ที่ท่าเรือ เมืองท่าแขก เรือเที่ยวแรกออกจากฝั่งลาว ตอน 7 โมงครึ่ง
ค่าเรือ 60 บาท เสียค่าธรรมเนียมการประทับตราพาสปอร์ต 60 บาท
แต่ตอนขาเข้าที่สะหวันเขต เสีย 40 บาท ไม่รู้ว่าทำไมเสียไม่เท่ากัน
จนท.ตม. ของลาว ทำเอาผมตกใจเหมือนกันเพาะพอผมส่งพาสปอร์ตให้
นางก็ตอบว่า เข้ามาทางไหน ก็ต้องกลับออกไปทางด่านนั้น เข่สะหวันเขต ก็ต้องออกไปทางสะหวันเขต
ผมร้อง "หาาาาาาา" จริงเหรอ เอางั้นเลยเหรอ """
นางก็หัวเราะแล้วบอกว่า "ข้อยหยอกเจ้าเล่นๆ ออกทางนี้ก็ได้"
(แหม หยอกอะไรไม่หยอก ดันมาหยอกเรื่องปั่นย้อนกลับไปอีก 151 กม. เนี่ยนะ" เค้าล้อเล่น
เรือของลาวที่ข้ามฝั่งมานครพนมเป็นเรือลำเล็กๆแบบเรือหางยาว
เอาจักรยานลงเรือก็ทุลักทุเลพอสมควร แต่ก็มีพี่น้องชาวลาวช่วยกันหลายคน ขอบใจหลายๆ
พอข้ามมาฝั่งไทยแล้ว มีจุดหมายสองแห่ง คือ อ.ท่าอุเทน และ อ.บ้านแพง
ระยะทางจากนครพนมไป อ.ท่าอุเทนนั้นไม่ไกล แค่ 26 กม.
ประมาณไม่เกิน 2 ชั่วโมงก็น่าจะถึง
ระหว่างทางก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานฉลองที่วัดนักบุญอันนา ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง
มีคริสตศาสนิกชนมาร่วมงานนับพันคน บรรยากาศในโบสถ์ดูศักดิ์สิทธิ์จริงๆ
หลังจากออกจากวัดนักบุญอันนาแล้วก็ออกเดินทางต่อ ฝนก็เริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ
จนพอมาถึงบ้านเวินพระบาท ที่สะพานข้ามแม่น้ำโขง ก็ไปต่อไปไม่ได้แล้ว ฝนมากเกินไป
ก็เลยต้องจอดหลบฝนใต้สะพาน
ประมาณเที่ยง ก็มาถึง อ.ท่าอุเทน ก็เลยแวะไปเยียมเยียนบรรพบุรุษ
ที่ธาตุเก็บอัฐิของ อาม่าอากง ซึ่งเป็นชาวจีนโพ้นทะเล มาอาศัยอยู่ที่ อ.ท่าอุเทน
อากงของ อากง ของผมเข้ามาอยู่ในเมืองไทยตั้งแต่สมัยปลายรัชกาลที่ 4
มีอาชีพรับซื้อของป่า จากชาวบ้านสองฝั่งแม่น้ำโขง โดยใช้เรือแจวขึ้นล่องระหว่าง
ปากซัน หินบูรณ์ ท่าอุเทน ท่าแขก และมีร้านขายสินค้าเบ็ดเตล็ดอยู่ริมแม่น้ำโขง
แต่ปัจจุบันไม่มีแล้ว เนื่องจากตลิ่งริมแม่น้ำโขงได้พังทลายลง ทำเอาบ้านพังไหลไปตามแม่น้ำ
ปีที่ตลิ่งแม่น้ำโขงพังนั้น แม่เล่าให้ฟังว่าเป็นปีที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 8 สวรรคตต
ที่ อ.ท่าอุเทน เป็นชุมชนใหญ่ของชาวไทยญ้อ ซึ่งอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐาน
ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ื 3 มีภาษาพูดเป็นของตัวเองที่ไม่เหมือนกับภาษาลาวถิ่นอื่น
มีลักษณะเป็นภาษาถิ่นย่อย(Sub-Dialect) ของภาษาตระกูลไทย-ลาว
ชาวญ้อ กลุ่มใหญ่ที่สุดจะอยู่ที่ เมืองเชียงขวาง หรือเมืองโพนสวรรค์ในประเทศลาว
ประเพณีสำคัญของชาวญ้อที่ยังคงอยู่ในปัจจุบันคือ ประเพณีไหลเรือไฟบก
ที่วัดจอมแจ้งและวัดท่าจำปา ชาวไทยญ้อจะทำเรือ แล้วตกแต่งด้วยดอกไม้ ธูปเทียน
แล้วลากเรือเวียนรอบโบสถ์ ปัจจุบันก็ยังทำกันทุกปี
หลังจากไหว้อากงอาม่าแล้ว ก็ได้แวะเยียมเยียนญาติพี่น้อง
แต่ต้องตกใจมากเมื่อ เด็กหญิงตัวเล็กๆวิ่งวิ่งมาหา แล้วเรียกผมว่า "ปู่... ปู่จะปั่นรถถีบไปเ้ที่ยวเหรอ"
ผมต่อรองนิดหน่อย บอกว่า ไม่เรียกปู่ได้ไม๊ เรียกอาได้ป่าว
สาวน้อยบอกว่า เรียกปู่น่ะดีแล้ว เหมาะกับหน้าตามาก
เซ็งเลยกรู กลายเป็นปู่ไปแระ นึกด่าหลานชายในใจว่า มรึงจะมีลูกให้ช้ากว่านี้สักสิบปีไม่ได้หรือวะ