...สวนกล้วยไม้แสนรัก....
ระวี หญิงสาวเจ้าของสวนกล้วยไม้นางนี้ ดูดีดีเป็นสาวสวยทีเดียว
ปากนิดจมูกหน่อยของเจ้าหล่อนเล่นเอาชายหนุ่มแถวตลาดส่งดอกไม้เคลิ้มเลยเชียว
ในคราวที่หล่อนขับกระบะมาส่งกล้วยไม้เป็นเข่ง ๆ ในตลาด แต่ด้วยความมาดมั่นเด็ดเดี่ยวเหมือนผู้ชายนี้ ทำให้ไม่มีใครกล้ามาวุ่นวายกับหล่อนนัก
ค่ำนี้ก็เหมือนกัน ระวีกับเจิด ลูกน้องคนสนิท ต้องขับรถจากสวนกล้วยไม้ของตัวเอง
ซึ่งรับมรดกมาจากพ่ออีกที เมื่อพ่อตาย ระวีก็ต้องดูแลสวนกล้วยไม้ไปโดยปริยาย
ในตลาดส่งดอกไม้ ผุ้คนมากหน้าหลายตาพากันเลือกซื้อดอกไม้
อยู่กันแน่นขนัด
"เจิด เอาของลง" ระวีสั่งเจิดเสียงดังฟังชัด
"ครับ พี่ " เจิดกุลีกุจอรีบนำเข่งกล้วยไม้ที่มีกล้วยไม้เรียงกันเป้นช่อ ๆ ในเข่ง
ลงบนพื้นถนนทันที มีพ่อค้าแม่ค้าพากันมามุงเยอะมาก เพราะกล้วยไม้สวน ระวี
สวยและดอกพอเหมาะ กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด แต่เพราะหนี้สินของพ่อที่ทำไว้กับ
เพื่อนของพ่อ ที่ระวีต้องนำเงินที่ได้ ไปมอบให้บางส่วน บางเดือนแทบไม่พอใช้
ไม่พอจะให้คนงานด้วยซ้ำ ดีนะ ที่มีเจ้าเจิด
ช่วยงานไม่อย่างนั้น สาวห้าวก็สาวห้าวเถอะ เดี้ยงได้เหมือนกัน
ขายของเสร็จรับเงินเสร็จสรรพ นับเงินมาแบดู ระวี หน้านิ่ว
"เจิด พรุ่งนี้กล้วยไม้ที่สวนเราตัดได้อีกเท่าไหร่" ระวีถาม
"พี่ มันออกไม่ทันตัดน่ะสิ วันนี้คุมคนงานตัด ยังบ่นกันเลยว่า
กล้วยไม้มันไม่ออกดอกอะ บางช่อก็ยังเล็กตัดไม่ได้ครับพี่
แล้วอากาศเย็นด้วย ถ้าหน้าร้อนว่าไปอย่างพี่ "เจิดตอบหน้าละห้อย
"แล้วอาทิตย์หน้าจะทำไง ต้องเอาเงินให้เขาแล้ว เดือนนี้
เฮ้อ อากาศเย็นดอกไม่ออก หน้าร้อนออกบานเบอะ หน้าฝนราคาตก เฮ้อ
สงสัยต้องเลิกอาชีพนี้แล้วมั่ง พ่อจ๋า "
ระวีรำพึงเบาเบา ไม่อยากให้เจิดได้ยิน จะเสียกำลังใจเด็กซะหมด
เช้าวันรุ่งขึ้น ระวีสั่งเจิดให้ไปดูสวนกล้วยไม้ ใกล้ ๆ กัน และซื้อมาเพิ่มกับกล้วยไม้ของสวนระวีเอง
จะได้รวมกันส่งได้ ของชาวบ้านแถวนี้ก็ปลูกกันคนละไม่เท่าไหร่ หลาย ๆ รายรวมกัน
ก็ได้พอสมควร เจิดรับอาสา แล้ววิ่งฉิวไปทันที ตามนายสาวสั่ง
หน้ารั้วมีรถกระบะ จอดดังเอี๊ยดระวีตกใจสะดุ้งหันไปมอง
เห็นชายรูปร่างกำยำ เดินลงจากรถ มาพร้อม ผุ้หญิงวัยกลางคน
คนหนึ่ง ตรงมาที่ด้านหน้าบ้านหล่อน จึงลงไปรับทันที
"สวัสดีค่ะ มาหาใครค่ะ" ระวีถามแล้วยิ้มให้สองคนนั้น
"สวัสดีค่ะ คุณระวีหรือเปล่าค่ะ ดิฉันมาขอแบ่งซื้อที่ค่ะ" ผู้หญิงคนนั้นยิ้มและตอบระวีทันที
"เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าค่ะ หนูไม่ได้ประกาศขายนะคะ " ระวีงง
"พอดีผ่านมาเห็นที่สวยค่ะ เลยชอบ ลองถามต้นทางก่อนถึง
ที่นี้ดูเขาบอกว่า สวนคุณระวี ดิฉันเลยตรงมาเลย " ผุ้หญิงคนนั้นตอบ
ระวีมองหน้าผุ้หญิงวัยกลางคนคนนั้น แล้วคิด
"อย่าถือสาเลยนะคะ คือว่าเห็นที่ตรงเนินเขานั่นแล้วชอบ เขาบอกว่าเป็นของคุณระวี
ดิฉันเลยลองมาถามค่ะ ถ้าสนใจยังไง ติดต่อไปที่เบอร์นี้นะคะ ขอบคุณมากเลยค่ะหนู"
ผุ้หญิงคนนั้น ยิ้มพลางยื่นนามบัตรให้ระวี ระวีก้มมองนามบัตร
ศิริกัญญา ตระการณ์จันทร์ เอ๊ ชื่อนี้ระวีคุ้น ๆ เหมือนเคยได้ยิน
แล้วผุ้หญิงคนนั้นก็ขึ้นรถกลับไป
คืนนั้นระวีถือนามบัตร มองแล้วนึก เอ๊ เราเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหนนะ
คิดแล้วคิดอีก กลิ้งไปมาบนที่นอนแล้วหลายที ก็ยังคิดไม่ออก
แล้วก็หลับไปในที่สุดด้วยความเหนื่อย
เช้าสดใส ระวีกับเจิดออกไปดูกล้วยไม้ในสวนแต่เช้าตรู่ สั่งคนงาน
ถางหญ้าที่รกตรงทางเดินออก แล้วเดินเรียบไปตามแนวกล้วยไม้ เดินดูช่อดอก
ระวีไม่ค่อยมีทุนรอนนัก จึงไม่มีเงินพอจะปรับปรุงสวนได้
คนงานก็ไม่กี่คน จะดูแลกันก็แค่พอกินพออยู่ ถ้าไม่มีใจกัน คงไปกันหมดแล้ว
แต่ละคนก็อยู่ในสวนนี้เลย พวกแม่บ้านก็ตัดกล้วยไม้ไป
ส่วนผุ้ชาย ก็ ถางหญ้า บางคนออกไปรับงานข้างนอก ไม่งั้นรอแต่ในสวนคงแย่ ดีนะ
ที่พ่อยังเก็บเงินไว้ให้ระวีไว้ใช้ก้อนหนึ่ง พ่อบอกว่า พ่อเก็บเงินให้ก้อนหนึ่ง และสร้อย
ล๊อกเก็ตอีกเส้นหนึ่ง แต่ระวีไม่ค่อยสนใจนัก เก็บมันไว้ในกล่องบนหัวนอน
ไม่เคยเปิดดูเลยนานนักแล้วคราวนี้ ระวีหันมองเจิด ด้วยตาละห้อย เกือบหมดกำลังใจ
เดือนนี้เขามาเอาเงินแล้ว ระวียังเก็บเงินไม่พอจ่ายหนี้เลย คิดถึงสร้อยเส้นนั้น ระวีเองก็ไม่ได้ใส่ จะเก็บไว้ทำไม ขายไปดีกว่า เพราะต้องใช้เงิน พ่อคงไม่ว่า ว่าแล้ววิ่งไปหัวนอน แล้วหยิบกล่องสร้อยขึ้นมา
สร้อยเป็นสร้อยทอง มีล๊อกเกตอยู่อันหนึ่ง ในล๊อกเก็ตมีภาพผุ้หญิงคนหนึ่ง ภาพมัวเหลือเกิน ตอนถ่ายคงใช้กล้องไม่ค่อยดี เอ๊ะ ตรงล๊อกเก็ตมีชื่อลายเซ็นอยู่ ระวีมองลายเซ็นนั้นแล้วหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความงง
ศ.ตระการณ์จันทร์ เอ๊ะ นามสกุลนี้ กับนามบัตรที่ได้มาเมื่อวันก่อน
ทำไมนามสกุลเดียวกัน ระวีงุนงงสงสัยมาก เอ๊ะ คงบังเอิญมากกว่า
ระวีคิด แล้วก็ยังเก็บสร้อยนั้นลงในกล่อง ไม่คิดจะขายเพราะระวีสงสัยอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับนามสกุลในสร้อยนี้ ความฉงนสงสัยแล่นขึ้นจับใจระวีทันที กริ๊ง เสียงโทรศัพท์ดังทำให้ระวีตื่นจากอาการงุนงงสงสัยนั้น รีบวิ่งไปรับทันที
"สวัสดีค่ะ สวนระวีกาลค่ะ "
"สวัสดีหนูระวีเหรอ อาทิตย์นี้อาจะไปเก็บหนี้นะหนู พักนี้อาต้องใช้เยอะ
ว่าแต่หนูอย่าลืมนะ อาไปไกล หวังว่าคงได้นะหนู" เจ้าของเสียงตามสายกำชับมาแน่นหนัก
" ค่ะ" ระวีรับคำ หน้าละห้อยแล้ววางหูไป
อาทิตย์นี้ จะหาที่ไหนล่ะ ระวีคิด แล้วเศร้า พ่อจ๋าหนูจะทำยังไงดี
เพราะรับปากไปแล้วว่าจะจ่ายให้ หนูต้องหาให้ได้ ระวีน้ำตาไหล
พ่อติดหนี้เขาเพราะ ตอนนั้น พ่อยืมเงินอาคนนี้มาซื้อที่ดินผืนนี้ ที่ ๆ ระวีอยู่
แต่เขาโอนให้ระวีก่อนพ่อตาย ระวีต้องชำระเงินเขา เราต้องซื่อสัตย์ พ่อบอก ระวีจำคำพ่อได้
ระวีนึกถึงที่ตรงเนินเขา มันเป้นอีกแปลงหนึ่ง ที่ไม่ได้ทำอะไร เป็นที่รกร้างว่างเปล่า ห่างจากสวนกล้วยไม้เราไปนิดหน่อย ระวีว่า ถ้ามีทุนจะขยายไปอีกตรงที่นั้น แต่วันนี้ ระวีคิดถึงผุ้หญิงคนนั้นขึ้นมา
ระวีตัดสินใจขายที่ผืนนั้นให้ผุ้หญิงคนนั้นด้วราคาพอประมาณ
ระวีจะได้คืนเงินให้เจ้าหนี้หมด เราจะไม่เป้นหนี้เขา ระวีบอกเจิด
เช้าวันศุกร์ ผู้หญิงคนนั้น คนที่ชื่อ ศิริกัญญา ก็มาที่สวนระวี
เธอมองระวีแล้วยิ้ม เธอบอกว่า หนูรับเงินไปก่อนนะคะ แล้วโอนทีหลัง
ป้าไว้ใจหนุค่ะ นะหนูนะ แต่ป้ามีอะไรจะวานหนูอย่างหนึ่ง
ป้าอยากให้หนูช่วยเอาพันธุ์กล้วยไม้ ลงทีดินผืนนั้นด้วย ทำเป็นแปลงกล้วยไม้อีกแปลง
ป้าไม่สันทัด แต่ป้าอยากให้สวนกล้วยไม้อยู่เต็มลานนั้น ถ้าหนูไม่เหลือบากกว่าแรง
ค่าแรงป้าจะจ่ายให้ นะหนูนะ"
หญิงคนนั้นบอกระวี ประกายตาเธอสดใสมาก ระวีมองหน้าเธอแล้วคิด ทำไมเธอไว้ใจระวีมาก
ทำให้ระวีนึกถึง นามสกุลที่ล๊อกเกตขึ้นมาทีเดียว "ค่ะ ได้ หนุจะช่วยทำให้นะคะ แล้วคุณป้าจะให้หนูโอนเมื่อไหร่ค่ะ ที่น่ะค่ะ" ระวีถาม
"ตอนนี้ป้ายังไม่ว่างเลยค่ะหนู ฝากหนูดูแลไปก่อนนะคะ ป้าไว้ใจ หนูทำตามสบายเลยค่ะ นึกว่าหนุยังไม่ขายมันไปนะคะ ป้ายกให้หนูทำไปก่อนนะคะ " หญิงคนนั้นยิ้ม
ก่อนเธอจะลาไป เธอเหลียวมองระวีอีกที เหมือนจะลา แล้วเธอก็ก้าวขึ้นรถไป
ระวีคิดว่า ถ้าเธอมางวดหน้า จะเอาสร้อยที่ระวีมีล๊อกเกตอันนั้นแล้วถามเธอว่า
ใช่นามสกุลเธอหรือเปล่า ระวีคิด แล้วมองเงินในมือแล้วยิ้ม
วันอาทิตย์ระวีมีเงินจ่ายหนี้หมดแล้ว ระวีดีใจมาก พาลืมเรื่องสร้อยไปเลย
หลังจากระวีใช้หนี้เสร็จแล้ว เธอก็ลงมือทำสวนกล้วยไม้ให้คุณป้าผู้ใจดีทันที เพราะด้วยเงินที่เธอให้ไว้มากพอ กับเวลาที่ผ่านไปแรมเดือน สวนกล้วยไม้เนินเขาก็เสร็จสมบูรณ์ด้วยน้ำพักน้ำแรงของ
ระวี และเจิด กับคนงานในสวนเธอเอง แต่ยังเป็นต้นกล้าเล็ก ยังไม่มีดอกมากนัก จะมีก็เพียงดอกน้อยนิด ยังไม่ถึงเวลาที่จะออกดอกเท่านั้น ระวีดูแลสวนนี้อย่างดี เวลาผ่านไปสามเดือน ดอกไม้เริ่มออกแล้ว
ระวีก็ตัดบางกิ่ง และรวมกับสวนระวีไปขาย แต่เธอก็ไม่วายเก็บเงินค่าขายดอกไม้จากสวนเนินเขาไว้ตะหาก ที่จะคืนคุณป้าคนนั้นไป เธอเก็บเงินนั้นไว้ในกล่องสร้อยใบนั้นนั่นเอง
เวลาผ่านไปจากเดือนเป็นปี ผ่านไปปีหนึ่งพอดี การรอคอยของระวี
ทำให้ระวีครุ่นคิด มันนานไปแล้วนะ กับเจ้าของที่ ๆ ไม่มาดูที่ตัวเองเลย ระวีก็เฝ้าตัดดอกไม้ขายและ ดูแลให้ ตลอดเวลา เอ๊ะ ครั้งหลังสุด
เธอโทรมาเมื่อ 3 เดือนก่อน เธอบอกว่าเธอไม่ค่อยสบาย ฝากระวีดูงาน
ให้ด้วย แล้วเธอก็โอนเงินมาครั้งละมาก ๆ ให้ระวี ดูแลสวนเธอ
เธอบอกว่าจะมาตอนปลายปี นี่ก็ปลายปีแล้วนี่นา ระวีคิด แล้วระวีก็
หยิบนามบัตรเธอโทรไปที่บ้านเธอตามนามบัตรนั้น
"ฮัลโหล สวัสดีค่ะ ขอเรียนสายคุณศิริกัญญาค่ะ" ระวีพูด
"คุณศิริกัญญา เธอเสียไปแล้วค่ะ เมื่อเดือนก่อนเอง" ปลายทางตอบ
"หา" ระวีหน้าเสีย หัวใจเธอตกลงไปเบื้องล่างวูบหนึ่งทันที
" เดี๊ยวคุยกับคุณผู้ชายนะคะ " ปลายทางบอก
" สวัสดีครับ ผมสามีศิริกัญญาครับ มีอะไรเหรอครับ เธอเสียไปเดือนก่อนแล้วครับ ไม่ทราบใครครับนี่ขอโทษนะครับ" ชายคนนั้นถามด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก
"โทรจากสวนกล้วยไม้ ที่คุณศิริกัญญาซื้อไว้ค่ะ ดิฉันดูแลให้เธอไม่ทราบเธอเสียแล้ว เสียใจด้วยค่ะ ยังไม่โอนกันเลยค่ะ" ระวีตอบ
"ยังไงคุณลุงช่วยมาโอนชื่อด้วยค่ะ เพราะนานมากแล้ว " ระวีบอกผุ้ชายคนนั้นในสายไป ทั้งที่ยังตกใจอยู่
ระวีบอกทางมาสวนเธอให้กับเขาทันที เขาก็มาในวันรุ่งขึ้นนั้นเอง
เขาลงจากรถเข้ามาในตัวบ้าน ซึ่งระวียืนรออยู่หน้าบ้านแล้ว ตอนเช้านี้
ระวีพาเขาไปดูสวนกล้วยไม้ทันที แล้วระวีก็ส่งสร้อยล๊อกเกตนั้นให้เขาดู
"คุณลุงค่ะ ขอโทษนะคะ หนูจะให้คุณลุงดูสร้อยเส้นนี้ ลอกเก็ตอันนี้มีลายเซ็นเหมือนนามสกุลของคุณลุงค่ะ หนูเก็บมันไว้นานแล้ว "
ผู้ชายคนนั้นรับสร้อยไปดูแล้วมองหน้าระวีทันที
" หนูอย่าตกใจนะ ถ้าลุงจะบอกว่า รูปในสร้อยนี้เป็นของศิริกัญญาเอง
พร้อมลายเซ็น แต่ทำไมไปอยู่กับหนูได้ยังไง สร้อยเส้นนี้ " ผุ้ชายคนนี้พูดแล้วมองหน้าระวีเขม็ง ดูครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แล้วเอ่ยว่า
" ศิริกัญญาเคยมีลูกก่อนที่จะมาแต่งงานกับลุง พ่อแม่เธอจับได้ว่ามีท้องกับคนสวน พอคลอดออกมา คนสวนก็เอาลูกเธอหนีไป จนทุกวันนี้เธอเที่ยวตามสืบหาลูกของเธอ ลุงก็จนปัญญา ไม่นึกว่า..." เขาพูดแล้วมองมาที่ระวี "ศิริกัญญาก่อนตายก็บอกไว้ก่อนขาดใจตายว่า
เธอเจอลูกเธอแล้ว แต่ลุงถามแล้วเธอก็ตัดใจไปซะ ยังตอบไม่จบ"
ระวีนิ่ง แม่เหรอ แม่ที่ไม่เคยเจอกันเลยมาตลอด 22 ปี พ่อบอกว่า
แม่ตายแล้วไง ระวีน้ำตาคลอ ไหลเอ่อท่วมขอบตาเธอ
คุณลุงถามชื่อเสียงเรียงนามพ่อระวี ระวีตอบได้ถูกต้องตรงกันหมด
คุณลุงเล่าเหตุการณ์ตอนนั้นที่พ่อกับแม่อยู่ด้วยกัน อย่างละเอียด
เพราะคุณลุงเป็นญาติผุ้พี่ของแม่ระวี จึงรู้เรื่อง และไม่รังเกียจแม่ระวี
พอแต่งงานกัน ก็ช่วยตามหา แต่ไม่พบเงาทั้งพ่อลูก ไม่นึกว่าแม่จะมา
พบระวีเอง แม่คงไปสืบมาจนพบนั่นเอง
"หนูเสียใจ ที่เจอแม่แล้ว ไม่ได้เรียกแม่ซักคำ ไม่ได้กอดแม่ " ระวีร้องไห้
"ลุงว่าหนูเข้าไปอยู่ในกรุงกับลุงดีกว่า แม่หนูคงดีใจ" คุณลุงชวน
"ไม่ค่ะ ก่อนตาย คุณแม่สั่งไว้ว่า ให้ระวีดูแลสวนกล้วยไม้เนินเขาไว้
แล้วแม่จะมาดูอีกที แต่วันนี้คงไม่มาแล้ว " ระวีสะอื้นในสิ่งที่ตัวเองคาดไม่ถึง
พระเจ้าคงดลให้แม่ลูกได้พบกัน อาจจะแค่เวลาหนึ่งเท่านั้น แต่เธอก็ได้ทำในสิ่งที่เธอได้ทำให้เธอผุ้เป็นแม่สั่งไว้แล้ว แม้จะแค่สิ่งอันน้อยนิดที่เธอทำให้แม่ ที่แม่ได้มาช่วยเหลือเธอ แต่เธอจะจดจำแม่ไปชั่วชีวิตของเธอเอง ...