...ในโลก ความจริงไม่มีเรื่องจีรังยั่งยืนโดยไม่แปรเปลี่ยน
ยิ่งไม่มีความสุขสันต์หรรษาที่จีรังยืนยาว
เจตนาฟ้ายากจะหยั่ง
เจตนาของฟ้าไม่แน่นอน
เจตนาของฟ้าก็ยากยิ่งจะเชื่อถือ
ต่อให้มหรรณพแห้งขอด พสุธาจมหาย สุริยันจันทราสิ้นแสง
ท่านผู้เฒ่าก็ไม่มีวันลืมเลือนมิตรสหายอย่างเด็ดขาด
“ทีมเสือเข็น”…..
ทอดระยะยะเวลาห่างจากการท่องยุทธภพครั้งสุดท้ายนานถึงเก้าเดือนสิบเจ็ดวัน
ช่วงเวลานั้นด้านสุขภาพของ
“ผู้เฒ่าพญาอินทรี” เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
พละกำลังและลมปราณล้วนเสื่อมถอย ปฏิกิริยาเฉื่อยชา ไม่สามารถฝึกวิทยายุทธได้อย่างต่อเนื่อง
ส่งผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจของเขาไม่น้อย ท่านผู้เฒ่าห่างเหินจากมิตรสหายนานมากแล้ว
ดังนั้น อารมณ์ของท่านผู้เฒ่าจึงไม่สู้เบิกบานนัก ภายใต้อารมณ์ที่คับข้องของท่านผู้เฒ่า
พอนึกถึงเรื่องเหล่านี้ ถึงกับเลือดลมพลุ่งพล่าน กระทั่งนำ้ตาแทบไหลหลั่งออกมา
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า
บัดนี้ สติสมาธิกำลังวังชาของท่านผู้เฒ่าล้วนกลับมาสมบูรณ์ถึงขีดสุดอีกครั้ง!
ดวงตายังคงเป็นประกายวาววับ ในรอยยิ้มยังคงแฝงความภาคภูมิดั่งเช่นอดีต
บุคลิกภาพเช่นนี้ นับเป็นที่พลุ่งพล่านใจแก่ผู้พบเห็นจริงๆ
เพชรต้องเจียระไนจึงเปล่งประกาย ความรักและน้ำมิตรก็เป็นเฉกเช่นกัน
ทีม
“เสือเข็น”คล้ายกับต้นไม้ที่ท่านเพาะปลูกกับมือเอง
ไม่มีผู้ใดยินยอมโค่นต้นไม้ที่ตนเพาะปลูกขึ้นกับมือเอง
ดังนั้น ทีม “เสือเข็น” จึงเป็นศูนย์รวมแห่งน้ำมิตรไมตรีอันลึกล้ำไพศาล และพิเศษพิสดาร
ในสถานการณ์เช่นนี้ หากท่านผู้เฒ่าไม่จัดการ จะให้ผู้ใดคลี่คลาย?
นี่คือแบบฉบับบรรทัดฐานในการกระทำเรื่องราวของ...
“ผู้เฒ่าพญาอินทรี”
ผู้อื่นยากที่จะเข้าใจได้ และท่านไม่คิดอธิบายต่อผู้อื่น.....