SKY LANE
เมื่อผมถามเจ้าของแบรนด์จักรยานระดับโลกชาวต่างประเทศว่า เค้ามีความเห็นอย่างไรกับสังคมและจักรยานในบ้านเรา สิ่งที่เค้าตอบมาคือ ... "คนไทยโชคดีที่มีหน่วยงานเห็นคุณค่าของการออกกำลังกาย ส่งเสริมการปั่นจักรยาน สร้างเส้นทางปั่นจักรยานขึ้นมาในบริเวณพื้นที่สนามบิน" .... แม้ประเทศไทยจะไม่ใช่เมืองจักรยานอย่าเต็มตัวก็ตาม แม้สภาพถนนและการจราจรของเมืองหลวงจะไม่อำนวยนักสำหรับจักรยาน รวมถึงวินัยของผู้ใช้ถนนในสังคมก็ยังไม่เห็นคุณค่าของการแบ่งปั่นผิวถนนให้กับจักรยาน แต่เรามีเส้นทางปั่นจักรยาน สำหรับจักรยานโดยเฉพาะ เพื่อให้คนทุกคนสามารถเข้าไปปั่นจักรยานได้อย่างปลอดภัย
จากกรีนเลน สู่ สกายเลน
ย้อนกลับไปช่วงต้นปี พ.ศ.2557 เส้นทางจักรยานโดยเฉพาะที่ยาวและมีความเป็นเอกลักษณ์ได้กำเนิดขึ้นภายใต้การดูแลของบริษัทท่าอากาศยานไทยจำกัดมหาชน ภายใต้ของประธานบอร์ดการท่าที่มีหัวใจรักและสนใจการปั่นจักรยาน นาวาอากาศตรีศิธา ทิวารี เล็งเห็นว่าการสร้างทางจักรยานแบบนี้ ในจุดมุ่งหมยาเพื่อสาธารณะประโยชน์ของสังคม ไม่เพียงเป็นการคืนสิ่งที่ดีสู่สังคม แต่ยังคมอาจสร้างการพัฒนาระบบสังคมจักรยาน จากจุดเริ่มต้นเล็กๆในวันนั้น ลู่สีเขียวระยะทาง 23.5 กม. ก็ถือกำเนิดขึ้น และกลายเป็นสิ่งที่สังคมจับตามองกันทันที เกิดกระแสการตื่นตัวกับวัฒนธรรมการออกกำลังกายด้วยจักรยาน และแน่นอนว่า "สนามเขียว" ชื่อเล่นของลู่ปั่นจักรยานนี้ กายเป็นหนึ่งในจุดสนใจของผู้คนไม่ว่าจะเป็นนักปั่นอยู๋แล้ว หรือไม่ก็ตาม
ความนิยมที่เติบโตยิ่งกว่าก้าวกระโดดในครั้งนั้นเองทำให้ยอดผู้ใช้บริการสนามเขียวพุ่งสูงขึ้นไปกว่าวันละหมื่นคนในโอกาสพิเศษ และกลายเป็นแหล่งรวมนักปั่นทั่วฟ้าเมืองไทย ต้องมีโอกาสมาลองปั่นกันสักครั้ง แม้แต่นักปั่นจากภูมิภาคส่วนอื่นก็นั่งเครื่องบินมาเพื่อมาลองปั่นจักรยานที่นี่ ... และแล้วความเติบโตก็เข้าสู่ช่วงเวลาวุ่นวาย เมื่อประชากรที่สนใจมากขึ้นเกินกว่าที่การจัดการระบบการบริหารจะรองรับได้อย่างเต็มที่ และยังมีท่าทีเพิ่มขึ้นไปอีกไม่รู็จักหยุด ทำให้ บ.ท่าอากาศยานไทยฯ ต้องคิดถึงการปรับปรุง ยกระดับการจัดการให้ขึ้นสู่ระดับสากล รองรับความต้องการและเป็นมาตรฐานต่อไปในอนาคต ด้วยความร่วมมือกับ ธนาคารไทยพาณิชย์ฯ เกิดเป็นพันธมิตรร่วมลงทุน ปรับปรุง แก้ไข จัดการระบบของเส้นทางปั่นใหม่ทั้งหมด
และนั่นเองคือจุดเปลี่ยนจาก "สนามเขียว" สู่ "สกายเลน" หลังจากปิดปรับปรุงไปถึง 6 เดือน
ข้อมูลโดยสังเขปของสกายเลน
สกายเลนเป็นเส้นทางปั่นจักรยาน ชนิดวนทางเดียวแบ่งออกเป็น 2 ช่องทางเพื่อความปลอดภัยในการแซงกัน มีโครงสร้างเป็นถนนคอนกรีตราดด้วยยางมะตอยมาตรฐานรองรับน้ำหนักรถบรรทุก 6 ล้อได้ พ่นสีฟ้าสดใสตามคอนเซ็ปท์ในการออกแบบ มีระยะทางรวมทั้งสิ้น 23.5 กม. มีจุดพัก (Rest Area) อยู๋ 3 จุดด้านซ้ายมือของช่องทาง ในแต่ละจุดมีบริการห้องน้ำสาธารณะ (อนาคตจะมีจุดให้บริการน้ำดื่ม) อยู๋ที่ประมาณ กม.ที่ 5, 10 และ 16
สกายเลนเป็นที่ปั่นจักรยานของใคร
คำถามนี้เกิดขึ้นเสมอเมื่อเกิดปัญหาต่างๆขึ้น คำตอบที่ชัดเจนที่สุดสำหรับเส้นทางอันสวยงามนี้คือ "สกายเลนเป็นของคนทุกคนที่ต้องการปั่นจักรยาน ไม่ว่าแบบใดก็ตาม" ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นขาแรง นักแข่ง แชมป์โลก นักปั่นพุงพลุ้ย สาวน้อยหน้าใส วัยโจ๋ขาฟิกซ์ ป้ายิ้มอารมณ์ดี หรือลุงใจดีนักปั่นรากหญ้า ทุกคนต่างมีสิทธิและสามารถเข้าใจสกายเลนได้ทั้งสิ้น พูดง่ายๆว่า คุณจะเป็นใครก็ตามหากต้องการเข้าไปปั่นจักรยานต้องสามารถเข้าไปได้ โดยมีกติกากฏพื้นฐานง่ายๆที่พึงปฏิบัติตามเพื่อความปลอดภัยและเป็นระเบียบเรียบร้อย ทุกคนต้องเรียนรู้ที่จะปั่นอยู๋ด้วยกันได้อย่างสงบสุข ไม่ใช่เกิดเหตุไม่คาดฝันก็จะเริ่มทะเลาะกันว่า สกายเลนนี้ เป็นของใคร เหมาะแบบไหน ใครควรมีสิทธิใช้ได้เต็มที่
สิ่งนี้ยืนยันจากผู้จัดการโครงการสกายเลนโดยตรงว่า ที่นี่ รองรับได้ตั้งแต่แชมป์ประเทศไทย มาจนถึงมือใหม่อยากออกกำลัง เพียงแค่คุณทุกคนต้องเข้าใจการอยู๋ร่วมกันให้ได้ และสกายเลนก็ได้ปรับปรุงการออกแบบให้ลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว
1.ทุกคนต้องสวมหมวกกันน็อค
เพื่อความปลอดภัยของผู้ขี่จักรยานเอง อย่าลืมว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
2.ไม่พกพาสิ่งอันตรายเข้าสู่สกายเลน
อย่าลืมนะครับว่าเส้นทางปั่นนี้อยู่ในเขุพื้นที่ของสนามบินนานาชาติที่มีกฏด้านความปลอดภัยเคร่งครัด ดังนั้นไม่ยากที่จะเข้าใจได้ตรงกันว่าห้ามพกพาอาวุธและสิ่งอันตรายเข้าสู่ช่องทางปั่นจักรยานอย่างเด็ดขาด
3.เด็กอายุต่ำกว่า 7 ปีไม่ควรเข้าใจ้
เนื่องจากสกายเลนมีโครงการช่องทางระยะสั้นรองรับอยู่แล้ว สำหรับระยะทาง 23.5 กม. ฝ่ายบริหารมองว่ามีระยะทางที่ไกลเกินไป ไม่ควรนำเด็กเข้าไปร่วมปั่น ทั้งยังต้องการควบคุมให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วย
และกติกาพื้นฐานที่สามารถเข้าใจได้ไม่ยากครับ เพราะที่นี่คือที่ปั่นจักรยาน ไม่ใช่ที่ๆจะมาปิคนิก จะมาเดินเล่น ชมวิว ขายหรือทานอาหารภายในนั้นกันจริงจัง
พักมาชมอะไรคลายเครียดกันสักนิด นายห้างแห่งค่ายโปรไซคลิ่ง กับเซเลบสาว งานนี้รอบสื่อและวีไอพีครับ ได้กระทบไหล่คนดังมากมาย
สายรัดข้อมือ หรือ SNAP เป็นอุปกรณ์อัจฉรียะที่นักปั่นทุกคนต้องมีเพื่อเข้าสู่เส้นทางปั่นจักรยานในสกายเลน สายรัดนี้จะบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลบัตรประชาชนเพื่อระบุตัวตนและเก็บข้อมูลการใช้งาน อีกทั้งยังสามารถเติมเงินเพื่อใช้ซื้อสินค้าต่างๆในบริเวณสกายเลนได้แทนการพกเงินสดอีกด้วย ในอนาคต ระบบไร้สายนี้สามารถต่อยอดใช้งานได้เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ที่หลากหลายต่อไปได้อีกมากมาย
ทางเข้า ระบบบานพับอัตโนมัติ ใช้ SNAP แตะผ่านบานพับเปิดเองครับ
ทีมงานมาร์แชลกำกับดูแลการปั่นรอบพิเศษในครั้งนี้ คนในวงการปั่นคุ้นหน้ากันดีทั้งนั้น
บอกเล่าสสักนิดก่อนไปใช้งาน
สกายเลนแห่งนี้เปลี่ยนทิศทางการปั่น
เส้นทางการปั่นสกายเลนเปลี่ยนมาเป็นระบบวนซ้าย หรือทวนเข็มนะฬิกา ในการออกตัวนักปั่นจะออกจากจุดเริ่มต้น(และทุกๆจุดพัก) โดยมุ่งหน้าไปทางซ้ายเท่านั้น ช่องทางด้านซ้ายทั้งหมดจะต้องระมัดระวังจุดพักที่มีทางเข้าสู่ที่พักทางซ้ายมือ ส่วนช่องทางด้านขวาเป็นช่องทางสำหรับใช้ความเร็วสูงและแซงไปโดยไม่เข้าสู่จุดพัก การเปลี่ยนทิศทางวนนี้เพื่อลดปัญหาการตัดข้ามการจราจรอันเป็นเหตุปัจจัยสำคัญของอุบัติเหตุในสนามเขียวเดิม
ผิวถนนเปลี่ยนเป็นยางมะตอยมาตรฐาน
สนามเขียวเดิมใช้ผิวถนนเป็นถนนยางผสมที่มีความหนืดสูง มีผิวถนนที่ไม่เรียบสนิท 100% และมีแรงต้านการหมุนของล้อสูง มีการยึดเกาะที่ดีกว่าถนนธรรมดา แต่สกายเลนเปลี่ยนผิดถนนใหม่ทั้งหมด ทำให้จักรยานจะทำความเร็วได้สูงขึ้นเนื่องจากแรงเสียทานการหมุนมีน้อยลง ในทางกลับกัน แรงเสียดทานจะลดน้อยลงดังนั้นในกรณีหน้าฝนหรือถนนเปียก ควรหลีกเลี่ยนขับขับขี่บนเส้นสีขาวหรือตัวหนังสือที่อยู๋บนพื้น เพราะจะทำให้ลื่นมากอาจเกิดอุบัติเหตุได้ ในจุดเลี้ยวโค้งสำคัญๆทั้งหลายก็ควรใช้ความระมัดระวังมากขึ้น
ระยะทางบนพื้นถนน
บนถื้นถนนมีระยะทางจากจุดเริ่มต้นเขียนบอกเอาไว้โดยแต่ละจุดมีระยะห่างกันทุกๆ 250 เมตร ทั้งนี้เพื่้อให้นักปั่นได้รู้ว่าตนเองปั่นมาไกลเท่าไหร่ และเหลืออีกไกลเท่าไหร่จึงจะถึงจุดหมาย หรือจะถึงจุดพักที่ต้องการได้ ในกรณีที่ใช้งานสกายเลนเป็นประจำ ระยะทางบนถนนยังสามารถเตือนให้รู้และเตรียมพร้อมกับเส้นทางขางหน้าได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางโค้งหรือทิศทางลมที่เปลี่ยนแปลงไป
ไม่ได้ประจานนะครับ เป็นหนึ่งในตัวอย่างเท่านั้น เชื่อว่าวันจริงคงไม่มีกรณีนี้แน่นอน น่าจะเป็นวีไอพีที่อะลุ่มอะหล่วยเข้ามาได้ หมวกกันน็อค สำคัญที่สุด
มีบางจุดที่ยังเป็นทางผ่านชุมชนและมีเพื่อนร่วมทางนะครับ อย่าลืมระมัดระวังด้วย (จุดทางเข้าเก่า)
สกายเลนจำกัดความเร็ว
สกายเลนจำกัดความเร็วใช้งานอยู๋ที่ 40 กม./ชม. อย่าตกใจนะครับ มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะตลอดทางจะมีป้ายจราจรที่มีความหมายถึงความเร็วที่จำกัดเอาไว้แสดงตลอดทาง ผู้เข้ามาปั่นจักรยานควรใช้ความเร็วที่เหมาะสม หากกรณีใช้ความเร็วสูงเพื่อเร่งแซงสามารถทำได้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่ไม่ควรใช้ความเร็วที่มากเกินกว่าที่กำหนด โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีผู้ใช้บริการหนาแน่น เพราะถึงท่านจะเป็นขาแรง แต่อุบัติเหตุเกิดได้เสมอๆ การใช้ถนนร่วมกันก็ย่อมต้องเคารพกติกา
ที่จอดรถใหม่รองรับได้กว่าพันคัน
ที่จอดรถใหม่รองรับได้ 1500 คัน ทำพื้นตีช่องและติดไฟส่องสว่างเพิ่มขึ้นอย่างดีพร้อมให้บริการนักปั่นทั้งหมด และแน่นอนว่ามันอาจจะไม่พอ ทั้งนี้ การเข้าใช้งานสกายเลนในต่อไปนี้ ทางฝ่ายจัดการ
ขอความร่วมมืองดจอดรถบริเวณริมถนนในพื้นที่ท่าอากาศยานทั้งหมด
โดยสกายเลนร่วมมือกับบ.ท่าอากาศยานฯ เปิดลานจอดรถระยะยาวให้บริการตลอดเวลา นักปั่นสามารถจอดและปั่นจากจุดนั้นมาสู่สกายเลนได้ โดยมีระยะทางไม่กี่ กม. เท่านั้น ผจะปั่น 23.5 กม. แต่ขี้เกียจปั่นแค่ไม่กี่ กม. น่าอายนะครับ) ในระยะยาว จะมีการสร้างทางจักรยานลอยฟ้าเชื่อมระหว่างลานจอดรถระยะยาวมาถึงสกายเลน เพื่อให้นักปั่นสามารถเดินทางมาสู่ทางเข้าได้ง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น
ป้ายกำกับอันตรายตางๆ อย่าลืมมองกันด้วยนะครับ อย่ามัวแต่กดทำ av ใหม่ หรือหมายจะเก็บ strava อย่างเดียว นี่คือทางสาธารณะเคารพกติกากันสักนิด
ข้อควรทราบในช่วงเวลาเปิดทำการ
1.จุดให้บริการน้ำดื่มยังไม่พร้อมให้บริการ
เครื่องขายน้ำอัตโนมัติที่ใช้แถบข้อมือ SNAP จะพร้อมให้บริการหลังจากเปิดบริการไประยะหนึ่ง ในเบื้องต้น สกายเลนจัดน้ำดื่มแจกให้กับนักปั่นที่มาใช้บริการ ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งจะติดตามศึกษาจำนวนที่เหมาะสมอีกครั้ง ดังนั้นนักจักรยานที่เข้าใช้สกายเลนควรเตรียมน้ำดื่มส่วนตัวมาหใ้พร้อมเสียก่อนในระยะเริ่มต้น
2.สกายเลนเปิดตั้งแต่เวลา 6.00-18.00 น.
สกายเลนเตรียมระบบไฟส่องสว่างด้วยพลังงานแสงอาทิตย์เอาไว้รองรับนักปั่นยามค่ำคืน แต่ใในระยะแรกนี้ สกายเลนจะเปิดทำการในช่วงเวลาดังกล่าวเท่านั้น รอให้การจัดการและทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์แบบจากนั้นจะเปิดให้บริการเต็มเวลาจนถึง 22.00 น. เลยทีเดียว
จุดสิ้นสุดครับระยะทาง แยกระหว่างกลุ่มที่ปั่นต่อและหยุดที่ครบรอบ การออกแบบแยกมาแล้วก็จริงแต่อย่าลืมระมัดระวัง ลดความเร็วกันเสมอๆก่อนจะมาถึง KOM ไม่คุ้มค่าบาดเจ็บครับ
3.ห้ามทิ้งขญะในบริเวณลู่ปั่นจักรยาน
ไม่ว่าจะเป็นการดื่มน้ำแล้วโยนทิ้งลงข้างทาง ใช้เจลหรืออาหารเสริมเพื่อพลังงานแล้วโยนลงข้างทาง ทั้งหมดนี้ถือเป็นการทิ้งขญะในบริเวณที่ไม่เหมาะสม สกายเลนจัดถังขยะเอาไว้ให้ในจุดเริ่มต้นและทุกๆจุดพักตามที่กำหนด นอกจากนั้นนักจักรยานมีหน้าที่ต้องดูแลขยะของตนเองเอาไว้กับตัวจนกว่าจะสามารถทิ้งได้ อย่าลืมนะครับนี่ไม่ใช่แกรนด์ทัวร์ จะมีฉีกกิน เปิดดื่ม แล้วโยนทิ้งลงข้างทาง พกเอาไว้ไปใส่ถังขยะครับ มันไม่ได้หนักจนทำให้ขี่ไม่ไหวหรอกครับ ถ้าไม่มีปัญญาแบกซองเจลเปล่าๆ หรือกระป๋องน้ำเกลือแร่ติดเอาไว้ อย่ามาปั่น 23.5 กม. เลยครับ มาร่วมสร้างสำนึกดีรักพื้นที่กันเถอะครับ
4.นักปั่นสามารถขอรับ SNAP ได้ฟรีหน้าทางเข้า
แม้ว่าจะมีการเปิดใหรับสายรัดข้อมือไปแล้วก่อนหน้านี้ (แจกไปประมาณ 50,000 อัน) แต่ที่ทางเข้ายังมีจุดลงทะเบียนและเครื่องแจก SNAP ให้บริการโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น เพียงแต่นำบัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทางเข้าไปลงทะเบีบนและกดขอรับสายรัด เท่านี้ก็จะได้ SNAP ประจำตัวมาแล้ว เก็บเอาไว้ใช้ทุกครั้งที่มาสกายเลนนะครับ ไม่ต้องมาขอใหม่อีก เพราะการขอครั้งต่อไปไม่ว่าหายหรือเสีย ท่านต้องแจ้งยกเลิกอันเก่าและเสียค่าบริการในอันต่อไป
5.ช่องทางเข้าด้วยรถยนต์มาได้จาก 2 ทาง
ช่องทางแรกมาจากถนนสุวรรณภูมิภายในสนามบิน มุ่งหน้าสู่สะพานข้ามคลองส่งน้ำหน้าสถานีตำรวจจากนั้นเข้ากลับรถใต้สะพาน ทางเข้าจะอยู๋หัวมุมช่องทางกลับรถเลย สามารถเข้าไปได้เลยไม่ต้องไปแออัดกันอยู่ด้านหน้า ส่วนช่องทางที่สอง สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากถนนลาดกระบังข้ามสะพานข้ามคลองส่งน้ำลงมา ช่องทางเข้าจะอยู๋ซ้ายมือเมื่อลงสะพานเบี่ยงออกซ้ายเข้าทางเข้าได้ ทั้งนี้ให้ระวังรถที่กลับรถมาจากใต้สะพานนะครับ ช่องทางเข้าแบบใหม่ น่าจะลดการจราจรที่คับคั่งก่อนเข้าสกายเลนได้ไม่มากก็น้อย
จุดพักมีห้องน้ำสาธารณะบริการ พร้อมราวแขวนจักรยาน ในอนาคตก็จะมีเครื่องจำหน่ายน้ำดื่มและเครื่องดื่มอัตโนมัติในจุดเหล่านี้ด้วย
ภาพห้องน้ำในวันพิเศษก่อนเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบ ช่วยกันรักษาความสะอาดครับ
สุดท้ายขอฝากเพื่อนนักปั่นทุกๆท่าน ไม่ว่าจะเป็นขาแบบไหน มาร่วมกันใช้สกายเลน และช่วยกันสร้างสังคมจักรยานทาี่ดีครับ สุขภาพดี แรงดี ปลอดภัยมาเป็นอันดับหนึ่ง ไม่มีประโยชน์หากคุณมาซ้อมโหดแล้วประมาทจนเกิดอุบัติเหตุ ไม่สนุกหากคุณมาปั่นโดยไม่คำนึงถึงผู้อื่น ไม่ศึกษากติกา ไม่ใส่ใจกฏและเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ทุกครั้งพึงคิดเสมอว่าเมื่อจักรยานเกิดอุบัติเหตุคนเสียหายหลายแสน เจ็บหนักมักไม่ใช่เราแต่เป็นคนที่ตามมาเสมอ เราไม่อยากเจออะไร ก็จงทำตนให้ไม่เป็นภัยแก่ผู้อื่นเช่นนั้น แล้วเส้นทางสายนี้จะเป็นสวรรค์ของพวกเราทุกคน
พบกันที่สกายเลนครับ
ส่งท้ายด้วยคันนี้ครับ งามหยดย้อยใหม่เอี่ยมมาเลย ของใครกันหนอ[homeimg=300,250]http://www.thaimtb.com/forum/picture_mt ... 511671.jpg[/homeimg]
