อาการที่แสดงว่าเรา โอเวอร์เทรนนิ่ง มีอะไรบ้างครับ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 585
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ม.ค. 2012, 15:05
- Bike: Giant LA แม่บ้าน Miyata Flamingoโบร๊าญ โบราญ
- ตำแหน่ง: อ.เมือง จ.101
Re: อาการที่แสดงว่าเรา โอเวอร์เทรนนิ่ง มีอะไรบ้างครับ
แวะเข้ามาดู เผื่อเป็น แต่นอนไม่ค่อยหลับ เริ่มเข้าข่ายละ
ปั่นไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก หนักก็ยก
- Ton TWS
- ขาประจำ
- โพสต์: 5307
- ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ส.ค. 2010, 13:38
- team: TWS/Korat Bike
- Bike: TREK
- ตำแหน่ง: NAKHONRATCHASIMA
Re: อาการที่แสดงว่าเรา โอเวอร์เทรนนิ่ง มีอะไรบ้างครับ
Thipakorn เขียน:Common Warning Signs and Symptoms of Overtraining Syndrome
Washed-out feeling, tired, drained, lack of energy
Mild leg soreness, general aches and pains
Pain in muscles and joints
Sudden drop in performance
Insomnia
Headaches
Decreased immunity (increased number of colds, and sore throats)
Decrease in training capacity / intensity
Moodiness and irritability
Depression
Loss of enthusiasm for the sport
Decreased appetite
Increased incidence of injuries.
A compulsive need to exercise
- สแน็ค
- สมาชิก
- โพสต์: 14
- ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ค. 2012, 19:53
- Tel: 0892624463
- team: soitan hansaa infinity scc
- Bike: infinity prem
- ตำแหน่ง: 125มะขามหลวง สันป่าตอง เชียงใหม่
Re: อาการที่แสดงว่าเรา โอเวอร์เทรนนิ่ง มีอะไรบ้างครับ
1.อารมณ์ของคุณจะแปรปรวนได้ง่ายโดยไร้สาเหตุ หรือมีอาการหงุดหงิดได้ง่าย รู้สึกหดหู่และเบื่อการฝึกซ้อมจักรยาน ข้อนี้หลายๆท่านคงเคยเป็นนะครับ อยู่ดีๆ ก็เบื่อการขี่จักรยานขึ้นมาเฉยๆ โดยไม่รู้สาเหตุ
2.อัตราการเต้นของชีพจร เพิ่มขึ้นขณะท่านตื่นนอนใหม่ๆ ผมแนะนำให้ทุกท่านจับการเต้นของชีพจรตัวเองตอนตื่นใหม่ๆ วีธีคือ พอเราตื่นปุบยังไม่ต้องลุกจากเตียงครับ ทำการจับชีพจรของท่านก่อนเลยว่าเต้นกี่ครั้งต่อนาทีถ้าหากวัดแล้วอัตราการ เต้นของชีพจรของท่านเพิ่มขึ้นเกิน 10 เปอร์เซ็นต์ ของอัตราการเต้นปรกติในแต่ละวันแล้วละก็แสดงว่าท่านเริ่มมีความเสี่ยงต่อการ ฝึกซ้อมหนักเกินไป หรือ "Overtraining"แล้วละครับ
3.เกิดอาการผิดปรกติทางด้านร่างกายของท่าน เช่นมีอาการท้องเสีย, ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อย่างต่อเนื่องพักแล้วก็ยังไม่หายปวดเมื่อย อาการพวกนี้ก็เป็นส่วนที่จะบอกได้ว่าท่านเริ่มฝึกซ้อมหนักเกินไป
สรุปแล้วการฝึกซ้อมจักรยานหนักเกินไปหรือที่เรียกว่า "Overtraining" หมายถึงความเหนื่อยล้าเป็นเวลานานและซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพและความแข็ง แกร่งของร่างกายลดลงแม้จะมีการฝึกซ้อมจักรยานเพิ่ม ขึ้น ผลของมันจะรวมถึงความเสียหายของกล้ามเนื้อการกระทำไซโตไคน์, การตอบสนองระยะเฉียบพลัน, โภชนาการที่ไม่เหมาะสมรบกวนอารมณ์ และผลการตอบสนองความหลากหลายของฮอร์โมนความเครียด และถ้าหากท่านตกอยู่ในอาการของการฝึกซ้อมหนักเกินไปแล้วละก็ท่านต้องใช้เวลา ในการรักษาอาการนี้เป็นเวลานานเลยครับ โดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาประมาน 1-2 เดือนเลยละครับโดยในระหว่างการพักให้ร่างกายฟื้นกลับมาเหมือนเดิมนั้นท่านจะ ไม่สามารถออกไปขี่จักรยานซ้อม ได้เลยครับ จะเห็นได้ว่าผลของมันนั้นร้ายแรงกว่าที่เราคิดไว้เยอะครับ ดังนั้นการรักษาที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้เกิดการฝึกซ้อมหนักเกินไป หรือ"Overtraining"นั่นเองครับ
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... &start=555
2.อัตราการเต้นของชีพจร เพิ่มขึ้นขณะท่านตื่นนอนใหม่ๆ ผมแนะนำให้ทุกท่านจับการเต้นของชีพจรตัวเองตอนตื่นใหม่ๆ วีธีคือ พอเราตื่นปุบยังไม่ต้องลุกจากเตียงครับ ทำการจับชีพจรของท่านก่อนเลยว่าเต้นกี่ครั้งต่อนาทีถ้าหากวัดแล้วอัตราการ เต้นของชีพจรของท่านเพิ่มขึ้นเกิน 10 เปอร์เซ็นต์ ของอัตราการเต้นปรกติในแต่ละวันแล้วละก็แสดงว่าท่านเริ่มมีความเสี่ยงต่อการ ฝึกซ้อมหนักเกินไป หรือ "Overtraining"แล้วละครับ
3.เกิดอาการผิดปรกติทางด้านร่างกายของท่าน เช่นมีอาการท้องเสีย, ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อย่างต่อเนื่องพักแล้วก็ยังไม่หายปวดเมื่อย อาการพวกนี้ก็เป็นส่วนที่จะบอกได้ว่าท่านเริ่มฝึกซ้อมหนักเกินไป
สรุปแล้วการฝึกซ้อมจักรยานหนักเกินไปหรือที่เรียกว่า "Overtraining" หมายถึงความเหนื่อยล้าเป็นเวลานานและซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพและความแข็ง แกร่งของร่างกายลดลงแม้จะมีการฝึกซ้อมจักรยานเพิ่ม ขึ้น ผลของมันจะรวมถึงความเสียหายของกล้ามเนื้อการกระทำไซโตไคน์, การตอบสนองระยะเฉียบพลัน, โภชนาการที่ไม่เหมาะสมรบกวนอารมณ์ และผลการตอบสนองความหลากหลายของฮอร์โมนความเครียด และถ้าหากท่านตกอยู่ในอาการของการฝึกซ้อมหนักเกินไปแล้วละก็ท่านต้องใช้เวลา ในการรักษาอาการนี้เป็นเวลานานเลยครับ โดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาประมาน 1-2 เดือนเลยละครับโดยในระหว่างการพักให้ร่างกายฟื้นกลับมาเหมือนเดิมนั้นท่านจะ ไม่สามารถออกไปขี่จักรยานซ้อม ได้เลยครับ จะเห็นได้ว่าผลของมันนั้นร้ายแรงกว่าที่เราคิดไว้เยอะครับ ดังนั้นการรักษาที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้เกิดการฝึกซ้อมหนักเกินไป หรือ"Overtraining"นั่นเองครับ
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... &start=555
นตท.
- ฤชา ขวัญตา
- ขาประจำ
- โพสต์: 1373
- ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มี.ค. 2010, 22:58
- Tel: 0816399334
- team: เสือ..กลิ้ง โตโยต้าสุวินทวงศ์
- Bike: PRINCIPIA Msle Pro ,BIANCHI nirone หางคาร์บอน แล้วมาเป็น SEMPRE
Re: อาการที่แสดงว่าเรา โอเวอร์เทรนนิ่ง มีอะไรบ้างครับ
เหนื่อยมากๆ แต่..นอนไม่หลับ
_________________
_________________
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 388
- ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 20:24
- team: Intania Team
- Bike: Merida Matts 40D, Bianchi Impulso Celeste
- ตำแหน่ง: ปูนซีเมนต์นครหลวง
Re: อาการที่แสดงว่าเรา โอเวอร์เทรนนิ่ง มีอะไรบ้างครับ
ผมหลับเป็นตายตลอดเลยครับ
Sent from my GT-I9000 using Tapatalk 2
Sent from my GT-I9000 using Tapatalk 2
- NOKNICE
- ขาประจำ
- โพสต์: 10311
- ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2012, 11:33
- team: ไร้สังกัด,ปั่นตามใจตรู
- Bike: MERIDA MATT 40D(ของแฟน),Trek8500 , Storck G2
Re: อาการที่แสดงว่าเรา โอเวอร์เทรนนิ่ง มีอะไรบ้างครับ
แล้วมีวิธีการแก้ไขหรือทำให้การฟื้นตัวของร่างกายกลับมาเป็นปกติบ้างไหมครับ รวมทั้งโภชนาการด้วย
-
- สมาชิก
- โพสต์: 45
- ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ส.ค. 2012, 09:56
- ตำแหน่ง: หนองจอก,กรุงเทพฯ
- ติดต่อ:
Re: อาการที่แสดงว่าเรา โอเวอร์เทรนนิ่ง มีอะไรบ้างครับ
ของผมจะปวดตัว นอนไม่สบาย นอนไม่ค่อยหลับสนิท
-
- สมาชิก
- โพสต์: 79
- ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2010, 15:24
- Tel: 00-00000-00
- team: บางมด
- Bike: Merida580, C2, Jamis Dragon 2011, Rit
- ติดต่อ:
Re: อาการที่แสดงว่าเรา โอเวอร์เทรนนิ่ง มีอะไรบ้างครับ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับสแน็ค เขียน:1.อารมณ์ของคุณจะแปรปรวนได้ง่ายโดยไร้สาเหตุ หรือมีอาการหงุดหงิดได้ง่าย รู้สึกหดหู่และเบื่อการฝึกซ้อมจักรยาน ข้อนี้หลายๆท่านคงเคยเป็นนะครับ อยู่ดีๆ ก็เบื่อการขี่จักรยานขึ้นมาเฉยๆ โดยไม่รู้สาเหตุ
2.อัตราการเต้นของชีพจร เพิ่มขึ้นขณะท่านตื่นนอนใหม่ๆ ผมแนะนำให้ทุกท่านจับการเต้นของชีพจรตัวเองตอนตื่นใหม่ๆ วีธีคือ พอเราตื่นปุบยังไม่ต้องลุกจากเตียงครับ ทำการจับชีพจรของท่านก่อนเลยว่าเต้นกี่ครั้งต่อนาทีถ้าหากวัดแล้วอัตราการ เต้นของชีพจรของท่านเพิ่มขึ้นเกิน 10 เปอร์เซ็นต์ ของอัตราการเต้นปรกติในแต่ละวันแล้วละก็แสดงว่าท่านเริ่มมีความเสี่ยงต่อการ ฝึกซ้อมหนักเกินไป หรือ "Overtraining"แล้วละครับ
3.เกิดอาการผิดปรกติทางด้านร่างกายของท่าน เช่นมีอาการท้องเสีย, ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อย่างต่อเนื่องพักแล้วก็ยังไม่หายปวดเมื่อย อาการพวกนี้ก็เป็นส่วนที่จะบอกได้ว่าท่านเริ่มฝึกซ้อมหนักเกินไป
สรุปแล้วการฝึกซ้อมจักรยานหนักเกินไปหรือที่เรียกว่า "Overtraining" หมายถึงความเหนื่อยล้าเป็นเวลานานและซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพและความแข็ง แกร่งของร่างกายลดลงแม้จะมีการฝึกซ้อมจักรยานเพิ่ม ขึ้น ผลของมันจะรวมถึงความเสียหายของกล้ามเนื้อการกระทำไซโตไคน์, การตอบสนองระยะเฉียบพลัน, โภชนาการที่ไม่เหมาะสมรบกวนอารมณ์ และผลการตอบสนองความหลากหลายของฮอร์โมนความเครียด และถ้าหากท่านตกอยู่ในอาการของการฝึกซ้อมหนักเกินไปแล้วละก็ท่านต้องใช้เวลา ในการรักษาอาการนี้เป็นเวลานานเลยครับ โดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาประมาน 1-2 เดือนเลยละครับโดยในระหว่างการพักให้ร่างกายฟื้นกลับมาเหมือนเดิมนั้นท่านจะ ไม่สามารถออกไปขี่จักรยานซ้อม ได้เลยครับ จะเห็นได้ว่าผลของมันนั้นร้ายแรงกว่าที่เราคิดไว้เยอะครับ ดังนั้นการรักษาที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้เกิดการฝึกซ้อมหนักเกินไป หรือ"Overtraining"นั่นเองครับ
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... &start=555
ไว้จะไปลองสังเกตดู เริ่มปั่นเข้ากลุ่มเดือนกว่าๆ แต่ละคืนนอนไม่ค่อยหลับเลย นอนทีก็ตีสามตีสี่ ตื่นทีเที่ยงๆ บ่ายๆ ไม่รู้เพราะตื่นสายรึเปล่าทำำให้นอนไม่หลับ
จะช้าจะเร็ว...ปลายทางก็ที่เดียวกัน...เนอะ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 909
- ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 11:29
- Tel: -
- team: KMITL
- Bike: Fisher, M1, Giant 760, Neo-Cot, Ground Control, GT, Pana Grand canyon, SoloistUltra,Miyata
- ติดต่อ:
Re: อาการที่แสดงว่าเรา โอเวอร์เทรนนิ่ง มีอะไรบ้างครับ
จากประสบการ์ณ OVT ของผม(คนเราแต่ละบุคคลจะต่างกันทั้งกายภาพและสมรรถนะของกล้ามเนื้อ ดังนั้นอาจจะไม่เหมือนกันทั้งหมดนะครับ)
1. หลังปั่นเสร็จ แน่นอนเพลียมาก ไม่มีแรง ล้าขามาก ระบมไปทั้งตัว
2. การเดินขึ้นลงบันไดบ้านจะทำได้ยากกว่าเดิม รู้สึกติดขัด ร่วมกับเจ็บและปวดภายในกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะมัดที่ใช้งานเยอะ
3. วันรุ่งขึ้นหรือคืนนั้น นอกจากนอนไม่หลับแล้ว อาจจะเจ็บที่กล้ามเนื้อที่ขามัดต่างๆเพิ่มขึ้น(มาเป็นชุด) เดินก้าวยาวไม่ได้ อาการนี้ต้องพัก 2 วันขึ้นไป แต่ต้องนวดให้กล้ามเนื้อคลายตัวด้วย
- การที่เราออกกำลังกาย แล้วนอนไม่หลับ อาจจะไม่ใช่ OVT แต่เกิดจากเราออกกำลังกายหนักและนานในช่วงตอนเย็น หัวค่ำ สมัยก่อนผมเป็นบ่อย บางคืนไม่หลับถึงเช้าก็มีครับ
- บางครั้งอาจมีน้ำมูกใสหรือมีอาการเหมือนเป็นหวัด และอาจติดหวัดได้ง่ายถ้าอยู่ในที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวกและมีคนเป็นหวัดเยอะ เช่น ออฟฟิสที่ติดแอร์ เพราะใช้สภาพ OVT ร่างกายจะอ่อนแอมาก ต้องการการพักผ่อน
1. หลังปั่นเสร็จ แน่นอนเพลียมาก ไม่มีแรง ล้าขามาก ระบมไปทั้งตัว
2. การเดินขึ้นลงบันไดบ้านจะทำได้ยากกว่าเดิม รู้สึกติดขัด ร่วมกับเจ็บและปวดภายในกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะมัดที่ใช้งานเยอะ
3. วันรุ่งขึ้นหรือคืนนั้น นอกจากนอนไม่หลับแล้ว อาจจะเจ็บที่กล้ามเนื้อที่ขามัดต่างๆเพิ่มขึ้น(มาเป็นชุด) เดินก้าวยาวไม่ได้ อาการนี้ต้องพัก 2 วันขึ้นไป แต่ต้องนวดให้กล้ามเนื้อคลายตัวด้วย
- การที่เราออกกำลังกาย แล้วนอนไม่หลับ อาจจะไม่ใช่ OVT แต่เกิดจากเราออกกำลังกายหนักและนานในช่วงตอนเย็น หัวค่ำ สมัยก่อนผมเป็นบ่อย บางคืนไม่หลับถึงเช้าก็มีครับ
- บางครั้งอาจมีน้ำมูกใสหรือมีอาการเหมือนเป็นหวัด และอาจติดหวัดได้ง่ายถ้าอยู่ในที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวกและมีคนเป็นหวัดเยอะ เช่น ออฟฟิสที่ติดแอร์ เพราะใช้สภาพ OVT ร่างกายจะอ่อนแอมาก ต้องการการพักผ่อน
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 2688
- ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2008, 00:49
- Tel: 0896402264
- team: -
- Bike: Bridgestone, Panasonic,Chalenger,Malin
Re: อาการที่แสดงว่าเรา โอเวอร์เทรนนิ่ง มีอะไรบ้างครับ
มีอาการดังต่อไปนี้ แต่ไม่ทุกคน
บางคนเป็นบางประการ
หลายคนเป็นหลายข้อ บางคนเป็นทุกข้อเลย
1) หงุดหงิดง่าย
2) หลับยาก
3) เบื่ออาหาร
4) Performance ตก
5) Sex ลด
บางคนเป็นบางประการ
หลายคนเป็นหลายข้อ บางคนเป็นทุกข้อเลย
1) หงุดหงิดง่าย
2) หลับยาก
3) เบื่ออาหาร
4) Performance ตก
5) Sex ลด
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 7&t=347851 การขี่ปั่นท่องไป
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 3&t=437764 บทปรารภจักรยาน Brompton
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 3&t=437764 บทปรารภจักรยาน Brompton
- NOKNICE
- ขาประจำ
- โพสต์: 10311
- ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2012, 11:33
- team: ไร้สังกัด,ปั่นตามใจตรู
- Bike: MERIDA MATT 40D(ของแฟน),Trek8500 , Storck G2
Re: อาการที่แสดงว่าเรา โอเวอร์เทรนนิ่ง มีอะไรบ้างครับ
rainbow เขียน:มีอาการดังต่อไปนี้ แต่ไม่ทุกคน
บางคนเป็นบางประการ
หลายคนเป็นหลายข้อ บางคนเป็นทุกข้อเลย
1) หงุดหงิดง่าย
2) หลับยาก
3) เบื่ออาหาร
4) Performance ตก
5) Sex ลด
ข้ออื่นพอทนได้ ยกเว้นขอ 5 เพราะงั้นต้องไม่ให้โอเวอร์ฯเด็ดขาด
- วันชัย คำแพง
- ขาประจำ
- โพสต์: 1666
- ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ส.ค. 2008, 07:13
- Tel: 0626825062
- team: ชมรมวิ่ง พิทักษืหัวหิน
- Bike: เหล็กตราหมากลุ๊ก หนักโคตรแต่ทน
Re: อาการที่แสดงว่าเรา โอเวอร์เทรนนิ่ง มีอะไรบ้างครับ
เพิ่งจะเริ่มฟื้นตัวอาการครบตามที่ทุกท่านกล่าวมาเลย ทรมานมากๆ แต่อยากถามเพิ่ม ว่าระยะของการ OVT นั้น
เอามาตรฐานเดิมที่เราเคยฝึกมาวัดไม่ได้ใช่ไหมครับ เมื่ออายุเพิมขึ้น
เอามาตรฐานเดิมที่เราเคยฝึกมาวัดไม่ได้ใช่ไหมครับ เมื่ออายุเพิมขึ้น
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1320
- ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2010, 21:55
- Tel: 0993826888
- team: เสือเพชรบูรณ์,PCS.Cannondale Cycling team
- Bike: LA Blue Line , Cannondale F3 lefty osho Caad12, LAPIERRE,specialized epic
- ตำแหน่ง: เพชรบูรณ์
- ติดต่อ:
Re: อาการที่แสดงว่าเรา โอเวอร์เทรนนิ่ง มีอะไรบ้างครับ
ผมเป็น OVT แบบไม่รู้ตัว กว่าจะหาย 2 ปีครับ
ส่วนตัวนะครับเกิดจากการซ้อมหนักติดต่อกันไม่มีวันหยุดหัวใจเกิน 90% (อยากจะได้ที่ 1 ทุกสนามอิอิ)
1.อาการอย่างแรกที่เป็น หนังตากระตุก ตามด้วยกรดไหลย้อน นอนไม่หลับ หัวใจเต้นแรงและเร็ว (ยังไม่รู้ตัวปั่นได้อยู่)
2.จากที่เคยปันวันละ 50 กม.ทางครอส วันที่เป็นปั่นได้แค่ 10 กม.แรงหมดปั่นกลับบ้านไม่ได้ โทรให้เมียมารับกลับ 555 (งงกลับตัวเองเป็นอะไรหว่า)
3.วันรุ่งขึ้น ปวดหัว เป็นไข้ เจ็บคอ อารมณ์หงุดหงิด
4.เขาบอกว่าแบบนี้คืออาการOVT ก็หยุดพัก 1 อาทิตย์ไม่ปั่นเลย
5.กลับมาปั่นใหม่หลังจากหยุด 1 อาทิตย์ วันรุ่งขึ้นเป็นไข้ เจ็บคอ (ไม่หาย)
6.หยุดเลย 1 เดือน กลับมาปั่นใหม่ 2 วัน เป็นไข้ เจ็บคออีกแล้ว(ไม่หายปั่นเกิน 70 % ป็นไข้เจ็บคvตลอด)
7.เป็นอย่างนี้ 2 ปีครับผมถึงซ้อมหนักได้
ส่วนตัวนะครับเกิดจากการซ้อมหนักติดต่อกันไม่มีวันหยุดหัวใจเกิน 90% (อยากจะได้ที่ 1 ทุกสนามอิอิ)
1.อาการอย่างแรกที่เป็น หนังตากระตุก ตามด้วยกรดไหลย้อน นอนไม่หลับ หัวใจเต้นแรงและเร็ว (ยังไม่รู้ตัวปั่นได้อยู่)
2.จากที่เคยปันวันละ 50 กม.ทางครอส วันที่เป็นปั่นได้แค่ 10 กม.แรงหมดปั่นกลับบ้านไม่ได้ โทรให้เมียมารับกลับ 555 (งงกลับตัวเองเป็นอะไรหว่า)
3.วันรุ่งขึ้น ปวดหัว เป็นไข้ เจ็บคอ อารมณ์หงุดหงิด
4.เขาบอกว่าแบบนี้คืออาการOVT ก็หยุดพัก 1 อาทิตย์ไม่ปั่นเลย
5.กลับมาปั่นใหม่หลังจากหยุด 1 อาทิตย์ วันรุ่งขึ้นเป็นไข้ เจ็บคอ (ไม่หาย)
6.หยุดเลย 1 เดือน กลับมาปั่นใหม่ 2 วัน เป็นไข้ เจ็บคออีกแล้ว(ไม่หายปั่นเกิน 70 % ป็นไข้เจ็บคvตลอด)
7.เป็นอย่างนี้ 2 ปีครับผมถึงซ้อมหนักได้
- kkk95
- ขาประจำ
- โพสต์: 176
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ค. 2013, 20:03
- Tel: 0891699646
- team: -
- Bike: trek 3.1 / bianchi jab 27.5
Re: อาการที่แสดงว่าเรา โอเวอร์เทรนนิ่ง มีอะไรบ้างครับ
น่ากลัวเหมือนกัน
- ballbeing
- ขาประจำ
- โพสต์: 629
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.พ. 2013, 23:29
- Bike: จักรยานตีนถีบ มือจับ สับเกียร์ หนีเมียปั่น
Re: อาการที่แสดงว่าเรา โอเวอร์เทรนนิ่ง มีอะไรบ้างครับ
over training คือการฝึกหนักเกินไปโดยร่างกายล้าสะสม ขาดความสมดุลในเรื่องการฝึกและการพักผ่อน
ปัจจัยหลักๆ สองอย่างที่ต้องคำนึงคือ เราปั่น hr ในโซนที่สูงเกินไป สะสมเป็นเวลานาน และปั่นโดยใช้เกียร์หนักเกินไปจนกล้ามเนื้อล้าสะสม และฟื้นตัวไม่ทัน
สิ่งที่นักปั่นไม่ค่อยรู้คือ การปั่นหนักๆ ให้ hr ไปอยู่ในโซน 5 จะต้องปั่นแบบ interval คือปั่นเป็น set และสัปดาห์หนึ่งซ้อมโซนนี้เพียงครั้งเดียวก็พอ
แม้แต่การปั่นโซน 4 หรือ LT สัปดาห์หนึ่งก็ปั่นเพียงครั้งเดียว และก็ทำเป็น set เช่นเดียวกัน set หนึ่งก็ไม่ควรเกินชั่วโมง
แต่หลายคนชอบขี่อัด ขี่ดูดกลุ่มขาแรง หรือขี่เอามันใส่หมด hr จะไปแช่อยู่ในโซน 4-5 อยู่เป็นชั่วโมงๆ รุ่งขึ้นก็เอาอีก ร่างกายก็ไม่ไหวครับ
วันปกติขี่คนเดียวคุมอยู่ โซน 2-3 พอครับ จะได้ไม่เสี่ยงกับ OT และจะพัฒนาได้เร็ว ที่สำคัญการขี่ในโซนสูงนานๆ ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงอย่างไม่น่าเชื่อ
ถึงได้ติดหวัดง่าย ไอออดๆแอดๆ ซึ่งผมลองมาแล้ว เป็นจริงดังว่า อาการมันมีหลายอาการครับ
กินไม่ได้ นอนไม่หลับ กรดไหลย้อน หมดแรง วันๆ ไม่อยากทำอะไร นอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ วิธีแก้ คือหยุดปั่น อัดวิตามีนซี น้ำมันปลา กินเมลาโทนินเพื่อช่วยให้หลับ วิตามินบีรวม
ช่วยให้สมองผ่อนคลาย และรู้จักปั่น recovery คือปั่นโซน 1 เบาๆ 1 ชั่วโมง ในวันรุ่นขึ้น หลังจากที่ปั่นหนักมา
การซ้อมจักรยาน เป็นเรื่องต้องศึกษา และเดินทางสายกลางครับ หนักไปก็ป่วย หย่อนไปก็ตามเขาไม่ทัน หาความพอดีของตัวเราให้เจอครับ
ปัจจัยหลักๆ สองอย่างที่ต้องคำนึงคือ เราปั่น hr ในโซนที่สูงเกินไป สะสมเป็นเวลานาน และปั่นโดยใช้เกียร์หนักเกินไปจนกล้ามเนื้อล้าสะสม และฟื้นตัวไม่ทัน
สิ่งที่นักปั่นไม่ค่อยรู้คือ การปั่นหนักๆ ให้ hr ไปอยู่ในโซน 5 จะต้องปั่นแบบ interval คือปั่นเป็น set และสัปดาห์หนึ่งซ้อมโซนนี้เพียงครั้งเดียวก็พอ
แม้แต่การปั่นโซน 4 หรือ LT สัปดาห์หนึ่งก็ปั่นเพียงครั้งเดียว และก็ทำเป็น set เช่นเดียวกัน set หนึ่งก็ไม่ควรเกินชั่วโมง
แต่หลายคนชอบขี่อัด ขี่ดูดกลุ่มขาแรง หรือขี่เอามันใส่หมด hr จะไปแช่อยู่ในโซน 4-5 อยู่เป็นชั่วโมงๆ รุ่งขึ้นก็เอาอีก ร่างกายก็ไม่ไหวครับ
วันปกติขี่คนเดียวคุมอยู่ โซน 2-3 พอครับ จะได้ไม่เสี่ยงกับ OT และจะพัฒนาได้เร็ว ที่สำคัญการขี่ในโซนสูงนานๆ ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงอย่างไม่น่าเชื่อ
ถึงได้ติดหวัดง่าย ไอออดๆแอดๆ ซึ่งผมลองมาแล้ว เป็นจริงดังว่า อาการมันมีหลายอาการครับ
กินไม่ได้ นอนไม่หลับ กรดไหลย้อน หมดแรง วันๆ ไม่อยากทำอะไร นอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ วิธีแก้ คือหยุดปั่น อัดวิตามีนซี น้ำมันปลา กินเมลาโทนินเพื่อช่วยให้หลับ วิตามินบีรวม
ช่วยให้สมองผ่อนคลาย และรู้จักปั่น recovery คือปั่นโซน 1 เบาๆ 1 ชั่วโมง ในวันรุ่นขึ้น หลังจากที่ปั่นหนักมา
การซ้อมจักรยาน เป็นเรื่องต้องศึกษา และเดินทางสายกลางครับ หนักไปก็ป่วย หย่อนไปก็ตามเขาไม่ทัน หาความพอดีของตัวเราให้เจอครับ