ThaiMTB.com

เราสามคนประกอบด้วยน้องต่อ(ภรากร)-ผู้พันจำนงค์และผม(จขกท.) 8โมงเริ่มปั่นจากหน้าสถานีตำรวจเชียงคำมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกตามเส้นทางไปจังหวัดน่านประมาณ 7 กิโลเมตรเลี้ยวซ้ายไปตามถนนหมายเลข 1148 เริ่มต้นปั่นสนุกครับมีขึ้นมีลงจนถึงเนินสุดท้ายขึ้น ยาวหน่อยครับถึงผาช้างน้อย ระยะทาง 45 กิโลเมตร(จากเชียงคำ)มีรีสอร์ทและร้านอาหารมากมายไปถึงก่อนเที่ยงเล็กน้อย กะว่าจะเดินทางต่อแต่ทราบจากคนขายกาแฟว่าที่ผาช้างน้อยจะมีทะเลหมอกทุกเช้าถ้าฝนไม่ตกหรือฝนตกแล้วหยุดก็สามารถจะมองเห็นทะเลหมอกได้และต้องไม่มีลมด้วย หมอกจะมีในหน้าฝนและหน้าหนาวเท่านั้นครับเราจึงตัดสินใจพักกันที่นี่ เพื่อรอดูทะเลหมอกในตอนเช้า แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะว่ามีฝนตกโปรยปรายในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น

27 กันยายน 2562 วันที่ 2 ของการเดินทาง ตื่นเช้าขึ้นมาหวังจะดูทะเลหมอกที่ผาช้างน้อย แต่ดูไม่ได้ เพราะว่าฝนตกโปรยปราย พอสายหน่อยฝนหยุดตกและลมก็มาอีก ได้มีโอกาสไปเยี่ยมอาจารย์แคะเว่น ศรีสมบัติ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน ปราชญ์ชาวบ้านและศูนย์ศึกษาการเรียนรู้เผ่าอิ้วเมี่ยนหรือเย้าในไทยและเอเชีย ที่ภูลังการีสอร์ท ซึ่งจัดว่าเป็นรีสอร์ทที่สวยงามและบรรยากาศดีมาก ท่านได้กรุณาบรรยายสั้นๆเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของชนเผ่าเย้า(เมี่ยน)13 ชนเผ่า การดึงมวลชนเผ่าเย้าในพื้นที่สีแดงในอดีตแสดงตัวตนและสวามิภักดิ์ต่อทางการไทย จากนั้นปั่นจากรีสอร์ท ลงสู่หมู่บ้านเบื้องล่าง 5 กิโลเมตร ปั่นขึ้นเขาดอยจี๋อีก 7 กิโลเมตร ลงสู่เขตอำเภอสองแควเลี้ยวขวาไปต่อยังอำเภอท่าวังผา ถนนเป็นสันเขาตลอดมีขึ้นมีลงเหนื่อยพอสมควร (ไม่มีเรามีแต่เขา)แต่ก็สนุกนะ

มันขึ้นๆลงๆจนใกล้ถึงอำเภอท่าวังผาจึงเป็นทางเรียบไม่ถึง 10 กิโลเมตร จนถึงถนนใหญ่(หมายเลข 101) เลี้ยวซ้ายไป อ.ปัว เลี้ยวขวาไป จ.น่าน เราปั่นฝ่าความมืดไป 15 กิโลเมตรยังอำเภอปัว เข้าพักที่กรีนฮิลรีสอร์ท หลังอาหารเช้าของโรงแรมวันต่อมาได้ตระเวนเที่ยวไปยังโบราณสถานต่างๆในอำเภอปัว มีสภาพพื้นที่ลดหลั่นกันไป สูงๆต่ำๆ ทิวทัศน์สวยงาม ยามนี้ท้องทุ่งเขียวขจี เมฆหมอกยังกับปุยนุ่นในตอนเช้า

อ้อยอิ่งอยู่ร้านกาแฟบ้านไทลื้อจนถึงเที่ยงวันละเลียดรสกาแฟสด ดื่มด่ำกับธรรมชาติ นักท่องเที่ยวหลากถิ่น หลายสำเนีนง ลองกินข้าวซอยถ้วยละ 50 บาท(อร่อยดี) แพงกว่าข้าวมันไก่จานละ40 จากนั้นปั่นตามถนนหมายเลข 1170 ถึงอำเภอท่าวังผาคนละเส้นกับขามา ก่อนถึงอำเภอท่าวังผาไม่กี่กิโลเมตรแวะเที่ยววัดก๋ง(วัดศรีมงคล)ด้านซ้ายมือซึ่งเป็นวัดท่องเที่ยวที่มีชื่อบรรยากาศสวยงามดีมีการรวบรวมศิลปะหัตถกรรมและโบราณวัตถุมากมายจัดบรรยากาศได้ร่มรื่นจากนั้นปั่นต่อไปถึงอำเภอท่าวังผาถนนใหญ่เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางหมายเลข 101ผ่านสนามบินน่านเข้าสู่ตัวเมือง แวะกิน อาหารขันโตกที่ข่วงคนเมืองหน้าวัดภูมินทร์ โดยเลือกซื้ออาหารจากซุ้มต่างๆโดยรอบลานมานั่งกินตามลานขันโตกดูการแสดง เปิดหมวกหลายรายการแล้วเข้าพักที่โรงแรมน่านสะบายดี

วันที่ 4 ของการเดินทาง(29ก.ย.2562) ตอนเช้าได้ปั่นไปทางทิศตะวันตก เพียงเล็กน้อยขึ้นชมวิวบน ภูเขาวัดพระธาตุเขาน้อย มองเห็น ตัวเมืองน่านสวยงาม จากนั้นปั่นลงกลับเข้าไปในเมืองอีกครั้ง ชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งอยู่บริเวณใกล้ๆกัน ที่ขาดไม่ได้คือวัดภูมินทร์ ซึ่งมีภาพเขียนฝาผนังโบราณเล่าเรื่องราวในอดีต และงาช้างดำที่พิพิธภัณฑ์สถานจังหวัดน่าน

เราใช้เวลาปั่นจักรยานเที่ยวในตัวเมืองจังหวัดน่าน จนกระทั่งถึงเวลา 15:00 น จึงออกเดินทางมุ่งหน้าไปอำเภอบ้านหลวง 40 กว่าโล ขึ้นๆลงๆครับตามสภาพภูเขา ก่อนถึงอำเภอบ้านหลวงลงแค่ 2 กิโลเอง แวะพักขอน้ำกินที่ด่านตำรวจ(น้ำหมด) ที่นี่เป็นอำเภอเล็กครับมีรีสอร์ทอยู่ 2 ที่ ที่เราพักก็อยู่ในปั๊มน้ำมันครับ ถึงซะมืดเลย กินอาหารค่ำที่ร้านหมูจุ่มปลาจุ่มตรงข้ามกับปั๊มน้ำมัน

30 กันยายน 2562 เช้าวันสุดท้าย(วันที่5ของการเดินทาง)
รีบตื่นกันแต่เช้าออกเดินทาง มุ่งหน้าไปอำเภอเชียงม่วนระยะทาง 20 กิโลเมตร ประมาณครึ่งทางก็ถึงจุดชมวิวซ้ายมือ แวะถ่ายรูปจากนั้นก็ เป็นทางลง จนถึงอำเภอเชียงม่วน แวะกินก๋วยเตี๋ยวโอ่งอันลือชื่อ แล้วก็ปั่นต่อไปยังอำเภอปง และอำเภอเชียงคำ ออกจากเชียงม่วนมาไม่กี่กิโลเมตร ก็เจอกับบ้านท่าฟ้าใหม่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านไทลื้อ ได้แวะ เที่ยววัด ที่มีเอกลักษณ์ของ ชาวไทลื้อ เส้นทางจากเชียงม่วน ถึงเชียงคำมีเนินบ้างเล็กน้อยไม่โหดมันฮาอย่างที่ผ่านมา ถึงเชียงคำเกือบมืด ไปเอารถยนต์ที่ฝากไว้แวะเลี้ยงฉลองจบทริปที่แพริมน้ำ เดินทางกลับถึงบ้านครบอาการ32 ทุกประการ ทริปนี้ม่วนแต๊ๆครับ พบกันใหม่ทริปหน้าสวัสดีครับ

เยี่ยมครับมากครับ