หลักการฝึกซ้อม

[เนิ่ม ชมภูศรี]

ก่อนจาก พอดีเห็นกัปตันช่อน แวะมาเยี่ยม สบายดีนะครับ กัปตัน...พรุ่งนี้งานบวชน้องเบล เด็ก ๆ ที่นี่ตื่นเต้นกันดี วันนี้เพิ่งประชุมกันเสร็จ สรุปโดยรวมแล้ว เด็กทุกคนดีขึ้นจากเดิมมากแล้ว กิ๊ก สามารถจี้มอเตอร์ไซค์ได้ความเร็วสูงสุดถึง 73 KM/H แล้วนะครับ คิดถึงครับ กัปตัน...

[เสือปอ]

เข้ามาอ่านแล้วได้ความรู้ดีมากเลยครับ แล้วจะเป็นกำลังใจให้สู้ต่อไปครับ เด็กอาจารย์เก่งมากเลยครับความเร็ว 73 ตอนอยู่บนจักรยานลมคงแรงหน้าดู นี่แซงมอไชค์แรงน้อยได้เลยนะครับ ตอนนี้ก็รอติดตามบทความอยู่ครับ

[เนิ่ม ชมภูศรี]

ความสำคัญของการตั้งช่วงแขนแบบลาดเอียงนี้นั้น...น้ำหนักของลำตัวท่อนบนจะไม่ตกทิ้งตรงมือที่กำแฮนด์จักรยาน และในขณะที่นั่งบนอานจักรยาน กระดูกก้นกบ กะลงตรงจุดรองรับของเบาะพอดี ไม่ใช่ช่วงที่เป็นอัณฑะ เพราะหากเราวางตำแหน่งไม่ดี อัณฑะ จะถูกบดขยี้จากการนั่งบนอานจักรยานอยู่ตลอดเวลา การตั้งช่วงแขนแบบนี้ น้ำหนักจะตกลงตรงจุดข้อศอกที่เป็นจุดกลึ่งกลาง (ที่ไม้ไผ่ชี้ในภาพบน) ไม่ว่าเราจะขี่วางมือเปลี่ยนมุมแฮนด์ไปทางไหน น้ำหนักตกจะไม่เคลื่อนจากจุดรองรับ เรารับรู้ได้ตลอดเวลาการปั่นจักรยาน ถ้าท่านนึกไม่ออกว่าแรงดังกล่าวจะตกทอดลงสู่ข้อศอกเป็นอย่างไร ขอให้ลองทดลองเหยียดแขนไปข้างหน้า จากนั้นนำส่วนมือไปวางกดที่ปลายโต๊ะหรือหัวเก้าอี้ ในลักษณะหันข้อศอกลงพื้นดิน กำหมัดนำส่วนที่เป็นข้างนิ้วก้อยกดลงไป ท่านจะพบว่า แรงตกของการกดจะตกลงไปสู่ข้อศอกพอดี การลดอาการเกรงหัวไหล่ มีการยืดหยุ่นในการวางมือ ลดอาการชามือ ท่านควรที่จะตั้งช่วงแขนในลักษณะให้เกิดแรงตกไปที่ข้อศอกดังกล่าวนี้ครับ..
เมื่อท่านตั้งเบาะไปข้างหน้ามากเกินไป น้ำหนักตัวท่อนบนจะตกไปที่หัวไหล่และปลายแขน มือเป็นจุดรองรับ ขี่ไปนาน ๆ จะเกิดอาการ ชา ที่ฝ่ามือ แล้วก็ช่วงหัวไหล่ของท่านจะยกตัวสูงขึ้นเหนือกระดูกคอด้านหลัง ทำให้ดูคล้ายกับการขี่จักรยานแบบ คอตก หัวโด่ง ท่านลองสังเกตดูนะครับ แต่ถ้าหากตั้งช่วงไปข้างหลังมากเกินอีก หรือ ท่อนั่งบน เสตม ยาวเกิน การขี่แบบเอื้อมมือจะเกิดขึ้น ส่งผลให้เหมือนโก่งตัว โก้งโค้งขี่จักรยาน ใช้แรงที่ถีบส่งมาจาก ห้วง หลัง แรงถีบที่ส่งลงสู่ลูกบันใดจะไม่เป็นวงรอบ คราวนี้น้ำหนักของแรงตกจะลงไปสู่บริเวณฝ่ามือ เป็นต้นเหตุของอาการ ชา อีกเหตุหนึ่ง...

[เนิ่ม ชมภูศรี]

เข้ามาอ่านแล้วได้ความรู้ดีมากเลยครับ แล้วจะเป็นกำลังใจให้สู้ต่อไปครับ เด็กอาจารย์เก่งมากเลยครับความเร็ว 73 ตอนอยู่บนจักรยานลมคงแรงหน้าดู นี่แซงมอไชค์แรงน้อยได้เลยนะครับ ตอนนี้ก็รอติดตามบทความอยู่ครับ

อธิบายเพิ่มเติมนิดหนึ่งครับ เดี๋ยวจะเข้าใจกันคลาดเคลื่อน เด็กฝึกซ้อมด้วยการจี้มอเตอร์ไซค์ ทำความเร็วได้สูงสุด 73 KM/H เป็นความเร็วของไมล์มอเตอร์ไซค์ครับ ส่วนเรือนไมล์ของจักรยาน จะอยู่ที่ 67-69 KM/H ครับ ทุกอย่างที่เป็นผลการฝึกซ้อม จะถูกบันทึกไว้ เพื่อนำมาเปรียบเทียบกันในวันข้างหน้าครับ และท่านจะรับทราบได้ถึงวิธีการดังกล่าวได้ ด้วยการรอให้ถึงเรื่องเล่าในช่วงนั้นครับ
.
.
ขอบพระคุณมากครับ ที่พิมพ์ข้อความขอบคุณให้กำลังใจกัน เพราะทำให้ทราบได้ว่า มีคนที่คอยดูแลร่วมกันอยูขอรับ สวัสดีครับ

[rak monthon2]

อ้าวส่งเป็นกำลังใจกันหน่อย เพราะมัวแต่อ่านอย่างเดียว ไม่อยากจะไปเบียดบังความคิดเห็น กลัวสาระไม่ต่อเนื่อง....ติดตามอ่านอยู่ตลอดนะครับ ว่าจะต่อตอนต่อไปเวลาไหน....เหมือนคนลุ้นหนังเจมบอนด์ 007 ว่าภาคต่อไปจะเป็นอะรัย ฉันใดก็ฉันตรงนั้น เฮ้ย..ฉันนั้น ก็ขอให้กำลังใจในการเขียนสาระดีๆ ต่อผู้อ่านต่อไปเรื่อยๆนะครับ จะติดตามครับ

[เนิ่ม ชมภูศรี]

อ้าวส่งเป็นกำลังใจกันหน่อย เพราะมัวแต่อ่านอย่างเดียว ไม่อยากจะไปเบียดบังความคิดเห็น กลัวสาระไม่ต่อเนื่อง....ติดตามอ่านอยู่ตลอดนะครับ ว่าจะต่อตอนต่อไปเวลาไหน....เหมือนคนลุ้นหนังเจมบอนด์ 007 ว่าภาคต่อไปจะเป็นอะรัย ฉันใดก็ฉันตรงนั้น เฮ้ย..ฉันนั้น ก็ขอให้กำลังใจในการเขียนสาระดีๆ ต่อผู้อ่านต่อไปเรื่อยๆนะครับ จะติดตามครับ

ดีใจครับ ที่รุ้ว่า สิ่งที่ทำอยู่มีประโยชน์ต่อส่วนรวม ส่วนเรื่องเล่านั้น วันนี้ต้องขอหยุดพัก เพราะติดภาระกิจครับ ไว้พบกันใหม่ครับ

[ball เท้าไฟ]

นายแบบหล่อดีนะคร๊าบ

[เนิ่ม ชมภูศรี]

........ภาพแสดงเรื่องการวางช่วงแขน

[เนิ่ม ชมภูศรี]

และเมื่อเกิดความสมดุลในท่านั่งขี่จักรยาน ในขณะที่เรากำลังปั่นรถจักรยาน ขอให้ท่านก้มลงมองตรงจุดข้อศอก จะเป็นแนวดิ่งตรงกันกับหัวเข่า ลงไปจนถึงช่วงกระดูกหัวนิ้วโป้งเท้าที่ใช้เป็นแกนในการตั้งคริปเรส สังเกตจากภาพถ่ายข้างบนได้ครับ ถ้าท่านเขียนเส้นตรงตามจุดที่กล่าว จะเห็นชัดเจนว่าเกิดการทำมุมที่สัมพันธ์กันกับจุดดังกล่าวในขณะขี่จักรยาน เมื่อก้มตัวทำการเร่งความเร็ว ตำแหน่งการวางแขนจะเกิดการงอ และมุมของข้อศอกจะตรงกันกับจุดยกขาสูงขึ้นของการปั่น ระดับบันใดอยู่ที่ประมาณ 11-12 นาฬิกา นั้นคือช่วงการเร่งทำความเร็ว การงอตัวเพื่อพยายามเค้นอัตราเร่งจะเกิดขึ้นเองอย่างเป็นไปตามการตั้งช่วง...

ถ้าหากท่านที่เข้ามาอ่านงานศึกษาเรื่องสัมพันธภาพ ของร่างกายมนุษย์กับการขี่จักรยาน จะพบว่า ไม่มีคำตอบให้กับท่านว่า ช่วงขาเท่านี้ จะต้องตั้งหลักอานสูงเท่าใด ช่วงแขนขนาดนี้ จะต้องใช้เสตมขนาดไหน ได้กล่าวไว้แล้วว่า ขอให้เราเรียนรู้ถึงหัวใจ เคล็ดลับ ในการตั้งช่วงจนเกิดความเข้าใจ เราจะค้นพบคำตอบได้ด้วยตนเองว่า เสตมที่เราใส่อยู่นั้นสั้นไป หรือช่วงขาของเรานั้นสูงไป ตำแหน่งการวางตัวท่อนบนมีการคลาดเคลื่อน จึงเกิดอาการปวดหลัง การพยายามที่จะทำการทดลองด้วยตัวเอง หากท่านเข้าใจถึงหลักการเรื่องของความสัมพันธ์ คงจะช่วยแก้ปัญหาให้กับตัวเราได้ในอีกระดับหนึ่ง....

ได้พูดกันถึงเรื่องการตั้งช่วงขา ช่วงลำตัวท่อนบนกับท่านั่ง การเรียนรู้เรื่องจุดน้ำหนักตกในการวางแขน การวางตำแหน่งเท้ากับลูกบันใด ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้ คือเรื่องของความสัมพันธ์ในการขี่จักรยาน เป็นเรื่องสำคัญประการแรกที่ต้องกล่าวถึง เพราะหากผิดช่วง ผิดท่าทางการขี่ตั้งแต่ต้น ทุก ๆ วันของการขี่จักรยานของเราจะกลับกลายเป็นเรื่องไม่สนุก ไม่สดชื่น เดี๋ยวปวดก้น เดี๋ยวเจ็บขา เดี๋ยวก็ชามืออีก และการส่งถ่ายแรงสู่การเคลื่อนที่ จะไม่สมบูรณ์มากนัก

สรุปโดยรวมว่า เราควรที่จะทำความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวก่อน แล้วลองปรับเปลี่ยนแก้ไขด้วยตนเอง ว่าความสูงของเราน่าจะตั้งช่วงขาอยู่ในระดับไหน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การตั้งช่วงแบบนี้คงใช้ไม่ได้กับทุกคนอีกเช่นกัน แต่หัวใจของเรื่องดังกล่าว ถือว่าเป็นความเข้าใจที่เราสามารถนำมาปรับใช้ได้กับทุกคน

ใช้เวลานานหลายวัน กว่าจะลงมาถึงบทสรุปในวันนี้ เพราะเรื่องการถ่ายทอดเป้นตัวอักษรให้เกิดความเข้าใจเป็นเรื่องยาก ขอพยายามทำอย่างต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ครับ และขอเรียนเชิญพี่น้องทุกท่านพบกับเรื่องใหม่ ในโอกาสต่อไปครับ

[perm]

เพิ่งเข้ามาเจอ

ยังอ่านไม่จบเลยครับ แบบว่าเปนขาใหม่(อ่อน)ในวงการ

แต่เข้ามาขอบคุณ ไว้ก่อน ได้ความรู้มากขึ้นครับ

ขอบคุณมากครับ สำหรับบทความดีๆ และขอเปนกำลังใจให้ครับ

ปล.ที่ทำงานผมอยู่ใกล้ๆ กองบิน 6 ครับ

[Bang_PU]

เป็นการถ่ายทอดผ่านภาษาเขียนได้ยอดเยื่ยมมากครับ เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

ขออนุญาติแสดงความคิดเห็น จากการ ปั่นมา 4 ปี โดยไม่มีพื้นฐานกีฬาอื่นมาก่อน ผ่านเฟรม 4 ตัว stem เกือบสิบอัน
ตรวจสอบการตอบสนองของร่างกายและปรับเปลื่ยนระยะต่างๆอยู่เรื่อยๆ พบว่าทุกอย่างในข้อเขียนของอาจารณ์
"เป็นจริงทุกประการ"

รอติดตามผลงานตอนต่อไปครับ
ปล.การเปลี่ยน stem นั้นแนะนำให้ยืมหรือขอแลกชั่วคราวกับเพื่อนในกลุ่มจะประหยัดได้มากครับ

[sudplard]

ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆครับ

[เนิ่ม ชมภูศรี]

เป็นการถ่ายทอดผ่านภาษาเขียนได้ยอดเยื่ยมมากครับ เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

ขออนุญาติแสดงความคิดเห็น จากการ ปั่นมา 4 ปี โดยไม่มีพื้นฐานกีฬาอื่นมาก่อน ผ่านเฟรม 4 ตัว stem เกือบสิบอัน
ตรวจสอบการตอบสนองของร่างกายและปรับเปลื่ยนระยะต่างๆอยู่เรื่อยๆ พบว่าทุกอย่างในข้อเขียนของอาจารณ์
"เป็นจริงทุกประการ"

รอติดตามผลงานตอนต่อไปครับ
ปล.การเปลี่ยน stem นั้นแนะนำให้ยืมหรือขอแลกชั่วคราวกับเพื่อนในกลุ่มจะประหยัดได้มากครับ

อ่านทุกข้อความที่ทุกท่านเขียนมาครับ รู้สึกว่าเป็นพลังที่ผลักดันให้เกิดการทำงานต่อไป ขอขอบพระคุณมากนะครับ ที่ทราบว่าบทความมีส่วนถูกต้องบ้าง กับท่านที่ได้ทดลองด้วยตนเองมาเป็นระยะเวลาสี่ปีกว่า ท่านเป็นผู้หนึ่ง ที่เรียนรู้ได้ด้วยตนเองดังที่กล่าวไว้ และความรู้นี้เอง ที่ข้าพเจ้ากำลังสื่อสารกับทุก ๆ ท่านอยู่ .
.
ช่วงว่างนี้ เรียนเชิญทุกท่านนำเสนอความรู้สึกนึกคิดได้ตลอดครับ อีกวันสองวันจะขึ้นเรื่องใหม่ และข้าพเจ้ายินดีรอคอบการเติมเต็มพลังของพี่น้องทุกท่านนะครับ ขอบพระคุณมากครับ....

[toure]

อาจารย์เนิ่มครับ ขอบคุณมากๆเลยครับสำหรับข้อมูลที่ให้มา ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าปั่นมาเดือนกว่าๆละยังเซ็ตตัวเองไม่เข้ากับรถเลย อาจารย์ครับมีอะไรดีๆช่วยเอามาลงอีกนะครับ ผมจะใด้พ้นน้ำชะที
ขอบคุณมากๆครับ
สำรวย
ปล.อาจารย์อย่าเลือมเรื่องเทรนเนอร์ของผมนะครับ

[Kornwicton]

สนใจ