..............ปัญหา + เทคนิคการขี่จักรยาน ของนักจักรยานเสือภูเขาทางเรียบ(เน้นเรื่องทางชัน).............

[nikom959]

ผมว่าอย่าพึ่งเถียงกันลองเปิดใจยอมรับแล้วลองทำดู ทั้งๆที่ผมก็มีความรู้สึกขัดๆอยู่ มีอย่างที่ไหนปั่นมาเป็น10ปีฟังทั้งไทยฟังทั้งฝรั่งต่างชาติ ทุกคนบอกว่าปั่นแบบคุณเมธาเหมือนปั่นแบบ3ล้อรับจ้าง ด้วยความเคารพนะครับผมกำลังลองทำดูอย่างที่คุณเมธาทำเพราะเห็นว่าทำได้จริง แต่ตอนนี้ผมยังไม่มีข้อสรุปคงต้องทำและหาข้อมูลไปเรื่อยๆเหมือนที่เราไปเชื่อฝรั่งนั่นแหละ ก็มันดันเป็นออกแบบรถมาให้เราๆท่านๆขี่

[ponkpich]

คือ ผมขออนุญาติ พูดอะไรนิดเดียวนะครับ สิ่งที่ผมเข้าใจว่าที่พี่เมธา บอกถึงความเป็นจักรยานของเขา ไม่ใช่จักรยานที่เร็วที่สุดนะครับ แต่เป็นจักรยานที่ขี่ได้สบายที่สุด ในความเร็วตามศักย์ภาพแต่ละบุคคลที่มี คือผมไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใด แต่อยากให้ทุกคนเข้าใจจุดยืนของจักรยานที่พี่เมธาทำ ถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่หลายๆ ท่านต้องการ ก็ไม่ได้หมายความว่า ท่านเหล่านั้นผิด และพี่เมธาถูก มันเป็น ความต้องการที่แตกต่างกันเท่านั้นครับ และแท้ที่สุด เงินในกระเป๋าของทุกท่าน ไม่มีใครมาดึงออกจากกระเป๋าสตางค์ของท่านได้ครับ อยู่ที่ความพอใจเพียวๆ ครับ

[เอ็ม.เจ.ไบค์ นครปฐม]

ผมกำลังบอกถึงวิธีขึ้นเขาให้ประสบความสำเร็จครับ
ตัวอย่าง แรก ขึ้นเขาด้วยจานใหญ่ (แค่ตัวอย่างแรกก็มาขัดแย้งแล้ว ไปลองทำมาหรือยังครับ ) ในสถานะการณ์แบบนั้น พวกคุณ ขึ้นด้วยจานเล็กมันต่างกันอย่างไร
การปั่นทำรอบแบบนั้นมันเป็นทักษะ ขึ้นเขาทางวิบาก ทักษะแบบแข่งขัน มาใช้ทางเรียบไม่ได้จุดจบก็เห็นดังภาพ
ในกระทู้ที่เห็น
ผมบอกแล้วไง ภาพที่เห็นตรงโป่งกระทิงนะ วันนั้น ผมเอาเด็ก 9 ขวบขี่ทั้งไปทั้งกลับไม่เห้นต้องลงมาเข็น
ดังในภาพ แล้วไม่ใช่ทักษะแล้วมันอะไร ครับ เด็กเกิดมายังแทบไม่เคยเห็นภุเขาฝึกแค่ชั่วโมงเดียวยังขี่ทั้งไปทั้งกลับ

นักแข่งนะอย่ามาคุยขี่5ปี 10 ปี ไม่ได้สำคัญ เพราะบางสนามขี่ยากก้ออกเลย สูงมากก็ลงเข็น เข็นไม่ไหวก็จอด
จอดเสร็จก็ยกขึ้นรถกลับบ้าน แต่ผมทุกระยะทางต้องสำเร็จ ทุกคนที่ไปกับผมทุกคนต้องประสบความสำเร็จทุกคน
สุงแค่ไหนห้ามเข็นโดยเด้ดขาด จะเป้น50กมหรือ300กม/วันทุกระยะทางต้องสำเร็จ ไม่ได้ขี่แบบสามล้อที่เหนื่อย
ก้พักนอน ไม่ไหวก็เลิก เอาสิ่งดีๆ มาแนะนำ ไม่ยอมทำมานั่งเถียง ถ้าคิดว่าแบบเดิมที่ฝึกฝนมาตีแล้วก็เอาแบบ
นั้นเลยครับ ผมนะ สิ่งไม่ดีไม่เคยนำมาเสนอให้ จะให้ก็ให้แต่สิ่งดีๆ นักแข่งนะผมไม่อยากสอนเห็นเก่งๆกันทั้งนั้น
ผมสอนเฉพาะท่านที่อยากประสบความสำเร็จการใช้งานจักรยานแล้วมีสุขภาพดี

ใครชอบพูดกับผมเรื่องแข่ง ผมขอร้องอย่ามาพูดเลยครับ ไปค้นกระทู้ดูถึงผลเสียของมันก่อน
ผมผ่านจุดนั้นมา แบบที่กลับไปมองไม่เคยภูมิใจกับมันครับ แข่งแบบที่คุณชอบนะ ทุกรุ่นรวมกันหมด
ไนทริปจักรยานประลองความเร็วทางเรียบ

วันนี้ขอคุยสักหน่อยสิ่งที่ไม่ดีที่ผมเคยทำมา

ทางเรียบ นครปฐม - ชะอำ 147 กม 4ชม 34 นาทีเวลาในมิเตอรืครับ เวลาที่นาฬิกาจับเวลา 4 ชม 37 นาทีเพราะติดไฟแตง
ความเร็วเฉลื่ย 32.21 กม/ชม เมื่อกลางเดือน ตค ปี2551
ทางเรียบนครปฐม -ตะนาวศรี 125 กม ทางราบ60% ทางภูเขา40% ไปกัน50-60 ท่านขาที่เขาว่าแรงนะเป็นสิบๆคน
ผมขี่ออกจากนครปฐม 7โมงเช้า คนเดียว ที่เหลือทั้งหมดออกจากนครปฐม6.30ไปลงที่ โรงปูนทางไป ชัฎป่าหวาย
ผมขี่ไปทันกลุ่มที่อ .สวนผึ้ง แล้วขี่ต่อถึง ตะนาวศรี 4ชม 15 นาที แล้วขี่กลับคนเดียวครับ
ทางเรียบอีกเหมือนกัน กำแพงแสน - ถ้ำธารรอด 144กม ศุนย์รวมขาที่เขาว่าแรง ขี่แค่ยังไม่ถึงบ่อพลอย
มองข้างหน้าก็ไม่มีใคร มองข้างหลังก้ไม่มีใครแล้วครับ
เรื่องไม่ดีแบบนี้ยังมีอีกเยอะครับ นครปฐม-ชะอำ ไปกลับ 300 กม

เรื่องไม่ดีแบบนี้ ผมเลิกมานานแล้วครับ


ทุกท่าน ที่พยายามจะขัดแย้งผม ไปอ่านกระทู้ที่ผมเขียน ให้ครบก่อนครับ

ถ้าผมไม่หวังดืผมไม่เอามาบอก มาเตือนหรอกครับ เสียเวลาเอาเวลาไปขายจักรยานดีกว่า

[เอ็ม.เจ.ไบค์ นครปฐม]

คุณyappy happy ทำถุกต้องแล้วครับ หัวใจของทักษะวิธีอยู่ตรงนี้ครับ

จำง่ายๆ ฝึกง่ายๆ ท่องไว้ครับ แรงกตบันได ก่อนขึ้นเขา ขึ้นเขา และบนทางราบต้องเท่ากันตลอด
เมี่อชำนาญจะอยู่ จานไหน เฟืองไหน ไม่สำคัญ เพราะเราใช้แรงเป็นตัวกำหนด เมี่อมันหนักต้องใช้แรง
มากขึ้นก็ต้องลดรอบ ลง ถ้าลดรอบจนความรู้สึกว่าเราต้องเปลี่ยนอัตราทดเกียร์เราก็ต้องเปลี่ยนครับ แต่แรง
ที่กดบันไดต้องเท่าเดีม เราพูดถึง ทักษะ จักรยานทางไกลครับ ไม่ใช่ทักษะ จักรยานแข่งขันครับ

เหมีอนรถยนต์ เร่งๆ ผ่อนๆ เดียวก็พังครับ

[p/s]

.
จานหน้าใหญ่สุดสำหรบเสือภูเขาก็จะ 48 ฟันโดยประมาณ..เฟืองหลังใหญ่สุดทั่วไปก็ 34 ฟัน..อัตราทดเท่ากับ 1.4118 คูณกับรอบวงล้อ 26 ทั่วไป(2 เมตร) ก็จะได้ 2.8236 เมตรต่อรอบขา

แต่ที่ผมต้องเข็นเพราะกดขาไม่ลง..เพราะผมใช้จานเล็กสุดที่มี 39 กับเฟืองใหญ่สุดที่มี 26 ในรถพับล้อ 20 นิ้วของผม..คิดอัดตราทดก็จะเท่ากับ 39 หาร 26 คูณด้วยรอบวงล้อ 20 นิ้ว ราวๆ 1.515 เมตร

จะได้เท่ากับ 2.2725 เมตรต่อรอบขา..ไม่ใหวครับ เข็นลูกเดียว

งานนั้นถ้าผมใช้เสือภูเขาแล้วลงจานสองที่ 32 ฟัน กับเฟืองหลังแค่ 30 ฟัน ผมก็จะได้อัตราทดที่ 1.066 คูณกับรอบวงล้อ 26 นิ้วทั่วไป(2 เมตร) จะได้เท่ากับ 2.132 เมตรต่อรอบขา..อันนี้ผมพอขึ้นเขาได้..แต่ก็สุดๆแล้วครับ

จากที่เคยปั่นนะครับ จากบางบัวทอง ไป ตราด โดย จามิสโคด้า ระยะทางราว 366 กม. ใช้เวลาสองวัน เฉลี่ยที่ 23 กม/ชม ท๊อปสปีด 42.5 กม/ชม.(ลงเขา)ได้แค่นั้นเองครับ

เที่ยวคนเดียว




ไม่ไกลมากปั่นเรื่อยๆสองวันก็ถึง





















เฉลี่ยก็ตามมาตรฐานของผม

[เอ็ม.เจ.ไบค์ นครปฐม]

คุณ ps นะอย่าพึ่งเถียงผมครับ

มันไม่ได้เกี่ยวกันเลย ผมพูดเรื่องทักษะ คำว่าทักษะนี่นะ แปลว่า ความรู้ความเข้าใจในสิ่งนั้นๆ ที่เรา
จะต้องทำครับไปทำมาก่อนแล้วค่อยมาเถียงผมครับ ทักษะอันนี้เป็นทักษะที่ทำให้เราฟันฝ่าอุปสรรค
นาๆ ชนิด ที่เราจะต้องใช้จักรยานเพื่อการเดินทางต่อไป ไม่มีใครหรอกนะที่จะเอาทักษะแบบนี้
มาเผยแพร่ง่ายๆ ผมเอามาเผยแพร่ให้นักจักรยานได้รู้
นี่เป็นเพียง 1ใน100 อย่างที่ผมเคยนำมาเผยแพร่ให้ทุกๆคนที่อยากรู้

ภูเขาที่คุณส่งภาพมา ชันแต่สั้น ถ้าใช้ทักษะนี้มันผ่านง่ายๆ ไม่ได้เกี่ยวกับเฟืองสักนิดเดียว
ห่างจากจุดนั้น 8กม มีภูเขาที่ชันและยาวกว่านั้น ความลาดชัน 4กม การขึ้นเขา จะฝึกกันที่
ภูเขาลูกนี้ เรียกว่าเขา เจ็กโตะ นักจักรยานแถบนี้จะมาฝึกขึ้นลงที่นี่

ตอนที่ผมฝึกทีมจักรยานนครปฐม เพื่อเดินทางไกลก็มาฝึกที่นี่ ทีมนี้เกิดมา 10กว่าปีแล้วภูเขาลุกนี้มาฝึก
กันแต่ละครั้ง20-30คน ขึ้นได้ไม่เกิน 4-5คน ตลอด 10กว่าปี ในแต่ละครั้ง ผมฝึกครั้งเดียว20-30คนขึ้น
ได้หมด ขึ้นได้แม้คนที่ใส่เกียร์ยังแทบไม่เป็นเลย เมื่อเดือน พ ค ปีที่แล้ว

ผมไม่มีความสามารถจริง ผมฝึก นักจักรยานไม่ได้หรอกครับ ถ้าตัวเองยังเอาไม่รอดเรา
จะไปฝึกใครได้เราต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน ครับ แล้วค่อยมาสอนคนอื่น

เ

[bhira]

เริ่มสนุกและได้ความรู้.. ขอปูเสื่อนั่งแถวหน้า

[buble]

ขอลงทะเบียนแอบเรียนด้วยครับ...... กำลังปฎิบัติตาม เพราะเริ่มเบื่อกับการขี่อัดแบบแข่งขันแล้ว

[โด่ง]

กระทู้คึกคัก ๆๆ น่าคิดๆ

[yong_251]

ชมมานาน
ผมเพิ่มย้ายมาอยู่เชียงแสน จังหวัดเชียงราย เมื่อเดือน พฤษภาคม นี้
ว่างเมื่อไหร่อย่างจะไปคุยกับพี่เมธาที่ร้าน
อยากจะได้รถที่พี่ทำสักคัน ผมสูง 182 ซม. ครับ...

[zzeuss]

ส่วนตัวเคยลองมาแล้วทั้งสองแบบอ่ะนะครับ (อาจจะมั่วๆ และไม่เป๊ะๆ ทั้งสองแบบ)
เหนื่อยคนละแบบอ่ะครับ ระหว่างซอย กับกดหนัก
ส่วนตัวผมชอบแบบกดหนักมากกว่า

[ble]

ชมมานาน
ผมเพิ่มย้ายมาอยู่เชียงแสน จังหวัดเชียงราย เมื่อเดือน พฤษภาคม นี้
ว่างเมื่อไหร่อย่างจะไปคุยกับพี่เมธาที่ร้าน
อยากจะได้รถที่พี่ทำสักคัน ผมสูง 182 ซม. ครับ...

หารถเพิ่มอีกคันหรือครับคุณโย่ง ไปวันไหนบอกด้วยนะครับจะได้ไปด้วย

[yappyhappy]

หลังจากได้ทดลองเทคนิคของพี่เมธา ก็เกิดความเปลี่ยนแแปลงที่ชัดเจน ขออนุญาตเล่าให้ฟังนะครับ

ปกติผมซ้อมอยุู่ที่นี่ (บ้านไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว) ขี่จากที่รีสอร์ทออกไปถนนสาย 304 บางครั้งก็ออกไปถึงตลาด79 ทุกเย็นเวลาประมาณ 1700-1800 น.ระยะทางประมาณ 18-25กิโลเมตร ตามความขยันในแต่ละวัน ไม่มีทางราบ เนินกับเนิน(ผมถึงสนใจเรื่อง "ปีน" เป็นพิเศษ) ปกติผมขี่ทางไกล บนน ถนนเท่านั้น ไม่ขี่ลงแทรค เพราะกลัวร่างกายไม่ไหว หมอบขี่บ้างแต่กึ่งๆ ระหว่างชอบกับไม่ชอบ คืดไม่เกลียดแต่ไม่โปรด
จะมีเนินไม่ชันแต่ ยาวและเนินไม่ยาวแต่ชัน
ก่อนมาอ่านบทความของพี่เมธา ในการขึ้นเนินไม่ว่าจะชันหรือไม่ชัน ผมมักจะใช้หน้า 1 หลัง 1 หรือสองแล้วซอยรอบถี่ เพื่อรักษาความเร็วประมาณ 10km/hr แต่จริงๆจะได้ประมาณ 7-9 ตามความชัน เมือถึงยอดเนิน ผลที่ได้รับคือ เหนื่อย หอบ หายใจไม่ทันต้องหายใจทางปาก เมื่อยขา ก็ต้องพักครับ น้ำสองขวดแทบไม่เหลือกลับมา แล้วไปต่อขี่ครบกลับมาถึงที่รีสอร์ท หมดแรง เหนื่อย อาบน้ำ กิน นอนอืดอึ๊ดทึด
หลังจากอ่านบทความแล้ว ไปคุยกับพี่เมธาครั้งเดียว ได้วิธีการมาก็เลยลองมาลอง สองสามวันที่ผ่านมานี้ ในการขึ้นเนิน ผมขี่หน้า2 หลัง4 ไปเรื่อยๆ เจอเนิน ก็ค่อยๆลดรอบ ความเร็วลดลง แต่ยังไม่ทันไรก็ถึงยอดเนินซะแระ ก็ไหลๆๆๆ ลงเนินมาขึ้นเนินต่อไป ผมจะปล่อยไหลเพื่อเป็นการพัก ไม่มีอัดส่ง เพราะกลัวกล้ามเนื้อจะล้า เอาน่าา...ยังไม่เจอเนินชัน พอถึงเนินที่ชันที่สุดในเส้นทาง ยาวประมาณร้อยเมตร ปกติ ขี่ด้วย 1-1 ความเร็วไม่เกิน 7 km/hr แต่พอมาใช้เทคนิคของพี่เมธา ผมขี่ด้วย2-4 2-3 2-2 โดยคำนึงถึงแรงกดลูกบันได้ตามที่พี่เมธาบอก ได้ความเร็ว 4-5 km/hr

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคือ.....ทุกครั้งที่ปีนเนินนี้ หอบ หายใจไม่ทัน ขึ้นมาถึงคอแห้งต้องกินน้ำมาก เมื่อยขา เจ็บหน้าขานิดๆ ต้องปล่อยลงเนินมาแบเมื่อยๆ แต่สอง-สามวันมานี้ ถึงจะรู้สึกว่าต้องออกแรงมากขึ้นตอนปีนเนิน แต่ ตลอดระยะ 20 กิโลเมตร ไม่มีหอบ ไม่ต้องหายใจทางปากเลยตลอดเส้นทาง เหงื่อออกน้อยมาก (ทั้งๆที่ผมเป็นคนเหงื่อเยอะ)น้ำเหลือเพียบ ขวดกว่าจากสองขวด กินไปสักครึ่งขวดได้มั้งครับ และ สองสามวันนี้ ไม่ต้องใช้ จานเล็กเลยครับ ที่สำคัญที่สัมผัสได้คือ เหนื่อยน้อยลง อาจจะเนื่องมาจาก ร่างกายเริ่มแข็งแรงที่ขี่บ่อย แต่ส่วนหนึ่งผมว่ามาจากเทคนิคที่พี่เมธาแนะนำครับ

ผมว่า... เทคนิคนี้ น่าจะเพิ่มความอดทนของกล้ามเนื้อในการขี่ไกลและนานได้ดีครับ คงพยายามฝึกไปเรื่อยๆ เพราะชอบขี่ทางไกล เอาแบบแข็งแรงแต่ทนทาน ไม่เอาแข็งแรง ขี่เร็ว แต่แป้บเดียวหมดครับ

ขอบคุณพี่เมธาครับ
ปล. สัปดาห์นี้จะทดสอบเทคนิคนี้
ศุกร์ 18/6/53 โดยการขี่จาก วังน้ำเขียวไปนอนที่ปากช่อง ระยะทางประมาณ 100 กม. มีแต่เนิน ขึ้นๆลงๆ
เสาร์ 19/6/53 ขี่ต่อจากปากช่องไปกทม ระยะทางประมาณ 170 กม เป็นทางเนินขึ้นลง(ยาวๆ) ประมาณ 50 กิโล ราบตลอด 120 กิโลครับ
วันอาทิตย์ ถ้าไม่หมดแรงจะไปร่วมก๊วนนะครับ

[narathip_k]

ติดตามอ่าน และ ฝึกซ้อม ไปเรื่อยๆ ครับ
พบว่า ลักษณะการปั่นของผม จะปั่นไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็ปั่นให้ช้าลงนิด
แต่พอได้อ่านบทความนี้ พบว่า ตัวผมเอง สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้เลย
เพราะ แถวนี้ โครงการห้วยองคตอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
มีทั้งเนินชันสั้น และ เนินชันยาว(ขึ้นเขา) รอยต่อระหว่างถ้ำธารลอด กับ โครงการฯ

การฝึกซ้อมแบบมีเวลาบ้าง ไม่มีเวลาซ้อมบ้างของผม
พอ มาเจอกับ วิธีการฝึกตัวเองเพื่อเดินทางจริงๆ และสามารถไปถึงจุดหมายปลายทางจริงๆ
ก็แจ่ม เกิดความตั้งใจ เพราะ เรามีพื้นที่ซ้องเยอะแยะ อยากไปทางไหนก็เนิน ทั้งนั้น

ขอบคุณบทความนี้ ทำให้ผมมีกำลังใจในการฝึกซ้อมร่างกาย และ คิดว่า การปั่นทัวร์ริง ไม่ได้ยาก

หากฝึก และ ชอบที่จะ ทัวร์ริง จริงๆ

[โลมาโด้]

ถามหน่อยครับถ้าใสคีทต้องปั่นเป็นวงกลมเหมือนเดิมเปล่าหรือว่าต้องออกแรงกดมากกว่าแรงดึง ฝากคำถามถึงพี่เมธาด้วย
ปล. ไปลองแล้วรู้สึกว่าเหนื่ยน้อยกว่าแต่รู้สึกว่าตอนขึ้นเนินจะออกแรงกดมากกว่าแรงดึงลูกบันได