รวมเทคนิคการปั่นจักรยานฯ
ผู้ดูแล: เสือชอร์
กฏการใช้บอร์ด
ชมรมจักรยานจังหวัดกาญจนบุรี
ผู้ดูแลบอร์ด โทร 0813722240
ชมรมจักรยานจังหวัดกาญจนบุรี
ผู้ดูแลบอร์ด โทร 0813722240
- somsak tarasunton
- ขาประจำ
- โพสต์: 3952
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 12:01
- Tel: 081-1997717
- team: ชมรมจักรยานจังหวัดกาญจนบุรี
- Bike: Cervélo-Specialized -merida- bianchi-TREk
Re: รวมเทคนิคการปั่นจักรยานฯ
เทคนิคการเข้าโค้ง เสือหมอบแบบเนียนๆ กับแชมป์เสือเหลือง
[youtube]RxXqQqAc2pA&feature=player_embedded[/youtube]
[youtube]RxXqQqAc2pA&feature=player_embedded[/youtube]
- somsak tarasunton
- ขาประจำ
- โพสต์: 3952
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 12:01
- Tel: 081-1997717
- team: ชมรมจักรยานจังหวัดกาญจนบุรี
- Bike: Cervélo-Specialized -merida- bianchi-TREk
Re: รวมเทคนิคการปั่นจักรยานฯ
เทคนิคการขึ้นเขา
[youtube]HRFNKhNhhJQ&feature=fvwrel[/youtube]
[youtube]HRFNKhNhhJQ&feature=fvwrel[/youtube]
- woranuch
- ขาประจำ
- โพสต์: 770
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ค. 2009, 16:53
- Tel: 081-9968986
- team: ท่าม่วง กาญจนบุรี
- Bike: trek,wheeler
Re: รวมเทคนิคการปั่นจักรยานฯ
ทึ่งกับข้อมูล การให้ความรู้ต่างๆของพี่สมศักดิ์จัง ยกนิ้วโป้งให้ เยี่ยมค่ะ ขอบคุณค่ะ
![Laughing :lol:](./images/smilies/icon_lol.gif)
- somsak tarasunton
- ขาประจำ
- โพสต์: 3952
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 12:01
- Tel: 081-1997717
- team: ชมรมจักรยานจังหวัดกาญจนบุรี
- Bike: Cervélo-Specialized -merida- bianchi-TREk
Re: รวมเทคนิคการปั่นจักรยานฯ
ขอบคุณนะครับสำหรับคำชมworanuch เขียน:ทึ่งกับข้อมูล การให้ความรู้ต่างๆของพี่สมศักดิ์จัง ยกนิ้วโป้งให้ เยี่ยมค่ะ ขอบคุณค่ะ![]()
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 9347
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ส.ค. 2008, 19:13
Re: รวมเทคนิคการปั่นจักรยานฯ
ขอบคุณมากครับ ![Very Happy :D](./images/smilies/icon_e_biggrin.gif)
![Very Happy :D](./images/smilies/icon_e_biggrin.gif)
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 411
- ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ค. 2010, 22:29
- Tel: 0805818328
- team: khok samrong bike
- Bike: Giant กับ
Re: รวมเทคนิคการปั่นจักรยานฯ
ขอบุณครับ
![Razz :P](./images/smilies/icon_razz.gif)
![Razz :P](./images/smilies/icon_razz.gif)
- baosamnoi
- ขาประจำ
- โพสต์: 389
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ต.ค. 2010, 10:04
- team: phrayalea
- Bike: trek3900
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1194
- ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 18:36
- ตำแหน่ง: กำแพงเพชร
- ติดต่อ:
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1221
- ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 16:31
- Tel: 0833344581
- team: จูราสสิคไบค์ภูเวียงทีม , บ้านหนองน้ำแห้ง
- ตำแหน่ง: 380 ต.ภูเวียง อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น 40150
- ติดต่อ:
Re: รวมเทคนิคการปั่นจักรยานฯ
![Surprised :o](./images/smilies/icon_e_surprised.gif)
เงิน สุขภาพ เวลา
█████████████████████
Insanity is doing the same thing over and over again
and expecting different results
█████████████████████
Insanity is doing the same thing over and over again
and expecting different results
- surapong
- ขาประจำ
- โพสต์: 614
- ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ย. 2009, 00:50
- Tel: 0892232572
- team: ทางดินแดง
- Bike: นิยมของเก่าๆเหล็กหนิมแดง
- ตำแหน่ง: MBK CENTER
- เสือรถฝืด
- ขาประจำ
- โพสต์: 9709
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 20:26
- team: ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพจังหวัดสุโขทัย,เทียนทะเล(TTL)
- Bike: Trek3900, bianchi
Re: รวมเทคนิคการปั่นจักรยานฯ
![Very Happy :D](./images/smilies/icon_e_biggrin.gif)
![Very Happy :D](./images/smilies/icon_e_biggrin.gif)
สุโขทัย ชวนคุย7 http://thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=397&t=124
เทียนทะเล เฮฮาสรรหามาเล่า http://thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=397&t=209336
เทียนทะเล เฮฮาสรรหามาเล่า http://thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=397&t=209336
- กระบี่ไร้น้ำตา
- ขาประจำ
- โพสต์: 277
- ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ต.ค. 2009, 10:34
- Tel: 085-925-58-58
- team: เสือนำร่อง inter speed
- Bike: *Time VXRS Ulteam* ++ trek 8500
Re: รวมเทคนิคการปั่นจักรยานฯ
![Very Happy :D](./images/smilies/icon_e_biggrin.gif)
![Very Happy :D](./images/smilies/icon_e_biggrin.gif)
![Very Happy :D](./images/smilies/icon_e_biggrin.gif)
![Very Happy :D](./images/smilies/icon_e_biggrin.gif)
![Razz :P](./images/smilies/icon_razz.gif)
![Razz :P](./images/smilies/icon_razz.gif)
![Razz :P](./images/smilies/icon_razz.gif)
![Razz :P](./images/smilies/icon_razz.gif)
- somsak tarasunton
- ขาประจำ
- โพสต์: 3952
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 12:01
- Tel: 081-1997717
- team: ชมรมจักรยานจังหวัดกาญจนบุรี
- Bike: Cervélo-Specialized -merida- bianchi-TREk
Re: รวมเทคนิคการปั่นจักรยานฯ
อยากเป็นขาแรงต้องทำอย่างไร ?
WRITTEN BY อ.ปราจิน รุ่งโรจน์
18
Share
อยากเป็นขาแรงต้องทำอย่างไร ?
แรงดี พี่น้องชาวเสือครับหากวันนี้คุณอยากเป็น “ขาแรงหรือหัวลาก”(แรงดี) ซึ่งหมายถึงนักปั่นผู้มีความสามารถขี่นำ(ในการฝึกซ้อม/แข่งขัน)ได้แรง เร็ว และมีความอึดอดทนเป็นเลิศ จนเป็นที่ยอมรับของกลุ่มนักปั่นด้วยกันล่ะก็ ขึ้นอยู่กับความขยัน ในการฝึกซ้อม ซึ่งต้องอาศัยรูปแบบ วิธีการฝึกที่เน้นความ แรง เร็ว และอดทน เราจะพบนักปั่น “ขาแรง” จากการฝึกซ้อม / แข่งขัน เช่น ขี่หนีกลุ่มออกไป ขี่นำลากทีมเข้าเส้นชัย เป็นต้น ถ้าคุณฝึกซ้อมเป็นกลุ่มก็จะพบขาแรงได้ง่ายในกลุ่มของคุณแน่นอน แต่ถ้าป็นการแข่งขันให้ดูที่ หัวลาก คือ นักปั่นที่ขี่นำให้เพื่อนในทีมจี้ระยะทาง 2-3 กิโลเมตรสุดท้าย(ไม่เปิดโอกาสให้ทีมอื่นขึ้นมานำ) แล้วเปิดทางให้ตัวสปริ้นท์ของทีมในช่วงระยะ 100 เมตรสุดท้ายสปริ้นท์เข้าเส้นชัยเป็นที่หนึ่ง วันนี้ แรงหรือพละกำลังเราสร้างได้เองครับ นักปั่นชาวเสือที่แรงดีๆหลายคนที่โลดแล่นอยู่บนสนามแข่งขันเสือภูเขาและเสือหมอบจะสามารถปั่นลูกบันไดได้เร็วกว่า หนักกว่า และอดทนกว่าคู่แข่งคนอื่นๆทำให้สามารถขับเคลื่อนเจ้าเสือคู่กาย(เสือภูเขา/เสือหมอบ)พุ่งทะยานไปข้างหน้าได้อย่างใจ(ยกเว้นล้ม ฮา!) ขึ้นอยู่กับสมรรถภาพทางกายและทักษะการปั่นของแต่ละบุคล การจะเป็นนักปั่นชาวเสือที่ได้ชื่อว่า “ขาแรง” ะต้องอาศัยองค์ประกอบต่างๆเหล่านี้ครับ
มีความอดทน(Endurance) ร่างกายและจิตใจต้องมีความอดทนเป็นเลิศ คุณจะต้องฝึกร่างกายให้มีความอดทนทนในการปั่นจักรยานได้ยาว ไกล นานมากกว่าคนอื่นๆ(Long Slow Distant LSD) แรกเริ่มไม่เน้นเรื่องความเร็วแต่จะเน้นระยะเวลาเป็นหลัก(นานเข้าไว้) ทำให้ร่างกายได้ปรับตัวและซืมซับความเหน็จเหนื่อยจากการขี่ระยะไกลๆ จนร่างกายมีความอดทนเพิ่มมากขึ้น ในที่สุดเราก็สามารถที่จะปั่นจักรยานให้ได้นานกว่าคนอื่นๆ (ปั่นได้ตลอดเวลา)
มีความแข็งแรง(Strength) ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา แขน และลำตัว (Core Muscle) เป็นสิ่งสำคัญที่นักปั่นขาแรงจะต้องมีเอาไว้เป็นทุนเพื่อเป็นเครื่องมือในการปั่นอย่างหนักหน่วงเมื่อถึงเวลาที่ต้องวัดกันที่ความแข็งแรงเช่น การขี่ขึ้นเขาด้วยเกียร์สูง(เกียร์หนัก) ผู้ที่มีขาแข็งแรงจะสามารถกด-ดันลูกบันไดให้รถคู่กายตะกายขึ้นเขาไปได้ดีกว่าคนอื่น ฉะนั้นถ้าอยากเป็นนักปั่นขาแรงแม้แต่ขี่ขึ้นเขาก็ต้องไม่ลืมฝึกกล้ามเนื้อขา แขน และลำตัวให้มีความแข็งแรง อาจจะฝึกการขี่ขึ้นเขาด้วยจานใหญ่(เกียร์หนัก) เล่นเวทสร้างวามแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อขาที่เกี่ยวข้องกับการปั่นลูกบันได นอกจากกล้ามเนื้อหน้าขาท่อนบน(Quadriceps)มีหน้าที่ทำให้ขาเหยียดตรงคือทำให้เกิดแรงกด(ดัน)ลูกบันไดลง และกล้ามเนื้อหลังขา (Hamstring)มีหน้าที่ยกเข่าขึ้น(ดึง)เวลาปั่นลูกบันได ในขณะเดียวกันกล้ามเนื้อน่องก็ออกแรงช่วยกดลูกบันไดอีกแรงหนึ่ง ทำให้การปั่นของเราเกิดการดึงและดันลูกบันไดตลอดเวลา นอกจากกล้ามเนื้อขาแล้วกล้ามเนื้อก้นและสะโพกก็ต้องมีความแข็งแรง เลยไปถึงกล้ามเนื้อลำตัวและแขนจะต้องแข็งแรงเพราะการทำงานของกล้ามเนื้อทั้งตัวจะทำงานสัมพันธ์กันหมด และเมื่อใดที่นักปั่นขาแรงมีความเนื้อที่ว่าแข็งพอก็จะทำให้การปั่นจักรยานเป็นเรื่องที่ทำได้แรง เร็ว ครับ เพราะคุณจะสามารถปั่นแข่งขันในการใช้เกียร์สูงๆ(หนักๆ)ได้ดีกว่าคนอื่น
มีความเร็ว(Speed) เมื่อร่างกายได้รับการพัฒนาความอดทนมาเป็นลำดับ ต่อไปก็พัฒนารอบขาในการปั่นให้ได้เร็ว ไกล นานกว่าคนอื่น ( Long speed Distant LSD) การฝึกรอบขาในการปั่นลูกบันไดได้เร็วกว่าคนอื่นๆนั้นเราสามารถฝึกได้ด้วยตนเองและฝึกกับเพื่อน เช่น การขี่จับเวลาในระยะทางจากน้อยๆไปหามาก เช่น ขี่จับเวลา ในระยะทาง 1 กิโลเมตร ไปจนถึง 5 กิโลเมตร หรือ ฝึกกับเพื่อนผลัดกันขี่หนี – ขี่ไล่ กำหนดระยะทางจากน้อยๆไปหามากเช่นกัน
มีกำลัง(Power) เมื่อได้พัฒนา ความอดทน ความแข็งแรง ความเร็วมาแล้ว ต่อไปเราจะมีกำลังเพิ่มมากขึ้นเพราะทำให้สามารถขี่นำได้ไกลๆโดยที่กำลังในการปั่นไม่ตกเพราะสามารถรักษารอบขาในการปั่นที่ใช้กำลังมากๆเอาไว้ได้ นั่นหมายถึงความเร็วคงที่ ดีกว่าคนอื่น ถ้าอยากมีกำลังที่ว่าต้องหัดกระชกลูกบันไดโดยใช้เกียร์หนักๆบ้างจะทำให้กล้ามเนื้อขาได้รับการพัฒนากับการออกแรงโดยกระทันหันได้ดีขึ้น
มีระบบแอโรบิก(Aerobic System/Vo2 Max) มีระบบหายใจเข้า-ออกดีและประสิทธิภาพการใช้ออกซิเจนของร่างกายสูงกว่าคนอื่นๆโดยหายใจให้สัมพันธ์กับการใช้แรงในการปั่นลูกบันได
มีระบบแอนแอโรบิก(Anaerobic System) มีระบบการใช้พลังงานของร่างกายแบบไม่ใช้ออกซิเจนดีกว่าคนอื่นๆ โดยการฝึกปั่นแบบ “อินเตอร์วอลและ สปริ้นท์” กล้ามเนื้อที่ถูกฝึกมาดีแล้วจะสามารถทนต่อการเมื่อยล้า(กรดแลกติก)ในการปั่นเร่งความเร็วได้ดีกว่า นั่นแหละ “แรงดี”
มีความฉลาดในการเลือกใช้แรง การเลือกใช้แรงในการปั่นจักรยานแข่งขันเป็นศาสตร์และศิลป์เฉพาะตัวของผู้ขี่จะสามารถเรียนรู้จากการแข่งขันว่า “ช่วงเวลาไหนควรทุ่มเทหรือช่วงไหนควรผ่อนแรง”เพื่อเก็บแรงไว้ใช้ในช่วงสุดท้ายของเส้นทางการแข่งขัน(การบริหารแรง)ปั่นเข้าเส้นชัยอย่างรวดเร็ว นั่นแหละ “แรงดี”
ขยันฝึกซ้อม การมีวินัยในตนเองเป็นสิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด หากคุณขาดวินัยในตนเองกล่าวคือขี้เกียจฝึกซ้อมรับรองว่าคุณจะ “แรงไม่ดี” แต่ในทางตรงกันข้ามหากคุณขยันทำการฝึกซ้อมก็เปรียบเสมือนการเอาเงินไปฝากธนาคารทุกๆวันเราก็จะมีเงินเพิ่มมากขึ้น การฝึกซ้อมก็เช่นกันรับรองว่าคุณ มี“แรงเพิ่มขึ้น” แน่นอน
การพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นเรื่องที่สืบเนื่องมาจากการฝึกซ้อมแม้คุณจะฝึกซ้อมหนักเพียงใดหากขาดการพักผ่อนที่พอเพียง( 8 ช.ม.) ร่างกาย “จะเฉา” เนื่องจากร่างกายต้องการซ่อมแซมร่างกาย(โดยเฉพาะกล้ามเนื้อ)ในช่วงที่พักผ่อนนอนหลับให้กลับสู่สภาวะปกติพร้อมที่จะทำงานหนักในวันต่อไป หากเราพักผ่อนเพียงพอ ร่างกายจะสดชื่น แจ่มใส และ “แรงดี”
เลือกรับประทานอาหาร เช่นเดียวกันแม้เราจะพักผ่อนเพียงพอ แต่ถ้าเราไม่รู้จักเลือกรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบตามที่ร่างกายต้องการ (อาหารหลัก 5 หมู่วิตามินและเกลือแร่) ทั้งในการฝึกซ้อมหรือแข่งขัน (อาหารก่อนแข่ง ระหว่างแข่ง และหลังแข่งขัน) การผลิตพลังงานของร่างกายก็ไม่เต็มร้อย “แรงไม่ดี” แต่ถ้าเรารู้จักเลือกรับประทานอาหาร (คาร์โบ โปรตีน ไขมัน วิตามิน เกลือแร่และน้ำ) ก่อนทำการฝึกซ้อมหรือแข่งขัน 2-3 ชั่วโมง เราจะ “แรงดี”
สัมผัสแห่งชัยชนะ การนวดกล้ามเนื้อและเหยียดยืดกล้ามเนื้อหลังจากการฝึกซ้อมหรือแข่งขันเป็นวิธีการทำกายภาพบำบัด (Physical Therapy) ช่วยเพิ่มพิสัยการเคลื่อนไหว (หดตัว) ของกล้ามเนื้อและมีเลือดไหลเวียนผ่านได้สะดวกช่วยนำของเสีย (กรดแลกติก) ออกจากกล้ามเนื้อ ฉะนั้นการนวดและการเหยียดยืดกล้ามเนื้อ ก่อนแข่ง – ระหว่างแข่ง-หลังแข่งเป็นศาสตร์และศิลป์ที่นักปั่นควรปฏิบัติเป็นประจำแล้วคุณจะพบว่ามันช่วยทำให้คุณ “แรงดี”
สรุปว่าองค์ประกอบที่ทำให้เราแรงดี ก็คือสิ่งที่ผู้เขียนได้กล่าวถึงมาทั้งหมด ข้างต้นหากขยันออกแรง(ฝึกซ้อม)ทุกวัน แรงเหล่านั้นก็จะกลับเข้ามาสู่ร่างกายของเราเพิ่มมากขึ้นๆ เป็นลำดับ ในที่สุดคุณก็จะค้นพบกับคำว่า “แรงดี” เมื่อวันที่คุณขี่ผ่านเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกและได้รับการยกย่องว่า “เป็นผู้ชนะ” ครับ
WRITTEN BY อ.ปราจิน รุ่งโรจน์
18
Share
อยากเป็นขาแรงต้องทำอย่างไร ?
แรงดี พี่น้องชาวเสือครับหากวันนี้คุณอยากเป็น “ขาแรงหรือหัวลาก”(แรงดี) ซึ่งหมายถึงนักปั่นผู้มีความสามารถขี่นำ(ในการฝึกซ้อม/แข่งขัน)ได้แรง เร็ว และมีความอึดอดทนเป็นเลิศ จนเป็นที่ยอมรับของกลุ่มนักปั่นด้วยกันล่ะก็ ขึ้นอยู่กับความขยัน ในการฝึกซ้อม ซึ่งต้องอาศัยรูปแบบ วิธีการฝึกที่เน้นความ แรง เร็ว และอดทน เราจะพบนักปั่น “ขาแรง” จากการฝึกซ้อม / แข่งขัน เช่น ขี่หนีกลุ่มออกไป ขี่นำลากทีมเข้าเส้นชัย เป็นต้น ถ้าคุณฝึกซ้อมเป็นกลุ่มก็จะพบขาแรงได้ง่ายในกลุ่มของคุณแน่นอน แต่ถ้าป็นการแข่งขันให้ดูที่ หัวลาก คือ นักปั่นที่ขี่นำให้เพื่อนในทีมจี้ระยะทาง 2-3 กิโลเมตรสุดท้าย(ไม่เปิดโอกาสให้ทีมอื่นขึ้นมานำ) แล้วเปิดทางให้ตัวสปริ้นท์ของทีมในช่วงระยะ 100 เมตรสุดท้ายสปริ้นท์เข้าเส้นชัยเป็นที่หนึ่ง วันนี้ แรงหรือพละกำลังเราสร้างได้เองครับ นักปั่นชาวเสือที่แรงดีๆหลายคนที่โลดแล่นอยู่บนสนามแข่งขันเสือภูเขาและเสือหมอบจะสามารถปั่นลูกบันไดได้เร็วกว่า หนักกว่า และอดทนกว่าคู่แข่งคนอื่นๆทำให้สามารถขับเคลื่อนเจ้าเสือคู่กาย(เสือภูเขา/เสือหมอบ)พุ่งทะยานไปข้างหน้าได้อย่างใจ(ยกเว้นล้ม ฮา!) ขึ้นอยู่กับสมรรถภาพทางกายและทักษะการปั่นของแต่ละบุคล การจะเป็นนักปั่นชาวเสือที่ได้ชื่อว่า “ขาแรง” ะต้องอาศัยองค์ประกอบต่างๆเหล่านี้ครับ
มีความอดทน(Endurance) ร่างกายและจิตใจต้องมีความอดทนเป็นเลิศ คุณจะต้องฝึกร่างกายให้มีความอดทนทนในการปั่นจักรยานได้ยาว ไกล นานมากกว่าคนอื่นๆ(Long Slow Distant LSD) แรกเริ่มไม่เน้นเรื่องความเร็วแต่จะเน้นระยะเวลาเป็นหลัก(นานเข้าไว้) ทำให้ร่างกายได้ปรับตัวและซืมซับความเหน็จเหนื่อยจากการขี่ระยะไกลๆ จนร่างกายมีความอดทนเพิ่มมากขึ้น ในที่สุดเราก็สามารถที่จะปั่นจักรยานให้ได้นานกว่าคนอื่นๆ (ปั่นได้ตลอดเวลา)
มีความแข็งแรง(Strength) ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา แขน และลำตัว (Core Muscle) เป็นสิ่งสำคัญที่นักปั่นขาแรงจะต้องมีเอาไว้เป็นทุนเพื่อเป็นเครื่องมือในการปั่นอย่างหนักหน่วงเมื่อถึงเวลาที่ต้องวัดกันที่ความแข็งแรงเช่น การขี่ขึ้นเขาด้วยเกียร์สูง(เกียร์หนัก) ผู้ที่มีขาแข็งแรงจะสามารถกด-ดันลูกบันไดให้รถคู่กายตะกายขึ้นเขาไปได้ดีกว่าคนอื่น ฉะนั้นถ้าอยากเป็นนักปั่นขาแรงแม้แต่ขี่ขึ้นเขาก็ต้องไม่ลืมฝึกกล้ามเนื้อขา แขน และลำตัวให้มีความแข็งแรง อาจจะฝึกการขี่ขึ้นเขาด้วยจานใหญ่(เกียร์หนัก) เล่นเวทสร้างวามแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อขาที่เกี่ยวข้องกับการปั่นลูกบันได นอกจากกล้ามเนื้อหน้าขาท่อนบน(Quadriceps)มีหน้าที่ทำให้ขาเหยียดตรงคือทำให้เกิดแรงกด(ดัน)ลูกบันไดลง และกล้ามเนื้อหลังขา (Hamstring)มีหน้าที่ยกเข่าขึ้น(ดึง)เวลาปั่นลูกบันได ในขณะเดียวกันกล้ามเนื้อน่องก็ออกแรงช่วยกดลูกบันไดอีกแรงหนึ่ง ทำให้การปั่นของเราเกิดการดึงและดันลูกบันไดตลอดเวลา นอกจากกล้ามเนื้อขาแล้วกล้ามเนื้อก้นและสะโพกก็ต้องมีความแข็งแรง เลยไปถึงกล้ามเนื้อลำตัวและแขนจะต้องแข็งแรงเพราะการทำงานของกล้ามเนื้อทั้งตัวจะทำงานสัมพันธ์กันหมด และเมื่อใดที่นักปั่นขาแรงมีความเนื้อที่ว่าแข็งพอก็จะทำให้การปั่นจักรยานเป็นเรื่องที่ทำได้แรง เร็ว ครับ เพราะคุณจะสามารถปั่นแข่งขันในการใช้เกียร์สูงๆ(หนักๆ)ได้ดีกว่าคนอื่น
มีความเร็ว(Speed) เมื่อร่างกายได้รับการพัฒนาความอดทนมาเป็นลำดับ ต่อไปก็พัฒนารอบขาในการปั่นให้ได้เร็ว ไกล นานกว่าคนอื่น ( Long speed Distant LSD) การฝึกรอบขาในการปั่นลูกบันไดได้เร็วกว่าคนอื่นๆนั้นเราสามารถฝึกได้ด้วยตนเองและฝึกกับเพื่อน เช่น การขี่จับเวลาในระยะทางจากน้อยๆไปหามาก เช่น ขี่จับเวลา ในระยะทาง 1 กิโลเมตร ไปจนถึง 5 กิโลเมตร หรือ ฝึกกับเพื่อนผลัดกันขี่หนี – ขี่ไล่ กำหนดระยะทางจากน้อยๆไปหามากเช่นกัน
มีกำลัง(Power) เมื่อได้พัฒนา ความอดทน ความแข็งแรง ความเร็วมาแล้ว ต่อไปเราจะมีกำลังเพิ่มมากขึ้นเพราะทำให้สามารถขี่นำได้ไกลๆโดยที่กำลังในการปั่นไม่ตกเพราะสามารถรักษารอบขาในการปั่นที่ใช้กำลังมากๆเอาไว้ได้ นั่นหมายถึงความเร็วคงที่ ดีกว่าคนอื่น ถ้าอยากมีกำลังที่ว่าต้องหัดกระชกลูกบันไดโดยใช้เกียร์หนักๆบ้างจะทำให้กล้ามเนื้อขาได้รับการพัฒนากับการออกแรงโดยกระทันหันได้ดีขึ้น
มีระบบแอโรบิก(Aerobic System/Vo2 Max) มีระบบหายใจเข้า-ออกดีและประสิทธิภาพการใช้ออกซิเจนของร่างกายสูงกว่าคนอื่นๆโดยหายใจให้สัมพันธ์กับการใช้แรงในการปั่นลูกบันได
มีระบบแอนแอโรบิก(Anaerobic System) มีระบบการใช้พลังงานของร่างกายแบบไม่ใช้ออกซิเจนดีกว่าคนอื่นๆ โดยการฝึกปั่นแบบ “อินเตอร์วอลและ สปริ้นท์” กล้ามเนื้อที่ถูกฝึกมาดีแล้วจะสามารถทนต่อการเมื่อยล้า(กรดแลกติก)ในการปั่นเร่งความเร็วได้ดีกว่า นั่นแหละ “แรงดี”
มีความฉลาดในการเลือกใช้แรง การเลือกใช้แรงในการปั่นจักรยานแข่งขันเป็นศาสตร์และศิลป์เฉพาะตัวของผู้ขี่จะสามารถเรียนรู้จากการแข่งขันว่า “ช่วงเวลาไหนควรทุ่มเทหรือช่วงไหนควรผ่อนแรง”เพื่อเก็บแรงไว้ใช้ในช่วงสุดท้ายของเส้นทางการแข่งขัน(การบริหารแรง)ปั่นเข้าเส้นชัยอย่างรวดเร็ว นั่นแหละ “แรงดี”
ขยันฝึกซ้อม การมีวินัยในตนเองเป็นสิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด หากคุณขาดวินัยในตนเองกล่าวคือขี้เกียจฝึกซ้อมรับรองว่าคุณจะ “แรงไม่ดี” แต่ในทางตรงกันข้ามหากคุณขยันทำการฝึกซ้อมก็เปรียบเสมือนการเอาเงินไปฝากธนาคารทุกๆวันเราก็จะมีเงินเพิ่มมากขึ้น การฝึกซ้อมก็เช่นกันรับรองว่าคุณ มี“แรงเพิ่มขึ้น” แน่นอน
การพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นเรื่องที่สืบเนื่องมาจากการฝึกซ้อมแม้คุณจะฝึกซ้อมหนักเพียงใดหากขาดการพักผ่อนที่พอเพียง( 8 ช.ม.) ร่างกาย “จะเฉา” เนื่องจากร่างกายต้องการซ่อมแซมร่างกาย(โดยเฉพาะกล้ามเนื้อ)ในช่วงที่พักผ่อนนอนหลับให้กลับสู่สภาวะปกติพร้อมที่จะทำงานหนักในวันต่อไป หากเราพักผ่อนเพียงพอ ร่างกายจะสดชื่น แจ่มใส และ “แรงดี”
เลือกรับประทานอาหาร เช่นเดียวกันแม้เราจะพักผ่อนเพียงพอ แต่ถ้าเราไม่รู้จักเลือกรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบตามที่ร่างกายต้องการ (อาหารหลัก 5 หมู่วิตามินและเกลือแร่) ทั้งในการฝึกซ้อมหรือแข่งขัน (อาหารก่อนแข่ง ระหว่างแข่ง และหลังแข่งขัน) การผลิตพลังงานของร่างกายก็ไม่เต็มร้อย “แรงไม่ดี” แต่ถ้าเรารู้จักเลือกรับประทานอาหาร (คาร์โบ โปรตีน ไขมัน วิตามิน เกลือแร่และน้ำ) ก่อนทำการฝึกซ้อมหรือแข่งขัน 2-3 ชั่วโมง เราจะ “แรงดี”
สัมผัสแห่งชัยชนะ การนวดกล้ามเนื้อและเหยียดยืดกล้ามเนื้อหลังจากการฝึกซ้อมหรือแข่งขันเป็นวิธีการทำกายภาพบำบัด (Physical Therapy) ช่วยเพิ่มพิสัยการเคลื่อนไหว (หดตัว) ของกล้ามเนื้อและมีเลือดไหลเวียนผ่านได้สะดวกช่วยนำของเสีย (กรดแลกติก) ออกจากกล้ามเนื้อ ฉะนั้นการนวดและการเหยียดยืดกล้ามเนื้อ ก่อนแข่ง – ระหว่างแข่ง-หลังแข่งเป็นศาสตร์และศิลป์ที่นักปั่นควรปฏิบัติเป็นประจำแล้วคุณจะพบว่ามันช่วยทำให้คุณ “แรงดี”
สรุปว่าองค์ประกอบที่ทำให้เราแรงดี ก็คือสิ่งที่ผู้เขียนได้กล่าวถึงมาทั้งหมด ข้างต้นหากขยันออกแรง(ฝึกซ้อม)ทุกวัน แรงเหล่านั้นก็จะกลับเข้ามาสู่ร่างกายของเราเพิ่มมากขึ้นๆ เป็นลำดับ ในที่สุดคุณก็จะค้นพบกับคำว่า “แรงดี” เมื่อวันที่คุณขี่ผ่านเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกและได้รับการยกย่องว่า “เป็นผู้ชนะ” ครับ
- สิงห์หนุ่มอวบ
- สมาชิก
- โพสต์: 38
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 เม.ย. 2011, 17:43
- Bike: BMX(1991) sirius(2001) trek4300(2011)
Re: รวมเทคนิคการปั่นจักรยานฯ
สวดดดยอดดดเลยคับ
กระทู้นี้
ขอมาลงชื่อฝากฝังตัวด้วยนะครับ![Very Happy :D](./images/smilies/icon_e_biggrin.gif)
![Surprised :o](./images/smilies/icon_e_surprised.gif)
ขอมาลงชื่อฝากฝังตัวด้วยนะครับ
![Very Happy :D](./images/smilies/icon_e_biggrin.gif)
สุดยอดอุปกรณ์ในการขี่จักรยาน คือตัวผู้ขี่ เพราะอัพได้ไม่รู้จบ ![Very Happy :D](./images/smilies/icon_e_biggrin.gif)
![Very Happy :D](./images/smilies/icon_e_biggrin.gif)
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1221
- ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 16:31
- Tel: 0833344581
- team: จูราสสิคไบค์ภูเวียงทีม , บ้านหนองน้ำแห้ง
- ตำแหน่ง: 380 ต.ภูเวียง อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น 40150
- ติดต่อ:
Re: รวมเทคนิคการปั่นจักรยานฯ
ได้ความรู้ ขอเอาไปลงในบอร์ดนะครับsomsak tarasunton เขียน:อยากเป็นขาแรงต้องทำอย่างไร ?
WRITTEN BY อ.ปราจิน รุ่งโรจน์
18
Share
อยากเป็นขาแรงต้องทำอย่างไร ?
แรงดี พี่น้องชาวเสือครับหากวันนี้คุณอยากเป็น “ขาแรงหรือหัวลาก”(แรงดี) ซึ่งหมายถึงนักปั่นผู้มีความสามารถขี่นำ(ในการฝึกซ้อม/แข่งขัน)ได้แรง เร็ว และมีความอึดอดทนเป็นเลิศ จนเป็นที่ยอมรับของกลุ่มนักปั่นด้วยกันล่ะก็ ขึ้นอยู่กับความขยัน ในการฝึกซ้อม ซึ่งต้องอาศัยรูปแบบ วิธีการฝึกที่เน้นความ แรง เร็ว และอดทน เราจะพบนักปั่น “ขาแรง” จากการฝึกซ้อม / แข่งขัน เช่น ขี่หนีกลุ่มออกไป ขี่นำลากทีมเข้าเส้นชัย เป็นต้น ถ้าคุณฝึกซ้อมเป็นกลุ่มก็จะพบขาแรงได้ง่ายในกลุ่มของคุณแน่นอน แต่ถ้าป็นการแข่งขันให้ดูที่ หัวลาก คือ นักปั่นที่ขี่นำให้เพื่อนในทีมจี้ระยะทาง 2-3 กิโลเมตรสุดท้าย(ไม่เปิดโอกาสให้ทีมอื่นขึ้นมานำ) แล้วเปิดทางให้ตัวสปริ้นท์ของทีมในช่วงระยะ 100 เมตรสุดท้ายสปริ้นท์เข้าเส้นชัยเป็นที่หนึ่ง วันนี้ แรงหรือพละกำลังเราสร้างได้เองครับ นักปั่นชาวเสือที่แรงดีๆหลายคนที่โลดแล่นอยู่บนสนามแข่งขันเสือภูเขาและเสือหมอบจะสามารถปั่นลูกบันไดได้เร็วกว่า หนักกว่า และอดทนกว่าคู่แข่งคนอื่นๆทำให้สามารถขับเคลื่อนเจ้าเสือคู่กาย(เสือภูเขา/เสือหมอบ)พุ่งทะยานไปข้างหน้าได้อย่างใจ(ยกเว้นล้ม ฮา!) ขึ้นอยู่กับสมรรถภาพทางกายและทักษะการปั่นของแต่ละบุคล การจะเป็นนักปั่นชาวเสือที่ได้ชื่อว่า “ขาแรง” ะต้องอาศัยองค์ประกอบต่างๆเหล่านี้ครับ
มีความอดทน(Endurance) ร่างกายและจิตใจต้องมีความอดทนเป็นเลิศ คุณจะต้องฝึกร่างกายให้มีความอดทนทนในการปั่นจักรยานได้ยาว ไกล นานมากกว่าคนอื่นๆ(Long Slow Distant LSD) แรกเริ่มไม่เน้นเรื่องความเร็วแต่จะเน้นระยะเวลาเป็นหลัก(นานเข้าไว้) ทำให้ร่างกายได้ปรับตัวและซืมซับความเหน็จเหนื่อยจากการขี่ระยะไกลๆ จนร่างกายมีความอดทนเพิ่มมากขึ้น ในที่สุดเราก็สามารถที่จะปั่นจักรยานให้ได้นานกว่าคนอื่นๆ (ปั่นได้ตลอดเวลา)
มีความแข็งแรง(Strength) ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา แขน และลำตัว (Core Muscle) เป็นสิ่งสำคัญที่นักปั่นขาแรงจะต้องมีเอาไว้เป็นทุนเพื่อเป็นเครื่องมือในการปั่นอย่างหนักหน่วงเมื่อถึงเวลาที่ต้องวัดกันที่ความแข็งแรงเช่น การขี่ขึ้นเขาด้วยเกียร์สูง(เกียร์หนัก) ผู้ที่มีขาแข็งแรงจะสามารถกด-ดันลูกบันไดให้รถคู่กายตะกายขึ้นเขาไปได้ดีกว่าคนอื่น ฉะนั้นถ้าอยากเป็นนักปั่นขาแรงแม้แต่ขี่ขึ้นเขาก็ต้องไม่ลืมฝึกกล้ามเนื้อขา แขน และลำตัวให้มีความแข็งแรง อาจจะฝึกการขี่ขึ้นเขาด้วยจานใหญ่(เกียร์หนัก) เล่นเวทสร้างวามแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อขาที่เกี่ยวข้องกับการปั่นลูกบันได นอกจากกล้ามเนื้อหน้าขาท่อนบน(Quadriceps)มีหน้าที่ทำให้ขาเหยียดตรงคือทำให้เกิดแรงกด(ดัน)ลูกบันไดลง และกล้ามเนื้อหลังขา (Hamstring)มีหน้าที่ยกเข่าขึ้น(ดึง)เวลาปั่นลูกบันได ในขณะเดียวกันกล้ามเนื้อน่องก็ออกแรงช่วยกดลูกบันไดอีกแรงหนึ่ง ทำให้การปั่นของเราเกิดการดึงและดันลูกบันไดตลอดเวลา นอกจากกล้ามเนื้อขาแล้วกล้ามเนื้อก้นและสะโพกก็ต้องมีความแข็งแรง เลยไปถึงกล้ามเนื้อลำตัวและแขนจะต้องแข็งแรงเพราะการทำงานของกล้ามเนื้อทั้งตัวจะทำงานสัมพันธ์กันหมด และเมื่อใดที่นักปั่นขาแรงมีความเนื้อที่ว่าแข็งพอก็จะทำให้การปั่นจักรยานเป็นเรื่องที่ทำได้แรง เร็ว ครับ เพราะคุณจะสามารถปั่นแข่งขันในการใช้เกียร์สูงๆ(หนักๆ)ได้ดีกว่าคนอื่น
มีความเร็ว(Speed) เมื่อร่างกายได้รับการพัฒนาความอดทนมาเป็นลำดับ ต่อไปก็พัฒนารอบขาในการปั่นให้ได้เร็ว ไกล นานกว่าคนอื่น ( Long speed Distant LSD) การฝึกรอบขาในการปั่นลูกบันไดได้เร็วกว่าคนอื่นๆนั้นเราสามารถฝึกได้ด้วยตนเองและฝึกกับเพื่อน เช่น การขี่จับเวลาในระยะทางจากน้อยๆไปหามาก เช่น ขี่จับเวลา ในระยะทาง 1 กิโลเมตร ไปจนถึง 5 กิโลเมตร หรือ ฝึกกับเพื่อนผลัดกันขี่หนี – ขี่ไล่ กำหนดระยะทางจากน้อยๆไปหามากเช่นกัน
มีกำลัง(Power) เมื่อได้พัฒนา ความอดทน ความแข็งแรง ความเร็วมาแล้ว ต่อไปเราจะมีกำลังเพิ่มมากขึ้นเพราะทำให้สามารถขี่นำได้ไกลๆโดยที่กำลังในการปั่นไม่ตกเพราะสามารถรักษารอบขาในการปั่นที่ใช้กำลังมากๆเอาไว้ได้ นั่นหมายถึงความเร็วคงที่ ดีกว่าคนอื่น ถ้าอยากมีกำลังที่ว่าต้องหัดกระชกลูกบันไดโดยใช้เกียร์หนักๆบ้างจะทำให้กล้ามเนื้อขาได้รับการพัฒนากับการออกแรงโดยกระทันหันได้ดีขึ้น
มีระบบแอโรบิก(Aerobic System/Vo2 Max) มีระบบหายใจเข้า-ออกดีและประสิทธิภาพการใช้ออกซิเจนของร่างกายสูงกว่าคนอื่นๆโดยหายใจให้สัมพันธ์กับการใช้แรงในการปั่นลูกบันได
มีระบบแอนแอโรบิก(Anaerobic System) มีระบบการใช้พลังงานของร่างกายแบบไม่ใช้ออกซิเจนดีกว่าคนอื่นๆ โดยการฝึกปั่นแบบ “อินเตอร์วอลและ สปริ้นท์” กล้ามเนื้อที่ถูกฝึกมาดีแล้วจะสามารถทนต่อการเมื่อยล้า(กรดแลกติก)ในการปั่นเร่งความเร็วได้ดีกว่า นั่นแหละ “แรงดี”
มีความฉลาดในการเลือกใช้แรง การเลือกใช้แรงในการปั่นจักรยานแข่งขันเป็นศาสตร์และศิลป์เฉพาะตัวของผู้ขี่จะสามารถเรียนรู้จากการแข่งขันว่า “ช่วงเวลาไหนควรทุ่มเทหรือช่วงไหนควรผ่อนแรง”เพื่อเก็บแรงไว้ใช้ในช่วงสุดท้ายของเส้นทางการแข่งขัน(การบริหารแรง)ปั่นเข้าเส้นชัยอย่างรวดเร็ว นั่นแหละ “แรงดี”
ขยันฝึกซ้อม การมีวินัยในตนเองเป็นสิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด หากคุณขาดวินัยในตนเองกล่าวคือขี้เกียจฝึกซ้อมรับรองว่าคุณจะ “แรงไม่ดี” แต่ในทางตรงกันข้ามหากคุณขยันทำการฝึกซ้อมก็เปรียบเสมือนการเอาเงินไปฝากธนาคารทุกๆวันเราก็จะมีเงินเพิ่มมากขึ้น การฝึกซ้อมก็เช่นกันรับรองว่าคุณ มี“แรงเพิ่มขึ้น” แน่นอน
การพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นเรื่องที่สืบเนื่องมาจากการฝึกซ้อมแม้คุณจะฝึกซ้อมหนักเพียงใดหากขาดการพักผ่อนที่พอเพียง( 8 ช.ม.) ร่างกาย “จะเฉา” เนื่องจากร่างกายต้องการซ่อมแซมร่างกาย(โดยเฉพาะกล้ามเนื้อ)ในช่วงที่พักผ่อนนอนหลับให้กลับสู่สภาวะปกติพร้อมที่จะทำงานหนักในวันต่อไป หากเราพักผ่อนเพียงพอ ร่างกายจะสดชื่น แจ่มใส และ “แรงดี”
เลือกรับประทานอาหาร เช่นเดียวกันแม้เราจะพักผ่อนเพียงพอ แต่ถ้าเราไม่รู้จักเลือกรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบตามที่ร่างกายต้องการ (อาหารหลัก 5 หมู่วิตามินและเกลือแร่) ทั้งในการฝึกซ้อมหรือแข่งขัน (อาหารก่อนแข่ง ระหว่างแข่ง และหลังแข่งขัน) การผลิตพลังงานของร่างกายก็ไม่เต็มร้อย “แรงไม่ดี” แต่ถ้าเรารู้จักเลือกรับประทานอาหาร (คาร์โบ โปรตีน ไขมัน วิตามิน เกลือแร่และน้ำ) ก่อนทำการฝึกซ้อมหรือแข่งขัน 2-3 ชั่วโมง เราจะ “แรงดี”
สัมผัสแห่งชัยชนะ การนวดกล้ามเนื้อและเหยียดยืดกล้ามเนื้อหลังจากการฝึกซ้อมหรือแข่งขันเป็นวิธีการทำกายภาพบำบัด (Physical Therapy) ช่วยเพิ่มพิสัยการเคลื่อนไหว (หดตัว) ของกล้ามเนื้อและมีเลือดไหลเวียนผ่านได้สะดวกช่วยนำของเสีย (กรดแลกติก) ออกจากกล้ามเนื้อ ฉะนั้นการนวดและการเหยียดยืดกล้ามเนื้อ ก่อนแข่ง – ระหว่างแข่ง-หลังแข่งเป็นศาสตร์และศิลป์ที่นักปั่นควรปฏิบัติเป็นประจำแล้วคุณจะพบว่ามันช่วยทำให้คุณ “แรงดี”
สรุปว่าองค์ประกอบที่ทำให้เราแรงดี ก็คือสิ่งที่ผู้เขียนได้กล่าวถึงมาทั้งหมด ข้างต้นหากขยันออกแรง(ฝึกซ้อม)ทุกวัน แรงเหล่านั้นก็จะกลับเข้ามาสู่ร่างกายของเราเพิ่มมากขึ้นๆ เป็นลำดับ ในที่สุดคุณก็จะค้นพบกับคำว่า “แรงดี” เมื่อวันที่คุณขี่ผ่านเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกและได้รับการยกย่องว่า “เป็นผู้ชนะ” ครับ
เงิน สุขภาพ เวลา
█████████████████████
Insanity is doing the same thing over and over again
and expecting different results
█████████████████████
Insanity is doing the same thing over and over again
and expecting different results