- สรุปทริป.jpg (116.6 KiB) เข้าดูแล้ว 1171 ครั้ง
ทริปนี้ไปกันทั้งหมด 14 คน 1.ลุงประสิทธิ์ 2.ป้าลักขณ์ 3.คุณต่อ 4.คุณฝน 5.ลุงแบน 6.คุณสุเทพ 7.คุณป๊อด 8.คุณสภา 9.คุณเชาวลิต 10.ครูรังสิต 11.คุณเดีย 12.คุณหมู (ดีแทค) 13.คุณแดง (ดีแทค) 14.ส.กวง
วันอาทิตย์ที่ 21 ต.ค. ล้อหมุนจากหมู่บ้านชลลดา บางบัวทอง มีผู้มาส่งรวม 6 คน มีคุณป่อง พี่หมู เสธยูร ป๊อบ คุณฝนและเฮียพีระ และระหว่างทางยังมีเฮียคิมมาดักรอไปส่งถึงท่าฉลอม ระหว่างทางมีอุปสรรคต้องหยุดหลายครั้ง ทั้งยางรั่ว ล้อติด รถล้ม แต่ก็ไม่เป็นอะไรกันมาก และทันทีที่เรือข้ามฟากจากมหาชัยถึงท่าฉลอม ฝนก็เทลงมาอย่างหนักแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เปียกชุ่มไปตามๆกัน เหมือนดั่งปาฏิหารย์เจ้าแม่กวนอิมพรมน้ำมนต์ต้อนรับ เราแวะทานอาหารเจที่โรงเจอุทยานพระโพธิสัตว์กวนอิมที่ท่าฉลอม อาหารอร่อยจนพุงกาง อิ่มท้องอิ่มบุญกันถ้วนหน้า จากนั้นก็ปั่นออกไปทางถนนพระราม 2 จนถึงงวัดเกตุม ยกข้ามสะพานลอยไปอีกฝั่งเพื่อใช้ถนนสายในไปทางโรงเข้ - บางปืน จนถึงท่าคา พักโฮมสเตย์ของชุมชนท่าคาที่ได้จองไว้ เป็นบ้านหลังใหญ่ริมคลองท่าคา มีอาหารให้ 2 มื้อ พร้อมกับอาหารใส่บาตรพระตอนเช้า คิดคนละ 400 บาท หลังจากทานข้าวกับน้ำพริกปลาทูและกับข้าวอื่นๆจนอิ่มแล้ว ก็เช่าเรือพายไปดูหิ่งห้อยกัน 5 คน ได้สัมผัสบรรยากาศในคลองอันเงียบสงัด รับอรรถรสชมหิ่งห้อยที่แตกต่างจากลงเรือหางยาวที่มีเสียงเครื่องยนต์พลุกพล่าน แต่ก็เสียดายนิดๆที่เป็นเดือนหงาย เห็นหิ่งห้อยได้ไม่เต็มที่นัก แต่ก็คุ้มกับค่าเรือพายเพียง 200 บาทต่อเที่ยว (เฉลี่ยจ่ายคนละ 40 บาท)
วันจันทร์ที่ 22 ต.ค. มีพระหลวงตารูปหนึ่งพายเรือผ่านมาให้เรานิมนต์ใส่บาตรกันที่ท่าน้ำหน้าโฮมสเตย์แต่เช้า หลังจากได้ข้าวต้มกระดูกหมูลงท้องแล้ว เราก็แพ็คกระเป๋าอำลาเจ้าของบ้าน แล้วปั่นไปเที่ยวตลาดน้ำท่าคาซึ่งวันนี้ตรงกับวันขึ้น 7 ค่ำ เป็นวันที่ีตลาดเปิด แม่ค้าพายเรือมาขายของกันแต่เช้า ขณะนั้นก็บังเอิญเจอกองถ่ายกำลังถ่ายทำพระบิณฑบาตรทางเรืออยู่พอดี เราเดินชมบรรยากาศและถ่ายรูปที่ตลาดน้ำกันอยู่พักใหญ่ แล้วก็ถามหาชาวบ้านให้ช่วยพาไปดูการเคี่ยวน้ำตาล เป็นโอกาสดีที่ได้เห็นกรรมวิธีการเคี่ยวน้ำตาลปี๊บอย่างใกล้ชิด จากนั้นเราได้เจาะลึกเข้าไปชมศาลเจ้าเก่าแก่แห่งหนึ่งในท่าคา ตั้งอยู่ในสวนลึก เป็นเรือนไม้ ที่นี่มีทรงเจ้า ชาวสวนมักจะมาถามหาฤกษ์เพาะปลูกจากเจ้า โปรแกรมวันนี้เราตั้งใจปั่นตระเวณเที่ยวไปให้ทั่วอัมพวา แวะเที่ยวอุทยาน ร.๒ คนที่ไม่เคยเข้าก็ยอมเสียค่าผ่านประตูเข้าไปดูด้วยความอยากรู้ คนที่เคยเข้าแล้วก็ยอมรออยู่ข้างนอก สรุปได้ว่าเข้าไปครั้งเดียวก็พอแล้ว ก่อนจะไปที่อื่นต่อ แม้ยังไม่เที่ยงแต่ ท้องก็เริ่มร้องกันอึกทึกเนื่องจากข้าวต้มตอนเช้าเอาไม่อยู่ ป้าผู้ช่ำชองก็สอบถามคนจนรู้ว่าไม่ไกลจากที่นี่มีโรงเจอยู่ใกล้ๆวัดอัมพวัน เมื่อไปถึงก็ไม่ผิดหวัง โรงเจใหญ่โต มีองค์แกะสลักไม้เจ้าแม่กวนอิมพันมือสูงใหญ่ประดิษฐานอยู่ด้านหลัง ทานเจกันจนอิ่ม หนังท้องตึงก็ต้องหาที่หย่อนหนังตา จึงพากันไปหาที่พักผ่อนในวัดจุฬามณีที่อยู่ไม่ไกลกัน (ระหว่างทางได้แวะดูโครงการชูชัยบุรีที่ตกเป็นข่าวชาวอัมพวาคัดค้านการสร้างตึกโรงแรมบดบังทัศนียภาพ) จากวัดจุฬามณี เราปั่นข้ามสะพานไปทางหลังวัดลัดออกถนนใหญ่ไปยังตัวเมืองแม่กลอง ไหว้หลวงพ่อบ้านแหลมที่วัดเพชรสมุทร แล้วข้ามเรือจากวัดไปฝั่งตรงข้าม ผ่านบ้านแมวไทยก่อนจึงแวะเข้าชมตามเสียงเรียกร้องของคนรักแมวหลายคน ดูน่ารักทั้งแมวทั้งคน ถัดจากบ้านแมวไม่ไกลกันนักก็เป็นวัดบางแคน้อย ชมโบสถ์ไม้สักและพระพุทธรูปไม้แกะสลักสวยงามมาก ปิดท้ายรายการวันนี้ที่ค่ายบางกุ้ง ชมโบสถ์ในต้นโพธิ์ ไหว้หลวงพ่อนิลมณี ก่อนที่จะปั่นยาวไปถึงบางนกแขวกเพื่อเข้าที่พักโฮมสเตย์บ้านสวนของคุณนก ได้บ้านหลังใหญ่ มีห้องน้ำห้องท่าสะดวกกว่าที่แรก ไม่มีอาหารให้ คิดคนละ 100 บาทเท่านั้น เราหาซื้ออาหารจากตลาดนัดตรงสี่แยกบางนกแขวกติดมือเข้าไปทานเป็นมื้อเย็น
วันอังคารที่ 23 ต.ค. เช้าแวะเยี่ยมลุงเจ้าของบ้านโฮมสเตย์ แกเคยเป็นเพื่อนพระเอกสมบัติ เมทะนี ออกจากโฮมสเตย์ก็ออกหากินแต่เช้า อยากกินก๋วยเตี๋ยวปูบางนกแขวกที่ขึ้นชื่อ แต่ร้านยังไม่เปิด จึงเลยไปเที่ยวตลาดน้ำบางน้อยที่อยู่ห่างออกไป 4.5 กม. แต่พอไปถึงก็ยังเช้าอยู่ ตลาดยังไม่เปิดเช่นกัน จึงวกกลับมาที่บางนกแขวกซึ่งได้เวลาพอดีกับร้านก๋วยเตี๋ยวปูเปิด ได้ชิมสมใจ ระหว่างอยู่ที่ร้านเจอเสือท้องถิ่นท่านหนึ่งชื่อคุณสมบัติ ทักทายกันจนเขารู้ว่าเราจะไปตลาดน้ำเหล่าตั๊กลักที่ดำเนินสะดวก คุณสมบัติผู้นี้จึงอาสาพาไปส่งถึงที่ เราได้สัมผัสตลาดนี้เป็นครั้งแรก วันนี้ตลาดยังไม่เปิด มีเปิดแต่ร้านกาแฟตรงเรือนไม้หัวมุมคลอง จึงพากันเข้าไปนั่งดื่มกาแฟ บรรยากาศดีมาก แถมยังมีคาราโอเกะให้ด้วย เราเสพกาแฟแลเสียงเพลงจนใกล้เที่ยงจึงออกเดินทางต่อ รวดเดียวถึงบ้านแพ้วตอนเที่ยงครึ่ง รับประทานอาหารเลิศรสที่ร้านศรีสุวรรณ เจ้าตำรับอาหารแห่งบ้านแพ้ว หมดกันคนละ 215 บาท จากบ้านแพ้วเข้ากระทุ่มแบน แล่นไปทางสาย 4 เลี้ยวเข้าถนนอักษะหรือถนนอุทยาน ไปสาย 3 ข้ามทางรถไฟไปวัดใหม่ผดุงเขต ริมคลองมหาสวัสดิ์ แยกย้ายบ๊ายบายกันที่ถนนกาญจนาภิเษก ถึงบ้าน 6 โมงเย็นโดยสวัสดิภาพทั่วหน้า
รวมระยะทาง 3 วัน 271 กม.
เชิญชมภาพจากทุกกล้องได้เลยครับ
