หน้า 1 จากทั้งหมด 11

นิตยสาร P.I.T. Gangs ปีที 2 ฉบับที่ 18 เดือนตุลาคม

โพสต์: 01 ต.ค. 2008, 18:41
โดย อ้วนพริ้ว ปลิวตามลม
"กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยามหาดิลก ภพนพรัตน์ราชธานีบุรีรมย์
อุดมราชนิเวศมหาสถาน อมรพิมานอวตานสถิต สักกทัตติยะวิษณุกรรมประสิทธิ์"


ได้รับเชิญให้เป็นคนเปิดเล่มใหม่ประจำเดือนตุลาคม 2551 ซึงเป็นเล่มที่ 18 แล้ว
และเดือนนี้มีวาระระสำคัญคือการเลือกตั้งผู้ว่าผมจึงขอเล่าประวัติความเป็นมาของมหานครแห่งนี้ของเราให้ทราบครับ

Re: นิตยสาร P.I.T. Gangs ปีที 2 ฉบับที่ 18 เดือนตุลาคม

โพสต์: 01 ต.ค. 2008, 18:47
โดย อ้วนพริ้ว ปลิวตามลม
พื้นที่บริเวณกรุงเทพมหานครในปัจจุบัน เดิมเป็นที่ตั้งของเมืองธนบุรีศรีสมุทร ชาวต่างชาติเรียกกันว่า "บางกอก" มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มีความสำคัญเนื่องจากเป็นเส้นทางออกสู่ทะเลและติดต่อค้าขายกับอาณาจักรต่าง ๆ เป็นเมืองหน้าด่าน คอยดูแลเก็บภาษีกับเรือสินค้าทุกลำที่ผ่านเข้าออก ส่วนบริเวณปากน้ำตรงอ่าวไทย เรียกกันว่า "นิวอัมสเตอร์ดัม" มีชุมชนใหญ่และโกดังของชาวต่างประเทศไว้สำหรับพักสินค้า ปัจจุบันคือพื้นที่บริเวณอำเภอพระประแดง

ที่มาของคำว่า "บางกอก" นั้น มีข้อสันนิษฐานว่าอาจมาจากการที่แม่น้ำเจ้าพระยาคดเคี้ยวไปมา บางแห่งมีสภาพเป็นเกาะเป็นโคก จึงเรียกกันว่า "บางเกาะ" หรือ "บางโคก" หรือไม่ก็เป็นเพราะบริเวณนี้มีต้นมะกอกอยู่มาก จึงเรียกว่า "บางมะกอก
ต่อมาเมื่อถึงคราวเสียกรุงศรีอยุธยาใน พ.ศ. 2310 หลังการกอบกู้อิสรภาพจากพม่า สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงสถาปนาเมืองธนบุรีศรีสมุทรให้เป็นราชธานีใหม่ คือ กรุงธนบุรี เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2313 แต่กรุงธนบุรีมีสภาพเป็นเมืองอกแตก ตรงกลางมีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน เป็นเหตุให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (ทองด้วง) มีความคิดจะย้ายเมืองไปทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้การป้องกันรักษาเมืองเป็นไปได้โดยง่าย
เมื่อสิ้นรัชกาลสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (ทองด้วง) ได้ขึ้นเสวยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ ทรงพระนามว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ทรงมีพระราชดำริว่าฟากตะวันออกของกรุงธนบุรีมีชัยภูมิดีกว่าตะวันตก มีลำน้ำเป็นขอบเขตอยู่กว่าครึ่ง หากข้าศึกยกมาติดถึงชานพระนคร ก็จะต่อสู้ป้องกันได้ง่ายกว่าอยู่ข้างตะวันตก จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างกรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาให้เป็นราชธานีแห่งใหม่ โดยสืบทอดศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมจากพระราชวังหลวงของกรุงศรีอยุธยา
พระองค์มีพระบรมราชโองการสั่งให้พระยาธรรมาธิกรณ์กับพระยาวิจิตรนาวี เป็นแม่กองคุมช่างและไพร่ไปวัดกะที่ดินเพื่อสร้างพระนครใหม่ในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2325 ทรงประกอบพิธียกเสาหลักเมืองเมื่อวันอาทิตย์ เดือน 6 ขึ้น 10 ค่ำ ย่ำรุ่งแล้ว 54 นาที ปีขาล จ.ศ. 1144 จัตวาศก ตรงกับวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2325 เวลา 6.54 น.และทรงประกอบพระราชพิธีปราบดาภิเษกในวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2325 พระราชทานนามพระนครนี้ว่า "กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์" ซึ่งมีความหมายว่า "พระนครอันกว้างใหญ่ดุจเทพนคร อันเป็นที่สถิตของพระแก้วมรกต เป็นนครที่ไม่มีใครรบชนะได้ มีความงามอันมั่นคงและเจริญยิ่ง เป็นเมืองหลวงที่บริบูรณ์ด้วยแก้วเก้าประการ น่ารื่นรมย์ยิ่ง มีพระราชนิเวศน์ใหญ่โตมากมาย เป็นวิมานเทพที่ประทับของพระราชาผู้อวตารลงมา ซึ่งท้าวสักกเทวราชพระราชทานให้พระวิษณุกรรมลงมาเนรมิตไว้
ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเปลี่ยนชื่อพระนครจาก บวรรัตนโกสินทร์ เป็น อมรรัตนโกสินทร์ และมีฐานะในการปกครองส่วนท้องถิ่นเป็น "จังหวัดพระนคร

ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ตัดถนนใหม่ขึ้น และเปลี่ยนรูปแบบผังเมืองกรุงเทพมหานครเฉกเช่นอารยะประเทศ เนื่องในสมัยนั้นสยามประเทศโดนคุกคามจากมหาอำนาจยุโรปและเป็นตรงจุดนี้เป็นข้ออ้างที่มหาอำนาจนำมาแทรกแซงและคุกคาม ต่างชาติยุโรปเองยอมรับว่ากรุงเทพมหานครถือว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่มีผังเมืองงดงามที่สุดในโลกในสมัยนั้น

ต่อมาเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2514 รัฐบาลได้รวม จังหวัดพระนคร และ จังหวัดธนบุรี เข้าด้วยกันเป็น นครหลวงกรุงเทพธนบุรี และภายหลังการปรับปรุงการปกครองใหม่เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2515 จึงได้เปลี่ยนเป็นชื่อเป็น กรุงเทพมหานคร แต่นิยมเรียกกันว่า กรุงเทพฯ

การปกครอง
กรุงเทพมหานครมีลักษณะเป็นเขตการปกครองพิเศษ (หนึ่งในสองเขต อีกแห่งคือ พัทยา) ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 กำหนดให้กรุงเทพมหานครเป็นทบวงการเมือง มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่นนครหลวง มีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และรองผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร มาจากการเลือกตั้ง และเป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารงาน อยู่ในตำแหน่งตามวาระคราวละ 4 ปี นับแต่วันเลือกตั้ง และมีการแต่งตั้งปลัดกรุงเทพมหานครร่วมบริหารงาน การดำเนินงานมีสภากรุงเทพมหานครที่ได้รับเลือกตั้งโดยตรงทำงานร่วมด้วย

ผู้ว่าราชการกรุงเทพคนปัจจุบัน คือ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน

Re: นิตยสาร P.I.T. Gangs ปีที 2 ฉบับที่ 18 เดือนตุลาคม

โพสต์: 01 ต.ค. 2008, 19:06
โดย อ้วนพริ้ว ปลิวตามลม
และวันที่ 5 ตุลาคม 2551 ก็จะเป็นวันเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร จึงขอเชิญชวนไปใช้สิทธิ์กันครับ รักใครชอบใครก็เลือกกันเลยครับ

1กิตติศักดิ์ ถิรวิศิษฎ์ เกิดเมื่อปี 2492 สำเร็จการศึกษามหาเปรียญวัดเบญจมบพิตร และมหาบัณฑิตรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันราชภัฏสวนสุนันทา รวมทั้งกำลังศึกษาปริญญาเอกวิทยาลัยสื่อสารการเมือง สำหรับเส้นทางการเมืองเคยลงสมัคร ส.ส. ส.ว. ในสังกัดอิสระ และลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ดมื่อปี2547 แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง
ในปี2551 นายกิตติศักดิ์ ได้ลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพฯอีกครั้ง โดยสามารถจับฉลากได้เบอร์1 และประกาศนโยบายในการแก้ปัญหาด้านต่างๆของกรุงเทพฯ ภายใต้สโลแกนว่า ผู้ว่าฯอัศวิน และเน้นแก้ปัญหาการจราจร เศรษฐกิจ รวมทั้งปัญหาผู้คนในสังคม

2.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศักดิ์ สำเร็จการศึกษา ปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยมอแนช ประเทศออสเตรเลีย โดยทุนรัฐบาล และปริญญาโทรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นศึกษาต่อ ปริญญาเอก สาขาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยมอแนช ประเทศออสเตรเลีย
ปัจจุบันดำรงตำแหน่งนักวิชาการอาวุโส ศูนย์ศึกษาธุรกิจและรัฐบาล มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา และนักวิชาการอาคันตุกะ มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดประเทศอังกฤษ รวมทั้งเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยหลายแห่งทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนเป็นประธานกรรมการกลุ่มบริษัทซัคเซสและบริษัทต่าง ๆ รวมกว่า 20 บริษัท
ดร. เกรียงศักดิ์ เข้าสู่ถนนการเมืองครั้งแรกในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ. 2548 โดยเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 25 พรรคประชาธิปัตย์ และได้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตยืเมื่อเดือน ตุลาคม พ.ศ.2550 โดยให้เหตุผลว่าไม่ได่รับความเป็นธรรมในการจัดส่งเลือกตั้ง และปี 2551 ได้ลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ โดยชูนโยบาย สร้างกรุงเทพฯด้วยปัญญา

3.ร.อ.เมตตา เต็มชำนาญ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ.2491 สำเร็จการการศึกษาจากโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย และเข้ารับราชการเป็นนายทหารสังกัดสำนักงานเลขานุการกองทัพบก โดยเคยเป็นพลขับให้ พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าของค่ายมวย ม.เต็มชำนาญ รวมทั้งเคยเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนต์ เรื่อง ไอ้ขุนเพลง ในปี2522 และเคยดำรงตำแหน่งนายกสมาคมศิษย์เก่าสามเสนวิทยาลัย เมื่อปี 2529-2535
ทั้งนี้ ร.อ.เมตตา เคยลงส.ส.ในนามพรรคประชาราช แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง รวมทั้งเคยสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพฯในปี 2547 ก็ไม่ได้รับเลือกเช่นกัน และในปี 2551 ลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ อีกครั้ง ในสังกัดกลุ่มเมตตาธรรม โดยชูนโยบายเน้นการสร้างความ กินดี อยู่ดี มีความสุข โดยนโยบายเร่งด่วนจะเน้นการปราบปรามยา

4.นายวราวุธ ฐานังกรณ์ เกิดเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2501 สำเร็จการศึกษา ปริญญาตรี เภสัชศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลังจบการศึกษาเอาดีด้านอินเทอร์เน็ต เป็นเจ้าของธุรกิจเว็บโฮสติ้ง ที่ห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า ชอบงานเผยแพร่อินเทอร์เน็ตให้มวลชน โดยใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อต่อต้านเผด็จการทั้งในโลกไซเบอร์และที่เวทีสนามหลวง ซึ่งเป็นผู้ส่งเสริมการใช้รหัสประชาธิปไตย หรือดีโค้ด มาใช้ต่อสู้ทางอินเทอร์เน็ต
ทั้งนี้นายวราวุธ เป็นแกนนำกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ โดยใช้ชื่อว่า สุชาติ นาคบางไทร เคยบุกเข้าไปยื่นหนังสือให้ประธานองคมนตรีถึงในบ้านสี่เสาเทเวศร์ เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.2550 เคยเรียกร้องหน้ากองทัพบกให้ปล่อยตัวนักเคลื่อนไหวฝ่ายประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2550 และนำประชาชนชุมนุมท้องสนามหลวง 7 วัน 7 คืน เพื่อต่อต้านการปฏิวัติ เมื่อ19 ก.ย.2549 ที่สำคัญเคยถูกกล่าวหาและแจ้งความในข้อหาคุกคามสื่อหลังใช้กล้องถ่ายรูปนักข่าวที่ห้องแถลงข่าวรัฐสภา เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2551
นายวราวุธลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ชูนโยบายกรุงเทพเมืองมหัศจรรย์ โดยเน้นนโยบายด้านการเมือง ไม่ว่าจะเป็นจัดทำแนวป้องกันรถถังบนพื้นผิวถนน เพื่อป้องกันการปฏิวัติ จัดเวทีการเมืองสาธารณะให้ประชาชนพูดคุยการเมือง จัดให้มีวิทยุชุมชนของ กทม.เพื่อแสดงความเห็นทางการเมือง จัดตั้งศูนย์ป้องกันการปฏิบัติโดยประชาชน และให้มีการซ้อมต้านปฏิวัติเป็นประจำปีละครั้ง เพื่อให้กทม. เป็นเมืองปลอดการปฏิวัติรัฐประหาร จัดตั้งสภาทนาย กทม.เพื่อประชาธิปไตย

5.นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เกิดเมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ.2504 จบการศึกษา ปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต (วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปริญญาโท พัฒนบริหารศาสตรมหาบัณฑิตทางบริหารธุรกิจ (การบริหารการตลาด) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และ ประกาศนียบัตรชั้นสูงทางการบริหาร มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดประเทศสหรัฐอเมริกา
นายอภิรักษ์ เคยดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาด ประจำประเทศไทย บริษัท เป๊ปซี่ - โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟริโต-เลย์ ประเทศไทย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ กรรมการบริษัท ยูไนเต็ด บรอดคาสติ้ง คอร์ปอเรชั่น กรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประธานกลุ่มการตลาดและบริหารงานสื่อ กลุ่มบริษัทในเครือเทเลคอมเอเชีย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ร่วม บริษัท ทีเอ ออเร้นจ์ จำกัด
เข้าสู่เส้นทางการเมืองด้วยการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯในนาม พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี พ.ศ. 2547 และได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนน 911,441 เสียง ทั้งนายอภิรักษ์ได้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ จนครบวาระในปี 2551 และลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 ชูนโยบาย 5 ด้าน คือ การแก้ปัญหาจราจร ด้านการศึกษา ด้านคุณภาพชีวิต ด้านเศรษฐกิจ และบริหารจัดการน้ำ

6.นายสุเมธ ตันธนาศิริกุล เกิดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ.2502 จบการศึกษา ศูนย์บริหารการศึกษานอกโรงเรียนเขตราษฎร์บูรณะ ปัจจุบันประกอบอาชีพนักธุรกิจ นายสุเมธเคยเป็นประธานเครือข่ายประชาชนคัดค้านทางด่วน พิเศษคลองเตย-สุวรรณภูมิ ก่อนจะมาลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพฯในปี 2551
ทั้งนี้ในวันรับสมัครผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ นายสุเมธ ได้เดินทางมาสมัครพร้อมสวมหมวกเปาบุ้นจิ้น เพื่อสื่อสัญลักษณ์แห่งความยุติธรรม โดยชูนโยบายเรื่องปากท้องชาวกรุงเทพฯภายใต้สโลแกน "ความคิดของท่าน คือ นโยบายสำคัญของเรา จะมีการตั้งสภาประชาคมเมืองขึ้นมา เปิดให้ผู้นำชุมชนต่างๆ เข้ามาเป็นสมาชิก สร้างเครือข่ายกระจายอำนาจให้ชุมชน และให้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาเมือง"

7.นางลีนา จังจรรจา
นางลีนา จังจรรจา หรือ ลีนา จังเกิดเมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2502 จบการศึกษาปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปัจจุบันประกอบธุรกิจด้านเครื่องสำอาง โดยดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการศูนย์ขายส่งเครื่องสำอาง ร้านไฮโซ ไซตี้ ประตูน้ำเซ็นเตอร์
ปี 2547 ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯหมายเลข 6 แต่ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติถอดถอนจากการลงเลือกตั้ง เนื่องจากมีการร้องเพลงเต้นรำบนพื้นที่ด้านหลังรถกระบะที่ใช้หาเสียง ซึ่งผิดตามพ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกท้องถิ่น หรือ ผู้บริหารท้องถิ่น มาตรา 57 (3) ว่าด้วยการจัดงานมหรสพ หรือ งานรื่นเริง
ปี 2549 ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในพื้นที่ กรุงเทพฯ แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง และปี 2551 ได้ลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพฯอีกครั้ง โดยได้รับหมายเลข 7 ชูนโยบาย 23 ข้อ เน้นให้คนกรุงเทพฯ ให้โอกาสผู้หญิงเป็นผู้ว่าฯและประกาศที่จะเป็นผู้ว่าฯสีขาว

8.นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เกิดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2504 สำเร็จการศึกษา ปริญญาตรี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ปริญญาโท มหาวิทยาลัยซานดิเอโก ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจบการศึกษาได้ประกอบธุรกิจในนามเครือเดวิสกรุ๊ป และก่อตั้งมูลนิธิต้นตระกูลกมลวิศิษฏ์
นายชูวิทย์เข้าสู่วงการการเมืองด้วยการลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพฯเมื่อปี 2547 ในนามพรรคต้นตระกูลไทยที่ตนเองก่อตั้งขึ้น แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง และได้นำพรรคต้นตระกูลไทยเข้าร่วมกับพรรคชาติไทยโดยได้รับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคชาติไทย
ทั้งนี้ในปี 2548 นายชูวิทย์ ลงสมัครเลือกตั้งทั่วไป เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ สังกัด พรรคชาติไทย แต่ภายหลังถูก ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า เป็นสมาชิกพรรคไม่ตรบ 90 วัน จึงพ้นจากความเป็นส.ส. ต่อมาในปี 2549 นายชูวิทย์ได้ลาออกจากพรรคชาติไทย เพื่อลงสมัคร ส.ว.กรุงเทพฯ แต่ถูก คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพิกถอนสิทธิการลงสมัคร เนื่องจากยังไม่พ้นสถานะภาพ ส.ส. ครบกำหนด 1 ปีก่อนที่จะลงสมัครส.ว.
นายชูวิทย์ ลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพฯอีกครั้ง ในปี 2551 ชูนโยบาย "ริเริ่ม เร่งด่วน ติดตาม" โดยงานริเริ่ม จะทำให้ กทม.เป็นเมืองท่องเที่ยว ด้านเศรษฐกิจจะให้แม่ค้าขายของทั้ง 7 วัน และเทศกิจต้องไปช่วยงานตำรวจตรวจตราความปลอดภัยแทนการจับแม่ค้า งานเร่งด่วน จะสานต่องานที่ดีมีประโยชน์

9.นายวิทยา จังกอบพัฒนา เกิดเมื่อ 25 ตุลาคม พ.ศ.2490 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยเป็นอดีตพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ในปี 2547 นายวิทยาได้ลงสมัครด้วยในสังกัดอิสระ โดยได้รับคะแนน 811 คะแนน
ในปี 2551 นายวิทยา ลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพฯอีกครั้ง ในสังกัดอิสระเช่นเดิม โดยกล่าวถึงเหตุผลที่ตัดสินใจลงสมัครว่าเป็นเพราะทนไม่ได้กับการแก้ปัญหาจราจรที่ผ่านมา พร้อมกับระบุว่า หากได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม.จะแก้ปัญหารถติดภายใน 7 วัน

10.นายประภัสร์ จงสงวน เกิดเมื่อ 18 พฤษภาคม 2498 สำเร็จการศึกษา ปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโท สาขาอาชญาวิทยา สถาบัน California State University at Fresno สหรัฐอเมริกา และ หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐร่วมเอกชน (ปรอ.) รุ่นที่ 9 ประจำปีการศึกษา 2539-2540 วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
นายประภัสร์ เริ่มต้นการทำงานที่สำนักงานกฎหมาย ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน ตั้งแต่ปี 2525 และได้เข้าทำงานที่ การทางพิเศษแห่งประเทศไทยในปี 2528 เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองนิติการ ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย และสำนักผู้ว่าการ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ล่าสุดดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ก่อนจะลาออกมาลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพฯในสังกัดพรรคพลังประชาชน
ทั้งนี้นายประภัสร์ได้ประกาศนโยบายว่า จะเน้นแก้ปัญหาน้ำเน่าเสีย สร้างโรงเผาขยะแทนการฝังกลบ เพื่อนำพลังงานที่ได้มาใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า เรวมทั้งศึกษาปัญหาน้ำท่วมเมืองที่เกิดจากภาวะโลกร้อนอย่างละเอียด แล้วนำมาเตรียมการป้องกันให้เป็นรูปธรรมก่อนเกิดปัญหา

11.นายภพศักดิ์ ปานสีทอง เกิดเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2506 สำเร็จการศึกษาปริญญาโทบริหารธุรกิจ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปี 2547 ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไวส์ คอนซัลแทนท์ โดยนายภพศักดิ์ ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯเป็นครั้งแรกในนามอิสระ
ทั้งนี้นายภพศักดิ์ได้ให้เหตุผลในการลงสมัครรับเลือกตั้งว่า ในฐานะที่เป็นนักธุรกิจเห็นว่าภาคธุรกิจของ กทม.ย่ำแย่มาหลายปี จึงน่าจะมีการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง โดยประกาศนโยบายหาเสียงคือ "5 เพิ่ม 5 ลด 5 ปกป้อง 5 เพิ่มพูน และส่งเสริม โดยเฉพาะเพิ่มรายได้ให้คน กทม."

12.นางธรณี ฤทธิธรรมรงค์ เกิดเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2488 สำเร็จการศึกษาปริญญาโทบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยบอสตัน สหรัฐอเมริกาในปี 2516 ทั้งนี้นางธรณีเป็นภริยาอดีตเอกอัครราชทูตไทยกระทรวงต่างประเทศ และลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพฯในสังกัดอิสระ
ทั้งนี้ นางธรณี ระบุเหตุผลที่มาลงสมัครรับเลือกตั้งว่า เบื้องบนได้นิมิตรมาให้ลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ และได้ประกาศว่าจะไม่มีการลงพื้นที่หาเสียง เนื่องจากเชื่อว่าหากเบื้องบนต้องการให้ชนะก็จะได้รับชัยชนะ โดยมีนโยบายการดำเนินงานหากได้รับเลือกตั้งคือ "การเมืองแนวใหม่ หมั่นร่วมตรวจสอบ ผู้ลอบทุจริต คนโกงคนผิด การติดสินบน"

13.นายอุดม วิบูลเทพาชาติ นายอุดม วิบูลเทพาชาติ เกิดเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2498 สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปี 2522 โดยนายอุดมได้เคยลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯมาแล้ว 2 สมัยในสังกัดอิสระ แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง
สำหรับการลงสมัครเลือกตั้งครั้งนี้ นายอุดมยังคงลงสมัครในสังกัดอิสระ โดยระบุว่าไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง เพียงแต่ต้องการเสนอตัวเป็นทางเลือกให้กับประชาชน และต้องการให้ผู้ที่จะมาเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ นำนโยบายที่ตนคิดเอาไว้ คือ "เพิ่มคุณค่า ลดปัญหา และอุปสรรค ให้ความสนใจด้านเศรษฐกิจ" ไปใช้ในการบริหารกรุงเทพฯ

14.น.ส.วชิราภรณ์ อายุยืน สำเร็จการศึกษา ปริญญาตรี-โทจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง และ ปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ปัจจุบันทำงานในภาคเอกชน เคยดำรงตำแหน่งผู้จัดการ บริหารอาคารชุดและอสังหาริมทรัพย์ในเครือ 12 สาขา รวมทั้งผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศ บริษัทแอตแลนต้าอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
ทั้งนี้น.ส.วชิราภรณ์ เคยลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.สังกัดพรรคประชาราษฎร์ เขต 3 ดินแดง ห้วยขวาง วังทองหลาง ลาดพร้าว จากนั้นจึงถอนตัวมาตั้งพรรคการเมืองของตัวเองในนามพรรคสาธารณชน โดยระบุถึงสาเหตุที่มารงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯว่า ประเทศกำลังอยู่ในความวุ่นวาย จึงต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนากรุงเทพฯ และได้เสนอนโยบายหาเสียงว่า "ขอโอกาสให้ผู้หญิงได้เป็นผู้ว่าฯกทม.เปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามรัก"

15.นายสมชาย ไพบูลย์ เกิดเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2512 สำเร็จการศึกษา ม.6 โรงเรียนวัดอินทรวิหารในปี 2531 เคยเป็นอดีต สมาชิกสภาเขต บางบอน พรรคไทยรักไทย โดยระบุถึงสาเหตุในการลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพฯครั้งนี้ว่า ไม่ต้องการให้มีแต่ผู้สมัครหน้าเดิมให้ประชาชนเลือก รวมทั้งยืนยันว่าการลงสมัครครั้งนี้ไม่ได้สังกัดพรรคใด และใช้ทุนส่วนตัวในการหาเสียงทั้งหมด
นายสมชายได้ใช้สโลแกนในการหาเสียงคือ "พัฒนาเมืองให้มีความทันสมัยก้าวหน้ามากขึ้น" โดยเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนระดับรากหญ้าในชุมชนต่างๆให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

16.ว่าที่ พ.ต. นิพนธ์ ซิ้มประยูร เกิดเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2506 สำเร็จการศึกษาปริญญาโท สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงในปี 2528 ปัจจุบันประกอบอาชีพเป็นนักกฎหมาย ทั้งนี้ว่าที่ พ.ต.นิพนธ์ เคยเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ว. ขอนแก่น และอดีตผู้สมัคร ส.ส. สังกัด พรรคมัชฌิมาธิปไตย
สำหรับการลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯครั้งนี้ ว่าที่พ.ต.นิพนธ์ ลงสมัครในนามอิสระไม่สังกัดพรรคใด โดยประกาศนโยบายหาเสียงว่า “จะใช้เวทีนี้เพื่อดูแลปากท้องให้กับคนกรุงเทพฯเป็นหลัก ตามสโลแกน รู้ทุกข์ประชา ร่วมพัฒนาคุณภาพกทม.”
ทั้งนี้น.ส.วชิราภรณ์ เคยลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.สังกัดพรรคประชาราษฎร์ เขต 3 ดินแดง ห้วยขวาง วังทองหลาง ลาดพร้าว จากนั้นจึงถอนตัวมาตั้งพรรคการเมืองของตัวเองในนามพรรคสาธารณชน โดยระบุถึงสาเหตุที่มารงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯว่า ประเทศกำลังอยู่ในความวุ่นวาย จึงต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนากรุงเทพฯ และได้เสนอนโยบายหาเสียงว่า "ขอโอกาสให้ผู้หญิงได้เป็นผู้ว่าฯกทม.เปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามรัก"

แล้วอย่านอนหลับทับสิทธิ์กันนะครับ

Re: นิตยสาร P.I.T. Gangs ปีที 2 ฉบับที่ 18 เดือนตุลาคม

โพสต์: 02 ต.ค. 2008, 07:05
โดย หม่องวันวีล
ตอกบัตรครับ(เป็นคนแรก)
เปิดหัวมาก็ขอเชิญชวนกันไปเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ในวันที่ 5 ต.ค.51นี้นะจ๊ะ(สรุปได้ประมาณนั้น)
ไม่ทราบว่าท่านนักบอลทั้งหลายเป็นไงกันบ้าง หลังจากที่เมื่อคืนนี้มีการแข่งขันฟุตบอลกันแบบมาราธอน(มันแข่งฟุตบอลหรือแข่งวิ่งมาราธอนกันหว่า)วันนี้จะเดินกันได้ไหมหนอ..เป็นห่วง
ผลการแข่งขันเมื่อคืนนี้ที่สนามกรีนฟิลช่างตรงกันข้ามกับสนามแอนด์ฟิลกันอย่างสิ้นเชิง
ที่สนามแอนด์ฟิล ลิเวอร์พูล ชนะ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น 2:0 ส่วนที่สนามกรีนฟิลผลการแข่งขันแตกต่างกันอย่างฟ้ากับเหว เมื่อทีมที่ใส่เสื้อสีแดงๆ(เสื้อทีมใหม่เลยนะ)ทีมนั้นกลายเป็นทีมจอมแจกแต้ม แต่ก็เป็นก้าวแรกที่มั่นคง และนัดต่อๆมาก็เล่นได้ดีขึ้นเรื่อยๆ หวังว่าสักวันคงจะสะกดคำว่าชนะเป็นกับเขาเสียที :lol: :lol:
ยินดีกับเจ้าเด็กคนนั้นที่ยิงประตูได้เสียที(หลังจากที่ยิงอย่างอื่นมานานแล้ว)ไม่รู้ว่าเมื่อคืนไปฉลองการยิงประตูกับแฟนที่ไหนนะ
กับเจ้าป๊อก็เสียใจกับการบาดเจ็บแบบกระทันหันด้วย เดี๋ยวก็หายเองแหละน้อง ถ้าหายกลับมาแล้วไม่รู้ว่าจะมีตำแหน่งตัวจริงในทีมหรือเปล่าเพราะเจ้าเด็กคนนั้นดันมายิงประตูแอบผีจับยัดเข้าให้อีก อย่างนี้ต้องมีการแย่งตำแหน่งกันอย่างดุเดือดแน่นอน(แข่งกันทั้งเสือภูเขาและฟุตบอลเลยนะคู่นี้)

Re: นิตยสาร P.I.T. Gangs ปีที 2 ฉบับที่ 18 เดือนตุลาคม

โพสต์: 02 ต.ค. 2008, 08:42
โดย M6
สวัสดีครับบาสและน้อง ๆ เพื่อน ๆ ชาว p.i.t.gangsที่รักทุกคน วันนี้แอบเข้ามาดูตั้งแต่เช้าเลยเห็นน้องบอยเปิดเล่มเรื่องผู้ว่า ก ท ม ก ดีนะครับตรงประเด็นเลยตอนนี้ทางภูเก็ตถือศิลกินผักกันนะครับจักยานก็ปั่นน้อยหน่อยไม่ค่อยมีแรงครับฝากถึงน้องติ่งกับน้องไมโลอย่าให้โกต๊องเขารังแกบ่อย ๆ นะครับเดี้ยวจะได้ใจครับ

Re: นิตยสาร P.I.T. Gangs ปีที 2 ฉบับที่ 18 เดือนตุลาคม

โพสต์: 02 ต.ค. 2008, 11:47
โดย T.HARDCORE ท.แก่นแท้
โอ้..โหลดช้าคอดๆ...

สวัสดีครับน้าบอย บอกอ และพี่น้อง PIT GANGS และพี่ๆเพื่อนๆที่แวะมาเยี่ยมทุกท่าน
แวะตอกบัตรครับ
เดี๋ยวจะมาว่ากันต่อ
ขอไปทำธุระ กับคุณแม่ก่อนนะครับพี่น้อง


แล้วเจอกันครับผม :)

Re: นิตยสาร P.I.T. Gangs ปีที 2 ฉบับที่ 18 เดือนตุลาคม

โพสต์: 02 ต.ค. 2008, 12:06
โดย T.Hardtail
ฮิ้วๆๆๆ.... :mrgreen:

เข้าสู่เดือนใหม่แล้วครับพี่น้อง เผลอแป๊บเดียวปาเข้าไปเดือนสิบแล้ว เร็วจริงๆพับผ่าดิ สงสัยปีนี้ฮานเยอะจริงๆเวลาเลยผ่านไปเร๊วเร็ว เคยสังเกตุมั๊ย เวลาว่างๆไม่มีอะไรทำเนี่ย เวลามันผ่านไปช้าๆน่าเบื่อเนอะ :mrgreen:

เมื่อวานนี้ สโตร๊กซิตี้ เล่นดีขึ้นมากเลยครับ ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันไล่บอลจนขาขวิด :lol: เช้านี้เจ็บขาหนีบนิดหน่อย น่าจะฟิตทันลงพุธหน้า ช่วงนี้เจ็บไม่ได้แฮะ คนรอเสียบเพียบ :lol:

โดยส่วนตัวแล้ว คุณอภิรักษ์ เป็นรุ่นพี่ที่คณะฯ (แต่คนละเมเจอร์) แต่ในฟามเป็นจริงก็คงต้องเลือกตามแบบที่ผมชอบ ซอรี่จริงๆครับพี่ :roll: เดาว่า อีตาไมโลคงเลือก ชูวี๊ด ส่วน น้าติ่งคงคลั่งไคล้เลือก ลีน่าจัง ตามฟอร์ม :lol: :lol:

Re: นิตยสาร P.I.T. Gangs ปีที 2 ฉบับที่ 18 เดือนตุลาคม

โพสต์: 02 ต.ค. 2008, 12:12
โดย หม่องวันวีล
มีข่าวงานแข่ง"หัวหินคิงส์คัพ"มาฝากกันหน่อย มีกำหนดการแข่งขันแน่นอนแล้วครับพี่น้อง
29 พ.ย. 51 เป็นการแข่งขันทางเรียบ
30 พ.ย. 51 เป็นการแข่งขันเสือภูเขาและดาว์นฮิล สนามแข่งขันอยู่ห่างจากเดิมเมื่อปีที่แล้ว 300 เมตร
นักแข่งทั้งหลายซ้อมกันไว้ได้แล้วนะจ๊ะ
ทำไมกระทู้วันนี้มันเงียบเหงาจังหว่าหรือโดนผลกระทบจากเมื่อคืนนี้กันจ๊ะ..เด็กๆ

Re: นิตยสาร P.I.T. Gangs ปีที 2 ฉบับที่ 18 เดือนตุลาคม

โพสต์: 02 ต.ค. 2008, 12:24
โดย หม่องวันวีล
การประชุมสามัญประจำเดือน ต.ค. 51 มีการเปลี่ยนที่ประชุมเล็กน้อย โดยจะประชุมกันที่"สนามเรือนแพ"ในตอนเย็นๆในบรรยากาศสบายๆและจะได้เข้าไปดูและสนามซ้อมกันด้วย
ส่วนเรื่องอาหารการกินก็จะเป็นเภทข้าวเหนียว-ไก่ย่าง หรือจะไปบริจาคเลือดที่ร้านกินข้าว-กินปลากันอีกก็ได้นะจ๊ะ

Re: นิตยสาร P.I.T. Gangs ปีที 2 ฉบับที่ 18 เดือนตุลาคม

โพสต์: 02 ต.ค. 2008, 14:00
โดย y.yea
สวัสดีครับพี่น้อง แวะเข้ามาทักทายเหมือนเช่นเคย ทุกท่านสบายดีนะครับ
ฉบับนี้ น้า ภพ (พริ้ว) ชะคำวงค์ เปิดเล่มแล้วแหม....ได้บรรยากาศของวิชาประวัติศาสตร์ที่เคยเรียนมา
เป็นการกลับมาทบทวนความรู้กันอีกครั้งถึงความเป็นมาในอดีต และเป็นประโยชน์อย่างมาก
สำหรับผมและผู้ที่ไม่เคยทราบถึงประวัติความเป็นมาของแผ่นดินที่เราเกิด และเติบโตมาจนทุกวันนี้ ขอบคุณครับ

Re: นิตยสาร P.I.T. Gangs ปีที 2 ฉบับที่ 18 เดือนตุลาคม

โพสต์: 02 ต.ค. 2008, 16:10
โดย อ๋า ขาแว๊นซ์
ตอกบัตรครับ พี่น้อง
เปิดกระทู้ได้เนียนมาก เข้ากะบรรยากาศ เป็นที่ซู้ดดด

อาทิตย์นี้ ใครที่มีสิทธิ มีเสียงก็อย่าลืมออกไปใช้นะจ๊ะ ส่วนจะเลือกใครก็แล้วแต่รสนิยมส่วนตัว (สีเสื้อไม่เกี่ยวนะจ๊ะ ไมโล มันเป็นเรื่องอุดมการณ์ กะ อุดมกาม อิ อิ )

(ถ้าใครได้เป็น ก็ช่วยมาทำ ไอ้รถเมล์ brt ตรงหน้าบ้านให้เสร็จด้วยนะจ๊ะ ทีนี้จะได้ไม่ต้องขับรถไปดูของขาวๆแถวสยามให้เปลืองน้ำมันซะที)

ขอแก้ไขผลฟุตบอลนิดนึง LIVERPOOL 3-1 PSV นะจ๊ะ น้าตริ่ง
551000012594001.jpg

Re: นิตยสาร P.I.T. Gangs ปีที 2 ฉบับที่ 18 เดือนตุลาคม

โพสต์: 02 ต.ค. 2008, 17:50
โดย josuperlight
สวัสดีเดือนใหม่ น้าๆทุกท่าน

:D

Re: นิตยสาร P.I.T. Gangs ปีที 2 ฉบับที่ 18 เดือนตุลาคม

โพสต์: 02 ต.ค. 2008, 19:53
โดย MILO
ข่าวด่วนนายชูวิทย์ต่อยผู้สื่อข่าวช่อง3 ในฐานะไม่ให้เกียรติ์ในการตั้งคำถาม :arrow: แหมช่วงโ่ค้งสุดท้ายยั้งไว้ไม่อยู่เหรอจ๊ะ อาจเสียคะแนนไปบ้าง แต่ก็ให้คนหงอๆรู้ว่าคนจริงๆเวลาโมโห มือถึงตีนถึง คงได้เลือดตกยางออกกันบ้าง :lol: ช่วงนี้ผมก็อารมณ์บ่จอย ใครคนใดพูดไม่เข้าหูระวังบ้างก็ดีนะจ๊ะ :lol: (ตบด้วยความรัก)ซะ :lol:

น้าบอยเปิดเล่มได้ไ่่ม่สมกับหน้าตาและฐานะจริงๆ อิ อิ(พูดจริงเอ้ยพูดเล่น) :lol: ผิดกับตอนไอ้น้าอ๋าเปิดเล่มยังกะนรกกะสวรรค์ อิ อิ :lol: สงสัยต้องเรียกน้าอ๋าชินจังแทนอ๋าขาแว๊นซ์ซะแล้วม๊าง
เสียดายที่น้าอ๋าและน้าบอยไม่ได้ไปเตะบอลเมื่อคืน มันส์ตั้งแต่เปิดเกม(โดนเหยียบเล็บขบแต่นาทีแรก) โสน๊าหน้า :lol: เลยไม่ค่อยกล้าบวกเท่าไร วันนี้เลยกินยาแก้อักเสบตลอด ดีขึ้นมากแล้ว พุธหน้าคงได้แสดงการยิงประตูโดยปีกขวาแน่ๆ :lol: แต่น้องคนนั้นเล่นเป็นเสาโรมัน(เล่นแข็ง)ดันเป็น0หน้า น่าหมั่นไส้ชมัดยาด แหมยังมีหน้ามาสอนระดับเทพอย่างเรา(เทพโพธิ์งาม) ว่าอย่างงู้นอย่างงี้ อิ อิ :lol: อยู่บ้านก็ไม่มีใครเขาห้ามฝึกเลี้ยงบอลหรอกนะ อย่าเอาเวลาไปทุ่มเรื่องกามรมณ์อย่างเดียวหล่ะ เหมือนกระสุนนะจ๊ะ ใช้บ่อยๆก็มีวันร่อยหรอเอาได้นะ :lol: แหมพี่เพิ่งรู้ว่าน้องต้องส่งรายงานทุกวันๆ(เวลากลางคืน) มิน่าหล่ะ จักรยานถึงได้แค่โซนหนึ่งโซนสองเท่านั้นเอง คงห่างชั้นกับอาจารย์จริงๆเล้ยยยย :lol:

สำหรับเรื่องที่โกแดงเตือนไม่ต้องเป็นห่วงคับ เพราะถ้าลงไปเมื่อไรจะคิดรวบในบัญชีเดียวเลยครับ เสร็จแน่ๆหล่ะโกต๋อง อิ อิ :lol:

ศุกร์นี้ประชุมใหนครับ หรือว่ายกเป็นวันอาทิตย์ที่สนามเรือนแพเลย เสียดายที่ตอนมืดๆยุงแม่งดุชิบหาย หรือว่าประชุมนอกสถานที่สัญจร ไปลงบ้านใครดีน้า(ผู้โชคร้าย) หรือว่ามาประชุมบ้านผมก็ได้ จะได้พาไปกินเมนูเด็ด เมษาฮาวายที่น้าๆเคยชอบกันไงจ๊ะ

แค่นี้ก่อนนะครับ จะซ้อมเล่นบทนายแพทย์หน่อย เพราะว่าจะมีนางพยาบาลมาอาสาดูแลเด็กน้อยที่บ้านให้ ขอตัวไปใส่เสื้อกราวด์และหาที่สวนก่อนนะครับ จะได้เล่นให้สมจริงหน่อย......นิสัย........งงดี (รู้นะว่าน้าอ๋าคิดไรอยู่)

Re: นิตยสาร P.I.T. Gangs ปีที 2 ฉบับที่ 18 เดือนตุลาคม

โพสต์: 02 ต.ค. 2008, 20:42
โดย MILO
หรือว่าไปร้านเนื้อโคขุนที่กม.6ดีอ่ะ เมื่อวานไปเทสให้แล้วกะน้าติ๊งงงง ผลปรกกฏว่ามาวแทบต้องบังคับให้ลูกขับรถไปให้ ร้านสะอาด พนักงานสาวๆเพียบ คัดมาทั้งนั้น(ที่อื่นคัดออก) ที่สำคัญอาหารอร่อยไม่น้อยกว่าโคขุนของแท้ครับ ที่สำคัญเด็กเสริฟน่ารักและสั่งของมาได้อย่างเร็วด้วยครับ :lol: สันในหมักกะทะย่างเอง บัวลอยปลาช่อนทอด ผักบุ้งไฟแดงลาดพร้าว(ที่นี่ไม่มี) ราคาอาจถูกกว่าร้านเดิมด้วยครับ หมึกดำขอการันตีกะน้าติ่งเลยครับ :lol:

Re: นิตยสาร P.I.T. Gangs ปีที 2 ฉบับที่ 18 เดือนตุลาคม

โพสต์: 02 ต.ค. 2008, 22:16
โดย ptb
เห็นรูปไมโลนอนให้จักรยานข้ามไปมาแล้วเสียวแทน :o แล้วอย่างนี้แม่ของลูกไม่ว่าหรือครับ :mrgreen: มีหวานเย็นที่ไหนบอกด้วยนะครับ
*ปรีชา*