ทริปปั่นเที่ยวน่าน 25-29 พฤศจิกายน 2563
โพสต์: 06 ต.ค. 2020, 12:49
ทริปปั่นเที่ยวน่าน
25-29 พฤศจิกายน 2563
ชวนปั่นจักรยานท่องเที่ยวสัมผัสบรรยากาศในช่วงปลายฝนต้นหนาว เที่ยวเมืองน่านตอนใต้ จังหวัดเล็กๆที่มากด้วยเรื่องราวของวัฒนธรรม เอกลักษณ์ท้องถิ่น และวิถีชีวิตที่สงบเงียบ เรียบง่าย ธรรมชาติหลากหลาย ทิวเขาเรียงรายสลับซับซ้อน ทุ่งนา สายน้ำ และวิถีชุมชน ความงดงามที่ไม่ควรพลาดกับแหล่งดูดาวที่สุดแสนโรแมนติกและทะเลหมอกที่ดอยเสมอดาว
วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน 2563
18:00 น. จุดนัดพบที่1 ซอยสวนผัก 42/1 ถนนสวนผัก ช่วยกันขนรถจักรยานขึ้นรถบัส
19:30 น. จุดนัดพบที่ 2 บริเวณป้ายรถเมล์หน้าวัดเสมียนนารี ถนนวิภาวดีรังสิต ช่วยกันขนรถจักรยานขึ้นรถบัสให้เรียบร้อย พร้อมแล้วออกเดินทางไปจังหวัดน่าน
วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน 2563
06:00 น. ถึงนาน้อยรีสอร์ท ช่วยกันขนรถจักรยานลง ตรวจสภาพให้พร้อมปั่น จัดเตรียมกระเป๋าเป้ใบเล็กใส่สัมภาระเสื้อผ้าสำหรับค้างบนดอย 1คืน พร้อมน้ำดื่ม เต็นท์ ถุงนอน เสื้อกันหนาว ไฟฉายและของใช้จำเป็น นำขึ้นรถบริการก่อน จากนั้นอาหารเช้าพร้อมกัน(1)
ได้เวลาออกเดินทางปั่นจักรยานชมวิวทิวทัศน์สองข้างทางตามเส้นทาง ไปชมมหัศจรรย์ของเสาดินนาน้อย ภาษาพื้นถิ่นเรียกว่าฮ่อมจ๊อม เขตอุทยานแห่งชาติศรีน่าน สำหรับสมาชิกที่อายุไม่ถึง 60 ปีต้องจ่ายค่าธรรมเนียมอุทยานท่านละ 20 บาท แล้วเก็บไว้ให้ดีต้องใช้ที่ดอยเสมอดาวอีกครั้ง สมาชิกที่อายุเกิน 60 ปีเข้าฟรี เดินชมสุดยอดประติมากรรมเสาดินธรรมชาติที่สวยงามวิจิตรพิสดารตระการตาในพื้นที่กว้างใหญ่ เดินต่อมาดูคอกเสือ มีลักษณะเป็นแอ่งลึกจากเนินดิน มีทางลงไปชมสิ่งมหัศจรรย์ธรรมชาติสร้างสรรค์สวยงาม จากนั้นปั่นชมธรรมชาติสองข้างทางแวะรับประทานอาหารกลางวันระหว่างทางมีหลายร้านให้เลือกตามชอบกระจายรายได้สู่ชุมชน ใครอยากลองน้ำเงี้ยวพื้นถิ่นอร่อยๆ ก็ปั่นไปชิมกันได้ที่ร้านน้ำเงี้ยวคุณตาคุณยาย
13:00 น. ปั่นต่อตามเส้นทางขึ้นดอยเสมอดาว ระยะทาง 12 กม. มีความสูงจากระดับน้ำทะเลเพียง 888 เมตร เท่านั้น ค่อยๆปั่นขึ้นดอย ชมวิวทิวทัศน์สวยงามระหว่างทาง มาถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว พักผ่อนฟังบรรยายและชมสไลด์เรื่องราวของอุทยานแห่งชาติศรีน่านและดอยเสมอดาวที่มีคำกล่าวว่ามาที่นี่กลางคืนต้องดูดาว เช้าต้องดูทะเลหมอก ได้เวลาปั่นต่อไปจุดกางเต็นท์ เลือกทำเลกางเต็นท์กันให้เรียบร้อย ถือเป็นไฮไลต์สำคัญอยากให้ทุกคนได้สัมผัส ดื่มด่ำกับธรรมชาติ เงียบสงบ กับดวงดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า สามารถเดินชมวิวทิวทัศน์สวยงามได้แบบ 360 องศา รอชมความงามของอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าก่อน แล้วรับประทานอาหารค่ำพร้อมกัน (2) อิ่มกันแล้วกลับที่พัก เฮฮาประสาจักรยาน นอนดูดาวนับล้านดวง ท่ามกลางบรรยากาศหนาวเย็นสบาย
ระยะทางวันนี้ประมาณ 30 กม. อาจมากหรือน้อยกว่าได้
วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2563
05:30 น. ตื่นเช้าดูทะเลหมอกและพระอาทิตย์กำลังขึ้นจากขอบฟ้า ชมวิวผาหัวสิงห์ แล้วกลับมาเก็บเต็นท์ สัมภาระขึ้นรถบริการให้เรียบร้อย อาหารเช้าพร้อมกัน (3) จากนั้นปั่นลงจากดอยตามเส้นทางอย่างระมัดระวัง มาถึงนาน้อยรีสอร์ทเก็บสัมภาระขึ้นรถบัสให้เรียบร้อยทุกคน
ได้เวลาปั่นเที่ยวชมอำเภอเวียงสา ที่ได้ฉายาว่าเป็นประตูสู่เมืองน่าน เดิมมีชื่อว่าเวียงป้อ เมืองที่มีความอุดมสมบูรณ์มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่านและสองข้างทางมีทุ่งนาเขียวขจี ปั่นขึ้นเนินลงเนิน แวะชมบ้านทาร์ซาน เป็นบ้านบนต้นมะค่าโมงต้นใหญ่ หน่วยอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำห้วยสามสบ ปั่นต่อไปตามเส้นทางสัมผัสวิถีชุมชนชาวบ้านต่างๆ เข้าสู่ตลาดเมืองสา หาอาหารกลางวันรับประทานกันตามอัธยาศัย ใครอยากกินอาหารไทยแนะนำมาที่ร้านจวน อยากกินอาหารเหนือ ขนมจีนแนะนำไปที่ร้านบ้านไม้คนเมือง หรือร้านอาหารอื่นๆระหว่างทางผ่าน เลือกกระจายรายได้ตามชอบ ใครอยากลองชิมกาแฟไทยคุณภาพสูงผลผลิตพื้นถิ่นในจังหวัดน่านสัมผัสบรรยากาศสวยงามก็ไปที่ ร้านจ๊างน่านคอฟฟี่แอนด์แกลเลอรี มีของที่ระลึกจำหน่าย มีแกลเลอรีจัดแสดงผลงานศิลปะด้วย
นัดพบกันที่วัดบุญยืน อารามหลวงสำคัญคู่บ้านคู่เมืองที่เก่าแก่อายุมากกว่า 200 ปี พระอุโบสถและพระเจดีย์สร้างด้วยศิลปะล้านนา มีหลังคาลดหลั่นยาวไม่เท่ากันดูสวยงามแปลกตา ด้านหน้าพระอุโบสถมีประตูไม้แกะสลักเป็นรูปเทวดา องค์พระประธานเป็นพระพุทธรูปยืนปางเปิดโลก
พร้อมกันแล้วออกปั่นจักรยานเที่ยวเมืองเวียงสา ชมพิพิธภัณฑ์รอยพระบาทแรกแห่งแผ่นดินน่าน ซึ่งในหลวงรัชกาลที่9และพระราชินีเคยเสด็จมาประทับ มีห้องนิทรรศการอนุสรณ์รอยพระบาทแรกแห่งแผ่นดินน่าน และพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นซึ่งจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้โบราณของชาวเวียงสา ทั้งยังรวบรวมหัวเรือแข่งเก่าแก่อายุหลายร้อยปีมาแสดงไว้ด้วย ชมอาคารโรงเรียนจีนไคหนำเป็นโรงเรียนจีนแห่งแรกของเมืองน่าน และบ้านหนานหล่อ ก็เป็นตึกแห่งแรกของเมืองน่านด้วย แล้วไปชมเฮือนรถถีบ แหล่งรวมรถจักรยานเก่าหายากมากมาย ชมวิวัฒนาการของจักรยานในยุคต่างๆ ปั่นลัดเลาะเลียบแม่น้ำน่านชมทิวทัศน์สวยงามมาถึงบ้านดอนชัย เข้าที่พักบ้านกะหล๊กโฮมสเตย์ เจ้าบ้านมารอต้อนรับและนำเข้าที่พักแต่ละหลัง เรียนรู้วิถีชุมชน หรือจะชมเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นบ้านตามอัธยาศัย
กะหล๊กคือเกราะไม้ ในอดีตใช้สำหรับตีเพื่อแจ้งเหตุร้าย หรือตีเป็นสัญญาณเพื่อนัดหมายผู้คนในชุมชน แต่ที่บ้านกะหล๊ก ได้ดัดแปลงมาใช้เป็นการตีเพื่อเป็นสัญญาณการให้อาหารปลาที่อนุรักษ์ไว้ในแม่น้ำ
อาหารค่ำพร้อมกัน (4) สไตล์ขันโตกชาวเวียงสา พร้อมฟังดนตรีบรรเลงพื้นบ้าน
ระยะทางวันนี้ประมาณ 60 กม. อาจมากกว่าหรือน้อยกว่า
วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2563
เก็บสัมภาระขึ้นรถบัสให้เรียบร้อย
07:00 น. อาหารเช้าพร้อมกัน(5)
08:00 น. ออกเดินทางจากอำเภอเวียงสาปั่นตามเส้นทางเข้าสู่อำเภอภูเพียง ไปวัดพระธาตุแช่แห้ง พระธาตุประจำปีเกิดปีเถาะ ปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองน่านมาช้านาน บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากเมืองสุโขทัย ชาวเมืองล้านนามีความเชื่อกันว่า การได้เดินทางมาสักการบูชากราบไหว้นมัสการองค์พระธาตุแซ่แห้ง จะได้รับอานิสงส์อย่างยิ่ง ชมวิหารหลวง วิหารพุทธไสยาสน์ วิหารพระเจ้าทันใจ เจดีย์ชเวดากองจำลอง บันไดนาค สามารถเห็นวิวทิวทัศน์เมืองน่านได้โดยรอบ
ปั่นต่อตามเส้นทางมาถึงร้านป้าวันดาร้านเล็กๆที่ไม่ธรรมดา มีของอร่อยมากมายให้เลือกรับประทานกันตามอัธยาศัย ใครกินใครจ่ายกันเอง
บ่าย ปั่นเที่ยวชมวิถีชุมชนตามเส้นทางไปชมตึกรังษีเกษม ตึกโบราณคลาสสิค อยู่ในบริเวณโรงเรียนน่านคริสต์เตียนศึกษา ปัจจุบันเป็นอาคารหอประวัติศาสตร์ จัดแสดงโบราณวัตถุ ข้าวของเครื่องใช้สมัยมิชชันนารี มีภาพถ่ายเมืองน่านในอดีตกว่าพันภาพ ว่ากันว่าอยากรู้จักเมืองน่านอย่างแท้จริงต้องมาที่นี่
ได้เวลาปั่นต่อไปโฮงเจ้าฟองคำ บ้านเก่าสร้างจากไม้สักในแบบล้านนาที่ได้รับการอนุรักษ์อย่างดีมีอายุกว่า 200 ปี ด้านบนจัดแสดงเครื่องใช้แยกเป็นห้องๆ ด้านล่างเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับการทอผ้าพื้นเมืองตั้งแต่กระบวนการผลิตด้าย การย้อมสีตามธรรมชาติและการตัดเย็บ
ต่อไปชมกำแพงเมืองน่านที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์มีความยาว 25 เมตร สูง 5 เมตร เป็นแนวกำแพงด้านทิศตะวันตกและทิศเหนือ จากนั้นไปชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดน่าน เป็นอาคารแบบยุโรปผสมผสานกับสถาปัตยกรรมท้องถิ่นเมืองน่าน จัดแสดงชีวิตความเป็นอยู่ของชนเผ่าต่างๆในจังหวัดน่าน มีโบราณวัตถุสมัยต่างๆ ชิ้นที่สำคัญคือ งาช้างดำ วัตถุมงคลคู่บ้านคู่เมืองน่าน มีน้ำหนัก 18 กิโลกรัม บริเวณด้านหน้ามีซุ้มอุโมงค์ต้นลีลาวดีเป็นแถวเรียงรายสองข้างทางเดิน แวะชมวัดน้อย เป็นวัดที่เล็กที่สุดในเมืองไทย แล้วปั่นกลับที่พักโรงแรมเทวราช
18:00 น. พร้อมกันปั่นจักรยานมาที่วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร หรือวัดหลวงกลางเวียง จอดจักรยานให้เป็นระเบียบและล็อกจักรยานด้วยกัน ทำบุญไหว้พระเพื่อเป็นสิริมงคล ชมเจดีย์ที่มีช้างปูนปั้นค้ำยันอยู่รอบฐาน แล้วก็เดินเที่ยวถนนคนเดินข่วงเมืองน่าน หาซื้ออาหารมารับประทานร่วมกันตามอัธยาศัย
ได้เวลาปั่นจักรยานเที่ยวชมแสงสียามค่ำคืนของเมืองน่าน อีกบรรยากาศหนึ่งที่ต้องมาสัมผัส อย่าลืมติดไฟหน้า ไฟท้ายจักรยานด้วย
ระยะทางวันนี้ประมาณ 50 กม. อาจมากหรือน้อยกว่าได้
วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2563
เก็บสัมภาระขึ้นรถบัสให้เรียบร้อยก่อน อาหารเช้าพร้อมกัน (6)
08:00 น. ออกเดินทางปั่นจักรยานตามเส้นทางมาวัดภูมินทร์ ชมพระอุโบสถจัตุรมุข ความสวยแปลกที่ไม่เหมือนใครหนึ่งเดียวในไทย ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ 4 องค์หันพระพักตร์ออกด้านประตูทั้งสี่ทิศจิตรกรรมฝาผนังเลื่องชื่อ คือ “ปู่ม่าน ย่าม่านกระซิบรักบันลือโลก” ภาพวาดที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองน่าน จากนั้นปั่นต่อไปชมวัดศรีพันต้น มีวิหารที่สวยงามสีทองระยิบระยับ พญานาคเจ็ดเศียร สีทองสวยงามตระการตา ปั่นไปวัดพระธาตุเขาน้อย ปูชนียสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองน่าน ตั้งอยู่บนดอยเขาน้อยที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองน่านได้อย่างชัดเจน สักการะพระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่านเป็นพระพุทธรูปปางลีลาที่มีพุทธลักษณะงดงามยิ่ง
ปั่นชมธรรมชาติสวยงามและวิถีชิวิตชาวเมืองตามเส้นทางมาที่ชุมชนบ้านบ่อสวก เป็นชุมชนเก่าที่มีเสน่ห์ชวนให้มาสัมผัส วิถีเรียบง่ายที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นหมู่บ้านวิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง ปั่นท่องเที่ยวชมวิถีชุมชนโดยรอบ หมู่บ้านจักสานที่บ้านต้าม เพราะมีพื้นที่ป่าไผ่เป็นจำนวนมาก สร้างสรรค์งานหัตถกรรมเป็นชิ้นงานต่างๆเช่น หมวก กระติ๊บ กระบุง ตะกร้า เป็นต้น กลุ่มทอผ้าบ้านซาวหลวง ชมการปั่นผ้าย การย้อมและการทอผ้าตามแบบชาวซาวหลวงมีลวดลายเฉพาะตัวที่ได้ต้นแบบมาจากเครื่องปั้นดินเผาโบราณที่ค้นพบในชุมชนบ่อสวก นำมาพัฒนาเป็นลวดลายเฉพาะได้อย่างสวยงาม เลือกชมเลือกซื้อได้ แล้วปั่นต่อมาชม เตาเผาโบราณอายุมากกว่า 750 ปี ฟังตำนานเตาเผาโบราณ และร่วมกิจกรรมทำไส้อั่วสไตล์บ่อสวก
อาหารกลางวันพร้อมกัน (7) จากฝีมือเชฟชุมชน กับเมนูพื้นบ้านอร่อยๆ เช่น หมูทอดมะแขว่น แกแคไก่ น้ำพริก กับไส้อั่วเป็นต้น จากนั้นร่วมกิจกรรมสนุกๆกับกลุ่มเครื่องปั้นดินเผา ด้วยการลงมือปั้นดินให้เป็นถ้วยชาม ตามแต่ละคนจะออกแบบ เสร็จแล้วนำไปอบในเตา ไม่ต้องรอรับกลับเพราะต้องใช้เวลาอบ 2 วัน จึงมีบริการส่งพัสดุกลับไปให้ถึงบ้าน
ได้เวลาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมขึ้นรถกลับกรุงเทพฯ แวะรับประทานอาหารเย็นระหว่างทางตามอัธยาศัย
23:45 น. ถึงกรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพ
ระยะทางวันนี้ประมาณ 30 กม. อาจมากหรือน้อยกว่า
รายละเอียดทริป
• ตรวจเช็คสภาพรถจักรยานให้พร้อมปั่น ควรเป็นจักรยานเสือภูเขา หรือรถพับก็ได้ เส้นทางส่วนใหญ่เป็นทางราดยาง อาจมีทางลูกรัง ทางดิน ทางขึ้นเนิน ลงเนิน
• จักรยานขึ้นรถบัสพร้อมคน ใครมีกระเป๋าใส่จักรยานจะดีมาก
• สำหรับสมาชิกที่จะมาขึ้นรถบัสที่สวนผักกรุณาแจ้งชื่อด้วย
• ที่พัก คืนแรกพักที่ดอยเสมอดาว นอนเต็นท์ คืนที่สอง พักบ้านแบบโฮมสเตย์ ที่ชุมชนบ้านดอนไชยนอนรวม คืนที่สาม พักโรงแรมในเมืองห้องละ 2 คน
• ต้องเตรียมเต็นท์ ถุงนอน ฟลายชีท เสื้อกันหนาว หมวกกันน๊อค หมวกผ้า ครีมกันแดด กระติกน้ำดื่ม ไฟฉาย ไฟหน้า ไฟท้าย ยางในอะไหล่ ชุดปะยาง สายล็อกจักรยาน รองเท้าแตะสวมสบาย กระเป๋าเป้ใบเล็กไว้แยกใส่เสื้อผ้า ของใช้จำเป็นของแต่ละท่าน
• ค่าสมัครร่วมทริปเพียง 3,900 บาท รวมค่ารถบัสปรับอากาศ2ชั้น อาหาร 7 มื้อ ที่พัก 3 คืน ค่ากิจกรรมกลุ่ม ค่ารถบริการ ค่าประกันอุบัติเหตุ
• แจ้งชื่อ นามสกุล อายุ หมายเลขโทรศัพท์ให้ชัดเจน ถูกต้อง แล้วโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ธนาคารกรุงศรีอยุธยาเลขที่ 067-1271240 ชื่ออัมพร ลีอำนวยโชค โอนก่อนมีสิทธิ์เลือกที่นั่งก่อน รับจำนวนจำกัดเพียง 30 ท่านเท่านั้น
• สมัครร่วมกิจกรรมหรือสอบถามได้ที่ คุณอัมพร 0819200454
• นำและดูแลทริปโดยผู้พันป๊อกกับคุณคมสันหนุ่มเวียงสา
• รายการข้างต้นอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม
25-29 พฤศจิกายน 2563
ชวนปั่นจักรยานท่องเที่ยวสัมผัสบรรยากาศในช่วงปลายฝนต้นหนาว เที่ยวเมืองน่านตอนใต้ จังหวัดเล็กๆที่มากด้วยเรื่องราวของวัฒนธรรม เอกลักษณ์ท้องถิ่น และวิถีชีวิตที่สงบเงียบ เรียบง่าย ธรรมชาติหลากหลาย ทิวเขาเรียงรายสลับซับซ้อน ทุ่งนา สายน้ำ และวิถีชุมชน ความงดงามที่ไม่ควรพลาดกับแหล่งดูดาวที่สุดแสนโรแมนติกและทะเลหมอกที่ดอยเสมอดาว
วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน 2563
18:00 น. จุดนัดพบที่1 ซอยสวนผัก 42/1 ถนนสวนผัก ช่วยกันขนรถจักรยานขึ้นรถบัส
19:30 น. จุดนัดพบที่ 2 บริเวณป้ายรถเมล์หน้าวัดเสมียนนารี ถนนวิภาวดีรังสิต ช่วยกันขนรถจักรยานขึ้นรถบัสให้เรียบร้อย พร้อมแล้วออกเดินทางไปจังหวัดน่าน
วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน 2563
06:00 น. ถึงนาน้อยรีสอร์ท ช่วยกันขนรถจักรยานลง ตรวจสภาพให้พร้อมปั่น จัดเตรียมกระเป๋าเป้ใบเล็กใส่สัมภาระเสื้อผ้าสำหรับค้างบนดอย 1คืน พร้อมน้ำดื่ม เต็นท์ ถุงนอน เสื้อกันหนาว ไฟฉายและของใช้จำเป็น นำขึ้นรถบริการก่อน จากนั้นอาหารเช้าพร้อมกัน(1)
ได้เวลาออกเดินทางปั่นจักรยานชมวิวทิวทัศน์สองข้างทางตามเส้นทาง ไปชมมหัศจรรย์ของเสาดินนาน้อย ภาษาพื้นถิ่นเรียกว่าฮ่อมจ๊อม เขตอุทยานแห่งชาติศรีน่าน สำหรับสมาชิกที่อายุไม่ถึง 60 ปีต้องจ่ายค่าธรรมเนียมอุทยานท่านละ 20 บาท แล้วเก็บไว้ให้ดีต้องใช้ที่ดอยเสมอดาวอีกครั้ง สมาชิกที่อายุเกิน 60 ปีเข้าฟรี เดินชมสุดยอดประติมากรรมเสาดินธรรมชาติที่สวยงามวิจิตรพิสดารตระการตาในพื้นที่กว้างใหญ่ เดินต่อมาดูคอกเสือ มีลักษณะเป็นแอ่งลึกจากเนินดิน มีทางลงไปชมสิ่งมหัศจรรย์ธรรมชาติสร้างสรรค์สวยงาม จากนั้นปั่นชมธรรมชาติสองข้างทางแวะรับประทานอาหารกลางวันระหว่างทางมีหลายร้านให้เลือกตามชอบกระจายรายได้สู่ชุมชน ใครอยากลองน้ำเงี้ยวพื้นถิ่นอร่อยๆ ก็ปั่นไปชิมกันได้ที่ร้านน้ำเงี้ยวคุณตาคุณยาย
13:00 น. ปั่นต่อตามเส้นทางขึ้นดอยเสมอดาว ระยะทาง 12 กม. มีความสูงจากระดับน้ำทะเลเพียง 888 เมตร เท่านั้น ค่อยๆปั่นขึ้นดอย ชมวิวทิวทัศน์สวยงามระหว่างทาง มาถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว พักผ่อนฟังบรรยายและชมสไลด์เรื่องราวของอุทยานแห่งชาติศรีน่านและดอยเสมอดาวที่มีคำกล่าวว่ามาที่นี่กลางคืนต้องดูดาว เช้าต้องดูทะเลหมอก ได้เวลาปั่นต่อไปจุดกางเต็นท์ เลือกทำเลกางเต็นท์กันให้เรียบร้อย ถือเป็นไฮไลต์สำคัญอยากให้ทุกคนได้สัมผัส ดื่มด่ำกับธรรมชาติ เงียบสงบ กับดวงดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า สามารถเดินชมวิวทิวทัศน์สวยงามได้แบบ 360 องศา รอชมความงามของอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าก่อน แล้วรับประทานอาหารค่ำพร้อมกัน (2) อิ่มกันแล้วกลับที่พัก เฮฮาประสาจักรยาน นอนดูดาวนับล้านดวง ท่ามกลางบรรยากาศหนาวเย็นสบาย
ระยะทางวันนี้ประมาณ 30 กม. อาจมากหรือน้อยกว่าได้
วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2563
05:30 น. ตื่นเช้าดูทะเลหมอกและพระอาทิตย์กำลังขึ้นจากขอบฟ้า ชมวิวผาหัวสิงห์ แล้วกลับมาเก็บเต็นท์ สัมภาระขึ้นรถบริการให้เรียบร้อย อาหารเช้าพร้อมกัน (3) จากนั้นปั่นลงจากดอยตามเส้นทางอย่างระมัดระวัง มาถึงนาน้อยรีสอร์ทเก็บสัมภาระขึ้นรถบัสให้เรียบร้อยทุกคน
ได้เวลาปั่นเที่ยวชมอำเภอเวียงสา ที่ได้ฉายาว่าเป็นประตูสู่เมืองน่าน เดิมมีชื่อว่าเวียงป้อ เมืองที่มีความอุดมสมบูรณ์มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่านและสองข้างทางมีทุ่งนาเขียวขจี ปั่นขึ้นเนินลงเนิน แวะชมบ้านทาร์ซาน เป็นบ้านบนต้นมะค่าโมงต้นใหญ่ หน่วยอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำห้วยสามสบ ปั่นต่อไปตามเส้นทางสัมผัสวิถีชุมชนชาวบ้านต่างๆ เข้าสู่ตลาดเมืองสา หาอาหารกลางวันรับประทานกันตามอัธยาศัย ใครอยากกินอาหารไทยแนะนำมาที่ร้านจวน อยากกินอาหารเหนือ ขนมจีนแนะนำไปที่ร้านบ้านไม้คนเมือง หรือร้านอาหารอื่นๆระหว่างทางผ่าน เลือกกระจายรายได้ตามชอบ ใครอยากลองชิมกาแฟไทยคุณภาพสูงผลผลิตพื้นถิ่นในจังหวัดน่านสัมผัสบรรยากาศสวยงามก็ไปที่ ร้านจ๊างน่านคอฟฟี่แอนด์แกลเลอรี มีของที่ระลึกจำหน่าย มีแกลเลอรีจัดแสดงผลงานศิลปะด้วย
นัดพบกันที่วัดบุญยืน อารามหลวงสำคัญคู่บ้านคู่เมืองที่เก่าแก่อายุมากกว่า 200 ปี พระอุโบสถและพระเจดีย์สร้างด้วยศิลปะล้านนา มีหลังคาลดหลั่นยาวไม่เท่ากันดูสวยงามแปลกตา ด้านหน้าพระอุโบสถมีประตูไม้แกะสลักเป็นรูปเทวดา องค์พระประธานเป็นพระพุทธรูปยืนปางเปิดโลก
พร้อมกันแล้วออกปั่นจักรยานเที่ยวเมืองเวียงสา ชมพิพิธภัณฑ์รอยพระบาทแรกแห่งแผ่นดินน่าน ซึ่งในหลวงรัชกาลที่9และพระราชินีเคยเสด็จมาประทับ มีห้องนิทรรศการอนุสรณ์รอยพระบาทแรกแห่งแผ่นดินน่าน และพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นซึ่งจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้โบราณของชาวเวียงสา ทั้งยังรวบรวมหัวเรือแข่งเก่าแก่อายุหลายร้อยปีมาแสดงไว้ด้วย ชมอาคารโรงเรียนจีนไคหนำเป็นโรงเรียนจีนแห่งแรกของเมืองน่าน และบ้านหนานหล่อ ก็เป็นตึกแห่งแรกของเมืองน่านด้วย แล้วไปชมเฮือนรถถีบ แหล่งรวมรถจักรยานเก่าหายากมากมาย ชมวิวัฒนาการของจักรยานในยุคต่างๆ ปั่นลัดเลาะเลียบแม่น้ำน่านชมทิวทัศน์สวยงามมาถึงบ้านดอนชัย เข้าที่พักบ้านกะหล๊กโฮมสเตย์ เจ้าบ้านมารอต้อนรับและนำเข้าที่พักแต่ละหลัง เรียนรู้วิถีชุมชน หรือจะชมเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นบ้านตามอัธยาศัย
กะหล๊กคือเกราะไม้ ในอดีตใช้สำหรับตีเพื่อแจ้งเหตุร้าย หรือตีเป็นสัญญาณเพื่อนัดหมายผู้คนในชุมชน แต่ที่บ้านกะหล๊ก ได้ดัดแปลงมาใช้เป็นการตีเพื่อเป็นสัญญาณการให้อาหารปลาที่อนุรักษ์ไว้ในแม่น้ำ
อาหารค่ำพร้อมกัน (4) สไตล์ขันโตกชาวเวียงสา พร้อมฟังดนตรีบรรเลงพื้นบ้าน
ระยะทางวันนี้ประมาณ 60 กม. อาจมากกว่าหรือน้อยกว่า
วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2563
เก็บสัมภาระขึ้นรถบัสให้เรียบร้อย
07:00 น. อาหารเช้าพร้อมกัน(5)
08:00 น. ออกเดินทางจากอำเภอเวียงสาปั่นตามเส้นทางเข้าสู่อำเภอภูเพียง ไปวัดพระธาตุแช่แห้ง พระธาตุประจำปีเกิดปีเถาะ ปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองน่านมาช้านาน บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากเมืองสุโขทัย ชาวเมืองล้านนามีความเชื่อกันว่า การได้เดินทางมาสักการบูชากราบไหว้นมัสการองค์พระธาตุแซ่แห้ง จะได้รับอานิสงส์อย่างยิ่ง ชมวิหารหลวง วิหารพุทธไสยาสน์ วิหารพระเจ้าทันใจ เจดีย์ชเวดากองจำลอง บันไดนาค สามารถเห็นวิวทิวทัศน์เมืองน่านได้โดยรอบ
ปั่นต่อตามเส้นทางมาถึงร้านป้าวันดาร้านเล็กๆที่ไม่ธรรมดา มีของอร่อยมากมายให้เลือกรับประทานกันตามอัธยาศัย ใครกินใครจ่ายกันเอง
บ่าย ปั่นเที่ยวชมวิถีชุมชนตามเส้นทางไปชมตึกรังษีเกษม ตึกโบราณคลาสสิค อยู่ในบริเวณโรงเรียนน่านคริสต์เตียนศึกษา ปัจจุบันเป็นอาคารหอประวัติศาสตร์ จัดแสดงโบราณวัตถุ ข้าวของเครื่องใช้สมัยมิชชันนารี มีภาพถ่ายเมืองน่านในอดีตกว่าพันภาพ ว่ากันว่าอยากรู้จักเมืองน่านอย่างแท้จริงต้องมาที่นี่
ได้เวลาปั่นต่อไปโฮงเจ้าฟองคำ บ้านเก่าสร้างจากไม้สักในแบบล้านนาที่ได้รับการอนุรักษ์อย่างดีมีอายุกว่า 200 ปี ด้านบนจัดแสดงเครื่องใช้แยกเป็นห้องๆ ด้านล่างเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับการทอผ้าพื้นเมืองตั้งแต่กระบวนการผลิตด้าย การย้อมสีตามธรรมชาติและการตัดเย็บ
ต่อไปชมกำแพงเมืองน่านที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์มีความยาว 25 เมตร สูง 5 เมตร เป็นแนวกำแพงด้านทิศตะวันตกและทิศเหนือ จากนั้นไปชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดน่าน เป็นอาคารแบบยุโรปผสมผสานกับสถาปัตยกรรมท้องถิ่นเมืองน่าน จัดแสดงชีวิตความเป็นอยู่ของชนเผ่าต่างๆในจังหวัดน่าน มีโบราณวัตถุสมัยต่างๆ ชิ้นที่สำคัญคือ งาช้างดำ วัตถุมงคลคู่บ้านคู่เมืองน่าน มีน้ำหนัก 18 กิโลกรัม บริเวณด้านหน้ามีซุ้มอุโมงค์ต้นลีลาวดีเป็นแถวเรียงรายสองข้างทางเดิน แวะชมวัดน้อย เป็นวัดที่เล็กที่สุดในเมืองไทย แล้วปั่นกลับที่พักโรงแรมเทวราช
18:00 น. พร้อมกันปั่นจักรยานมาที่วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร หรือวัดหลวงกลางเวียง จอดจักรยานให้เป็นระเบียบและล็อกจักรยานด้วยกัน ทำบุญไหว้พระเพื่อเป็นสิริมงคล ชมเจดีย์ที่มีช้างปูนปั้นค้ำยันอยู่รอบฐาน แล้วก็เดินเที่ยวถนนคนเดินข่วงเมืองน่าน หาซื้ออาหารมารับประทานร่วมกันตามอัธยาศัย
ได้เวลาปั่นจักรยานเที่ยวชมแสงสียามค่ำคืนของเมืองน่าน อีกบรรยากาศหนึ่งที่ต้องมาสัมผัส อย่าลืมติดไฟหน้า ไฟท้ายจักรยานด้วย
ระยะทางวันนี้ประมาณ 50 กม. อาจมากหรือน้อยกว่าได้
วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2563
เก็บสัมภาระขึ้นรถบัสให้เรียบร้อยก่อน อาหารเช้าพร้อมกัน (6)
08:00 น. ออกเดินทางปั่นจักรยานตามเส้นทางมาวัดภูมินทร์ ชมพระอุโบสถจัตุรมุข ความสวยแปลกที่ไม่เหมือนใครหนึ่งเดียวในไทย ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ 4 องค์หันพระพักตร์ออกด้านประตูทั้งสี่ทิศจิตรกรรมฝาผนังเลื่องชื่อ คือ “ปู่ม่าน ย่าม่านกระซิบรักบันลือโลก” ภาพวาดที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองน่าน จากนั้นปั่นต่อไปชมวัดศรีพันต้น มีวิหารที่สวยงามสีทองระยิบระยับ พญานาคเจ็ดเศียร สีทองสวยงามตระการตา ปั่นไปวัดพระธาตุเขาน้อย ปูชนียสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองน่าน ตั้งอยู่บนดอยเขาน้อยที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองน่านได้อย่างชัดเจน สักการะพระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่านเป็นพระพุทธรูปปางลีลาที่มีพุทธลักษณะงดงามยิ่ง
ปั่นชมธรรมชาติสวยงามและวิถีชิวิตชาวเมืองตามเส้นทางมาที่ชุมชนบ้านบ่อสวก เป็นชุมชนเก่าที่มีเสน่ห์ชวนให้มาสัมผัส วิถีเรียบง่ายที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นหมู่บ้านวิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง ปั่นท่องเที่ยวชมวิถีชุมชนโดยรอบ หมู่บ้านจักสานที่บ้านต้าม เพราะมีพื้นที่ป่าไผ่เป็นจำนวนมาก สร้างสรรค์งานหัตถกรรมเป็นชิ้นงานต่างๆเช่น หมวก กระติ๊บ กระบุง ตะกร้า เป็นต้น กลุ่มทอผ้าบ้านซาวหลวง ชมการปั่นผ้าย การย้อมและการทอผ้าตามแบบชาวซาวหลวงมีลวดลายเฉพาะตัวที่ได้ต้นแบบมาจากเครื่องปั้นดินเผาโบราณที่ค้นพบในชุมชนบ่อสวก นำมาพัฒนาเป็นลวดลายเฉพาะได้อย่างสวยงาม เลือกชมเลือกซื้อได้ แล้วปั่นต่อมาชม เตาเผาโบราณอายุมากกว่า 750 ปี ฟังตำนานเตาเผาโบราณ และร่วมกิจกรรมทำไส้อั่วสไตล์บ่อสวก
อาหารกลางวันพร้อมกัน (7) จากฝีมือเชฟชุมชน กับเมนูพื้นบ้านอร่อยๆ เช่น หมูทอดมะแขว่น แกแคไก่ น้ำพริก กับไส้อั่วเป็นต้น จากนั้นร่วมกิจกรรมสนุกๆกับกลุ่มเครื่องปั้นดินเผา ด้วยการลงมือปั้นดินให้เป็นถ้วยชาม ตามแต่ละคนจะออกแบบ เสร็จแล้วนำไปอบในเตา ไม่ต้องรอรับกลับเพราะต้องใช้เวลาอบ 2 วัน จึงมีบริการส่งพัสดุกลับไปให้ถึงบ้าน
ได้เวลาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมขึ้นรถกลับกรุงเทพฯ แวะรับประทานอาหารเย็นระหว่างทางตามอัธยาศัย
23:45 น. ถึงกรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพ
ระยะทางวันนี้ประมาณ 30 กม. อาจมากหรือน้อยกว่า
รายละเอียดทริป
• ตรวจเช็คสภาพรถจักรยานให้พร้อมปั่น ควรเป็นจักรยานเสือภูเขา หรือรถพับก็ได้ เส้นทางส่วนใหญ่เป็นทางราดยาง อาจมีทางลูกรัง ทางดิน ทางขึ้นเนิน ลงเนิน
• จักรยานขึ้นรถบัสพร้อมคน ใครมีกระเป๋าใส่จักรยานจะดีมาก
• สำหรับสมาชิกที่จะมาขึ้นรถบัสที่สวนผักกรุณาแจ้งชื่อด้วย
• ที่พัก คืนแรกพักที่ดอยเสมอดาว นอนเต็นท์ คืนที่สอง พักบ้านแบบโฮมสเตย์ ที่ชุมชนบ้านดอนไชยนอนรวม คืนที่สาม พักโรงแรมในเมืองห้องละ 2 คน
• ต้องเตรียมเต็นท์ ถุงนอน ฟลายชีท เสื้อกันหนาว หมวกกันน๊อค หมวกผ้า ครีมกันแดด กระติกน้ำดื่ม ไฟฉาย ไฟหน้า ไฟท้าย ยางในอะไหล่ ชุดปะยาง สายล็อกจักรยาน รองเท้าแตะสวมสบาย กระเป๋าเป้ใบเล็กไว้แยกใส่เสื้อผ้า ของใช้จำเป็นของแต่ละท่าน
• ค่าสมัครร่วมทริปเพียง 3,900 บาท รวมค่ารถบัสปรับอากาศ2ชั้น อาหาร 7 มื้อ ที่พัก 3 คืน ค่ากิจกรรมกลุ่ม ค่ารถบริการ ค่าประกันอุบัติเหตุ
• แจ้งชื่อ นามสกุล อายุ หมายเลขโทรศัพท์ให้ชัดเจน ถูกต้อง แล้วโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ธนาคารกรุงศรีอยุธยาเลขที่ 067-1271240 ชื่ออัมพร ลีอำนวยโชค โอนก่อนมีสิทธิ์เลือกที่นั่งก่อน รับจำนวนจำกัดเพียง 30 ท่านเท่านั้น
• สมัครร่วมกิจกรรมหรือสอบถามได้ที่ คุณอัมพร 0819200454
• นำและดูแลทริปโดยผู้พันป๊อกกับคุณคมสันหนุ่มเวียงสา
• รายการข้างต้นอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม