..............ปัญหา + เทคนิคการขี่จักรยาน ของนักจักรยานเสือภูเขาทางเรียบ(เน้นเรื่องทางชัน).............

[เอ็ม.เจ.ไบค์ นครปฐม]

ท่านที่บอกว่ายังไม่ชัน ถ้าเป็นคุณขี่สถานะการณ์แบบนี้คุณใช้จานไหนครับ
ผมเห็นแค่ขึ้นสะพานปลดเกียรืกันเสียงสนั่น






ภาพข้างล่างเอามาให้ดูครับ กำลังเดินทางเข้าสู่กมที่700 ครับ คราวหน้าจะพาไปครับ

[เอ็ม.เจ.ไบค์ นครปฐม]

ก่อนอี่นให้วางตำราเสือภูเขาแบบ HARD TRIAL(จักรยานที่มีโช้คอัพหน้าที่ใช้ขี่ตามป่าตามดอยนะครับ)
ที่คุณเคยศึกษาเอาใว้ก่อนครับ ที่จริงจักรยานทั้งสองแบบมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ไม่ใช่เรื่องไซด์อย่างเดียวครับ อาทิเช่น วิธีการขี่ การนั่ง
- การขี่hard trial แรงที่ปั่นลูกบันไดใช้รอบปั่นซอยเหมือนสร้างแรงม้า แต่ เสือทางเรียบไม่ใช้ครับ
ใช้กดแค่2-3 สโตรกแล้วเปลี่ยนเกียร์หนักขึ้น การกดของขาแบบใช้แรงบิดแบบหน่วงๆครับ ให้ตู
วีดีโอของ แลมป์เป็นตัวอย่างครับ เวลาขึ้นเขาเสือhard trail เพิ่มรอบแบบทำรอบเกียร์เบาขึ้นเขา
แต่เสือทางเรียบลตรอบโดยใช้ความหนักในการกดบันไดเท่าเดิม เมี่อลดรอบจนความหนักของ
แรงกดบันไดเพิ่มขึ้นมากกว่าตอนก่อนขึ้นเขาค่อยปรับเกียร์เบาโดยคงแรงกดบันไดไว้เท่าเดิมครับ
สรุปง่ายๆแรงกดบันไดก่อนขึ้นเขาและขึ้นเขาและลงเขาจะต้องเท่ากันตลอดเวลาครับ(ก็คือ
การควบคุมโชนการขี่ ที่ผมใช้ฝึกทีมจักรยานทางไกลครับ
ถ้าไม่ใช้วิธีนี้ไปไม่รอดครับ เพราะร่างกายจะสะสมความร้อนจนอาจเข้าสู่อาการโอเวอรืเทรนได้ครับ)

นี่เป้นส่วนหนึ่งจากการเรียนรู้ที่ผมพยายามสร้างบรรทัดฐานการใช้จักรยานบนทางเรียบที่
ผมต้องศึกษาเพื่อพัฒนาการขี่จักรยานทางเรียบและรถจักรยานเพื่อรองรับกับการใช้งาน หลังจากศึกษา
และเรียนรู้โดยการขี่อย่างจริงจังอยู่ 2 ปี ทำให้สรุปการใช้งานจักรยานทั้งวิธีขี่และรถที่ใช้ได้ 4 แบบ
1. การขี่แบบแข่งขันที่เราๆชอบกันครับ คือขี่กลุ่มแบบเสือหมอบ แบบใครดี ใครอยู่ พอหยุดพัก ขี่ต่อก็แข่งกันอีก
2. การขี่ท่องเที่ยวทั้งวัน แบบวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ แต่ขี่กันไป แข่งกันไป เหนื่อยก็พัก เดี่ยวช้าบ้าง เร็วบ้าง
3.ขี่แบบทองเที่ยว เดินทางกันทั้งวัน บางครั้งติดต่อการหลายวัน
4 ขี่แบบแข่งขัน เหมือนข้อแรก แต่ไม่หยุดพัก ระยะ 100 กมหรือ 200 กม แบบ ม้วนเดียวจบ
ยกเว้นจอดเติมน้ำเท่านั้นครับ
รถจักรยานที่ใช้กับการขี่แบบที่1-4 ใช้แบบเดียวกันครับ ส่วนการขี่แบบที่ 2 ใช้แบบนึงครับ
และการขี่แบบ 3 ก็ใช้จักรยานอีกแบบนึงครับ

ตลอดสองปีผมขี่เพื่อพัฒนารถจักรยานเสือภูเขาทางเรียบ เพื่อรองรับการขี่ทั้ง4 แบบ จึงทำ
ให้ผมต้องขี่จักรยานทั้ง 4 แบบและต้องศึกษาการขี่ควบคู่ไปด้วยครับ การศึกษาการขี่นี้ ทำให้ผมต้อง
ทดสอบขี่เอง อย่างจริงจังซึ่งต้องใช้ความอุตสาหะอดทนมากพอสมควร ซึ่งประสบการณ์ทุกอย่างที่
ผ่านมาจะเป็นประโยชน์แก่นักจักรยานทุกๆท่านไม่ว่าท่านจะเป็นนักขี่จักรยานมือใหม่หรือมากประสบ
การณ์เป็นนักแข่งได้ถ้วยเป็นร้อยใบ เพราะท่านก็อาจรู้เพียงแค่ 1 อย่างที่ท่านกำลังทำอยู่ แต่นี่
ครอบคลุมทุกอย่างของการขี่การใช้จักรยาน และเป็นวิธีที่เป็นจริง เข้าใจง่ายไม่ยุ่งยาก เป็นธรรมชาติ
มากที่สุด ถ้าคุณฝึกได้คุณจะเป้นนักจักรยานที่มีความสามารถมากที่สุดคนหนึ่งครับ เพราะมันจะรวม
ทุกอย่างอยู่ในตัวคุณทั้งหมดครับ แล้วคุณก็นำมันมาใช้ในแต่ละสถานะการณ์ที่เรากำลังประสบอยู่ครับ
.

[เอ็ม.เจ.ไบค์ นครปฐม]

มาต่อครับ

การซอยรอบขึ้นเขาเปรียบเสมือนการวิ่งขึ้นเขาครับ ถ้าภูเขาสูงสัก50เมตรแบบสะพานเราใช้วิธีนี้ได้แต่ก็
ยังเหนื่อยหอบแฮ่ก แต่ถ้าภูเขาสุงแบบในรูปความลาดชัน6-7 กม เราจะขี่ด้วยวิธืนี้ได้หรือครับ หลายๆท่าน
เสียชึวิตจากการเดินทางไกลแล้วใช้วิธีนี้ครับ และหลายๆท่านเกิดอาการช็อคเพราะการใช้วิธีขึ้นเขาแบบ
นี้ครับ เพราะถ้าคุณยิ่งเร่งยิงพบจุดจบครับ เพราะนี่คือการขึ้นภูเขาที่เป็นทางเรียบครับ ไมใช่ภูเขา
ทางลูกรังครับ

ยังมีต่อครับ

[ตู่ สัมมากรMTB]

โอ้ววว รอติดตามอ่านครับ
ผมก็รู้สึกเหมือนที่พี่บอกไว้เลยครับ เหนื่อยน้อยกว่าซอยถี่ๆเยอะเลยครับ แถมยังเหลือแรงไว้ขึ้นเนินตอนขากลับได้แบบไม่โทรมเหมือนเมื่อก่อน อ่านที่พี่เขียนไว้แล้วเข้าใจเลยว่าเพราะยังงี้นี่เอง

แต่เสือทางเรียบ
ลตรอบโดยใช้ความหนักในการกดบันไดเท่าเดิม เมี่อลดรอบจนความหนักของแรงกดบันไดเพิ่มขึ้นมากกว่าตอนก่อนขึ้นเขาค่อยปรับเกียร์เบาโดยคงแรงกดบันไดไว้
เท่าเดิมครับ

[เอ็ม.เจ.ไบค์ นครปฐม]

นี่เป็นส่วนหนึ่งของบทความที่ผมเคยลงไว้ใน thai mtb ก่อนแล้ว ตลอด 2ปีนี้ครับ

[narathip_k]

มาติดตามอ่านครับ

ผมกำลังฝึกร่างกาย

กะว่า จะปั่น
จาก เมืองกาจน์ (กาญจนบุรี)
ไป เมืองกาฬ (กาฬสินธุ์)
ฝึกซ้อม ตามเวลาว่างที่ทำได้

[nikom959]

ผมขอถามเพื่อเป็นความรู้นะครับ 1ในการเดินทางแบบนี้รอบขาสูงสุดและรอบขาต่ำที่สุดอยู่ที่เท่าไร? 2เท่าที่เห็นในรูปก็ยังใช้จานหน้า3ชั้นอยู่ ความชันขนาดนั้นยังใช้จาน3 แล้วจาน2,1ควรใช้ในสถานการณ์ใด 3บทความของ อิวาน บาสโซ กล่าวไว้ว่า"ในการแข่งขันตูร์ เดอ ฟร็องซ์ ในช่วงขึ้นเขา ผมจะเปลียนจานหน้าแบบคอมแพกต์ เพื่อจะได้ปั่นรอบขาที่80รอบต่อนาทีโดยไม่จำเป็นต้องไปทรมานหัวเข่าที่50รอบต่อนาที" ผมก็ใช้แบบนี้มาตลอด จนมาได้เห็นบทความของคุณเมธาก็มีแนวความคิดจะลองทำดูบ้างเพราะเห็นว่าทำได้จริง ขอขอบคุณครับ

[nik916ft]

จบแล้ว...ได้ความรู้ดีครับ คอยติดตามตอนต่อไปอยู่นะครับ

[เอ็ม.เจ.ไบค์ นครปฐม]

คุณนิคม 959

การขี่แบบนี้เป็นการที่ผมพยายามจะพัฒนาการขี่จักรยานทางไกลแบบ200กม/วัน ติดต่อกันหลายๆวัน
โดยคงสภาพร่างกายใว้ให้เหมือนเดิม เมื่อจบการเดินทางในแต่ละวันสภาพร่างกายของลูกทีมต้องเหมือน
กับเดินทางด้วยรถยนต์ ผมทดลองขี่ในหลายๆสถานะการณ์ ในหลายๆวิธี แต่วิธีที่ดีที่สุดคือการควบคุม
แรงให้เท่ากันตลอดครับ คือการขี่ทั้งบนพื้นราบ ขึ้นเขา ลงเขา แรงที่ส่งไปที่ลูกบันไดต้องเท่ากัน
ตลอดครับ ถ้าเราใช้รอบเป็นตัวกำหนดเมื่อเจอภาระกรรม เช่นสวนลม หรือขึ้นเนิน หรือ ขึ้นภูเขา
แม้เราจะปรับเกียร์เพื่อรักษารอบเอาใว้ตามที่ต้องการ แต่ในความเป็นจริง เมื่อเราเปลี่ยนเกียร์ จะไม่มี
เฟืองตัวไหนหรอกครับ ที่เราเปลี่ยนแล้วสามารถรักษารอบเอาใว้ได้โดยไม่กินแรงของเราไม่ไปทางมาก
ก็ไปทางน้อยครับ แต่การควบคุมแรงให้เท่ากันตลอดและควบคุมการขี่ให้อยู่ไม่เกินโซน2 ซึ่งอยู่
ในโซน แอโรบิค ซึ่งไม่เสี่ยงต่อการเกิดกรดเพราะ
ขาดออกซิเจนครับ ซึ่งจะทำให้เราไม่เหนื่อยตลอดการเดินทางครับ ยังมืต่อ

[หนุ่มscott]

ขี่แบบบ้าพลัง ไม่รักษารอบขาไปไม่ได้แน่วันหนึ่ง 200โล ผมคนหนึ่งที่เอาแบบอย่าง พี่เมธามาใช้จนถึงทุกวันนี้ ตั้งแต่ไปชัยนาท,อุทัยด้วยกันมา...

[ใต้ฟ้าเดียวกัน]

ติดตามอ่านอยู่ครับ และยังหารถที่ต้องการอยู่ครับ แต่คิดว่าน่าจะเป็นรถที่เหมาะสำหรับขี่แบบที่1,4 ครับ ถ้าพร้อมเรื่องเงินแล้วจะโทรมาคุยกับพี่หน่อยครับ แต่ใจชอบโคโมลี่แบบ จามีสดราก้อนครับ....สุวิทย์ ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพจังหวัดตาก

[เอ็ม.เจ.ไบค์ นครปฐม]

ถึงคุณใต้ฟ้าเดียวกัน

jamis dragon ก็เหมือนกับ salsa ครับ เป็นเสือภูเขาใช้บนทางภูเขาครับ
ยังห่างไกลที่จะตอบสนองการใช้งานทั้ง4 แบบครับ jamis coda ยังใช้ได้
สำหรับแบบที่2และ3 เท่านั้นครับ

[p/s]

.
ถ้าพูดถึงความชัน..ถ้าเป็นเส้นจากลำปางไปเชียงใหม่ผมไม่ถือว่าชันนะครับ..เพราะรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ทั่วๆไปลดเกียร์ลงต่ำแค่เกียร์เดียวหรืออาจไม่ต้องลดเกียร์เลยน่ะครับ

เส้นที่เคยไปและผมถือว่าชันก็ เขาที่โป่งกะทิง(งานนั้นจูงครับ) , เขาระหว่างหน้าทอนกัยแม่น้ำที่สมุย , เขาจากเฉวงไปละไมที่สมุย ครับ..ใครเคยไปก็น่าจะพอจะทราบ

ตามความเห็นของผมถ้าชันจริงต้องปั่นกันก็แบบนี้ครับ

โยกขโยกกดบันได




เลี้ยวเป็นงู(ลดความชัน)


จูงคือคำตอบสุดท้าย(ผมเป็นบ่อยมาก )


ลองเทียบความชันดูนะครับ

[เอ็ม.เจ.ไบค์ นครปฐม]

วันที่คุณซ้อมเสีอหมอบ ซึ่งตรงกับผมพาลูกทีมไปฝึก ขึ้นเขา เพื่อจะไปเขาใหญ่ปลายเดือน พ ย2552


คุณจำผมได้ไหมครับ ที่ผมพาลูกทีมไปฝึกมีเด็กไปด้วยผมใส่เสื้อแบบตาม log in -ขี่จากบ้านโป่งกระทิงสวนมาทางปากท่อประมาณ 10 คน
พอดีตรงจุดที่สวนกันตรงปูนกั้นตามรูปที่คุณส่งมานั้นแหละ แล้วก็มีหลายท่านค่อนข้างเยอะลงเข็น บางคนก็โยกซ้าย ป่ายขวา
สุดท้ายบางท่านต้องลงเดินเข็น ผมขี่สวนลงมาแล้ว ผมเลยวนกลับ ไปสอนคนที่ลงเข็น ปรากฏว่า ทุกคนตรงช่วงที่
ลงเข็นและผมสอน ขึ้นได้หมดครับ ไม่มีใครเข็นแม้เพียงคนเดียวครับ
ยังจำได้ไหมครับ คนๆนั้น คือผมครับ ผมยังบอกพวกคุณเลย อย่าเข็นนะ ทำตามนี้ ทักษะตรงนี้จะติดตัวคุณไป
ตลอดชีวิต บางคนผมสอนให้ขี่จนขึ้นได้จนถึงยอดครับ แล้วผมก้ขี่ลงมาพาพวกคุณที่ขึ้นไม่ได้ตรงจุดนี้ที่ว่ายาก
วันนั้นผมขึ้นๆลงๆวนไปวนมา หลายรอบครับ
ตรงนั้นชันจริงครับ แต่มันสั้นแค่ไม่กี่ร้อยเมตร การขึ้นยากง่ายนั้น ขุนตาลยากกว่าครับ
ผมผ่านมาแล้วทั้ง 2 จุดครับ ในฐานะผู้ฝึกการขี่จักรยานด้วยทักษะวิธืครับ แต่ที่ขึ้นกันไม่ได้เพราะคุณขาดทักษะครับ
ไม่ใช่ที่ความชันครับ ที่ผมกำลังบอกคูณๆคือต้องการให้ทุกคนเรียนรู้ถึงทักษะวิธีครับ
ไม่ใช่ใช้แรง เพราะแรงอย่างเดียวทำไม่ได้ครับ

ขากลับผมก็ผ่านตรงจุดนี้ครับ ลูกทีมผมที่นำมาฝึก ทักษะการขึ้นเขา อายุแค่ 9 ขวบ กับ11ขวบ
ผ่านจุดนี้ได้โดยไม่ต้องลงเข็นครับ และไม่มีอาการดังในภาพด้วยครับ ในสถานะการณ์เดียวกันนี้ คุณเข็น
แต่ลูกทีมผมแค่9ขวบ ฝึกขี่จักรยานได้2 เดีอน ขี่ขึ้นได้ เป็นเพราะเหตุใดครับ


ผมว่าคุณๆต้องจำ ผมได้ครับ เพราะวันนั้นน่าจะกลางเดือน พ.ย 2552ครับ

วันนั้นหลายๆท่านได้ขอบคุณผม ที่ผมได้สอนวิธีการขึ้นเขาให้ครับ

ขุนตาลนะครับ กม สุดท้าย รถสิบล้อนับน้อตล้อได้เลยครับ ไม่เชื่อคุณไปลองขี่ดุ
เสียงสิบล้อดังสนั่นป่าเลยครับ

[yappyhappy]

ขออนุญาตถามครับว่าผมเข้าใจถูกต้องมั้ย (ผมคนที่ใช้ trek800 ขี่จากนครชัยศรีไปใส่ตะแกรงหน้าตอนเย็นย่ำเมื่อ สักสองสัปดาห์ที่แล้วครับ) ตอนนี้ซ้อมอยู่วังน้ำเขียวครับ (วันที่ 20 ถ้ากลับบ้านนครปฐม จะไปขอคำแนะนำครับ)

เริ่มจากขึ้นเขา สมมุติผมใช้หน้า 2 หลัง4 (21sp) ปั่นมาด้วยรอบขาประมาณ60 พอเริ่มรู้สึกว่าบันไดต้านมากขึ้น ก็ลดรอบปั่นลงมาที่ 50 โดยใช้แรงประมาณเดิมรถวิ่งช้าลง พอรู้สึกว่าหนักก็ลดรอบลงมาที่ 40 จนกระทั่งรู้สึกว่าจะต้องใช้แรงกดมากกว่าเดิมมาก ก็จึงเปลี่ยนหลังเป็นจาน3 แล้วเริมต้นใหม่ ถ้าหนักลดรอบ จนกระทั่งต้องใช้แรงกดมากกว่าเดิม ก็เปลี่ยนหลังเป็นจาน2 .....ฯลฯ

อย่างงี้ ถูกต้องมั้ยครับพี่เมธา

แล้ว คลีต ช่วยได้เยอะมั้ยครับในการปีนเขา พี่มีคำแนะนำอย่างไรบ้าง แต่ว่าผมใส่แล้วล่ะ ลองขี่ขึ้นเนินดูหน้าหลังเท่าเดิม แต่ผมรู้สึกว่าพอใช้ครีตแล้วจะใช้แรงกดที่เบาลง
เป็นเพราะมีแรงยกขามาช่วยใช่มั้ยครับพี่ มีผลดีหรือผลเสียอย่างไรบ้างหรือเปล่าครับ

แล้วก้ เวลาลงเขา ปกติปล่อยฟรีอย่างเดียว ไม่มีอัดส่งขึ้นเนินถัดไป ให้แรงส่งไปเอง รถใกล้ๆหมดแรงไหลค่อยออกแรงปั่นต่อ อย่างงี้จะดีมั้ยครับ หรือควรขี่ปั่นตามความเร็วส่งไปขึ้นเนินต่อไปแล้วค่อยๆลดรอบครับ