????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

บอร์ดสำหรับ นักปั่นทัวร์ริ่ง นักปั่นระยะทางไกล พูดคุยเรื่องอุปกรณ์ เทคนิตการปั่น ที่พัก หรือการกินอยู่
กฏการใช้บอร์ด
บอร์ดสำหรับ นักปั่นทัวร์ริ่ง นักปั่นระยะทางไกล พูดคุยเรื่องอุปกรณ์ เทคนิตการปั่น ที่พัก หรือการกินอยู่
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4377
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D สวัสดีครับท่านผู้มีเกียรติและญาติธรรมที่เคารพรัก หลายวันมานี้ผมพยายามติดตามเรื่องราวของ โน้ส อุดม # อุดม แต้พานิช (ชื่อเล่น: อู๊ด)แต่รู้จักกันในชื่อ โน้ส มาจากคำว่า nose ที่แปลว่า จมูก เพราะเป็นฉายาที่เพื่อนตั้งให้แล้วเรียกกันจนติดปาก) เป็นศิลปิน คอมเมเดียน นักแสดง นักเขียน คนเขียนบท ทำงานศิลปะ และเป็นผู้ริเริ่มการแสดง "เดี่ยวไมโครโฟน" (Stand Up Comedy) หรือการแสดงตลกคนเดียวบนเวทีในประเทศไทย [Cr.wikipedia] :idea: :idea:

:( :( โดยส่วนตัวผมแล้วรู้สึกได้ "ตะหงิด ๆ " ในใจนิด ๆ เนื่องจากความที่เรารักและเทอดทูนพ่อหลวง ร.๙ ของเราเสมอด้วยชีวิต คือตายแทนพระองค์ท่านได้ทุกเมื่อ....แต่ก็ชอบนะ ขำดีครับ สนุกสนาน..ตามประสาตลก เมื่อทัวร์มาลงที่โน้ส เป็นธรรมดาที่เราก็ต้องเห็นและรู้สึกได้..ว่า...หนักนะ...อยากจะบอกถึงโน้สว่า...ถ้าไม่ได้ตั้งใจจะพาดพิงถึงพระองค์ท่านจริง ๆ ให้ตั้งโต๊ะบูชาขอขมาต่อพระองค์ท่านเสีย เรื่องร้าย ๆ จะเปลี่ยนไปดีได้ครับ และผมได้เห็นข้อคิดข้อเขียนในเพ็จ Moneyland.biz เห็นว่าเป็นประโยชน์มาก ขอก๊อปปี้มาให้ได้ศึกษาหาความรู้กันครับ
:) :D

:idea: :idea: จากกรณีที่คุณโน้ส อุดมเล่นมุกโดยมีการเอาคำว่าพอเพียงมาเล่น ทำไมถึงสร้างความโกรธเคืองไม่พอใจให้กับผู้ใหญ่หลายๆคนในบ้านเมือง

ใครมาแตะคำว่า “พอเพียง” ไม่ได้เลยเหรอ?

ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ได้ดูเดี่ยวสเปเชียลแล้ว และก็ขำสนุกพี่โน้สทั้งรายการ แต่ต้องยอมรับว่าคำว่าพอเพียง ก็ทำให้ผมไม่สบายใจเช่นกัน ที่มันไม่สบายใจนั้น ไม่ใช่ว่าแตะคำ ๆ นี้ไม่ได้ จริง ๆ คนทั้งโลกควรแตะคำ ๆ นี้ให้มากด้วยซ้ำ (เดี๋ยวจะอธิบายต่อไปว่าทำไม)

ประเด็นคือเพราะพี่ใช้คำว่า พอเพียง มาเอาฮาโดยใช้ความหมายของคำนี้แบบผิดๆ ซึ่งผลกระทบจากการใช้แบบผิดๆ ของพี่ มันไม่ใช่แค่ขำแล้วจบ มันมีอิทธิพลต่อคนที่ได้ดูด้วยความไม่เข้าใจไปไกลกว่านั้น

นอกจากนี้ คำนี้ก็เป็นคำที่คนไทยรู้กันดีว่ามาจากคำสอนของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๙ มุกนี้ของพี่จึงไม่ต่างจากการออกมาประกาศกับคนทั้งประเทศว่า ที่พระองค์สอนไว้ ใครจะทำก็ทำไป ฉันทำไม่ได้ แล้วมันสามารถส่งผลชี้นำให้คนทั้งประเทศที่ยังไม่เข้าใจคิดตามได้ว่า ฉันก็ไม่จำเป็นต้องพอเพียง (ในแบบเข้าใจผิดๆ) เช่นกัน เพราะพี่โน้สเหมือนเป็นตัวแทนเสียงของคนในสังคมมาเป็นสิบปึแล้ว จากเดี่ยวของพี่ตั้งแต่เดี่ยว 1 ผมดูพี่ผมก็ขำ ไม่ได้โกรธ เพราะผมคิดในแง่ดีว่าพี่คงแค่คิดน้อยไป และเพราะไม่เข้าใจ คนเราพอไม่เข้าใจมันก็เอาไปใช้ผิดๆ โดยไม่ตั้งใจ แต่พี่ก็สมควรมากๆ ที่จะโดนตำหนิในเรื่องนี้ เพราะความคิดน้อยของพี่

เนื่องจาก ในหลวง ร.๙ ราชาผู้ทรงงานหนักที่สุดในโลก พยายามจะให้ประชาชนเข้าใจคำนี้ เพื่อการเติบโตที่แข็งแรงมั่นคงของคนไทยและทั้งประเทศ แต่ถูกพี่เอาคำนี้มา make joke เพราะไม่เข้าใจ แล้วก็ส่งผลกระทบต่อในทางทัศนคติต่อบรรดาคนที่ไม่เข้าใจที่ดูพี่เป็นสิบ ๆ ล้านคน ซึ่งต้องยอมรับว่าพี่โน๊สมีอิทธิพลต่อคนรุ่นนี้มากกว่าในหลวง ร.๙ ที่ทรงไม่อยู่แล้วแน่นอน

คน ๆ นึงทำงานหนักด้วยความเสียสละตลอดชีวิต เพื่อหวังให้ประชาชนของเขาเข้าใจคำ ๆ นี้ เพื่อตัวประชาชนเองและประเทศชาติ แต่คนอีกคนนึง เล่นมุกกับคำ ๆ นี้ 10 นาที ในวีดีโอที่คนดูได้ทั้งประเทศ แล้วสามารถส่งผลชี้นำวิธีคิดที่มีต่อคำ ๆ นี้ให้ถูกละเลยได้เลย เพราะมีพี่โน้สเป็นตัวอย่าง

คำว่า “พอเพียง” คือปรัชญาของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ประกอบไปด้วย 3 ห่วง 2 เงื่อนไข

3 ห่วง คือ พอประมาณ มีเหตุมีผล มีภูมิคุ้มกัน
2 เงื่อนไข คือ ความรู้ คุณธรรม

ถ้าเอาให้สรุปแบบสั้นที่สุดก็คือ ทางสายกลาง ต้องมีความรู้และคุณธรรมอยู่ด้วย

เราทำอะไร พอประมาณกับตัวของเรา มีเหตุผลที่สมเหตุผลในการทำ มีภูมิคุ้มกันหรืออาจเรียกว่ามีแผนสำรอง แต่เราจะไม่สามารถคิดทำ 3 อย่างนี้ได้ถูกต้องเลย ถ้าเราไม่มีความรู้ แต่ความรู้อย่างเดียว แล้วไม่มีคุณธรรม เราก็จะทำโดยไม่สนว่าสิ่งที่เราทำจะส่งผลกระทบต่อคนอื่นอย่างไร สิ่งที่เราทำให้ประโยชน์ต่อเราแต่ไปทำร้ายใครหรือไม่

หนึ่งในตัวอย่างง่ายๆคือ ถ้าทุกคนในโลกมีความพอเพียง (มี 3 ห่วง 2 เงื่อนไข) โลกจะไม่มาถึงปัญหาการสู้รบหรือปัญหาโลกร้อนอย่างทุกวันนี้ ทั้งภาคธุรกิจ และประชาชน ถ้าแคร์ว่า สิ่งที่เราทำ ส่งผลถึงชั้นบรรยากาศโลกอย่างไร สุดท้ายจะเกิดผลอย่างไร มากกว่าการสนแค่ผลประกอบการ การเอาชนะคู่แข่งทางธุรกิจ ความสุขสบายของตัวเอง ปัญหาโลกร้อนจะไม่เกิด เป็นต้น

ที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่มีสักคำพูดทึ่บอกว่าต้องอยู่อย่างจน ๆ ลำบาก ๆ หรือต้องอยู่ชนบท ไม่มีสักคำว่าให้ทำเกษตรกรรม ไม่มีคำไหนที่บอกว่า ห้ามรวย ถ้าเข้าใจคำว่าพอเพียง ไม่ว่าทำอาชีพอะไร ถ้าคน ๆ นั้นต้องการจะร่ำรวย เขาจะร่ำรวยได้แบบมั่นคงเสียอีก และจะไม่ทำร้ายใครเพื่อความร่ำรวยของตัวเอง ไม่ทำร้ายโลกเพื่อความร่ำรวยของตัวเอง คิดดูว่าถ้าทั้งโลกเป็นแบบนี้ โลกนี้จะน่าอยู่แค่ไหน

- MONEYLAND -

*ขออนุญาตนำคำอธิบายเพิ่มเติมในคอมเมนต์มาใส่ไว้ในโพสต์เพื่อให้คนที่เพิ่งได้มาอ่านทีความเข้าใจคำว่าพอเพียงมากขึ้นนะครับ คนที่ไม่เข้าใจ ก็จะบอกว่า คนบางคนมีไม่พอด้วยซ้ำ แล้วจะพอเพียงได้อย่างไร จริงๆแล้ว คนมีไม่พอที่เข้าใจความพอเพียง จะสามารถทำให้ตัวเองไม่ลำบากกว่าเดิม รวมทั้งสามารถใช้ความพอเพียงช่วยเป็นฐานในการถีบด้วยเองขึ้นมาให้มีมากขึ้นจนมีพอได้ด้วย

เช่น ตัวเองหาเงินได้วันละไม่ถึงร้อย ก็จะไม่เอาเงินไปใช้จ่ายอะไรที่ฟุ้งเฟ้อ ไม่มีเหตุผล ไม่เกินตัว และเมื่อเป็นได้อย่างนี้ ก็สามารถที่จะถีบตัวเองให้ขึ้นมามีพอ ได้ง่ายกว่าคนที่มีไม่พอ แต่เอาเงินไปซื้อเหล้า ซื้อของฟุ้งเฟ้อ ทั้งที่ตัวเองไม่มีศักยภาพที่จะทำแบบนั้น เช่นนั้น หากเข้าใจคำว่าพอเพียงตามที่ผมได้อธิบายไว้ จะเข้าใจได้ว่า ไม่ว่าจะรวยสักแค่ไหน หรืออยากจนสักแค่ไหน ก็สามารถมีความพอเพียงได้ เพราะพอเพียง คือการทำทุกอย่างในชีวิต (รวมทัังสร้างฐานะสร้างการเติบโต) ให้สอดคล้องตามอัตภาพของตัวเอง อย่างมีเหตุมึผล มีภูมิคุ้มกัน มีความรู้ มีคุณธรรม นั่นคือประโยชน์ของการมีความพอเพียง

และมีแต่คนที่ไม่เข้าใจเท่านั้นที่จะบอกว่า การที่ตนเองอยู่ชนบทไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันไม่ได้ คือ ตนเองไม่พอเพียง เพราะการอยู่อย่างลำบากได้ อยู่อย่างจนได้ ไม่ใช่ความหมายของคำว่า พอเพียง ตามที่อธิบายไปแล้วข้างต้น และคนที่ไม่เข้าใจหลายคน เข้าใจว่าการหาเงินกับความพอเพียงเป็นสิ่งตรงกันข้ามกัน ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด ถ้าเข้าใจความพอเพียง จะเข้าใจครับว่าการเงินก็สามารถพอเพียงได้ จึงมีหลักปรัชญา “เศรษฐกิจ” พอเพียง ซึ่งเป็นเรื่องการเงินล้วนๆ

ยกตัวอย่าง การมีเงินสำรองฉุกเฉิน 6 เดือน ก็ถือเป็น ภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ห่วงของหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การลงทุนขยายธุรกิจ ตามความพร้อมและศักยภาพของธุรกิจ และไม่ลงทุนเกินตัว นั่นคือ การรู้จักตน รู้จักประมาณตน และทำอย่างมีเหตุมีผล ซึ่งเป็น 2 ใน 3 ห่วง หลักปรัชญาฯ การขยายธุรกิจ โดยไม่ทำจนไปตัดทางทำมาหากินของพ่อค้าแม่ค้าตัวเล็กๆ คือการมีคุณธรรม ซึ่งเป็น 1 ใน 2 เงื่อนไขของหลักปรัชญาฯ การขยายธุรกิจ โดยมีการศึกษาก่อนจนมีความรู้มากพอที่จะใช้ในการขยายธุรกิจให้สำเร็จ ก็คือ 1 ใน 2 เงื่อนไขของหลักปรัชญาฯ

คำว่า “พอเพียง” เดี่ยวๆ มีความหมายเดียวกับคำว่า “พอเพียง” ใน “เศรษฐกิจพอเพียง” กล่าวคือเป็นการนำหลักคิดความพอเพียงมาใช้ในเศรษฐกิจหรือการเงิน

ศึกษาให้เข้าใจ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับการดำเนินชีวิตของเราครับ นี่คือสมบัติอันล้ำค่า ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทิ้งไว้ให้เราและโลกนี้

#โน้สอุดม #พอเพียง #moneyland #โน้สอุดม #พอเพียง #moneyland
:idea: :idea:
ไฟล์แนบ
คำสอนหลวงพ่อเรื่อง &quot;โลกธรรม ๘&quot; <br /><br />โลกธรรม ๘ ประการมีอะไรบ้าง ลูกและ หลานที่รัก จงอย่าเมาในโลกธรรม ๘ ประการ คือ <br /><br />๑.&quot;ลาภ&quot; ยังไม่เกิดขึ้น อย่าตะเกียกตะกายเกินไป อย่าเมาเกินไป อย่าลืมว่า &quot;คนตายแล้วน่ะแบกอะไรไปไม่ได้ แม้แต่ผมสักเส้นเดียวก็นำไปไม่ได้&quot; แต่ลาภสักการะจำเป็นจะต้องหา เพราะร่างกายต้องกินต้องใช้ แต่ก็หาด้วยความขยันหมั่นเพียร หาด้วยความซื่อสัตย์สุจริต คิดว่าภารกิจที่เรารับผิดชอบ มีอะไรบ้าง เราต้องทำตามนั้น เรียกว่า &quot;ทำตามหน้าที่ของเรา&quot; ลาภถ้าหามาได้ ควรทำลาภที่ได้มาด้วยความเหนื่อยยาก ให้เป็นประโยชน์แก่ตนเองและบุคคลอื่น ตามสมควรที่พึงแบ่งสรรปันส่วนได้ เพื่อเป็นการสร้างความสามัคคี เป็นการสร้างความรัก เพื่อความสุขใจของเรา <br /><br />๒.&quot;ลาภหมดไป&quot; ชื่อว่า เสื่อมลาภ เมื่อลาภมันต้องสลายตัวไปก็ต้องรู้ตัวว่า สิ่งเหล่านี้มันเป็นของธรรมดา เพราะเราหามาเพื่อใช้ ถ้ามันจำจะต้องเสียไปด้วยเหตุใดก็ตาม เป็นกฎของกรรม เราต้องยอมรับ ทำใจให้สบายว่า นี่มันเป็นของธรรมดา เมื่อมันหมดไปเราก็ต้องหามาใหม่ตามหน้าที่ อย่าสร้างความเสียใจให้เกิดขึ้นในลาภ &quot;ถ้าเราเมาในลาภเมื่อได้มาแล้ว แล้วก็เสียใจเมื่อลาภหมดไป เราก็เป็นคนเลว&quot;<br /><br /> ๓.&quot;ยศ&quot; เราทำความดี ย่อมมียศ ยศเขาแปลว่าอะไร พ่อไม่ทราบ พ่อก็ขอพูดตามภาษาของพ่อว่า &quot;ยศ&quot; คือการแต่งตั้ง ยกย่อง ส่งเสริม ที่บุคคลเขาเห็นว่าดี ถ้าเราดีเขาชอบใจ เขาก็ยกย่องสงเสริมว่าเราเป็นคนดี แต่ว่า ถ้าบังเอิญเขาเกิดไม่ชอบใจขึ้นมาเมื่อไร เขาก็ทำลายยศเสียได้เหมือนกัน <br /><br />๔.&quot;การถอดถอนยศฐาบรรดาศักดิ์&quot; ถอดการยกย่องสรรเสริญเชิดชูว่าเป็นคนมีศักดิ์ศรีดี นี่เรื่องของชาวโลกมันต้องมียศ ฉะนั้นเรื่องยศฐาบรรดาศักดิ์ บรรดาลูกหลานที่รัก จงอย่าตะเกียกตะกายเข้ามาเพื่อตน แต่ความดีเราทำ ทำให้มันดีที่สุดตามธรรม ตามประเพณีนิยม หมายความว่า ประเพณีที่เขาใช้กันเป็นปกติ ที่ไหนก็ตาม อย่าฝืนประเพณีนิยมของถิ่นนั้น อีกประการหนึ่งอย่าฝืนศีลฝืนธรรม ฝืนกฎข้อบังคับ ฝืนกฎหมาย มันจะเป็นเหตุภัยให้เรามีความทุกข์ &quot;เขาจะยกย่องแต่งตั้งสรรเสริญเยินยอ ให้เรามียศชั้นไหน อย่าสนใจ&quot; คำว่า ไม่สนใจ หมายความว่า เขาให้แล้วก็รับ เป็นการสนองความดี แต่ว่าจงอย่าเมาในยศที่พึงได้ คิดว่าเราได้มาจากความดี ผลความดีที่เราต้องการช่วยตัวเรา ให้ผลตามนี้เราก็รับ ผลที่เราต้องการคือ วัตถุที่เราพึงได้มาในการครองชีพ นั่นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต &quot;ความสุขจริงๆ ก็คือ ใจที่มีความสงบ&quot; ถ้าบังเอิญยศฐาบรรดาศักดิ์ เราทำดีทุกอย่าง แต่ไม่เป็นที่พอใจของผู้ให้ &quot;เขาถอดถอนไป ก็โยนทิ้งให้เขาไป&quot; การตะเกียกตะกายอยากได้ลาภ มันเป็นความเลวของใจ การทะเยอทะยานอยากได้ยศฐาบรรดาศักดิ์มันก็เป็นความเลวของใจเหมือนกัน &quot;ถ้าลาภหมดไป ยศหมดไป เสียใจ ก็เป็นความเลวของใจ&quot; จงจำไว้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งเป็นโลกธรรม วางมันเสีย &quot;ทำงานตามหน้าที่ของตน&quot; <br /><br />๕ และ ๖ &quot;นินทากับสรรเสริญ&quot; ก็เหมือนกัน อย่ามีในวงการของเรา คือ ใครเขานินทาอย่าสะเทือนใจ อย่าสนใจ &quot;แม้แต่พระพุทธเจ้าถูกนินทาถูกด่ายิ่งกว่าเราเยอะ&quot; ท่านก็เป็นพระพุทธเจ้าอยู่ได้ &quot;แม้แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เหมือนกัน&quot; พระองค์ทรงเมตตาอย่างยิ่งไปทุกแห่งหน ต้องการให้ประชาชนมีความสุข แต่ข่าวนินทาว่าร้ายก็ยังมีเป็นปกติ &quot;ใครจะว่าท่านอย่างไร จะนินทา จะด่าว่าท่านอย่างไรก็ตาม ท่านก็เฉย ท่านทรงวางพระทัยได้ดีมาก&quot; และท่านก็ทำทุกอย่างเพื่อความดี เพื่อความอยู่เป็นสุขของประชาชน เราพยายามมองตัวของเราเองอยู่เสมอ ว่าเรามันดีหรือมันชั่ว การนินทาสรรเสริญ มันเป็นความเลวของปาก &quot;เขานินทาเรามา เรานินทาเขาไป ก็เหมือนกับสุนัขมันเห่าเรา เราก็เห่าสุนัขตอบ สุนัขมันกัดเรา เราก็กัดสุนัข ก็เสร็จ อุจจาระมันเปื้อนเรา เรากัดอุจจาระ มันก็พัง&quot; <br /><br />๗ กับ ๘ &quot;ความสุขและความทุกข์&quot; ในโลกนี้อย่าสนใจ จงสนใจอย่างเดียว &quot;ธรรมมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า&quot; ที่ทรงสอนให้เรามีความสุข เราทำทุกอย่าง &quot;โลกนี้มันจะสุขหรือจะทุกข์ก็เป็นเรื่องของมัน ร่างกายของเราจะอยู่ในโลกนี้ไม่กี่วันมันก็พัง&quot; ฉะนั้นในเมื่อพระพุทธเจ้าท่านปรินิพพานไปแล้ว ร่างกายของท่านพัง ท่านบอกว่า ท่านมีความสุข พระอรหันต์ทั้งหลาย ร่างกายของท่านพัง ท่านก็บอกว่า ท่านมีความสุข เราก็พยายามสุขอย่างท่านบ้าง ท่านทำอย่างไรเราก็ทำอย่างนั้น ค่อยๆ ทำไป <br /><br />ขอสรุปว่า ข่าวคราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ถือว่าเป็นธรรมดาของโลก เราจงโทษกฎของกรรมว่า กรรมที่เรามีความโง่เกิดมาในโลกนี้แล้ว มันจะทำความโง่ไม่ได้อย่างไร ผลของความโง่ ก็คือ ความชั่วของจิต เราเกิดมาในโลกนี้ โลกที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อน ความร้อนมันก็ถูกเรา แต่ว่าให้มันถูกแต่กาย &quot;ข่าวมีมาให้มันกระทบแต่เฉพาะหู อย่าให้มันเข้าไปถึงใจ&quot; ใจของเราทำอย่างไร &quot;อุเบกขา วางเฉยเข้าไว้&quot; เรามีเมตตาในคนให้ข่าว ว่าคนที่ออกข่าวไป น่าสงสารไม่กี่วันท่านก็ตายแล้ว ทำไมท่านสร้างความชั่วให้เป็นความเดือดร้อนของท่าน ข้อนี้สำคัญ จงจำไว้ว่า &quot;จงอย่าคิดว่าเราดีไว้เสมอ อัตตนา โจทยัตตานัง&quot; จงกล่าวโทษโจทความผิด มองดูความบกพร่องของจิต ว่าจิตเราบกพร่องตรงไหน พยายามแก้ไขไปสู่ระดับความดี &quot;ความดีอย่างนี้ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องการ&quot; .. <br /><br />(พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน) ที่มาจาก.. พ่อสอนลูก เล่ม ๒ หน้าที่ ๒๖๕-๒๖๘
คำสอนหลวงพ่อเรื่อง "โลกธรรม ๘"

โลกธรรม ๘ ประการมีอะไรบ้าง ลูกและ หลานที่รัก จงอย่าเมาในโลกธรรม ๘ ประการ คือ

๑."ลาภ" ยังไม่เกิดขึ้น อย่าตะเกียกตะกายเกินไป อย่าเมาเกินไป อย่าลืมว่า "คนตายแล้วน่ะแบกอะไรไปไม่ได้ แม้แต่ผมสักเส้นเดียวก็นำไปไม่ได้" แต่ลาภสักการะจำเป็นจะต้องหา เพราะร่างกายต้องกินต้องใช้ แต่ก็หาด้วยความขยันหมั่นเพียร หาด้วยความซื่อสัตย์สุจริต คิดว่าภารกิจที่เรารับผิดชอบ มีอะไรบ้าง เราต้องทำตามนั้น เรียกว่า "ทำตามหน้าที่ของเรา" ลาภถ้าหามาได้ ควรทำลาภที่ได้มาด้วยความเหนื่อยยาก ให้เป็นประโยชน์แก่ตนเองและบุคคลอื่น ตามสมควรที่พึงแบ่งสรรปันส่วนได้ เพื่อเป็นการสร้างความสามัคคี เป็นการสร้างความรัก เพื่อความสุขใจของเรา

๒."ลาภหมดไป" ชื่อว่า เสื่อมลาภ เมื่อลาภมันต้องสลายตัวไปก็ต้องรู้ตัวว่า สิ่งเหล่านี้มันเป็นของธรรมดา เพราะเราหามาเพื่อใช้ ถ้ามันจำจะต้องเสียไปด้วยเหตุใดก็ตาม เป็นกฎของกรรม เราต้องยอมรับ ทำใจให้สบายว่า นี่มันเป็นของธรรมดา เมื่อมันหมดไปเราก็ต้องหามาใหม่ตามหน้าที่ อย่าสร้างความเสียใจให้เกิดขึ้นในลาภ "ถ้าเราเมาในลาภเมื่อได้มาแล้ว แล้วก็เสียใจเมื่อลาภหมดไป เราก็เป็นคนเลว"

๓."ยศ" เราทำความดี ย่อมมียศ ยศเขาแปลว่าอะไร พ่อไม่ทราบ พ่อก็ขอพูดตามภาษาของพ่อว่า "ยศ" คือการแต่งตั้ง ยกย่อง ส่งเสริม ที่บุคคลเขาเห็นว่าดี ถ้าเราดีเขาชอบใจ เขาก็ยกย่องสงเสริมว่าเราเป็นคนดี แต่ว่า ถ้าบังเอิญเขาเกิดไม่ชอบใจขึ้นมาเมื่อไร เขาก็ทำลายยศเสียได้เหมือนกัน

๔."การถอดถอนยศฐาบรรดาศักดิ์" ถอดการยกย่องสรรเสริญเชิดชูว่าเป็นคนมีศักดิ์ศรีดี นี่เรื่องของชาวโลกมันต้องมียศ ฉะนั้นเรื่องยศฐาบรรดาศักดิ์ บรรดาลูกหลานที่รัก จงอย่าตะเกียกตะกายเข้ามาเพื่อตน แต่ความดีเราทำ ทำให้มันดีที่สุดตามธรรม ตามประเพณีนิยม หมายความว่า ประเพณีที่เขาใช้กันเป็นปกติ ที่ไหนก็ตาม อย่าฝืนประเพณีนิยมของถิ่นนั้น อีกประการหนึ่งอย่าฝืนศีลฝืนธรรม ฝืนกฎข้อบังคับ ฝืนกฎหมาย มันจะเป็นเหตุภัยให้เรามีความทุกข์ "เขาจะยกย่องแต่งตั้งสรรเสริญเยินยอ ให้เรามียศชั้นไหน อย่าสนใจ" คำว่า ไม่สนใจ หมายความว่า เขาให้แล้วก็รับ เป็นการสนองความดี แต่ว่าจงอย่าเมาในยศที่พึงได้ คิดว่าเราได้มาจากความดี ผลความดีที่เราต้องการช่วยตัวเรา ให้ผลตามนี้เราก็รับ ผลที่เราต้องการคือ วัตถุที่เราพึงได้มาในการครองชีพ นั่นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต "ความสุขจริงๆ ก็คือ ใจที่มีความสงบ" ถ้าบังเอิญยศฐาบรรดาศักดิ์ เราทำดีทุกอย่าง แต่ไม่เป็นที่พอใจของผู้ให้ "เขาถอดถอนไป ก็โยนทิ้งให้เขาไป" การตะเกียกตะกายอยากได้ลาภ มันเป็นความเลวของใจ การทะเยอทะยานอยากได้ยศฐาบรรดาศักดิ์มันก็เป็นความเลวของใจเหมือนกัน "ถ้าลาภหมดไป ยศหมดไป เสียใจ ก็เป็นความเลวของใจ" จงจำไว้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งเป็นโลกธรรม วางมันเสีย "ทำงานตามหน้าที่ของตน"

๕ และ ๖ "นินทากับสรรเสริญ" ก็เหมือนกัน อย่ามีในวงการของเรา คือ ใครเขานินทาอย่าสะเทือนใจ อย่าสนใจ "แม้แต่พระพุทธเจ้าถูกนินทาถูกด่ายิ่งกว่าเราเยอะ" ท่านก็เป็นพระพุทธเจ้าอยู่ได้ "แม้แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เหมือนกัน" พระองค์ทรงเมตตาอย่างยิ่งไปทุกแห่งหน ต้องการให้ประชาชนมีความสุข แต่ข่าวนินทาว่าร้ายก็ยังมีเป็นปกติ "ใครจะว่าท่านอย่างไร จะนินทา จะด่าว่าท่านอย่างไรก็ตาม ท่านก็เฉย ท่านทรงวางพระทัยได้ดีมาก" และท่านก็ทำทุกอย่างเพื่อความดี เพื่อความอยู่เป็นสุขของประชาชน เราพยายามมองตัวของเราเองอยู่เสมอ ว่าเรามันดีหรือมันชั่ว การนินทาสรรเสริญ มันเป็นความเลวของปาก "เขานินทาเรามา เรานินทาเขาไป ก็เหมือนกับสุนัขมันเห่าเรา เราก็เห่าสุนัขตอบ สุนัขมันกัดเรา เราก็กัดสุนัข ก็เสร็จ อุจจาระมันเปื้อนเรา เรากัดอุจจาระ มันก็พัง"

๗ กับ ๘ "ความสุขและความทุกข์" ในโลกนี้อย่าสนใจ จงสนใจอย่างเดียว "ธรรมมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" ที่ทรงสอนให้เรามีความสุข เราทำทุกอย่าง "โลกนี้มันจะสุขหรือจะทุกข์ก็เป็นเรื่องของมัน ร่างกายของเราจะอยู่ในโลกนี้ไม่กี่วันมันก็พัง" ฉะนั้นในเมื่อพระพุทธเจ้าท่านปรินิพพานไปแล้ว ร่างกายของท่านพัง ท่านบอกว่า ท่านมีความสุข พระอรหันต์ทั้งหลาย ร่างกายของท่านพัง ท่านก็บอกว่า ท่านมีความสุข เราก็พยายามสุขอย่างท่านบ้าง ท่านทำอย่างไรเราก็ทำอย่างนั้น ค่อยๆ ทำไป

ขอสรุปว่า ข่าวคราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ถือว่าเป็นธรรมดาของโลก เราจงโทษกฎของกรรมว่า กรรมที่เรามีความโง่เกิดมาในโลกนี้แล้ว มันจะทำความโง่ไม่ได้อย่างไร ผลของความโง่ ก็คือ ความชั่วของจิต เราเกิดมาในโลกนี้ โลกที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อน ความร้อนมันก็ถูกเรา แต่ว่าให้มันถูกแต่กาย "ข่าวมีมาให้มันกระทบแต่เฉพาะหู อย่าให้มันเข้าไปถึงใจ" ใจของเราทำอย่างไร "อุเบกขา วางเฉยเข้าไว้" เรามีเมตตาในคนให้ข่าว ว่าคนที่ออกข่าวไป น่าสงสารไม่กี่วันท่านก็ตายแล้ว ทำไมท่านสร้างความชั่วให้เป็นความเดือดร้อนของท่าน ข้อนี้สำคัญ จงจำไว้ว่า "จงอย่าคิดว่าเราดีไว้เสมอ อัตตนา โจทยัตตานัง" จงกล่าวโทษโจทความผิด มองดูความบกพร่องของจิต ว่าจิตเราบกพร่องตรงไหน พยายามแก้ไขไปสู่ระดับความดี "ความดีอย่างนี้ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องการ" ..

(พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน) ที่มาจาก.. พ่อสอนลูก เล่ม ๒ หน้าที่ ๒๖๕-๒๖๘
433930213_386732707653151_465314528177938113_n.jpg (20.96 KiB) เข้าดูแล้ว 292 ครั้ง
434020163_769417725286050_7785073364404913760_n.jpg
434020163_769417725286050_7785073364404913760_n.jpg (40.93 KiB) เข้าดูแล้ว 292 ครั้ง
ก่อนออกปั่นทุกเช้าคุณย่าของชายปุรณ์ ฯ ก็จะให้ชายปุรณ์ ฯ เตรียมขนม นม เนย อาหาร ฯ ตามแต่เขาจะประสงค์ เพื่อใส่บาตรพระอย่างน้อย ๆ ก็ได้สร้างบุญบารมีติดตัวตามแนวทางของชาวพุทธที่ดี (ฝึกจิต ฝึกกาย ไปพร้อมกัน)
ก่อนออกปั่นทุกเช้าคุณย่าของชายปุรณ์ ฯ ก็จะให้ชายปุรณ์ ฯ เตรียมขนม นม เนย อาหาร ฯ ตามแต่เขาจะประสงค์ เพื่อใส่บาตรพระอย่างน้อย ๆ ก็ได้สร้างบุญบารมีติดตัวตามแนวทางของชาวพุทธที่ดี (ฝึกจิต ฝึกกาย ไปพร้อมกัน)
คุณย่าแวะซื้อซาละเปาของโปรดเป็นเสบียงกันไว้ หากเกิดอาการ หิว (ผู้หญิงจะรอบคอบเสมอ ๆ ) ซึ่งเป็นไปตามคาดเช้าวันนั้นก็ได้อาหารที่คุณนายเตรียมให้เรียกมีความสุข (ท้องอิ่ม) มีแรงปั่นกันต่อไปได้ งานนี้เรียกว่า ได้ทั้งบุญ ได้ทั้งแรง ๕๕๕ สุดยอด
คุณย่าแวะซื้อซาละเปาของโปรดเป็นเสบียงกันไว้ หากเกิดอาการ หิว (ผู้หญิงจะรอบคอบเสมอ ๆ ) ซึ่งเป็นไปตามคาดเช้าวันนั้นก็ได้อาหารที่คุณนายเตรียมให้เรียกมีความสุข (ท้องอิ่ม) มีแรงปั่นกันต่อไปได้ งานนี้เรียกว่า ได้ทั้งบุญ ได้ทั้งแรง ๕๕๕ สุดยอด
cats๒๕.jpg (125.47 KiB) เข้าดูแล้ว 292 ครั้ง
cats๒๖.JPG
cats๒๖.JPG (63.87 KiB) เข้าดูแล้ว 292 ครั้ง
cats๒๗.JPG
cats๒๗.JPG (54.35 KiB) เข้าดูแล้ว 292 ครั้ง
cats๒๘.JPG
cats๒๘.JPG (99.62 KiB) เข้าดูแล้ว 292 ครั้ง
cats๒๙.JPG
cats๓๐.๑.jpg
cats๓๐.jpg
cats๓๐.jpg (145.3 KiB) เข้าดูแล้ว 292 ครั้ง
cats๓๑.jpg
cats๓๒.jpg
cats๓๓.jpg
เมื่อ ๔ พ.ค.๖๗ เช้าขึ้นมาชายปุรณ์ ฯ ก็กระปรี้กระเปร่าต้องการออกกำลังด้วยการปั่นจักรยาน(ปู่..ดีใจมาก) บอกวันนี้เราจะเพิ่มระยะทางอีกสักนิดโอเค ? ชายปุรณ์ ฯ ไม่ลังเลตอบตกลง เราจึงวางแผนปั่นไปถวายอาหารเช้าหลวงอาที่วัดศรีดอนชัย ไป - กลับ ประมาณ ๑๕ กม. ติดตามนะครับว่าชายปุรณ์ ฯ จะมีอาการอย่างไร สำหรับวันนั้นก็มีประสบการณ์เล็ก ๆ ให้ชายปุรณ์ ฯ ได้สัมผัสคือจักรยานล้มครับ แต่ยังไม่ใช่การล้มขณะปั่น จึงเป็นแบบเรียนอีกหนึ่งบทที่เราได้สอดแทรกให้  <br /><br />ประวัติ : บ้านศรีดอนชัยมีประวัติการตั้งถิ่นฐานมาประมาณ ปี พ.ศ. 2349 เป็นหมู่บ้านขนาดเล็กมีครัวเรือน จำนวน 15 –30 ครอบครัว จากคำบอกเล่าของผู้ใหญ่บ้านและผู้อาวุโสในหมู่บ้านได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับประวัติในหมู่บ้านศรีดอนชัยว่าในสมัยก่อนอุ้ยเฮือง จากหมู่บ้านสันป่าเลียง จังหวัดเชียงใหม่ เดินทางขี่ช้างมาบริเวณที่ตั้งของหมู่บ้านพร้อมผู้ติดตาม สังเกตเห็นพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นที่ดอน น้ำท่วมไม่ถึงเหมาะแก่การสร้างที่พัก จึงได้จัดทำห้างร้านเพื่อพักอาศัยชั่วคราว ต่อมาได้มีชาวบ้าน ที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำกวง ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มมีน้ำท่วมเห็นว่า บริเวณที่ตั้งของหมู่บ้านน้ำท่วมไม่ถึง  จึงอพยพมาอยู่บริเวณดังกล่าว จึงเกิดเป็นชุมชนหมู่บ้านและได้เรียกชื่อหมู่บ้านในยุคนั้นว่า “บ้านสันดอนใจ”บ้างก็เรียกว่า“สลีดอนชัย”และต่อมาได้มีชื่อหมู่บ้านอย่างเป็นทางการว่า “หมู่บ้านศรีดอนชัย หมู่ที่ 8 ตำบลบ้านธิ  อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน” ซึ่งประกอบด้วยป๊อกบ้านดังนี้ ป๊อกบ้านใหม่กู่ป่าลาน ป๊อกสันมะนะ  ป๊อกสันขวาง  ป๊อกสันใจ ป๊อกหัวนา ป๊อกบวกป้าน โดยคนในชุมชนส่วนใหญ่เป็นคนพื้นเมือง พูดภาษาคำเมืองและมีนามสกุลหลักคือ “สมบูรณ์ชัย”<br /><br />ต่อมาจำนวนประชากรของหมู่บ้านมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทางผู้นำชุมชนและคณะกรรมการหมู่บ้าน  จึงได้มีการประชุมประชาคมหมู่บ้าน  เพื่อแบ่งเขตการปกครองเป็น 2 หมู่บ้าน  ดังนั้นในปี พ.ศ. 2517 จึงได้รับการแบ่งเขตการปกครองหมู่บ้านเป็น 2 หมู่บ้าน คือ บ้านศรีดอนชัย หมู่ที่ 8 และบ้านสันมะนะ หมู่ที่ 10  ตำบลบ้านธิ  อำเภอบ้านธิ  จังหวัดลำพูน<br /><br />วัดศรีดอนชัย เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธรูปปางลีลาสูง 59 ศอก ที่สูงและใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ สร้างขึ้นจากศรัทธาของประชาชนชาวไทยและชาวต่างประเทศที่เลื่อมใสศรัทธาปี พ.ศ. 2538 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองราชย์เป็นปีที่ 50 และพระองค์ทรงพระราชทานนามว่า พระพุทธเฉลิมสิริราช<br /><br />วัดศรีดอนชัย ตั้งอยู่บ้านสันมะนะ หมู่ที่ 10 ตำบลบ้านธิ สามารถเดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 11 จนถึงสี่แยกหมู่บ้านครูลำพูน เลี้ยวขวาเขาไปประมาณ 1 กิโลเมตร เลี้ยวซ้าย ไปอีก 2.5 กิโลเมตร ให้เลี้ยวซ้ายอีกครั้ง วัดจะอยู่ทางซ้ายมือ<br /><br />ที่ตั้ง : ตำบลบ้านธิ อ.บ้านธิ จังหวัดลำพูน
เมื่อ ๔ พ.ค.๖๗ เช้าขึ้นมาชายปุรณ์ ฯ ก็กระปรี้กระเปร่าต้องการออกกำลังด้วยการปั่นจักรยาน(ปู่..ดีใจมาก) บอกวันนี้เราจะเพิ่มระยะทางอีกสักนิดโอเค ? ชายปุรณ์ ฯ ไม่ลังเลตอบตกลง เราจึงวางแผนปั่นไปถวายอาหารเช้าหลวงอาที่วัดศรีดอนชัย ไป - กลับ ประมาณ ๑๕ กม. ติดตามนะครับว่าชายปุรณ์ ฯ จะมีอาการอย่างไร สำหรับวันนั้นก็มีประสบการณ์เล็ก ๆ ให้ชายปุรณ์ ฯ ได้สัมผัสคือจักรยานล้มครับ แต่ยังไม่ใช่การล้มขณะปั่น จึงเป็นแบบเรียนอีกหนึ่งบทที่เราได้สอดแทรกให้

ประวัติ : บ้านศรีดอนชัยมีประวัติการตั้งถิ่นฐานมาประมาณ ปี พ.ศ. 2349 เป็นหมู่บ้านขนาดเล็กมีครัวเรือน จำนวน 15 –30 ครอบครัว จากคำบอกเล่าของผู้ใหญ่บ้านและผู้อาวุโสในหมู่บ้านได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับประวัติในหมู่บ้านศรีดอนชัยว่าในสมัยก่อนอุ้ยเฮือง จากหมู่บ้านสันป่าเลียง จังหวัดเชียงใหม่ เดินทางขี่ช้างมาบริเวณที่ตั้งของหมู่บ้านพร้อมผู้ติดตาม สังเกตเห็นพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นที่ดอน น้ำท่วมไม่ถึงเหมาะแก่การสร้างที่พัก จึงได้จัดทำห้างร้านเพื่อพักอาศัยชั่วคราว ต่อมาได้มีชาวบ้าน ที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำกวง ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มมีน้ำท่วมเห็นว่า บริเวณที่ตั้งของหมู่บ้านน้ำท่วมไม่ถึง จึงอพยพมาอยู่บริเวณดังกล่าว จึงเกิดเป็นชุมชนหมู่บ้านและได้เรียกชื่อหมู่บ้านในยุคนั้นว่า “บ้านสันดอนใจ”บ้างก็เรียกว่า“สลีดอนชัย”และต่อมาได้มีชื่อหมู่บ้านอย่างเป็นทางการว่า “หมู่บ้านศรีดอนชัย หมู่ที่ 8 ตำบลบ้านธิ อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน” ซึ่งประกอบด้วยป๊อกบ้านดังนี้ ป๊อกบ้านใหม่กู่ป่าลาน ป๊อกสันมะนะ ป๊อกสันขวาง ป๊อกสันใจ ป๊อกหัวนา ป๊อกบวกป้าน โดยคนในชุมชนส่วนใหญ่เป็นคนพื้นเมือง พูดภาษาคำเมืองและมีนามสกุลหลักคือ “สมบูรณ์ชัย”

ต่อมาจำนวนประชากรของหมู่บ้านมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทางผู้นำชุมชนและคณะกรรมการหมู่บ้าน จึงได้มีการประชุมประชาคมหมู่บ้าน เพื่อแบ่งเขตการปกครองเป็น 2 หมู่บ้าน ดังนั้นในปี พ.ศ. 2517 จึงได้รับการแบ่งเขตการปกครองหมู่บ้านเป็น 2 หมู่บ้าน คือ บ้านศรีดอนชัย หมู่ที่ 8 และบ้านสันมะนะ หมู่ที่ 10 ตำบลบ้านธิ อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน

วัดศรีดอนชัย เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธรูปปางลีลาสูง 59 ศอก ที่สูงและใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ สร้างขึ้นจากศรัทธาของประชาชนชาวไทยและชาวต่างประเทศที่เลื่อมใสศรัทธาปี พ.ศ. 2538 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองราชย์เป็นปีที่ 50 และพระองค์ทรงพระราชทานนามว่า พระพุทธเฉลิมสิริราช

วัดศรีดอนชัย ตั้งอยู่บ้านสันมะนะ หมู่ที่ 10 ตำบลบ้านธิ สามารถเดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 11 จนถึงสี่แยกหมู่บ้านครูลำพูน เลี้ยวขวาเขาไปประมาณ 1 กิโลเมตร เลี้ยวซ้าย ไปอีก 2.5 กิโลเมตร ให้เลี้ยวซ้ายอีกครั้ง วัดจะอยู่ทางซ้ายมือ

ที่ตั้ง : ตำบลบ้านธิ อ.บ้านธิ จังหวัดลำพูน
cats๓๔.JPG (110.93 KiB) เข้าดูแล้ว 292 ครั้ง
แก้ไขล่าสุดโดย Deang-sarapee เมื่อ 16 พ.ค. 2024, 08:16, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4377
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »


:) :D วัดศรีดอนชัย :) :D

:idea: :idea: 2024 ปีแห่งผู้อาวุโส!!! . สิ่งที่ต้องทำตั้งแต่วันพรุ่งนี้

หมั่นตรวจวัด : 1. ค่าความดันโลหิต 2. ค่าน้ำตาล 3. ค่า 𝒕𝒓𝒊𝒈𝒍𝒚𝒄𝒆𝒓𝒊𝒅𝒆𝒔 4. ค่า 𝒄𝒉𝒐𝒍𝒆𝒔𝒕𝒆𝒓𝒐𝒍 .

ทานให้น้อยที่สุด : 1. เกลือ 2. น้ำตาล 3. แป้งขัดขาว 4. ผลิตภัณฑ์จากนม 5. ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป .

𝑭𝑶𝑶𝑫 𝑵𝑬𝑬𝑫𝑬𝑫:𝑫 𝑵𝑬𝑬𝑫𝑬𝑫:* 1. ผัก 2. ธัญญพืช 3. ถั่วทุกชนิด 4. ไข่ 5. น้ำมันสกัดเย็น (มะพร้าว, มะกอก) 6. ผลไม้ .

และควรลืม 3 สิ่งนี้ : 1. อายุ 2. อดีต 3. คำตำหนิ-ติเตียน-นินทา .

และสิ่งสำคัญที่ต้องรักษาเอาไว้ : 1. ครอบครัว 2. เพื่อนที่ดี 3. การคิดบวก 4. บ้านที่สะอาดและอบอุ่น .

และ 3 สิ่งพื้นฐานที่ต้องยอมรับ : 1. ยิ้มและหัวเราะเสมอ 2. ออกกำลังเป็นประจำ 3. ควบคุมน้ำหนัก .

และะ 6 สิ่งที่ต้องอยู่ในวิถีชีวิต : 1. อย่ารอจนกระหายน้ำแล้วจึงดื่มน้ำ 2. อย่ารอจนเหนื่อยแล้วจึงพัก 3. อย่ารอจนป่วยแล้วจึงหาหมอ 4. อย่ารอจนให้มีปาฏิหาริย์แล้วจึงเชื่อในศาสนา 5. อย่าได้เสียความมั่นใจในตนเอง 6. คิดบวกและเชื่อมั่นว่าพรุ่งนี้ต้องดีกว่าเสมอ .

ช่วยกันส่งให้ผู้ที่เรารู้จักในวัย 50-90 ปี . ขอให้ผู้อาวุโสมีความสุขในปี 2024 และตลอดไป..
:idea: :idea:


:) :D doo dee dee 10 : ปั่นพาเที่ยว "วัดศรีดอนชัย พระพุทธรูปเฉลิมสิริ" อ.บ้านธิ ลำพูน :) :D
ไฟล์แนบ
14 พ.ค.2567 ********* รู้สึกเสทือนใจ ********** # คุณย่าจับมือคุณปู่ วัย 92 ปีก่อนสิ้นใจ แล้วพูดว่า &quot;รอฉันก่อนนะ , เดี๋ยวอีกไม่นานฉันจะตามไป&quot; ******* # ยศถาบรรดาศักดิ์ คือ สิ่งสมมุติ ***** # เกิด แก่ เจ็บ ตาย คือ สัจธรรม *****
14 พ.ค.2567 ********* รู้สึกเสทือนใจ ********** # คุณย่าจับมือคุณปู่ วัย 92 ปีก่อนสิ้นใจ แล้วพูดว่า "รอฉันก่อนนะ , เดี๋ยวอีกไม่นานฉันจะตามไป" ******* # ยศถาบรรดาศักดิ์ คือ สิ่งสมมุติ ***** # เกิด แก่ เจ็บ ตาย คือ สัจธรรม *****
441039255_1144206283672791_7882290281539481282_n.jpg (67.08 KiB) เข้าดูแล้ว 286 ครั้ง
cats๓๕.jpg
cats๓๖.jpg
อาการเจ็บก้นแน่ ๆ ปู่..แข็งใจไม่สอบถาม ปล่อยให้เขาแสดงความรู้สึก ปรากฏเด็กน้อยอดทนจริง ๆ ไม่ยอมปริปาก แต่ตั้งใจปั่นนัยว่าคงอยากให้ถึงสักที...ปู่..ก็เลยสอนให้รู้การผ่อนความเจ็บโดยให้ยกก้นขึ้นให้อากาศได้ผ่านกางเกง อาการเจ็บจะบรรเทา เด็กน้อยรีบทำตาม...ได้ผล ๕๕๕ ทุก ๆ การปั่น ๑ นาที เด็กน้อยจะยกก้นขึ้นพักครั้งหนึ่ง ถือว่า...สอบผ่าน
อาการเจ็บก้นแน่ ๆ ปู่..แข็งใจไม่สอบถาม ปล่อยให้เขาแสดงความรู้สึก ปรากฏเด็กน้อยอดทนจริง ๆ ไม่ยอมปริปาก แต่ตั้งใจปั่นนัยว่าคงอยากให้ถึงสักที...ปู่..ก็เลยสอนให้รู้การผ่อนความเจ็บโดยให้ยกก้นขึ้นให้อากาศได้ผ่านกางเกง อาการเจ็บจะบรรเทา เด็กน้อยรีบทำตาม...ได้ผล ๕๕๕ ทุก ๆ การปั่น ๑ นาที เด็กน้อยจะยกก้นขึ้นพักครั้งหนึ่ง ถือว่า...สอบผ่าน
cats๓๗.jpg (131.12 KiB) เข้าดูแล้ว 286 ครั้ง
cats๓๘.jpg
ในที่สุดการซ้อมปั่นวันที่ ๔ พ.ค.๖๗ ก็บรรลุเป้าหมาย...เกินคาด ได้จำนวนระยะทางถึง ๑๖ กม.ฝึกปั่นไม่นานสามารถปั่นได้ขนาดนี้เชื่อว่า ถ้าใจสู้และรักจริง อนาคตออกทัวร์กับ ปู่ - ย่า ได้สบาย ๆ ถึงบ้านสนทนากันถึงความรู้สึก ดีใจที่น้องตอบ เขา Happy มาก แม้จะเหนื่อยก็ไม่มาก สนุก และยังสู้ไหว เราก็คุยกันว่าอีกไม่นานเราจะไปให้ถึงที่ ๒๐ - ๒๕ กม. ถ้าถึงระดับนั้นแล้วจะพาออกทัวร์จริง ๆ ไปจังหวัดต่าง ๆ ที่หนูน้อยสนใจ เขามีเป้าหมายหลาย ๆ ที่ ๆ อยากไป ติดตามนะครับอีกไม่นานท่านจะได้เห็นชายปุรณ์ ฯ ออกทริปต่างจังหวัด ส่วนจะเป็นที่ไหนอย่างไร ไปแล้วก็จะมารีวิวให้ได้ชมกันครับ ช่วงนี้เป็นเวลาของการซักซ้อมและฝึกทักษะ ขอขอบคุณที่ติดตามนะครับ สาธุ สาธุ.
ในที่สุดการซ้อมปั่นวันที่ ๔ พ.ค.๖๗ ก็บรรลุเป้าหมาย...เกินคาด ได้จำนวนระยะทางถึง ๑๖ กม.ฝึกปั่นไม่นานสามารถปั่นได้ขนาดนี้เชื่อว่า ถ้าใจสู้และรักจริง อนาคตออกทัวร์กับ ปู่ - ย่า ได้สบาย ๆ ถึงบ้านสนทนากันถึงความรู้สึก ดีใจที่น้องตอบ เขา Happy มาก แม้จะเหนื่อยก็ไม่มาก สนุก และยังสู้ไหว เราก็คุยกันว่าอีกไม่นานเราจะไปให้ถึงที่ ๒๐ - ๒๕ กม. ถ้าถึงระดับนั้นแล้วจะพาออกทัวร์จริง ๆ ไปจังหวัดต่าง ๆ ที่หนูน้อยสนใจ เขามีเป้าหมายหลาย ๆ ที่ ๆ อยากไป ติดตามนะครับอีกไม่นานท่านจะได้เห็นชายปุรณ์ ฯ ออกทริปต่างจังหวัด ส่วนจะเป็นที่ไหนอย่างไร ไปแล้วก็จะมารีวิวให้ได้ชมกันครับ ช่วงนี้เป็นเวลาของการซักซ้อมและฝึกทักษะ ขอขอบคุณที่ติดตามนะครับ สาธุ สาธุ.
cats๓๙.jpg (56.92 KiB) เข้าดูแล้ว 286 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4377
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:idea: :idea: ประโยชน์ที่ได้รับจากจักรยานออกกำลังกาย (เมื่อรู้จักกับประเภทของจักรยานออกกำลังกายกันไปแล้ว อยากให้ทุกคนมาศึกษาประโยชน์ที่ตนเองจะได้รับเพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าซื้อแล้วคุ้มค่า ไม่เสียดายเงินแน่นอน)

1. ได้สุขภาพกายที่แข็งแรงกลับคืนมา ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายประเภทใดสิ่งที่ได้กลับคืนมาย่อมหนีไม่พ้นสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง การปั่นจักรยานแบบนี้เองก็เช่นกัน ช่วยให้ปอดและหัวใจทำงานดีขึ้น ลดไขมัน กระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญ ไปจนถึงการฟื้นฟูกระดูกและกล้ามเนื้อบริเวณช่วงล่าง (แต่ต้องปั่นอย่างถูกต้องตามหลักการ) ภาพรวมของร่างกายดูดีขึ้นกว่าเดิม

2. สุขภาพจิตดีตามไปด้วย ไม่ใช่แค่สุขภาพกายเท่านั้น แต่สุขภาพจิตก็เป็นอีกสิ่งที่คุณจะได้รับกลับไป เพราะเมื่อไหร่ที่ขึ้นจักรยานแล้วเริ่มปั่นสมองและความเหนื่อยล้ามักช่วยลดระดับความเครียดลง ยิ่งพอปั่นเสร็จแล้วได้อาบน้ำเย็นให้ชื่นฉ่ำสบายตัว บางทีสมองอาจคิดไอเดียใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อีกต่างหาก

3. สมองทำงานได้ดีขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช่แค่การยกตัวอย่างแต่มีงานวิจัยยืนยันว่าคนที่ปั่นจักรยานทั้งแบบปกติและแบบออกกำลังกายประจำ เมื่อทดสอบสมองแล้วทำงานได้ดีกว่าคนที่ไม่ปั่นมากถึง 15% เนื่องจากทุกครั้งที่ปั่นจักรยานเซลล์สมองส่วน Hippocampus ซึ่งทำหน้าที่ในการจดจำจะถูกกระตุ้นให้สร้างเซลล์ใหม่อยู่ตลอด ลดความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์ หรือพาร์กินสัน

Cr.Fitness At Home
:idea: :idea:

:( :( สวัสดีครับท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ ช่วงนี้เป็นช่วงเปิดเทอมหลานรักคนเดียว ที่ต้องดูแล เพราะพ่อ - แม่ เขาต้องไปทำมาหากินต่างแดน (เศรษฐกิจไทยแย่นะ) เรา ปู่ - ย่า ที่ต้องดูแลสุขภาพของตัวเอง (ผมผ่าตัดผ่านมาแล้ว ๖ เดือน หมออนุญาตุปั่นไกลได้แต่ห้ามปั่นหนัก คุณนายผ่าตัดผ่านมาได้เดือนกว่า หมอยังไม่ให้ปั่นไกล) ช่วงเวลาแห่งความเซ็ง....เรา ๒ คนจึงอาศัยฝึกหลานให้ปั่น(จะได้ปั่นด้วยเบา ๆ ออกกำลังกาย)เพื่อที่ช่วงวันหยุดหรือปิดเทอม เราจะได้พาไปผจญภัยหาประสบการณ์ ตอนนี้หลานสามารถปั่นได้ถึง ๒๐ กม.แล้ว ถือว่าพอจะทัวร์เล็ก ๆ ได้ (ไว้มีโอกาสจะได้พาออกทัวร์) ฝากติดตามเป็นกำลังใจเด็กน้อยด้วยครับ :) :D

:) :D ฝายน้ำโท้ง (หาปลากินกัน ที่แม่น้ำปิง)
ไฟล์แนบ
cat1.jpg
cat1.jpg (120.79 KiB) เข้าดูแล้ว 175 ครั้ง
cat.jpg
cat.jpg (15.27 KiB) เข้าดูแล้ว 175 ครั้ง
cats๔๑.jpg
cats๔๒.jpg
cats๔๓.jpg
cats๔๔.jpg
cats๔๔.jpg (134.65 KiB) เข้าดูแล้ว 175 ครั้ง
cats๔๕.JPG
cats๔๕.JPG (86.04 KiB) เข้าดูแล้ว 175 ครั้ง
cats๔๖.jpg
cats๔๗.jpg
cats๔๘.jpg
cats๔๘.jpg (134.29 KiB) เข้าดูแล้ว 175 ครั้ง
cats๔๙.jpg
cats๔๙.jpg (134.71 KiB) เข้าดูแล้ว 175 ครั้ง
cats๕๐.jpg
ฝายน้ำโท้ง หางดง-สารภี ที่นั่งเล่นชมบรรยากาศสบายๆ ริมแม่น้ำปิง จากเมืองเชียงใหม่วิ่งเลาะแม่น้ำปิงไปทางป่าแดด ลอดผ่านใต้ถนนวงแหวนทั้ง ๒ เส้น ประมาณ ๙ กม. ระหว่างทางวิวก็สวย เพลินมาก<br /><br />ฝายน้ำโท้งสร้างเมื่อปี ๒๔๘๒ เป็นฝายทดน้ำที่อยู่ระหว่างอำเภอหางดงกับสารภี มีสะพานเล็กๆ สีส้มทอดยาวข้ามแม่น้ำปิงไปตามแนวฝาย สามารถขี่มอเตอร์ไซค์หรือเดินข้ามไปมาได้ ริมฝั่งทางหางดงร่มรื่น นั่งเล่นดูชาวบ้านหาปลากับวิวกว้างของแม่น้ำปิง ถ้าหิว อีกด้านของฝั่งถนนมีร้านค้าขายอาหารหลายเจ้า ไปซื้อมากิน #ปิคนิค ริมแม่น้ำได้เลย ส่วนฝั่งสารภี ก็ร่มรื่นไม่แพ้กันนะขอบอก<br /><br />เป้าหมายที่ ๒๐ กม.แต่เช้านี้พามาชมวิวสวย อากาศสบายเด็กน้อยมีความสุข แต่ได้ ๑๗ กม.ก็ถือว่าโอเค อีกแค่ ๓ กม.จิ๊บ ๆ ไม่น่าจะมีปัญหา
ฝายน้ำโท้ง หางดง-สารภี ที่นั่งเล่นชมบรรยากาศสบายๆ ริมแม่น้ำปิง จากเมืองเชียงใหม่วิ่งเลาะแม่น้ำปิงไปทางป่าแดด ลอดผ่านใต้ถนนวงแหวนทั้ง ๒ เส้น ประมาณ ๙ กม. ระหว่างทางวิวก็สวย เพลินมาก

ฝายน้ำโท้งสร้างเมื่อปี ๒๔๘๒ เป็นฝายทดน้ำที่อยู่ระหว่างอำเภอหางดงกับสารภี มีสะพานเล็กๆ สีส้มทอดยาวข้ามแม่น้ำปิงไปตามแนวฝาย สามารถขี่มอเตอร์ไซค์หรือเดินข้ามไปมาได้ ริมฝั่งทางหางดงร่มรื่น นั่งเล่นดูชาวบ้านหาปลากับวิวกว้างของแม่น้ำปิง ถ้าหิว อีกด้านของฝั่งถนนมีร้านค้าขายอาหารหลายเจ้า ไปซื้อมากิน #ปิคนิค ริมแม่น้ำได้เลย ส่วนฝั่งสารภี ก็ร่มรื่นไม่แพ้กันนะขอบอก

เป้าหมายที่ ๒๐ กม.แต่เช้านี้พามาชมวิวสวย อากาศสบายเด็กน้อยมีความสุข แต่ได้ ๑๗ กม.ก็ถือว่าโอเค อีกแค่ ๓ กม.จิ๊บ ๆ ไม่น่าจะมีปัญหา
cats๕๑.jpg (124.58 KiB) เข้าดูแล้ว 175 ครั้ง
439901466_1470096800298938_7279805326948103311_n.jpg
439901466_1470096800298938_7279805326948103311_n.jpg (121.4 KiB) เข้าดูแล้ว 175 ครั้ง
อย่าพิพากษาคนอื่นทั้งที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ อย่านินทาคนอื่นทั้งที่ตัวเองก็ยังไม่สมบูรณ์ อย่าตำหนิคนอื่นทั้งที่ตัวเองก็เคยพลาด อย่ารังแกคนอื่นทั้งที่ตัวเองก็เคยเจ็บช้ำจากการถูกคนอื่นรังแก &quot;สิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ อย่าทำกับคนอื่น&quot; <br /><br />~*~ เห็นใจในความลำบากใจของคนอื่นคือใส่ใจ เข้าใจในความไม่สะดวกของคนอื่นคือใจกว้าง อภัยในความผิดบาปของคนอื่นคือเมตตา พบทุกข์ เข้าใจสาเหตุของทุกข์ รู้วิธีเปลื้องทุกข์ แต่ไม่ลงมือทำ รู้ก็เท่ากับไม่รู้! <br /><br />~*~ ปัญหามีอยู่ในทุกที่ ทุกคน ทุกเรื่องราว หากมองในแง่บวก ปัญหามีไว้แก้ แก้ได้ก็ดี แก้ไม่ได้ก็ดี หากมองในแง่ลบ ปัญหาคือความกลัดกลุ้ม แก้ได้ก็แย่ แก้ไม่ได้ก็ยิ่งแย่ ไม่ว่าแก้ได้หรือไม่ได้ จงทำใจยอมรับให้ได้ว่า พอปัญหานี้หมดไป ปัญหาใหม่ก็เรียงแถวเข้าคิวรอเข้ามาเรื่อยๆ หากมองปัญหาเหมือนการเก็งหวย คุณก็ไม่มีทางรามือ เพราะที่ผ่านมาคุณก็สู้ทุกงวด <br /><br />~*~ โชคชะตาเกิดจากตนหาใช่ฟ้าประทาน(ไม่มีเหตุจะมีผลได้อย่างไร? ไม่มีต้นจะมีปลายได้อย่างไร? ไม่สร้างแล้วใครจะเสริมได้! สุขเกิดจากใจ ไม่ใช่สภาพแวดล้อม (แม้ทิวทัศน์งามตา ใจเธอมองหาแต่ทุกข์ จะสุขได้ไฉน?) หางานที่ชอบทำไม่ได้ จงปรับใจให้ชอบในงานที่กำลังทำ! ..... <br /><br />#นุสนธิ์บุคส์
อย่าพิพากษาคนอื่นทั้งที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ อย่านินทาคนอื่นทั้งที่ตัวเองก็ยังไม่สมบูรณ์ อย่าตำหนิคนอื่นทั้งที่ตัวเองก็เคยพลาด อย่ารังแกคนอื่นทั้งที่ตัวเองก็เคยเจ็บช้ำจากการถูกคนอื่นรังแก "สิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ อย่าทำกับคนอื่น"

~*~ เห็นใจในความลำบากใจของคนอื่นคือใส่ใจ เข้าใจในความไม่สะดวกของคนอื่นคือใจกว้าง อภัยในความผิดบาปของคนอื่นคือเมตตา พบทุกข์ เข้าใจสาเหตุของทุกข์ รู้วิธีเปลื้องทุกข์ แต่ไม่ลงมือทำ รู้ก็เท่ากับไม่รู้!

~*~ ปัญหามีอยู่ในทุกที่ ทุกคน ทุกเรื่องราว หากมองในแง่บวก ปัญหามีไว้แก้ แก้ได้ก็ดี แก้ไม่ได้ก็ดี หากมองในแง่ลบ ปัญหาคือความกลัดกลุ้ม แก้ได้ก็แย่ แก้ไม่ได้ก็ยิ่งแย่ ไม่ว่าแก้ได้หรือไม่ได้ จงทำใจยอมรับให้ได้ว่า พอปัญหานี้หมดไป ปัญหาใหม่ก็เรียงแถวเข้าคิวรอเข้ามาเรื่อยๆ หากมองปัญหาเหมือนการเก็งหวย คุณก็ไม่มีทางรามือ เพราะที่ผ่านมาคุณก็สู้ทุกงวด

~*~ โชคชะตาเกิดจากตนหาใช่ฟ้าประทาน(ไม่มีเหตุจะมีผลได้อย่างไร? ไม่มีต้นจะมีปลายได้อย่างไร? ไม่สร้างแล้วใครจะเสริมได้! สุขเกิดจากใจ ไม่ใช่สภาพแวดล้อม (แม้ทิวทัศน์งามตา ใจเธอมองหาแต่ทุกข์ จะสุขได้ไฉน?) หางานที่ชอบทำไม่ได้ จงปรับใจให้ชอบในงานที่กำลังทำ! .....

#นุสนธิ์บุคส์
440968177_468084819110599_6616296824410067224_n (1).jpg (53.42 KiB) เข้าดูแล้ว 175 ครั้ง
440971988_3613854045503205_1295213716289919392_n.jpg
440971988_3613854045503205_1295213716289919392_n.jpg (31.12 KiB) เข้าดูแล้ว 175 ครั้ง
หลายวันมานี้..ประเทศไทยเรามีสิ่งเลวร้ายเยอะจริงครับ ที่สะเทือนใจก็เรื่องความตายของน้อง ที่ยังไม่ถึงเวลา...แต่ก็ต้องมาสังเวยชีวิตไปจะเพราะอะไรก็ช่าง...แต่มีหลายคนหลายหน่วย ที่เอาความตายของน้องมาเล่นกันเพลินไปเลย ไปเจอข้อเขียนที่พิจารณาแล้วถูกใจผม(ย้ำ..ผมคนเดียวนะ) ก็ขอก๊อปปี้มานำเสนอต่อ ไม่ถูกใจก็อย่าเอาทัวร์มาลง.. นำมาเสนอเพื่อเตือนสติเตือนใจให้ได้คิดจะคิดอย่างไรก็อีกเรื่อง ขอบคุณนะครับ <br /><br />๑. &quot;บุ้ง&quot; ถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดี . <br />๒. เธอถูกตั้งข้อหาว่าทำความผิดหลายกรรมหลายวาระ ล่าสุดที่เข้าคุกเพราะถูก &quot;ถอนประกัน&quot; นั่นแปลว่า เธอเคยได้รับการปล่อยตัวแล้ว แต่เลือกจะ &quot;ทำผิดเงื่อนไข&quot; จนถูกถอนประกัน . <br />๓. เธอมีพ่อเป็นผู้พิพากษา มีพี่เป็นทนายความ เธอเป็นเด็กเรียนดี จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะ &quot;ไม่รู้กฎหมาย&quot; แต่เธอเลือกที่จะท้าทายกฎหมาย และไม่ทราบได้ว่า ครอบครัวได้ให้ความรู้และพยายามระงับยับยั้งเธอมากเพียงใด . <br />๔. เมื่อถูกถอนประกัน ต้องเข้าคุก เธอประกาศอดอาหาร อดมาได้ ๑๐๙ วัน ก็เสียชีวิต .<br /> ๕. การตายของเธอ มีทั้งคนเสียใจ เศร้าใจ พอใจ และเฉยๆ มีคนจำนวนหนึ่งเริ่มใช้ประโยชน์จากความตายของเธอปลุกเร้าทางการเมือง โดยที่ก่อนหน้านี้ เงียบเฉย . ๖. อย่าไปโทษอะไรหรือใครเลย กฎหมายเขียนไว้ชัดแล้ว ว่า ห้ามทำอะไร เมื่อเลือกที่จะทำ ก็ต้องรับผลของการกระทำ . <br />๗. อย่าถามว่า ทำไมไม่ให้ประกันตัว เพราะเคยให้แล้ว แต่เลือกจะทำผิดเงื่อนไข . <br />๘. อย่าอ้างเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เพราะสังคมมนุษย์ ไม่อนุญาตให้ใครใช้เสรีภาพ ในการดูหมิ่น หมิ่นประมาท และอาฆาตมาดร้าย ผู้อื่น . <br />๙. อย่าบิดเบือนไปเป็นเรื่อง &quot;เห็นต่างทางการเมือง&quot; เพราะทั้งหมดเป็นเรื่องของการ &quot;ทำผิดกฎหมาย&quot; . <br />๑๐. ทำไมปล่อยให้ตาย ตั้งสติก่อน! เธอประกาศอดอาหารและน้ำด้วยตัวเธอเอง กระนั้นก็ตาม มีการจัดอาหารและน้ำให้ตามปกติ . <br />๑๑. อาการหนักก่อนหน้านี้ก็นำส่งโรงพยาบาล อาการทุเลาก็กลับเข้าคุก หรือโรงพยาบาลราชทัณฑ์ . <br />๑๒. ปราศจากการดูแล จะอดอาหารได้ถึง ๑๐๙ วันหรือ? . <br />๑๓. ผลจากการอดอาหาร ร่างกายย่อมอ่อนแอ อวัยวะสำคัญพร้อมจะ &quot;วาย&quot; เป็นเหตุให้ตายได้ทุกเมื่อ . <br />๑๔. พ่อเธอเป็นผู้พิพากษา พี่เธอเป็นทนายความ พวกเขาคงไม่ยอมให้ลูกสาว-น้องสาว ตาย โดยไม่อินังขังขอบหรอกกระมัง . <br />๑๕. จึงควรจะหยุดแทะหยุดทึ้งการตายของเธอได้แล้ว เป็นเรื่องของครอบครัวเขา . <br />๑๖. ม.๑๑๒ คือ กฎหมาย อย่าโยนความผิดไปที่กฎหมาย . <br />๑๗. ใครรักชอบอุดมการณ์ของเธอ ก็ช่วยกันสืบอุดมการณ์นั้นต่อไป ใครชอบทั้งอุดมการณ์และ &quot;วิธีการ&quot; ก็ทำผิดกฎหมายอย่างเธอ แล้วเข้าคุก ได้ประกัน ฝ่าฝืนประกัน เข้าคุก และอดอาหารจนตายแบบเธอบ้าง ดีกว่าเกาะศพของเธอสร้างชื่อ สร้างคอนเท้นต์กัน-จะดีกว่า ..<br /><br /> ไม่ทำอย่างเธอ ก็อย่าอ้างว่า เห็นด้วยกับเธอ !! .. หยุดเอาเปรียบเธอ ทั้งในยามเป็นและยามตายกันเสียที!!<br /><br />อ่านแล้วได้ข้อคิดหลากหลายอารมณ์ ขอบคุณท่านผู้เขียนไว้ ณ ที่นี้ครับ.
หลายวันมานี้..ประเทศไทยเรามีสิ่งเลวร้ายเยอะจริงครับ ที่สะเทือนใจก็เรื่องความตายของน้อง ที่ยังไม่ถึงเวลา...แต่ก็ต้องมาสังเวยชีวิตไปจะเพราะอะไรก็ช่าง...แต่มีหลายคนหลายหน่วย ที่เอาความตายของน้องมาเล่นกันเพลินไปเลย ไปเจอข้อเขียนที่พิจารณาแล้วถูกใจผม(ย้ำ..ผมคนเดียวนะ) ก็ขอก๊อปปี้มานำเสนอต่อ ไม่ถูกใจก็อย่าเอาทัวร์มาลง.. นำมาเสนอเพื่อเตือนสติเตือนใจให้ได้คิดจะคิดอย่างไรก็อีกเรื่อง ขอบคุณนะครับ

๑. "บุ้ง" ถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดี .
๒. เธอถูกตั้งข้อหาว่าทำความผิดหลายกรรมหลายวาระ ล่าสุดที่เข้าคุกเพราะถูก "ถอนประกัน" นั่นแปลว่า เธอเคยได้รับการปล่อยตัวแล้ว แต่เลือกจะ "ทำผิดเงื่อนไข" จนถูกถอนประกัน .
๓. เธอมีพ่อเป็นผู้พิพากษา มีพี่เป็นทนายความ เธอเป็นเด็กเรียนดี จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะ "ไม่รู้กฎหมาย" แต่เธอเลือกที่จะท้าทายกฎหมาย และไม่ทราบได้ว่า ครอบครัวได้ให้ความรู้และพยายามระงับยับยั้งเธอมากเพียงใด .
๔. เมื่อถูกถอนประกัน ต้องเข้าคุก เธอประกาศอดอาหาร อดมาได้ ๑๐๙ วัน ก็เสียชีวิต .
๕. การตายของเธอ มีทั้งคนเสียใจ เศร้าใจ พอใจ และเฉยๆ มีคนจำนวนหนึ่งเริ่มใช้ประโยชน์จากความตายของเธอปลุกเร้าทางการเมือง โดยที่ก่อนหน้านี้ เงียบเฉย . ๖. อย่าไปโทษอะไรหรือใครเลย กฎหมายเขียนไว้ชัดแล้ว ว่า ห้ามทำอะไร เมื่อเลือกที่จะทำ ก็ต้องรับผลของการกระทำ .
๗. อย่าถามว่า ทำไมไม่ให้ประกันตัว เพราะเคยให้แล้ว แต่เลือกจะทำผิดเงื่อนไข .
๘. อย่าอ้างเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เพราะสังคมมนุษย์ ไม่อนุญาตให้ใครใช้เสรีภาพ ในการดูหมิ่น หมิ่นประมาท และอาฆาตมาดร้าย ผู้อื่น .
๙. อย่าบิดเบือนไปเป็นเรื่อง "เห็นต่างทางการเมือง" เพราะทั้งหมดเป็นเรื่องของการ "ทำผิดกฎหมาย" .
๑๐. ทำไมปล่อยให้ตาย ตั้งสติก่อน! เธอประกาศอดอาหารและน้ำด้วยตัวเธอเอง กระนั้นก็ตาม มีการจัดอาหารและน้ำให้ตามปกติ .
๑๑. อาการหนักก่อนหน้านี้ก็นำส่งโรงพยาบาล อาการทุเลาก็กลับเข้าคุก หรือโรงพยาบาลราชทัณฑ์ .
๑๒. ปราศจากการดูแล จะอดอาหารได้ถึง ๑๐๙ วันหรือ? .
๑๓. ผลจากการอดอาหาร ร่างกายย่อมอ่อนแอ อวัยวะสำคัญพร้อมจะ "วาย" เป็นเหตุให้ตายได้ทุกเมื่อ .
๑๔. พ่อเธอเป็นผู้พิพากษา พี่เธอเป็นทนายความ พวกเขาคงไม่ยอมให้ลูกสาว-น้องสาว ตาย โดยไม่อินังขังขอบหรอกกระมัง .
๑๕. จึงควรจะหยุดแทะหยุดทึ้งการตายของเธอได้แล้ว เป็นเรื่องของครอบครัวเขา .
๑๖. ม.๑๑๒ คือ กฎหมาย อย่าโยนความผิดไปที่กฎหมาย .
๑๗. ใครรักชอบอุดมการณ์ของเธอ ก็ช่วยกันสืบอุดมการณ์นั้นต่อไป ใครชอบทั้งอุดมการณ์และ "วิธีการ" ก็ทำผิดกฎหมายอย่างเธอ แล้วเข้าคุก ได้ประกัน ฝ่าฝืนประกัน เข้าคุก และอดอาหารจนตายแบบเธอบ้าง ดีกว่าเกาะศพของเธอสร้างชื่อ สร้างคอนเท้นต์กัน-จะดีกว่า ..

ไม่ทำอย่างเธอ ก็อย่าอ้างว่า เห็นด้วยกับเธอ !! .. หยุดเอาเปรียบเธอ ทั้งในยามเป็นและยามตายกันเสียที!!

อ่านแล้วได้ข้อคิดหลากหลายอารมณ์ ขอบคุณท่านผู้เขียนไว้ ณ ที่นี้ครับ.
440983473_1449457605687072_7080545519657516100_n (1).jpg (20.75 KiB) เข้าดูแล้ว 175 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4377
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ ช่วงนี้เปิดเทอมแล้ว หลานรักก็ไป รร.ตามปกติ รร.ก็ไม่ได้ไกลบ้านระยะทางไป-กลับ ประมาณสิบกว่า กม.เองครับ ช่วงที่ปิดเทอมเราสองคนปู่-ย่า ที่ต้องเหมือนแบกภาระอันเนื่องมาจากเศรษฐกิจบ้านเมืองเรา ดูมันฝืดเคียงมาก ๆ หลาย ๆ ครอบครัวลูกหลานต่างหาทางไปทำงานเมืองนอกกัน (Hot - Hit) เป็นหน้าที่ ปู่ย่าตายายที่ต้องเป็นผู้ดูแลหลานใครหลานมัน

“ฝันให้ไกลไปให้ถึง” ของเราสองคนต้องหยุดลงด้วยภาระดังกล่าว แต่ยังดำรงอุดมการณ์เดิมไว้ไม่เปลี่ยนแปลง ติดตามกันไปนะครับคิดว่าจะพาหลานไปทดสอบออกทัวร์ต่าง จว.เร็ว ๆ นี้ แต่ก่อนเปิดเทอมหลานขอปั่นไปเยี่ยม รร.สักครั้ง (เผื่อจะได้เล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง ๕๕) ตามต้องการเมื่อ ๑๓ พ.ค.๖๗ จัดให้ก่อนเปิดเทอมใน ๑๖ พ.ค.นี้ครับ แต่ก่อนจะติดตามเรื่องราว ผมมีเรื่องที่น่าคิดมาฝากให้ได้คิดกันครับ เรียนเชิญครับ
:) :D

:idea: :idea: เมื่อ 100 ปีก่อน “ คนจีน ” หนีความยากจน เสื่อผืนหมอนใบ มาเมืองไทย เป็นกุลี ,แบกข้าวสาร ,ลากรถ,ขายน้ำเต้าหู้ ฯลฯ คนไทยดูถูก...เรียกไอ้เจ็ก แต่คนจีนขยัน ขันแข็ง หนักเอาเบาสู้ อยากเป็นเจ้าของกิจการ อยากเป็นพ่อค้า คนไทยชอบสบาย อยากเป็นเจ้าคนนายคน รับราชการ มียศ มีสี มีเกียรติ

วันนี้.... คนจีนร่ำรวย เป็นเจ้าของกิจการมากมาย คนไทยเป็นลูกจ้าง และเป็นลูกหนี้คนจีน 50 ปีก่อน คนอินเดีย คนบังคลาเทศ หนีความยากจน มาเมืองไทย เป็นยาม เป็นคนขายนมแพะ ขายถั่ว คนไทยดูถูก...เรียกไอ้บัง คนอินเดียขยัน เจียมเนื้อเจียมตัว ประหยัด เก็บออม อดทน ไม่ยอมเสียเปรียบ วันนี้ คนอินเดียเป็นเจ้าของกิจการมากมายในไทย คนไทยเป็นลูกจ้าง และเป็นลูกหนี้คนอินเดีย

30 ปีก่อน คนเวียตนาม อพยพมาไทยเพราะสงคราม มาเมืองไทยมาเป็นลูกจ้างทำประมง ทำนา ซ่อมรถ คนไทยดูถูก...เรียกไอ้แกว วันนี้ เมืองไทยโดยเฉพาะทางอีสาน และภาคตะวันออก คนเวียตนามเป็นเจ้าของกิจการมากมาย คนไทยเป็นลูกจ้าง และเป็นลูกหนี้คนเวียตนาม

วันนี้!!! คนเขมร, คนลาว, คนพม่า ,เข้ามาไทย ทั้งถูกต้อง ทั้งแอบหนี เพราะ AEC เปิด รับค่าแรง 300 บาท เข้ามาเป็นคนรับใช้ในบ้าน ,พนักงานโรงแรม , เด็กเสริฟ์ร้านอาหาร , เด็กปั้ม ,คนงานก่อสร้าง คนไทยดูถูก...เรียกไอ้ลาว,ไอ้เขมร,ไอ้หม่อง สิ่งที่น่าเป็นห่วงในอนาคต คือ อีกแค่ 20 ปีข้างหน้า!!!! ชนชาติต่างๆ ที่อพยพเข้ามาก็คงเป็นเจ้าของกิจการกันหมดและคนไทยก็กลับมาเป็นลูกจ้างคนเขมร คนพม่า คนลาว และเป็นลูกหนี้เขาเหล่านั้น เหมือนพ่อแม่ปู่ย่าตายายของพวกเรา หรือเปล่า? นี่คือ.. คนไทย!!!!แท้ๆใช่หรือไม่???

ทำไม? คนไทย !!! มีความรู้ มีฝีมือแรงงานที่ดี แต่ไม่สร้างโอกาส ไม่สร้างงานให้มีคุณค่ากับตนเอง งานหนักหน่อย ท้อ ลาออก งานเหนื่อยหน่อย บ่น ลาออก งานมากหน่อย บอกค่าจ้างถูก ไม่คุ้มค่า ลาออก น่าเป็นห่วง คนไทยที่รักสนุก รักสบาย ไม่อดทน ไม่พึ่งพาตัวเอง ชอบหรูหรา หน้าใหญ่ ใจถึง ประมาณว่า "ฉิบหายไม่ว่า ต้องการชื่อเสียง " แข่งกันอวดรวยโดยการมีหนี้สิน จนหนี้ท่วมตัว โกหกตัวเอง หน้าชื่นอกตรม เลี้ยงลูกให้เป็นลูกเทวดา เลี้ยงลูกไม่รู้จักโต เสพติดวัตถุนิยม ขายที่ดิน ปู่ย่าตายายกิน

ขออย่าให้เป็นอย่างนี้เลย คนไทย มีฝีมือ มีทักษะดี ฉลาด ไหวพริบดี เอาตัวรอดเก่ง คนไทยมีดี นำมันออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์กันเถอะ "รักกันไว้เถิดคนไทย" อย่าให้ อีก 20 ปีข้างหน้า คนไทย ต้องเป็นลูกจ้าง หรือ ต้องเป็นลูกหนี้ ของคนต่างชาติใน AEC เลยนะ

Cr. นิพนธ์ เสียงจันทร์
:idea: :idea:
ไฟล์แนบ
441001115_2513216222214900_3320561851640854320_n.jpg
441001115_2513216222214900_3320561851640854320_n.jpg (110.57 KiB) เข้าดูแล้ว 75 ครั้ง
ตัวผมเองตั้งแต่เด็กชอบที่จะมีความฝัน ชอบอ่านหนังสือ ชอบเที่ยว ชอบดนตรี กีฬา และทุกความชอบจะพยายามสานฝันให้เป็นจริงเสมอ ๆ จักรยานเป็นอีกหนึ่งความฝัน ผมและคุณนายปั่นจักรยานด้วยกันมานานนับสิบปี ออกท่องเที่ยวไปตามใจปราถนาได้พบเห็นสิ่งต่าง ๆ เป็นประสบการณ์และได้นำสิ่งต่าง ๆ มาเผยแพร่เป็นบุญกุศล ตามคำของพ่อ แม่ ครูบาอาจารย์ <br /><br />ฝันให้ไกลไปให้ถึง ครั้งล่าสุดของเรา ๒ คนคือการปั่นเที่ยวเมืองรอง นัยว่าจะพยายามปั่นให้ได้ทุกจังหวัด การดำเนินตามฝันก็ราบรื่นสนุกสนานมาด้วยดี แต่เมื่อ ๑ ต.ค.๖๔ เวลา ๑๔.๓๕ น. ต้นยางต้นที่ ๕๘ ล้มทับบ้านเสียหาย เสียเวลาซ่อมแซมนานนับปี ยังไม่พอลูกชายพาหลานย้ายจากเชียงรายมาอยู่ด้วย <br /><br />และไม่นานเมื่อการซ่อมบ้านที่พังเรียบร้อย ทั้งลูกชายและลูกสะใภ้ก็ต้องทิ้งงานที่เชียงราย ไปทำมาหากินต่างแดนจนบัดนี้ หน้าที่ในการดูแลหลานจึงต้องเป็นเรา ปู่-ย่า ที่ต้องช่วย ฝันที่กำลังดำเนินไปก็จึงต้องหยุดไป วันนี้หลานได้ ๘ ขวบดีใจที่หลานชอบปั่นจักรยาน และเราก็พาฝึกซ้อมช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา ต่อไปนี้(อีกไม่นาน)ถ้ามีวันว่างก็จะพาหลานไปสานฝันต่อ &quot;นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความฝัน&quot; เพื่อแก้ไขปัญหาของเรา &quot;ฝันให้ไกล ไปให้ถึงครับ&quot;
ตัวผมเองตั้งแต่เด็กชอบที่จะมีความฝัน ชอบอ่านหนังสือ ชอบเที่ยว ชอบดนตรี กีฬา และทุกความชอบจะพยายามสานฝันให้เป็นจริงเสมอ ๆ จักรยานเป็นอีกหนึ่งความฝัน ผมและคุณนายปั่นจักรยานด้วยกันมานานนับสิบปี ออกท่องเที่ยวไปตามใจปราถนาได้พบเห็นสิ่งต่าง ๆ เป็นประสบการณ์และได้นำสิ่งต่าง ๆ มาเผยแพร่เป็นบุญกุศล ตามคำของพ่อ แม่ ครูบาอาจารย์

ฝันให้ไกลไปให้ถึง ครั้งล่าสุดของเรา ๒ คนคือการปั่นเที่ยวเมืองรอง นัยว่าจะพยายามปั่นให้ได้ทุกจังหวัด การดำเนินตามฝันก็ราบรื่นสนุกสนานมาด้วยดี แต่เมื่อ ๑ ต.ค.๖๔ เวลา ๑๔.๓๕ น. ต้นยางต้นที่ ๕๘ ล้มทับบ้านเสียหาย เสียเวลาซ่อมแซมนานนับปี ยังไม่พอลูกชายพาหลานย้ายจากเชียงรายมาอยู่ด้วย

และไม่นานเมื่อการซ่อมบ้านที่พังเรียบร้อย ทั้งลูกชายและลูกสะใภ้ก็ต้องทิ้งงานที่เชียงราย ไปทำมาหากินต่างแดนจนบัดนี้ หน้าที่ในการดูแลหลานจึงต้องเป็นเรา ปู่-ย่า ที่ต้องช่วย ฝันที่กำลังดำเนินไปก็จึงต้องหยุดไป วันนี้หลานได้ ๘ ขวบดีใจที่หลานชอบปั่นจักรยาน และเราก็พาฝึกซ้อมช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา ต่อไปนี้(อีกไม่นาน)ถ้ามีวันว่างก็จะพาหลานไปสานฝันต่อ "นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความฝัน" เพื่อแก้ไขปัญหาของเรา "ฝันให้ไกล ไปให้ถึงครับ"
441073576_1159597031893906_568855359045579391_n.jpg (74.64 KiB) เข้าดูแล้ว 75 ครั้ง
cats๕๗.๑.jpg
cats๕๗.๑.jpg (21.41 KiB) เข้าดูแล้ว 75 ครั้ง
cats๕๖.jpg
cats๕๖.jpg (115.84 KiB) เข้าดูแล้ว 75 ครั้ง
cats๕๔.jpg
cats๕๔.jpg (68.43 KiB) เข้าดูแล้ว 75 ครั้ง
cats๕๘.๑.jpg
cats๕๘.๑.jpg (133.79 KiB) เข้าดูแล้ว 75 ครั้ง
cats๕๘.jpg
cats๕๘.jpg (143.12 KiB) เข้าดูแล้ว 75 ครั้ง
ก่อนเปิดเทอมใน ๑๔ พ.ค.๖๗ นี้คุณหลานขอพาปั่นไปเที่ยวดู รร.สักครั้งเผื่อจะได้ไปเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง เข้าทางเราสองคน (จัดให้ครับ) รร.กับบ้านก็ไม่ห่างไกลเท่าใด ประมาณสิบกว่าโล ไป-กลับ ครับ วันนี้หลานชายได้อีกหนึ่งบทเรียน
ก่อนเปิดเทอมใน ๑๔ พ.ค.๖๗ นี้คุณหลานขอพาปั่นไปเที่ยวดู รร.สักครั้งเผื่อจะได้ไปเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง เข้าทางเราสองคน (จัดให้ครับ) รร.กับบ้านก็ไม่ห่างไกลเท่าใด ประมาณสิบกว่าโล ไป-กลับ ครับ วันนี้หลานชายได้อีกหนึ่งบทเรียน
cats๕๙.๑.jpg (130.35 KiB) เข้าดูแล้ว 75 ครั้ง
cats๕๙.jpg
cats๕๙.jpg (135.64 KiB) เข้าดูแล้ว 75 ครั้ง
ก่อนจะถึง รร.อีกไม่ถึง ๕๐๐ ม.เด็กน้อยพาจักรยานตกลงไปข้างถนน (คงระวังตัวมากเกินปั่นจนชิดขอบถนนตกหลุมเล็ก ๆ ) หนูน้อยอาจจะตกใจสักนิดขอกลับเลยไม่ต้องไปถึง รร.ก็ได้ เราจำพากลับเพื่อไม่ขัดใจ
ก่อนจะถึง รร.อีกไม่ถึง ๕๐๐ ม.เด็กน้อยพาจักรยานตกลงไปข้างถนน (คงระวังตัวมากเกินปั่นจนชิดขอบถนนตกหลุมเล็ก ๆ ) หนูน้อยอาจจะตกใจสักนิดขอกลับเลยไม่ต้องไปถึง รร.ก็ได้ เราจำพากลับเพื่อไม่ขัดใจ
cats๖๐.๑.jpg
cats๖๐.๑.jpg (139.96 KiB) เข้าดูแล้ว 75 ครั้ง
cats๖๐.๓.jpg
ขาปั่นกลับเราพาไปดูต้นแคนาที่หนูมักจะถามคุณย่าเสมอ ๆ ว่า ไปเก็บมาจากไหน วันนี้เลยพามาชมและมาเก็บครับ แคนาจะออกดอกช่วงเดือน มีนาคมถึงมิถุนายน กลีบดอกบานใช้ต้มจิ้มน้ำพริก หรือแกงส้ม คุณนายชอบนำมาแกงอีกแบบ แค่ใส่หอมใส่พริกปรุงด้วยซีอิ๊วก็อร่อยมาก และอีกหนึ่งเมนูคือ ดอง กำลังทดสอบ(เขาบอกก็อร่อยนะ) <br /><br />สรรพคุณ ตำรายาไทย  ใช้  ราก มีรสหวานเย็น แก้เสมหะและลม บำรุงโลหิต เปลือกต้น มีรสหวานเย็น แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ใช้กับสตรีหลังคลอด ใบ มีรสเย็น ใช้ตำพอกแผล หรือต้มน้ำบ้วนปาก ดอก มีรสหวานเย็น ใช้ขับเสมหะ โลหิต และลม ขับผายลม เมล็ด รสหวานเย็น แก้อาการปวดประสาท แก้โรคชัก
ขาปั่นกลับเราพาไปดูต้นแคนาที่หนูมักจะถามคุณย่าเสมอ ๆ ว่า ไปเก็บมาจากไหน วันนี้เลยพามาชมและมาเก็บครับ แคนาจะออกดอกช่วงเดือน มีนาคมถึงมิถุนายน กลีบดอกบานใช้ต้มจิ้มน้ำพริก หรือแกงส้ม คุณนายชอบนำมาแกงอีกแบบ แค่ใส่หอมใส่พริกปรุงด้วยซีอิ๊วก็อร่อยมาก และอีกหนึ่งเมนูคือ ดอง กำลังทดสอบ(เขาบอกก็อร่อยนะ)

สรรพคุณ ตำรายาไทย ใช้ ราก มีรสหวานเย็น แก้เสมหะและลม บำรุงโลหิต เปลือกต้น มีรสหวานเย็น แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ใช้กับสตรีหลังคลอด ใบ มีรสเย็น ใช้ตำพอกแผล หรือต้มน้ำบ้วนปาก ดอก มีรสหวานเย็น ใช้ขับเสมหะ โลหิต และลม ขับผายลม เมล็ด รสหวานเย็น แก้อาการปวดประสาท แก้โรคชัก
cats๖๐.๒.jpg
cats๖๐.๒.jpg (146.34 KiB) เข้าดูแล้ว 75 ครั้ง
วันนี้หนูได้ประสบการณ์เพิ่มและได้ทำตามที่หนูฝันคือปั่นไป รร.แต่ไม่ถึง ๕๕๕ ไว้ค่อยพาไปแก้ตัวอีกครั้ง จากนี้ไปคงห่างเหินการปั่นไปบ้างต้องเป็นช่วงเสาร์ - อาทิตย์ แต่เสาร์ - อาทิตย์ ก็ต้องเรียนดนตรี และอีกหลายเรื่องไว้ค่อยคิดและวางแผน แต่ถือว่าพอจะพาไปปั่นแก้เหงาให้หายคิดถึง &quot;ฝันให้ไกล ไปให้ถึง&quot; ได้ในระดับหนึ่ง มั่นใจว่าหากมีวันหยุดยาวเราคงได้หาโอกาสไปสานฝันของเรากันต่อ (พากันไปทั้งสามชีวิตเอาเท่าที่ได้) ติดตามกันไปเรื่อย ๆ นะครับ
วันนี้หนูได้ประสบการณ์เพิ่มและได้ทำตามที่หนูฝันคือปั่นไป รร.แต่ไม่ถึง ๕๕๕ ไว้ค่อยพาไปแก้ตัวอีกครั้ง จากนี้ไปคงห่างเหินการปั่นไปบ้างต้องเป็นช่วงเสาร์ - อาทิตย์ แต่เสาร์ - อาทิตย์ ก็ต้องเรียนดนตรี และอีกหลายเรื่องไว้ค่อยคิดและวางแผน แต่ถือว่าพอจะพาไปปั่นแก้เหงาให้หายคิดถึง "ฝันให้ไกล ไปให้ถึง" ได้ในระดับหนึ่ง มั่นใจว่าหากมีวันหยุดยาวเราคงได้หาโอกาสไปสานฝันของเรากันต่อ (พากันไปทั้งสามชีวิตเอาเท่าที่ได้) ติดตามกันไปเรื่อย ๆ นะครับ
cats๖๐.jpg (143.55 KiB) เข้าดูแล้ว 75 ครั้ง
cats๖๑.jpg
cats๖๑.jpg (35.7 KiB) เข้าดูแล้ว 75 ครั้ง
ชีวิตคนเรานี้สั้นนัก ดูตามตารางที่โลกเขาสำรวจมาสด ๆ ร้อน ๆ ไทยเราอยู่ในลำดับที่ ๔๕ อายุเฉลี่ยที่ ๗๙ ไม่ถึง ๘๐ ปี (ปีนี้ผมย่าง ๗๕ เหลือเวลาอีกแค่ ๔ ปี) ประมาทไม่ได้แล้วเวลาเหลือสั้นลง ๆ ชีวิตนี้น้อยนัก..สั้นนิดเดียว <br /><br />&quot;ชีวิตนี้น้อยนัก แต่มีความสำคัญนักด้วยเหมือนกัน ถ้าชีวิตนี้ไม่วิ่งหนีกรรมไม่ดีในอดีต ชีวิตนี้ก็จะรับผลกรรมไม่ดี ถ้าวิ่งหนีก็จะพ้นได้ กรรมไม่ดีจะตามทันหรือไม่ขึ้นอยู่กับชีวิตนี้ ยิ่งกว่านั้นถ้ากรรมตามทันในชีวิตนี้ ก็จะตามต่อไปได้อีกในชีวิตอนาคต กรรมไม่ดีที่ทำไว้ในอดีตมากมาย อาจจะตามไม่ทันตลอดไปก็ได้ ถ้าทำชาตินี้ให้ดีที่สุด&quot;…โอวาทพระสังฆราช<br /><br /><br />&quot;แต่ละวัย เป็นอย่างไรกันนี่&quot; <br /><br />เมื่อเป็นผู้บริหารในหน่วยงานต่างๆจะต้องเหมือนกันอยู่อย่างคือ การไปประชุม ไปอบรม ไปสัมมนา เพื่อเสริมความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติงานปีหนึ่งๆ ก็ไปกันหลายสิบหนได้เจอพรรคพวกเพื่อนฝูงทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและความคิดที่แตกต่างกันไป อย่างเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ก็ได้มาจากการไปประชุม อบรม สัมมนา มีเพื่อนรุ่นพี่ได้เล่าให้ฟังถึง &quot;10 วัยอายุกับพฤติกรรมของคนเรา&quot; ที่น่าสนใจมาก ท่านลองคิดและพิจารณาดูก็ได้ว่าในแต่ละช่วงวัยอายุจะมีพฤติกรรมที่แตกต่างกันไปกล่าวคือ - <br /><br />เมื่ออายุได้ 10 ขวบ จะมีความรู้สึกเหมือนกันว่า &quot;อาบน้ำบ่หนาว&quot; เพราะอายุยังน้อยอยู่ - เมื่ออายุได้ 20 ปี มีความรู้สึกเหมือนกันว่า &quot;จีบสาวบ่เบื่อ&quot; เพราะยังอยู่ในวัยกลัดมัน - เมื่ออายุได้ 30 ปี จะอยู่ในวัยที่เรียกว่า &quot;เจอเสือบ่ยั่น&quot; เพราะอยู่ในวัยฉกรรจ์ไม่เกรง หน้าอินทร์หน้าพรหมทั้งนั้น - เมื่ออายุได้ 40 ปี จะอยู่ในวัยที่เรียกว่า &quot;ขยันตื่นก่อนไก่โห่&quot; เพราะอยู่ในวัยที่ต้องทำมาหากินสร้างเนื้อสร้างตัว - เมื่ออายุได้ 50 ปี อยู่ในวัยที่เรียกว่า &quot;นอนทอดหุ่ย&quot; เพราะสร้างเนื้อสร้างตัวได้ที่แล้วจึงต้องเพลาแรงลงบ้าง<br /><br /> - เมื่ออายุได้ 60 ปี อยู่ในวัยที่เรียกว่า &quot;เป่าขลุ่ยบ่ดัง&quot; เพราะลุยสร้างเนื้อสร้างตัวมานานเรี่ยวแรงลดน้อยถอยลงไปมากแค่เป่าขลุ่ยยังไม่ดัง - เมื่ออายุได้ 70 ปี จะอยู่ในวัยที่เรียกว่า &quot;ตีระฆังบ่แม่น&quot; เพราะเข้าสู่วัยชราเรียวแรงไม่ต้องพูดถึง อ่อนลงทุกที - เมื่ออายุได้ 80 ปี จะอยู่ในวัยที่เรียกว่า &quot;บักแบ้นบ่ดัง&quot; เพราะใช้ร่างกายมาจนบักโกรกแล้ว - เมื่ออายุได้ 90 ปี จะอยู่ในวัยที่เรียกว่า &quot;โห่บ่ดัง&quot; ด้วยว่ากำลังวังชาไม่เหลือหรอ - เมื่ออายุได้ 100 ปี จะอยู่ในวัยที่เรียกว่า &quot;ไข้ก็ตาย ไม่ไข้ก็ตาย&quot;<br /><br /> เอาเป็นว่าเมื่อถึงอายุขนาดนี้แล้ว มีพระเป็นที่พึ่งเท่านั้นแหละครับ <br /><br />Cr. จันโททัย
ชีวิตคนเรานี้สั้นนัก ดูตามตารางที่โลกเขาสำรวจมาสด ๆ ร้อน ๆ ไทยเราอยู่ในลำดับที่ ๔๕ อายุเฉลี่ยที่ ๗๙ ไม่ถึง ๘๐ ปี (ปีนี้ผมย่าง ๗๕ เหลือเวลาอีกแค่ ๔ ปี) ประมาทไม่ได้แล้วเวลาเหลือสั้นลง ๆ ชีวิตนี้น้อยนัก..สั้นนิดเดียว

"ชีวิตนี้น้อยนัก แต่มีความสำคัญนักด้วยเหมือนกัน ถ้าชีวิตนี้ไม่วิ่งหนีกรรมไม่ดีในอดีต ชีวิตนี้ก็จะรับผลกรรมไม่ดี ถ้าวิ่งหนีก็จะพ้นได้ กรรมไม่ดีจะตามทันหรือไม่ขึ้นอยู่กับชีวิตนี้ ยิ่งกว่านั้นถ้ากรรมตามทันในชีวิตนี้ ก็จะตามต่อไปได้อีกในชีวิตอนาคต กรรมไม่ดีที่ทำไว้ในอดีตมากมาย อาจจะตามไม่ทันตลอดไปก็ได้ ถ้าทำชาตินี้ให้ดีที่สุด"…โอวาทพระสังฆราช


"แต่ละวัย เป็นอย่างไรกันนี่"

เมื่อเป็นผู้บริหารในหน่วยงานต่างๆจะต้องเหมือนกันอยู่อย่างคือ การไปประชุม ไปอบรม ไปสัมมนา เพื่อเสริมความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติงานปีหนึ่งๆ ก็ไปกันหลายสิบหนได้เจอพรรคพวกเพื่อนฝูงทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและความคิดที่แตกต่างกันไป อย่างเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ก็ได้มาจากการไปประชุม อบรม สัมมนา มีเพื่อนรุ่นพี่ได้เล่าให้ฟังถึง "10 วัยอายุกับพฤติกรรมของคนเรา" ที่น่าสนใจมาก ท่านลองคิดและพิจารณาดูก็ได้ว่าในแต่ละช่วงวัยอายุจะมีพฤติกรรมที่แตกต่างกันไปกล่าวคือ -

เมื่ออายุได้ 10 ขวบ จะมีความรู้สึกเหมือนกันว่า "อาบน้ำบ่หนาว" เพราะอายุยังน้อยอยู่ - เมื่ออายุได้ 20 ปี มีความรู้สึกเหมือนกันว่า "จีบสาวบ่เบื่อ" เพราะยังอยู่ในวัยกลัดมัน - เมื่ออายุได้ 30 ปี จะอยู่ในวัยที่เรียกว่า "เจอเสือบ่ยั่น" เพราะอยู่ในวัยฉกรรจ์ไม่เกรง หน้าอินทร์หน้าพรหมทั้งนั้น - เมื่ออายุได้ 40 ปี จะอยู่ในวัยที่เรียกว่า "ขยันตื่นก่อนไก่โห่" เพราะอยู่ในวัยที่ต้องทำมาหากินสร้างเนื้อสร้างตัว - เมื่ออายุได้ 50 ปี อยู่ในวัยที่เรียกว่า "นอนทอดหุ่ย" เพราะสร้างเนื้อสร้างตัวได้ที่แล้วจึงต้องเพลาแรงลงบ้าง

- เมื่ออายุได้ 60 ปี อยู่ในวัยที่เรียกว่า "เป่าขลุ่ยบ่ดัง" เพราะลุยสร้างเนื้อสร้างตัวมานานเรี่ยวแรงลดน้อยถอยลงไปมากแค่เป่าขลุ่ยยังไม่ดัง - เมื่ออายุได้ 70 ปี จะอยู่ในวัยที่เรียกว่า "ตีระฆังบ่แม่น" เพราะเข้าสู่วัยชราเรียวแรงไม่ต้องพูดถึง อ่อนลงทุกที - เมื่ออายุได้ 80 ปี จะอยู่ในวัยที่เรียกว่า "บักแบ้นบ่ดัง" เพราะใช้ร่างกายมาจนบักโกรกแล้ว - เมื่ออายุได้ 90 ปี จะอยู่ในวัยที่เรียกว่า "โห่บ่ดัง" ด้วยว่ากำลังวังชาไม่เหลือหรอ - เมื่ออายุได้ 100 ปี จะอยู่ในวัยที่เรียกว่า "ไข้ก็ตาย ไม่ไข้ก็ตาย"

เอาเป็นว่าเมื่อถึงอายุขนาดนี้แล้ว มีพระเป็นที่พึ่งเท่านั้นแหละครับ

Cr. จันโททัย
cats๖๒.jpg (74.42 KiB) เข้าดูแล้ว 75 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
ตอบกลับ

กลับไปยัง “ทัวร์ริ่ง (Touring)”