KLEIN&PRINCIPIA ใครเทพ
ผู้ดูแล: seven@klein, Cycling B®y, tntm, เสือ Spectrum
- Jakrapong
- ขาประจำ
- โพสต์: 2434
- ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ส.ค. 2008, 14:46
- Tel: 086-8956596
- team: AOT Cycling Club
- Bike: KHS Alite Team/Broadwalk/Nich L2/Albelt
- ตำแหน่ง: 504/224 ม.สัมพันธ์วิลล่า คูคต ลำลูกกา ปทุม 12130
KLEIN&PRINCIPIA ใครเทพ
เฟรมระหว่าง KLEIN & PRINCIPIA ใครเทพกันแน่ครับ
ขอความเห็นหน่อย สงสัยมานานแล้ว
ขอความเห็นหน่อย สงสัยมานานแล้ว
:: (\_(\ ..*...*...*...*...*...*...*..*...*...*...*...*...*...*
*: (=' :') E-mail : pongjinda@hotmail.com
•.(,('')('')o...*...*...*...*...*...*...*...*...*...*...*...*...*
** ร่วมกันไม่วิ่งไหล่ทาง ไม่เอาเปรียบเพื่อนร่วมทาง **
*: (=' :') E-mail : pongjinda@hotmail.com
•.(,('')('')o...*...*...*...*...*...*...*...*...*...*...*...*...*
** ร่วมกันไม่วิ่งไหล่ทาง ไม่เอาเปรียบเพื่อนร่วมทาง **
- JADE555
- ขาประจำ
- โพสต์: 7878
- ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.พ. 2009, 06:31
- Tel: อยากรู้ให้โทรมาถาม (- -")
- team: CARBON ASS!!!
- Bike: เหล็กมาร
Re: KLEIN&PRINCIPIA ใครเทพ
klein เฟรมยาว ไหล พุ่ง นุ่ม คลาสสิค เหมือนได้ขับ ดัทสัน 240 Z
prin เฟรมสั้น พุ่ง กระด้าง เข้าแทรคมันส์ เหมือนได้ขับ Evo x
มั้ง
prin เฟรมสั้น พุ่ง กระด้าง เข้าแทรคมันส์ เหมือนได้ขับ Evo x
มั้ง
ปั่นต่อไป จนกว่าตูดจะไหม้เป็นเถ้าถ่าน CARBON ASS TEAM
เฟรมบุบกลาง ยางก็แบน แฮนด์ก็หลุด
โซ่สะดุด ล้อสะบัด เฟืองก็แหลม
ยางนอกโล้น ขอบล้อแตก ยางในแพลม
สนิมแจม ลูกปืนร้าว รองเท้าพัง!!
เฟรมบุบกลาง ยางก็แบน แฮนด์ก็หลุด
โซ่สะดุด ล้อสะบัด เฟืองก็แหลม
ยางนอกโล้น ขอบล้อแตก ยางในแพลม
สนิมแจม ลูกปืนร้าว รองเท้าพัง!!
- แสนแสบ
- ขาประจำ
- โพสต์: 2129
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 13:03
- Tel: 0633269395
- Bike: Mach5, SL, Sub22, 950
Re: KLEIN&PRINCIPIA ใครเทพ
ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนขี่ครับ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 468
- ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มี.ค. 2009, 13:09
- Tel: 08-0504-7598
Re: KLEIN&PRINCIPIA ใครเทพ
งั้นก็แสดงว่าถ้า หม่ำ ขี่ก็ไม่เทพน่ะซิ..แสนแสบ เขียน:ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนขี่ครับ
สองล้อพอเพียง ชีวิตที่เพียงพอ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 2163
- ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ธ.ค. 2008, 11:54
- Tel: 08-6965-7958
- Bike: trek 8500
- ติดต่อ:
Re: KLEIN&PRINCIPIA ใครเทพ
ผมให้เป็นเทพทั้งคู่แหละครับ
- CAVOK
- ขาประจำ
- โพสต์: 1674
- ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ส.ค. 2008, 11:23
- Tel: 081-684-9900
- team: N/A
- Bike: Cervelo P2, Giant Anthem X
- ตำแหน่ง: บางแสน ชลบุรี + รัชโยธิน กรุงเทพฯ
Re: KLEIN&PRINCIPIA ใครเทพ
ถ้าพูดถึงเรื่องนิสัย องศา ของเฟรมล้วนๆJADE555 เขียน:klein เฟรมยาว ไหล พุ่ง นุ่ม คลาสสิค เหมือนได้ขับ ดัทสัน 240 Z
prin เฟรมสั้น พุ่ง กระด้าง เข้าแทรคมันส์ เหมือนได้ขับ Evo x
มั้ง
ผมก็ว่า +1 ตามนี้เลยครับ แล้วแต่ว่าขี่สไตล์ไหนน่ะครับ
"Everyone dies, but not everyone LIVES"
ขายครับ ชุดล้อเสือหมอบ Token T50SL เบาหวิว พร้อมยาง TUFO S33Pro/Special อุปกรณ์ครบ
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... &t=1174026
ขายครับ ชุดล้อเสือหมอบ Token T50SL เบาหวิว พร้อมยาง TUFO S33Pro/Special อุปกรณ์ครบ
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... &t=1174026
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 557
- ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ม.ค. 2010, 10:46
- team: .
- Bike: Diamondback
Re: KLEIN&PRINCIPIA ใครเทพ
ถ้ามองว่าได้เฟรมพวกนี้ไปขี่แล้วเทพ ตัวไหนใส่ถ้วยคอแบบแยกได้(ไม่ฝัง)ตัวนั้นแหละเทพ เพราะสามารถใส่ถ้วยคอขิง(King)ได้ กลายเป็น เมพขิงๆ
อย่าเอาสาระอะไรกับข้อความนี้เลยครับ
อย่าเอาสาระอะไรกับข้อความนี้เลยครับ
- spacemee
- ขาประจำ
- โพสต์: 1980
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 16:39
- Tel: 081 815 8107
- Bike: Dahon, Polygon, Seven, Voodoo, Litespeed........
Re: KLEIN&PRINCIPIA ใครเทพ
Klein ผมคิดว่า เป็นเฟรมที่ท่อบนยาว นุ่ม พุ่ง ไหล งานสวยงาม สีสวยงาม ซ่อนสายเกียร์ ท่อบึกบึน แข็งแรง
Principia ผมคิดว่าเป็นเฟรมที่ท่อบนสั้น พุ่ง งานสวยงาม สีสวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว (ดำอโนไดซ์) เฟรมเบาหวิว
ผมว่าดีทั้งคู่เลยครับ
Principia ผมคิดว่าเป็นเฟรมที่ท่อบนสั้น พุ่ง งานสวยงาม สีสวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว (ดำอโนไดซ์) เฟรมเบาหวิว
ผมว่าดีทั้งคู่เลยครับ
- ไฟล์แนบ
-
- Photo0893.jpg (67.24 KiB) เข้าดูแล้ว 3640 ครั้ง
my frameset collection
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 0&t=203941
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 0&t=203941
- ZIGGA FISHER
- ขาประจำ
- โพสต์: 689
- ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ธ.ค. 2008, 02:52
- Tel: 085-227-2745
- team: แก๊งค์ไอติม
- Bike: GARY FISHER/KLEIN
Re: KLEIN&PRINCIPIA ใครเทพ
มันสูสีกินกันไม่ลงสำหรับคู่นี้ แต่ไม่ชอบ PRINCIPIA ตรงที่ใช้สติ๊กเกอร์มาแปะลงบนเฟรมนี่สิ ถ้าอะลูนิ่มนวลขี่แล้วซับแรงกระแทกได้ดี เติมแรงปั่นไม่บ่อย ไหลยาวๆ ต้อง KLEIN อีกเสียงครับ .. อยากลอง PRINCIPIA เหมือนกันเห็นยี่ห้อนี้คนขี่น้อยมาก ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดี ไม่ขอตอบแล้วกันนะครับ...
- FedEx-CEI
- ขาประจำ
- โพสต์: 723
- ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ส.ค. 2008, 17:00
- Tel: 089-700-9107
- team: ไฮโซไบค์,TTCT
- Bike: KLEIN ATTITUDE,BIANCHI FG LITE
Re: KLEIN&PRINCIPIA ใครเทพ
ผมว่า กินกันไม่ลงเท่าไหร จะพุ่งจะไหลยังไงก้อเหนื่อยอยู่ดี แล้วแต่ความชอบหละครับ klein เสียที่สีมันพองครับ prin เสียที่สติกเกอร์
- ไฟล์แนบ
-
- klein-horz (Medium).jpg (60.78 KiB) เข้าดูแล้ว 3594 ครั้ง
Just Ride It.
- ชิน
- ขาประจำ
- โพสต์: 4160
- ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 09:27
- Tel: 083-248-5558
- team: Nich-100Plus
- Bike: Nich
- ตำแหน่ง: อ่อนนุช
- ติดต่อ:
- แสนแสบ
- ขาประจำ
- โพสต์: 2129
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 13:03
- Tel: 0633269395
- Bike: Mach5, SL, Sub22, 950
Re: KLEIN&PRINCIPIA ใครเทพ
+1 แก่นแท้ของเสียจริง ๆFedEx-CEI เขียน:ผมว่า กินกันไม่ลงเท่าไหร จะพุ่งจะไหลยังไงก้อเหนื่อยอยู่ดี แล้วแต่ความชอบหละครับ klein เสียที่สีมันพองครับ prin เสียที่สติกเกอร์
จริง ๆ แล้ว Prin นอกจากแปะสติ๊กเกอร์แล้วตัว Msle pro ยังบางจนน่ากลัวจริง ๆ
- วอวิด
- ขาประจำ
- โพสต์: 389
- ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 16:50
- team: BIANCHI FACTORY TEAM
- Bike: PRINCIPIA,BMC,ORBEA,SPECIALIZED
Re: KLEIN&PRINCIPIA ใครเทพ
...PRINTCIPIA..ไม่มีปัญหาเรื่องสติกเกอร์อะไรหรอกครับ..ถ้าเฟรมตัวนั่นมาจากเดนมาร์คแบบดั่งเดิม.....ไม่ใช่ที่ผลิตจากไต้หวันแบบปัจจุบัน
ลองดูข้อมูลเก่าๆดูนะครับ
ยืมเขาเอามาปั่น กับ
[an error occurred while processing this directive]
หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับชื่อPRINCIPIAในฐานะเสือหมอบคุณภาพดีจากเดนมาร์ค ที่จริงแล้วPRINCIPIAเองก็ยังมีสาย
การผลิตจักรยานเสือภูเขาอยู่เช่นกัน เพียงแต่ผลิตออกมาปีละไม่มากนัก และมีแค่ 2 รุ่น คือ MSL และ MSL pro
ถ้าหากมาดูกันที่รายละเอียดของทั้ง 2 รุ่นแล้ว จะพบว่ารายละเอียดเกี่ยวกับรูปทรงและgeometry จะเหมือนกันแทบทุกอย่าง
จะแตกต่างกันก็ตรงที่น้ำหนักของเฟรม อันเป็นผลจากการออกแบบท่อให้มีความหนาบางแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ของ
การใช้งานเป็นสำคัญ โดยรุ่นProนั้นถูกผลิตมาเพื่อใช้สำหรับแข่งขัน น้ำหนักเฟรมเปล่าจึงแตกต่างกันกว่า100กรัม
PRINCIPIA MSL คันที่ได้นำมาทดสอบนี้ เป็นความเอื้อเฟื้อมาจากคุณสุธีร์ พีระพงษ์พรรณ หรือ พี่ติ่ง ด้วยการให้
หยิบยืมรถแข่งคู่กาย ( ซึ่งล่าสุดมานี้ก็เพิ่งคว้าตำแหน่งที่3 มาจากสนามจอมบึงไปสดๆร้อนๆ หลังจากที่ได้หยุดพักการแข่งขัน
ไปนานพอสมควร ) เอามาทำการทดสอบได้อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งเปิดไฟเขียวให้ปรับแต่งเปลี่ยนโน่นเติมนี่เข้าไปได้ตามสะดวก
หรือจะเอาไปล้มลุกคลุกคลานอย่างไรก็ไม่ว่า ว่าแต่ว่าฉันจะเอาไปปั่นไหวหรือนี่ จานหน้า48-36-26T กับเฟืองหลัง12-32T
ขาคนละเบอร์กันเลยวุ้ย
มาดูรายละเอียดรถของพี่ติ่งกันก่อนดีกว่าครับ
เฟรม Principia MSL'01 size 16.5นิ้ว
Shock SID Race'00
Stem Kooka 105 mm , 0 degree
Handle bar CT2
Drive Train 24 speeds
Crank set XTR 48-36-26T , 170mm crank arm length
Sprocket XTR 12-32T
Wheel sets
Christ King Hubs
DT titanium spokes
Mavic x-217 ceramic rims
IRC Python 2.0 x 26" ( Front )
Panaracer TrailBlaster 1.9 x 26" ( Rear )
PRINCIPIA มีเอกลักษณ์ในการออกแบบท่อต่างๆเป็น
แบบอย่างเฉพาะตัว เช่น ท่อบนที่มีลักษณะรีแบนแล้วมา
บานขยายออกเมื่อมาเชื่อมต่อกับท่อนั่ง หรือ บริเวณรอย
เชื่อมบริเวณbottom bracket shell ที่ไม่เหมือนกับ
ใคร รวมไปถึงdropout ลักษณะเฉพาะ
บริเวณ seat tube จะมีสติกเกอร์แปะเป็นป้ายประกาศให้ทราบถึงสรรพคุณ ลองแปลดู
เล่นๆได้ความประมาณว่า "ทำมาจาก Tapered and butted 7020 (AlZn4.5Mg1)
aluminum alloy ตัดแต่งด้วยCNC และประกอบด้วยมืออย่างปรานีต ผ่านกระบวนการ
ชุบแข็งด้วยความร้อนในระดับT6หรือสูงกว่า ออกแบบมาเพื่อให้มีอายุการใช้งานอย่างยาว
นาน"
PRINCIPIA เลือกใช้ 7020 aluminum alloy มาเป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิต โดยให้
เหตุผลว่าเป็นweldable aluminum alloy ที่แข็งที่สุด ( ยังมีเบอร์อื่นที่อาจจะแข็งกว่า
แต่ไม่สามารถนำมาเชื่อมเป็นชิ้นงานได้ ) และเมื่อผ่านกระบวนการชุบแข็งด้วยความร้อนถึง
ระดับ T6 แล้ว จะให้ความแข็งแรงกว่า 6061 T6 ถึง 20 %
ด้วยเหตุนี้จึงสามารถทำเฟรมที่เบาและยังคงความแข็งแรงสำหรับการใช้งานไว้ได้
- Head tube ออกแบบมาเป็นรูปถังเบียร์
(barrel shape)ร่วมกับการขยายเส้นผ่า
ศูนย์กลางเพื่อเพิ่มความแข็งแรง ทำให้ต้อง
คบหากับชุดถ้วยคอขนาด 1¼นิ้ว แต่มีชุด
adapterแถมติดมาให้ใช้กับถ้วยคอขนาด
ปกติ ( ลูกศรสีแดง )
- เสริม gusset บริเวณใต้รอยเชื่อมท่อคอ
เพื่อเพิ่มความแข็งแรง
Seat tubeขนาดใหญ่ แต่ผนังบางเฉียบ
ทำมาเพื่อใช้กับสับจานขนาด 34.9mm
เพราะหลักอานขนาด31.4mmหาไม่ได้ง่ายๆ
จึงให้adapter เพื่อให้ใช้กับหลักอานขนาด
27.2 mm ติดมาด้วย และไม่ต้องห่วงว่าใส่
ไปแล้วจะโยกไปมา หรือส่งเสียงดังออดแอด
ให้เป็นที่รำคาญ เพราะว่าตัวadapter นั้นมีความยาวถึง 3 5/8"
ปัญหาหนึ่งที่ผู้ใช้หลักอานกับadapterมัก
จะเจอได้บ่อยๆ ก็คือ การรูดเลื่อนลงมาของ
หลักอานหลังจากการใช้งานไปได้ระยะหนึ่ง
ผมเองแก้ปัญหานี้ง่ายๆด้วยการใช้แหวนรัด
สำหรับยึดไฟท้ายมารัดไว้ซะ แค่นี้ก็ไม่มีรูด
แล้ว
Dropout ลักษณะเฉพาะมีใช้อยู่ในจักรยานเพียงไม่กี่ยี่ห้อ
Stay ดัดโค้งรูปตัวS เพิ่มlateral stiffness และ
ความสวยงาม
รายงานการทดสอบ
ก่อนเอามาทดสอบ พี่ติ่งได้ตั้งคำถามให้ผมขบคิดอยู่เรื่องหนึ่งคือ "รถคันนี้มีข้อเสียอยู่ 2 ข้อ เอาไปทดสอบดูแล้วช่วยตอบให้
ด้วย " โอกาสพอดีที่BPMTB trip จะไปปั่นกันแถวๆเขาพลูตาหลวง สัตหีบ ซึ่งมีเส้นทางทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นทางเรียบ
ทางลูกรัง ทางปั่นขึ้นสถานีเรดาห์ซึ่ง"คนอยากปั่น"ผู้จัดทริปเรียกว่า"เขาฉลากน้อย" แล้วยังมีทางsingle tract ,ทางทราย
สารพัดชนิด แบบครบเครื่องสำหรับทางภูมิประเทศเลยทีเดียว ก็เลยขนเจ้าPrincipiaไปร่วมทริปดังกล่าวซะเลย
รถคันนี้เป็นรถขนาด 16.5นิ้ว ซึ่งจะลงตัวกับคนที่มีส่วนสูงระหว่าง 158 - 169 ซม. สำหรับผมซึ่งสูง167 ซม.อาจจะดูว่ารถ
เล็กไปนิดหนึ่งก็ได้ แต่ถ้าเป็นขนาด17.5นิ้วนั้นจะเหมาะสำหรับคนที่สูง 165 -175 ซม. เอาหละสิคร่อมsize อีกแล้ว? เลือก
คร่อมsize เล็กดีกว่าครับ (แต่สำหรับพี่ติ่งซึ่งสูง 163ซม. รถคันนี้พอดีกับพี่เขาพอดี) รถคันนี้ถูกset ความยาวของstemมา
ไว้ที่ 105mm กับมุม 0องศา ใช้หลักอานCT2 ซึ่งเป็นหลักอานเยื้องหลัง ผมเองลองเปลี่ยนstemให้ยาวขึ้นเป็น120 mm
และใช้หลักอานThomsonมาใส่แทน ปรับระยะหน้าหลังของเบาะและความสูงจนได้ที่ แต่สุดท้ายก็ไม่ถูกใจ เนื่องจากหน้า
มันไวเกินไป เลี้ยวแล้วมันจะพับ ก็เลยกลับมาใช้ของเดิม แค่ยกเบาะขึ้นมาให้ได้ระยะขาของผมเท่านั้น ทุกอย่างก็ดูเหมือนว่าจะ
ลงตัว และไปได้ด้วยดี
เรามาชมส่วนสัด เอ๊ยสัดส่วนที่วัดกันจริงดีกว่าครับ
Seat tube length หรือความยาวของท่อนั่ง ( ดูวิธีการวัดในนานาสาระ เรื่อง การเลือกขนาดและปรับจักรยาน
ให้เข้ากับตัวเรา )
ถ้าหากวัดในแบบ center to center จะอยู่ที่ 14นิ้ว
ถ้าหากวัดในแบบcenter to top of seat tubeจะอยู่ที่ 16 3/8นิ้ว
Top tube length หรือความยาวของท่อบน
Effective top tube length 21½นิ้ว
Stand over height 27½นิ้ว
Chain stay length16.7 นิ้ว
ความสูงของกึ่งกลางกระโหลกถึงพื้นประมาณ 11 5/8นิ้ว
ฐานล้อ ยาว 40 7/8 นิ้ว
มุมท่อคอ( head tube angle ) จากโรงงาน 71.0องศา
มุมท่อนั่ง( seat tube angle ) จากโรงงาน 73.0องศา
สนามทดสอบของเราในวันที่ไปออกทริปนั้นจะมีระยะทางทั้งสิ้นประมาณเกือบๆ 60 กม.ทีเดียว ความรู้สึกในทางเรียบนั้นบอก
ได้เลยว่า พุ่ง รวมไปถึงการตอบสนองต่อการหักเลี้ยวเป็นไปอย่างรวดเร็วทันอกทันใจ สมกับที่เป็นรถที่ใช้สำหรับ
แข่งขัน เมื่อเข้าไปปั่นในทางภูมิประเทศ ซึ่งเป็นเส้นทางที่พวกเราจะใช้ปั่นจริงๆ ผมกลับมีความรู้สึกคล้ายๆว่า กำลังนั่งปั่นเจ้า
Ritcheyอยู่อย่างไรก็อย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความพุ่ง การตอบสนองต่อการเลี้ยวและเปลี่ยนทิศทาง จะต่างกันก็ตรงที่
PRINCIPIAทำจากอลูมิเนียม ก็เลยมีนิสัยของอลูมิเนียมอยู่ในตัวคือเรื่องของความstiffแบบสุดๆ พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือว่า
เฟรมตัวนี้ให้ความรู้สึกที่แข็ง แต่ก็แปลกเหมือนกันที่ไม่ค่อยจะรู้สึกกระด้างเหมือนกับเฟรมอลูมิเนียมหลายตัวที่
เคยผ่านมือมา ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นผลมาจากลักษณะของท่อที่ถูกออกแบบมาไม่เหมือนใคร รวมไปถึงชุดล้อที่ใช้ซี่ลวดไททา-
เนียมซึ่งจะให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลกว่าซี่สเตนเลสทั่วไป
ทางSingle tract ในทริปนี้ เป็นทางแคบๆ เลี้ยวลดคดเคี้ยวไปมา แถมด้วยร่องน้ำและสันหิน ผลที่ได้พบว่าPRINCIPIA
ให้ความคล่องตัวสูงมาก สามารถเลื้อยเลาะผ่านออกเข้าออกได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะช่วงสุดท้ายที่เป็น
ทางแคบ ลาดชัน และหักโค้ง ก็สามารถบังคับให้ไหลลงมาและเลี้ยวหลบออกมาได้โดยไม่ฝากรอยล้มเอาไว้
ให้เจ็บเนื้อเจ็บตัว และระดับความสูงของกระโหลกจากพื้นดินที่กำลังเหมาะ ช่วยให้สามารถรอดพ้นฝ่าฟัน
อุปสรรคได้เป็นอย่างดี และยังรักษาสมดุลการทรงตัวไว้ได้อย่างง่ายดาย
ความรู้สึกส่วนตัวอีกอย่างหนึ่งก็คือ รถคันนี้ปั่นขึ้นเขาได้ดี เพราะในทันทีที่ผู้นำทริปบอกว่า จะพาขึ้นไปสถานีเรดาห์ ซึ่งพี่
KN เรียกว่า เขาฉลากน้อย ผมก็เริ่มเกิดความรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในเรี่ยวแรงของตัวเองเท่าไหร่ จริงๆแล้วทางขึ้นก็ไม่ถึงกับจะ
เรียกว่าชันมาก แต่ก็นับว่าชันเอาการเป็นบางช่วงและชันตลอดทางไม่มีทางราบให้พักขา แถมจานหน้าใบเล็กขนาด 26T นี่ไม่
ใช่เรื่องเล่นๆเลยหละ สำหรับเรี่ยวแรงในระดับเฉลี่ยแบบผม แต่เมื่อต้องปั่นขึ้นไปจริงๆกลับพบว่าไม่ยากอย่างที่คิด
เฟรมที่stiffช่วยให้ส่งแรงได้อย่างต่อเนื่อง มุมรถที่ลงตัวทำให้สามารถทรงตัวและถ่ายน้ำหนักได้อย่างเหมาะสม ไม่ทำให้รู้สึกฝืนหรือติดขัด ก็เลยปั่นรวดเดียวจนสุดทางโดยไม่ต้องลงมาจูง
ส่วนช่วงที่ปั่นลงหรือปล่อยไหลลงมานั้นกลับไม่ค่อยจะรู้สึกว่ารถคันนี้ควบคุมยากแต่อย่างใด ( โดยธรรมชาติของรถ
ที่ขึ้นเขาได้ดีนั้น มักจะลงเขาได้อย่างน่าตื่นเต้นเป็นพิเศษ ) ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นStemที่สั้น ร่วมกับเบาะที่ถูกsetไปด้านหลัง
พอสมควร ทำให้นน.ถูกถ่ายไปด้านหลังบ้างอยู่แล้ว จึงมีผลให้การบังคับควบคุมในขณะปล่อยไหลลงมานั้นเป็นไปได้ง่ายขึ้น
แต่ความรู้สึกโดยรวมก็ยังสัมผัสได้ถึงความไวในการตอบสนองอยู่ดี และอีกส่วนหนึ่งอาจจะมาจากความคุ้นเคย
อาการของรถที่มีท่อบนสั้นๆอย่างRitcheyมาก่อน เมื่อมาลองPRINCIPIAก็เลยไม่รู้สึกถึงความยุ่งยากในการบังคับรถก็เป็น
ไปได้
รวมความเบ็ดเสร็จระยะทางไปได้ 56กม. กับเวลาตั้งแต่สายถึงเย็น กับเส้นทางแทบทุกรูปแบบ บอกได้เลยว่าดีสมกับชื่อจริงๆ
PRINCIPIA เป็นรูปพหูพจน์ของคำว่า PRINCIPIUM ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาLatin ถ้าจะแปลให้สละสลวยก็คงจะ
ต้องแปลว่า " เป็นความจริงที่ไม่จำเป็นต้องหาบทพิสูจน์ "
หลังจากนำรถกลับมาทำความสะอาด และถ่ายรูป ก็พยายามจะหาข้อเสียของมันทั้ง 2 ข้อให้ได้ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังหาไม่พบ
เรื่องทั้งหมดก็ถูกเฉลยโดยพี่ติ่งเจ้าของรถดังนี้
1. เปลืองผ้าเบรคมากกว่ารถคันอื่นๆที่เคยใช้มา เพราะพุ่งมาก! เลยต้องใช้เบรคมากกว่าปกติ
2. เฟรมเปล่ามันแพงไปนิด นี่ถ้าหากว่าราคาแค่หมื่นเศษๆก็คงจะดีอยู่หรอก ..... เอิ๊กกกก
โห.... ผมเนี้ยอึ้งไปเลย
ลองดูข้อมูลเก่าๆดูนะครับ
ยืมเขาเอามาปั่น กับ
[an error occurred while processing this directive]
หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับชื่อPRINCIPIAในฐานะเสือหมอบคุณภาพดีจากเดนมาร์ค ที่จริงแล้วPRINCIPIAเองก็ยังมีสาย
การผลิตจักรยานเสือภูเขาอยู่เช่นกัน เพียงแต่ผลิตออกมาปีละไม่มากนัก และมีแค่ 2 รุ่น คือ MSL และ MSL pro
ถ้าหากมาดูกันที่รายละเอียดของทั้ง 2 รุ่นแล้ว จะพบว่ารายละเอียดเกี่ยวกับรูปทรงและgeometry จะเหมือนกันแทบทุกอย่าง
จะแตกต่างกันก็ตรงที่น้ำหนักของเฟรม อันเป็นผลจากการออกแบบท่อให้มีความหนาบางแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ของ
การใช้งานเป็นสำคัญ โดยรุ่นProนั้นถูกผลิตมาเพื่อใช้สำหรับแข่งขัน น้ำหนักเฟรมเปล่าจึงแตกต่างกันกว่า100กรัม
PRINCIPIA MSL คันที่ได้นำมาทดสอบนี้ เป็นความเอื้อเฟื้อมาจากคุณสุธีร์ พีระพงษ์พรรณ หรือ พี่ติ่ง ด้วยการให้
หยิบยืมรถแข่งคู่กาย ( ซึ่งล่าสุดมานี้ก็เพิ่งคว้าตำแหน่งที่3 มาจากสนามจอมบึงไปสดๆร้อนๆ หลังจากที่ได้หยุดพักการแข่งขัน
ไปนานพอสมควร ) เอามาทำการทดสอบได้อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งเปิดไฟเขียวให้ปรับแต่งเปลี่ยนโน่นเติมนี่เข้าไปได้ตามสะดวก
หรือจะเอาไปล้มลุกคลุกคลานอย่างไรก็ไม่ว่า ว่าแต่ว่าฉันจะเอาไปปั่นไหวหรือนี่ จานหน้า48-36-26T กับเฟืองหลัง12-32T
ขาคนละเบอร์กันเลยวุ้ย
มาดูรายละเอียดรถของพี่ติ่งกันก่อนดีกว่าครับ
เฟรม Principia MSL'01 size 16.5นิ้ว
Shock SID Race'00
Stem Kooka 105 mm , 0 degree
Handle bar CT2
Drive Train 24 speeds
Crank set XTR 48-36-26T , 170mm crank arm length
Sprocket XTR 12-32T
Wheel sets
Christ King Hubs
DT titanium spokes
Mavic x-217 ceramic rims
IRC Python 2.0 x 26" ( Front )
Panaracer TrailBlaster 1.9 x 26" ( Rear )
PRINCIPIA มีเอกลักษณ์ในการออกแบบท่อต่างๆเป็น
แบบอย่างเฉพาะตัว เช่น ท่อบนที่มีลักษณะรีแบนแล้วมา
บานขยายออกเมื่อมาเชื่อมต่อกับท่อนั่ง หรือ บริเวณรอย
เชื่อมบริเวณbottom bracket shell ที่ไม่เหมือนกับ
ใคร รวมไปถึงdropout ลักษณะเฉพาะ
บริเวณ seat tube จะมีสติกเกอร์แปะเป็นป้ายประกาศให้ทราบถึงสรรพคุณ ลองแปลดู
เล่นๆได้ความประมาณว่า "ทำมาจาก Tapered and butted 7020 (AlZn4.5Mg1)
aluminum alloy ตัดแต่งด้วยCNC และประกอบด้วยมืออย่างปรานีต ผ่านกระบวนการ
ชุบแข็งด้วยความร้อนในระดับT6หรือสูงกว่า ออกแบบมาเพื่อให้มีอายุการใช้งานอย่างยาว
นาน"
PRINCIPIA เลือกใช้ 7020 aluminum alloy มาเป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิต โดยให้
เหตุผลว่าเป็นweldable aluminum alloy ที่แข็งที่สุด ( ยังมีเบอร์อื่นที่อาจจะแข็งกว่า
แต่ไม่สามารถนำมาเชื่อมเป็นชิ้นงานได้ ) และเมื่อผ่านกระบวนการชุบแข็งด้วยความร้อนถึง
ระดับ T6 แล้ว จะให้ความแข็งแรงกว่า 6061 T6 ถึง 20 %
ด้วยเหตุนี้จึงสามารถทำเฟรมที่เบาและยังคงความแข็งแรงสำหรับการใช้งานไว้ได้
- Head tube ออกแบบมาเป็นรูปถังเบียร์
(barrel shape)ร่วมกับการขยายเส้นผ่า
ศูนย์กลางเพื่อเพิ่มความแข็งแรง ทำให้ต้อง
คบหากับชุดถ้วยคอขนาด 1¼นิ้ว แต่มีชุด
adapterแถมติดมาให้ใช้กับถ้วยคอขนาด
ปกติ ( ลูกศรสีแดง )
- เสริม gusset บริเวณใต้รอยเชื่อมท่อคอ
เพื่อเพิ่มความแข็งแรง
Seat tubeขนาดใหญ่ แต่ผนังบางเฉียบ
ทำมาเพื่อใช้กับสับจานขนาด 34.9mm
เพราะหลักอานขนาด31.4mmหาไม่ได้ง่ายๆ
จึงให้adapter เพื่อให้ใช้กับหลักอานขนาด
27.2 mm ติดมาด้วย และไม่ต้องห่วงว่าใส่
ไปแล้วจะโยกไปมา หรือส่งเสียงดังออดแอด
ให้เป็นที่รำคาญ เพราะว่าตัวadapter นั้นมีความยาวถึง 3 5/8"
ปัญหาหนึ่งที่ผู้ใช้หลักอานกับadapterมัก
จะเจอได้บ่อยๆ ก็คือ การรูดเลื่อนลงมาของ
หลักอานหลังจากการใช้งานไปได้ระยะหนึ่ง
ผมเองแก้ปัญหานี้ง่ายๆด้วยการใช้แหวนรัด
สำหรับยึดไฟท้ายมารัดไว้ซะ แค่นี้ก็ไม่มีรูด
แล้ว
Dropout ลักษณะเฉพาะมีใช้อยู่ในจักรยานเพียงไม่กี่ยี่ห้อ
Stay ดัดโค้งรูปตัวS เพิ่มlateral stiffness และ
ความสวยงาม
รายงานการทดสอบ
ก่อนเอามาทดสอบ พี่ติ่งได้ตั้งคำถามให้ผมขบคิดอยู่เรื่องหนึ่งคือ "รถคันนี้มีข้อเสียอยู่ 2 ข้อ เอาไปทดสอบดูแล้วช่วยตอบให้
ด้วย " โอกาสพอดีที่BPMTB trip จะไปปั่นกันแถวๆเขาพลูตาหลวง สัตหีบ ซึ่งมีเส้นทางทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นทางเรียบ
ทางลูกรัง ทางปั่นขึ้นสถานีเรดาห์ซึ่ง"คนอยากปั่น"ผู้จัดทริปเรียกว่า"เขาฉลากน้อย" แล้วยังมีทางsingle tract ,ทางทราย
สารพัดชนิด แบบครบเครื่องสำหรับทางภูมิประเทศเลยทีเดียว ก็เลยขนเจ้าPrincipiaไปร่วมทริปดังกล่าวซะเลย
รถคันนี้เป็นรถขนาด 16.5นิ้ว ซึ่งจะลงตัวกับคนที่มีส่วนสูงระหว่าง 158 - 169 ซม. สำหรับผมซึ่งสูง167 ซม.อาจจะดูว่ารถ
เล็กไปนิดหนึ่งก็ได้ แต่ถ้าเป็นขนาด17.5นิ้วนั้นจะเหมาะสำหรับคนที่สูง 165 -175 ซม. เอาหละสิคร่อมsize อีกแล้ว? เลือก
คร่อมsize เล็กดีกว่าครับ (แต่สำหรับพี่ติ่งซึ่งสูง 163ซม. รถคันนี้พอดีกับพี่เขาพอดี) รถคันนี้ถูกset ความยาวของstemมา
ไว้ที่ 105mm กับมุม 0องศา ใช้หลักอานCT2 ซึ่งเป็นหลักอานเยื้องหลัง ผมเองลองเปลี่ยนstemให้ยาวขึ้นเป็น120 mm
และใช้หลักอานThomsonมาใส่แทน ปรับระยะหน้าหลังของเบาะและความสูงจนได้ที่ แต่สุดท้ายก็ไม่ถูกใจ เนื่องจากหน้า
มันไวเกินไป เลี้ยวแล้วมันจะพับ ก็เลยกลับมาใช้ของเดิม แค่ยกเบาะขึ้นมาให้ได้ระยะขาของผมเท่านั้น ทุกอย่างก็ดูเหมือนว่าจะ
ลงตัว และไปได้ด้วยดี
เรามาชมส่วนสัด เอ๊ยสัดส่วนที่วัดกันจริงดีกว่าครับ
Seat tube length หรือความยาวของท่อนั่ง ( ดูวิธีการวัดในนานาสาระ เรื่อง การเลือกขนาดและปรับจักรยาน
ให้เข้ากับตัวเรา )
ถ้าหากวัดในแบบ center to center จะอยู่ที่ 14นิ้ว
ถ้าหากวัดในแบบcenter to top of seat tubeจะอยู่ที่ 16 3/8นิ้ว
Top tube length หรือความยาวของท่อบน
Effective top tube length 21½นิ้ว
Stand over height 27½นิ้ว
Chain stay length16.7 นิ้ว
ความสูงของกึ่งกลางกระโหลกถึงพื้นประมาณ 11 5/8นิ้ว
ฐานล้อ ยาว 40 7/8 นิ้ว
มุมท่อคอ( head tube angle ) จากโรงงาน 71.0องศา
มุมท่อนั่ง( seat tube angle ) จากโรงงาน 73.0องศา
สนามทดสอบของเราในวันที่ไปออกทริปนั้นจะมีระยะทางทั้งสิ้นประมาณเกือบๆ 60 กม.ทีเดียว ความรู้สึกในทางเรียบนั้นบอก
ได้เลยว่า พุ่ง รวมไปถึงการตอบสนองต่อการหักเลี้ยวเป็นไปอย่างรวดเร็วทันอกทันใจ สมกับที่เป็นรถที่ใช้สำหรับ
แข่งขัน เมื่อเข้าไปปั่นในทางภูมิประเทศ ซึ่งเป็นเส้นทางที่พวกเราจะใช้ปั่นจริงๆ ผมกลับมีความรู้สึกคล้ายๆว่า กำลังนั่งปั่นเจ้า
Ritcheyอยู่อย่างไรก็อย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความพุ่ง การตอบสนองต่อการเลี้ยวและเปลี่ยนทิศทาง จะต่างกันก็ตรงที่
PRINCIPIAทำจากอลูมิเนียม ก็เลยมีนิสัยของอลูมิเนียมอยู่ในตัวคือเรื่องของความstiffแบบสุดๆ พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือว่า
เฟรมตัวนี้ให้ความรู้สึกที่แข็ง แต่ก็แปลกเหมือนกันที่ไม่ค่อยจะรู้สึกกระด้างเหมือนกับเฟรมอลูมิเนียมหลายตัวที่
เคยผ่านมือมา ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นผลมาจากลักษณะของท่อที่ถูกออกแบบมาไม่เหมือนใคร รวมไปถึงชุดล้อที่ใช้ซี่ลวดไททา-
เนียมซึ่งจะให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลกว่าซี่สเตนเลสทั่วไป
ทางSingle tract ในทริปนี้ เป็นทางแคบๆ เลี้ยวลดคดเคี้ยวไปมา แถมด้วยร่องน้ำและสันหิน ผลที่ได้พบว่าPRINCIPIA
ให้ความคล่องตัวสูงมาก สามารถเลื้อยเลาะผ่านออกเข้าออกได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะช่วงสุดท้ายที่เป็น
ทางแคบ ลาดชัน และหักโค้ง ก็สามารถบังคับให้ไหลลงมาและเลี้ยวหลบออกมาได้โดยไม่ฝากรอยล้มเอาไว้
ให้เจ็บเนื้อเจ็บตัว และระดับความสูงของกระโหลกจากพื้นดินที่กำลังเหมาะ ช่วยให้สามารถรอดพ้นฝ่าฟัน
อุปสรรคได้เป็นอย่างดี และยังรักษาสมดุลการทรงตัวไว้ได้อย่างง่ายดาย
ความรู้สึกส่วนตัวอีกอย่างหนึ่งก็คือ รถคันนี้ปั่นขึ้นเขาได้ดี เพราะในทันทีที่ผู้นำทริปบอกว่า จะพาขึ้นไปสถานีเรดาห์ ซึ่งพี่
KN เรียกว่า เขาฉลากน้อย ผมก็เริ่มเกิดความรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในเรี่ยวแรงของตัวเองเท่าไหร่ จริงๆแล้วทางขึ้นก็ไม่ถึงกับจะ
เรียกว่าชันมาก แต่ก็นับว่าชันเอาการเป็นบางช่วงและชันตลอดทางไม่มีทางราบให้พักขา แถมจานหน้าใบเล็กขนาด 26T นี่ไม่
ใช่เรื่องเล่นๆเลยหละ สำหรับเรี่ยวแรงในระดับเฉลี่ยแบบผม แต่เมื่อต้องปั่นขึ้นไปจริงๆกลับพบว่าไม่ยากอย่างที่คิด
เฟรมที่stiffช่วยให้ส่งแรงได้อย่างต่อเนื่อง มุมรถที่ลงตัวทำให้สามารถทรงตัวและถ่ายน้ำหนักได้อย่างเหมาะสม ไม่ทำให้รู้สึกฝืนหรือติดขัด ก็เลยปั่นรวดเดียวจนสุดทางโดยไม่ต้องลงมาจูง
ส่วนช่วงที่ปั่นลงหรือปล่อยไหลลงมานั้นกลับไม่ค่อยจะรู้สึกว่ารถคันนี้ควบคุมยากแต่อย่างใด ( โดยธรรมชาติของรถ
ที่ขึ้นเขาได้ดีนั้น มักจะลงเขาได้อย่างน่าตื่นเต้นเป็นพิเศษ ) ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นStemที่สั้น ร่วมกับเบาะที่ถูกsetไปด้านหลัง
พอสมควร ทำให้นน.ถูกถ่ายไปด้านหลังบ้างอยู่แล้ว จึงมีผลให้การบังคับควบคุมในขณะปล่อยไหลลงมานั้นเป็นไปได้ง่ายขึ้น
แต่ความรู้สึกโดยรวมก็ยังสัมผัสได้ถึงความไวในการตอบสนองอยู่ดี และอีกส่วนหนึ่งอาจจะมาจากความคุ้นเคย
อาการของรถที่มีท่อบนสั้นๆอย่างRitcheyมาก่อน เมื่อมาลองPRINCIPIAก็เลยไม่รู้สึกถึงความยุ่งยากในการบังคับรถก็เป็น
ไปได้
รวมความเบ็ดเสร็จระยะทางไปได้ 56กม. กับเวลาตั้งแต่สายถึงเย็น กับเส้นทางแทบทุกรูปแบบ บอกได้เลยว่าดีสมกับชื่อจริงๆ
PRINCIPIA เป็นรูปพหูพจน์ของคำว่า PRINCIPIUM ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาLatin ถ้าจะแปลให้สละสลวยก็คงจะ
ต้องแปลว่า " เป็นความจริงที่ไม่จำเป็นต้องหาบทพิสูจน์ "
หลังจากนำรถกลับมาทำความสะอาด และถ่ายรูป ก็พยายามจะหาข้อเสียของมันทั้ง 2 ข้อให้ได้ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังหาไม่พบ
เรื่องทั้งหมดก็ถูกเฉลยโดยพี่ติ่งเจ้าของรถดังนี้
1. เปลืองผ้าเบรคมากกว่ารถคันอื่นๆที่เคยใช้มา เพราะพุ่งมาก! เลยต้องใช้เบรคมากกว่าปกติ
2. เฟรมเปล่ามันแพงไปนิด นี่ถ้าหากว่าราคาแค่หมื่นเศษๆก็คงจะดีอยู่หรอก ..... เอิ๊กกกก
โห.... ผมเนี้ยอึ้งไปเลย
- khachi
- สมาชิก
- โพสต์: 95
- ลงทะเบียนเมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 19:13
- team: รถไม่แพง แรงอย่างเดียว
- Bike: TREK 8500
Re: KLEIN&PRINCIPIA ใครเทพ
ถ้ามีวาสนาได้ขี่คงจะเทพครับ ตอนนี้ขอเป็นป๋าเทพไปก่อน
ปั่นมันทุกวัน...
อย่างน้อยเวลาออกทริบก็หนีรถเก็บตามหลังได้ -0-
อย่างน้อยเวลาออกทริบก็หนีรถเก็บตามหลังได้ -0-
- spacemee
- ขาประจำ
- โพสต์: 1980
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 16:39
- Tel: 081 815 8107
- Bike: Dahon, Polygon, Seven, Voodoo, Litespeed........
Re: KLEIN&PRINCIPIA ใครเทพ
เขียนเรื่องได้ สนุกตื่นเต้นเชียวครับ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆที่นำมาเล่านะครับวอวิด เขียน:...PRINTCIPIA..ไม่มีปัญหาเรื่องสติกเกอร์อะไรหรอกครับ..ถ้าเฟรมตัวนั่นมาจากเดนมาร์คแบบดั่งเดิม.....ไม่ใช่ที่ผลิตจากไต้หวันแบบปัจจุบัน
ลองดูข้อมูลเก่าๆดูนะครับ
ยืมเขาเอามาปั่น กับ
[an error occurred while processing this directive]
หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับชื่อPRINCIPIAในฐานะเสือหมอบคุณภาพดีจากเดนมาร์ค ที่จริงแล้วPRINCIPIAเองก็ยังมีสาย
การผลิตจักรยานเสือภูเขาอยู่เช่นกัน เพียงแต่ผลิตออกมาปีละไม่มากนัก และมีแค่ 2 รุ่น คือ MSL และ MSL pro
ถ้าหากมาดูกันที่รายละเอียดของทั้ง 2 รุ่นแล้ว จะพบว่ารายละเอียดเกี่ยวกับรูปทรงและgeometry จะเหมือนกันแทบทุกอย่าง
จะแตกต่างกันก็ตรงที่น้ำหนักของเฟรม อันเป็นผลจากการออกแบบท่อให้มีความหนาบางแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ของ
การใช้งานเป็นสำคัญ โดยรุ่นProนั้นถูกผลิตมาเพื่อใช้สำหรับแข่งขัน น้ำหนักเฟรมเปล่าจึงแตกต่างกันกว่า100กรัม
PRINCIPIA MSL คันที่ได้นำมาทดสอบนี้ เป็นความเอื้อเฟื้อมาจากคุณสุธีร์ พีระพงษ์พรรณ หรือ พี่ติ่ง ด้วยการให้
หยิบยืมรถแข่งคู่กาย ( ซึ่งล่าสุดมานี้ก็เพิ่งคว้าตำแหน่งที่3 มาจากสนามจอมบึงไปสดๆร้อนๆ หลังจากที่ได้หยุดพักการแข่งขัน
ไปนานพอสมควร ) เอามาทำการทดสอบได้อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งเปิดไฟเขียวให้ปรับแต่งเปลี่ยนโน่นเติมนี่เข้าไปได้ตามสะดวก
หรือจะเอาไปล้มลุกคลุกคลานอย่างไรก็ไม่ว่า ว่าแต่ว่าฉันจะเอาไปปั่นไหวหรือนี่ จานหน้า48-36-26T กับเฟืองหลัง12-32T
ขาคนละเบอร์กันเลยวุ้ย
มาดูรายละเอียดรถของพี่ติ่งกันก่อนดีกว่าครับ
เฟรม Principia MSL'01 size 16.5นิ้ว
Shock SID Race'00
Stem Kooka 105 mm , 0 degree
Handle bar CT2
Drive Train 24 speeds
Crank set XTR 48-36-26T , 170mm crank arm length
Sprocket XTR 12-32T
Wheel sets
Christ King Hubs
DT titanium spokes
Mavic x-217 ceramic rims
IRC Python 2.0 x 26" ( Front )
Panaracer TrailBlaster 1.9 x 26" ( Rear )
PRINCIPIA มีเอกลักษณ์ในการออกแบบท่อต่างๆเป็น
แบบอย่างเฉพาะตัว เช่น ท่อบนที่มีลักษณะรีแบนแล้วมา
บานขยายออกเมื่อมาเชื่อมต่อกับท่อนั่ง หรือ บริเวณรอย
เชื่อมบริเวณbottom bracket shell ที่ไม่เหมือนกับ
ใคร รวมไปถึงdropout ลักษณะเฉพาะ
บริเวณ seat tube จะมีสติกเกอร์แปะเป็นป้ายประกาศให้ทราบถึงสรรพคุณ ลองแปลดู
เล่นๆได้ความประมาณว่า "ทำมาจาก Tapered and butted 7020 (AlZn4.5Mg1)
aluminum alloy ตัดแต่งด้วยCNC และประกอบด้วยมืออย่างปรานีต ผ่านกระบวนการ
ชุบแข็งด้วยความร้อนในระดับT6หรือสูงกว่า ออกแบบมาเพื่อให้มีอายุการใช้งานอย่างยาว
นาน"
PRINCIPIA เลือกใช้ 7020 aluminum alloy มาเป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิต โดยให้
เหตุผลว่าเป็นweldable aluminum alloy ที่แข็งที่สุด ( ยังมีเบอร์อื่นที่อาจจะแข็งกว่า
แต่ไม่สามารถนำมาเชื่อมเป็นชิ้นงานได้ ) และเมื่อผ่านกระบวนการชุบแข็งด้วยความร้อนถึง
ระดับ T6 แล้ว จะให้ความแข็งแรงกว่า 6061 T6 ถึง 20 %
ด้วยเหตุนี้จึงสามารถทำเฟรมที่เบาและยังคงความแข็งแรงสำหรับการใช้งานไว้ได้
- Head tube ออกแบบมาเป็นรูปถังเบียร์
(barrel shape)ร่วมกับการขยายเส้นผ่า
ศูนย์กลางเพื่อเพิ่มความแข็งแรง ทำให้ต้อง
คบหากับชุดถ้วยคอขนาด 1¼นิ้ว แต่มีชุด
adapterแถมติดมาให้ใช้กับถ้วยคอขนาด
ปกติ ( ลูกศรสีแดง )
- เสริม gusset บริเวณใต้รอยเชื่อมท่อคอ
เพื่อเพิ่มความแข็งแรง
Seat tubeขนาดใหญ่ แต่ผนังบางเฉียบ
ทำมาเพื่อใช้กับสับจานขนาด 34.9mm
เพราะหลักอานขนาด31.4mmหาไม่ได้ง่ายๆ
จึงให้adapter เพื่อให้ใช้กับหลักอานขนาด
27.2 mm ติดมาด้วย และไม่ต้องห่วงว่าใส่
ไปแล้วจะโยกไปมา หรือส่งเสียงดังออดแอด
ให้เป็นที่รำคาญ เพราะว่าตัวadapter นั้นมีความยาวถึง 3 5/8"
ปัญหาหนึ่งที่ผู้ใช้หลักอานกับadapterมัก
จะเจอได้บ่อยๆ ก็คือ การรูดเลื่อนลงมาของ
หลักอานหลังจากการใช้งานไปได้ระยะหนึ่ง
ผมเองแก้ปัญหานี้ง่ายๆด้วยการใช้แหวนรัด
สำหรับยึดไฟท้ายมารัดไว้ซะ แค่นี้ก็ไม่มีรูด
แล้ว
Dropout ลักษณะเฉพาะมีใช้อยู่ในจักรยานเพียงไม่กี่ยี่ห้อ
Stay ดัดโค้งรูปตัวS เพิ่มlateral stiffness และ
ความสวยงาม
รายงานการทดสอบ
ก่อนเอามาทดสอบ พี่ติ่งได้ตั้งคำถามให้ผมขบคิดอยู่เรื่องหนึ่งคือ "รถคันนี้มีข้อเสียอยู่ 2 ข้อ เอาไปทดสอบดูแล้วช่วยตอบให้
ด้วย " โอกาสพอดีที่BPMTB trip จะไปปั่นกันแถวๆเขาพลูตาหลวง สัตหีบ ซึ่งมีเส้นทางทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นทางเรียบ
ทางลูกรัง ทางปั่นขึ้นสถานีเรดาห์ซึ่ง"คนอยากปั่น"ผู้จัดทริปเรียกว่า"เขาฉลากน้อย" แล้วยังมีทางsingle tract ,ทางทราย
สารพัดชนิด แบบครบเครื่องสำหรับทางภูมิประเทศเลยทีเดียว ก็เลยขนเจ้าPrincipiaไปร่วมทริปดังกล่าวซะเลย
รถคันนี้เป็นรถขนาด 16.5นิ้ว ซึ่งจะลงตัวกับคนที่มีส่วนสูงระหว่าง 158 - 169 ซม. สำหรับผมซึ่งสูง167 ซม.อาจจะดูว่ารถ
เล็กไปนิดหนึ่งก็ได้ แต่ถ้าเป็นขนาด17.5นิ้วนั้นจะเหมาะสำหรับคนที่สูง 165 -175 ซม. เอาหละสิคร่อมsize อีกแล้ว? เลือก
คร่อมsize เล็กดีกว่าครับ (แต่สำหรับพี่ติ่งซึ่งสูง 163ซม. รถคันนี้พอดีกับพี่เขาพอดี) รถคันนี้ถูกset ความยาวของstemมา
ไว้ที่ 105mm กับมุม 0องศา ใช้หลักอานCT2 ซึ่งเป็นหลักอานเยื้องหลัง ผมเองลองเปลี่ยนstemให้ยาวขึ้นเป็น120 mm
และใช้หลักอานThomsonมาใส่แทน ปรับระยะหน้าหลังของเบาะและความสูงจนได้ที่ แต่สุดท้ายก็ไม่ถูกใจ เนื่องจากหน้า
มันไวเกินไป เลี้ยวแล้วมันจะพับ ก็เลยกลับมาใช้ของเดิม แค่ยกเบาะขึ้นมาให้ได้ระยะขาของผมเท่านั้น ทุกอย่างก็ดูเหมือนว่าจะ
ลงตัว และไปได้ด้วยดี
เรามาชมส่วนสัด เอ๊ยสัดส่วนที่วัดกันจริงดีกว่าครับ
Seat tube length หรือความยาวของท่อนั่ง ( ดูวิธีการวัดในนานาสาระ เรื่อง การเลือกขนาดและปรับจักรยาน
ให้เข้ากับตัวเรา )
ถ้าหากวัดในแบบ center to center จะอยู่ที่ 14นิ้ว
ถ้าหากวัดในแบบcenter to top of seat tubeจะอยู่ที่ 16 3/8นิ้ว
Top tube length หรือความยาวของท่อบน
Effective top tube length 21½นิ้ว
Stand over height 27½นิ้ว
Chain stay length16.7 นิ้ว
ความสูงของกึ่งกลางกระโหลกถึงพื้นประมาณ 11 5/8นิ้ว
ฐานล้อ ยาว 40 7/8 นิ้ว
มุมท่อคอ( head tube angle ) จากโรงงาน 71.0องศา
มุมท่อนั่ง( seat tube angle ) จากโรงงาน 73.0องศา
สนามทดสอบของเราในวันที่ไปออกทริปนั้นจะมีระยะทางทั้งสิ้นประมาณเกือบๆ 60 กม.ทีเดียว ความรู้สึกในทางเรียบนั้นบอก
ได้เลยว่า พุ่ง รวมไปถึงการตอบสนองต่อการหักเลี้ยวเป็นไปอย่างรวดเร็วทันอกทันใจ สมกับที่เป็นรถที่ใช้สำหรับ
แข่งขัน เมื่อเข้าไปปั่นในทางภูมิประเทศ ซึ่งเป็นเส้นทางที่พวกเราจะใช้ปั่นจริงๆ ผมกลับมีความรู้สึกคล้ายๆว่า กำลังนั่งปั่นเจ้า
Ritcheyอยู่อย่างไรก็อย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความพุ่ง การตอบสนองต่อการเลี้ยวและเปลี่ยนทิศทาง จะต่างกันก็ตรงที่
PRINCIPIAทำจากอลูมิเนียม ก็เลยมีนิสัยของอลูมิเนียมอยู่ในตัวคือเรื่องของความstiffแบบสุดๆ พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือว่า
เฟรมตัวนี้ให้ความรู้สึกที่แข็ง แต่ก็แปลกเหมือนกันที่ไม่ค่อยจะรู้สึกกระด้างเหมือนกับเฟรมอลูมิเนียมหลายตัวที่
เคยผ่านมือมา ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นผลมาจากลักษณะของท่อที่ถูกออกแบบมาไม่เหมือนใคร รวมไปถึงชุดล้อที่ใช้ซี่ลวดไททา-
เนียมซึ่งจะให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลกว่าซี่สเตนเลสทั่วไป
ทางSingle tract ในทริปนี้ เป็นทางแคบๆ เลี้ยวลดคดเคี้ยวไปมา แถมด้วยร่องน้ำและสันหิน ผลที่ได้พบว่าPRINCIPIA
ให้ความคล่องตัวสูงมาก สามารถเลื้อยเลาะผ่านออกเข้าออกได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะช่วงสุดท้ายที่เป็น
ทางแคบ ลาดชัน และหักโค้ง ก็สามารถบังคับให้ไหลลงมาและเลี้ยวหลบออกมาได้โดยไม่ฝากรอยล้มเอาไว้
ให้เจ็บเนื้อเจ็บตัว และระดับความสูงของกระโหลกจากพื้นดินที่กำลังเหมาะ ช่วยให้สามารถรอดพ้นฝ่าฟัน
อุปสรรคได้เป็นอย่างดี และยังรักษาสมดุลการทรงตัวไว้ได้อย่างง่ายดาย
ความรู้สึกส่วนตัวอีกอย่างหนึ่งก็คือ รถคันนี้ปั่นขึ้นเขาได้ดี เพราะในทันทีที่ผู้นำทริปบอกว่า จะพาขึ้นไปสถานีเรดาห์ ซึ่งพี่
KN เรียกว่า เขาฉลากน้อย ผมก็เริ่มเกิดความรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในเรี่ยวแรงของตัวเองเท่าไหร่ จริงๆแล้วทางขึ้นก็ไม่ถึงกับจะ
เรียกว่าชันมาก แต่ก็นับว่าชันเอาการเป็นบางช่วงและชันตลอดทางไม่มีทางราบให้พักขา แถมจานหน้าใบเล็กขนาด 26T นี่ไม่
ใช่เรื่องเล่นๆเลยหละ สำหรับเรี่ยวแรงในระดับเฉลี่ยแบบผม แต่เมื่อต้องปั่นขึ้นไปจริงๆกลับพบว่าไม่ยากอย่างที่คิด
เฟรมที่stiffช่วยให้ส่งแรงได้อย่างต่อเนื่อง มุมรถที่ลงตัวทำให้สามารถทรงตัวและถ่ายน้ำหนักได้อย่างเหมาะสม ไม่ทำให้รู้สึกฝืนหรือติดขัด ก็เลยปั่นรวดเดียวจนสุดทางโดยไม่ต้องลงมาจูง
ส่วนช่วงที่ปั่นลงหรือปล่อยไหลลงมานั้นกลับไม่ค่อยจะรู้สึกว่ารถคันนี้ควบคุมยากแต่อย่างใด ( โดยธรรมชาติของรถ
ที่ขึ้นเขาได้ดีนั้น มักจะลงเขาได้อย่างน่าตื่นเต้นเป็นพิเศษ ) ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นStemที่สั้น ร่วมกับเบาะที่ถูกsetไปด้านหลัง
พอสมควร ทำให้นน.ถูกถ่ายไปด้านหลังบ้างอยู่แล้ว จึงมีผลให้การบังคับควบคุมในขณะปล่อยไหลลงมานั้นเป็นไปได้ง่ายขึ้น
แต่ความรู้สึกโดยรวมก็ยังสัมผัสได้ถึงความไวในการตอบสนองอยู่ดี และอีกส่วนหนึ่งอาจจะมาจากความคุ้นเคย
อาการของรถที่มีท่อบนสั้นๆอย่างRitcheyมาก่อน เมื่อมาลองPRINCIPIAก็เลยไม่รู้สึกถึงความยุ่งยากในการบังคับรถก็เป็น
ไปได้
รวมความเบ็ดเสร็จระยะทางไปได้ 56กม. กับเวลาตั้งแต่สายถึงเย็น กับเส้นทางแทบทุกรูปแบบ บอกได้เลยว่าดีสมกับชื่อจริงๆ
PRINCIPIA เป็นรูปพหูพจน์ของคำว่า PRINCIPIUM ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาLatin ถ้าจะแปลให้สละสลวยก็คงจะ
ต้องแปลว่า " เป็นความจริงที่ไม่จำเป็นต้องหาบทพิสูจน์ "
หลังจากนำรถกลับมาทำความสะอาด และถ่ายรูป ก็พยายามจะหาข้อเสียของมันทั้ง 2 ข้อให้ได้ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังหาไม่พบ
เรื่องทั้งหมดก็ถูกเฉลยโดยพี่ติ่งเจ้าของรถดังนี้
1. เปลืองผ้าเบรคมากกว่ารถคันอื่นๆที่เคยใช้มา เพราะพุ่งมาก! เลยต้องใช้เบรคมากกว่าปกติ
2. เฟรมเปล่ามันแพงไปนิด นี่ถ้าหากว่าราคาแค่หมื่นเศษๆก็คงจะดีอยู่หรอก ..... เอิ๊กกกก
โห.... ผมเนี้ยอึ้งไปเลย
my frameset collection
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 0&t=203941
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 0&t=203941