เรื่องน่ารู้ การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการลงแข่งขัน
ประการแรกที่จะแนะนำก็คืออย่า "เครียด" อย่า "จริงจัง" กับการแข่งขันในครั้งนั้น อย่าหวังผลและอันดับใด ๆ ในการแข่งขัน คิดเสียว่าแข่งขันกับตัวเองให้มากที่สุด อย่าท้อแท้เมื่อเห็นคนอื่นเขาขี่ได้เก่งกว่าเรา อย่าเสียงขี่ในเส้นทางที่เราคิดว่าอันตรายและเราไม่คุ้นเคย ถึงแม้เห็นคนอื่นขี่ผ่านไปได้อย่างสบาย ๆ เราก็อย่าคิดทำตาม อย่าอายคนที่กำลังดูเราที่จะลงจูงจักรยานเมื่อเราไม่มั่นใจว่าจะขี่ได้ เพราะการล้ม กลิ้ง ตีลังกา ในระหว่างนั้นนอกจากเราจะได้รับบาดเจ็บแล้ว เราจะอายคนที่กำลังดูมากกว่าที่เราจูงรถเสียอีก
การตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ ดังนี้
การกำหนดรุ่นการแข่งขัน A / B และการแบ่งอายุ เช่น ทั่วไป A / B /30-34 / 35-39 เป็นต้น เพื่อจะได้ทราบว่าเราต้องลงแข่งขันในรุ่นใด และจะเลือกแข่งประเภท A หรือ B โดยปกติแล้วประเภท A จะเป็นประเภทแข่งขันที่เหมาะกับนักแข่งที่ผ่านการแข่งขันมาแล้ว อย่างโชกโชน แต่หากเราจะลงแข่งขันในรุ่นนี้ก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด แถมยังได้อรรถรสในการแข่งขันอย่างเต็มรูปแบบ 100 %
วันเวลาในการรับสมัคร ซึ่้งบางสนามเขาจะรับสมัครก่อนการแข่งขันเป็นเวลาหลาย ๆ วัน แต่โดยปกติเสือภูเขาบ้านเราจะสมัครกันที่หน้างาน
เมื่อเราได้ข้อมูลพร้อมแล้วคราวนี้เป็นสิ่งที่เราจะพลาดไม่ได้คือ การไปทดสอบขี่ในสนามแข่งจริง ซึ่งเราจะลงทำการแข่งขันในครั้งนี้ การทดลองสนามหากเป็นไปได้ควรจะลองให้มากกว่า 2 ครั้ง หากสนามอยู่ไม่ไกลจากบ้านเรามากนัก เราก็ใช้สนามนี้แหละเป็นที่ฝึกซ้อมเสียเลย จะำทำให้เราได้เปรียบคู่แข่งไปแล้วมากกว่าครึ่งครับ แต่หากสนามอยู่ไกลบ้านการไปฝึกซ้อมที่สนามนั้น ไม่สะดวกเราก็ควรไปทดลองสักครั้งก่อนถึงวันจริงหลังจากที่ทางคณะกรรมการจัดสนามได้ติดตั้งเครื่องหมาย แอร์โร่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว การขับขี่ในสนามเพื่อการทดสอบ ไม่ควรขี่เร็วเพราะต้องเซฟตัวเอง และพละกำลังซึ่งเราจะต้องลงแข่งขันจริงในวันพรุ่งนี้ และสิ่งที่เราต้องทำคือ :
1.สังเกตุสภาพเส้นทางจากจุดสตาร์ดออกไประยะทางประมาณเท่าไหร่จึงจะเริ่มเข้าเส้นทางที่เป็น "ซิงเก้ิ้ลแทรค" เพราะอะไร ? เพื่อในวันแข่งจริง เราควรเกาะกลุ่มให้อยู่ในกลุ่มต้น ๆ ก่อนเข้าแทรค และเมื่อเริ่มเข้าแทรคแล้วเราควรจะแซงขึ้นเนห้าเพื่อเข้าเป็นคนแรกให้ได้ เะพราะในเส้นทางที่เป็นแทรคแล้วการแซงขึ้นเป็นผู้นำนั้นต้องใช้ความสามารถทั้งพละกำลังและเทคนิคมากพอสมควร
2.จดจำเครื่องหมายเลี้ยวให้ได้ ว่ามีทางแยกตรงไหนบ้าง เพื่อจะได้ไม่เป็นเสือหลงในวันแข่งขัน
3.เมื่อพบเส้นทาง "อัพฮิล" คือเป็นเส้นทางที่ต้องขี่ขึ้นเนิน เมื่อเราขี่ผ่านไปได้ ก็อย่าเพิ่งผ่านไปเลย ลองลงไปตั้งหลัก ณ จุดเดิมอีกครั้ง แล้วเปลี่ยนเกียร์ให้หนักขึ้นแล้วลองใช้ความเร็วในการขึ้นเนินให้เร็วกว่าครั้งแรกที่ทำได้ โดยไม่ติดขัดใด ๆ แล้วจดจำไว้ว่าเนินนี้เราใช้เกียร์ใด ในการพิชิตเนิน พรุ่งนี้จะได้นำมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป แต่หากว่าเราลองขี่แล้วรู้สึกว่าจะสะดุด ขี่ไม่ผ่านเราต้องทำซ้ำหลาย ๆ ครั้งจนเราสามารถขี่ผ่านไปได้อย่างไม่สะดุด แต่หากว่าหลังจากที่ได้ใช้ความพยายามมาหลายครั้งแล้วก็ยังไม่สามารถผ่านไปได้ คราวนี้ต้องใช้วิธีเข็ญสถานเดียว ทำอย่างไรให้เราสามารถเข็ญจักรยานขึ้นไปได้ให้เร็วที่สุด เพื่อในวันแข่งจริงเราจะได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไป
4.เช่นเดียวกันเมื่อพบเส้นทาง "ดาวน์ฮิล" คือเส้นทางขี่ลงจากเนิน เราต้องฝึกปฏิบัติเช่นเดียวกันกับการ "อัพฮิล" ที่ได้อธิบายไว้ในข้อ 3
การเตรียมรถในการออกศึก
เมื่อเราได้ทดสอบสภาพสนามแข่งเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็เป็นการเตรียมพร้อมของอุปกรณ์ในการออกศึก คือจักรยานคันเก่งของเรานั้นเอง ก่อนการแข่งขันทุกครั้งควรตรวจเช็ครถทุกครั้ง ตรวจสอบความเรียบร้อยของระบบเกียร์ว่าตำแหน่งการเปลี่ยนเกียร์ให้ความแม่นยำไหม ซี่ลวดแต่ละเส้นตึงเป็นไงบ้าง สภาพโซ่หลังจากการใช้งานในการฝึกซ้อมมาแล้วยังมีสภาพเป็นไงบ้าง ซึ่งเป็นการตรวจเช็คความพร้อมเท่านั้นเอง แต่ผมไม่แนะนำให้ซ่อมใหญ่ก่อนคืนวันแข่ง หรือเช้าวันก่อนการแข่งขัน เพราะจำทำให้การซ่อมใหญ่ในครั้งนั้นมีความผิดพลาดในบางสิ่งบางอย่างในวันแข่งขัน แต่หากจำเป็นจะต้องซ่อมทใหญ่ โดยเฉพาะการเปลี่ยนโซ่ และเฟืองขับ ผมขอแนะนำให้ทำการซ่อมใหญ่ไม่ต่ำกว่า 15 วันก่อนถึงวันแข่งขันจริง เพราะในระหว่างนั้นหากเกิดข้อผิดพลาดในระบบกลไกการทำงานของอุปกรณ์ เรายังมีเวลาแก้ไขและซ่อมให้สมบูรณืได้ และอีกประการหนึ่งก็คือ เราจะได้สร้างความคุ้นเคยกับอุปกรณ์ที่ได้รับการติดตั้งเข้ามาใหม่ในรถของเรา แล้วเมื่อถึงวันแข่งจริงเราก็จะเกิดความคุ้นเคยกับมันอย่างดี
อะไรบ้างที่จำเป็นต้องติดตัวไปในการแข่งขัน
เมื่อเราตรวจสภาพรถของเราพร้อมแล้วที่จะออกศึก คราวนี้สิ่งที่เราต้องนำติดตัวไปด้วยก็คือ
1.ยางอะไหล่ (ยางใน) สำหรับชุดปะยางนั้นไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ในการแข่งขัน เพราะจะเสียเวลามากในการปะเปลี่ยนยาง ผมขอแนะนำให้ซื้อยางในสำรองไว้ เมื่อเกิดปัญหาแล้วเราจะได้เปลี่ยนทันที โดยเก็บยางที่รั่วซึมนั้นกลับไปซ่อมแซมที่บ้านไว้ใช้ในการฦึกซ้อมต่อไป
2.ที่งัดยาง เพราะเมื่อเกิดปัญหาเกี่ยวกับยางแล้วเราจำเป็นต้องใช้ที่งัดยางมาใช้ในการเปลี่ยนยางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.สูบลมแบบพกพา แต่ผมจะแนะนำให้ใช้แก๊สชนิดบรรจุหลอดจะสะดวกมาก และรวดเร็วทันเวลาในการใช้งานเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ราคาจะแพงบ้างนิดหน่อยหากคิดต่อการเติมลมในแต่ละครั้ง แต่หากในขณะนั้นเรานำคู่แข่งอยู่ประมาณ 3 นาที เราก็ยังสามารถเป็นผู้นำต่อไปได้กว่าเขาจะมาแซงเราไป หรือหากเขาแซงเราไปแล้วก็คงไปได้ไม่ไกลมากนัก เรายังสามารถไล่ไปทวงคืนตำแหน่งเดิมของเราได้ (การจับเวลาในการเปลี่ยนยาง พร้อมออกไปขี่ควรฝึกฝนให้ชำนาญ และควรใช้เวลาไม่ให้เกิน 2 นาที )
4.เครื่องมือตัดต่อโซ่ สำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากเกิดโซ่ขาดในระหว่างการแข่งขัน ถึงแม้ว่าเราจะพลาดโอกาสในการขึ้นรับรางวัลแล้ว แต่เราก็ยังสามารถปั่นกลับมาที่เส้นชัยได้ ดีกว่าแบกหรือเข็ญ หรือรอเรียกรถบริการให้มารับ โดยเฉพาะบางพื้นที่รถยนต์บริการไม่สามารถเข้าไปถึง เราต้องแบกหรือเข็ญสถานเดียว ฉะนั้นหากเราสามารถซ่อมแซมโซ่ที่ขาดได้เราก็ไม่ต้องพึ่งพาสิ่งอื่น เราสามารถปั่นกลับมาได้อย่างเช่นปกติ
อาหารการกินในคืนก่อนวันแข่งขัน เราควรบริโภคอย่างไร ?
การบริโภคอาหารในคืนก่อนการแข่งขัน รวมถึงอาหารก่อนการแข่งขัน เราไม่ต้องไปซีเรียสกับอาหารเสริมต่าง ๆ ตามที่เคยเห็นในโฆษณาหรอก เพียงแค่รับประทานอาหารที่ให้คาร์โบไฮเดรตสูงในมื้อเย็น และมื้อเช้าก่อนการแข่งขัน พยายามอย่ารับประทานอาหารที่มีรสจัด และควรรับประทานอาหารอย่างน้อยที่สุด 2 ชั่วโมงก่อนการแข่งขัน ส่วนเรื่องน้ำดื่มควรจะดื่มบ่อย ๆ ไม่ต้องรอให้กระหายน้ำเสียก่อนแล้วค่อนดื่มกิน แต่สิ่งที่ไม่ควรบริโภคในคืนก่อนการแข่งขันคือ ไม่ควรบริโภคอาหารที่เราไม่คุ้นเคย ถึงแม้จะมีใคร ๆ มาบอกว่าถ้ากินแล้วสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ เราก็อย่าไปหลงเชื่อ และอย่าได้ทดลองกิน เพราะอาหารประเภทนี้นอกจากเราไม่คุ้นเคยกับรสชาดของมันแล้ว จะทำให้ร่างกายของเราเกิดการต่อต้าน อาจจะทำให้เราล้มป่วยได้แล้วเราเสียโอกาศลงทำการแข่งขันในวันพรุ่งนี้ด้วย ควรเลือกกินอาหารที่เราเคยกินเป็นประจำตั้งแต่เกิด ก็นับว่าเพียงพอสำหรับเตรียมการแข่งขันในวันที่จะมาถึง