ThaiMTB.com

แต่แตกต่างกันที่รัฐทำเองไม่ใช่เอกชน

ผมฉายหนังซ้ำให้ดูนะครับ จำปี40ได้หรือเปล่าครับว่ารัฐทำอะไรแย่ๆกับประชาชนห้างร้าน เพื่อให้คนบางกลุ่มล้มบนฟูกบ้างหรือเปล่าครับ คราวนี้ถ้ารัฐเป็นคนที่ล้มบนฟูกซะเองคิดว่าประชาชนและกิจการจะโดนหนักกว่าแค่ไหนเพียงเพื่อให้เรือไม่จมครับ พวกเราอยากเห็นแว๊ท10-14เปอร์เซ็นต์ อยากเจอภาษีส่วนบุคล40-50เปอร์เซ็นต์ ภาษีห้างร้าน20เปอร์เซ็นต์ อยากเจอสรรพากรไล่ตรวจนับชามก๋วยเตี๋ยวนับชามข้าวแกง มันเกิดขึ้นจริงๆนะครับดูสเปน กรีซ และอิตาลี่และที่บราซิล ที่กำลังจะมาไว้เป็นหนังก่อนฉายได้เลยครับ ผมแค่ไม่เห็นด้วยในนโยบายดังกล่าว

และถ้าข้าว หรือสินค้าเกษตรตัวใดจะต้องเน่าจริงๆคงต้องแก้กฏหมายให้มอไซด์ทุกคันผลิตจากวันนี้เป็นต้นไปเติมE85ได้ อย่างน้อยเอาข้าวขายไม่ออกกลั่นเป็นแอลกอฮอลเติมมอไซด์ได้บ้างก็ยังดีกว่าปล่อยเน่าไปเฉยๆครับ แค่คิดนะครับ

ผมเข้ากทม.เมื่อปลายเดือนที่แล้ว(ประชุมวิชาการกลางปีของอาชีพผม) เป็นธรรมดาที่บรรดาเพื่อนพ้องน้องพี่(มหิดล)ที่เคยเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตั้งแต่สมัย..ละเข็ม จับปืน..จะถือโอกาสนัดพบแลกเปลี่ยนเสวนาสถานการณ์กันพอหอมปากหอมคอเพื่อเปิดโลกทัศน์ ขยายมุมมอง แลกเปลี่ยนความคิดความเห็น เรามีด้วยกันทุกสีแหละครับ บนโต๊ะอาหาร ด้วยเวลาที่มันเป็นตัวคลี่คลายอะไรๆหลายๆอย่างทำให้จำนวนสีที่น้อยและจางลงเรื่อยๆคือ ...สีแดง... ครับ พวกเราพี่ๆน้องๆกันเชื่อว่า เมื่อเวลานั้นมาถึง แม่น้ำหลายสายก็จะไหลกลับมารวมกันเป็น...สายเดียว...อีกครั้งหนึ่ง

มีทัศนะหนึ่งฟังแล้วเข้าท่า เข้าทาง และสอดคล้องกับความคิดส่วนตัวของผม(ที่คิดเองตั้งหลายเพลาแล้ว)มากที่สุดคือ...เอาประเทศของเอ็งคืนไป ถ้ากูไม่ได้ พวกมึงทั้งหลายก็ต้องไม่ได้ ยุทธศาสตร์ขอดประเทศให้เหลือแต่กระดูก แม้แต่ เส้นเอ็นก็จะถูกขอดออกไปอย่างไม่เหลือหรอ...คนรุ่นใหม่ร่วมสมัยต้องรับผลไปอีกอย่างน้อย 30 ปี...คนรุ่นนั้นก็คือ ลูกๆหลานๆของพวกเรานั่นเอง แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ตลอดเวลาร่วม 3 ทศวรรษที่ผ่านมา คนรุ่นใหม่ได้ถูกพิสูจน์แล้วว่า.....(เติมต่อกันเอาเองครับ)

คำถามนี้ลึกมากนะครับที่ในวงสนทนานั้นยกมาเป็นอุปมา-อุปมัย ...พวกเราเวลาซื้อหวยชอบแบบไหนครับระหว่าง สลากกินรวบ กับ สลากกินแบ่ง...

สรุปกันพอคร่าวๆคือ...ชนชั้นกลางของเรายังไม่มีลักษณะสู้รบเพียงพอที่จะรวมกันเพื่อเป็นกำลังขับเคลื่อน ผลักดันสังคมให้เคลื่อนไปในทิศทางที่ต้องการได้เพราะ ..ส่วนมากถนัดแต่ พูด ไม่ถนัดที่จะ...ลงแรง เพื่อทำ ... ครับ มันยังเป็นเช่นนั้นอยู่นับตั้งแต่มีการวิพากษ์เชิงสังคมของเรา(ซึ่งก็ไม่ต่างกันกับสังคมอื่นๆ)เพราะเป็นลักษณะพิเศษของชนชั้นกลาง นั่นเอง

ไม่ต้องมาก บนโต๊ะแชร์ที่โคราชของผมตั้งแต่ปี 2535 จนถึงปัจจุบัน...ผมเคยตั้งคำถามหนักๆหลายครั้งต่อเพื่อนร่วมวง แต่ส่วนมากชอบที่จะเอามือซุกกระเป๋าสองข้างมากกว่าครับ

สิ่งที่ อาร์ท เขียนไว้นั้นคือ สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นแน่นอนครับ ถ้าเราปล่อยให้สถานการณ์เดินหน้าต่อไปแบบที่เป็นอยู่ และถ้ายุทธศาตร์(ขอดประเทศให้เหลือแต่กระดูก)ที่เขาวางไว้เป็นเช่นนั้นจริงๆ คนที่จะ..อ่วม..คือลูกหลาน (คนรุ่นผม คงตายลาโลกไปแล้ว)

โชคดีที่ผม ...เอาเมีย ไม่เอาลูก... ครับ

ใจจริงผมเป็นพวกไม่ชอบพูดเรื่องการเมืองในวงจักรยาน
แต่วันนี้ขอให้ข้อมูลเชิงลึกซะหน่อย

ผมจะไม่พูดถึงว่าการรับจำนำข้าวดีต่อเกษตรกรรากหญ้ารึป่าว แต่จะขอพูดสั้นๆแค่วงจรอุบาทว์คอรัปชั่นของโครงการนี้ก็พอ
อันนี้ข้อมูลจริงจากคนใกล้ตัว

-เพื่อนผมโรงสีแห่งนึงในสุรินทร์ เฉพาะแค่ค่าฝากข้าวไว้ในโกดัง ปีๆนึง ทำงานแค่เดือนเดียวคือเดือนธันวาคม ก็ได้ค่าฝาก ราวๆ20ล้านบาทต่อปี นี่แค่แห่งเดียวนะครับ ในสุรินทร์มีโกดังไซส์นี้ไม่รู้กี่สิบแห่ง ในประเทศไทยมีไม่รู้กี่จังหวัด กี่โกดัง โรงสี
อันนี้ยังไม่นับรวบการโยกย้ายถ่ายโอน เอาข้าวเหี้ยๆ ข้าวเขมรมาสวมสิทธิ์ แน่นอนที่สุด เจ้าหน้าที่รฐก็ได้กินแบ่งด้วย แล้วต้นทุนข้าวที่จะเอาไปขายมันจะขาดทุนยับขนาดไหน

-โรงสีแห่งนึงในจ.อุดร โคตรใหญ่สุดๆในอิสาน พี่สาวผมได้เข้าไปเห็นเองกับตาแล้วว่า โกดังของเจ้าเดียว เก็บข้าวจำนำไว้ 10 ล้านตัน ย้ำ!! 10 ล้านตัน ไม่ใช่กิโลนะคับ ข้าวในนั้นแน่นอนที่สุดมีข้าวเก่า และเน่าทิ้งไม่รู้ตั้งเท่าไร แต่เจ้านี้ซวยหน่อย รัฐไม่จ่ายค่าฝากซะที ไม่รู้งบหายไปไหน จึงเป็นโรงสีเดียวในไทยที่ ฟ้องรัฐบาล

-ส่วนที่ญาติผมที่ทำธุรกิจส่งออกการเกษตร ได้รับรู้มา โรงสีในย่านภาคกลาง ผสมข้าวเหี้ยๆมาสวมสิทธิ์ เอาข้าวดีๆขนออกไปขาย พอเวลาเค้าจะมาตรวจ ก็มีสายวงในโทรมากระซิบ พ่อก็เผาข้าวทิ้งเลยครับ ทีนี้จะนับสต็อคได้จั่งได๋ แถมยังได้เงินประกันภัยอีกต่างหาก
ทำกันอย่างนี้มาหลายโรงแระ


สรุปแล้วปล่อยให้มันเป็นไปตามกลไกตลาดจะดีที่สุด ถ้าอยากช่วยเหลือชาวนา รัฐควรจะอุดหนุนทางอื่น เช่นเพราะกล้าสายพันธุ์ดีๆแจกฟรีๆไปแม่งเลย เรื่องปุ๋ยเรื่องเครื่องมือก็จะสนับสนุนยังไงก็ว่ากันไปน่าจะดีกว่า ถ้าข้าวเราคุณภาพดี ผลผลิตต่อไร่สูง มีรึที่ชาวนาจะขาดทุนตลอดไปแบบนี้ เวียดนามสมัยนี้ปีนึงปลูกข้าวได้4หนแล้ว เนื่องมาจากการพัฒนาสายพันธุ์และการวางแผนการจัดการที่ดี

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ...ไม่บอก..ผมก็ไม่รู้นะเนี้ย...

เรื่องเกษตรกรถ้าปล่อยให้เป็นไปไม่นานคนก็เลิกการเกษตรหมดอยู่แล้วเพราะว่าทุกวันนี้มีคนหนุ่มไม่เกิน20เปอร์เซ็นต์เป็นเกษตรกรครับ ที่เหลือคนแก่ทั้งนั้น ผมอยากเห็นคนหนุ่มเป็นเกษตรกรวันเสาร์อาทิตย์มากกว่าจะมาเป็นเกษตรกรเต็มตัว มันไม่คุ้มหรอกเสียดายทรัพยากรมนุษย์อ่ะครับ มีงานหลักทำและมีงานเกษตรแบบพอเพียงเพื่อเป็นการรองรับความไม่แน่นอนด้านการงาน อย่างเห็นโรงเรียนเปลี่ยนแปลง และที่สำคัญอยากเห็นระบบการศึกษาเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ อยากให้คนที่จบมหาลัยต้องสอบเหมือนสอบเอ็นท์เพื่อรับรองว่ามีความรู้พื้นฐานจริงๆ ไม่ใช่บัวๆแบบทุกวันนี้ มีตัง จ่ายครบ จบแน่นอน นี่ไม่อยากได้จริงๆ ไม่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย

อ่านแล้วก็แอบดีใจครับ......

ดีครับ ที่มีการแบ่งข้อมูลและความคิดดี ๆ แบบนี้ สังคมก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ในระดับชาติก็เป็นเรื่องที่รัฐบาล และกลุ่มผลประโยชน์ต่าง ๆ หรือพรรคการเมืองจะบริหารให้เกิดประโยชน์แ่ก่ส่วนรวมให้มากที่สุด ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องเข้ามีส่วนร่วมในการเลือกตั้งเอาคนดี ๆ เข้าไปทำงานและคอยตรวจสอบติดตามด้วย..... แต่ถ้าพวกเรา ๆ ไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวกับการเมือง จะเพราะเหตใด ๆ ก็แล้วแต่ ก็อยากขอให้ทุกคนทำตัวเป็นคนดี เป็นกลไกตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งในสังคมที่มีประสิทธิภาพ ทำให้คนรอบ ๆ ตัวเราเป็นคนดีของสังคม เพื่อเพิ่มน้ำดีไปไล่น้ำเน่าที่ตอนนี้มีเยอะมากในแทบทุกวงการ......
วันนี้คุณเป็นคนดีของสังคมแล้วหรือยัง?......

lekkr เขียน:ดีครับ ที่มีการแบ่งข้อมูลและความคิดดี ๆ แบบนี้ สังคมก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ในระดับชาติก็เป็นเรื่องที่รัฐบาล และกลุ่มผลประโยชน์ต่าง ๆ หรือพรรคการเมืองจะบริหารให้เกิดประโยชน์แ่ก่ส่วนรวมให้มากที่สุด ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องเข้ามีส่วนร่วมในการเลือกตั้งเอาคนดี ๆ เข้าไปทำงานและคอยตรวจสอบติดตามด้วย..... แต่ถ้าพวกเรา ๆ ไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวกับการเมือง จะเพราะเหตใด ๆ ก็แล้วแต่ ก็อยากขอให้ทุกคนทำตัวเป็นคนดี เป็นกลไกตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งในสังคมที่มีประสิทธิภาพ ทำให้คนรอบ ๆ ตัวเราเป็นคนดีของสังคม เพื่อเพิ่มน้ำดีไปไล่น้ำเน่าที่ตอนนี้มีเยอะมากในแทบทุกวงการ......
วันนี้คุณเป็นคนดีของสังคมแล้วหรือยัง?......

ขอ เป็นกลไกตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งในสังคมที่มีประสิทธิภาพ ทำให้คนรอบ ๆ ตัวเราเป็นคนดีของสังคม เพื่อเพิ่มน้ำดีไปไล่น้ำเน่าที่ตอนนี้มีเยอะมากในแทบทุกวงการ...... สนับสนุนเต็ม 100 ครับ

dewdew เขียน:

lekkr เขียน:ดีครับ ที่มีการแบ่งข้อมูลและความคิดดี ๆ แบบนี้ สังคมก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ในระดับชาติก็เป็นเรื่องที่รัฐบาล และกลุ่มผลประโยชน์ต่าง ๆ หรือพรรคการเมืองจะบริหารให้เกิดประโยชน์แ่ก่ส่วนรวมให้มากที่สุด ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องเข้ามีส่วนร่วมในการเลือกตั้งเอาคนดี ๆ เข้าไปทำงานและคอยตรวจสอบติดตามด้วย..... แต่ถ้าพวกเรา ๆ ไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวกับการเมือง จะเพราะเหตใด ๆ ก็แล้วแต่ ก็อยากขอให้ทุกคนทำตัวเป็นคนดี เป็นกลไกตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งในสังคมที่มีประสิทธิภาพ ทำให้คนรอบ ๆ ตัวเราเป็นคนดีของสังคม เพื่อเพิ่มน้ำดีไปไล่น้ำเน่าที่ตอนนี้มีเยอะมากในแทบทุกวงการ......
วันนี้คุณเป็นคนดีของสังคมแล้วหรือยัง?......

ขอ เป็นกลไกตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งในสังคมที่มีประสิทธิภาพ ทำให้คนรอบ ๆ ตัวเราเป็นคนดีของสังคม เพื่อเพิ่มน้ำดีไปไล่น้ำเน่าที่ตอนนี้มีเยอะมากในแทบทุกวงการ...... สนับสนุนเต็ม 100 ครับ

เมื่อ( 24 มิถุนายน)มีคนกลุ่มหนึ่งไปร่วมรำลึกถึงการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยที่..หมุดทองเหลือง ลานพระรูปฯ..เพื่อแสดงให้เห็นว่ามัน...ผ่านมา 81 ปี...

ผมถามแล้วยังไงต่อ คงต้องอีกสัก 81 ปีมั้ง

ทฤษฎี ...น้ำดี ไล่น้ำเน่า... ถูกพิสูจน์ในทางปฏิบัติที่เป็นจริงกว่า 4 ทศวรรษแล้วว่า สุดท้าย น้ำดี แพ้น้ำเน่า และที่เลวร้ายที่สุด น้ำดีกลับแปรสภาพกลายไปเป็นน้ำเน่า เสียเอง... เท่าที่เห็นและเป็นอยู่ก็มีเพื่อนๆของผมหลายคนเป็นเช่นนั้น

ชนชั้นกลางที่เป็นพลังชี้นำสังคมพลังหนึ่งของเรานั่นแหละที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องมากหรอกครับ สำหรับท่านที่มีลูกในรุ่นนี้ซึ่งแน่นอนก็จะมีหลานต่อไปอีกในรุ่นหน้าตามที่เขาคำนวณไว้ว่าต้องก้มหน้ารับกรรมอีกอย่างน้อย 30 ปี (ผมโชคดี ที่ตัดกรรมออกไปได้อีก 1 ชั่วรุ่นคน) ไม่ต้องใส่หน้ากาก ไม่ต้องสนใจว่าสีอะไร ถามหัวใจของตัวเองดู ว่าเราอยากให้บ้านเมืองของเราที่เห็นและเป็นอยู่นี้ส่งต่อไปให้คนรุ่นต่อๆไปที่เป็น..ลูกหลาน..แบบนี้ใช่ไหม

อย่าคิดนาน อย่าคิดยอกย้อน วกไปวนมา (ซึ่งเป็นท่วงทำนองของชนชั้นกลางที่เป็น..จุดอ่อนด้อยที่สุด..ที่อีกฝ่ายหนึ่งซึ่งก็เรียนตำราเล่มเดียวกันมายึดกุมได้ เขาถึงไปใช้..กำลังของอีกชนชั้นหนึ่งมาขับเคลื่อนสังคมไง..)

1..2..3..เอ้าตอบเลย ตอบตามสิ่งที่..หัวใจ..ของตนเองเรียกร้องออกมาอย่างนั้น

การเคลื่อนไหวทางการเมืองร่วมสมัยจากปี 2516 ถึงปัจจุบัน คนรุ่นผมต่างผ่าน และเข้าร่วมกันมาในระดับที่แน่นอนอย่างน้อยก็คนละครั้ง สองครั้ง (ส่วนตัวเหมา 4 ) บ้านเมืองขณะนี้สาหัสกว่าทุกครั้งครับ(ถนอม-ประภาส-ณรงค์/รัฐบาลหอย /แกงเผ็ดผสมบรั่นดี/ บุฟเฟห์คาร์บิเนต/ บิ๊กจ๊อด ฯ ต้องหลบ ชิดขวาไปเลย ) เท่าที่เรา..ศิษย์เก่ามหิดล..ร่วมกันวิเคราะห์แบบกลุ่มย่อยตามข้อมูลที่ได้มาซึ่งยังอาจจะครอบคลุมไม่ลึกและรอบด้านมากนักแต่ก็ใกล้เคียงกับการวิเคราะห์แบบกระแสหลัก ขึ้นอยู่กับ เราๆ ท่านๆ แล้วล่ะครับ ว่าจะกำหนดท่าทีต่อสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้อย่างไร

...เราทุกคนล้วนแบบสัมภาระมาด้วยกันคนละ 4 ห่อกับอีก 1 จิตวิญญาณ... ถ้าจัดการด้วยท่าที/แนวคิดที่เหมาะสม สัมภาระทั้ง 4 ห่อนั้นก็จะเป็นต้นทุน หรือเสบียงกรังให้เราก้าวเดินไปข้างหน้าได้ ในทางตรงกันข้าม มันก็พร้อมที่จะเป็นตัวถ่วงที่หนักอึ้งขนาดขยับก้าวขาไปข้างหน้าไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว มิหนำซ้ำที่ร้ายที่สุดบางครั้งมันยังยุด ฉุด ดึงเราถอยหลังไปได้อีกหลายก้าวทีเดียว...

...เดือนสิงหาคม...กระพริบตาอีก 2 ทีก็ถึงแล้ว...ที่สำคัญ...อย่ากระพริบตา ว่ากันว่า ไคลแม็กซ์มันจะอยู่แถวๆนั้นครับ

เตรียม...จัดการสัมภาระ 4 ห่อ กับ ความคิดชี้นำของแต่ละคน...กันล่วงหน้าแล้วหรือยัง

อาทิตย์นี้มีแข่งชิงแชมป์แห่งประเทศไทยนะครับ ผลการแข่งขันก็จะแจ้งให้ทราบภายหลังนะครับ

อาทิตย์นี้ไม่ได้ออกรอบนะครับเนื่องจากผมจะต้องไปต่างประเทศ ทริปหน้าจะไปเขื่อนบนเขื่อนล่างที่ชัยภูมนะครับ วันเวลาจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหลังจากผมกลับมาแล้วนะครับ เส้นทางก็ราวๆ 160กิโลเมตรเศษครับ จะรวมตัวที่หน้าเซนต์แมรี่นะครับ ออกเดินทาง6:00เราจะไปทางจอหอ ผ่านโนนไทย ผ่านพระทองคำ เข้าจัตุรัส ถึงในเมืองชัยภูมิ ผ่าเมืองตรงไปตาดโตน ก่อนเข้าอุทยานแห่งชาติจะมีแยกซ้าย เราก็จะปั่นไปทางซ้ายเส้นทาง 2051 ไปจบที่เขื่อนบน ถ่ายรูปแล้วก็ปั่นกลับมาที่น้ำตกตาดโตนครับ

สำหรับขาอ่อนหรือแข็งแต่ดันมาอ่นไปซะก่อน ก็ไม่ต้องขึ้นเขาก็ได้ครับ ไปเล่นน้ำรอที่ตาดโตนเลยก็ได้ครับ

เส้นทางถ้าขาอ่อนไม่ไปเขื่อนบนก็140กิโลเมตร ไปเขื่อนบนด้วยก็ราวๆ160กิโลเมตร ทริปนี้จะเดินทางกันตอน6:00เช้า ถ้าทำความเร็วเฉลี่ยประมาณ 25 ก็จะถึงตาดโตนประมาณเที่ยงตรงนะครับ สำหรับคนที่ขึ้นเขาคงกลับมาถึงประมาณบ่ายหนึ่งครึ่งครับ เล่นน้ำกันเล็กน้อยก็กลับบ้าน ทริปนี้น่าจะถึงโคราชราวๆ5โมงเย็นครับ

ทริปนี้จะเป็นทริปที่ยากพอสมควรสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับการปั่นทางไกลแล้วจบที่เมทเท่นพีค เส้นทางไปก็จะเป็นทางขึ้นเนินนิดๆสลับไปมา พอถึงแยกที่จะไปจัตุรัสก็จะเป็นเนินจากนั้นก็เรียบๆไปถึงชัยภูมิ พอออกจากชัยภูมิเข้าตาดโตนก็จะเป็นเนินสลับที่ชันขึ้นมาอีกนิดครับ เมื่อถึงตาดโตนแล้วเลี้ยวซ้ายไปเขื่อนล่างเขื่อนบนมันจะเป็นเขาความชันไม่ชันแบบเขาใหญ่แต่ก็ชันกว่าไปเขามัคค่าครับ ระยะทางก็ประมาณ10กิโลที่ชันยาว จากนั้นก็จะลดลงเป็นเนินสลับอีก10กิโลไปที่เขื่อน ถ้าง่อยรับประทานกันก่อนก็จะเจอวัดตรงหัวมุมโคงหมู่บ้านแรกทานน้ำแล้วก็ลงเขาก็ได้ครับ ขาลงก็ระวังกันหน่อยรถชาวบ้านวิ่งกันเร็วพอสมควร เส้นทางค่อนข้างดีครับ ระดับความยากของทริปถ้าไปให้ถึงตาดโตนจัดว่าสบายๆครับให้1ดาวถึงหนึ่งดาวครึ่ง บอกตรงๆครับว่าไม่ต่างจากปั่นไปกลับลำพระเพลิงครับ แต่ถ้าจะไปเขื่อนบนด้วย ความยากจะเพิ่มขึ้นมาเป็นสองดาวครับ

วันเวลาจะแจ้งให้ทราบภายหลังนะครับ

ArtKorat เขียน:อาทิตย์นี้มีแข่งชิงแชมป์แห่งประเทศไทยนะครับ ผลการแข่งขันก็จะแจ้งให้ทราบภายหลังนะครับ

อาทิตย์นี้ไม่ได้ออกรอบนะครับเนื่องจากผมจะต้องไปต่างประเทศ ทริปหน้าจะไปเขื่อนบนเขื่อนล่างที่ชัยภูมนะครับ วันเวลาจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหลังจากผมกลับมาแล้วนะครับ เส้นทางก็ราวๆ 160กิโลเมตรเศษครับ จะรวมตัวที่หน้าเซนต์แมรี่นะครับ ออกเดินทาง6:00เราจะไปทางจอหอ ผ่านโนนไทย ผ่านพระทองคำ เข้าจัตุรัส ถึงในเมืองชัยภูมิ ผ่าเมืองตรงไปตาดโตน ก่อนเข้าอุทยานแห่งชาติจะมีแยกซ้าย เราก็จะปั่นไปทางซ้ายเส้นทาง 2051 ไปจบที่เขื่อนบน ถ่ายรูปแล้วก็ปั่นกลับมาที่น้ำตกตาดโตนครับ

สำหรับขาอ่อนหรือแข็งแต่ดันมาอ่นไปซะก่อน ก็ไม่ต้องขึ้นเขาก็ได้ครับ ไปเล่นน้ำรอที่ตาดโตนเลยก็ได้ครับ

เส้นทางถ้าขาอ่อนไม่ไปเขื่อนบนก็140กิโลเมตร ไปเขื่อนบนด้วยก็ราวๆ160กิโลเมตร ทริปนี้จะเดินทางกันตอน6:00เช้า ถ้าทำความเร็วเฉลี่ยประมาณ 25 ก็จะถึงตาดโตนประมาณเที่ยงตรงนะครับ สำหรับคนที่ขึ้นเขาคงกลับมาถึงประมาณบ่ายหนึ่งครึ่งครับ เล่นน้ำกันเล็กน้อยก็กลับบ้าน ทริปนี้น่าจะถึงโคราชราวๆ5โมงเย็นครับ

ทริปนี้จะเป็นทริปที่ยากพอสมควรสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับการปั่นทางไกลแล้วจบที่เมทเท่นพีค เส้นทางไปก็จะเป็นทางขึ้นเนินนิดๆสลับไปมา พอถึงแยกที่จะไปจัตุรัสก็จะเป็นเนินจากนั้นก็เรียบๆไปถึงชัยภูมิ พอออกจากชัยภูมิเข้าตาดโตนก็จะเป็นเนินสลับที่ชันขึ้นมาอีกนิดครับ เมื่อถึงตาดโตนแล้วเลี้ยวซ้ายไปเขื่อนล่างเขื่อนบนมันจะเป็นเขาความชันไม่ชันแบบเขาใหญ่แต่ก็ชันกว่าไปเขามัคค่าครับ ระยะทางก็ประมาณ10กิโลที่ชันยาว จากนั้นก็จะลดลงเป็นเนินสลับอีก10กิโลไปที่เขื่อน ถ้าง่อยรับประทานกันก่อนก็จะเจอวัดตรงหัวมุมโคงหมู่บ้านแรกทานน้ำแล้วก็ลงเขาก็ได้ครับ ขาลงก็ระวังกันหน่อยรถชาวบ้านวิ่งกันเร็วพอสมควร เส้นทางค่อนข้างดีครับ ระดับความยากของทริปถ้าไปให้ถึงตาดโตนจัดว่าสบายๆครับให้1ดาวถึงหนึ่งดาวครึ่ง บอกตรงๆครับว่าไม่ต่างจากปั่นไปกลับลำพระเพลิงครับ แต่ถ้าจะไปเขื่อนบนด้วย ความยากจะเพิ่มขึ้นมาเป็นสองดาวครับ

วันเวลาจะแจ้งให้ทราบภายหลังนะครับ

เตรียมตัว เตรียมใจวัดพลัง กันอีกแล้ว อากาศเป็นใจให้ก็ดี ขอตัวและหัวแอบไปซ่อมก่อนนะ...ครับ

มีใครรู้ผลที่ระยองบ้าง