ThaiMTB.com

กลุ่มที่หนึ่ง เด็กจักรยานไปสร้างความดีให้วัดห้วกอกพัฒนา วัดหลวงตาแดง

(บทความของครูคิม ยกย่องเด็ก ๆ ของเราในบอร์คคุณครู)

"วัยรุ่น" กลุ่มหนึ่งที่พ่อแม่ผู้ปกครองบ่นนักบ่นหนาว่าช่างเป็น "วัยวุ่น" เสียจริง แต่ความสามารถพิเศษของวัยรุ่นกลุ่มนี้คือ "ชอบปั่นจักรยาน" เป็นพิเศษ พ่อแม่จึงส่งมาอยู่ฝึกซ้อมจักรยานที่ "ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน ๔๖" โดย ส.อ.เนิ่ม และ พ.อ.อ.หญิงเฉลิม ชมภูศรีเป็นครูฝึก

วัยรุ่นกลุ่มนี้มีชื่อเล่นว่าน้องมาร์ค น้องกิ๊ก น้องโบ๊ท น้องเม่น น้องบอสและน้องบูม อยู่ในวัยเรียนตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ถึงมัธยมศึกษาปีที่ ๖ น้อง ๆ ทุกคนเคยพบฉันมาก่อนและเรียกฉันว่า "ป้าคิม" แต่ยังไม่สนิทสนมกันมากนัก งานนี้ฉันขอร้องว่าไม่รับผู้ใหญ่ เพราะอยากจะให้เด็ก ๆ ได้รู้จักคิดเองทำเอง

หลังจากที่ฉันได้นัดแนะผ่านคุณเนิ่มว่า จะพาน้อง ๆ วัยรุ่นวัยวุ่นกลุ่มนี้ไปทำกิจกรรมที่วัดห้วยกอก เพื่อเป็นการสร้างของขวัญชิ้นพิเศษให้แก่ตนเอง วันนี้เราต่างเดินทางไปพบกันที่วัดห้วยกอก โดยออกเดินทางจากพิษณุโลกเวลา ๖ โมง

กิจกรรมแรกคือเดินสำรวจรอบกุฏิของหลวงตา วางแผนว่าจะทำแปลงปลูกผักสวนครัว ปลูกพืชสมุนไพร และตกแต่งบริเวณวัดให้น่าอยู่ รวมทั้งทำบันไดทางขึ้นลงให้หลวงตาเดินลงไปสอนน้อง ๆ ที่โรงเรียนได้สะดวก

กิจกรรมแรกคือ "การทำบันไดปูน" ทุกคนช่วยกันลงมือผสมปูน ตักปูน หิ้วปูนไปเทเป็นขั้นบันได ใช้เวลาเพียงไม่นาน สามารถสำเร็จเป็นบันไดได้ ความปลาบปลื้มใจจึงเป็นของทุกคนที่บอกตัวเองได้ในความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากการทำกิจกรรมนี้ แม้ว่าเป็นครั้งแรกของทุกคนที่ได้ทำงานหนักที่สุด

การพักเหนื่อยของเด็กกลุ่มนี้ ประกอบกับเป็นเวลาที่หลวงตากลับจากกิจนิมนต์พอดี ทุกคนได้กราบนมัสการหลวงตา รับฟังการอบรมสั่งสอนแบบพูดคุยอย่างกันเอง เล่านิทานบ้าง ประสบการณ์จากชีวิตจริงที่เป็นแบบอย่างอันดีของบุคคลอื่น สุดท้าย "ขอให้น้องรักการอ่าน" โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้ ซึ่งกลับจากการขี่จักรยานที่เขาค้อในวันพรุ่งนี้ คุณเนิ่มจะพาทุกคนไปเลือกหนังสือเล่มแรกจากร้านหนังสือ เมื่ออ่านจบแล้วเล่มต่อไปขอให้รับจากป้าคิม

หลังจากนั้นได้ทำกิจกรรมต่อคือ "ขุดแปลงผัก" โดยให้ทุกคนวางแผนและจัดการด้วยตนเอง มีการนำเชือกมาขึงกะระยะ แบ่งเครื่องมือช่วยกันขุดแปลงจนถึงเวลาอาหารกลางวัน แล้วขุดต่อจนเสร็จเรียบร้อย ได้แปลงขนาดกว้าง ๑.๕ เมตร ยาว ๑๐เมตร จำนวน ๔ แปลง

การได้รับฟังน้องคนหนึ่งบอกว่า "หากพ่อแม่มาเห็นพวกผมทำแบบนี้คงดีใจมากครับ" บางคนก็บอกว่า "คราวหน้าผมก็จะมาอีกนะครับ"



แค่นี้ก็ไม่ต้องบรรยายความรู้สึกของผู้ใหญ่ที่พบเห็นการกระทำของเด็กกลุ่มนี้ เป็นพิเศษสำหรับโค๊ชจักรยานคุณเนิ่ม ชมภูศรี ที่ได้ช่วยกันสร้างจิตสำนึกที่ดีให้เกิดกับเด็ก ๆ เจ้าของความคิด "การทำดีไม่ต้องมีแผน"

นักเรียนตัวเล็ก ๆ ของโรงเรียนบ้านห้วยกอกพัฒนา คงดีใจที่เห็นพี่ ๆ มาทำแปลงให้กับทางวัด อยากจะมีส่วนร่วมบ้าง จึงช่วยกันเกลี่ยและทุบดินให้ละเอียด รอตากดินให้แห้ง ซึ่งจะนำปุ๋ยดินหมักไปผสม และเพาะเมล็ดพันธุ์ต่อไป

"กำลังใจ" โดยน้าแดงภรรยาคุณครูบรรพจน์ คุณอ้อมภรรยาผู้อำนวยการโรงเรียนและคณะแม่บ้าน ได้มาช่วยกันทำอาหารกลางวันให้พวกเราและเด็ก ๆ และกำลังใจจากคนสำคัญคือคุณเนิ่ม ชมภูศรีและ ผ.อ.ณัฏฐ์ ชาคำมูล ที่คอยชื่นชมและให้กำลังใจตลอดเวลา

ความสำเร็จครั้งนี้ ได้รับอุปการคุณจากผู้ใหญ่ใจดีสนับสนุนงบประมาณคือคุณมาตายี ๑.๐๐๐ บาท คุณโบตั๋น ๑.๐๐๐ บาท คุณหนานเกียรติ ๕๐๐ บาท และคุณเนิ่ม ขมภูศรี ๑.๐๐๐ บาท สำหรับเป็นค่าวัสดุ อุปกรณ์ และค่าเมล็ดพันธุ์ โดยต่อไปเป็นการทำสวนสมุนไพร

ในนามของตัวแทนเด็ก ๆ กลุ่มนี้ และผู้มีส่วนร่วมทุกคน ขอขอบพระคุณท่านผู้มีอุปการคุณที่ให้โอกาสแก่เด็กกลุ่มนี้ได้ทำความดี ได้อนุเคราะห์ สนับสนุนงบประมาณ ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับ "ของขวัญ" ชิ้นพิเศษนี้ตลอดไป

(บทความของคุณครูคิม โพสท์ไว้ในบอร์ดโกทูคนาว)

ภาพกุฏิหลวงตาแดงครับ วัดห้วยกอกพัฒนา

เช้าวันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม กลุ่มจักรยานยามเย็นสนามบินใหม่ AIROPORT GROUP ได้แบ่งกำลังพลออกเป็นสองสาย สายหนึ่งนำทีมโดยกระผม พาเด็ก ๆ จักรยานของจังหวัดเราไปสร้างความดีให้กับวัด ชุมชน และโรงเรียน ที่วัดห้วยกอกพัฒนา
....
ส่วนสายที่สอง นำทีมโดยน้องบอล เท้าไฟ พี่ใหญ่ น้องหมิว พี่จ่าท้าว พี่ดิษฐ์ ทำทัพปั่นขึ้นไปเบิกทางที่เขาค้อ เพื่อเตรียมการในเรื่องที่พักค้างแรมยามค่ำคืน
...
ได้มีการปรึกษากันมาอย่างต่อเนื่องว่า สมควรที่จะแยกกันไปประกอบกิจกรรม เนื่องจากกิจกรรมแรกที่ไปพัฒนาวัด คุณครูคิมแจ้งความประสงค์มาว่า อยากให้เด็ก ๆ ได้เข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องการเป็นพลเมืองจิตอาสา และงานที่ทำ ต้องใช้กำลังกายหนุ่ม ๆ กัน ในการขุดแปลพืชผักสวนครัว ก่อปูนเทก่อสร้างบันใดให้หลวงตาแดง
..
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทีมงาน AIRPORT GROUP จึงได้ข้อสรุป และเริ่มปฎิบัติภาระกิจที่สำคัญทั้งสองประการ ได้อย่างสมบูรณ์ยิ่งครับ และขอเรียนเชิญพี่น้องทุกท่าน ติดตามเรื่องราวดังกล่าว เรื่องราวความดีงาม ความประทับใจ ในการมีส่วนร่วมจิตรับใช้ต่อสังคมไทย ครับ

เมื่อคณะแรกทีมงานเด็กจักรยานไปถึงวัดห้วยกอกพัฒนา หลวงตาแดงท่านติดกิจนิมนต์ ทานข้าวเหนียวไก่ทอดคนละหนึ่งชิ้น ที่ซื้อเตรียมมาจากในเมืองเรียบร้อยกันดีแล้ว คุณครูคิมมาถึง เด็ก ๆ สวัสดีกัน ความเป็นครูของครูคิม คำสอนแรกที่เด็กได้รับ คือการยกมือไหว้ ไหว้อย่างไร ถึงจะออกมาจิตใจแบบคนไทย.....

เด็กเราก็ทำงานไป พอดีหลวงตาแดงท่านกลับมาถึงวัด เลยได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับพระท่านหลวงตาแดง นับว่าเป็นบุญอย่างยิ่งที่ได้รับธรรมะจากพระผู้ปฎิบัติ

ขอให้ทำสิ่งดีๆอย่างนี้ตลอดไป ขอชื่นชมครับ

วันนี้ เป็นบุญอย่างยิ่ง ที่เด็ก ๆ ได้เข้าไปรับรู้และซึมซับ ดั่งคุณครูคิมพูดไว้ ถ้าพ่อแม่เธอมาเห็นคงชื่นใจอย่างยิ่ง ครู พระ ต่างก็ได้ถ่ายทอดเรื่องราวความดีงามด้วยกุศโลบายอย่างต่อเนื่อง ทำงานไปก็เล่าเรื่องไป
...
มีครั้งหนึ่ง เด็กกล่าวขึ้นว่า มันเปื้อนครับครู ครูคิมตอบว่า มือเธอเปื้อนไม่เป็นไร ขอให้ใจเราสะอาด..
..
เด็ก ๆ บอก โอ้โห รีบทำงานกันอย่างแข็งขัน

ขั้นรายการพักระหว่างเวลาด้วยธรรมะจากหลวงตาแดง เหมือนเติมพลังใจให้กับเด็ก ได้ไปประกอบกิจกรรมการทำงาน ยิ้มแย้มเบิกบาน มีความสุข ได้รับผลบุญอย่างยิ่งครับ

ถาม = หลวงตามีแนวความคิดที่จะสร้างวัดให้เจริญรุ่งเรืองต่อไปหรือไม่ครับ..
..
หลวงตา : อาตมาไม่มีแนวความคิดเช่นนั้น โยมมาหาอาตมา จะมามองภาพความสะดวกสะบายของอาตมาหรือ โยมมาทำบุญ บ้านโยมกลับลำบากกว่าอาตมา โยมมาวัด ควรจะมาอยู่ในที่ที่เย็น สงบ มีร่มเงาของใบไม้ ไม่ใช่มามองยอดวัตถุสิ่งของก่อสร้าง ไม่ใช่มามองความเจริญของวัต มันไม่ใช่อาหารจิตวิญญาณ แบบนั้น เหมือนกับเราได้ปรุงแต่งตัวเอง สวยไหม หล่อไหม แบบนั้น เราเพียงแต่บำรุงเรื่องภายนอก แต่อาหารจิตวิญญาณ เรากลับไม่ได้ให้แก่ตัวเราเลย

หลวงตาแดง : คนเราเมื่อทำความดี หน้าตาจะผ่องใส ไม่มีความทุกข์ถูกต้องไหม หน้าตาจะใส สะอาด กระจ่าง เดินไปไหนก็ยิ้มแย้มแจ่มใส เพราะเราไม่เกิดความกลัวว่าใครจะมาว่าอะไร ด้วยใจเรายึดถึอในสัจจะ สิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โยมจะต้องยึดมั่นในสัจจะ ไม่ผิดสัญญา ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น ผลบุญที่เราได้มาทำความดี อย่างโยมพาเด็ก ๆ มาช่วยกันสร้างบันใด ปลูกแปลงผัก พอต้นไม้เจริญเติบโต อาตมาก็จะนำไปให้กับชาวบ้าน ชาวบ้านก็ได้รับอานิสงฆ์ผลบุญนั้นด้วย ชาวบ้านย่อมรับด้วยความดีที่เราถ่ายทอดให้

อาตมาไปกิจนิมนต์ มีคนถามว่าต้องการถวายปัจจัย แต่อาตมาตอบว่า ขอเป็นข้าวสารดีกว่าโยม เมื่อมาถึงวัด อาตมาจะได้นำไปให้กับตาชุ่ม อยู่ข้างวัด เลี้ยงลูกอยู่หลายคน ไม่มีข้าวสาร อาตมานำไปให้เรื่อย ให้แล้วมีความสุข คนรับก็มีความสุข บางทีได้มาเยอะ อาตมาก็เดินไปบอกชาวบ้านในตอนเย็น ๆ ว่า ให้มารับข้าวสาร ที่บอกเขาตอนเย็น ๆ เพราะเดี๋ยวเขาจะอาย ที่มารับข้าวจากพระ แต่นี้คือสิ่งจำเป็น สำหรับเขา.....

หลวงตาไม่ต้องการเงิน ไม่ต้องการปัจจัย ไม่มีความจำเป็นอันใดเลย โยมมาวัด อย่าได้นำปัจจัยมาถวาย แต่โยมมาวัดนี้ เห็นสิ่งใดควรทำ ก็ขอให้บลงมือทำได้เลย นั้นจะเป็นเรื่องจำเป็นยิ่งกว่า
...
(กระผมพยายามถ่ายทอดบทสนทนาธรรม กับหลวงตาแดง วัดห้วยกอกพัฒนา ให้ท่านผู้มีเกียรติทราบ อาจจะไม่ตรงกันทุกคำพูดและภาษา แต่จับใจความแล้ว คือเนื้อหาเดียวกันนี้ ครับ)

พักรับประทานอาหาร ครับ

อร่อยสุด ๆ โดยเฉพาะส้มตำ น้ำพริก อาหารพื้นบ้านของเรา ฉันเป็นคนไทย

จบการสนทนาธรรมกับพระหลวงตาแดงแล้ว ท่านได้มอบพระให้กับเด็กทุก ๆ คน ส่วนของโยม (หลวงตากล่าว) อาตมามีให้เป็นต่างหาก แต่ไม่รู้จริงแท้อย่างไร ขอให้เก็บไว้เถอะ ...
....
พอมาสอบถามพี่หนุ่ย พ่อน้องมอส ให้เก็บไว้ เพราะท่านให้ด้วยความศรัทธาในตัวเรา

จากนั้น ได้ไปทำงานกันต่อ เสือนุ๊ค กับโบ๊ท ไปช่วยกันสร้างเทปูนหลักเสาธงชาติ ไว้ให้นักเรียนเคารพธงชาติในตอนเช้า ส่วนที่เหลือ ไปช่วยกันขุดแปลงดิน เพื่อปลูกพืชผัก ทำสวนสมุนไพร