การขึ้นผาชะนะได
ผู้นำทริปได้สรุปบทเรียนจากทีมอื่น เพื่อให้การขึ้นผาได้เป็นไปตามเป้าหมาย
ก่อนถึงวันนี้ คุณสมชายย้ำ 2-3ครั้งว่า ต้องถึงให้ได้ก่อนตะวันตกดิน
ไม่งั้นนอนกลางป่าแถมอดดูอาทิตย์แรกขึ้นอีกด้วย
จากจุดนี้ เราจะเสียเวลามากที่สุด เพราะต้องจูงจักรยานเดินราว 10กว่าโล
ตลอดเส้นทาง จะมีทิวทัศน์ที่ชวนให้ต้องหยุด
ก็ยิ่งทำให้เสียเวลาเช่นกัน
นี่เป็นภาพขากลับ ซึ่งเราสามารถไหลจักรยานลงมาเองได้
แต่เส้นทางจะเป็นแบบนี้ แถมเป็นทรายที่ทำให้ล้มได้
ขาลงจะลงได้เร็วกว่าขาขึ้นมาก
สภาพเส้นทางแบบนี้ครับ มีแต่ต้องจูงกับจูงเท่านั้น
ขาขึ้นไม่ไหวครับ เพราะทางก็แคบแถมขาดตอนอย่างนี้ตลอดเส้นทาง
แต่ขาลงสบายมาก ปล่อยไหลและบังคับรถอย่างเดียว
นักท่องเที่ยวนิยมเอาก้อนหินมาต่อเรียงให้สูงที่สุด ซึ่งจะเห็นได้ทั่วไป
ไม่รู้ว่า เพื่อสิริมงคลแก่ตัวเองด้านใด
คนขับรถที่นอนค้างเพื่อรอรับเด็กนักเรียนที่มาค้างแรมที่ผาชะนะไดบอกกับพวกเราว่า ระยะทางราว 5กม.
"หา! ต้องจูงอีก 11กิโลเลยหรือ?"
จูงมาตั้งหลายกิโล ป้านนี้เป็นป้ายแรกที่เห็น
แสดงว่า คนขับรถไม่เคยขึ้นมาจริง
ก่อนถึงนี่ราว 1กม. จะเริ่มปั่นได้
นอกนั้นต้องจูงมาตลอดครับ
ผู้พันโกวิทประกบเฮียเพ้งตลอดและกำลังตามมา
ผมเป็นห่วงเฮียเพ้งที่อายุ 68แล้ว จะไหวไม่เนี่ย
ถ้าไม่ไหว ผู้พันก็ต้องกางเต๊นท์นอนกลางป่าเป็นเพื่อน
เส้นทางราว 4กม.สุดท้ายจะเป็นแบบนี้
ปั่นได้สบายครับ
มาถึงแล้ว ก็คุ้มค่าเหนื่อย
ถ้าไม่มีนักเรียนกลุ่มนี้มาด้วย ก็มีแค่พวกเรา 5คนกับชาวมองโกเลียอีกคนที่ขับมอร์ไซด์ขึ้นมา
ที่นี่ ไม่มีสัญญานโทรศัพท์ครับ
เฮียเพ้ง"ยังไงต้องมาให้ถึง ไม่งั้นต้องค้างคาใจ แล้วไม่รู้จะได้มาอีกหรือเปล่า"
ผู้พันโกวิทลำบากกว่าเพื่อน เพราะใส่คลิปและยางเล็กอีกต่างหาก
ตั้ม -ออกทริปทางไกลครั้งแรก จึงเตรียมของมามากเกินจำเป็น
เป็นคนแข็งแรงมาก แบกน้ำหนัก 20กว่าโล ก็ถึงเหมือนกัน
อาทิตย์แรกขึ้นที่นี่ก่อนใครในประเทศไทย
ระหว่างรอถ่ายภาพอาทิตย์แรกขึ้น
ขาลงเจอควายตกลูกสดๆ
มันจ้องตาเขม็ง เล่นเอาพวกเราเครียดเหมือนกัน
ต้องหยุดนิ่งกับที่ ไม่กล้ากระดิกเลย
![รูปภาพ](https://lh5.googleusercontent.com/-s3NOROOCoR4/UQNC17qmyaI/AAAAAAAAR6A/wuIr1RzRneA/s800/IMG_0958.JPG)