Road Bike Racing Team

[joearmstrong]

อยากได้รูบช็อตด้านหลังทุ่งทานตะวันจังเลยยยยยยยยย

[กบducati]

วันนี้คุณ Joe armstrong ไม่ไปปั่นเหรอครับ ส่วนตัวผมกำลังป่วยอยู่เลยได้แต่ปั่นเบาๆหน้าบ้านครับ

[joearmstrong]

วันนี้ไม่ได้ปั่น ครับ เราออกทริป วันเสาร์ และ อาทิตย์ ตอนเช้าครับ

[joearmstrong]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ตามคำเรียกร้อง การปั่นแบบทีม โดยการพลัดเปลี่ยนกัน ให้เลือกข้างใดข้างหนึ่ง โดยให้เพื่อนร่วมทีม เร่งความแรง แซงขึ้นเป็นแถว ๆ

[/b] [/color]

[กบducati]

สวัสดีครับคุณ Joeเห็นกำลัง Onอยู่ทานข้าวหรือยังครับ รูปหล่อยังไงก็ต้องทานข้าวน๊ะครับ

[joearmstrong]

เรียบร้อยครับคุณ กบ Ducati ที่จันทบุรีมีนักปั่นเยอะไหมครับ และไปปั่นกันที่ไหน

[joearmstrong]

คราวหน้าทีมเราทำชุดแบบนี้ไหมม

[joearmstrong]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

[b]ชุดเท่ห์มาก[/b]

[/b]

[joearmstrong]

ดีไหม

[joearmstrong]

เจอกันพรุ่งนี้

[กบducati]

เรียบร้อยครับคุณ กบ Ducati ที่จันทบุรีมีนักปั่นเยอะไหมครับ และไปปั่นกันที่ไหน

ผมย้ายมาอยู่ที่นี่มา 6ปี มีนักปั่นแยะมากๆครับ จะแบ่งกันเป็นหลายกลุ่ม
กลุ่มแหลมสิงห็ จะปั่นกันจากแหลมสิงห์เข้าสุขุมวิทเข้าจันท์และกลับแหลมสิงห์ระยะทางประมาณ 50 มั้งครับ
กลุมขลุง จะปั่นจากอำเภอขลุงมาสมทบกับกลุ่มแหลมสิงห์อีกที ระยะทางใกล้เคียงกัน
กลุ่มลุงตุ้ย จะมาทางอำเภอท่าใหม่ และวกกลับแล้วแต่วันและเวลาที่กำหนด ระยะทางประมาณ 40กิโลขึ้น
กลุ่มปั่นทาง XCเพื่อการแข่งขัน นำโดยคุณสันติ แห่งร้านเพื่อนนักปั่น จันทบุรี จะเน้นเพื่อการแข่งขัน จะมีสนามซ้อมได้ประ
โยชน์มากสำหรับการแข่งขัน
กลุ่มท่าใหม่ ไม่ทราบเส้นทางครับ และยังแตกแยกไปอีกมากมายครับนับไม่ถ้วนจริงๆ และที่สำคัญแข็งแรงกันมากครับ ไม่รู้ว่าเขาเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนกันครับ

[joearmstrong]

Giro D’italia มหกรรมจักรยานสไตล์อิตาเลียน

เมื่อเราได้ดูการแข่งจักรยานตูร์ เดอ ฟร็องซ์(Tour De France)อันยิ่งใหญ่ของฝรั่งเศส ความคิดหนึ่งที่เกิดขึ้นคือมันน่าจะมีการแข่งจักรยานอื่นที่ยิ่งใหญ่พอๆกัน ระยะทางยาวและโหดพอๆกับตูร์ฯ อยู่ในอิตาลีซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของฝรั่งเศสนั่นเอง ชื่อของรายการแข่งขันอันเกริกไกรของชาวอิตาเลียนนี้คือ”จิโร ดิตาเลีย”(Giro D’italia)ในภาษาอิตาเลียน ตรงกับภาษาอังกฤษว่า”Tour of Italy” เป็นการแข่งจักรยานแบบเป็นช่วงหรือ”สเตจ”(stage)มีเส้นทางทั้งรอบและวกเข้าในประเทศ เช่นเดียวกับตูร์ฯและอีกรายการหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นภายหลังในสเปนคือ”บวลตา อา เอสปานญา”(Vuelta a Espana)ที่โปรไบค์ได้เคยรายงานการแข่งขันไปครั้งหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว
ทั้งสามรายการคือตูร์ฯ,จิโรฯ และบวลตาฯ ถูกจัดให้เป็นการแข่งแบบสเตจรายการใหญ่ที่รวมเรียกกันว่า”กร็องด์ตูร์”(Grand Tour) นักจักรยานทั่วยุโรปและสหรัฐฯที่สามารถพาตัวเองผ่านทั้งสามรายการใหญ่นี้ไปได้ นั้นถือว่าเป็นสุดยอดแล้ว เพราะระยะทางและภูมิประเทศนั้นทั้งไกลและลำบากเกินกว่าคนธรรมดาจะทนไหว

วันที่ 12 พฤษภาคมนี้ มหกรรมจิโรฯจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง เป็นการรวมนักจักรยานระดับดาราจากทั่วยุโรปและสหรัฐฯเพื่อชิงชัยกันในสนามนี้ ก่อนจะมาแก้ข้อสงสัยกันอีกครั้งในตูร์ เดอ ฟร็องซ์ที่จะเริ่มขึ้นเป็นรายการต่อไปในต้นเดือนกรกฎาคม

จุดเริ่มต้นของจิโรฯเกิดจากความมุ่งหมายที่คล้ายคลึงกับผู้จัดตูร์ฯ ดังที่ทราบกันมาแล้วว่าอ็องรี เดสกร็องเจอะ(Henri Desgrange)นั้นต้องการเพิ่มยอดขายให้หนังสือพิมพ์ลอโต(L’Auto)ของตัวเอง ด้วยการผูกขาดรายงานข่าวการแข่งตูร์ฯที่ตนจัดขึ้น ผู้ใดสนใจอยากติดตามการแข่งขันก็ต้องซื้อลอโตอ่าน ไม่สามารถหาอ่านได้จากหนังสือพิมพ์อื่น การจัดแข่งจักรยานแล้วรายงานแต่ผู้เดียวนี้สร้างรายได้ให้ลอโตได้เป็นกอบเป็นกำ พร้อมกับเกิดวัฒนธรรมการแข่งจักรยานขึ้นในฝรั่งเศส ไม่เพียงแต่เจ้าของหนังสือพิมพ์จะร่ำรวยขึ้น แต่ฝรั่งเศสก็มีวัฒนธรรมกีฬาใหม่เกิดขึ้นด้วย

เมื่อเห็นว่าชาวฝรั่งเศสมีมหกรรมเช่นนี้เกิดขึ้น คนอิตาเลียนซึ่งคลั่งไคล้การขี่จักรยานไม่แพ้ฝรั่งเศสก็คิดว่าตนน่าจะมีวัฒนธรรมเช่นนี้บ้างเหมือนกัน เพราะเมื่อพิจารณาจากสภาพภูมิอากาศและเส้นทางในประเทศ อิตาลี เห็นได้ชัดเจนว่ามันไม่เป็นอุปสรรคเลยถ้าจะจัดแข่งจักรยานให้ยิ่งใหญ่ได้แบบของฝรั่งเศส แต่ชาวอิตาเลียนคงทำได้แค่คิด ยังไม่มีใครลงมือเป็นเรื่องเป็นราว ถึงตูร์ฯจะเริ่มต้นแข่งเป็นครั้งแรกในปี 1903 แต่กว่าจิโรฯจะเริ่มก็ต้องใช้เวลาอีก 6 ปีให้หลัง

“จิโรฯ” หรือ”ทัวร์ ออฟ อิตาลี”ครั้งแรกเริ่มขึ้นในวันที่ 13 พฤษภาคม 1909 ด้วยวัตถุประสงค์หลักคือการเพิ่มยอดขายให้หนังสือพิมพ์ชื่อ”ลา กัสเซ็ตตา เดลโล สปอร์ต”(La Gazzetta dello Sport) ซึ่งมีหัวใจคือการรายงานข่าวกีฬาสำหรับคอกีฬาชาวอิตาเลียน ยอดขายที่ตกต่ำทำให้ต้องคิดเพิ่มปริมาณด้วยการใช้กิจกรรมเสริม แล้วผูกขาดรายงานการแข่งขันนั้นแต่ผู้เดียว




เกร็ดความรู้ที่เราอยากเสนอต่อคุณผู้อ่านก็คือ ลา กัสเซ็ตตาฯนี้เป็นหนังสือพิมพ์อิตาเลียนฉบับแรกๆที่รายงานเฉพาะข่าวกีฬา เริ่มต้นเผยแพร่เมื่อวันที่ 3 เมษายน 1896 สาระของหนังสือในฉบับแรกคือการเสนอความเคลื่อนไหวการแข่งโอลิมปิกในกรุงเอเธนส์ในปีนั้น ไม่เพียงแต่เสนอข่าวโอลิมปิกอย่างเดียว ยังเลยไปถึงการแข่งกีฬาประเภทอื่นด้วยเช่นจิโรฯที่เรากำลังกล่าวถึงอยู่ หนังสือพิมพ์ฉบับนี้พิมพ์ด้วยกระดาษสีชมพูเป็นพื้นตั้งแต่เริ่ม ปัจจุบันยังใช้สีชมพูอยู่ จึงไม่น่าแปลกใจหากสีเสื้อของผู้มีคะแนนนำโอเวอร์ออลในจิโรฯจะมีสีชมพู เช่นเดียวกับสีเหลืองของตูร์ฯซึ่งกำหนดตามสีกระดาษหนังสือพิมพ์เช่นกัน

ยอดพิมพ์ของลา กัสเซ็ตตานั้นไม่ใช่น้อยๆ ด้วยยอดวันละ 400,000 ฉบับและมากขึ้นอีกในวันจันทร์ เมื่อชาวอิตาเลียนพากันติดตามการแข่งกีฬาช่วงสุดสัปดาห์ด้วยความกระหาย แม้จะเสนอข่าวกีฬาหลายประเภท แต่กลายเป็นฟุตบอลคือข่าวหลัก ไม่ใช่จักรยานอย่างที่น่าจะเป็น ปัจจุบันนี้ลา กัสเซ็ตตายังคงมีสถานภาพยักษ์ใหญ่ในวงการกีฬาอิตาเลียน ด้วยรูปแบบกระดาษพื้นชมพูอันเป็นเอกลักษณ์

จิโรฯ ครั้งแรกเริ่มขึ้นที่เมืองมิลานด้วยระยะทางรอบประเทศอิตาลี 2,448 ก.ม. แบ่งเป็นช่วง(สเตจ)ทั้งหมด 8 สเตจ ลุยจี กานญา(Luigi Ganna)คือผู้ถูกจารึกชื่อว่าเป็นแชมป์โอเวอร์ออลคนแรก นับแต่ปี 1909 ซึ่งเริ่มแข่งเป็นครั้งแรก จิโรฯก็ยังถูกจัดขึ้นทุกปี เว้นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 เท่านั้น พอสงครามจบนักจักรยานจากทั่วยุโรปก็มารวมตัวกันวัดฝีเท้าต่อ จวบจนปัจจุบันนี้นับเป็นเวลา 97 ปีแล้วที่โลกรู้จักมหกรรมกีฬานี้ มันมีความเก่าแก่เป็นที่สองรองจากตูร์ฯ ยังคงเสน่ห์ไว้ได้ตลอดเวลาที่ผ่านมา จากเหตุการณ์ที่เกิดระหว่างการแข่งและภูมิประเทศอันสวยงามที่ขบวนนักแข่งเคลื่อนผ่านไป

สีเสื้อผู้มีคะแนนนำ

เป็นธรรมเนียมอยู่แล้วที่การแข่งจักรยานมีระบบการบอกตำแหน่งนักแข่งด้วยสีเสื้อ เริ่มจากตูร์ฯที่ทำให้เกิดการปฏิบัติตามด้วยการกำหนดสีเสื้อผู้มีคะแนนเวลานำเป็นสีเหลือง จิโรฯก็มีระบบแบ่งสีเช่นกัน เริ่มจากเสื้อสีชมพูสำหรับผู้มีคะแนนเวลานำหรือโอเวอร์ออล มีชื่อในภาษาอิตาเลียนว่า”มากลิอา โรซา”(maglia rosa เสื้อสีชมพู) ตามสีหนังสือพิมพ์ลา กัสเซ็ตตาฯผู้ริเริ่มจัดแข่งขัน ตามด้วย”มากลิอา แวร์เด”(maglia verde เสื้อสีเขียว)สำหรับเจ้าแห่งขุนเขาหรือผู้มีคะแนนนำช่วงขึ้นเขา และ”มากลิอา ชิคลามิโน”(maglia ciclamino เสื้อสีม่วงสด)สำหรับสปรินเตอร์หรือผู้ทำคะแนนนำในช่วงทางเรียบ ส่วนนักจักรยานรุ่นเยาว์ที่อายุ 25 ปีลงมา ได้รับเกียรติให้สวม”มากลิอา เบียงกา”(maglia Bianca เสื้อสีขาว)




เท่าที่เรียบเรียงมาทั้งหมดคือข้อมูลพอสังเขปของจิโรฯ เพื่อให้ผู้สนใจได้ติดตามได้สนุก และสำหรับผู้ชอบเก็บสถิติ เรามีสถิติและตัวเลขไว้ตอบสนองความต้องการของคุณดังต่อไปนี้

ผู้ชนะในประเภทต่างๆ ติดต่อกัน

ประเภทเวลารวม(โอเวอร์ออล)

• 5 ครั้ง : อัลเฟรโด บินดา(Alfredo Binda),เฟาส์โต ค็อปปี(Fausto Coppi),เอ็ดดี้ แมร์กซ์(Eddy Merckx)
• 3 ครั้ง : โจวันนี บรุนเญโร(Giovanni Brunero),จิโน บาร์ตาลี(Gino Bartali),ฟิออเรนโซ มันญี(Fiorenzo Magni),แบร์นาร์ อิโน(Bernard Hinault) และเฟลิเช กิมอนดี(Felice Gimondi)

ประเภทเจ้าแห่งขุนเขา

• 7 ครั้ง : จิโน บาร์ตาลี
• 4 ครั้ง : โฮเซ มานูเอล ฟูเอนเต(Jose Manuel Fuente)
• 3 ครั้ง : เคลาดิโอ เคียปุคชี(Claudio Chiapucci),เคลาดิโอ บอร์โตล็อตโต(Claudio Bortolotto),ฟรังโก บิตอสซี(Franco Bitossi) และเฟาส์โต ค็อปปี

ประเภทเจ้าแห่งทางเรียบ(สปรินเตอร์)

• 4 ครั้ง : ฟรานเชสโก โมเซอร์(Francesco Moser),จูเซ็ปเป ซารอนนี(Giuseppe Saronni)
• 3 ครั้ง : มาริโอ ชิโปลินี(Mario Cipolini),โรเจอร์ เดอ เฟลมิงค์(Roger De Vlaeminck),โยฮัน ฟาน แดร์ เฟลเด(Johan Van der Velde)
บทส่งท้าย ทัวร์ ออฟ อิตาลี

หลังจากกรำศึกกันมานานนับเกือบเดือน ในที่สุดจิโร ดิ’ตาเลีย หรือทัวร์ ออฟ อิตาลีครั้งที่ 90 ในปีนี้ก็ปิดฉากลงไปเรียบร้อย ผู้สวมเสื้อสีชมพูบ่งบอกสถานภาพของผู้ชนะเลิศประเภทเวลารวม(โอเวอร์ออล)ครั้งนี้คือดานิโล ดิ ลูคา หัวหน้าทีมลิคีกาซที่ครอบครองเสื้อตัวนี้คนเดียวในช่วงกลางและใส่มันทุกวันจนถึงเส้นชัยสเตจสุดท้ายที่มิลานท่ามกลางหมู่นักจักรยานทีมอื่นๆที่ผลัดกันมารุมกินโต๊ะ อันเป็นเรื่องธรรมดาของนักจักรยานที่มีคะแนนนำในโอเวอร์ออลไม่ว่าจะเป็นสนามของตูร์ เดอ ฟร็องซ์หรือการแข่งเป็นสเตจอาชีพระดับนานาชาติ

เมื่อดูจากเส้นทางที่ใช้ ต้องยอมรับว่าบางช่วงนั้นโหดมาก ชันเสียจนแทบต้องเข็นขึ้น แต่นักจักรยานที่ซ้อมมาดีต่างก็เอาตัวรอดได้ น่าเสียดายมากที่ดาราเด่นอย่างอิวาน บาสโซไม่สามารถมาแข่งในนามดิสคัฟเวอรี่ แชนเนลได้ เพราะไปพัวพันเข้ากับปฏิบัติการปราบปรามสารกระตุ้น”ปูแอร์โต”ของทางการสเปน ทำให้เราอดดูเขาวาดลวดลายในช่วงขึ้นเขาชันๆของจิโรฯ และอาจจะไม่ได้ดูเขาแข่งอีกด้วยในตูร์ เดอ ฟร็องซ์ถ้ายังเคลียร์ไม่ออกจากเรื่องอื้อฉาวนั้น ที่แน่อีกอย่างคืออนาคตของเขายังมืดมน เมื่อลาออกจากดิสคัฟเวอรี่ฯแล้วยังไม่มีข่าวเลยว่าบาสโซย้ายไปสังกัดทีมไหนในตอนนี้




แต่ในความเป็นสูญญากาศเมื่อไร้ตัวเก็งอย่างบัสโซ เราได้เห็นนักจักรยานมากหน้าหลายตาผลัดกันเข้ามาสวมเสื้อสีชมพูในช่วงแรกๆ บางคนถึงไม่ได้สวมเสื้อเหลืองแต่ก็สร้างความแตกต่างได้ นักจักรยานอย่างโตโต คอมเมสโซ,เยฟเกนี เปทรอฟ,มิคาอิล อิกนาเตียฟ และอีกหลายคนที่ปรากฏชื่อในการแข่งคราวนี้ จะเป็นชื่อที่ทำให้เราต้องจดจำและคาดว่าต้องได้เห็นอีกในแกรนด์ทัวร์อีกสองครั้ง คือตูร์ เดอ ฟร็องซ์ในไม่กี่เดือนข้างหน้า และทัวร์ ออฟ สเปนในปลายปี

ที่น่าสังเกตอีกอย่างในทัวร์ ออฟ อิตาลีปีนี้เช่นกัน คือการที่นักจักรยานเยอรมันอดีตทีมด็อยเช่อะ เทเลคอมต่างเรียงหน้ากันออกมาสารภาพว่าตนเคยใช้สารกระตุ้นช่วงปลายทศวรรษ 1990 เริ่มด้วยเอริก ซาเบลและเพื่อน ปิดท้ายด้วยคนที่ไม่น่าเชื่อว่าใช้ยาอย่างบียาร์เน่อะ รีส เจ้าของและผู้จัดการทีมซีเอสซี ที่ยอมรับทั้งน้ำตาว่าเคยใช้สารกระตุ้นจนได้แชมป์ตูร์ เดอ ฟร็องซ์ในปี 1996 ถึงทีมมิลรัมที่ซาเบลสังกัดจะบอกว่าไม่เป็นไร และยูซีไอบอกว่าไม่ถอนตำแหน่งแชมป์จากรีสเพราะหมดอายุความ แต่ความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว แฟนกีฬาต่างมองกีฬาจักรยานในแง่ที่แตกต่างออกไป ไม่เชื่อถือเหมือนเมื่อก่อน เมื่อใครได้แชมป์ก็จะเกิดคำถามขึ้นในใจของผู้ติดตามว่า”มันสะอาดหรือไม่?”

ยังนับว่าดีที่ทัวร์ ออฟ อิตาลีครั้งล่าสุดนี้ปิดฉากลงโดยไร้ข่าวอื้อฉาว แต่เราแน่ใจได้หรือไม่ว่านักจักรยานไม่ได้ใช้สารกระตุ้นรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง? หรือว่าพวกเขาอาจจะใช้สารตัวใหม่ที่แพทย์ตรวจสอบไม่ได้? ทั้งหมดนี้คือการคาดเดาต่างๆกันไป

ผลกระทบเรื่องการใช้ยาไม่ได้มีเพียงยุโรป แต่มันกระทบไปถึงบรรดานายทุนทางฝั่งอเมริกันด้วย ผู้สนับสนุนรายใหญ่ๆต่างพากันถอนตัว หรือไม่ก็ไม่ยอมต่อสัญญาเมื่อจะหมดลงในเร็วๆนี้ เช่นซีเอสซีและดิสคัฟเวอรี่ แชนเนลที่ประกาศแน่ชัดแล้วว่าจะไม่ต่อสัญญาสนับสนุน แม้คณะผู้บริหารทีมจะพยายามโน้มน้าวอย่างไรก็ตาม ผู้สนับสนุนที่เคยกอดคอกับนักจักรยานกันมาอย่างน้อย 2-3 ปีเหล่านี้ ต่างก็ไม่นำพาเพราะคิดว่ามีแต่เสียมากกว่าได้ ถ้าเอาเงินของตนมาละเลงให้นักจักรยานโดปยาที่มีแต่จะบ่อนทำลายภาพลักษณ์ของบริษัท

ที่เห็นได้ชัดในฤดูกาลแข่งขันหน้าอีกอย่าง ก็คือทีมที่มีผู้สนับสนุนเป็นอเมริกันจะน้อยลงหรืออาจหายไปจากสมรภูมิยุโรปเลย เหตุการณ์สารภาพกันอย่างพร้อมเพรียงนี้ทำให้ต้องคิดว่าเป็นแผนการสมรู้ร่วมคิดของวงการจักรยานยุโรปหรือเปล่า ที่ต้องการเขี่ยทีมอเมริกันออกจากเวที ออกจากวัฒนธรรมการแข่งจักรยานที่พวกตนหวงแหน เพราะทีมอเมริกันที่มีน้อยอยู่แล้วต่างถูกถอนการสนับสนุนเรียบ ถ้าคิดในแง่ร้ายก็คงเป็นผลมาจากการครองแชมป์แบบผูกขาด 7 ปีของแลนซ์ อาร์มสตรอง เขาสร้างรอยร้าวในใจนักจักรยานยุโรป ชัยชนะของเขามันเหนือธรรมชาติ อยากจะจับผิด อยากจะทำลาย แต่ทำอย่างไรก็ไร้ผล

เมื่อเล่นกับแลนซ์โดยตรงไม่ได้ทีมอเมริกันทั้งหมดก็คือเป้าสังหาร ต่อไปในอนาคตอันใกล้นักจักรยานอเมริกันอาจไม่ได้แข่งใต้ร่มธงของตัวเองอีกแล้ว แต่อาจต้องอาศัยจมูกทีมยุโรปหายใจ แล้ววงการจักรยานโลกก็จะวนกลับไปสู่จุดเดิมอีก ในรูปแบบการทำทีมแบบเดิมๆ,เทคนิคการแข่งแบบเดิมๆ เป็นอย่างนี้แล้วคงจะโทษใครไม่ได้นอกจากตัวนักกีฬาและผู้เกี่ยวข้องเองที่ทำให้มันเป็นเช่นนี้

นี่เป็นแค่ความคิด เป็นการคาดคะเนในแง่ร้ายที่สุด ท่านซึ่งเข้ามาอ่านรายงานของโปรไบค์อาจจะลองตั้งสมมุติฐานอื่นเพื่อลับสมองกันดูก็ได้ จะได้เกิดหนทางมองปัญหาอันแตกต่างกันไป

อย่างไรก็ตาม สำหรับบ้านเราคงได้แค่คาดหวังว่าต่อไปรัฐน่าจะให้ความสำคัญกับการขี่จักรยานให้มากกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อชีวิตประจำวันหรือเพื่อแข่งขัน หลักฐานการวิจัยทางการแพทย์ต่างยืนยันตรงกันแล้วว่าการขี่จักรยานเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิกที่ดี กระทบกระเทือนต่อข้อต่อน้อยและกระทำได้ทุกเพศทุกวัย ที่สำคัญคือทำได้นาน แต่ไม่ทราบว่าผู้มีอำนาจต่างคิดอะไรกันอยู่ เราจะต้องรออีกสักกี่ชาติถึงจะเห็นการใส่ใจอย่างจริงจังจากเบื้องสูง ต้องรออีกนานแค่ไหนจึงจะขี่จักรยานกันอย่างมีความสุข

คงไม่ต้องถึงกับมีแกรนด์ทัวร์แบบยุโรป เอาแค่คนไทยเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงหลักแห่งการขี่จักรยาน รู้ว่ามันให้ประโยชน์ใดกับร่างกายบ้าง เพียงเท่านี้ก็พอ ในระยะใกล้ๆนี้ขอแค่เข้าใจว่ามันมีประโยชน์ไม่ใช่ของฟุ่มเฟือย ก็จะก่อเกิดทัศนคติที่ดีต่อการใช้ ใช้เพื่อให้สุขภาพแข็งแรง,เพื่อสันทนาการและอื่นๆยังไม่ต้องถึงกับขั้นแข่งขัน เพียงเท่านี้ก็น่าชื่นใจแล้ว เมื่อมีทัศนคติที่ดีต่อมัน ใช้มันเป็น ร่างกายแข็งแรงเพราะมัน ต่อไปเรื่องแข่งขันและพัฒนาทีมก็ไม่มีปัญหาเมื่อรากฐานคือความเข้าใจต่อจักรยานนั้นแน่นแล้ว

เราหวังเบื้องต้นไว้เท่านี้ มันน่าจะเป็นจริงได้ถ้าทุกคนเปิดใจ

[joearmstrong]

คุณ กบ กลุ่มผมปั่น วันละ 100 กิโล ถึง 140 โล โดยเริ่มจากปั้ม ปตท. บางทีรวมกับกลุ่มรามอินทรา แล้วออกทริปกัน เฉลี่ยความเร็วประมาณ 35 กิโลต่อ ชม ยิงบ้างผ่อนบ้างตามโอกาสครับ

[กบducati]

ขยันและแข็งแรงกันมากๆครับ อย่างนี้ลงแข่งสบายมากเลยครับ

[gregwatana]

คุณ joearmstrong กรุณาเช็ค PM ด้วยครับ