Re: ***LIVINGROOM RAMINDRA (JAN-DEC.2015)
โพสต์: 24 มิ.ย. 2015, 11:23
อาทิตย์ที่28มิย.2558 รามอินทรามีนัดกันปั่นไปย้อนรอยไปโบราณสถานดงละคร และ ปั่นกลับมากินอาหารอร่อยอยู่ริมแม่น้ำนครนายก ราคาชาวบ้านที่ครัวคุ้งน้ำองค์รักษ์ โดยเริ่มสตาร์ทจาก วัดมูลจินดาคลอง5เวลา8.00น.
ดงละคร เป็นดินแดน เมืองโบราณเก่าแก่ น่าสนใจ แฝงด้วยกับเรื่องลี้ลับ ของท้องถิ่นนี้คือ ถ้าเป็นคืนวันพระ จะได้ยินเสีบงดนตรีไทย ในยามค่ำคืน แต่หาที่มาของเสียงไม่ได้ ต่อจากนี้ไปจะเป็นเรื่องเล่าขาน และ เราเคยไปกันมาแล้วครั้งนึง มันเป็นบรรยากาศที่วังเวง ยังงัยชอบกล เราจะไปสัมผัสกันอีก
จากข้อมูลของการท่องเที่ยวไทยจังหวัดนครนายก กล่าวถึงเมืองลับแลดงละครไว้
ว่า เคยเป็นเมืองของราชินีขอมซึ่งเป็นที่รโหฐานบุคคลอื่นไม่สามารถเข้าออกได้ ประกอบ
กับลักษณะของบริเวณเมือง มีไม้ใหญ่ขึ้นอยู่ทั่วไป ใครเข้าไปแล้วอาจหาทางออกไม่ได้ จะ
ต้องวนเวียนอยู่ในดงนั้นเองและในวันโกนวันพระจะได้้ยินเสียงกระจับปี่ ซอ ปี่พาทย์ มโหรี
ขับกล่อม คล้าย ๆกับมีการเล่นละครในวัง ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า “ดงละคร ” หรืออีกนัยหนึ่ง
คำว่า “ ดงละคร ” นั้นอาจเพี้ยนมาจาก “ ดงนคร ”
เรื่องเล่าเกี่ยวกับเมืองลับแลนั้นมีอยู่ทั่วไปในถิ่นต่าง ๆของประเทศไทยโดยมีโครง
เรื่องเกี่ยวกับเมืองลึกลับตามถ้ำตามป่าเขา เช่น เมืองลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ เมืองลับแลที่
ถ้ำเขาหลวง จังหวัดเพชรบุรี เมืองลับแลที่จังหวัดราชบุรี เป็นต้น
จุดเด่นของเมืองลับแลในเรื่องเล่าของไทยส่วนใหญ่จะผูกพันในเรื่องของเสียงเพลง
เสียงดนตรี ที่ดังมาจากเมืองดังกล่าว เช่น เสียงดนตรีจากบ้านดงละคร ถ้ำเขาหลวง เขาวัง
สะดึง จังหวัดราชบุรีเป็นต้น หรือจะมีเรื่องของความซื่อสัตย์ ความซื่อสัตย์ขยันทำมาหากิน
ซื่อตรง ต่อความรัก เข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย
เมืองลับแลอาจถูกมองว่าเป็นเพียงเรื่องเล่าธรรมดาสามัญประจำท้องถิ่น ซึ่งฟังสืบต่อ
กันมาและอาจมองดูไร้สาระในสายตาของคนปัจจุบัน แต่ก็สภาวะจริงของสังคมทางความเชื่อ
สะท้อนถึงความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับวิถีชีวิต วัฒนธรรมและถิ่นฐานชนชาติพันธ์ต่าง ๆ กับสิ่ง
แวดล้อมของชุมชน
เรื่องเมืองลับแลวันนี้อาจจางหายไปตามสภาพป่าเขาลำเนาไพรที่ลดลงไปเพราะความ
เจริญทางวัตถุของบ้านเมืองในปัจจุบัน แต่ก็เป็นกรณีศึกษาที่เราท่านทั้งหลายไม่ควรปล่อย
ให้ผ่านเลยไปอย่างไร้ค่า เพราะอย่างน้อยเป็นปรากฎการณ์ที่สามารถนำสู่การอธิบายสังคม
ไทยเราได้
บ้านดงละคร..ภาพสะท้อนหนึ่งของผู้คนที่น่าศึกษาครับ
จากข้อมูลของการท่องเที่ยวไทยจังหวัดนครนายก กล่าวถึงเมืองลับแลดงละครไว้
ว่า เคยเป็นเมืองของราชินีขอมซึ่งเป็นที่รโหฐานบุคคลอื่นไม่สามารถเข้าออกได้ ประกอบ
กับลักษณะของบริเวณเมือง มีไม้ใหญ่ขึ้นอยู่ทั่วไป ใครเข้าไปแล้วอาจหาทางออกไม่ได้ จะ
ต้องวนเวียนอยู่ในดงนั้นเองและในวันโกนวันพระจะได้้ยินเสียงกระจับปี่ ซอ ปี่พาทย์ มโหรี
ขับกล่อม คล้าย ๆกับมีการเล่นละครในวัง ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า “ดงละคร ” หรืออีกนัยหนึ่ง
คำว่า “ ดงละคร ” นั้นอาจเพี้ยนมาจาก “ ดงนคร ”
เรื่องเล่าเกี่ยวกับเมืองลับแลนั้นมีอยู่ทั่วไปในถิ่นต่าง ๆของประเทศไทยโดยมีโครง
เรื่องเกี่ยวกับเมืองลึกลับตามถ้ำตามป่าเขา เช่น เมืองลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ เมืองลับแลที่
ถ้ำเขาหลวง จังหวัดเพชรบุรี เมืองลับแลที่จังหวัดราชบุรี เป็นต้น
จุดเด่นของเมืองลับแลในเรื่องเล่าของไทยส่วนใหญ่จะผูกพันในเรื่องของเสียงเพลง
เสียงดนตรี ที่ดังมาจากเมืองดังกล่าว เช่น เสียงดนตรีจากบ้านดงละคร ถ้ำเขาหลวง เขาวัง
สะดึง จังหวัดราชบุรีเป็นต้น หรือจะมีเรื่องของความซื่อสัตย์ ความซื่อสัตย์ขยันทำมาหากิน
ซื่อตรง ต่อความรัก เข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย
เมืองลับแลอาจถูกมองว่าเป็นเพียงเรื่องเล่าธรรมดาสามัญประจำท้องถิ่น ซึ่งฟังสืบต่อ
กันมาและอาจมองดูไร้สาระในสายตาของคนปัจจุบัน แต่ก็สภาวะจริงของสังคมทางความเชื่อ
สะท้อนถึงความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับวิถีชีวิต วัฒนธรรมและถิ่นฐานชนชาติพันธ์ต่าง ๆ กับสิ่ง
แวดล้อมของชุมชน
เรื่องเมืองลับแลวันนี้อาจจางหายไปตามสภาพป่าเขาลำเนาไพรที่ลดลงไปเพราะความ
เจริญทางวัตถุของบ้านเมืองในปัจจุบัน แต่ก็เป็นกรณีศึกษาที่เราท่านทั้งหลายไม่ควรปล่อย
ให้ผ่านเลยไปอย่างไร้ค่า เพราะอย่างน้อยเป็นปรากฎการณ์ที่สามารถนำสู่การอธิบายสังคม
ไทยเราได้
บ้านดงละคร..ภาพสะท้อนหนึ่งของผู้คนที่น่าศึกษาครับ