บาทค่่อคน (เจ้าหน้าที่ที่ชียงกกคนหนึ่งบอก) แต่ต้องล่องเรือไปประทับตราที่ด่านข้างหน้าอยู่ตลาดใกล้ “เมืองเมิง” ซึ่งถ้าเราเลือกเส้นทางที่สองคงจะพบด่านนั้นเพราะอยู่ติดแม่น้ำโขง
ที่นี่ไม่มีรายการบันเทิงเริงรมย์อะไรนอกไปจากเสียงของนกร้องตามธรรมชาติ รถสองคันถูกยกขึ้นไว้บนระเบียง ผมถึงกับรำพึงว่า “ที่รัก ไม่มีวันที่เราจะพรากจากกัน”
เราออกเดินทางกันแต่เช้า ตามเส้นทางจะลงคลองอยู่สองครั้ง แต่ก็ขี่ลุยข้ามได้ จากประสบการณ์ส่วนตัวต้องระวังอยู่สองอย่างไม่ให้เปียกน้ำนั่นคือเท้าและหว่างขา มันจะรำคาญทรมานมากและแห้งช้าอีกต่างหาก เส้นทางเลาะเลียบไปตามฝั่งแม่น้ำโขงเห็นเรือสินค้าวิ่งขึ้นและล่องอยู่เป็นระยะ เย็นสบายดีภูเขาไม่ค่อยสูงชัน ออกจากบ้านเชียงกก กม.ที่ 16 หยุดกินข้าวเช้าที่นี่เสือบุญน้อมเขามีข้าวเหนียวกับปลากระป๋อง ส่วนผมมีข้าวเหนียวกับอินทะผาลัมไม่กี่เม็ด ทหารทั้งชุดก็ทยอยมาคุยกับเรา มีประมาณสิบกว่าคน ดูพวกเขาออกจะตื่นเต้นเพราะไม่ค่อยมีใครผ่านมาทางนี้ เดินทางต่อถึงกิโลเมตรที่ 21 พบค่ายทหารอีกและขี่รถลุยน้ำข้ามไปได้ จอดคุยกันสองสามประโยคก็เดินทางต่อ กิโลเมตรที่ 31 เจอวัดเจอบ้าน “เชียงดาว”มีร้านขายของชำ
อากาศร้อนมากเลยแวะอาบน้ำผ่อนคลายกันที่แม่น้ำสายหนึ่ง แล้วเดินทางต่อ กม.ที่ 35 แยกขวาไปบ้านปงจอมแสง(เส้นทางที่สอง) แต่เราเลือกเส้นทางที่ 1 คือเข้าเมืองเมิง กิโลเมตรที่ 42 บ้านผางาม ผมตั้งชื่อให้ว่าบ้านเอื้อมเมฆ เพราะว่าสูงจริงๆคิดว่าจะลงก็ขึ้นอีก ขึ้นอีกเรื่อยๆ ทางก็เป็นหินลอยเป็นส่วนใหญ่ และมีอีกลูกที่ยิ่งกว่าเอื้อมเมฆไปอีกไม่รู้จะเรียกอะไรดี น้ำก็หมด เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า 29 กิโลเมตร นี่มันก็สี่สิบกว่าแล้ว จนถึง กม.ที่ 46 ก็เข้าสู่ตัว “เมืองเมิง” เสียที จุดแรกเป็นปั๊มน้ำมันและร้านค้าพอดี เราซื้อน้ำกินยังกับอูฐเลยทีเดียว เสือบุญน้อมบอก “พักก่อนเถอะพี่ ข้างหน้าที่เราจะไปจะหาที่กินที่นอนลำบาก เดินทางขนาดนี้น่าจะพอแล้ว” เอ้าพักก็พัก จากปั๊มน้ำมันถึงสี่แยกเลี้ยวซ้ายไปเพียงไม่กี่ร้อยเมตรก็เจอเฮือนพัก เป็นอาคารชั้นเดียวแบ่งเป็นห้องๆไม่ถึงสิบห้อง ตรงข้ามก็เป็นห้องครัวและโต๊ะกินข้าว ชื่อ “ร้านอาหาร-เรือนพักเพ็ดสงคาม”
ถึงบ่ายสองแก่ๆแล้ว หิวก็หิว ที่นี่ไม่มีอาหารขาย คงไม่ค่อยมีแขกพักนั่นเอง เจ้าของก็คะยั้นคะยอให้เราพักสองห้องแต่เราไม่ยอม(เทคนิคการขาย) เมื่อห้องมีเตียงคู่อยู่แล้วทำไมต้องจ่ายเพิ่ม “คนไทยมีเงินหลาย” โธ่สมพรปากเถอะครับเพ่ “ทำไมไม่เอารถจักรมา” ผมอธิบายว่าการนำรถจักรเข้ามานั้น ต้องไปทำพาสปอร์ตรถก่อน เมื่อข้ามฝั่งมาแล้วต้องทำประกันภัยลาวอีกมันยุ่งยาก อาบน้ำเสร็จก็ไปหาอะไรกินอยู่บนเส้นทางหลักที่เราจะเดินทางต่อไปนั่นแหละ เป็นตลาดเช้าด้วย จะไม่เช้ายังไงครับ เข้า ๕.๐๐น. เลิก ๕.๓๐ น.สินค้าก็มีอาหารป่า หน่อไม้ขม กล้วย และอื่นๆอีกสองสามอย่าง ผมตื่นเช้ามาไม่ถึง ๕.๓๐น.ด้วยซ้ำแม่ค้าหนีไปสี่ห้าคนแล้ว
บ่ายนี้จัดหนัก มื้อเดียวไปถึงเย็นเลย เป็นข้าวผัดใส่ไข่ตบตูดด้วยน้ำมะพร้าว เจ้าของร้านบอกโชคดีนะที่วันนี้หุงข้าว หลายวันแล้วไม่ได้หุง เขาขายเฝอ (ก๋วยเตี๋ยว) ร้านนี้ขายของชำเล็กน้อย ขายอาหารและทำเสริมสวยอีก มีแฟนเป็นข้าราชการ พ่อก็เป็นราชการฝ่ายปราบปรามยาเสพติด แฟนเพิ่งได้รับเงินเดือน ๓ เดือนรับทีคิดเป็นเงินไทย ๘,๐๐๐ บาท ไม่ได้ถามแต่เขาเล่าเอง แล้วที่ตั้งใจถามครูคนหนึ่งเขาบอกว่าได้เงินเดือนคิดเป็นเงินไทย ๑๐,๐๐๐ บาท ก็ไม่เชื่อหรอกแต่อย่าไปถามเขาเลย แค่เราบอกจักรยานเราราคาประมาณห้าล้านกีบ ความรู้สึกเขาก็แทบจะบีบคอเราตายแล้ว เธอมีลูกชายสองคน พูดดีนะแต่เค็มมาก กล้วยน้ำหว้าลูกเดียวก็คิด เงิน ข้าวผัดจานและน้ำมะพร้าวกระป๋อง ปาไปเจ็ดแปดสิบบาท (ฮ่วย) ทำไมรีบตักจริงแม่คุ้ณ
บอกข่าวดีให้เสือบุญน้อมรู้ เขารีบไปจัดหนักเหมือนกันด้วยมาม่า ๒ ห่อและอื่นๆอีกเล็กน้อย ค่ำนี้น้ำประปาไม่ค่อยไหลเขาบอกคนใช้เยอะ ดึกๆหน่อยจึงได้อาบน้ำอย่างสำราญใจ หลังอาหารแล้วก็ขี่รถเที่ยว ผังเมืองเขาจัดได้ดี เจอผู้คนที่ไหนก็ไม่ละเลยจะกล่าวคำว่า “สบายดี”
เช้าวันต่อมาล้อจักรยานออกตัวไม่ถึง ๐๕.๓๐ น.ด้วยซ้ำ เช้าเป็นพิเศษ มาม่าคนละสองถุงใส่ไข่สองฟอง กินยังไงก็ไม่หมด วันนี้เป็นวันโลกาวินาศจริงๆ หลังอาหารเช้ายางหลังเสือบุญน้อมรั่ว ไปจอดร้านซ่อมที่อยู่ติดกับตลาด ขอซ่อมเองปรากฏว่านอกจากจะรั่วแล้วยางนอกยังผุอีก หายางเปลี่ยนก็ไม่ได้ขนาดจึงรองด้วยยางในสองชั้น กว่าจะออกจากเมืองเมิงได้ก็เป็นเวลา ๐๗.๒๐ น, เดินทางได้สองชั่วโมงกว่าพบ”บ้านน้ำทา” เป็นหมู่บ้านมูเซอดำ มีร้านซ่อมของครูคนหนึ่งที่นี่สภาพยางรองทะลุไปหนึ่งชั้นแล้ว แกะยางออกมาสลับหน้าหลังรองไปสามชั้น คุยกันถูกคอเขาไม่คิดเงินค่าเติมลม ขอบใจหลายเด้อ.....
จากนั้นก็เดินทางต่อ นับจากเมืองเมิงกิโลที่ ๓๐ ยางหลังของผมรั่วเสียงดังอย่างแรง แกะเปลี่ยนยางขาดไปประมาณ ๑ เซนติเมตร พอดีมียางสำรองไปด้วย กิโลที่ ๓๘ มีแม่น้ำมีร้านค้า เราจึงแวะลงอาบน้ำกินข้าวใต้สะพานเหล็ก พวกเด็กๆชาวบ้านวิ่งกรูกันมาดูคนแปลกหน้า ชะเง้ แลดูเห็นว่าเราไม่สนใจก็เอาก้อนหินโยนลงมาบ้าง เอากิ่งไม้ทิ้งลงบ้าง พอเรากินอะไรจนเกลี้ยงด้วยความหิว พวกเด็กก็เลิกราไปเอง เข้าใจว่าเขาคงมาขออะไรเรากิน แต่ความเมตตาก็มีขีดจำกัดนะครับโดยเฉพาะในภาวะข้าวหายากหมากไม่มีอย่างนี้ หลังจากอาบน้ำก็เดินทางต่อไปอีก ๑๐ กิโลเมตรถึง กม.๔๘ ปากทางบ้านน้ำยู้ กำลังขึ้นเขาเสือบุญน้อมโซ่ขาด อุปกรณ์ต่อโซ่ก็ไมมี พอดีว่าใกล้บ้านชาวบ้าน ได้ตะปู ๓ นิ้วผอมมาตัวหนึ่ง ค้อนตอกตะปู พอต่อโซ่เสร็จเข้าตีนผีไม่ได้อีกประแจหกเหลี่ยมไม่มี จำต้องทำให้โซ่ขาดอีกทีแล้วสอดเข้าไปในตีนผีก่อนจึงต่อในภายหลัง สาเหตุเพราะว่าโซ่ไม่มีน้ำมันหล่อลื่น บังเอิญเปลี่ยนเกียร์ระหว่างขึ้นเขา จึงทำให้โซ่บิดตัวอย่างแรงจนขาด ลงจากเขาเจอร้านซ่อมเลยขอน้ำมันหยอดโซ่จนเปียกโชก ตะวันใกล้ลับขอบฟ้าเสือบุญน้อมขอจอดทำละหมาดข้างทาง หลังจากนั้นเดินทางต่อถึงกิโลเมตรที่ ๖๐ ตะวันตกดินแล้วแต่ยังไม่ค่ำถึงบ้าน “ภูสว่าง”แวะร้านค้าซื้อของกิน คุยไปคุยมาเป็นคนลาวโยน (โยนก) พูดภาษาเหนือเหมือนกัน ขอซื้อไข่คนละสองฟองแต่ขอให้ต้มให้ด้วย ข้าวไม่พอเขาก็แบ่งให้กิน ขอกางเต๊นท์เขาก็อนุญาต แต่เกรงว่าหมูที่เลี้ยงปล่อยจะไปรบกวนแน่ ให้ไปนอนหลังบ้านใหม่ซึ่งเป็นที่เก็บข้าวติดห้องน้ำห้องส้วม สะดวกดี ปัดกวาดขยะพอได้ที่ก็กางเต็นท์นอน ยังถูกรบกวนจนได้ไม่ใช่หนูแต่เป็นตุ๊กแก ยิ่งดึกยิ่งหนาวเหมือนคืนแรกในลาว นอนไม่ค่อยหลับเหมือนกัน(เฮ้อ) ตื่นมาแต่เช้าช่วยเสือบุญน้อมแกะยางออกมารองเป็นสามชั้น เติมพลังอีกนิดด้วยนมกล่องและขนม ขอบคุณ คุณปั๋น จำปาหลด เจ้าของบ้านสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง
เช้าสุดท้ายที่เมืองลาว อุณหภูมิกำลังดี ๑๙ องศาฯ ออกเดินทางเวลา ๐๖.๑๐ น. ออกจากหมู่บ้านก็ปีนขึ้นเขาทันที สองกิโลเมตรกว่าแทบสำรอก อีก ๒๓ กิโลเมตรก็ถึงเส้นทาง R 3 A ซึ่งเป็นเส้นทางหลักจากห้วยทรายไปยังหลวงน้ำทา รวมระยะทางจากเมืองเมิงถึงปากทาง ๘๓ กิโลเมตร เลี้ยวขวามุ่งตรงไปห้วยทรายอีก ๓๓ กิโลเมตร เสือบุญน้อมแวะซื้อข้าวเหนียวกินกับปลากระป๋องที่ปากทาง ส่วนผมยังหาอะไรไม่ได้ ที่สุดเราก็เดินทางถึงแขวงห้วยทราย มีบางช่วงที่ต้องขับขี่รถทางเดียว หลังจากผ่านกระบวนการผ่านแดนขาออกแล้ว ต้องจ่ายเพิ่มอีกคนละ ๔๐ บาทเป็นค่านอกเวลาเพราะวันนี้เป็นวัน l
หยุดทำการ เราลงเรือข้าฝั่งไทยอย่างไม่รอช้า....ลาก่อนประเทดลาว ๖วัน ๖ คืน กับระยะทาง ๔๗๐ กิโลเมตร (ขาดเหลือ ๑๐ กม.)หวังว่าคงจะได้กลับมาเยือนอีก เมื่อข้ามมาถึงเชียงของฝั่งไทยแล้ว เป้าหมายของเสือบุญน้อมคือร้านอาหารเจ ส่วนผมอะไรก็ได้ ปรากฏว่าร้านปิดจึงไปร้านไอศกรีมแทนส่วนผมก็จัดหนักเช่นเดียวกัน
ระยะทางเป็นเครื่องพิสูจน์กำลังของม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ความอดทนเป็นเครื่องพิสูจน์เสือภูเขา การเดินทางในครั้งนี้ได้ให้ประสบการณ์แก่เราหลายอย่าง เมื่อเราเจออุปสรรคปัญหาจึงได้รู้ว่าเราบกพร่องอะไร เราขาดการเตรียมพร้อมในเรื่องไหนเพื่อจะได้แก้ไขในโอกาสต่อไป หวังว่าข้อเขียนชิ้นนี้จะมีประโยชน์อยู่บ้างขอเป็นกำลังใจให้กับนักปั่นทุกท่านที่มีแนวคิดอยากจะค้นคว้าแสวงหาการเดินทางที่ไม่จบสิ้น............สวัสดีครับ (โฮก)
(อยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ทวีศักดิ์ฯ โทร ๐๘๑-๒๗๓๒๗๒๑ หรือ บุญน้อม โทร ๐๘๕-๗๒๐๙๕๕๐)
ไฟล์แนบ
จุดเริ่มต้นปั่นเมืองเวียงภูคา (เหมืองถ่านหินของบริษัทของคุณเจี๊ยบ)
จุดเริ่มต้นปั่นเมืองเวียงภูคา (เหมืองถ่านหินของบริษัทของคุณเจี๊ยบ)
รูปที่ 2 จุดเริ่มต้นจากเมืองเวียงภูคา.jpg (100.97 KiB) เข้าดูแล้ว 6971 ครั้ง
บนพระธาตุเมืองหลวงน้ำทา
บนพระธาตุเมืองหลวงน้ำทา
รูปที่ 3 บนพระธาตุใหม่ เมืองหลวงน้ำทา.jpg (109.82 KiB) เข้าดูแล้ว 6971 ครั้ง
แวะอาบน้ำคลายร้อน ระหว่างทางไปเมืองเมิง
แวะอาบน้ำคลายร้อน ระหว่างทางไปเมืองเมิง
รูปที่ 5 แวะอาบน้ำคลายร้อนก่อนถึงเมืองเมิง.jpg (55.58 KiB) เข้าดูแล้ว 6971 ครั้ง
Screenshot_20190517-075712_LINE.jpg
Screenshot_20190517-075712_LINE.jpg (121.33 KiB) เข้าดูแล้ว 4193 ครั้ง
Screenshot_20190517-075700_LINE.jpg
Screenshot_20190517-075700_LINE.jpg (137.2 KiB) เข้าดูแล้ว 4193 ครั้ง
Screenshot_20190517-075830_LINE.jpg
Screenshot_20190517-075830_LINE.jpg (172.15 KiB) เข้าดูแล้ว 4193 ครั้ง
Screenshot_20190517-075756_LINE.jpg
Screenshot_20190517-075756_LINE.jpg (174.96 KiB) เข้าดูแล้ว 4193 ครั้ง
Screenshot_20190517-075859_LINE.jpg
Screenshot_20190517-075859_LINE.jpg (137.06 KiB) เข้าดูแล้ว 4193 ครั้ง
Screenshot_20190517-075622_LINE.jpg
Screenshot_20190517-075622_LINE.jpg (165.91 KiB) เข้าดูแล้ว 4193 ครั้ง
Screenshot_20190517-075410_LINE.jpg
Screenshot_20190517-075410_LINE.jpg (113.48 KiB) เข้าดูแล้ว 4193 ครั้ง
แก้ไขล่าสุดโดย ทวีศักดิ์ ไชยเขียว เมื่อ 17 พ.ค. 2019, 10:38, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง
รูปประจำตัวสมาชิก
ทวีศักดิ์ ไชยเขียว
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 265
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ค. 2013, 19:49
Tel: -
team: นักปั่นลุ่มน้ำโขง
Bike: Modified
ตำแหน่ง: Chiangkhong/ Chiangrai

Re: เสือภูเขาพิชิตเส้นทางใหม่ในลาวเหนือ

โพสต์ โดย ทวีศักดิ์ ไชยเขียว »

เวอร์ชั่นนี้ดีกว่าครับ..พอมีภาพประกอบนิดหน่อย..วันเวลาผ่านไปสองสามปีไม่ทราบว่ามีใครติดตามไปเส้นทางนั้นบ้าง...อยากจะกลับไปทักทายผู้มีน้ำใจตามรายทางที่ผ่าน..อยู่เหมือนกัน...มิตรภาพระหว่างทาง...
รูปประจำตัวสมาชิก
ทวีศักดิ์ ไชยเขียว
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 265
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ค. 2013, 19:49
Tel: -
team: นักปั่นลุ่มน้ำโขง
Bike: Modified
ตำแหน่ง: Chiangkhong/ Chiangrai

Re: เสือภูเขาพิชิตเส้นทางใหม่ในลาวเหนือ

โพสต์ โดย ทวีศักดิ์ ไชยเขียว »

การที่ไม่มีภาพประกอบ จึงทำให้ไม่น่าติดตาม อย่างไรก็ตามผมคิดว้าเส้นทางนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย..ยิ่งช่วงทางจากเมืองสิงไปเมืองมอมและต่อจากเมืองมอมได้มีการสร้างสะพานข้ามน้ำโขงไปยังฝั่งพม่า...วกมายังท่าขี้เหล็กเข้าสู่เมืองไทยได้..ถ้าจะไปจริงขอให้หาข้อมูลให้แน่ใจก่อนนะครับ..เที่ยวทีเดียวได้สองประเทศเลย..
ch_doi
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 268
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ค. 2013, 23:17
team: ไร้สังกัด
Bike: เสือภูเขา LOUIS GARNEAU....Rit Touring
ติดต่อ:

Re: เสือภูเขาพิชิตเส้นทางใหม่ในลาวเหนือ

โพสต์ โดย ch_doi »

เพิ่งเห็นกระทู้นี้ครับ รายระเอียดการเดินทางดีมากครับ อยากทำได้แบบนี้เหมือนกัน
แต่ฝีมือยังอ่อนหัด ขายังอ่อน แรงไม่ดีเพราะปั่นยังไม่ครบปี มีโอกาสอยากขอตามรอยปั่นบ้างครับ :D
นายเชิงดอยครับ
ขายังอ่อน แรงไม่ดี มีแต่ใจ ไปช้าๆ ไม่ไหวก็กลับครับ...
รูปประจำตัวสมาชิก
ทวีศักดิ์ ไชยเขียว
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 265
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ค. 2013, 19:49
Tel: -
team: นักปั่นลุ่มน้ำโขง
Bike: Modified
ตำแหน่ง: Chiangkhong/ Chiangrai

Re: เสือภูเขาพิชิตเส้นทางใหม่ในลาวเหนือ

โพสต์ โดย ทวีศักดิ์ ไชยเขียว »

คุณเชิงดอยครับ....
ถ่อมตัวจริง ขาแข็งขาอ่อนไม่มีผลสักเท่าไร...อยู่ที่ใจสู้...กับเวลาว่าเราพอมีเวลาไหม...ปั่นแบบสบายๆเหนื่อยก็พัก..ถ่ายรูปไป..หิวก็หาอะไรกิน..ไปเถอะครับ...อย่าคิดมาก..คิดว่าเรายังเป็นวัยรุ่นเดินทางไปพักแรมอย่างลูกเสือก็แล้วกัน..มีปัญหาอะไรไปแก้เอาข้างหน้า..สนุกครับ
รูปประจำตัวสมาชิก
ทวีศักดิ์ ไชยเขียว
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 265
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ค. 2013, 19:49
Tel: -
team: นักปั่นลุ่มน้ำโขง
Bike: Modified
ตำแหน่ง: Chiangkhong/ Chiangrai

Re: เสือภูเขาพิชิตเส้นทางใหม่ในลาวเหนือ

โพสต์ โดย ทวีศักดิ์ ไชยเขียว »

แนะนำเส้นทางใหม่..เส้นนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย..ชมบรรยากาศริมแม่น่ำโขงยาวเลย..ทั้งฝั่งไทยลาวและพม่าลวคือเส้นทางแขวงบ่อแก้ว(เมืองห้วยซาย)-เลียบน้ำโขงไปทางตะวันตกไปเมืองห้วยผึ้ง-บ้านปงลื้อ-บ้านปงจอมแสง-บ้านเชียงดาว-บ้านเชียงกก-เมืองลอง-เมืองสิง(อาจไปเที่ยวด่านจีน)-แขวงหลวงน้ำทา-เมืองเวียงภูคา-แขวงบ่อแก้ว(ห้วยซาย)...ครบทริปวงกลมพอดีระยะทางประมาณ 520 กิโลเมตร..
รูปประจำตัวสมาชิก
ทวีศักดิ์ ไชยเขียว
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 265
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ค. 2013, 19:49
Tel: -
team: นักปั่นลุ่มน้ำโขง
Bike: Modified
ตำแหน่ง: Chiangkhong/ Chiangrai

Re: เสือภูเขาพิชิตเส้นทางใหม่ในลาวเหนือ

โพสต์ โดย ทวีศักดิ์ ไชยเขียว »

โค้ด: เลือกทั้งหมด

[size=200]อัพเดทข่าวสารครับ...เดี๋ยวที่อำเภอเชียงมีสะพานข้ามถึงประเทศลาวแล้วครับ..ถ้ามีพาสปอร์ตต้องไปที่ด่านข้ามสะพงานแห่งเดียวเท่านั้น..ซึ่งมีทางแยกขวามือก่อนถึงเชียงของประมาณ5กม.แต่ถ้าใช้ใบผ่านแดนชั่วคราวต้องข้ามที่ท่าเรือครับ[/size]
หากท่านเดินทางโดยรถทัวร์สู่เชียงของ.คงต้องขี่รถเล็กกลับมาที่สะพาน(กรณีที่มีพาสปอร์ต).....แต่ถ้ามีรถไปส่งก็ตรงไปที่สะพานก่อนเข้าตัวเมืองได้เลย....ใบผ่านแดนทำที่ว่าการอำเภอ..จากท่ารถไปก็ประมาณ500เมตรอยู่ซ้ายมือ...ไปท่าเรืออีกประมาณ2กม.เขาเรียกว่า "ท่าเรือบั๊ก"
เจ้าขรราชนคร
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 88
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ค. 2013, 16:09
Tel: 0899987934
team: นักปั่นอิสระแดนเหนือ
Bike: Trek 4700

Re: เสือภูเขาพิชิตเส้นทางใหม่ในลาวเหนือ

โพสต์ โดย เจ้าขรราชนคร »

กำลังจะเริ่มปั่นพรุ่งนี้ครับ 20-26 กันยายน 2557 เริ่มจากเชียงของ-ห้วยทราย-ต้นผึ้ง-เมืองมอม-เมืองเซียงกก-เมืองลอง-เมืองสิง-หลวงน้ำทา - วกกลับมาห้วยทรายและเชียงของ ครับ กลับมาแล้วจะรายงานให้สมาชิกทราบโดยทั่วกัน
ไฟล์แนบ
ภาพเก่าตอนปั่นจากด่านฝั่ง สปป.ลาว ไปเมืองปากทา-เมืองผาอุดม-เมืองปากแบง-อุดมชัย-หลวงพระบาง เดือน ธันวาคม 2556  คงจะได้เริ่มเห็นบรรยากาศเก่า ๆ อีกครั้งหนึ่ง
ภาพเก่าตอนปั่นจากด่านฝั่ง สปป.ลาว ไปเมืองปากทา-เมืองผาอุดม-เมืองปากแบง-อุดมชัย-หลวงพระบาง เดือน ธันวาคม 2556 คงจะได้เริ่มเห็นบรรยากาศเก่า ๆ อีกครั้งหนึ่ง
DSC08392 (Small).JPG (56.01 KiB) เข้าดูแล้ว 5720 ครั้ง
Ard
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 912
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.ย. 2012, 21:50
Tel: 090-0216034
team: เสือสุขภาพลุ่มน้ำคำ
Bike: specialized/KHS/Giant
ติดต่อ:

Re: เสือภูเขาพิชิตเส้นทางใหม่ในลาวเหนือ

โพสต์ โดย Ard »

สุดยอดมาครับ ผมกำลังจะตามรอยท่านไป พอถึงเชียงดาวคงจะเลือกเส้นทางที่ 2 เป็นข้อมูลที่เสาะหามานานหายากจริงๆ
ตำนานหนึ่งผ่านไป ตำนานใหม่ก็เริ่มเกิดขึ้น
รูปประจำตัวสมาชิก
ทวีศักดิ์ ไชยเขียว
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 265
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ค. 2013, 19:49
Tel: -
team: นักปั่นลุ่มน้ำโขง
Bike: Modified
ตำแหน่ง: Chiangkhong/ Chiangrai

Re: เสือภูเขาพิชิตเส้นทางใหม่ในลาวเหนือ

โพสต์ โดย ทวีศักดิ์ ไชยเขียว »

Ard เขียน:สุดยอดมาครับ ผมกำลังจะตามรอยท่านไป พอถึงเชียงดาวคงจะเลือกเส้นทางที่ 2 เป็นข้อมูลที่เสาะหามานานหายากจริงๆ
ยินดีครับ...ดีใจที่ข้อเขียนมีประโยชน์อยู่บ้าง...ปั่นให้สนุกนะครับ
Ard
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 912
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.ย. 2012, 21:50
Tel: 090-0216034
team: เสือสุขภาพลุ่มน้ำคำ
Bike: specialized/KHS/Giant
ติดต่อ:

Re: เสือภูเขาพิชิตเส้นทางใหม่ในลาวเหนือ

โพสต์ โดย Ard »

อยากทราบว่าออกจากต้นผึ้งประมาณ 9 โมงเช้า คืนแรกน่าจะไปนอนที่บ้านอะไร ระยะทางเท่าไร ไปทางเชียงกกนะครับ
ตำนานหนึ่งผ่านไป ตำนานใหม่ก็เริ่มเกิดขึ้น
Ard
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 912
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.ย. 2012, 21:50
Tel: 090-0216034
team: เสือสุขภาพลุ่มน้ำคำ
Bike: specialized/KHS/Giant
ติดต่อ:

Re: เสือภูเขาพิชิตเส้นทางใหม่ในลาวเหนือ

โพสต์ โดย Ard »

ไปมาแล้วครับ 4คืน5วัน จากต้นผึ้ง ปงจอมแสง เชียงดาว เชียงกก เมืองลอง เมืองสิง หลวงน้ำทา ดอนไซ พิมนสิน ด่านสากลเชียงของ จุดพักนอน ปงจอมแสง เมืองลอง หลวงน้ำทา พิมนสิน ช่วงบ้านมอมถึงเมืองสิงทางลูกรัง หินลอย ฝุ่น หลวงน้ำทาถึงพิมนสิน เขา ๆๆๆ ขอบคุณเจ้าของกระทู้ครับ
ตำนานหนึ่งผ่านไป ตำนานใหม่ก็เริ่มเกิดขึ้น
รูปประจำตัวสมาชิก
ทวีศักดิ์ ไชยเขียว
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 265
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ค. 2013, 19:49
Tel: -
team: นักปั่นลุ่มน้ำโขง
Bike: Modified
ตำแหน่ง: Chiangkhong/ Chiangrai

Re: เสือภูเขาพิชิตเส้นทางใหม่ในลาวเหนือ

โพสต์ โดย ทวีศักดิ์ ไชยเขียว »

ขอโทษครับพึ่งมาเปิดเจอ...เก่งจริงที่ไปลุยมาแล้ว ครั้งแรกก็ตื่นตาตื่นใจดีครับ...รางวัลก็ได้ตามรายทางนั่นแหละครับ
ไฟล์แนบ
ทริปนี้มันกว่าครับ..ปั่นหนีหิมะที่เต๋อชิง
ทริปนี้มันกว่าครับ..ปั่นหนีหิมะที่เต๋อชิง
IMG_20160410_150612.jpg (52.31 KiB) เข้าดูแล้ว 4883 ครั้ง
Ard
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 912
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.ย. 2012, 21:50
Tel: 090-0216034
team: เสือสุขภาพลุ่มน้ำคำ
Bike: specialized/KHS/Giant
ติดต่อ:

Re: เสือภูเขาพิชิตเส้นทางใหม่ในลาวเหนือ

โพสต์ โดย Ard »

555 เหนื่อยก็เหนื่อย หนาวก็หนาว
ตำนานหนึ่งผ่านไป ตำนานใหม่ก็เริ่มเกิดขึ้น
รูปประจำตัวสมาชิก
NO.7
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 123
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ค. 2015, 17:17
team: 500 million dolly
Bike: Masi, Merida, Bianchi, Luis Garneau, Giant, Trek, Infinite
ตำแหน่ง: Bangkok Thailand

Re: เสือภูเขาพิชิตเส้นทางใหม่ในลาวเหนือ

โพสต์ โดย NO.7 »

สุดยอดมากครับ
ตอบกลับ

กลับไปยัง “สรุปทริป / รายงานการปั่น”