ทริปนี้(เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 ม.ค 52)
ทริปนี้ผมใช้cannon1000d เลนส์kit 18-55 (ไฟส์ดิบๆล้วนๆ) ไปทั้งหมด 10 ชีวิต ผมพาคุณพ่อ คุณแม่
คุณหมอและคุณพยาบาล จาก"โรงพยาบาลขอนแก่น"ไปเที่ยวที่ "ภูระงำ" อ.ชนบท จ.ขอนแก่น
ภาพ-เราแวะระหว่างทางได้แวะทานข้าวเที่ยงที่ "ร้านชมชล" ร้านนี้จะอยู่ห่างจาก อ.ชนบท ไปทาง อ.มัญจาคีรี ประมาณ 5 ก.ม
บรรยากาศน่านั่ง อาหารอร่อยและก็ไม่ค่อยแพงด้วยครับ .........
ภาพ-บรรยากาศภายในร้านครับ โดยรอบๆ
ร้านนี้อยู่ติดกับลำน้ำชีเลยครับ อากาศสบายๆ ..
หลังจากเราทานข้าวเที่ยงอิ่มกันแล้วเราก็วกรถกลับ สู่ อ.ชนบท ไปเลี้ยวขวาตรงสี่แยก โรงพยาบาลชนบทเพื่อ
มุ่งสู่ อ.แวงใหญ่ (ระยะทางจาก อ.ชนบท ถึงปากทางที่จะเข้าสู่ ภูระงำ ประมาณ 15 ก.ม) จะมีป้ายบอกอยู่ทางขวามือครับ
ภาพ-บริเวณภูระงำ (ผมเคยไปสถานที่แห่งนี้แล้วเมื่อตอนเด็กๆครับ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ผมเลยต้องสอบถามเส้นทางชาวบ้าน เนื่องจาก
ชาวบ้านเรียกแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้หลายชื่อด้วยกันครับ เล่นซะ งง )
ภูระงำ(ภูนางงำ)........
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงระบบนิเวศวิทยา จากทางหลวงกิโลเมตรที่ 14 ช่วง
ระหว่าง อำเภอชนบท กับอำเภอแวงใหญ่ จังหวัดขอนแก่น เป็นทางลาดยาง
ขนาด 2 ช่องทาง จราจร จากถนนเข้าสู่ตัวภูระงำรวมระยะทาง 6 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางท่านจะได้พบ และสัมผัสกับบรรยากาศแบบชนบท
อากาศที่บริสุทธิ์ (เส้นทางต้องผ่านบ้านเหล่าเหนือ ต.ห้วยแก อ.ชนบท จ.ขอนแก่น)
เส้นทางเข้าสู่ภูระงำ ระยะแรก เป็นถนนลาดยางความยาว 3 กิโลเมตร จากนั้นอีก 3 กิโลเมตรเป็นถนนลูกรังสภาพดีตลอดทั้งสองข้างทาง
มีท้องทุ่งนาและป่าไม้้นานาพันธุ์ ผ่านหมู่บ้านเหล่าเหนือชมอาชีพหัตถกรรมอันลือชื่อผ้าไหมทอมือตั้งแต่กระบวนการ
ถัดจากหมู่บ้านมาก็จะพบกับท้องทุ่งนาอันกว้างขวาง บรรยากาศ อากาศ
สายลมพัดผ่าน เวลาขับรถผ่านสัมผัสได้ถึงธรรมชาติอากาศที่บริสุทธิ์ สัมผัส
ได้ถึงความเป็นชนบทจริงๆ ถัดไปอีกนิด เข้าไปลึกอีกหน่อยท่านก็จะได้พบกับ
พื้นที่ไร่นาสวนผสมของชาวบ้าน มีสวนมะม่วง มะขาม ขนุน มีบ่อเลี้ยงปลา
พืชผักสวนครัว ท่านสามารถเข้าไปเยี่ยมชม พูดคุยและสัมผัสวิถีชีวิตแบบ
เศรษฐกิจพอเพียงได้ที่นี่
ถัดเข้าไปด้านในอีกสักหน่อยทั้งสองข้างทางก็จะ
มองไม่เห็นท้องทุ่งนาอีกแล้วเพราะตลอดสองข้างทางเข้าไปด้านในจนถึงจุด
ชมวิวจะเป็นป่าไม้นานาพันธุ์
ถ้าเป็นในช่วงฤดูฝนก็จะเขียวชะอุ่มมีทั้งไม้เล็ก
ไม้ใหญ่เต็มไปหมด เมื่อเดินทางมาใกล้จะถึง ภูระงำ ท่านจะพบกับทาง 3 แยก
สองช่วงหรือจะเรียกว่า 5 แยกก็น่าจะได้ แยกด้านขวามือสุดจะเป็นทางชันลึก
ลงไปด้านล่างเป็นเส้นทางที่จะนำท่านไปสู่จุดชมวิวด้านล่าง ซึ่งจะมีบ่อน้ำ
ทางธรรมชาติขนาดใหญ่ และป่าลึกให้ท่านได้เดินท่องป่า
ผู้ร่วมทริปครับ มีคุณพ่อ/คุณแม่ และมีคณะคุณหมอของทางโรงพยาบาลขอนแก่น
สำหรับท่านที่ชอบ
เดินป่าสำรวจ ส่วนทางแยกด้านซ้ายจะนำท่านไปสู่ป่าลึกอีกด้านของภูระงำ
ซึ่งมีชื่อเรียกจากชาวบ้านในระแวกนี้ว่า "ภูปอ" ซึ่งตลอดข้างทางจะเป็นป่าลึก
ที่กลางป่าภูปอจะมีวัดป่าภูปอ ตั้งอยู่ ณ ที่แห่งนั้น....
ส่วนทางอีกเส้นถ้าท่านตรงขึ้นไปเลี้ยวขวานิดหน่อยท่านจะได้พบกับช่วงระยะทางที่ชัน
สูงลาดคอนกรีตเป็นระยะทางประมาณ 100 เมตร นั่นเป็นเส้นทางที่จะนำท่านไปสู่จุดสูงสุด
ของภูระงำเป็นจุดชมวิวที่อยู่สูงที่สุด ด้านบนเป็นลานหินกว้างสลับกับป่าเล็กน้อยบนพื้นที่กว่า
10 ไร่ บนจุดชมวิวที่ยอดภูระงำแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของวัดป่า "วิเวกภูนางงำ" ซึ่งเป็นวัดวิปัส
นากรรมฐานชื่อเสียงโด่งดังในอำเภอนี้ บรรยากาศด้านบนเงียบสงบ มีเสียงนกร้องเจื้อแจ้ว
ตามสายลม สามารถเดินชมบริเวณโดยรอบได้ตามสบาย โดยรอบพื้นที่มีลานหินรอยแยกของ
หินภูเขามีระยะห่างของรอยแยกตั้งแต่ 1 ฟุต ไปจนถึงเป็นเมตรเลยทีเดียว
ภายในบริเวณมีต้นไม้ใหญ่อายุหลายร้อยปีหลายต้น มีศาสนสถานจำนวนหนึ่งก่อตั้งอยู่
กระจัดกระจาย บริเวณโดยรอบภู อาทิเช่น กุฏิสงฆ์ หอพระพุทธรูป อุโบสก์ที่กำลังก่อสร้าง
ภายในบริเวณยังมีถ้ำค้างคาวขนาดใหญ่ สามารถเข้าเยี่ยมชมได้
บริเวณโดยรอบของภูระงำ ณ จุดสูงสุดแห่งนี้ท่านสามารถชมทิวทัศน์ของพื้นที่โดย
รอบบริเวณได้ในรัศมีที่สายตามนุษย์จะมองเห็นได้ทางด้านทิศตะวันตกจะสามารถมอง
เห็นแม่น้ำชี และบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ที่อยู่ถัดออกไปทางด้านทิศตะวันตกเป็นระยะทาง
กว่า 10 กิโลเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ของจังหวัดชัยภูมิ ท่านจะเห็นลักษณะการวางตัวของ
สายน้ำ ลำน้ำที่ขาวสว่างเมื่อมองจากที่สูงในระยะทางกว่า 10 กิโลเมตรการวางตัวของ
หมู่บ้านฝั่งด้านตะวันตก ความอุดมสมบูรณ์ของป่าฝั่งด้านนั้นบรรยากาศของสายลม
ผสมแสงแดด
จุดนี้สามารถลงไปเดินข้างล่างได้ครับ ลงอีกทางไปขึ้นอีกทางครับ
ในขณะที่กำลังยืนชมวิวอยู่นั้นมันช่างเย็นสบายดียิ่งนักแนะนำให้ขึ้นไป
บนภูระงำในช่วงแปดโมงเช้าถึงสี่โมงครึ่งช่วงนี้อากาศกำลังดีเพราะเป็นช่วงเช้าถ้าสาย
มากกว่านี้อากาศก็จะร้อนจัดไม่เหมาะแก่การชมวิว และอีกช่วงคือช่วงสี่โมงเย็นถึงห้า
โมงเย็นชมพระอาทิตย์ตกสวยงามมาก
จุดที่น่าชมอีกจุดหนึ่งคือ วิวด้านทิศตะวันออก
มีจุดชมวิวเป็นลานหินกว้างอยู่ติดกับทางคอนกรีตที่เป็นทางขึ้นภูนั่นล่ะ จากจุดนี้มอง
ไปด้านทิศตะวันออกท่านจะได้เห็นบ่อน้ำทางธรรมชาติขนาดใหญ่สีฟ้าใส เหมือน
สระว่ายน้ำกลางรีสอร์ทยังไงยังงั้นเลย โดยรอบบ่อน้ำเป็นป่าใหญ่ สามารถมองเห็น
พื้นที่อื่นๆ ที่เราผ่านเข้ามาได้ตลอดระยะทางกว่า 9 กิโลเมตร
ถ้าชมวิวและรับอากาศบริสุทธิ์จากด้านบนเพียงพอแล้ว เราก็ลงมาชมบรรยากาศของภูระงำด้านล่างกัน ก่อนที่จะลงมาไหว้สิ่ง
ศักดิ์สิทธิ์กันก่อนนะครับ ตอนลงมาด้านล่างต้องขับรถระวังกันหน่อยนะครับ เพราะทางชันมากแต่พื้นถนนเรียบดีถึงด้านล่าง
ก็หาที่จอดรถเหมาะๆ นะครับระวังจะไปเหยียบอะไรเข้า เดี๋ยวจะเป็นการไปทำลายธรรมชาติโดยไม่รู้ตัว ด้านล่างมีสิ่งที่มีสเน่ห์อยู่
ถึงสองสิ่งคือ บ่อน้ำทางธรรมชาติที่มีน้ำเต็มบ่ออยู่ตลอดทั้งปี และแนวป่าที่ทอดยาวรอบด้านข้างและด้านหัวบ่อเป็นแนวยาว
ตัวบ่อน้ำมีสีฟ้าใสสามารถมองทะลุลงไปเห็นโขดหินด้านล่าง ซึ่งอยู่ห่างจากผิวน้ำ
ไม่ต่ำกว่า 2 เมตร ต้องหาโอกาสไปลองสัมผัสกันเองนะครับ
จากนั้นก้เดินลัดป่าจากหัวบ่อ
เข้าไปในแนวป่าเดินสำรวจดูระบบนิเวศภายในป่า มีต้นไม้ใหญ่น้อย เรียงรายอยู่มากมาย
ให้เราได้ชมได้สัมผัสมีโขดหินและต้นไม้เถาวัลย์ลักษณะแปลกๆ อยู่มากมาย
มีสัตว์ป่า
ให้เราได้ดูชมเช่น กระรอก กระแต มีกิ้งก่า และแย้ (เยอะมาก) ก่อนจะกลับยังไงก็ต้อง
เดินให้ทั่วนะ ใช้เวลาเที่ยวชมธรรมชาติให้ทั่วทั้งป่าจริงๆ น่าจะใช้เวลาประมาณ 4 ชั่ว
โมงเป็นอย่างต่ำ ร้อนๆ อย่างนี้ก่อนกลับต้องขอกระโดดน้ำในบ่อใสๆ กันสักหน่อยแล้ว
หลังจากพาทัวร์ที่ "ภูระงำ"เป็นที่เรียบร้อย ผมก็พาไปต่อที่นี่ครับ
"อุทยานกล้วยไม้ป่าช้างกระ" อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น
(อยู่ห่างจาก ภูระงำ ไม่ไกลเท่าไรนักครับ)
เมื่อลมหนาวมาเยือนถิ่นอีสาน ผู้มาเยือนยังวัดป่ามัญจาคีรีวนารามจะได้กลิ่นหอมชนิดหนึ่งกระจายอยู่ทั่วบริเวณ เป็นกลิ่นของ ' ช้างกระ ' กล้วยไม้ป่าดอกเล็กๆ สีขาว มีจุดม่วงอมชมพูแซมประปราย บานรวมกันเป็นช่อ ห้อยระย้าลงมาเป็นพวงสวยงาม ส่งกลิ่นหอมเย็นชื่นใจทุกยามเมื่ออากาศเย็น แทบไม่น่าเชื่อว่าสถานที่นี้มิได้ห่างไกลจากความเป็นเมืองเลย
วัดป่ามัญจาคีรี อยู่ห่างจากตัวอำเภอมัญจาคีรีประมาณ 1 กิโลเมตร มีพื้นที่ 15 ไร่ เป็นบริเวณที่มีอุณหภูมิที่เหมาะสม มีความชื้นตลอดปี และอยู่ใกล้กับบึงกุดเค้า แหล่งน้ำที่สำคัญของท้องถิ่น จึงพบกล้วยไม้ช้างกระที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จำนวนกว่า 4,000 ต้น เกาะตามกิ่งและลำต้นของต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุยาวนานนับร้อยปี เช่น ต้นมะขาม กว่า 280 ต้น
ช้างกระ มีคุณลักษณะลำต้นตั้งตรง มีรากใหญ่และยาว ขนาดใบค่อนข้างใหญ่และหนา ซ้อนกันสลับซ้ายขวา ช่อดอกเอนโค้งเล็กน้อย ต้นที่สมบูรณ์จะมี พวงดอกยาวเกือบ 1 ฟุต ดอกจะเรียงกันแน่น ขนาดประมาณ 2 - 2.5 ซ.ม. มีกลีบดอกสีขาวแต้มสีม่วงอมชมพู จะบานได้ทนเป็นสัปดาห์ มีกลิ่นหอมฟุ้ง จะเริ่มออกช่อตั้งแต่เดือนธันวาคม และบานเต็มที่ในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์
การเดินทาง..
จากถนนมิตรภาพ (ทางหลวงหมายเลข 2) เลี้ยวซ้ายเข้าอำเภอชนบท ตามทางหลวงหมายเลข 229 (ชนบท-มัญจาคีรี) ทางเข้าวัดอยู่ซ้ายมือ ก่อนเข้าตัวเมืองมัญจาคีรี 1 กิโลเมตร ระยะทางจากถนนมิตรภาพประมาณ 35 กิโลเมตร
จากขอนแก่นใช้เส้นทางทางหลวงหมายเลข 2731 (ขอนแก่น-พระยืน) ต่อเข้าถนนหมายเลข 2092 (พระยืน-มัญจาคีรี) ระยะทางจากตัวเมืองขอนแก่นประมาณ 57 กิโลเมตร
ขอจบทริป เที่ยวขอนแก่น ไปเช้ากลับเย็นนะครับ
ขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
สวัสดีปีใหม่ 2552
จงชัย
