......................'' ปฏิวัติตนเองสู่วิถีปี 52 ......''

ผู้ดูแล: มิตร

กฏการใช้บอร์ด
กลุ่ม AIRPORT GROUP PHITSANULOK
ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก 65000
ผู้ดูแล MIT โทร 08-1534-4540
รูปประจำตัวสมาชิก
เนิ่ม ชมภูศรี
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6448
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 21:02
Tel: 081 7533298
team: ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK
Bike: connago....KAZA...GIANT...GT....

......................'' ปฏิวัติตนเองสู่วิถีปี 52 ......''

โพสต์ โดย เนิ่ม ชมภูศรี »

คงจะเป็นวาระแรกในการพบปะพูดคุยกันในเวปบอร์ดแห่งนี้ครับ...ขอสวัสดีท่านผู้มีเกียรติทุกท่านครับ หัวข้อที่ได้ตั้งกระทู้คือเรื่องการปฎวัติตนเองสู่วิถีปี 52 นั้น เป็นหัวข้อการนั่งพูดคุยกันกับเด็กจักรยาน หลังจากจบภารกิจที่เป็นธรรมเนียมปฎิบัติอันสืบเนื่องมาทุกปี คือเรื่องการหยุดพักผ่อนในการฉลองวันดีวันขึ้นปีใหม่ ....
เมื่อเด็กกลับเข้ามารวมตัวกันใหม่ จึงได้จัดเสวนาเรื่องการปฎิวัติตัวเอง โดยข้าพเจ้ามานั่งพูดคุยกันร่วมกับเด็ก ๆ ที่บ้านศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 โดยเนื้อหานั้นตั้งประเด็นไว้ 4 รายการด้วยกัน ประการแรก เป็นการพูดคุยเสวนาเรื่องทั่วไป โดยใจความหลัก ๆ ก็คงเป็นเรื่องการอยู่ร่วมกัน การประพฤติปฎิบัติตน การเสาะหาสืบค้นเรื่องภายในดวงจิต ตลอดจนแนวทางที่เน้นย้ำคือเรื่องการเรียนรู้ตนเอง รู้จักตัวเองจากภายใน ซึ่งเป็นเรื่องที่ได้ถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นแรกในการเสวนาในย่ำค่ำยามราตรีของคืนวันจันทร์ที่ 5 มกราคม 2552
ประการที่ 2 คือเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับการเรียนรู้การใช้ชีวิตของตนเองที่ผ่านมา โดยหยิบยกเรื่องการไร้ระเบียบวินัยอย่างแท้จริงของเด็กแต่ละคนมาพิจารณา ชี้ให้เห็นข้อบกพรองที่สมควรได้รับการแก้ไข ปรับปรุง โดยการกระทำต่าง ๆ ของเด็กจักรยาน ได้ถูกเฝ้ามองด้วยการพิจารณาถึงเหตุแห่งที่มาที่ไปตลอด จนบางครั้งตัวข้าพเจ้าเองนั้น ต้องยึดหลักแห่งการเป็นพ่อกับลูกอย่างต่อเนื่อง เหนียวแน่น ด้วยการอยู่ร่วมกันกับเด็ก ๆ นั้น คงไม่มีใคนสมบูรณ์พร้อมไปเสียทุกเรื่อง และที่สำคัญ เด็กแต่ละคนที่มากินนอนอยู่ร่วมกันนั้น คงมิใช่เป็นเด็กที่คงแก่เรียน แน่นอนว่า เขาไม่ใช่เด็กที่เป็นแบบอย่างของทางด้านความดีงาม ทุกคนล้วนเดินทางเข้าสู่ปัญหาที่ถูกกระบวนการในเรื่องของการติดในสิ่งไม่รู้ ติดเกมม์ ติดความฟุ้งเฟ้อ ติดเพื่อน แต่ยังไม่ถึงกับแย่เลยเสียทีเดียว .....
ประการที่สองที่ได้หยิบยกมาพูดคุยกันนั้น จึงเป็นประเด็นหลักของหัวข้อการเสวนาร่วมกันในวันนั้น โดยคำว่า '' ปฏิวัติ '' ที่ได้ตั้งเป็นหัวข้อเรื่อง จึงเป็นคำที่สื่อความหมายในเรื่องของการเปลี่ยนตัวเองอย่างสิ้นเชิง เป็นการเล่าเรื่องสืบค้นถึงการปฎิบัติตนในวาระก่อนสิ้นปีเก่า สืบเนื่องมาจนถึงการเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งปีใหม่ หากข้าพเจ้าปล่อยผ่านเลยไป การเฉลิมฉลองของเด็กคงไม่รู้นัยยะสำคัญของการเริ่มต้นวาระดิถีวันดีวันขึ้นปีใหม่ซึ่งเป็นกุศโลบายของพ่อเฒ่าแม่แก่ที่ได้สอนสั่งลูกหลานให้ทำการละทิ้งเรื่องแห่งการไร้ระเบียบวินัย ไร้รัก ไร้จิตสำนึก ไร้คุณธรรม กองไว้กับปีเก่า วาระดิถีวันดีวันขึ้นปีใหม่ จึงถือได้ว่าเป็นวันที่เราทุกท่านถือกำเนิดและดำรงชีวิตใหม่ ด้วยเรื่องแห่งการปฎิวัติปฎิบัติตนเองใหม่อย่างสิ้นเชิง....และการเกิดใหม่นี้....ได้ถูกหยิบยกมาพิจารณากันในย่ำค่ำราตรีนั้น ภายใต้โรงเรียนแห่งความรัก '' โรงเรียนใต้แสงดาว.....''
รูปประจำตัวสมาชิก
เนิ่ม ชมภูศรี
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6448
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 21:02
Tel: 081 7533298
team: ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK
Bike: connago....KAZA...GIANT...GT....

Re: ......................'' ปฏิวัติตนเองสู่วิถีปี 52 ......''

โพสต์ โดย เนิ่ม ชมภูศรี »

ประการที่สามนั้น ....คือหัวข้อในเรื่องของการวางแผนการฝึกซ้อมตลอดปีของเด็กจักรยาน โดยข้าพเจ้ามีคำถามไปยังเด็กแบบเรียบง่ายที่สุดว่า ทำไมเราถึงได้มากินนอนเก็บตัวฝึกซ้อมร่วมกัน ซึ่งกว่าจะได้รับคำตอบจากเด็ก ต้องทำการสืบค้นลงไปอีกว่า เพราะเหตุอันใดถึงไม่มีใครกล้าตอบคำถาม เพราะเหตุอะไรถึงไม่มีใครแสดงความคิดเห็น เมื่อทำการเจาะลึกลงไปถึงก้นบึ้งทางจิตใจ จึงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงตนเองใหม่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการพูดคุยกันขณะนั้น ข้าพเจ้าได้ทำการเปิดสภาวะที่ถูกซ่อนเงียบ กบดาน หลบหลีก ไม่กล้าเผชิญกับความจริง และเมื่อทำการสืบค้นแล้ว การคลี่คลายคำถามจึงพร่างพรูออกจากจิตของเด็ก ทำให้เราเห็นแง่มุมที่ตนเองไม่เคยคาดคิดว่าจะเป็นคำตอบของเด็กที่ได้ถูกสถาปนาว่าไม่คงแก่เรียนได้ และคำตอบที่ทำให้ข้าพเจ้าเกิดพลังในการประสานงานในหน้าที่ของความเป็นมนุษย์และบุคคลผู้รักในกีฬาจักรยาน จะกระทำการต่อไปได้ คือเรื่องที่ได้รับคำตอบจากเด็กว่า ทำให้ตัวเขาเองนั้น สามารถเรียนรู้เรื่องการช่วยเหลือกันได้ จากการอยู่ที่นี่ (การอยู่ร่วมกัน) ซึ่งเป็นคำตอบที่เรียบง่าย แต่ยิ่งใหญ่ในความหมาย.....ครับ...เป็นคำตอบที่ตนเองไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า เด็กจะเกิดการซึมซับเรื่องการเกื้อกูลกันได้ และคำตอบนั้น ถือได้ว่า การก่อรูปที่ได้ประสานงานทางด้านนามธรรม เกิดการเปลี่ยนแปลงตนเองได้อย่างแท้จริง ถึงแม้ว่า กลุ่มของเด็กที่อาศัยอยู่ร่วมกันนี้ จะถูกวิพากษ์หรือถูกดูแคลนว่าไม่มีวันเก่ง หรือไม่มีทางที่จะนำพาไปสู่ความเจริญแห่งตนได้ แต่ใครจะรู้ใจของเขาได้เท่ากับตัวเขาเอง ตัวเขาเองเท่านั้น ที่จะทำการปฎิวัติตนเองได้ และวันนี้ ข้าพเจ้าก็เกิดความเชื่อมั่นว่า หนทางสู่วิถีปี 52 นั้น คงเป็นวาระดิถีที่สวยงามได้ ด้วยใจของเขาที่อยู่ก้นบึ้ง ที่แฝงเร้น ซ่อนลึก จากการดึงจิตขึ้นสู่วิถีแห่งความกล้า ขึ้นสู่รากแห่งสภาวะของผู้เจริญ นั่นคือรากแก้วแขนงหนึ่ง ที่จะเจริญงอกงามในกาลปัจจุบัน....
รูปประจำตัวสมาชิก
เนิ่ม ชมภูศรี
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6448
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 21:02
Tel: 081 7533298
team: ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK
Bike: connago....KAZA...GIANT...GT....

Re: ......................'' ปฏิวัติตนเองสู่วิถีปี 52 ......''

โพสต์ โดย เนิ่ม ชมภูศรี »

ประการที่สี่นั้น ...คือเรื่องทีสรุปถึงผลการกระทำ และเรื่องที่ชัดเจนที่สุดเห็นจะไม่พ้นเรื่องที่เด็กนักจักรยานขี่มอเตอร์ไซค์ไปชนรถยนต์จนขาหัก ทำให้ทุกคนเกิดความหดหู่ทางด้านจิตใจก่อนวันขึ้นปีใหม่เป็นอย่างมาก สำหรับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้นจะไม่ขอเล่ารายละเอียดมากนัก คงจะนำเสนอว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับเด็ก ๆ จักรยาน และถือว่า เป็นแบบอย่างในรูปแบบใหม่ ที่ใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน กับการละเลย ประมาท เลินเล่อ คึกคะนอง ทั้งหมดประจวบเหมาะที่วัยกำดัดของเขา จะด้วยเหตุอันใดก็แล้วแต่ เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง ที่เด็กคนหนึ่ง กับอนาคตทางการกีฬา จะต้องมาจบลงด้วยเรื่องแห่งความเลินเล่อของตน ในวันสองวันนี้ จะให้เขากลับมานอนพักสภาพร่างกายที่บ้าน ดูแลกันต่อไป จนกว่าจะหาย และฟื้นสภาพกับการขี่จักรยานใหม่ ทราบจากคุณหมอบอกว่า ไม่นานกระดูกก็ติด ยิ่งเป็นเด็ก ๆ แล้ว จะหายไว เพียงแต่ภาวนา ขอให้เป็นเช่นนั้นจีริง ๆ เถิดครับ .....

และบทเรียนจากความคึกคะนองเช่นนี้ ได้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจิตใจของเด็กได้เช่นกัน ดั่งคำโบราณกล่าว ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ไม่เกิดกับตนเองย่อมไม่รู้ ....
.....................ชั่วพริบตาเดียว คือเสี้ยวแห่งการเปลี่ยนชีวิตอย่างแท้จริง.............
รูปประจำตัวสมาชิก
เนิ่ม ชมภูศรี
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6448
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 21:02
Tel: 081 7533298
team: ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK
Bike: connago....KAZA...GIANT...GT....

Re: ......................'' ปฏิวัติตนเองสู่วิถีปี 52 ......''

โพสต์ โดย เนิ่ม ชมภูศรี »

เมื่อ เราเริ่มต้นด้วยการหันกลับมาทบทวนเรื่องที่ผ่านมาและผ่านไป การเริ่มต้นที่เป็นดั่งสัญญาณเตือนตนย่อมเกิดขึ้น การปฎิวัติตนเองทางด้านความคิดจึงได้ถูกก่อรูปจากภายในมาโดยตลอด
ในวาระดิถีวันดีวันขึ้นปีใหม่นี้ จึงเป็นการก้าวย่างปีแห่งการเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างสิ้นเชิง

โดยขอเริ่มต้นตรงที่ตนเอง จุดแรกเลยที่เป็นปฐมบทในการดำรงชีวิต
นั่นคือเรื่องการหวลกลับมาดูแลใส่ใจต่อสุขภาพของตนเอง ในที่นี้คงเป็นเรื่องที่จะต้องใส่ใจอย่างแท้จริง
คือเรื่องที่เป็นความสัมพันธ์ทางด้านร่างกาย ทางด้านกายภาพ หากว่าร่างกายของเราไม่มีความสมบูรณ์พร้อม ร่างกายของเราเป็นที่สะสมในเรื่องของการเพาะเชื้อเพื่อรอให้โรคเจริญเติบโต เมื่อถึงเวลานั้น เราคงไม่สามารถมีจิตใจที่ผ่องใสสมบูรณ์ได้ ข้าพเจ้าจะเสียใจเป็นอย่างยิ่ง หากเมื่อเรามีโอกาสที่จะดูแลรักษาสุขภาพของเราได้ด้วยตนเอง แล้วกลับไม่ทำ กลับปล่อยปะละเลย ทำร้ายร่างกายให้ทื่อทึบ ทานมาก นอนมาก ติดสบายอยู่ตลอด อาหารของคาวหวาน เครื่องดื่ม น้ำอัดลม เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องดั่งระเบิดที่รอการปะทุ เมื่อการบ่มเพาะได้ที่พร้อมเจริญเติบโต นั่นหมายความว่า เราได้ทำร้ายร่างกายของเราเกินกว่าจะเยียวยาป้องกันได้ ทางเลือกหรือทางออกของเราคือเรื่องการให้ยาและรับคำปรึกษาจากแพทย์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่เป็นทางออกที่ดีที่สุด

ความเสียใจของตนเองนั้น คงเป็นเรื่องที่ว่า ในขณะที่เรามีโอกาสอันดีแล้ว กลับไม่ระวังและดูแล ''เขา'' ปล่อยให้ ''เขา'' ต้องรับภาระที่ไม่ได้ก่อ ปล่อยให้เป็นที่รองรับสิ่งเหลือหรือเกินความพอดี หรือปล่อยให้เขาเผชิญอยู่กับเศษซากของอาหารขยะ และเมื่อ ''เขา'' รองรับไม่ไหวแล้ว การละสังขารจากจิตอันไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักเต็ม ไม่รู้จักพอจึงเกิดขึ้น แน่นอนว่า การละสังขารที่เราเรียกชื่อว่าการจบสิ้นชีวิต ย่อมจบสิ้นไปพร้อมกับจิตที่ละโมบด้วยเช่นกัน

นั้น คือจิตของข้าพเจ้าที่ผ่านมาในปีเก่า ที่ปล่อยให้ตนเองมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย มีชีวิตอยู่ที่ผลัดวันประกันพรุ่ง จวนตัวที่จะเดินทางไปสู่โรคาภัยเริ่มเรียกหา โรคความดัน โรคเบาหว่าน โรคหัวใจ โรคเก้าท์ เกือบไปแล้วที่สารพัดโรคเหล่านั้นจะมาย่างกาย

ข้าพเจ้าจึงขอปฏิวัติตนเองใหม่อย่างสิ้นเชิง ด้วยการดูแลรักษาสุขภาพตนเองให้สมบูรณ์พร้อมก่อนเป็นอันดับแรก ด้วยการเริ่มต้นการฝึกซ้อมจักรยาน ซึ่งเป้าหมายในครั้งนี้ มีความแตกต่างจากเมื่อในวัยคึกคะนอง หากแต่เป็นการเริ่มต้นที่จะรักษาชีวิต รักษาร่างกาย ที่จิตได้หยิบยืมมาใช้ ให้มีความสามารถว่องไว ให้มีพลังใจ ให้มีกำลังพอที่จะประกอบกิจอันเป็นประโยชน์ ให้เป็นที่พึ่งพิงอาศัยของลูกน้อย ได้มีพ่อคอยเป็นพลังและกำลังใจได้นานกว่าเดิม

ความเชื่อมั่นว่า การขี่จักรยานจะรักษาดูแลเรื่องสุขภาวะทั้งทางภายนอกภายในจึงถูกเลือกมาเป็นกิจอันสำคัญเป็นประการแรก

ขอเชิญพี่น้องทุกท่าน มาร่วมกันกับข้าพเจ้า ด้วยการปฏิวัติตนเองใหม่ ให้มีชีวิตที่ยืนยาว แข็งแรง สมบูรณ์พร้อม ด้วยสุขภาวะที่เต็มเปลี่ยม นั้นหมายถึง การเปลี่ยนตนเองสู่วิถีปีใหม่

และนับจากนี้ต่อไป ข้าพเจ้าจะเล่าเรื่องภายในในขณะที่ตนเองขี่จักรยานให้ท่านฟัง

ขอบพระคุณครับ
รูปประจำตัวสมาชิก
เนิ่ม ชมภูศรี
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6448
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 21:02
Tel: 081 7533298
team: ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK
Bike: connago....KAZA...GIANT...GT....

Re: ......................'' ปฏิวัติตนเองสู่วิถีปี 52 ......''

โพสต์ โดย เนิ่ม ชมภูศรี »

:D :) ;) :( :o :shock: :? 8-) :lol: :x :P
ไฟล์แนบ
DSC06583.jpg
DSC06583.jpg (62.04 KiB) เข้าดูแล้ว 641 ครั้ง
รูปประจำตัวสมาชิก
เนิ่ม ชมภูศรี
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6448
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 21:02
Tel: 081 7533298
team: ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK
Bike: connago....KAZA...GIANT...GT....

Re: ......................'' ปฏิวัติตนเองสู่วิถีปี 52 ......''

โพสต์ โดย เนิ่ม ชมภูศรี »

ครับ..เมื่อตนเองรู้ตัวถึงสภาพทางด้านร่างกายของตนแล้ว การนำจักรยานมาเริ่มเคาะสนิมจึงเกิดขึ้น จักรยานที่เป็นญาณพาหนะอันนำพาเราเดินทางไปทุกที่แห่งหนคันนี้นั้น เป็นรถโครโมรี่ ยี่ห้อ khs ซื้อต่อจากรุ่นน้องในเมืองพิษณุโลก โดยกำหนดเดิมนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะให้เด็ก ๆ ได้ใช้ฝึกซ้อมกัน แต่เมื่อเวลาเดินทางผ่านมาเนิ่นนานมากขึ้น การจัดสรรค์แสวงหารถจักรยานอันเหมาะสมกับเด็กแต่ละคนจึงมีความสมบูรณ์ เด็ก ๆ สามารถมีรถจักรยานเป็นของตนเอง ด้วยการซื้อหามาแบบผ่อนส่งชำระเป็นงวด ๆ หาเงินออกให้ก่อนบ้าง จนเดี๋ยวนี้เด็กมีจักรยานกันครบคน ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นจักรยานเสือหมอบเสียมากกว่า จักรยานเสือภูเขาคันนี้เลยว่าง ข้าพเจ้าจึงนำมาเป็นเครื่องมือในการออกกำลังกายให้กับตนเอง....

เป้าหมายในการขี่จักรยานครั้งนี้ คือเรื่องแห่งสุขภาพของตน และรวมถึงเรื่องแห่งสัมพันธภาพที่เกิดขึ้นกับจักรยาน วันนี้จึงเป็นการเริ่มต้นที่เป็นการผสมผสานร่วมกันกับเด็ก ๆ จักรยานที่กินนอนอยู่ฝึกซ้อมในบ้านศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK และสิ่งหนึ่งที่ได้มาอย่างไม่รู้ตัวคือเรื่องแห่งการเรียนรู้สิ่งใหม่ เรียนรู้ตำราการขี่จักรยานที่เป็นหน้าปัจจุบัน เรื่องการวางแผนการฝึกซ้อม เรื่องการออกกำลังกายให้เกิดความสมบูรณ์ได้อย่างไร เรื่องตำราวิชาการเหล่านี้ ล้วนเป็นเรื่องใหม่ทั้งสิ้น ถ้าหากจะเปรียบเทียบกับตำราที่ตนเองเคยพบเห็นมาเมื่อสมัยยี่สิบกว่าปีที่แล้ว....

หากแต่ว่ามีตำราเล่มเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คือเรื่องของจิตใจครับ.....
รูปประจำตัวสมาชิก
เนิ่ม ชมภูศรี
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6448
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 21:02
Tel: 081 7533298
team: ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK
Bike: connago....KAZA...GIANT...GT....

Re: ......................'' ปฏิวัติตนเองสู่วิถีปี 52 ......''

โพสต์ โดย เนิ่ม ชมภูศรี »

วันแรกของการขี่จักรยาน เต็มไปด้วยความยากลำบาก เหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก สภาวะอันเกิดขึ้นกับตนทางกายภาพนั้นสวนทางกับทางด้านจิตใจความนึกคิคตลอด โดยเกิดสภาวะที่เรียกว่า ใจนะไหวแต่กายย่ำแย่...กว่าจะก้าวผ่านห้วงเวลาหนึ่งชั่วโมงแรกของการหวลกลับไปได้ ความคิดได้บอกกับตัวเองตลอดเวลา โอย...ทำไมร่างกายเราแย่ขนาดนี้ แค่ความเร็วที่แลเห็นจากมารตวัดความเร็ว เห็นตัวเลขความเร็วแล้ว ขาแทบหยุดปั่น ...

การคิดเกิดขึ้นมาอีก ขี่เหนื่อยขนาดนี้ ทำไมความเร็วแค่ 12 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเอง ..

คิดเลยเถิดไปไกลกว่านั้นอีก แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะปั่นได้เร็วละเนี่ยะ....

ในขณะที่กำลังเกิดการต่อสู้กันระหว่างสองความคิด กายทางกายภาพก็ได้ทำหน้าที่ของตนเองบนลูกกลิ้งแบบสามลูก ซึ่งการปั่นลูกกลิ้งแบบนี้ ถือว่าได้รับอานิสงค์มาจากความเป็นนักกีฬาเก่า เพราะลูกกลิ้งแบบสามลูกนี้นั้น หากใครได้สัมผัสคงทราบได้ว่า ทรงตัวได้ยากอย่างยิ่ง เผลอไผลแป๊บเดียว เป็นอันต้องล่วงลูกกลิ้งลงไปนอนกับพื้น เห็นภาพการล่วงลูกกลิ้งเกิดขึ้นกับเด็กจักรยานบ่อย ๆ บางครั้งก็ต้องเบือนหน้าหนี ให้เขาช่วยเหลือตัวเอง และไม่เคยถามว่าเจ็บหรือไม่ ผมได้ปรัชญาความจริงตรงนี้มาจากคุรุท่านหนึ่ง .....บอกว่าอย่าไปใส่ใจ โอ๋...พะเน้าพะนอต่อเหตการลุ้มเลย เพราะจะทำให้เด็กใจไม่แกร่งพอ นั้นจึงเป็นทางเลือกหนึ่ง ที่ปฏิบัติแล้วเห็นจริงได้เช่นกัน...

เวลาทางความคิดล่วงเลยมานานนับนาน เหมือนว่าการปั่นลูกกลิ้งของเราตอนนี้ ขี่ไปได้หลายสิบนาทีแล้ว ชำเลืองตาแว็บหนึ่งเหลือบมองดูเวลา โฮ...เพิ่งผ่านไปได้ไม่ถึงสามนาที ทำไมเวลาถึงได้ช้าขนาดนี้ .....

รูปประจำตัวสมาชิก
เนิ่ม ชมภูศรี
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6448
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 21:02
Tel: 081 7533298
team: ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK
Bike: connago....KAZA...GIANT...GT....

Re: ......................'' ปฏิวัติตนเองสู่วิถีปี 52 ......''

โพสต์ โดย เนิ่ม ชมภูศรี »

:D :) ;) :( :o :shock: :? 8-) :lol: :x :P :oops: :cry: :evil: :roll:
ไฟล์แนบ
S1037115.jpg
S1037115.jpg (39.08 KiB) เข้าดูแล้ว 588 ครั้ง
รูปประจำตัวสมาชิก
เนิ่ม ชมภูศรี
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6448
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 21:02
Tel: 081 7533298
team: ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK
Bike: connago....KAZA...GIANT...GT....

Re: ......................'' ปฏิวัติตนเองสู่วิถีปี 52 ......''

โพสต์ โดย เนิ่ม ชมภูศรี »

ชั่วโมงแรกของการฝึกซ้อม ผ่านไปได้ด้วยความอ่อนล้า เป็นวันแรกในการเบิกฤกษ์ดูชัยสู่วิถีปี 52 ก็นับว่าทำได้ไม่เลวนัก ข้าพเจ้าเลือกที่จะปั่นออกกำลังกายอยู่กับบ้าน โดยอาศัยลูกกลิ้งเป็นพื้นฐาน รอบขาที่ขี่อยู่ที่ 100 ถึง 105 ต่อนาที โดยใช้เกียร์เดโชที่เบาสูงสุด วันแรกนี้ปั่นแบบฝึกรอบขาแต่อย่างเดียว ต่อเนื่องไปเป็นชั่วโมง
น้ำหนักตัวหลังจากปั่นเสร็จ ลองไปขึ้นชั่งกิโลดูอยู่ที่ 72 กิโลกรัม เป้าหมายทางด้านน้ำหนักตัวตั้งใจไว้ว่า จะให้ลดลงมาเหลือประมาณ 60 กว่า ๆ ในช่วงนี้คงต้องดูแลเรื่องอาหารการกินด้วย งดเว้นอาหารที่มีปริมาณไขมันสูง น้ำตาล เครื่องดื่ม แต่ไม่ถึงขนาดที่จะต้องตัดขาดจากกันไป เพียงแต่ถ้าหากมีการขี่ฝึกซ้อมที่สูงขึ้น หรือหนักขึ้น อาหารประเภทไขมันและน้ำตาลจะมีประโยชน์ต่อร่างกายสูงเช่นกัน ถ้าจะทานคงเป็นไขมันไม่อิ่มตัว แต่ที่สำคัญ คาร์โบไฮเดรตมีการเติมอยู่ตลอด โดยเลือกการทานแบบไม่มากนักในแต่ละมื้อ แต่ทานบ่อยครั้ง
เป้าหมายในการขี่จักรยานในช่วงนี้ เป็นการฝึกพื้นฐานใหม่หมด ทั้งทางด้านสมรรถภาพของระบบหัวใจไหลเวียนเลือด ระบบความอดทน การขี่ในช่วงนี้คงเป็นฐานในเรื่องของการฝึกแบบการใช้อากาศเป็นพลังงาน ด้วยการฝึกขี่ความหนักต่ำแต่ระยะเวลานาน ที่จริงแล้ว ในการฝึกซ้อมที่จะเห็นผลหรือเพิ่มสมรรถภาพทางกายได้อย่างแท้จริง ระยะเวลาหนึ่งชั่วโมงนั้น น้อยเกินไป....
แต่ทุกอย่างก็คงจะต้องเริ่มต้นจากจุดเดียวกัน คือการก้าวบันใดทีละขั้น ขืนหักโหมทำเป็นคนหนุ่ม จะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี โดยเฉพาะเรื่องอัตราการเต้นของหัวใจ ถ้าปล่อยผ่านและเร่งการฝึกเกินเทรนตัวเอง อาจจะทำให้เกิดอันตรายได้ จึงขอเริ่มต้นปูพื้นฐานทางด้านร่างกายให้เกิดความพร้อมก่อน ในระยะนี้ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 6 เดือน ซ้อมแบบไปเรื่อย ๆ ไม่รีบร้อน.....
รูปประจำตัวสมาชิก
เนิ่ม ชมภูศรี
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6448
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 21:02
Tel: 081 7533298
team: ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK
Bike: connago....KAZA...GIANT...GT....

Re: ......................'' ปฏิวัติตนเองสู่วิถีปี 52 ......''

โพสต์ โดย เนิ่ม ชมภูศรี »

ผ่านมาได้หลายวันแล้วครับถ้านับจากจุดแรกที่เริ่มทำการออกกำลังกายเพื่อดูแลรักษาสุขภาพของตน ในห้วงนี้ก็นับได้ว่าดีขึ้นเป็นอย่างมาก จะขอย้อนกลับไปในห้วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ตั้งแต่วันอังคารนี้นั้น เป็นการเริ่มต้นปั่นจักรยานเพื่อทำการฟื้นสภาพ ด้วยเหตุแห่งการเดินทางไปประกอบกิจธุระในช่วงวันเสาร์อาทิตย์ ทำให้ขาดการฝึกซ้อมไปสามวัน ประกอบกับการนอนดึกด้วย ร่างกายต้องการพักผ่อนเป็นอย่างมาก ผสมกับจิตใจที่มีทุนเดิมด้วยการติดความสบายอยู่แล้ว ทำให้การเริ่มต้นการฝึกซ้อมในสัปดาห์ที่สองนั้นค่อนข้างจะเป็นก้าวที่ลำบากพอสมควร อิดออดโอดโอยภายในดวงจิต บอกกับตัวเองว่าเดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อนพรุ่งนี้ค่อยขี่ก็ได้ เอาไว้มีความพร้อมมากกว่านี้หน่อย จนในที่สุด การตัดสินใจแบบปัจจุบันทันด่วนจึงเป็นทางเลือกในการหยิบลูกกลิ้งมากางออก

การเริ่มต้นการขี่จักรยานในสัปดาห์นี้ จึงเป็นการเปิดประเดิมด้วยการขี่ลูกกลิ้งเป็นเวลา 1 ช,ม และเป็นการขี่เพื่อฟื้นสภาพร่างกายตนเอง เลือกระดับความเหนื่อยที่ ต่ำกว่า E1 หรือ ขี่แบบ RECOVERY เพื่อฟื้นสภาพร่างกายโดยทั่วไป เมื่อจบการขี่บนลูกกลิ้งแล้ว หลังจากที่ออกไปวอร์มร่างกายแถวถนนสายหลังบ้าน การค้นพบสภาวะความสุข สงบ เยือกเย็น เกิดขึ้นกับตน ยิ่งยามลมเย็นพัดโชยผ่านผิว ดุจดั่งกาลเวลาได้หยุดนิ่ง ความคิดดี ๆ การแลเห็นต้นไม่สวยสดงดงาม ยิ้มแย้มแจ่มใส ในห้วงแห่งมิติทางจิตนั้น เปรียบได้ดั่งการเห็นเพื่อนมนุษย์เป็นดั่งบุคคลเดียวกันกับเรา เป็นดั่งพี่น้อง เป็นดั่งพ่อแม่ ที่แห่งนี้ คือที่ ๆ ไม่หลงเหลือภาพลวงตาอันใดกับเปลือกนอกของระบบอำนาจ เป็นที่สิ้นสุดของอิทธิพลกำหนด ห้วงแห่งปิติสุขเช่นนั้น คือเสียงสะท้อนอันเกิดขึ้นจากภายใน ด้วยการประกอบกิจกรรมที่พอเหมาะพอดี ด้วยการเดินทางเปิดประตูสู่อิสรภาพของตนเอง
รูปประจำตัวสมาชิก
เนิ่ม ชมภูศรี
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6448
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 21:02
Tel: 081 7533298
team: ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK
Bike: connago....KAZA...GIANT...GT....

Re: ......................'' ปฏิวัติตนเองสู่วิถีปี 52 ......''

โพสต์ โดย เนิ่ม ชมภูศรี »

ประตูสู่อิสรภาพ... เป็นประตูสู่เส้นทางที่เราได้ค้นพบเจอเมื่อเรามีความใส่ใจต่อการกระทำ ความต่อเนื่อง และนั้นหมายถึง เส้นทางที่เราเลือกเดินด้วยความรัก ...เมื่อทบทวนถึงเรื่องการขี่จักรยานในสัปดาห์ที่ผ่านมา การออกแบบโปรแกรมการฝึกคงเป็นเรื่องของการผสมผสานกันเป็นความสัมพันธ์ของระบบร่างกาย เพราะเป็นความเกี่ยวเนื่องกัน ด้วยจะขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปเสียมิได้ ข้าพเจ้าเลือกที่จะสร้างความแข็งแรง ความอดทน ความเร็ว เป็นองค์ประกอบในแผนการฝึกระยะแรก ....
เมื่อค้นหาที่มาของความแข็งแร็ง ก่อนอื่นโครงสร้างทางร่างกายต้องดีก่อน เช่นระบบกล้ามเนื้อที่จะใช้ในการปั่นจักรยาน ระบบหัวใจ ตนเองเลือกใช้การวิ่งเข้ามาเสริม มีบางวันเหมือนกันที่ตอนเช้าลุกออกไปวิ่ง การวิ่งของเรานั้นก็ทำเท่าที่เราทำได้ ไม่ใช่วิ่งเร็วแบบนักวิ่ง คือการฝึกซ้อมทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่จักรยาน ขอให้นึกถึงหลักความจริงที่ว่า การปรับสภาพทางร่างกายมีความสำคัญอย่างยิ่ง การขี่จักรยานก็เช่นกัน ใช่ว่าพอเริ่มปั่นจักรยานปุ๊ปก็จะพยายามขี่ให้เกิดความเร็วเลย พยามเท่าไรรอบขาก็ไม่ขึ้นมาให้เร็วไปกว่าเดิมมากนัก ความจริงคือต้องเป็นการขี่เพื่อสอนร่างกายให้ปรับสภาพตามความต้องการ ยกตัวอย่างที่เห็นเด่นชัดที่สุด ลองนึกถึงตอนเราขับรถยนต์ ถ้าขึ้นไปขับในช่วงแรกจะให้ความเร็วขึ้นไปที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยเกิดความรู้สึกอย่างไร มันพร่า มัว หวาดเสียวไปหมดกับความเร็วที่เราพยายามเร่งทันทีทันใด แต่อีกมุมกลับหนึ่ง การขับรถยนต์ของเราถ้าหากเราใช้เวลากับการปรับสภาพให้เกิดความเคยชิน ร่างกายทางกายภาพจะเกิดการเรียนรู้เรื่องความเร็ว และเมื่อเกิดความเคยชิน ความเร็วจะขึ้นมาให้เห็นอย่างไม่รู้ตัว (ยกตัวอย่างนะครับ มิใช่ให้ท่านขับรถเร็ว เนื่องจากอันตรายเป็นอย่างมากกับความเร็วที่กล่าวถึง ) จักรยานหรือการออกกำลังกายก็เช่นกัน มีความจำเป็นอย่างมากที่จะขี่ให้เกิดความพริ้ว แบบมิต้องใช้แรงมากนัก ก็ขึ้นอยู่กับการปรับสภาพความเคยชินของตัวเราเอง เราจะขี่จักรยานนิ่งหรือไม่นิ่งนั้น อยู่ที่ตัวเราครับ ยิ่งเรารู้ว่าเราขี่จักรยานไม่นิ่ง ก้นส่าย หัวกระดก ถ่ายแรงไม่ถูกต้อง เราก็พยายามบังคับร่างกายให่ติดนิ่งกับท่าทางการปั่น ทำได้ไม่เกินหนึ่งนาทีครับ การขี่ส่ายหัวคลอนจะกลับมาเยือนท่านอีก แล้วเราก็พยายามแก้ไขอีก นั้นคือเรื่องการแก้ที่ปลายเหตุ หากแต่ว่าถ้าเราใส่ใจในการไร้ความพยายามแล้ว ทุกอย่างจะเป็นท่าทางที่เป็นธรรมชาติของตัวเอง....เรื่องที่กล่าวถึงนั้น หมายความรวมว่าเราตั้งช่วงจักรยานอย่างถูกต้องเหมาะสมกับตัวเองแล้วนะครับ หากเราตั้งช่วงไม่เหมาะสมกับร่างกาย การขี่จักรยานไม่นิ่ง ไม่เนียนย่อมเกิดขึ้น ร่างกายจะสูญเสียพลังงานไปกับการพยายามผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนของจักรยาน สูญเสียพลังงานไปกับท่าทางที่โยกซ้ายโยกขวา ขี่รถไม่นิ่งของเราเอง...
รูปประจำตัวสมาชิก
เนิ่ม ชมภูศรี
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6448
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 21:02
Tel: 081 7533298
team: ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK
Bike: connago....KAZA...GIANT...GT....

Re: ......................'' ปฏิวัติตนเองสู่วิถีปี 52 ......''

โพสต์ โดย เนิ่ม ชมภูศรี »

:D :) ;) :( :o :shock: :? 8-) :roll: :twisted: :evil: :mrgreen: :geek: :ugeek: :cry: :| :oops: :arrow: :P :idea: :x :lol: :!: :?:
ไฟล์แนบ
DSC06276.jpg
DSC06276.jpg (29.85 KiB) เข้าดูแล้ว 577 ครั้ง
รูปประจำตัวสมาชิก
เนิ่ม ชมภูศรี
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6448
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 21:02
Tel: 081 7533298
team: ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK
Bike: connago....KAZA...GIANT...GT....

Re: ......................'' ปฏิวัติตนเองสู่วิถีปี 52 ......''

โพสต์ โดย เนิ่ม ชมภูศรี »

โปรแกรมการขี่ที่ต่อเนื่องมาจากวันอังคารที่แล้วนั้น หลังจากทำการขี่แบบฟื้นสภาพ (recovery) ต่อมาอีกวันหนึ่ง ก็เริ่มขี่แบบเกินโหลดขึ้นมาบ้าง โดยในวันพุธนี้นั้น เข้าไปปั่นกับเด็กนักจักรยานและขี่รวมกลุ่มกับกลุ่มจักรยานยามเย็นสนามบินใหม่ AIRPORT GROUP พิษณุโลก ในวันนี้ตั้งใจไว้ว่าจะปั่นแบบไทม์ทอัล คือการขี่เดี่ยว ปั่นคนเดียว ทำความเร็วให้ดีที่สุด
สำหรับวันแรกของการออกขี่ถนนข้างนอกแทนการปั่นลูกกลิ้งอยู่กับบ้าน สามารถยืนความเร็วได้ที่ 30 ก.ม. ต่อชั่วโมง ด้วยการขี่รักษาระดับรอบขาอยู่ที่ 105 ถึง 108 รอบต่อนาที ระยะเวลาการปั่นชั่วโมงกว่านิดหน่อย บางท่านอาจจะสงสัยว่า ทำไมถึงต้องเอาระยะเวลาเป็นเกณฑ์ในการปั่น ด้วยสาเหตุที่ว่าเป็นการซ้อมกับระบบพลังงานภายในร่างกายตนเอง และระบบพลังงานสำรองต่าง ๆ ทำงานตามกำหนดระยะเวลา มิใช่ทำงานตามระดับความยาวของพื้นถนนที่ว่าด้วยกิโลเมตร เช่นว่าระบบพลังงานที่ใช้สารอาหารคาร์โบไฮเครตจะมีความสามารถเกื้อหนุนให้พลังงานแก่ร่างกายได้ประมาณ 1.30 นาที หรือระบบพลังงานแบบใช้ไขมันเป็นเชื้อเพลิงมีไม่จำกัด แต่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถทางด้านการฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องมานานด้วย มิเช่นนั้น ร่างกายจะใช่คาร์โบไฮเดรตหมดก่อนที่จะเหลือเป็นหัวเชื้อจุดระเบิดให้ไขมันทำงาน เรารู้ว่าสารไขมันมีไม่จำกัด แต่ถ้าไม่ได้รับการฝึกฐานทางด้านแอร์โรบิคมาเป็นอย่างดีแล้ว ร่างกายจะใช้สารอาหารคาร์โบไฮเดรตจนหมด และไม่สามารถเป็นตัวจุดระเบิดให้ไขมันเป็นพลังงานได้อย่างต่อเนื่องอีก ขอเรียนว่าผมไม่มีความรู้ทางด้านนี้เท่าใดนัก หากเข้าใจผิดก็ขอเชิญท่านช่วยเพิ่มเติมข้อมูลได้เลยขอรับ....ขอบพระคุณมากครับ
การเลือกที่ออกมาปั่นบนถนนข้างนอกนั้น คงทำไม่ได้ทุกวัน เนื่องจากภารกิจทางด้านการทำหน้าที่คอยดูแลเด็ก ๆ ในการออกฝึกซ้อมจักรยานนั้นมีความสำคัญกว่าภารกิจของตนเอง เพราะต้องคอยขับมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ ป้องกันอุบัติเหตุให้กับเด็ก ๆ จักรยานที่กินนอนฝึกซ้อมอยู่ ฉนั้น วันไหนที่เป็นการขี่แบบเบา ๆ หรือผ่อนคลายของเด็กจักรยาน ข้าพเจ้าถึงได้มีโอกาสในการจับรถคู่ใจออกโลดแล่นไปตามท้องถนน....
รูปประจำตัวสมาชิก
เนิ่ม ชมภูศรี
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6448
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 21:02
Tel: 081 7533298
team: ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK
Bike: connago....KAZA...GIANT...GT....

Re: ......................'' ปฏิวัติตนเองสู่วิถีปี 52 ......''

โพสต์ โดย เนิ่ม ชมภูศรี »

ภาระกิจต่าง ๆ รัดรึงตัวเองให้ไม่สามารถกระดิกตัวไปจากกิจกรรมต่าง ๆ ในการดำรงชีวิตประจำวันได้ แต่ก็ได้พยายามหาเวลาว่างในช่วงวันแต่ละวัน ใส่ชุดจักรยานขึ้นปั่นลูกกลิ้งแทนการออกไปฝึกซ้อมในประเภทถนน ซึ่งบางวันก็ได้ซ้อม บางวันก็ไม่ได้ขี่เช่นกัน ....
ในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากผ่านต้นสัปดาห์แรกของการฝึกซ้อมจักรยานไปได้ ข้าพเจ้าเลือกแผนการพัฒนาตนเองดังนี้ วันทร์ทำการขี่แบบ ฟื้นสภาพ โดยใช้รอบขาอยู่ที่ประมาณ 100 - 110 / นาที
ระยะเวลาประมาณ 1 ช.ม. ขี่แบบซอยจัด ถ้าเป็นภาษาของจักรยานที่เรียกกันมา

วันอังคารเริ่มเปลี่ยนเป็นหนักขึ้นมาบ้าง ด้วยการใช้รอบขาที่คงเดิม คือ 100 - 110 แต่เป็นการขี่แบบขึ้นจานใหญ่ ระดับเฟืองหลังอยู่ในกลุ่มโซลกลาง ถึงบน ปั่นด้วยความเร็วคงที่ ต่อเนื่อง บางทีมีกลุ่มจักรยานผ่านมา เร่งตามเข้าไปจี้เพื่อฝึกระบบหายใจ ฝึกความเร็ว แต่เร็วของเราไม่เท่าเร็วของคนอื่น การขี่จักรยานจี้กลุ่มเด็กวัยรุ่น ทำได้ไม่นานนัก ก็ต้องปล่อยออกมาหากจะยังอยากที่จะขี่ต่อ เนื่องจากการเกิดขึ้นของกรดและของเสียสะสมมากขึ้นในกล้ามเนื้อ จึงต้องผ่อนคลายตัวเองให้ระยะเวลาช่วยในการฟื้นสภาพ กำจัดของเสียสะสมก่อน ช่วงที่เกิดนั้น ทุกท่านคงเข้าใจได้เป็นอย่างดีถึงสภาวะที่เกิดกับตนเอง หากใครเคยลองปั่นอย่างเร็วและแรงต่อเนื่อง หัวใจสำคัญในการฝึกซ้อมจักรยานอยู่ตรงนี้เหมือนกันครับ ....

โค้ด: เลือกทั้งหมด

[color=#008000]คนที่จะทะลุเพดานไปสู่ความเป็นเลิศได้ ล้วนแล้วแต่ต้องมีการขยายเพดานความสามารถของตนเองทั้งสิ้น เขาจะอดทนจนถึงขั้นเรียกว่า ต่อสู้กับความเจ็บปวดของร่างกาย โดยก่อนที่จะปล่อยจากกลุ่ม เขาจะเฝ้าบอกกับตัวเองอยู่ภายในตลอดว่า อีกนิด อีกนิด จี้ไปอีกนิด คำว่าอีกนิดนั้ ถ้าหากใครฝึกลองทำดู จะค้นพบความสามารถของตนได้เป็นอย่างดี และเมื่อกาลเวลาผ่านไป ระยะเวลากระดูกปีเพิ่มขึ้น เขาจะมีความแตกต่างจากคนที่ขี่จักรยานแบบผ่านไปอย่างเฉย ๆ ..... [/color]
รูปประจำตัวสมาชิก
เนิ่ม ชมภูศรี
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6448
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 21:02
Tel: 081 7533298
team: ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK
Bike: connago....KAZA...GIANT...GT....

Re: ......................'' ปฏิวัติตนเองสู่วิถีปี 52 ......''

โพสต์ โดย เนิ่ม ชมภูศรี »

แนวทางการขี่คงเป็นเรื่องของการขี่จักรยานเพื่อสุขภาพนะครับ โดยขอต่อเนื่องจากการซ้อมขี่จักรยานแบบเป็นกลุ่มในวันอังคารที่แล้ว ต่อไปในวันพุธของสัปดาห์ที่ 2 ต่อเนื่องกันจะเป็นการขี่จักรยานแบบการเอาชนะแรงต้าน...คำว่าแรงต้านทานนั้น สำหรับการปั่นจักรยานก็มีหลายอย่างเป็นองค์ประกอบเดียวกันในช่วงของการส่งแรงลงสู่ลูกบันใด ประการแรกนั้นคือเรื่องแรงต้านจากภายนอก มีอะไรบ้าง ยกตัวอย่างเช่น 1) แรงลม....ซึ่งก็คงเป็นเรื่องของสภาพลมฟ้าอากาศของแต่ละพื้นที่ ของแต่ละจังหวัด แรงลมนั้นมีผลกระทบต่อการขี่จักรยานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเราไม่สามารถกำหนดว่าในขณะที่ฉันกำลังขี่จักรยาน ลมเอ๋ยอย่าเพิ่งพัดมาได้ไหม หรือฝนเอยทำไมจึงตก เรื่องปัจจัยภายนอกเช่นนี้ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ การฝึกขี่เพื่อเอาชนะแรงต้านทานจากภายนอกในเรื่องของการเลี้ยงลม หลบลม จึงเป็นเทคนิคทักษะที่ไม่ควรจะมองข้าม ในแต่ละวันของการออกซ้อม สิ่งที่คำนึงถึงและเป็นอุปสรรคของการส่งแรงไปให้บันใดเกิดการขับเคลื่อนจักรยานไปให้เร็วที่สุด ในขณะลมแรง ๆ ควรอยู่ในกระบวนการฝึกเทคนิค ทักษะ เพื่อการเรียนรู้ว่า เมื่อขี่สวนลมแบบตรง ๆ การจัดท่าทางในการปั่น ควรจะก้มตัวลงไปขนาดไหน ลักษณะศรีษะจะก้มลงหรือแหงนคอพอประมาณ เพื่อให้อุปกรณ์ที่เราสวมใส่ลดการปะทะกับแรงลมให้มากที่สุด.....
รายละเอียดปลีกย่อยนั้นมีอยู่มาก นี่แค่เป็นตัวอย่างเรื่องแรงลมที่ปะทะกับเราแบบตรงหน้า ยังมีลมที่ปะทะกับด้านข้างอีก และแถมด้วยลมที่ส่งมาจากข้างหลัง ลมที่ส่งมาจากข้างหลัง หรือ ''ลมส่ง''...จะขี่อย่างไรให้ขาคงรอบได้อย่างต่อเนื่อง และเมื่อขี่ย้อนกลับเจอลมแบบปะทะแรง ๆ ตรง ๆ รถจักรยานแทบหยุดเลย ทำให้ความเร็วที่เป็นตัวเลขดี ๆ ลดลงไปเกือบครึ่งหนึ่ง นั้นเป็นเรื่องของการเพิ่มเวลาในการขี่ทั้งหมดทั้งสิ้น ......

โค้ด: เลือกทั้งหมด

[b][color=#800000]และยังมีเรื่องของแรงดึงดูดของโลกเข้ามาเกี่ยวข้องอีก จะเห็นได้ว่า บรรดาจักรยานชั้นนำของโลก หรือนักปั่นจักรยานที่ทำการแข่งขันกัน ปัจจัยเรื่องที่นอกเหนือจากกระบวนการฝึกซ้อมแล้ว เรื่องเทคโนโลยีเป็นอันดับแรกที่ไม่มีนักปั่นท่านใดมองข้าม แม้กระทั่งขนหน้าแข้งเขายังโกนกันเลยครับ เพื่อลดเวลาเศษส่วนพันวินาทีด้วยการโกนขนหน้าแข้ง ท่านคงคิดว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญมากนัก หรือไม่จำเป็นอันใดในการโกนขนหน้าแข้ง แต่เมื่อเราผู้เป็นนักแข่งชั้นเลิศแล้ว เราผู้ลงทุนลงแรง มีทีมงานบริหารเป็นร้อย ๆ คน แถมทำการฝึกซ้อมมานามนับชั่วชีวิต เพื่อพิชิตรายการแข่งขันครั้งนี้ เศษส่วนพันก็ทำให้เป็นผู้แพ้ด้วยเช่นกัน เพราะการแพ้เพียงเศษเสี้ยวของส่วนพัน สำหรับการแข่งขันก็ถือว่าเป็นการแพ้อยู่เช่นเดิม ถ้าเราเป็นผู้ฝึกสอนหรือนักกีฬา รายละเอียดต่าง ๆ เหล่านี้ คือเรื่องที่ไม่มีใครมองข้ามไปอย่างแน่นอนครับ ....[/color][/b]
ตอบกลับ

กลับไปยัง “AIRPORT GROUP PHITSANULOK”