ขอบคุณๆพัทลุง คนคอเดียว...แถมถิ่นเดียวกันpatlung เขียน:ขอแสดงความยินดีครับ
รอชม รอฟังเรื่องราวสุดยอดทริปที่รอคอย
ขอบคุณที่ให้กำลังใจ ส่วนหนึ่งที่ผมย้วยไปเที่ยวแถวหยวนหยางแหล่งกะไดนาข้าว ก็เพราะต้นตอคุณพัทลุงเขียนเล่าไปปั่นเที่ยวแถวนี้ในโครงการปั่นเจ็ดแผ่นดินฯน่ะแหล่ะครับ
ปั่นเที่ยวงวดนี้ ที่ผมพอใจในความรู้สึกของตัวเองสุดๆ จนนึกถึงคำสอน...การตีความหมายคำ"นิพพาน" ของท่านอาจารย์พุทธทาส
ในยุคกว่าห้่าสิบปีก่ิอนที่ท่านเน้นหรือรณรงค์ตีความการถึงซึ่ง"นิพพาน" ว่ามันเป็นของใกล้ตัว เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้ของชาตินี้ เดี๋ยวนี้ อาจจะได้ชั่วประเดี๋ยวประด่าวหรือถาวรก็ตามที ท่านแนะนำให้มนุษย์คนทำงานไม่จำเป็นต้องเป็นพระนั่งหลับตาบริกรรม คนกินข้าวสามมื้ออย่างเราฝึกให้ชินกะนิพพานนั้นทำได้ ท่่านว่านะ
ท่านสอนเีราให้อย่ากลัวคำ"นิพพาน" มันไม่ใช่ศัพท์สูงส่งจนเราไม่กล้าใช้
ท่านบอกเรา"นิำำพพาน" นั้นเป็นศัำำพท์พื้นๆเทียบภาษาบ้านเี่ราก็หมายถึงอะไรที่มันเย็น หุงข้าวจนสุกปล่อยทิ้งจนเย็น อินเดียยุคพุทธกาลก็ใช้คำว่าข้าวมันนิำพพาน ดึงถ่านที่ติดไปแดง...ปล่อยให้มอดจนมันเย็น ก็เรียกได้ว่าถ่านมันนิพพาน
ผมเกริ่นซะยาวคือระหว่างปั่นมันเกิดภาวะใจสงบ กายไม่ร้อน ไม่ทุรน ไม่ทุราย ไม่ห่วง ไม่กังวล จนนึกคำ"นิพพาน" กลับถึงบ้านจะเขียนเล่า "ปั่นให้ถึงซึ่งนิำำพพาน" ในความหมายที่ท่านอาจาย์พุทธทาสท่านตีความ ภาวะใดใจสงบ กายไม่ร้อน ไม่ทุรน ไม่ทุราย ไม่ห่วง ไม่กังวล พอจะเรียกได้ภาวะนั้นเราได้ถึงซึ่ง"นิำำพพาน" เป็นเหตุปั่นติดลม ติดถาวะการถึงซึ่ง"นิำำพพาน" ในความหมายการตีความที่ว่ามา