บทความบางส่วนครับ
ลองอ่านบทความข้างล่างนี้ดูนะครับ แล้วจะรู้ว่ารอบขาสูงๆนั้นสำคัญไฉน
จะว่าไปแล้ว จักรยานใครๆก็ขี่เป็น " แต่ขี่ได้กับขี่เป็นนั้นต่างกัน " เมื่อมาพูดถึงรอบขาในการปั่นลูกบันได หลายคนอาจคิดว่ามันง่ายแต่ความเป็นจริงมันไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะการปั่นจักรยานที่รอบขาเร็วๆ 80 - 160 รอบ/นาที ต้องอาศัยการฝึกฝน โดยปกติเราแบ่งการพัฒนารอบขาออกเป็น 3 ขั้นคือ ขั้นพื้นฐาน 60 -90 รอบ/นาที ขั้นกลาง 90 -120 รอบ/นาที ขั้นสูง 120 - 160 รอบ/นาที ทั้งสามขั้นตอนเราต้องรู้วิธีปั่นลูกบันไดว่าถ้าปั่นช้าจะวางเท้าในการปั่นอย่างไร เราจะใช้ข้อเท้าในการปั่นให้เป็นวงกลมได้อย่างไร นี่เป็นศาสตร์ที่ต้องศึกษา
องค์ประกอบของการฝึกรอบขาขึ้นอยู่กับ : ความยาวของก้านบันได, จำนวนฟันของใบจาน, การวางเท้าในการปั่นลูกบันได, ความสามารถในการใช้ข้อเท้าในการปั่น, ท่านั่งที่สมดุลย์ เป็นต้น
" ถ้าต้อองการพัฒนารอบขาในการปั่นให้เร็วๆให้ใช้ก้านบันไดสั้นๆและฝึกปั่นกับใบจานเล็กๆความยาวก้านบันไดที่ใช้ตั้งแต่ 165-170 มิลลิเมตร รอบขาที่ได้จะประมาณ90 -120 รอบขึ้นไป ( ปั่นที่รอบขาเสมอนะครับ ) แต่ถ้ามีการเร่งความเร็วรอบขาจะเร็วขึ้นถึง120-160 รอบ ( นักจักรยานประเภทลู่จะเห็นเด่นชัดมากเวลาเขาสปริ้นท์เร่งความเร็วเข้าเส้นชัย ) แต่ความเป็นจริงคุณต้องมีศิลปะในการปั่นและควบคุมรถของคุณให้ "สมูด "ด้วย ในการแข่งขันจักรยานเสือภูเขารอบขาที่ใช้ในการปั่นจริงอยู่ระหว่าง75 - 120 รอบ/นาทีเท่านั้น แต่ในการแข่งขันจักรยานประเภทถนนจะใช้รอบขาประมาร 100-140 รอบ/นาที และประเภทลู่ใช้รอบขาตั้งแต่ 120 รอบ/นาทีขึ้นไป
วิธีการฝึกรอบขา: ขั้นพื้นฐาน 60-90 รอบ/นาทีให้ปั่นสบายๆ การวางเท้าให้ส้นเท้าต่ำกว่าปลายเท้าเล็กน้อย ( การวางส้นเท้าต่ำเพื่อให้เกิดแรงดันลูกบันไดมากขึ้น ประโยชน์ใช้ในการปั่นขึ้นเขาหรือเส้นทางชันๆ ) ขั้นกลาง :รอบขา 90 -120 รอบ/นาทีให้ปั่นลูกบันไดให้เร็วขึ้นเป็นขั้นที่ฝึกต่อจากขั้นพื้นฐาน การวางเท้าในการปั่นลูกบันไดให้วาง ปลายเท้าและส้นเท้าเสมอกับลูกบันได ประโยชน์ใช้ในการปั่น TTT( จับเวลา ) ปั่นเร็ว หรือปั่นหนีคู่แข่งขันฯ ขั้นสูง: รอบขา 120-160 รอบ/นาที ให้บันลูกบันไดให้เร้วที่สุด ประโยชน์ใช้ ปั่นหนีคู่แข่งขัน,สปริ้นท์เข้าเส้นชัย ,จี้มอเตอร์ไซค์ ,ขี่ลงเขา อย่างไรก็ตาม ขอให้ชาวเสือใจเย็นๆให้ฝึกจากง่ายไปหายากแล้วจะพบว่า " ความเร็วรอบขาที่คุณมีคืออาวุธคู่กายของนักปั่นชั้นยอดที่ฝึกรอบขามาดีแล้ว ถ้าใครดูโอลิมปิกที่เอเธนธ์ " ในการแข่งขัน xcเสือภูเขาชาย " บาส จากเนเธอร์แลนด์นั้นรอบขาสู้ที่ 1และที่ 2 ไม่ได้ ที่ชัดๆก็คือ แลนซ์ ใช้รอบขาที่เร็วกว่าคนอื่นๆเอาชนะในช่วงขี่ขึ้นเขา ฟาดแชมป์ตูเดอร์ ฟรอง ไปครอง 6 สมัยซ้อนๆครับ " ที่สำคัญการวางเท้าในการปั่นและท่านั่งปั่นของพี่แกไม่เหมือนใคร แต่ที่รู้ๆใช้วิธีการปั่นแบบเสือภูเขาจ่ะ โชคดีปีใหม่ครับครับเพื่อนชาวเสือนี่คือ " ศาสตร์และศิลป์ในการพัฒนารอบขาในการปั่นจักรยานสู่ความเป็นเลิศครับ " ขอมอบให้พี่น้องชาวเสือทุกๆคน
ความจริงความสูงของอานก็ขึ้นอยู่กับขนาดความยาวของขาในแต่ละคนครับ ส่วนผมเซทความสูงของอานตามหลัก Heel Method ครับซึ่ง ทำได้ง่ายและรวดเร็วดีดังนี้
1.คุณจะต้องใส่รองเท้าขี่จักรยานด้วยเสมอเมื่อต้องการเซทความสูงของอาน
2.ให้ขึ้นนั่งครมบนอานจักรยานและหมุนลูกบันไดถอยหลังจนก้านบันไดเป็นเส้นตรงกับแป๊บท่อนั่ง( Seat tube ) ของตัวถัง
3.ให้นำตรงกลางส้นเท้าด้านที่ถนัด( แต่ละคนไม่เหมือนกัน ) เหยียบลูกบันไดที่ตรงกลางของแกนลูกบันไดพอดี
4.หลังจากนั้นให้ปรับอานให้สูงขึ้นเรื่อยๆจนขาเหยียดตึงเป็นเส้นตรง โดยที่มีส้นเท้ายังวางอยู่บนลูกบันไดนั้นเท่านี้ก็ได้ความสูงของอานแล้วครับ
คราวนี้ก็มาถึงการเลือนอานไปข้างหน้าหรือข้างหลัง โดยใช้หลัก Knee over pedal โดยดิ่งลูกดิ่งจาก knee cap ไปที่ตรงกลางของแกนลูกบันไดในขณะที่เท้าใสคริปติดอยู่กับบันไดนั้น( บันไดต้องขนานพื้น ) ถ้าเส้นตรงจากลูกดิ่งเลยแกนกลางบันไดไปข้างหน้าก็ให้ปรับเลื่อนอานมาข้างหลังจนเส้นตรงจากลูกดิ่งมาอยู่ตรงกลางของลูกบันไดพอดี ในกรณีเดียวกันถ้าเส้นตรงจากลูกดิ่งเลยมาข้างหลังแกนลูกบันไดก็ให้เลื่อนอานไปข้างหน้าจนเส้นตรงมาอยู่ตรงกับแกนลูกบันไดพอดี * เมื่อได้ทั้งความสูงของอานและตำแหน่ง Knee over pedal แล้ว คราวนี้ก็ใช้ระดับน้ำมาปรับอานให้ขนานพื้น ผู้ชาย จมูกปลายอานด้านหน้าจะต่ำลง1 - 2 มิล ผู้หญิงจมูกปลายอานด้านหน้าต่ำลง 2 -
3 มิล ปลาย เท่านี้ก็ไม่ทำให้ระคายเคืองก้นแล้วครับ แน่นอนรอบขากับตำแหน่งการนั่งปั่นมันเกี่ยวข้องกันอย่างมาก เช่น ขี่เร็วมากๆจะนั่งเถือบก้นไปด้านหน้าอาน ขี่เร็วปานกลางนั่งเต็มอาน ขี่ขึ้นเขาลาดยาวขึ้นเรื่อยๆจะนั่งเถือบก้นมาด้านหลัง แต่ถ้าเข้าชันๆแบบเสือภูเขาจะนั่งเถือบก้นไปข้างหน้าครับ หมายเหตุ: เถือบก้นไปข้างหน้าจะใช้กล้ามเนื้อหน้าขาด้านหน้า" ครอ ได เซฟ " มาก ก้นเต็มอานจะใช้กล้ามเนื้อขาทั้งด้านหน้าและหลังคือ " ครอ ไดเซฟ และ แฮมสะติง"เท่าๆกัน เถือบก้นมาข้างหลังจะใช้กล้ามเนื้อ" แฮมสะติง "มากที่สุด เวลาแข่งขันผมจะใช้ท่านั่งทั้งสามสลับกันไป-มาตามลักษณะเส้นทางที่แข่งขัน ส่วนเรื่องความสูงของอานขณะขี่ขึ้นเขาจะต้องต่ำหรือไม่นั้นเมื่อทำตามที่บอกก็ทดลองไปปั่นขึ้นเขาดูสำหรับผมคิดว่าถ้าเซทความสูงของอานมาดีแล้วการวางส้นเท้าต่ำก็ไม่ควรลดอานต่ำลงหรอกครับ *วิธีการตั้งความสูงของอานนั้นมีอยู่หลายวิธีที่รู้ๆกันอยู่แต่ผมชอบวิธี Heel Method ครับเพราะมันง่ายดี
หากเราจะผันตัวเองจากการปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพ /ท่องเที่ยวล่ะก็เราต้องเริ่มฝึกรอบขาหรือขี่ซอยขาดังนี้ครับ
1.ต้องมีไมล์รถจักรยานที่มีวัดรอบขาได้ 2. เริ่มต้นการปั่นเพื่อสร้างรอบขาง่ายๆก่อน " ภาษาจักรยานเรียกว่า การขี่ซอย " คือคุณควรใช้จานกลาง ( 2 ) เป็นจานที่ฝึกปั่นซอยขา โดยเลือกเฟืองหลังที่ไม่หนักหรือเบาเกินไป ( แต่ละคนไม่เท่ากัน) 3.ระยะแรกๆทำรอบขาซอยเท้าให้ได้ 90- 100 รอบ( RPM ) /นาทีก่อน ดูที่ไมล์จักรยานและให้พยายามรักษารอบขานั้นไว้3 - 5 นาที4.หลังจากทำได้ตามข้อที่ 3 แล้วให้ผ่อนคลายด้วยการปั่นสบายๆไปอีก 5 นาที แล้วเริ่มต้นจากข้อที่ 3 ใหม่ ทำอย่างนี้สลับกันไปเรื่อยวัลละอย่างน้อย30-60 นาที 5. เมื่อร่างกาย+กล้ามเนื้อคุณรับได้แล้วค่อยๆเพิ่มระยะเวลาในการฝึกให้มากขึ้น คุณสามารถเพิ่มเวลาฝึกรอบขามากขึ้นจาก 1ชม.จนถึง3ชม.ขั้นตอนในการฝึก; 1.ฝึกด้วยตนเองขี่คนเดียว 2.ฝึกกับเพื่อนผลัดกันขี่นำคนขี่ตามให้เปลี่ยนเกียร์ ให้เบากว่าคนนำ 1 - 2 เกียร์ ( รอบขาจะเร็วกว่าคนนำ ) 3 .ฝึกขี่ตามลม 4. ฝึกขี่ลงเขาหรือเนิน 5. ฝึกขี่อยู่บนลูกกลิ้ง 6.ฝึกจี้รถมอเตอร์ไซค์ หมายเหตุ; การฝึกรอบขาหรือการฝึกซอยขานั้นจะใช้ข้อเท้ามาก ข้อเท้าจะต้องไม่เกรง พยายามปั่นลูกบันไดให้เป็นวงกลม ปลายเท้าจะอยู่ต่ำกว่าส้นเท้าเสมอ อย่าพะวงกับเรื่องของความเร็วเพราะเราขี่เกียร์เบารถจะวิ่งไม่เร็ว เป้าหมายคือรอบขาต่างหาก ระยะเวลาที่เห็นผล6-8 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย ปัญหาและอุปสรรค์ก็คือคุณต้องตั้งใจและอดทนต่อการเจ็บก้นและก้นชาให้ได้ เมื่อซอยเท้าได้ดีแล้ว( เป็นเรื่องของการฝึกความอดทนหรือแอโรบิกเป็นพื้นฐานก่อนจะไปฝึกความแข็งแรงและความเร็ว ในขั้นต่อไป) สำหรับเรื่องจานและเฟืองให้ใช้จานกลาง ( 2 ) เลือกตามชอบของแต่ละบุคคลครับ นิดหนึ่ง*คุณหมอครับ ; เรื่องการปั่นส้นเท้าต่ำ( จะใช้มากกับการปั่นจักรยานเสือภูเขา /แข่งประเภทถนน/ไทม์ไทล์อัล ส่วนปลายเท้าจิกจะใช้กับประเภทลู่และสปริ้นท์เตอร์)เมื่อลูกบันไดเรามาอยุ่จุดสูงสุด( TDC ) ที่12 นาฬิกา ก็ให้กระดกปลายท้าขึ้นแล้วกดปลายเท้าลงไปจนลูกบันไดลงไปอยู่ที่จุดต่ำสุด ( BDC ) ก็ให้ตะหวัดข้อเท้าขึ้นครับ
เราควรจะใช้จานใบใหญ่ตอนไหนละคับๆๆถ้าจะใช้จานกลางปั่นเร็วๆคงจะยากนะคับ
ใช้ขี่ทางราบ/ขี่ลงเขา/ขี่หนีคู่แข่งขันฯ/ขี่จี้รถ/ขี่ตามลม /สปริ้นท์เข้าเส้นชัยและที่สำคัญใช้ขี่เมื่อเรารู้สึกว่าเราแข็งแรงดีแล้ว (แรงดีไม่มีหมด ) ก็อย่างที่บอกจานกลาง( MTB ) เสือหมอบก็จานเล็ก ( จาน 1 ) เราเน้นซอยรอบขาฉนั้นรถจักรยานจะวิ่งได้ไม่เร็วนัก ต่อเมื่อคุณมีรอบขาเร็วดีแล้วความเร็วจะตามมาทีหลังไม่ว่าจะขี่จานใหญ่หรือเล็กคุณก็สามารถขี่ให้รถเร็วได้ หมายเหตุ:การซอยเท้าเร็วๆนอกจากจะได้รอบขาแล้วคุณยังได้ความอดทนตามมาอีกมากมาย หมายถึงกล้ามเนื้อขาที่คุณมีทุกๆมัดกล้ามเนื้อมันจะอดทนมากขึ้นกับจังหวะการปั่นเร็ว การปั่นซอยรอบขาเร็วๆนอกจากเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการเป็นนักจักรยานแล้วมันช่วยในการลดน้ำหนักตัวได้ดีเพราะการเผาผลาญพลังงานที่นำมาใช้ในการปั่นมักใช้ FATหรือไขมัน เป็นแหล่งพลังงานซึ่งต้องใช้เวลาในการฝึกปั่นนานๆตั้งแต่90 นาทีขึ้นไปยิ่งนานยิ่งดีคือใช้ระดับความหนักของหัวใจ MHR 60-65 % ขึ้นไป ( คนทั่วไปมักเข้าใจผิดคิดว่าถ้าใช้เกียร์หนักๆปั่นและออกแรงมากๆจะช่วยลดน้ำหนักได้ โดยเฉพาะนักกีฬาหน้าใหม่ประเภท " นิวบอย " มักชอบปั่นกันมาก ) ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อขาของคุณเรียวสวยดีครับ ( ขาสวย ) แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ที่กรรมพันธ์ของคุณด้วยนะ ที่แน่ๆขาเล็กลงแน่นอน * จานใหญ่เอาไว้ฝึกความแข็งแรงและความเร็วที่หลัง* การซอยเท้าให้เร็วจะอยู่กับเราเสมอในการขี่จักรยาน ช่วงอบอุ่นร่างกาย ช่วงผ่อนคลายหรือแม้แต่ช่วงปั่นเพื่อฟื้นสภาพร่างกาย( หลังจากการแข่งขันหรือฝึกซ้อมหนัก ) นอกจากนี้การซอยเท้าเร็วๆยังช่วยไล่กรดเล็คติกออกจากกล้ามเนื้อได้เร็วยิ่งขึ้น ช่วยลดการบาดเจ็บกล้ามเนื้อได้ดีครับ ใจเย็นๆค่อยๆฝึกไปที่ล่ะขั้นเดี๋ยวก็เก่งครับ
นานแล้วไม่ได้เข้ามาคุยด้วยกับพี่น้องชาวเสือทุกๆท่าน: เพราะไปเรียนต่อ ป.โท วิทยาศาสตร์การกีฬาฯ เรื่องของรอบขามันเป็นศาสตร์และศิลป์จริงๆครับ ผู้ที่ฝึกกับมันจริงๆก็จะค้นพบในสิ่งที่ผมได้บอกไปนั่นแหละ คุณแมวน้อยลองใช้ความเย็นจากน้ำฝักบัวฉีดที่ข้อเท้าทุกๆวันสลับกับการนวดและยืดเอ็นบริเวณข้อเท้าดูและใช้การฝึกปั่นรอบขาด้วยเกียร์เบาๆดูสิครับ ขอให้ใจเย็นค่อยๆทำ แล้ววันหนึ่งคุณก็จะพบกับความเป็นจริงว่าข้อเท้าคุณมันกลับมาดีเหมือนเดิมและอาจดีกว่าเดิม วิธีการทดสอบก็คือ ก่อนฝึก ให้คุณใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วกลางกำรอบข้อเท้าของคุณทุกครั้งแล้วคุณจะพบความแตกต่างเมื่อระยะเวลามันนานขึ้นจากวันเป้น เดือน ปี ส่วนคุณนิวก็ขอให้พยายามต่อไปคุณมาทูกทางแล้ว และคุณเปาผมขอแนะนำว่าให้คุณซื้อวาสลีนจากรานขายยามาทาตรงก้นและซอกขาเท่านี้คุณก็ปั่นไดฉลุยแล้วครับ ผมเสือเฒ่า เทอร์โบเชื่อว่านักปั่นทุกคนมีศาสตร์แต่ใครจะมีศิลป์มากกว่ากันนั้นมันขึ้นอยู่กับวิธีที่จะนำความรู้มาใช้ให้เหมาะสมพอดีกับตนเองและสถาณการณ์ครับ
บทความของเฒ่า turbo (อ.ปราจิน รุ่งโรจน์)อดีตนักกีฬาจักรยานทีมชาติและผู้ฝึกสอนกีฬาจักรยาน