Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
โพสต์: 17 ก.พ. 2024, 20:13
พ่อจ๋าอย่าร้องไห้ (เสียงร้องคนขายขวด) - ซูลุ่ย - เนื้อร้องและแปลไทย
พ่อจ๋าอย่าร้องไห้ (ธีรนัย ณ หนองคาย)
** พ่อจ๋าอย่าร้องไห้ **
เมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว(1983 - 1984) ที่ไต้หวัน มีภาพยนตร์ซีรีย์ทางทีวี ทั้งหมด 26 ตอนๆละ 45 นาที ชื่อว่า "ต่าชั่วเชอ" (塔错车) แปลว่าขึ้นรถผิดคัน หรือ ชะตากรรมพาหลงทาง (ต่อมาได้ทำเป็นหนังใหญ่ ใช้ชื่อพ่อจ๋าอย่าร้องไห้) ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม เพลงเอกประกอบภาพยนตร์ชื่อว่า "จิ่วกังถังไม่อู๋"(酒干倘卖无) หรือ "มีขวดเหล้ามาขาย"
เนื้อเรื่องมีว่า ทหารผ่านศึกหูหนวกเป็นใบ้คนหนึ่ง ปลดประจำการจากกองทัพก๊กมินตั๋งแล้ว ก็ใช้ชีวิตอยู่ในสลัมแห่งหนึ่งในไทเป ใช้รถสามล้อถีบเก่าๆออกหาของพอมีค่าจากถังขยะและรับซื้อขวดแก้วขวดเหล้าเลี้ยงชีพไปวันๆ เช้ามืดวันหนึ่ง เขาออกค้นขยะไปตามที่ต่างๆ ถึงบริเวณย่านไฮโซ ก็ได้ยินเสียงเด็กทารกร้องจากกองขยะ เขารีบเข้าไปดู เป็นเปลเด็กทารกหญิง พร้อมกระดาษใบหนึ่งเขียนฝากให้คนพบช่วยพาเด็กไปเลี้ยงด้วย เขาอดใจอ่อนไม่ได้ จึงพาทารกกลับบ้าน ปรึกษาเพื่อนบ้านว่าต้องเลี้ยงทารกอย่างไร
จากนั้น เขาก็เอาเงินที่เก็บไว้ทั้งหมดไปซื้อของกินนมผง และของใช้สำหรับเด็กทารก ภรรยาเขาไม่พอใจมาก เลยหนีจากเขาไป
ชายใบ้รักและเลี้ยงดูเด็กทารกน้อยเหมือนลูก เขาตั้งชื่อลูกสาวว่า อาเหม่ย (阿美)
เมื่ออาเหม่ยโตหน่อยก็พาขึ้นรถสามล้อถีบไปเก็บขยะด้วยกัน เมื่อเข้าโรงเรียนได้ก็ส่งเธอไปเข้าโรงเรียน แต่เธอมักถูกเพื่อนๆล้อเลียนว่าเป็นลูกคนใบ้เก็บขยะ จนต้องทะเลาะกับเพื่อนบ่อยๆ
ช่วงตรุษจีน เพื่อนบ้านก็ลากหมามาตัวหนึ่ง กะว่าจะให้พ่อใบ้ฆ่าแล้วเอามาแบ่งกันกินช่วงตรุษจีน แต่หมาหนีรอดได้ แถมมาซุกอยู่กับอาเหม่ย จนพ่อใบ้ต้องตัดสินใจเลิกฆ่าหมาตัวนี้ หมาตัวนี้ก็กลายเป็นสัตว์เลี้ยงของบ้านชายใบ้เก็บขยะ 3 ชีวิตใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขตามอัตภาพ
เมื่อเด็กโตขึ้น ชายใบ้ก็ต้องทำงานหนักขึ้น แถมอดมื้อกินมื้อเพื่อให้มีเงินเหลือพอสำหรับค่าใช้จ่ายของอาเหม่ยจากกองขยะ ช่วงที่เพื่อนแกล้ง หมานี่แหละที่คอยปกป้องเธอ สิบกว่าปีผ่านไป อาเหม่ยก็เข้าเรียนมหาวิทยาลัยจนจบ
ข้างบ้านมีหนุ่มนักประพันธ์เพลงไส้แห้งคนหนึ่ง อยู่ในวงการบันเทิง เขาจึงพาเธอไปฝากงานกับเจ้าของวงดนตรีเพื่อฝึกให้เธอเป็นนักร้อง ซึ่งเธอก็ไม่ทำให้ใครผิดหวัง กลายเป็นนักร้องดังแห่งยุค มีงานร้องเพลงตามบาร์ คลับ ไม่มีขาด บางครั้งก็ขึ้นเวทีคอนเสิร์ต ทำให้เธอโด่งดังเป็นพลุ ไม่มีเวลาเหลือสำหรับทำอะไรอื่น รวมทั้งอับอายไม่อยากให้คนรู้ว่ามีพ่อเป็นคนใบ้เก็บเศษขยะขาย เธอจึงไม่ยอมไปเยี่ยมพ่อเลี้ยงใบ้เลย
แม้พ่อเลี้ยงใบ้จะแอบไปหาเธอ ก็ไม่สามารถเข้าถึงตัวเธอได้ จนทำให้พ่อใบ้เริ่มเครียด ซึมเศร้า เหม่อลอย จนเกือบถูกมอไซค์ซิ่งชนตาย โชคดีที่หมาเห็นและเข้าใจเหตุการณ์ วิ่งเข้าไปให้มอไซค์ชนแทนจนตาย ส่วนพ่อใบ้ก็เริ่มกินไม่ได้ นอนไม่หลับ จนล้มป่วยบ่อยๆ
นักประพันธ์หนุ่มสงสาร จึงหาเวลาไปเยี่ยมแทน แม้พ่อใบ้จะฝากนักประพันธ์หนุ่มให้บอกอาเหม่ยกลับบ้านมาเยี่ยมพ่อบ้าง แต่ก็ไร้วี่แวว จนพ่อใบ้ป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล เขาฝากหนุ่มนักประพันธ์ให้ช่วยไปบอกอาเหม่ยให้มาเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาลเป็นครั้งสุดท้าย เพราะพ่อต้องจากลาไปแล้ว
หนุ่มนักประพันธ์ไม่รู้จะทำอย่างไร ช่วงนาทีนั้นก็เกิดแรงบันดาลใจ แต่งเพลงชื่อ "จิ่วกังถังใหม่อู๋" (มีขวดเหล้ามาขาย) ส่งให้อาเหม่ยเพื่อปลุกจิตสำนึกเธอให้คิดถึงบุญคุณพ่อใบ้บ้าง
ซึ่งก็ได้ผล เธอเห็นเนื้อเพลงนี้แล้วน้ำตาไหลพรากๆ รีบวิ่งไปหาพ่อที่โรงพยาบาล พ่อลูกได้เห็นหน้ากันเป็นครั้งสุดท้ายเพราะเพลงๆนี้
เธอฝึกร้องเพลงนี้ทุกวันก่อนขึ้นเวทีคอนเสิร์ต และเธอก็ร้องเพลงนี้เป็นครั้งแรกบนเวทีคอนเสิร์ตโดยไม่มีอยู่ในรายการ แม้เจ้าของงานคอนเสิร์ตจะไม่พอใจ แต่เนื่องจากเป็นที่ประทับใจของผู้ชม ก็ต้องปล่อยเลยตามเลย แล้วเพลงนี้ก็กลายเป็นเพลงที่สร้างชื่อเสียงให้เธอมาก
ขึ้นรถผิดคัน รถก็พาไปทั้งๆที่ไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่จะไป คือชื่อภาพยนตร์ซีรี่ส์เรื่องนี้ (ในไทยใช้ชื่อ พ่อจ๋าอย่าร้องไห้) มีขวดมาขายไม๊ ก็กลายเป็นเพลงโด่งดังแห่งยุค
เรื่องนี้ มีเค้าโครงจากเรื่องจริง และสอนคนไปในตัวว่า
1.บุญคุณ ความรัก ความกตัญญูกตเวที อย่าหวังการตอบแทน เป็นเรื่องของจิตสำนึก จะบังคับอย่างไรก็ไม่ได้
2.ความซื่อสัตย์ หมามันซื่อสัตย์กตัญญูทุกตัว และซื่อสัตย์มากกว่าคน
3.ชีวิตคนไม่มีอะไรแน่นอน มีสุขมีทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา
4.สิ่งที่คนในสังคมทุนนิยมไขว่คว้าคือ เงิน ชื่อเสียง เกียรติยศ ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง
5.ในสังคมมนุษย์ที่เจริญ ทุกสิ่งล้วนเสแสร้ง หน้าไหว้หลังหลอก ใส่หน้ากากเข้าหากัน ยิ่งซื่อจะยิ่งเสียเปรียบ หาคนที่จริงใจต่อกันแทบจะไม่มีเลยย...นี่แหละคน
Cr; นิรนาม
มันเป็นความหวังครับว่า..จะมีคนอ่านแล้วได้สำนึกเหมือนเรื่องราวข้างต้นนี้ ผมก็จะได้บุญด้วยครับ