????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
กฏการใช้บอร์ด
บอร์ดสำหรับ นักปั่นทัวร์ริ่ง นักปั่นระยะทางไกล พูดคุยเรื่องอุปกรณ์ เทคนิตการปั่น ที่พัก หรือการกินอยู่
บอร์ดสำหรับ นักปั่นทัวร์ริ่ง นักปั่นระยะทางไกล พูดคุยเรื่องอุปกรณ์ เทคนิตการปั่น ที่พัก หรือการกินอยู่
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4424
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
ทุกอุปสรรคความทุกข์ยาก อาจไม่ได้มาซึ่งความสำเร็จ แต่ทุกๆความสำเร็จ ได้มาจากความทุกข์ยาก จุดหมายของชีวิตคือการเดินหน้า อุปสรรคก็เหมือนทางโค้งและชัน ไม่ขึ้นก็ไม่ถึง ไม่ผ่านก็ยากที่จะสำเร็จ
...
หากรักครั้งนี้มันทำให้เธอเจ็บ ก็จงถอยออกมา
หากคิดไม่ตก ก็ยังไม่ต้องคิด
หากแค้นจนสุดจะทน ก็จงรักตัวเอง
เพราะทุกก้าวย่างคือทางที่ต้องผ่านในชีวิต
...
ยุ่งมาก ต้องหาเวลาพัก
งานหนัก ต้องหาเวลาผ่อนคลาย
เหนื่อยมาก ต้องหาเวลาหยุด
...
ชีวิตคนเป็นอนิจจัง มีขึ้นมีลง
ไม่จำเป็นต้องโดดเด่น รู้ว่าตนเป็นใครก็พอ
เผชิญกับเรื่องราว รู้ว่าอะไรควรก่อนหลัง อะไรคือหนักเบา
พิจารณาเรื่องราว จงใช้สติอย่าอคติ
...
ต่อให้ชีวิตขรุขระเพียงใด รอยยิ้มจะพาเธอก้าวข้ามไปได้
ยิ้มเข้าไว้ ชีวิตเธอจะงดงามมากยิ่งขึ้น
...
เรื่องของคนอื่นคือเรื่องของคนอื่น ปากของคนอื่นก็คือปากของคนอื่น ตาของคนอื่นก็คือตาของคนอื่น เขาไม่รู้หรอกว่าเธอผ่านอะไรมา
อย่าถือสาหาความกับคนที่ไม่รู้จักเธอจริง
เมื่อเธอเดินผ่านกองขี้หมา เธอยังเดินเลี่ยงไม่อยากเหยียบ นี่อุจจาระของคนอื่น จะเอามาใส่ใจเธอให้เหม็นไปทำไม?
∞∞∞∞∞
#นุสนธิ์บุคส์
อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติและญาติธรรมที่เคารพทุกท่าน เมื่อวันวานไป รพ.เพื่อติดตามการรักษาสุขภาพร่างกายจากแพทย์ คนเยอะมากครับเราอยู่ รพ.ทั้งวันครับ ก็อยากจะมาบอกทุกท่านโปรดดูแลสุขภาพ ตั้งแต่บัดนี้เป็นการถนอมร่างกายอย่าให้เหมือนผมนะครับ สมัยหนุ่ม ๆ ไม่สนใจอวดตัวเองกำลังวังชาดีเลิศ แข็ง แรง ไม่สนฟ้า-ดิน พอถึงวันนี้ OMG.!!! ทรมานซิครับ กรรมวิบากที่สั่งสมมาเพราะ "อวิชชา" ตั้งแต่วัยรุ่นไร้เดียงสา - รู้เดียงสา แต่ไม่สนใจเรื่องบาปกรรมเลย ในที่สุดก็หนีวิบากกรรมไม่พ้นต้องมารับกรรมที่ทำ(โรครุมเร้า) โชคดีที่พลิกผันตัวเองหันหลังให้อบายเดินหน้า ประพฤติปฏิบัติธรรม วันนี้พอเอาตัวรอดไม่ทุกข์ใจเท่าไหร่ "ร่างกายเป็นของหมอ จิตใจเป็นของเรา" รักษาใจให้ไม่หวั่นไหวยอมรับผลของกรรม ทำใจให้เป็นสุขแค่นี้ "อยู่ได้ครับ"
กลับมาคุยเรื่องหลานชายครับ เรามีการเตรียมการ แผนการต่าง ๆ โดยให้เจ้าตัวศึกษาหาความรู้ จากห้องสมุดเล็ก ๆ ที่จัดทำสำหรับครอบครัวมีหนังสือที่ผมสะสมไว้ตั้งแต่สมัยเป็นหนุ่ม ถึงปัจจุบันเยอะพอสมควร (ไม่รวมที่นำไปบริจาคเป็นคันรถเมื่อครั้งที่ต้นยางล้มทับบ้านเสียหายนะครับ ๕๕๕)
ค้นคว้าหาข้อมูลก่อนการเดินทางท่องเที่ยว
...
หากรักครั้งนี้มันทำให้เธอเจ็บ ก็จงถอยออกมา
หากคิดไม่ตก ก็ยังไม่ต้องคิด
หากแค้นจนสุดจะทน ก็จงรักตัวเอง
เพราะทุกก้าวย่างคือทางที่ต้องผ่านในชีวิต
...
ยุ่งมาก ต้องหาเวลาพัก
งานหนัก ต้องหาเวลาผ่อนคลาย
เหนื่อยมาก ต้องหาเวลาหยุด
...
ชีวิตคนเป็นอนิจจัง มีขึ้นมีลง
ไม่จำเป็นต้องโดดเด่น รู้ว่าตนเป็นใครก็พอ
เผชิญกับเรื่องราว รู้ว่าอะไรควรก่อนหลัง อะไรคือหนักเบา
พิจารณาเรื่องราว จงใช้สติอย่าอคติ
...
ต่อให้ชีวิตขรุขระเพียงใด รอยยิ้มจะพาเธอก้าวข้ามไปได้
ยิ้มเข้าไว้ ชีวิตเธอจะงดงามมากยิ่งขึ้น
...
เรื่องของคนอื่นคือเรื่องของคนอื่น ปากของคนอื่นก็คือปากของคนอื่น ตาของคนอื่นก็คือตาของคนอื่น เขาไม่รู้หรอกว่าเธอผ่านอะไรมา
อย่าถือสาหาความกับคนที่ไม่รู้จักเธอจริง
เมื่อเธอเดินผ่านกองขี้หมา เธอยังเดินเลี่ยงไม่อยากเหยียบ นี่อุจจาระของคนอื่น จะเอามาใส่ใจเธอให้เหม็นไปทำไม?
∞∞∞∞∞
#นุสนธิ์บุคส์
อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติและญาติธรรมที่เคารพทุกท่าน เมื่อวันวานไป รพ.เพื่อติดตามการรักษาสุขภาพร่างกายจากแพทย์ คนเยอะมากครับเราอยู่ รพ.ทั้งวันครับ ก็อยากจะมาบอกทุกท่านโปรดดูแลสุขภาพ ตั้งแต่บัดนี้เป็นการถนอมร่างกายอย่าให้เหมือนผมนะครับ สมัยหนุ่ม ๆ ไม่สนใจอวดตัวเองกำลังวังชาดีเลิศ แข็ง แรง ไม่สนฟ้า-ดิน พอถึงวันนี้ OMG.!!! ทรมานซิครับ กรรมวิบากที่สั่งสมมาเพราะ "อวิชชา" ตั้งแต่วัยรุ่นไร้เดียงสา - รู้เดียงสา แต่ไม่สนใจเรื่องบาปกรรมเลย ในที่สุดก็หนีวิบากกรรมไม่พ้นต้องมารับกรรมที่ทำ(โรครุมเร้า) โชคดีที่พลิกผันตัวเองหันหลังให้อบายเดินหน้า ประพฤติปฏิบัติธรรม วันนี้พอเอาตัวรอดไม่ทุกข์ใจเท่าไหร่ "ร่างกายเป็นของหมอ จิตใจเป็นของเรา" รักษาใจให้ไม่หวั่นไหวยอมรับผลของกรรม ทำใจให้เป็นสุขแค่นี้ "อยู่ได้ครับ"
กลับมาคุยเรื่องหลานชายครับ เรามีการเตรียมการ แผนการต่าง ๆ โดยให้เจ้าตัวศึกษาหาความรู้ จากห้องสมุดเล็ก ๆ ที่จัดทำสำหรับครอบครัวมีหนังสือที่ผมสะสมไว้ตั้งแต่สมัยเป็นหนุ่ม ถึงปัจจุบันเยอะพอสมควร (ไม่รวมที่นำไปบริจาคเป็นคันรถเมื่อครั้งที่ต้นยางล้มทับบ้านเสียหายนะครับ ๕๕๕)
ค้นคว้าหาข้อมูลก่อนการเดินทางท่องเที่ยว
- ไฟล์แนบ
-
- เนื่องจากวันหยุดชดเชยเดือน ก.ค.๖๗ มีติดต่อกัน ๒ ครั้ง การบริหารจัดการคนไข้ทาง รพ.ต้องอัดกันมาตรวจเฉพาะวันนี้ ๕๐๐ ราย รอกันไป ผมคิวที่ ๓ ได้ตรวจเมื่อใกล้เที่ยง กว่าจะรับยาบ่าย หลังจากนั้นไปส่งคุณนายไป รพ.นครพิงค์(คลีนิคพิเศษ)เพื่อทำฟันตามนัด เวลา ๑๖.๐๐ น.กลับถึงบ้านทุ่มกว่า เรียกว่าเราอยู่ รพ.กันทั้งวัน
- 453495457_1010701087516694_5955213670335384480_n.jpg (90.14 KiB) เข้าดูแล้ว 1217 ครั้ง
-
- หลังจากที่เราเก็บของและสัมภาระต่าง ๆ เข้าไว้ในห้องพักเรียบร้อย ก็พากันออกไปท่องเที่ยวกันต่อ โดยจะพาไปกราบสักการะศาลแม่ย่า ในเมืองสุโขทัยซึ่งไม่ไกลจากเมืองเก่า ศาลพระแม่ย่าเป็นปูชนียสถานที่สำคัญของสุโขทัย เป็นที่เคารพสักการะของประชาชน ทั้งในจังหวัดสุโขทัยประประชาชนโดยทั่วไป ใครไปใครมาผ่านต้องมาแวะสักการะกันครับ (ห้ามพลาด)
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (92).JPG (146.45 KiB) เข้าดูแล้ว 1217 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (97).JPG (125.32 KiB) เข้าดูแล้ว 1217 ครั้ง
-
- พระแม่ย่า เดิมนั้นประดิษฐานอยู่ที่ถ้ำพระแม่ย่า ซึ่งเป็นเพิงชะโงกเงื้อมออกมาทางใต้ ประมาณ 3 เมตรเศษ พระแม่ย่าหันพระพักตร์ไปทางทิศใต้ตามเงื้อมเขาที่ยื่นล้ำออกมาทางด้านหลังเงื้อมผามีถ้ำตื้น ๆ องค์เทวรูป (พระแม่ย่า) เป็นเทวรูปหิน สลักด้วยหินชนวน เป็นรูปสตรีวัยสาว มีเครื่องประดับอย่างสตรีโบราณผู้สูงศักดิ์ ประทับยืนตรง แขนทั้งสองข้างแนบพระวรกาย
นุ่งผ้าปล่อยชายไหว เป็นเชิงชั้นทั้งสองข้างแบบศิลปการนุ่งผ้าสตรีสมัยสุโขทัย ไม่สวมเสื้อหรือสไบเปลือยส่วนบนทั้งหมด เห็นพระถันทั้งสองเต้า ใส่กำไลแขน กำไลข้อมือและกำไลข้อเท้าทั้งสองข้าง เป็นกำไลวงกลม มีพระพักตร์เป็นรูปไข่ คางมน พระโอษฐ์แย้มยิ้มน้อย ๆ สวมมงกุฎเป็นแบบชฎาทรงสูง ที่พระบาทสวมรองพระบาทปลายงอน ยอดศิลาส่วนที่เหนือพระมงกุฎแตกบิ่นหายไปบ้าง เมื่อวัดขนาดของเทวรูปศิลารวมแท่นหินแผ่นเดียวกันที่คงอยู่ สูงทั้งหมด 51 นิ้ว วัดจากพระบาทถึงยอดพระมงกุฎ สูง 49 นิ้ว ศิลาจำหลักเป็นศิลาแท่งเดียวกันตลอดไม่มีรอยต่อ
ประวัติที่มาอันแน่นอนของพระแม่ย่านั้น ไม่มีหลักฐานยืนยันแน่นอนว่าเป็นใคร เมื่อประชาชนพากันเรียกว่า “พระแม่ย่า” อาจารย์ทองเจือ สืบชมภู สันนิษฐานว่าคงเป็นนางกษัตริย์องค์ใดองค์หนึ่ง และนางกษัตริย์องค์นี้น่าจะเป็นพระนางเสือง ซึ่งเป็นพระราชชนนีของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช และเป็นพระเจ้าย่าของพระยาลิไท
ตามหลักฐานที่ปรากฏในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงได้กล่าวว่า “...เบื้องหัวนอนเมืองสุโขทัยนี้มีกุฎี พิหาร ปู่ครู มีสรีดภงส์ มีป่าพร้าว มีป่าลาง มีป่าขาม มีน้ำโคก มีพระขพุงผี เทพดาในเขาอนนนั้นเป็นใหญ่กว่าผีทุกผีในเมืองนี้ ขุนผู้ใดถือเมืองสุโขไทนี้แล้ ไหว้ดีพลีถูก เมืองนี้เที่ยง เมืองนี้ดี ผิไหว้บ่ดี พลีบ่ถูก ผีในเขาอนนบ่คุ้มเกรงเมืองนี้หาย...”
จากข้อความดังกล่าว ได้มีการนำคำว่า “พระขพุงผี” มาตีความเกี่ยวพันกับพระแม่ย่า โดยที่นักประวัติศาสตร์และโบราณคดีได้สันนิษฐาน ในครั้งที่มีการสัมมนาถึงการเมืองและสภาพสังคมสุโขทัย เมื่อวันที่ 1-4 สิงหาคม 2520 ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พิษณุโลก ได้ลงความเห็นว่า พระขพุงผี หมายถึง พระที่โตหรือใหญ่ ซึ่งน่าจะเข้ากับศิลาจารึกว่า พระขพุงผีนี้เป็นใหญ่กว่าผีทั้งหลายได้...
พ่อขุนรามคำแหงก็ทรงเคารพเลื่อมใสพระพุทธรูปองค์นี้มากอยู่ โดยทรงยกให้เป็นยอดของผีทั้งหลาย ถ้า แม่ย่านี้สร้างอุทิศเพื่อผีจริงแล้วก็จะต้องเป็นผีนางเสืองแน่ พระเจ้ารามคำแหงคงจะไม่เคารพผีอื่น เมื่อเป็นเช่นนี้พระปฏิมาพระองค์นี้จะต้องเป็นปูชนียวัตถุที่สำคัญของชาติและของชาวสุโขทัยชิ้นหนึ่ง
Cr.เทศบาลตำบลบ้านกล้วย เลขที่ 444 หมู่ที่ 14 ต.บ้านกล้วย อ.เมือง จ.สุโขทัย 64000
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4424
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
ขอขอบคุณผู้จัดทำวีดีโอเรื่องราวของพระแม่ย่าแห่งกรุงสุโขทัยไว้ ณ ที่นี้ครับ
พระแม่ย่า เทวดาแห่งขุนเขาหลวง เมืองสุโขทัย
พระแม่ย่าสุโขทัยสร้างโดยสมเด็จพระแม่เจ้าสากิยาณี เมื่อ พ.ศ. ๑๙๐๖ เสวนาประสาเด็กวัดระฆัง Ep.174
พระแม่ย่า เทวดาแห่งขุนเขาหลวง เมืองสุโขทัย
พระแม่ย่าสุโขทัยสร้างโดยสมเด็จพระแม่เจ้าสากิยาณี เมื่อ พ.ศ. ๑๙๐๖ เสวนาประสาเด็กวัดระฆัง Ep.174
- ไฟล์แนบ
-
- 1722764839719.jpg (94.23 KiB) เข้าดูแล้ว 1208 ครั้ง
-
- IMG_20240805_155322.jpg (94.74 KiB) เข้าดูแล้ว 1208 ครั้ง
-
- IMG_20240806_064448.jpg (110.73 KiB) เข้าดูแล้ว 1206 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4424
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
อรุณสวัสดิ์ท่านที่เคารพและญาติธรรมที่รักทุกท่าน ข่าวคราวบ้านเมืองส่อเค้ารุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ผมคิดเรื่องเดียวอีกไม่นานรถถังเคลื่อน ในนาทีที่ก้าวไกลถูกยุบมี สองวลี ที่ประทับใจสุด ๆ และทำให้ผมย้อนรำลึกอดีตของตัวเองคือ "มึงทนแต่กูไม่ทน" และ "ไม่เสียใจ..แต่มันแค้น" ใครไม่ประสบจะไม่รู้รสชาติครับ
เมื่อครั้งที่ผมยังรับราชการภาคเหนือ ถูกอัปเปหิลงใต้ "ความแค้นประดังเข้าเยอะมาก" มีนายหลาย ๆ ท่านที่เมตตาให้กำลังใจเตือนผมว่า "อดทนนะ" ผมคิดในใจ "มึงทนได้แต่กูไม่ทน" แต่สุดท้ายต้องทนเพื่อความอยู่รอดของชีวิต บุ่มบ่ามทำอะไรลงไปครอบครัวพังพินาศ
ผมอยู่ภาคใต้ ๙ ปี ๙ เดือน กลายเป็นว่าผมได้ประสบการณ์ทางธรรมเยอะมาก ได้พบปะพ่อแม่ครูบาอาจารย์ หลายองค์ (หลวงปู่พุทธทาส หลวงพ่อจรัล ฯ)ท่านเมตตาอบรมให้กำลังใจสอนธรรมจนเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้น ยังไม่พอได้เที่ยวภาคใต้ทุกจังหวัด ทุกอำเภอ เมื่อฟ้าเปิดก็ได้ย้ายกลับแทนที่จะกลับถึงเชียงใหม่ ได้แค่ตากครับ เมื่อทำงานที่ กก.ตชด.๓๔ ค่ายพระเจ้าตาก เราก็พากันเที่ยว โดยเฉพาะ สุโขทัย หลังเลิกงานจะขับรถไปทานมื้อเย็นและท่องเที่ยว จนมีความคิดที่จะปักหลักปักฐานอยู่สุโขทัยจริง ๆ วางแผนซื้อที่ดินที่เมืองเก่าจะทำรีสอร์ท (ล้มเหลวครับ)อยู่ตากได้ ๓ ปี ทำเรื่องขอย้ายไปอยู่ กก.กฝ.๖ สุโขทัย ได้เหมือนกันแต่ได้ไปที่ กก.ตชด.๓๓ ค่ายศรีนคริทร์ จ.เชียงใหม่ (กลับที่เดิม ๕๕)สุดท้ายตัดสินใจลาออกจบชีวิตราชการแต่เพียงนี้
ภาวนาขอให้บ้านเมือง(จนท.)ได้มีคุณธรรมจริยธรรม ขอให้ศีลธรรมกลับมา บ้านเมืองจะได้เป็นสุขสงบร่มเย็น เรากลับมาติดตามการท่องเที่ยวของ ด.ช.ปุณพัฒน์ ฯ กันต่อนะครับ หลังจากที่พาเที่ยวในตัวเมืองสุโขทัย ได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ต่าง ๆ ตลอดจนได้ไปกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง (ศาลพระแม่ย่า) ได้เวลาเราก็พากลับเมืองเก่า เหลือเวลาอีกพอสมควรก็ได้พาเด็กน้อยไปปั่น ในอุทยานเป้าหมายพาไปหาของกินที่ตลาดนัดโบราณในอุทยาน และไปกราบพ่อขุนรามคำแหงครับ ติดตามกันนะครับ
เมื่อครั้งที่ผมยังรับราชการภาคเหนือ ถูกอัปเปหิลงใต้ "ความแค้นประดังเข้าเยอะมาก" มีนายหลาย ๆ ท่านที่เมตตาให้กำลังใจเตือนผมว่า "อดทนนะ" ผมคิดในใจ "มึงทนได้แต่กูไม่ทน" แต่สุดท้ายต้องทนเพื่อความอยู่รอดของชีวิต บุ่มบ่ามทำอะไรลงไปครอบครัวพังพินาศ
ผมอยู่ภาคใต้ ๙ ปี ๙ เดือน กลายเป็นว่าผมได้ประสบการณ์ทางธรรมเยอะมาก ได้พบปะพ่อแม่ครูบาอาจารย์ หลายองค์ (หลวงปู่พุทธทาส หลวงพ่อจรัล ฯ)ท่านเมตตาอบรมให้กำลังใจสอนธรรมจนเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้น ยังไม่พอได้เที่ยวภาคใต้ทุกจังหวัด ทุกอำเภอ เมื่อฟ้าเปิดก็ได้ย้ายกลับแทนที่จะกลับถึงเชียงใหม่ ได้แค่ตากครับ เมื่อทำงานที่ กก.ตชด.๓๔ ค่ายพระเจ้าตาก เราก็พากันเที่ยว โดยเฉพาะ สุโขทัย หลังเลิกงานจะขับรถไปทานมื้อเย็นและท่องเที่ยว จนมีความคิดที่จะปักหลักปักฐานอยู่สุโขทัยจริง ๆ วางแผนซื้อที่ดินที่เมืองเก่าจะทำรีสอร์ท (ล้มเหลวครับ)อยู่ตากได้ ๓ ปี ทำเรื่องขอย้ายไปอยู่ กก.กฝ.๖ สุโขทัย ได้เหมือนกันแต่ได้ไปที่ กก.ตชด.๓๓ ค่ายศรีนคริทร์ จ.เชียงใหม่ (กลับที่เดิม ๕๕)สุดท้ายตัดสินใจลาออกจบชีวิตราชการแต่เพียงนี้
ภาวนาขอให้บ้านเมือง(จนท.)ได้มีคุณธรรมจริยธรรม ขอให้ศีลธรรมกลับมา บ้านเมืองจะได้เป็นสุขสงบร่มเย็น เรากลับมาติดตามการท่องเที่ยวของ ด.ช.ปุณพัฒน์ ฯ กันต่อนะครับ หลังจากที่พาเที่ยวในตัวเมืองสุโขทัย ได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ต่าง ๆ ตลอดจนได้ไปกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง (ศาลพระแม่ย่า) ได้เวลาเราก็พากลับเมืองเก่า เหลือเวลาอีกพอสมควรก็ได้พาเด็กน้อยไปปั่น ในอุทยานเป้าหมายพาไปหาของกินที่ตลาดนัดโบราณในอุทยาน และไปกราบพ่อขุนรามคำแหงครับ ติดตามกันนะครับ
- ไฟล์แนบ
-
- กลับจากการไปเที่ยวในเมืองสุโขทัยและไปกราบพระแม่ย่า ณ ศาลที่ตั้งอยู่บริเวณศาลากลางจังหวัดก็พากันกลับโรงแรมที่พักเมืองเก่า เตรียมต้วออกปั่นชมอุทยานประวัติศาสตร์ เจาะจงไปกราบพ่อขุนรามคำแหงกับไปเยี่ยมชมตลาดต้องชมในบริเวณอุทยาน ซึ่งจะมีอาหารการกินและสิ่งของที่ระลึกมากมาย
- cats๑๐.๑.JPG (126.91 KiB) เข้าดูแล้ว 1114 ครั้ง
-
- พ่อขุนรามคำแหงมหาราช หรือพระนามเต็ม พระบาทกมรเตงอัญศรีรามราช (พ.ศ. 1782 – พ.ศ. 1841) เป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์พระร่วง ปกครองอาณาจักรสุโขทัย ตั้งแต่ปี 1822 ถึง 1841 นับเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุด
พระองค์ได้รับการยกย่องในการประดิษฐ์อักษรไทยและสถาปนาพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทให้เป็นศาสนาประจำชาติอย่างมั่นคง
เมื่อพ่อขุนรามคำแหงมหาราชมีพระชนมายุ 19 พรรษา ได้ทรงทำยุทธหัตถีมีชัยต่อขุนสามชน เจ้าเมืองฉอด (อยู่ในบริเวณแม่สอดใกล้จังหวัดตาก แต่อาจจะอยู่ในเขตประเทศพม่าในปัจจุบัน) พระบรมชนกนาถจึงทรงขนานพระนามว่า "พระรามคำแหง" ซึ่งแปลว่า "พระรามผู้กล้าหาญ - cats๑๑.JPG (86.7 KiB) เข้าดูแล้ว 1114 ครั้ง
- พ่อขุนรามคำแหงมหาราช หรือพระนามเต็ม พระบาทกมรเตงอัญศรีรามราช (พ.ศ. 1782 – พ.ศ. 1841) เป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์พระร่วง ปกครองอาณาจักรสุโขทัย ตั้งแต่ปี 1822 ถึง 1841 นับเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุด
-
- cats๑๒.JPG (126.43 KiB) เข้าดูแล้ว 1114 ครั้ง
-
- cats๑๓.jpg (126.73 KiB) เข้าดูแล้ว 1114 ครั้ง
-
- cats๑๕.JPG (121.44 KiB) เข้าดูแล้ว 1114 ครั้ง
-
- cats๑๖.๑.JPG (145.92 KiB) เข้าดูแล้ว 1114 ครั้ง
-
- cats๑๖.๒.JPG (50.78 KiB) เข้าดูแล้ว 1114 ครั้ง
-
- วัดมหาธาตุ เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญในฐานะวัดมหาธาตุ ซึ่งเป็นพระอารามหลวงในเขตพระราชวังราชธานีสุโขทัยในอดีต ปัจจุบันตั้งอยู่บริเวณศูนย์กลางอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย
วัดมหาธาตุเป็นวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมือง สร้างขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18 หรือสมัยสุโขทัยตอนต้น ในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง พุทธศักราช 1835 (หลักที่ 1 ด้านที่ 2 บรรทัดที่ 23–26) ได้ระบุถึงอารามดังกล่าวว่า "กลางเมืองสุโขทัยนี้ มีพิหาร มีพระพุทธรูปอันราม" ซึ่งหมายถึงวิหารหลวงทางด้านทิศตะวันออกของเจดีย์ประธานเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดแบบสุโขทัย หน้าตักกว้าง 6.25 เมตร พระมหาธรรมราชาลิไทได้โปรดฯ ให้หล่อขึ้นและทำการฉลองเมื่อ พ.ศ. 1904
วัดมหาธาตุ ยังมีองค์ประกอบสำคัญคือเจดีย์มหาธาตุและเจดีย์บริวารทรงปรางค์จำนวน 8 องค์ซึ่งทำหน้าที่เป็นเจดีย์ประจำด้าน (ทิศ) ได้อิทธิพลจากศิลปะขอมและมีลวดลายปูนปั้นแบบอิทธิพลศิลปะลังกา ส่วนเจดีย์ประจำมุมทั้งสี่เป็นเจดีย์ทรงปราสาทห้ายอดได้อิทธิพลของศิลปะพุกาม-หริภุญไชย-ล้านนา[2] ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างเจดีย์ทรงปราสาทแบบสุโขทัยแท้ที่หลงเหลือในสภาพสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่ง
วัดมหาธาตุได้รับการประกาศขึ้นทำเบียนโบราณสถาน ในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 52 ตอนที่ 75 วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478 - 453169285_915123257299986_743691805947730841_n.jpg (110.59 KiB) เข้าดูแล้ว 1114 ครั้ง
- วัดมหาธาตุ เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญในฐานะวัดมหาธาตุ ซึ่งเป็นพระอารามหลวงในเขตพระราชวังราชธานีสุโขทัยในอดีต ปัจจุบันตั้งอยู่บริเวณศูนย์กลางอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (133).JPG (140.59 KiB) เข้าดูแล้ว 1114 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (134).JPG (128.38 KiB) เข้าดูแล้ว 1114 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (138).JPG (139.87 KiB) เข้าดูแล้ว 1114 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (139).JPG (131.77 KiB) เข้าดูแล้ว 1114 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (140).JPG (125.16 KiB) เข้าดูแล้ว 1114 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (141).JPG (137.8 KiB) เข้าดูแล้ว 1114 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (142).JPG (119.15 KiB) เข้าดูแล้ว 1114 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (143).JPG (110.32 KiB) เข้าดูแล้ว 1114 ครั้ง
แก้ไขล่าสุดโดย Deang-sarapee เมื่อ 10 ส.ค. 2024, 19:21, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4424
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
ชีวิตนี้ไม่ใช่ง่ายได้เรียนรู้
ถ้าใจสู้อย่าวู่วามเดินตามวิถี
หากวันใดได้พานพบกับคนดี
จงรักษาวิถีนี้มีศรัทธา
ต้องรักษาน้ำใจกันจงจำไว้
อย่าเอาเปรียบเทียบชั้นใครไม่เข้าท่า
โชคดีแล้วมีคนดีผ่านเข้ามา
ถ้าเจอคนที่ชั่วช้าพาล่มจม
คนจะดีนั้นต้องมีจิตสำนึก
อย่าติดยึดจะมีสุขอย่างท่วมท้น
จงปรับตัวให้กลมกลืนกับผู้คน
อย่าหวังผลจนเกินงามมันต่ำคน
คนที่ดีมีไม่กี่คนต้องค้นหา
อยู่ที่ว่ากรรมสัมพันธ์นั้นส่งผล
ผลของกรรมจะนำทางอย่างแยบยล
กับสิ่งที่ตนได้ก่อขอยืนยัน
ถ้าเราให้ความสำคัญคนรอบข้าง
เหมือนได้สร้างมิตรภาพต่อจากนั้น
มีน้ำใจแบ่งปันให้กันและกัน
สร้างสัมพันธ์ที่ดีไว้ในบัดนาว
คนดีจะผ่านเข้ามาหาไม่ขาด
คนฉลาดใช้ศรัทธาไม่ว่ากล่าว
จงรักษาความจริงใจให้ยืนยาว
เพื่อก้าวข้ามจนผ่านพ้นใจตนเอง
เป็นเหมือนดั่งมิติใหม่ให้ชีวิต
ถ้าย้อนคิดถึงเหตุต้นจงละเว้น
เพราะผลกรรมหลังจากก่อต่อตนเอง
จะเป็นผลสมดั่งกรรมดั่งนี้แล.
ขอความสุขความเจริญจงมีแต่ทุกๆท่านเทอญเจริญพร..........พระเสรี
รีวิวตลาดนัดโบราณ ในบรรยากาศต่างจังหวัด - เมืองเก่า จ.สุโขทัย
ถ้าใจสู้อย่าวู่วามเดินตามวิถี
หากวันใดได้พานพบกับคนดี
จงรักษาวิถีนี้มีศรัทธา
ต้องรักษาน้ำใจกันจงจำไว้
อย่าเอาเปรียบเทียบชั้นใครไม่เข้าท่า
โชคดีแล้วมีคนดีผ่านเข้ามา
ถ้าเจอคนที่ชั่วช้าพาล่มจม
คนจะดีนั้นต้องมีจิตสำนึก
อย่าติดยึดจะมีสุขอย่างท่วมท้น
จงปรับตัวให้กลมกลืนกับผู้คน
อย่าหวังผลจนเกินงามมันต่ำคน
คนที่ดีมีไม่กี่คนต้องค้นหา
อยู่ที่ว่ากรรมสัมพันธ์นั้นส่งผล
ผลของกรรมจะนำทางอย่างแยบยล
กับสิ่งที่ตนได้ก่อขอยืนยัน
ถ้าเราให้ความสำคัญคนรอบข้าง
เหมือนได้สร้างมิตรภาพต่อจากนั้น
มีน้ำใจแบ่งปันให้กันและกัน
สร้างสัมพันธ์ที่ดีไว้ในบัดนาว
คนดีจะผ่านเข้ามาหาไม่ขาด
คนฉลาดใช้ศรัทธาไม่ว่ากล่าว
จงรักษาความจริงใจให้ยืนยาว
เพื่อก้าวข้ามจนผ่านพ้นใจตนเอง
เป็นเหมือนดั่งมิติใหม่ให้ชีวิต
ถ้าย้อนคิดถึงเหตุต้นจงละเว้น
เพราะผลกรรมหลังจากก่อต่อตนเอง
จะเป็นผลสมดั่งกรรมดั่งนี้แล.
ขอความสุขความเจริญจงมีแต่ทุกๆท่านเทอญเจริญพร..........พระเสรี
รีวิวตลาดนัดโบราณ ในบรรยากาศต่างจังหวัด - เมืองเก่า จ.สุโขทัย
- ไฟล์แนบ
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (144).JPG (125.79 KiB) เข้าดูแล้ว 1111 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (146).JPG (82.79 KiB) เข้าดูแล้ว 1111 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (148).JPG (136.33 KiB) เข้าดูแล้ว 1111 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (149).JPG (139.92 KiB) เข้าดูแล้ว 1111 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (151).JPG (117.5 KiB) เข้าดูแล้ว 1111 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (154).JPG (94.31 KiB) เข้าดูแล้ว 1111 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (155).JPG (116.04 KiB) เข้าดูแล้ว 1111 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (157).JPG (87.55 KiB) เข้าดูแล้ว 1111 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (159).JPG (83.27 KiB) เข้าดูแล้ว 1111 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (162).JPG (96.54 KiB) เข้าดูแล้ว 1111 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (163).JPG (103.11 KiB) เข้าดูแล้ว 1111 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (160).JPG (97.41 KiB) เข้าดูแล้ว 1111 ครั้ง
-
- เที่ยวตลาดท่าน้ำหาของกินและให้อาหารปลาเป็นที่สนุกสนานของหนูน้อย อาหารปลาให้สองรอบสามรอบ เรียกว่าเอาให้สนุกเป็นการฝึกเรื่องการให้ทานครับ ได้เวลาพอสมควรก็พากันปั่นกลับที่พักกินมื้อเย็นที่ซื้อติดกลับที่พักด้วย ค่ำ ๆ สักนิดจะพาออกไปเที่ยวจุดที่จะพาไปใส่บาตรยามเช้าครับ
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (161).JPG (112.25 KiB) เข้าดูแล้ว 1111 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4424
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
สวัสดียามค่ำคืนอันแสนเศร้าครับ...ผิดหวังกับการที่นายกรัฐมนตรีถูกตัดสิทธิ์ให้ความเป็นนายก ฯ สิ้นสุดลง...ด้วยคะแนน ๕ : ๔ ส่วนตัวผมมั่นใจในความเป็นคนไทยที่จะประคับประคอง ไม่ให้อะไรมันเลวร้ายเพิ่มขึ้น การยุบพรรคก้าวไกลด้วยคะแนนเป็นเอกฉันท์ มันไม่มีความคลางแคลงใจเลยสักนิด(เชื่อเราอ่อน กม.) แต่พอมาฟังผลของท่านนายกรัฐมนตรี งง งง ใจเราคิดว่ารอด...แบบร้อยเปอร์เซ็นต์(เพื่อบ้านเมือง)...กลับตาลปัตรเฉียดฉิว...มันคือ ? เล่นเกมส์อะไรกันหรือ ? เชื่อนะครับมีคนผิดหวังค่อนประเทศ..ก็ขอปลอบใจด้วยบทความของ อ.นุสนธิ์บุค ครับ
วิชาหนึ่งในชีวิตของคนเราที่ต้องเรียน วิชานี้มีชื่อว่า "ยอมรับ"
ยอมรับเมื่อคนรักตีจาก
ยอมรับเมื่อญาติพี่น้องตายจาก
ยอมรับกับการไม่ได้ใช้ชีวิตกับคนที่รักแสนรัก แม้จะยังรักกันมากสักเพียงใด?
ยอมรับเมื่อของที่รักสุด หวงสุด แตกดับหรือสูญหายไป
ยอมรับความผิดหวังที่คนอื่นหยิบยื่นให้ และตนเองเป็นผู้ไขว่คว้าหามาเอง
ยอมรับความไม่เอาไหนของสามี ภรรยา ลูกหลาน
ยอมรับความจู้จี้ขี้บ่นของพ่อปู่แม่ย่าหรือพ่อตาแม่ยาย
ยอมรับในวงศ์ตระกูล พ่อแม่ พี่น้อง บ้านเกิด รูปร่างหน้าตา สติปัญญา ฯลฯ
วันที่ชีวิตต้องรู้จักคำว่ายอมรับ แม้ใจเราจะไม่อยากยอมรับ เราทุกคนไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยที่ร้องไห้จ้าเมื่อถูกพรากของรักออกจากอก แต่พอนานวันเข้า ใจเราจะบอกกับใจของตัวเองว่า "ยอมรับเถอะ เพราะยอมรับฉันจึงได้พบกับจุดเริ่มต้นใหม่ที่ดีกว่าเดิม"
.....
#นุสนธิ์บุคส์
วิชาหนึ่งในชีวิตของคนเราที่ต้องเรียน วิชานี้มีชื่อว่า "ยอมรับ"
ยอมรับเมื่อคนรักตีจาก
ยอมรับเมื่อญาติพี่น้องตายจาก
ยอมรับกับการไม่ได้ใช้ชีวิตกับคนที่รักแสนรัก แม้จะยังรักกันมากสักเพียงใด?
ยอมรับเมื่อของที่รักสุด หวงสุด แตกดับหรือสูญหายไป
ยอมรับความผิดหวังที่คนอื่นหยิบยื่นให้ และตนเองเป็นผู้ไขว่คว้าหามาเอง
ยอมรับความไม่เอาไหนของสามี ภรรยา ลูกหลาน
ยอมรับความจู้จี้ขี้บ่นของพ่อปู่แม่ย่าหรือพ่อตาแม่ยาย
ยอมรับในวงศ์ตระกูล พ่อแม่ พี่น้อง บ้านเกิด รูปร่างหน้าตา สติปัญญา ฯลฯ
วันที่ชีวิตต้องรู้จักคำว่ายอมรับ แม้ใจเราจะไม่อยากยอมรับ เราทุกคนไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยที่ร้องไห้จ้าเมื่อถูกพรากของรักออกจากอก แต่พอนานวันเข้า ใจเราจะบอกกับใจของตัวเองว่า "ยอมรับเถอะ เพราะยอมรับฉันจึงได้พบกับจุดเริ่มต้นใหม่ที่ดีกว่าเดิม"
.....
#นุสนธิ์บุคส์
- ไฟล์แนบ
-
- 288073.jpg (52.96 KiB) เข้าดูแล้ว 993 ครั้ง
-
- 453441788_1138139354150115_4513842889874128974_n.jpg (85.42 KiB) เข้าดูแล้ว 993 ครั้ง
-
- วันที่ชีวิตต้องรู้จักคำว่า "ยอมรับ" แม้ใจเราจะไม่อยากยอมรับ เราทุกคนไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยที่ร้องไห้จ้าเมื่อถูกพรากของรักออกจากอก แต่พอนานวันเข้า ใจเราจะบอกกับใจของตัวเองว่า "ยอมรับเถอะ เพราะยอมรับฉันจึงได้พบกับจุดเริ่มต้นใหม่ที่ดีกว่าเดิม"
- 453507254_1507521043208365_1249586930907566717_n.jpg (31.93 KiB) เข้าดูแล้ว 993 ครั้ง
-
- คลายเครียดกันนะครับ..ชีวิตต้องเดินต่อไป เสียกรุงอีกครั้งเป็นหนที่ ๓ แล้วเราค่อยมาจับมือดีกัน กู้ชาติอีกครั้ง ท่านเปา ยังต้องยอมเมื่อกรณี คับขัน ด้วยสมองของ หวังเฉา/ หม่าหั้น ๕๕๕๕๕
#ธรรมดาของคน มันผิดกันใด้ แม้แต่ " เปาปุ้นจิ้น" ผู้ทรงความยุติธรรมก็ยังเคยผิดพลาด เมื่อภรรยาจั่นเจาโดนข้อหา ฆ่าคนตายโดยเจตนาโดยทะเลาะกับเพื่อนบ้าน และได้ผลักเพื่อนบ้านล้มจังหวะนั้น มีรถม้าวิ่งผ่านมาพอดี ทับเพื่อนบ้านจนเสียชีวิต
นางก็รับสารภาพโทษนี้เป็นโทษประหาร ทุกคนก็กังวลใจเป็นอย่างมาก
จั่นเจา จอมยุทธผู้มีศักดิ์ศรี ก็ไม่ขอความเมตตาจากท่านเปาแม้แต่น้อยกลับเตรียมการงานศพเมีย เพรียบพร้อมด้วยความเศร้าใจ
หวังเฉา / หม่าหั้น / จางหลง/ จางหู่
ก็กลุ้มใจมาก เห็นจั่นเจาร้องไห้ทุกวัน รู้เสียอย่างไร ซ้อคงต้องตายคาศาลไคฟงอย่างแน่นอน
ถึงวันตัดสิน ทุกคนก็ใจระทึก ว่าท่านเปาจะหาทางออกอย่างไร
หวังเฉา/หม่าหั้น นั้นแน่ใจว่าอย่างไร ซ้อหญิงคงไม่รอดแน่
จึงให้ จางหลง/จางหู่ ทำหน้าที่แทนในศาลไคฟง และได้หลบตัวออกไป อ้างว่าไม่สบาย
ปกติเวลาท่านเปาจะตัดสินประหารใคร ท่านจะหยิบ "ติ้ว" (ไม้สั้นๆ ยาว คืบหนึ่ง) แล้วยืนขึ้น ตะโกนสุดเสียง
" ปราาา หาาาร "
หวังเฉา/ หม่าหั้น นั้นรู้ทางอยู่แล้ว จึงมุดไปอยู่ใต้โต้ะท่านเปา
พอถึงนาทีสำคัญ ท่านเปาหยิบติ้ว ยกตัวขึ้น เตรียมตะโกน
หวังเฉา / หม่าฮั่น ใช้มือ "บีบไข่" ท่านเปา สุดแรง คนละข้าง
ท่าน เปา นั้น ตกกะใจสุดขีด และรู้สึก เจ็บจนหน้าเขียว จึงตะโกน สุดเสียง
" ปล่อยยยยย เดี๋ยว นี้"
คำตัดสินนี้ ทำให้เมียจั่นเจารอดจากโทษประหารอย่างหวุดหวิด. - 452516858_481862771266079_4616651429382052189_n.jpg (59.51 KiB) เข้าดูแล้ว 993 ครั้ง
- คลายเครียดกันนะครับ..ชีวิตต้องเดินต่อไป เสียกรุงอีกครั้งเป็นหนที่ ๓ แล้วเราค่อยมาจับมือดีกัน กู้ชาติอีกครั้ง ท่านเปา ยังต้องยอมเมื่อกรณี คับขัน ด้วยสมองของ หวังเฉา/ หม่าหั้น ๕๕๕๕๕
-
- cats๒๐.jpg (95.51 KiB) เข้าดูแล้ว 993 ครั้ง
-
- cats๒๑.jpg (93.14 KiB) เข้าดูแล้ว 993 ครั้ง
-
- ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (91).jpg (58.44 KiB) เข้าดูแล้ว 993 ครั้ง
-
- ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (96).jpg (92.68 KiB) เข้าดูแล้ว 993 ครั้ง
-
- ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (132).jpg (75.89 KiB) เข้าดูแล้ว 993 ครั้ง
-
- ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (165).jpg (98.81 KiB) เข้าดูแล้ว 993 ครั้ง
-
- ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (171).jpg (63.33 KiB) เข้าดูแล้ว 993 ครั้ง
-
- ช่วงที่กลับจากตัวเมืองสุโขทัย มีเวลาเหลือแดดร่มลมตกเราก็พากันปั่นไปชมอุทยานได้บางส่วน แต่เป้าหมายคืออยากจะพาเด็กน้อยไปชมตลาดโบราณเมืองเก่า หาซื้อของกินสำหรับมื้อเย็นที่ตลาดนัดเด็กน้อยก็มีความสุขกับการให้อาหารปลา ซึ่งเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่คุณย่าชอบสอนให้เป็นคนที่รู้จักการให้
หลังจากที่เพลิดเพลินกันจนได้เวลากลับ รร.ที่พักจัดการกับมื้อเย็นในห้องพัก เสร็จแล้วเราก็พากันออกมาเดินเที่ยวยังบริเวณคูน้ำรอบรอบวัด ตระพังทอง ซึ่งจะเป็นสถานที่มีกิจกรรมใส่บาตรตอนเช้าตรู่ ยามรุ่งอรุณมาสุโขทัยทุกครั้งจะมีความสุขกับกิจกรรมดี ๆ แบบนี้เสมอ ๆ ยามค่ำคืนครานี้คึกคักกว่าทุกครั้งที่มา เด็กน้อยตื่นตาตื่นใจมากครับ - 453191521_785574803657224_5840271931999527249_n.jpg (67.59 KiB) เข้าดูแล้ว 993 ครั้ง
- ช่วงที่กลับจากตัวเมืองสุโขทัย มีเวลาเหลือแดดร่มลมตกเราก็พากันปั่นไปชมอุทยานได้บางส่วน แต่เป้าหมายคืออยากจะพาเด็กน้อยไปชมตลาดโบราณเมืองเก่า หาซื้อของกินสำหรับมื้อเย็นที่ตลาดนัดเด็กน้อยก็มีความสุขกับการให้อาหารปลา ซึ่งเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่คุณย่าชอบสอนให้เป็นคนที่รู้จักการให้
-
- เช้าของวันที่ ๒๘ ก.ค.๖๗ ตื่นแต่เช้าเตรียมตัวไปสร้างบุญบารมี ด้วยการไปร่วมใส่บาตร @ สะพานบุญสุโขทัย เอาบุญมาฝากทุกๆ ท่านด้วยนะครับ
- cats๒๒.JPG (110.6 KiB) เข้าดูแล้ว 993 ครั้ง
-
- ใส่บาตรสะพานบุญ รับอรุณสุโขทัย
วัดเก่าแก่ตั้งอยู่กลางบึง เข้าออกด้วยสะพานไม้ มีตลาดเช้าอยู่ใกล้วัด ผู้คนนิยมมาตักบาตรยามเช้ารับอรุณ ที่สะพานไม้ โดยเรียงแถวบนสะพานไม้ทั้งสองทาง พระสงฆ์บิณฑบาตเป็นภาพบรรยากาศที่งดงาม ในวัดมีสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่มากมาย สวยงามน่าชม
" สะพานบุญ " @ วัดตระพังทอง จังหวัดสุโขทัย
เป็นวัดใจกลางเมืองเก่า สุโขทัย เป็นสถานที่ใส่บาตรของชุมชน และกลายเป็นไฮไลท์ของนักท่องเที่ยวที่ได้มาสัมผัส ได้อิ่มบุญ กับการใส่บาตรพระสงฆ์ บนสะพานบุญ ในตอนเช้า รับวันใหม่อย่างงดงาม ซึ่งจะมีพระสงฆ์จากวัดตระพังทอง เดินบิณฑบาตรออกมาจากวัดซึ่งอยุ่อีกฝั่ง โดยมีแม่น้ำกั้นผ่านชุมชน จึงมีสะพานทอดยาวข้ามฝั่งมา เป็นสถานที่งดงาม และเป็นภาพที่งดงามของชาวพุทธ ที่ได้ใส่บาตร อิ่มบุญอิ่มใจ ในสะพานบุญแห่งนี้ กับป้ายที่บ่งบอกอย่างชัดเจน
"ใส่บาตรสะพานบุญ รับอรุณสุโขทัย"
#ใส่บาตรสะพานบุญรับอรุณสุโขทัย ใครที่ตื่นสาย ลองหักใจตัวเองตื่นเช้ามาตักบาตรที่ #วัดตะพังทอง ดูนะครับ ช่วงเช้ามืดจะมีพระเดินผ่านสะพานทั้งสองฝั่งของวัดมารับบาตรให้ญาติโยม บางช่วงเวลามีเกือบร้อยรูปเลย สวยงามมาก ๆ ครับ ด้านในวัดมีรอยพระพุทธบาทให้สักการะด้วย ส่วนช่วงกลางวันวัดจะค่อนข้างเงียบหน่อยนะครับ คึกคักเฉพาะช่วงเช้า ๆ
แก้ไขล่าสุดโดย Deang-sarapee เมื่อ 15 ส.ค. 2024, 01:38, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4424
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
ใส่บาตรสะพานบุญรับอรุณสุโขทัย
คุณนายจ่ายตลาด | เขต ธาราเขต จะพาทุกคนไป ใส่บาตรสะพานบุญ รับอรุณสุโขทัย | EP.329 | 27 ธ.ค. 66
- ไฟล์แนบ
-
- ใส่บาตรเสร็จก็พากันไปเดินชมตลาดวัดตระพังทอง ก่อนจะกลับที่พักรับประทานอาหารเช้า เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย พร้อมพาหนะคู่ใจ ไปเก็บรายละเอียดสถานที่ในอุทยานกันต่อ ติดตามเป็นกำลังใจนะครับ
- cats๒๖.jpg (107.22 KiB) เข้าดูแล้ว 984 ครั้ง
-
- cats๒๘.JPG (99.14 KiB) เข้าดูแล้ว 984 ครั้ง
-
- cats๒๙.jpg (123.91 KiB) เข้าดูแล้ว 984 ครั้ง
-
- เนินปราสาทพระร่วง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกติดกับวัดมหาธาตุ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสันนิษฐานว่า บริเวณนี้เคยเป็นฐานปราสาทราชวังของกษัตริย์เมืองสุโขทัย จากนั้นกรมศิลปากรได้เข้ามาทำการขุดแต่งบูรณะ เมื่อ พ.ศ. 2526 พบฐานอาคารแบบฐานบัวคว่ำและบัวหงายมีลักษณะเป็นฐานสูงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 27.50 x 51.50 เมตร มีบันไดที่ด้านหน้าและด้านหลัง
เนินปราสาทพระร่วง นั้นตั้งอยู่ติดกับวัดมหาธาตุเลยทีเดียว เป็นสถานที่ซึ่งมีความเชื่อในช่วงหนึ่งว่าที่นี่คือสถานที่ตั้งของพระราชวังหลวงเเห่งกรุงสุโขทัย ซึ่งเป็นราชธานีของอาณาจักรไทยที่ยาวนานกว่า 200 ปี เเต่ปัจจุบันนั้นเหลือเพียงเนินเศษหินเเละทรายเท่านั้น จึงได้เชื่อเรียกว่า เนินปราสาทพระร่วง เเละเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งในสุโขทัยที่มีนักท่องเที่ยวเเวะเวียนมาเที่ยวชมกันอย่างเสมอๆ
สำหรับเเนวคิดที่ว่า เนินปราสาทพระร่วง นั้นเป็นที่ตั้งของพระราชวังกรุงสุโขทัยนั้นมาจากสันนิษฐานของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่ รัชกาลที่ 6 คราเมื่อพระองค์เสด็จประพาสหัวเมืองสุโขทัย เเละทรงทอดพระเนตรเห็น จนต่อมาอีกลายสิบปี ทางกรมศิลปากรได้มีการขุดสำรวจบริเวณเเห่งนี้ พบว่าเป็นเพียงเเค่ฐานอาคารแบบฐานบัวค่ำ บัวหงาย เเละมีรูปทรงเป็นสีเหลี่ยมผืนผ้า รวมทั้งมีลักษณะของบันไดด้านหน้าเเละด้านหลังอีกด้วย เมื่อมาประมวลผลกับข้อมูลต่างๆ ของวัดมหาธาตุเเล้ว ทำให้เข้าใจได้ว่าสถานที่บริเวณนี้ไม่น่าจะใช่ที่ตั้งของพระราชวังหลวงของกรุงสุโขทัย ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงมาว่าตัวอาคารของพระราชวังจะเป็นไม้ทั้งองค์ เเละมีการเสื่อมสลายไปตามกาลเวลาเเล้ว โดยที่ตั้งของพระราชวังกรุงสุโขทัยน่าจะอยู่ที่เหนือศาลตาผาแดง ซึ่งจะติดกับวัดสรศักดิ์ทางทิศตะวันตก มากกว่า ซึ่งไปตามคติความเชื่อในสมัยนั้นเเละสอดคล้องรับการตำเเหน่งที่ตั้งของพระราชวังกษัตริย์เขมรโบราณที่เมืองพระนครหลวงหรือ เมืองนครธม ซึ่งในยุคนั้นสุโขทัยได้รับเอาอารยธรรมต่างๆ มากอย่างมากมาย
เเต่ถึงอย่างไร เนินปราสาทพระร่วง ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งในโบราณสถานที่ใครมาเที่ยวสุโขทัยเเล้ว ไม่ควรพลาดมาเที่ยวชมที่นี่ซักครั้งให้จงได้ เพราะถึงเเม้จะมีเเค่ซากอิฐ หิน เเต่ก็ยังนับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่ดี ฉะนั้นเเล้วไม่ควรพลาดมาเที่ยวชมให้ได้ซักครั้งหากคุณมาเที่ยวจังหวัดสุโขทัย - cats๓๒.jpg (116.07 KiB) เข้าดูแล้ว 984 ครั้ง
- เนินปราสาทพระร่วง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกติดกับวัดมหาธาตุ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสันนิษฐานว่า บริเวณนี้เคยเป็นฐานปราสาทราชวังของกษัตริย์เมืองสุโขทัย จากนั้นกรมศิลปากรได้เข้ามาทำการขุดแต่งบูรณะ เมื่อ พ.ศ. 2526 พบฐานอาคารแบบฐานบัวคว่ำและบัวหงายมีลักษณะเป็นฐานสูงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 27.50 x 51.50 เมตร มีบันไดที่ด้านหน้าและด้านหลัง
-
- cats๓๔.JPG (101.3 KiB) เข้าดูแล้ว 984 ครั้ง
-
- cats๓๖.jpg (116.04 KiB) เข้าดูแล้ว 984 ครั้ง
-
- 453163070_897454082211406_4102378594470253598_n.jpg (136.11 KiB) เข้าดูแล้ว 984 ครั้ง
-
- วัดศรีสวาย ตั้งอยู่ห่างออกไปทางตอนใต้ของวัดมหาธาตุประมาณ 350 เมตร โบราณสถานสำคัญที่ตั้งอยู่ในกำแพงแก้ว ประกอบด้วยปรางค์ 3 องค์ รูปแบบศิลปะลพบุรี ลักษณะของปรางค์ค่อนข้างเพรียว ตั้งอยู่บนฐานเตี้ย ๆ ลวดลายปูนปั้นบางส่วนเหมือนลายบนเครื่องถ้วยจีน สมัยราชวงศ์หยวน ได้พบทับหลังสลักเป็นรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์ ชิ้นส่วนของเทวรูป และศิวลึงค์ที่แสดงให้เห็นว่าเคยเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดูมาก่อน แล้วแปลงเป็นพุทธสถานโดยต่อเติมวิหารขึ้นที่ด้านหน้า แล้วเป็นวัดในพุทธศาสนาภายหลัง
วัดศรีสวาย เดิมเป็นเทวสถานในศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู ลักษณะเป็นปรางค์สามยอดแบบขอม มีคูน้ำล้อมรอบปรางค์สามองค์ โบราณสถานดังกล่าวนี้มีที่มาจากทรงปราสาทแบบขอม แต่ได้รับการดัดแปลงแตกต่างจากต้นแบบ เช่นส่วนประดับของปราสาทขอมที่เรียกว่า บันแถลง กลายเป็นรูปกลีบขนุน และปูนปั้นประดับกลีบขนุนเป็นรูปครุฑยุดนาคและเทวดา ปรางค์วัดศรีสวายจึงแตกต่างจากปรางค์สมัยกรุงศรีอยุธยาซึ่งมีต้นแบบจาก ปรางค์ในศิลปะขอมและคล้ายคลึงแบบขอมมากกว่าปรางค์ในแบบของช่างสุโขทัย
เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสเมืองสุโขทัย ทรงพบรูปพระอิศวรและและโบราณวัตถุหินจำหลักเป็นทับหลังรูปพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ รูปพระนารายณ์สี่กร และชิ้นส่วนของเทวรูปและศิวลึงค์ทำด้วยสำริด จึงทรงสันนิษฐานว่า วัดศรีสวายนี้คงเป็นสถานที่พวกพราหมณ์ใช้ทำพิธีโล้ชิงช้า (ตรียัมปวาย) แต่ต่อมาเมื่อคนไทยเข้ามาครอบครองกรุงสุโขทัย วัดนี้จึงถูกดัดแปลงให้เป็นวัดทางพระพุทธศาสนา
ข้อมูลจาก สารานุกรมเสรี วิกิพีเดีย - 453400394_892492782690278_6313855102744904697_n.jpg (143.27 KiB) เข้าดูแล้ว 984 ครั้ง
- วัดศรีสวาย ตั้งอยู่ห่างออกไปทางตอนใต้ของวัดมหาธาตุประมาณ 350 เมตร โบราณสถานสำคัญที่ตั้งอยู่ในกำแพงแก้ว ประกอบด้วยปรางค์ 3 องค์ รูปแบบศิลปะลพบุรี ลักษณะของปรางค์ค่อนข้างเพรียว ตั้งอยู่บนฐานเตี้ย ๆ ลวดลายปูนปั้นบางส่วนเหมือนลายบนเครื่องถ้วยจีน สมัยราชวงศ์หยวน ได้พบทับหลังสลักเป็นรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์ ชิ้นส่วนของเทวรูป และศิวลึงค์ที่แสดงให้เห็นว่าเคยเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดูมาก่อน แล้วแปลงเป็นพุทธสถานโดยต่อเติมวิหารขึ้นที่ด้านหน้า แล้วเป็นวัดในพุทธศาสนาภายหลัง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4424
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
เนินปราสาทตรงข้ามวัดมหาธาตุสุโขทัย ไม่ใช่วังพระร่วง(ขอบคุณคลิปดีมีสาระครับ)
หากคุณนำมดดำ 100 ตัว และมดแดงอีก 100 ตัว ไปใส่ไว้ในขวดโหลแก้วใบเดียวกัน เมื่อวางไว้เฉยๆ จะยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หากคุณนำขวดโหลแก้วนั้น มาเขย่าๆ อย่างรุนแรง และวางกลับไปบนโต๊ะ มดทั้งสองสีจะเริ่มฆ่ากันเอง เพราะมดแดงเชื่อว่ามดดำคือศัตรู ส่วนมดดำก็เชื่อว่ามดแดงคือศัตรู แต่มดดำและมดแดงต่างไม่รู้เลยว่า ศัตรูที่แท้จริง คือคนที่เขย่าขวดโหล ในสังคมของเรา ก็เช่นเดียวกัน ก่อนที่เราจะต่อสู้กันเอง เราต้องรู้ให้ทัน และตั้งคำถามอยู่เสมอว่า ใครคือคนที่เขย่าขวดใบนั้น .
𝐶𝑟𝑒𝑑𝑖𝑡 : 𝑈𝑛𝑘𝑛𝑜𝑤𝑛 ขอบคุณภาพAIโดย ระหว่างทาง
สวัสดียามบ่ายแก่ ๆ ครับ ท่านผู้มีเกียรติและญาติธรรมที่เคารพ นายกคนที่ ๓๑ ชัดเจนแล้วว่าเป็น “ชินวัตร” ไม่มีอะไรน่าสงสัยแต่ “ผิดคาด” (สำหรับผมนะครับ...เร็วไปครับ..และจังหวะนี้..ไม่เหมาะแน่...เสี่ยงสูงมาก)...แค่ไม่ทันข้ามคืนคู่ต่อสู้ ศัตรูเก่า ๆ ดาหน้าออกมาถล่ม...น่าจะเละนะ(คิดเอาครับ) มันจะไปกันได้ไหม นิสัย สันดาน ไทย ไทย มันเหมือนมดดำ – มดแดงที่อยู่ในขวดโหลนั่นละครับ..
- ไฟล์แนบ
-
- ในสังคมของเรา ก็เช่นเดียวกัน ก่อนที่เราจะต่อสู้กันเอง เราต้องรู้ให้ทัน และตั้งคำถามอยู่เสมอว่า ใครคือคนที่เขย่าขวดใบนั้น .
- 453448718_421498387712813_1005602296933391297_n.jpg (106.98 KiB) เข้าดูแล้ว 867 ครั้ง
-
- 455963331_870673048283356_41282844076841608_n.jpg (103.03 KiB) เข้าดูแล้ว 867 ครั้ง
-
- ตอนนี้โปรดเกล้าแล้วและเข้ารับตำแหน่งนายกคนที่ ๓๑ เป็นที่เรียบร้อย...ขอแสดงความยินดีกับนายกหญิงคนที่ ๒ ของไทย ขอให้บริหารประเทศชาติไปตามเป้าหมาย นำพาบ้านเมืองสู่ความศิวิไลซ์ นะครับ
ประเด็นที่น่าสนใจและต้องจับตามองฝ่ายแค้น - ฝ่ายค้าน ฝ่ายไม่เห็นด้วย ฯ ดาหน้าออกมาวิพากษ์ วิจารณ์ชนิดเมามัน (มันจะไปรอด ? )กะลาแลนด์แดนมิคสัญญีจริง ๆ ผมเคยได้อ่านได้ฟัง คำวิจารณ์นิสัยไทยจากชาวต่างชาติ ตั้งแต่สมัยเนิ่นนานมาแล้วที่เจ๊บ “จี๊ด” น่าจะเป็นชาวญี่ปุ่นเมื่อไม่นานมานี้ แต่อะไร..ใคร..ก็ช่างเชื่อผมไม่เท่าที่คนไทยด้วยกันมองกันเอง ซึ่งท่านนี้เป็นถึงระดับศิลปินแห่งชาติ ท่านพูด – วิจารณ์ไว้นานแล้วเราไปทบทวนฟังกันครับ
"ต่อให้ทักษิณตายไป ไอ้ระบอบแบบไทย ไทย ที่ว่า มันก็แค่ไปหาหัวโขนอื่นมาใส่ แล้วก็คอร์รัปชันกันต่อไป อย่างเมามันส์อยู่ดี"
อาจารย์เฉลิมชัย เขียนด่า... ได้เยี่ยมมาก มันไม่ใช่ระบอบทักษิณ ระบอบประชาธิปัตย์ หรือระบอบเผด็จการทหาร !!! แต่มันคือ “ระบอบแบบไทย ไทย” คนไทย นี่แหละ ที่ทำให้สังคมมันเป็นแบบนี้
"ผมไม่ชอบการเมือง แต่ในฐานะคนไทย ผมก็มี ๑ เสียง เท่ากับนายกรัฐมนตรี เท่ากับชาวสวน เท่ากับชาวนาคนหนึ่ง ผมไม่ใช่คนของอดีตนายกทักษิณ เขาไม่เคยให้อะไรผม !ผมก็ไม่เคยขออะไรจากเขา ! แต่รู้ว่าไม่ชอบระบบการเล่นการเมืองแบบฉวยโอกาส ไม่รักษากฏอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งที่เมื่อก่อน เคยชอบ ผมไม่รู้ว่า Thomas tarn เป็นใคร คนไทยรึเปล่า ? อ่านเจอ พอเปิดใจ รับเลย รู้สึกว่า มีส่วนจริงอยู่มาก ! เพราะผมเองก็คนหนึ่งล่ะ.. ที่เคยทำเลว ๆ ยัดเงินให้เจ้าหน้าที่ธุรการ เพื่อแลกกับความรวดเร็ว ยอมเสีย ๑๐๐ บาทเพื่อแลกกับการเสียเวลา และอื่น ๆ เพื่อความอยู่รอดของหน่วยในระบบราชการไทย ๆ เจอตรงนี้..เลยเอามาให้ได้อ่านกัน...
"การเมืองแบบไทย ไทย" โดย Thomas Tarn ถ้าเราล้มระบอบทักษิณได้แล้ว จะเป็นอย่างไรต่อไป ? ระบอบทักษิณคืออะไร ? ถ้าตระกูลชินวัตรตายหมดไปจากโลก ประเทศไทยจะดีขึ้นจริง ๆ หรือ ? ทุกคน ทุกฝ่าย นักวิชาการ ทนาย ผู้เชี่ยวชาญ สารพัด ช่วยคิด หาเหตุ หาผล.... ก็ยังหาทางลงไม่ได้........ เพราะระบอบ ที่ทำให้บ้านเมืองยิ้มอยู่ได้ทุกวันนี้ มันคือระบอบที่มีมาก่อนทักษิณจะเกิดซะอีก !! ขอเรียกว่า "ระบอบแบบไทย ไทย”
ระบอบแบบไทย ไทย นี้ เป็นระบอบที่เกิดขึ้นมาจาก...นิสัย สันดาน สภาพแวดล้อม ทัศนคติ แนวคิด พฤติกรรม ค่านิยมและสังคมแบบไทย ไทย ที่ส่วนใหญ่รักสบาย มักง่าย เล่นพรรคเล่นพวก มือถือสากปากถือศีล ไม่ซื่อสัตย์ ไม่มีอุดมการณ์ และที่สำคัญในช่วงหลัง ๆ คือวัดค่าของคนจากเงิน ของใช้ รถยนต์ สิ่งที่มองเห็นจากข้างนอก จากภายนอก ฯลฯ ในเมื่อการวัดค่าของคนไม่ได้อยู่ที่จิตใจ ความถูกต้อง ความดีงาม ความสามารถ อีกต่อไป คนส่วนใหญ่จึงมีเป้าหมายใหม่ เป็นการทำอย่างไรก็ได้ให้มีเงินมากที่สุด เมื่อความต้องการเงินมาก ๆ โดยไม่เลือกวิธีการ ไปรวมกับนิสัยแบบไทย ๆ ที่กล่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว จึงนำไปสู่การ คอร์รัปชัน ทั้ง ใน นอก ลับ และ เปิดเผย
การคอร์รัปชัน มีขึ้นแทบทุกหน่วยงานราชการ รวมไปถึงในภาคเอกชน และภาคครัวเรือนด้วย ที่เป็น...หนึ่งในตัวการส่งเสริมการคอร์รัปชัน (ยอมให้ชาติเสียประโยชน์เพื่อตนเอง...ได้ประโยชน์) ถ้าเกิดและโตมาจนอ่านหนังสือออก เล่นเฟซบุ๊กได้ คงไม่มีใครไม่เคยเกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชัน ฝากลูกเข้าโรงเรียน ยัดเงินตำรวจ โกงภาษีเงินได้ สารพัดการคอร์รัปชัน ในชีวิตประจำวัน (ไม่ต้องพูดถึง การคอร์รัปชัน ระดับนักการเมืองที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว)
ที่น่าแปลกใจ คือคนไทยรับได้ แถมอยู่กับมันได้อย่างมีความสุขอีกด้วย ? ด่านักการเมือง ว่าเลวทุกคน ถึงเวลา ขอให้ช่วยฝากลูกเข้าโรงเรียน ฯลฯ ด่าตำรวจไม่มีดี ถึงเวลา ช่วยหนูหน่อยนะพี่ ขี้เกียจไปโรงพัก สิ่งเหล่านี้คือระบอบแบบไทย ไทย มีมานาน ก่อนที่ทักษิณจะมีอำนาจเสียอีก พูดให้ถูกคือ…ทักษิณมีอำนาจ เติบโตมาจนสั่นคลอนประเทศวุ่นวายได้ขนาดนี้ ก็เพราะรู้จักใช้ประโยชน์ จากระบอบนี้นั่นเองแหละ ที่ทุกวันนี้ มันกลายเป็นระบอบทักษิณไปแล้ว เพราะทักษิณได้กระจายอำนาจและบริวาร ครอบคลุมหน่วยงานต่าง ๆ ไว้ เป็นจำนวนมาก สมัยอยู่ในอำนาจ จึงทำให้ทักษิณ เหมือนกลายเป็นผู้รับประโยชน์สูงสุด
ถามอีกรอบ สมมุติพรุ่งนี้ ตระกูลทักษิณหายไปจากโลก คิดว่าไอ้ระบอบแบบไทย ไทยที่หยั่งรากลึก มาก่อนทักษิณจะมาเล่นการเมืองเสียอีก มันจะหายไปหรือเปล่า ? ข้าราชการ ตำรวจ ประชาชน นักการเมืองทุกคน จะพร้อมใจกัน เป็นคนดีขึ้นมากกว่าเดิมทันทีหรือไม่ ? โอ้โฮ โลกช่างสวยงามจริง คิดแบบนั้นกันจริง ๆ หรือ ? เชื่อว่าทุกคน ก็รู้อยู่ว่า "ไม่ใช่" ต่อให้ทักษิณตายไป ไอ้ระบอบแบบไทย ไทย ที่ว่า มันก็แค่ไปหาหัวโขนอื่นมาใส่ แล้วก็คอร์รัปชันกันต่อไป อย่างเมามันส์อยู่ดี
การโยนความเลวทราม ชั่วช้า ทั้งหมดบนโลกใบนี้ไปให้ทักษิณ มันง่ายดี ? มันสะดวกกว่าการโทษตัวเอง แต่มันไม่ใช่การแก้ปัญหา และ ไม่เป็นธรรมกับทักษิณนัก การปลุกระดมม็อบ ไปปิดสถานที่ราชการ ก็ไม่ใช่การแก้ปัญหา เพราะนักการเมืองทุกฝ่ายมีเงินทุนและมวลชนของตัวเองมากพอที่จะปลุกม็อบมาสักกี่ครั้งก็ได้ เมื่อฝ่ายตรงข้ามได้เป็นรัฐบาล กลายเป็นวังวนอัปยศ ที่หาทางออกไม่ได้ของประเทศไทย ทางแก้ของปัญหาการเมืองในประเทศ ผมเชื่อว่า ไม่มีทางออกจากวงจรอุบาทว์ ไม่ว่า จะก่อม็อบไปเปลี่ยนรัฐบาล ไปซักกี่รัฐบาล ถ้าคนไทยยังไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง "ปฏิวัติตัวเอง" จากข้างใน เลิก > เห็นแก่ความสบาย เลิก > ร้องขอสิทธิพิเศษ เลิก > มองคนที่ภายนอก เลิก > คิดมักง่าย เลิก > ขับรถผิดกฏจราจร
หันมามองความสามารถภายใน ความดี ความมีคุณธรรม ลดความเห็นแก่ตัว เคารพสิทธิของผู้อื่น เคารพกฎหมาย ให้มากกว่านี้เถอะ จะทำให้เกิด “ระบอบแบบไทย ไทย” ในรูปแบบใหม่ (New Version) ที่ดีงามต่อประเทศไทย สังคมส่วนรวมและตัวเราเอง (รวมทั้งโลกด้วย)
อ. " เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ " - 454330013_924176732849952_2626555757875318394_n.jpg (67.57 KiB) เข้าดูแล้ว 867 ครั้ง
- ตอนนี้โปรดเกล้าแล้วและเข้ารับตำแหน่งนายกคนที่ ๓๑ เป็นที่เรียบร้อย...ขอแสดงความยินดีกับนายกหญิงคนที่ ๒ ของไทย ขอให้บริหารประเทศชาติไปตามเป้าหมาย นำพาบ้านเมืองสู่ความศิวิไลซ์ นะครับ
-
- สบาย ๆ .....ยามบ่ายคลายเครียด...คิดและหารายชื่อมาฝาก fc. ของเราครับ เชื่อนะว่าโลกใบนี้มีอยู่ เรียกว่า "โลกนี้ไม่สิ้นคนดี" อย่าพึ่งหมดหวังนะครับ
- cat1 (8).jpg (114.12 KiB) เข้าดูแล้ว 867 ครั้ง
-
- cats๓๙.JPG (99.37 KiB) เข้าดูแล้ว 867 ครั้ง
-
- 453465105_1442758213092290_408386305606628493_n.jpg (96.98 KiB) เข้าดูแล้ว 867 ครั้ง
-
- 453471560_811213084533590_6820713302421248846_n.jpg (102.1 KiB) เข้าดูแล้ว 867 ครั้ง
-
- ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (307).jpg (110.05 KiB) เข้าดูแล้ว 867 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (2).JPG (111.11 KiB) เข้าดูแล้ว 867 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (230).JPG (111.54 KiB) เข้าดูแล้ว 867 ครั้ง
-
- วัดตระพังเงิน เป็นโบราณสถานร้างในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย
ไม่ปรากฏหลักฐานชื่อวัดตระพังเงินในศิลาจารึก แต่พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งยังเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เรื่อง เที่ยวเมืองพระร่วง (พ.ศ. 2451) มีข้อความกล่าวถึงตระพังเงินไว้ว่า "ที่ริมวัดมหาธาตุทางด้านตะวันออก มีที่ดินว่างเปล่าอยู่แปลงหนึ่ง เป็นรูปสี่เหลี่ยมรีทางด้านเหนือกับด้านใต้ มีเนินดินและมีคูต่อไปประจบกับคูวัดมหาธาตุเป็นอันเดียวกัน ด้านตะวันตกที่ติดกับวัดมหาธาตุนั้น มีกำแพงแต่ไม่มีคู ด้านตะวันออกมีคู คูด้านเหนือและใต้นั้นยาวต่อไปจนจดคูด้านตะวันตก เข้าใจว่าน้ำในตระพังทองด้านตะวันออกกับตระพังเงินด้านตะวันตก จะมีทางไขให้เดินเข้าคูวัดกับที่แปลงต่อนั้นได้ตลอด" กรมศิลปากรดำเนินการบูรณะและปรับปรุงภูมิทัศน์ เมื่อ พ.ศ. 2549
วัดตระพังเงินตั้งอยู่โดยรอบขอบสระน้ำหรือตระพังเงิน ประกอบด้วยเจดีย์ประธาน วิหาร และอุโบสถกลางน้ำ
เจดีย์ทรงดอกบัวตูมหรือเจดีย์พุ่มข้าวบิณฑ์เป็นประธาน วิหารอยู่ทางด้านหน้าหรือด้านทิศตะวันออกของเจดีย์ประธาน มีหลังคาทรงจั่ว คงเป็นวิหารโถง เจดีย์รายตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเจดีย์ประธานและวิหาร มีช่องซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูป หลังคาชั้นซ้อนสอบลดหลั่นขึ้นไป เรียกว่า เจดีย์ทรงวิมาน ด้านตะวันออกของเจดีย์และวิหารมีตระพัง ชื่อว่า ตระพังเงิน ตรงกลางสระมีเกาะและมีอุโบสถตั้งอยู่กลางเกาะ คงเป็นอาคารโถงเช่นเดียวกับวิหาร โดยสำหรับพระพุทธรูปประธานภายในวิหารเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี - หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (231).JPG (97.28 KiB) เข้าดูแล้ว 867 ครั้ง
- วัดตระพังเงิน เป็นโบราณสถานร้างในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (237).JPG (118.57 KiB) เข้าดูแล้ว 867 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (238).JPG (64.82 KiB) เข้าดูแล้ว 867 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (240).JPG (130.65 KiB) เข้าดูแล้ว 867 ครั้ง
-
- ไปต่อกันยังจุดที่ ๕ ครับ
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (242).JPG (103.21 KiB) เข้าดูแล้ว 867 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4424
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
วัดสระศรี โบราณสถาน มรดกโลก สุโขทัย
- ไฟล์แนบ
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (244).JPG (89.9 KiB) เข้าดูแล้ว 849 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (246).JPG (140.28 KiB) เข้าดูแล้ว 849 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (247).JPG (101.63 KiB) เข้าดูแล้ว 849 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (248).JPG (119.02 KiB) เข้าดูแล้ว 849 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (243).JPG (111.03 KiB) เข้าดูแล้ว 849 ครั้ง
-
- 452989993_1035203624861413_5414791141003272769_n.jpg (98.86 KiB) เข้าดูแล้ว 847 ครั้ง
-
- 453458737_1248990516480598_6924774344622978157_n.jpg (113.41 KiB) เข้าดูแล้ว 847 ครั้ง
-
- ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (222).jpg (145.97 KiB) เข้าดูแล้ว 847 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (249).JPG (108.11 KiB) เข้าดูแล้ว 847 ครั้ง
-
- 454254900_10229809404530958_5697222313115125238_n.jpg (37.09 KiB) เข้าดูแล้ว 847 ครั้ง
-
- ข้อกล่าวหาจุดอ่อนสังคมไทย 10 ประการ เผยแพร่ เมื่อปี 2557 (มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 30 ก.ค.57)
“จุดอ่อน 10 ข้อ” ของคนไทยมีอย่างนี้
1. คนไทยรู้จักหน้าที่ของตัวเองต่ำมาก โดยเฉพาะหน้าที่ต่อสังคม เป็นประเภทมือใครยาวสาวได้สาวเอา เกิดธุรกิจการเมือง ธุรกิจราชการ ธุรกิจการศึกษา ทำให้ประเทศล้าหลัง
2. การศึกษายังไม่ทันสมัย คนไทยเก่งแต่ภาษาของตัวเอง ทำให้ขาดโอกาสในการแข่งขันกับต่างชาติในเวทีต่าง ๆ ไม่กล้าแสดงออก ขี้อาย ไม่มั่นใจในตัวเอง จึงตามหลังชาติอื่น คนมีฐานะจะส่งลูกไปเรียนเมืองนอกเพื่อโอกาสที่ดีกว่า
3. มองอนาคตไม่เป็น คนไทยมากกว่า 70% ทำงานแบบไร้อนาคต ทำแบบวันต่อวัน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวัน ๆ น้อยคนนักที่จะทำงานเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอน มีเป้าหมายในอนาคตที่ชัดเจน
4. ไม่จริงจังในความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ทำแบบผักชีโรยหน้า หรือทำด้วยความเกรงใจ ต่างกับคนญี่ปุ่นหรือยุโรปที่จะให้ความสำคัญกับสัญญา ข้อตกลงอย่างเคร่งครัด เพราะหมายถึงความเชื่อถือในระยะยาว คนไทยจึงถูกลดเครดิตความน่าเชื่อถือลงเรื่อย ๆ
5. การกระจายความเจริญยังไม่เต็มที่ ประชากรประมาณ 60-70% ที่อยู่ห่างไกลขาดโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตัวเอง และชุมชนซึ่งเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่ต้องส่งเสริม
6. การบังคับใช้กฎหมายไม่เข้มแข็งและไม่ต่อเนื่อง ทำงานแบบลูบหน้าปะจมูก ปราบปรามไม่จริงจัง การดำเนินการตามกฎหมายกับผู้มีอำนาจหรือบริวารจะทำแบบเอาตัวรอดไปก่อน ไม่มีมาตรฐาน
7. อิจฉาตาร้อน สังคมไทยไม่ค่อยเป็นสุภาพบุรุษ เลี่ยงเป็นศรีธนญชัย ยกย่องคนมีอำนาจมีเงินโดยไม่สนใจภูมิหลัง โดยเฉพาะคนที่ล้มบนฟูกแล้วไปเกาะผู้มีอำนาจเพื่อเอาตัวรอด คนพวกนี้ร้ายยิ่งกว่าผู้ก่อการร้าย ดีแต่พูด มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ ทำให้คนดีไม่กล้ามาเพราะกลัวเปลืองตัว
8. เอ็นจีโอค้านลูกเดียว บางกลุ่มอิงอยู่กับผลประโยชน์ บ่อยครั้งที่ต้องเสียโอกาสอย่างมหาศาลเพราะการค้านแบบหัวชนฝา เหตุผลจริง ๆ ไม่พูดกัน
9. ยังไม่พร้อมสำหรับเวทีโลก การสร้างความน่าเชื่อถือ ในเวทีการค้าระดับโลกยังขาดทักษะและทีมเวิร์คที่ดี ทำให้สู้ประเทศเล็กๆ อย่างสิงคโปร์ไม่ได้
10. เลี้ยงลูกไม่เป็น เด็กไทยขาดความอดทน ไม่มีภูมิคุ้มกัน เป็นขี้โรคทางจิตใจ ไม่เข้มแข็งเพราะการเลี้ยงลูกแบบไข่ในหิน ไม่สอนให้ลูกช่วยตัวเอง ไม่กระตือรือร้นในการช่วยตนเอง ขวนขวาย แสวงหา ค้นหาตัวเอง และไม่สอนให้สำนึกรับผิดชอบต่อสังคม - 454258737_10229809442691912_198856200832086852_n (1).jpg (121.18 KiB) เข้าดูแล้ว 847 ครั้ง
- ข้อกล่าวหาจุดอ่อนสังคมไทย 10 ประการ เผยแพร่ เมื่อปี 2557 (มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 30 ก.ค.57)
-
- ท่านเคยได้ยินได้ฟังมาบ้างหรือไม่ ว่ามีฝรั่งหลายชาติหลายภาษานินทาคนไทยว่า “ขี้เกียจ ขี้ขลาด ขี้โกง” ข้อกล่าวหาดังกล่าวเราทุกคนยากที่จะยอมรับ เพราะเราดูตัวของเราเอง เราก็เป็นคนขยัน ทำมาหากินตัวเป็นเกลียว บุรพชนของเราเอาเลือดทาแผ่นดิน รักษาบ้านเมืองมาทุกยุคทุกสมัย เราเป็นชาวพุทธมีศีลธรรมประจำใจ แต่เราไม่อยากรู้บ้างหรือว่าทำไมต่างชาติจึงมองเราเช่นนั้น
คำกล่าวหานี้มีมาตั้งแต่เมื่อ ๕๐๐ ปีที่แล้ว ฝรั่งโปรตุเกสเริ่มเข้ามาเมืองไทยในรัชกาลสมเด็จพระชัยราชาธิราช ก็เขียนหนังสือกล่าวว่า “การคิดอ่านที่โหดร้ายและการกระทำอันร้ายกาจ (ในการแย่งชิงอำนาจ) ได้แย่งชิงเอาความมีภูมิธรรมสูงส่วนใหญ่ไป” เมื่อ ๔๐๐ ปีที่แล้วมีชาวฮอลันดาเข้ามาตั้งห้างค้าขาย ก็กล่าวอย่างนี้ เมื่อ ๒๐๐ ปีที่แล้วเป็นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ ชาวอังกฤษก็โจมตีอย่างหนัก ในรัชกาลที่ ๔ ที่ ๕ ชาวเยอรมัน ฝรั่งเศส และอังกฤษ ก็ยังยืนยันว่าขี้เกียจ ขี้ขลาด ขี้โกง เราจึงขอนำเสนอทัศนะของฝรั่งชาติต่างๆ ๕ ชาติจำนวน ๙ นาย มาสู่ท่านผู้อ่าน เพื่อช่วยกันพิจารณาว่า คำกล่าวหาของเขาฟังได้เพียงไร คนเหล่านี้คือ
๑. นายปินโต ชาวโปรตุเกส เข้ามาเป็นทหารรับจ้างอยู่ในกองทัพพระชัยราชาธิราช ในการทำสงครามกับรัฐเชียงใหม่ โดยนำปืนใหญ่ไปใช้รบเป็นครั้งแรกในเมืองไทย
๒. นายเซาเตน ชาวฮอลันดา เข้ามาเป็นหัวหน้าสถานีการค้าฮอลันดาในรัชกาลพระเจ้าทรงธรรม
๓. นายวันวลิต เป็นหัวหน้าสถานีการค้าสืบจากนายเซาเตน เขาเขียนประวัติศาสตร์ไทย นับเป็นฉบับแรกของประเทศนี้
๔. นายฟอร์บัง เป็นนายทหารฝรั่งเศส เข้ามารับราชการเป็นขุนนางไทย ได้ยศเป็นออกพระศักดิ์สงคราม คุมทหารที่ฝึกแบบยุโรป (มีปืนและหอกเป็นอาวุธประจำกาย) จำนวน ๒,๐๐๐ คน ที่ป้อมวิชัยประสิทธิ์ ธนบุรี
๕. นายยอห์นครอเฟิด คนไทยเรียก “กาลาผัด” เป็นทูตอังกฤษ มาในรัชกาลที่ ๒ ของกรุงรัตนโกสินทร์ เขาเขียนรายงานไปยังรัฐบาลอังกฤษ เจาะลึกในทุกด้านของไทยเป็นจำนวน ๑๘๓ หัวข้อ
๖. หมอกิศลับ ชาวเยอรมัน เป็นมิชชันนารีฝ่ายโปรเตสแตนต์คนแรก ที่เข้ามาเมืองไทย เขารู้ภาษาไทยขนาดทำพจนานุกรมอังกฤษ-ไทย เป็นฉบับแรก
๗. นายมัลล้อก พ่อค้าอังกฤษ มาในรัชกาลที่ ๔ เขามาสำรวจอย่างละเอียดในเรื่องทรัพยากร การค้า และเศรษฐกิจของเมืองไทย ตลอดทั้งความมั่นคง เป็นรายงานที่ยาวถึง ๑๒๒ หน้า
๘. นายมูโอต์ นักธรรมชาติวิทยาชาวฝรั่งเศส เข้ามาในรัชกาลที่ ๔ เขาใช้เวลา ๓ ปี สำรวจภูมิประเทศและการดำรงชีวิตของคนไทย
๙. เซอร์เฮนรี นอร์แมน เป็นขุนนางอังกฤษ เข้ามาในรัชกาลที่ ๕ (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ)
ชาวยุโรปทั้ง ๙ คนนี้ ล้วนแต่เป็นคนมีภูมิปัญาทุกคน (เว้นแต่ฟอร์บัง) ลงความเห็นว่าคนไทยนิสัยไม่ดี “ขี้เกียจ ขี้ขลาด ขี้โกง” ส่วนที่ดีก็มีเพียงความใจกว้างในการถือศาสนาและรู้จักพอเพียง ความเห็นของต่างชาติเหล่านี้เราจะได้นำเสนอไว้เบื้องต้น และจะได้นำความเห็นของปัญญาชนคนไทยที่รู้จักคนไทยดีมาเสนอในอันดับต่อไป ท่านที่กล่าวนี้คือสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระบิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทย และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ พระมหากษัตริย์ที่คบหาสมาคมกับชาวบ้าน และเรียกเพื่อนของท่านว่า “เพื่อนแก้ว” ปิดท้ายรายการด้วยทัศนะของชาวต่างประเทศ และไต้ก๋งเรือประมงไทยในปี พ.ศ. ๒๕๔๙
ข้อเขียนที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ แม้จะไม่เป็นที่สบอารมณ์นัก แต่ก็มีประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง เพราะคุณภาพของคนในชาติเป็นสิ่งสำคัญที่สุดต่อการอยู่รอดของประเทศ บางทีจะเป็นโอกาสให้เข้าใจตัวเองว่า เรามีดีมีชั่วอย่างที่เขากล่าวหาอย่างไรบ้างหรือไม่ เมื่อพูดถึงนิสัยของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นแต่ละบุคคลหรือเป็นชนชาติโดยรวม ย่อมมีทั้งดีทั้งชั่วอยู่ด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่ว่าใครมีมากมีน้อย นอกจากนั้นนิสัยที่สำคัญมิใช่มีเพียง ๓-๔ อย่าง ดังที่เขากล่าวเน้นนี้ แต่ยังมีอีกหลายอย่างนักที่มีอิทธิพลต่อความจำเริญรุ่งเรืองของคนและชุมชน นิสัยคนไทยนั้นดูยากและสลับซับซ้อน เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดินครั้งใหญ่ พ.ศ. ๒๔๗๕ ระบบราชาธิปไตยซึ่งอยู่กับคนไทยมา ๘๐๐ ปี ได้ถูกโค่นล้มโดย “คณะราษฎร” พลโทประยูร ภมรมนตรี แกนนำของคณะรัฐประหารได้นำตัวกรมพระนครสวรรค์วรพินิตซึ่งเป็นผู้รักษาพระนครไปเป็นตัวประกันที่พระที่นั่งอนันตสมาคม กรมพระนครสวรรค์ฯ ได้ทรงกล่าวหยันว่า
“นี่แกรู้จักคนไทยดีแล้วหรือ
แกจะต้องเผชิญปัญหาเรื่องคน
พระราชวงศ์จักรีครองเมืองมา ๑๕๐ ปีแล้ว
รู้ดีว่า คนไทยปกครองกันอย่างไร
คณะของแกจะเข็นครกขึ้นภูเขาไหวหรือ”
คณะราษฎรได้ประสบปัญหาเรื่องนิสัยคนไทยเข้าจริงๆ พลโทประยูรยอมรับในเวลาต่อมาว่า “เมื่อข้าพเจ้าได้อ่านใบปลิวซึ่งหลวงประดิษฐ์มนูธรรมเขียน ก็รู้สึกเลือดขึ้นหน้า คำทำนายของกรมพระนครสวรรค์ฯ รับสั่งอยู่หยกๆ ว่า พวกแกจะต้องฆ่ากันตาย มันพลันเป็นความจริงขึ้นมาแล้ว”
นิสัยคนไทยเป็นอย่างไรต้องดูกันนานๆ ดูให้ลึกลงไปถึงปู่ย่าตายาย ก็พอจะมองเห็นกรรมพันธุ์ได้บ้าง แต่นั่นก็เป็นเพียงส่วนเดียวเท่านั้น ยังมีกฎของโลกที่สำคัญไม่น้อยกว่ากัน คือ มี “ความเปลี่ยนแปลงอยู่เป็นนิรันดร” คนไทยวันนี้ย่อมไม่เหมือนคนไทยสมัยพระชัยราชาธิราชเสียทีเดียว
เอกสารอ้างอิง
“ชีวิต ๕ แผ่นดินของข้าพเจ้า”. โดย พลโทประยูร ภมรมนตรี. บรรณกิจ, ๒๕๑๘.
“บันทึกเรื่อง การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔๗๕”. โดย พลโทประยูร ภมรมนตรี. บรรณกิจเทรดดิ้ง, ๒๕๑๗ - 455817511_1680130869411765_2849786070538975801_n.jpg (53.91 KiB) เข้าดูแล้ว 847 ครั้ง
- ท่านเคยได้ยินได้ฟังมาบ้างหรือไม่ ว่ามีฝรั่งหลายชาติหลายภาษานินทาคนไทยว่า “ขี้เกียจ ขี้ขลาด ขี้โกง” ข้อกล่าวหาดังกล่าวเราทุกคนยากที่จะยอมรับ เพราะเราดูตัวของเราเอง เราก็เป็นคนขยัน ทำมาหากินตัวเป็นเกลียว บุรพชนของเราเอาเลือดทาแผ่นดิน รักษาบ้านเมืองมาทุกยุคทุกสมัย เราเป็นชาวพุทธมีศีลธรรมประจำใจ แต่เราไม่อยากรู้บ้างหรือว่าทำไมต่างชาติจึงมองเราเช่นนั้น
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4424
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
วิบากกรรมนำให้ฉันต้องมาพบ
เพื่อจะจบในหนี้กรรมที่ทำไว้
เพราะมีเหตุจึงมีผลจงทำใจ
ไม่มีใครจะยิ่งใหญ่เกินกว่ากรรม
จะมีแรงผลักดันเราให้มาเกิด
โอกาสเปิดเราจึงได้มาสร้างสรรค์
มันจะเป็นไปตามเหตุที่ตนทำ
เพราะกรรมนั้นไม่เคยจะละเว้นใคร
หากอะไรมันจะเกิดเปิดใจรับ
ไม่นานนักก็ต้องดับสูญสลาย
บอกใจตนว่าโอนะไม่เป็นไร
แล้วมันก็ผ่านเราไปไม่ยั่งยืน
เราก็แค่ยืมของเขามาใช้ก่อน
ไม่จีรังอย่าอาวรต้องไม่ฝืน
มีให้ใช้ก็ใช้ไปตายก็คืน
แต่สำคัญที่จุดยืนคราวต่อไป
เราได้มีกำหนดทางไว้บ้างหรือเปล่า
จิตมุ่งมั่นอันยืนยาวมีบ้างไหม
ถ้าใจเรายังไหวอยู่สู้ต่อไป
ไม่เป็นไรแค่ใจสู้เดี๋ยวรู้กัน
สิ่งสำคัญใจเรานั้นต้องไม่ท้อ
เข้มแข็งพอก้าวขึ้นที่สูงมุ่งทอฝัน
เพียงจิตหนึ่งใจดวงนี้ที่สำคัญ
เรื่องลำบากช่างหัวมันฉันไม่แคร์
ที่แน่ๆมองโลกในแง่ดีก่อน
เกิดศรัทธาได้แน่นอนไม่ยอมแพ้
เป็นพลังที่มีค่าอย่าอ่อนแอ
ใครยอมแพ้รับไม่ได้ตายเปล่าเอย.
ขอความสุขความเจริญจงมีแต่ทุกๆท่านเทอญเจริญพร.......พระเสรี ศ. 15:26 น.
อรุณสวัสดิ์ fc.ญาติธรรมและท่านผู้มีเกียรติที่เคารพรัก หลายวันมานี้มีข่าวเศร้าข่าวดีและข่าวร้ายเยอะแยะมากมาย ข่าวเศร้าก็การจากไปของศิลปินแห่งชาติ คุณอาชรินทร์ นันทนาทร ที่ได้จากพวกเราไปแล้วด้วยวัย ๙๑ ปี สำหรับคุณอาชรินทร์ผมรู้จักใกล้ชิดกับท่านพอสมควรคือ สมัยเมื่อครั้งผมเล่นดนตรีประจำวงศรีสมเพชร ทุก ๆ ปีงานลอยกระทง งานฤดูหนาวหรืองานสงกรานต์ ท่านประสิทธิ์ ศรีสมเพชร เจ้าของวงดนตรีศรีสมเพชรนักธุรกิจชื่อดังของเชียงใหม่ จะจัดงานรื่นเริงเป็นประจำก็จะเชิญนักร้องนักแสดงดาราดัง ๆ มาปรากฏตัวให้คนเชียงใหม่ได้รับชม ผมได้มีโอกาสรับส่งท่านเหล่านี้จากสนามบินมาที่พักและเข้างาน จึงคุ้นเคยพอสมควร ก็ขอไว้อาลัยให้คุณอาชรินทร์ ฯ ขอให้ดวงวิญญาณของคุณอาสู่สุคติสัมปรายภพยังสรวงสวรรค์ครับ
ข่าวดีก็...ก็เรื่องของการเมืองที่บ้านเราครั้งนี้การแต่งตั้งรัฐบาลรวดเร็วมาก (แปลกใจ) ที่สำคัญนักการเมืองดูเหมือนจะหลอมรวมเข้าด้วยกัน ศัตรูก็กลับมาเป็นมิตรนับว่า เป็นนิมิตรหมายอันดีที่ประเทศจะได้เดินไปข้างหน้าต่อไป (หุ้นขึ้นทุกตัว )
ข่าวร้ายก็เรื่องภัยธรรมชาติที่โหมกระหน่ำเหมือนปี ๒๕๕๔ (น้ำท่วมครับ) โดยเฉพาะที่น่านและแพร่หนักหนาสาหัส บ้านเพื่อนผมที่น่านต้องขึ้นไปอยู่ชั้นสองแล้ว ที่แพร่ซึ่งจุดที่ผมพาหลานไปปั่นเที่ยว น้ำขึ้นถึงระดับเอวแล้ว(น่ากลัวจัง)นอกจากนี้ยังมีอีกหลาย ๆ ท้องที่ที่ต้องประสบภัยจากน้ำท่วม ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวขอให้ปลอดภัยนะครับ
เช้านี้ผมจะนำท่านที่เคารพเดินทางท่องเที่ยวกันต่อนะครับ วันนี้จะเป็นจุดสุดท้ายที่สุโขทัย คือเราจะไปกราบลาพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เพื่อเดินทางไปเมืองแพร่ ไปปั่นเที่ยวเมืองเก่ากันครับ สำหรับจุดที่สุโขทัยนี้เมื่อ ๒ ปีที่แล้วเราสองคน(ปู่-ย่า)ได้ไปปั่นเที่ยวมาหมดแล้วอย่างสนุกสนาน พร้อมกันนี้ก็ขอแปะ link เมื่อครั้งที่ปั่นเที่ยวของเราสองคนมาด้วยเผื่อใครอยากจะติดตามก็เรียนเชิญตามลิงค์นี้ได้ครับ......
viewtopic.php?f=587&t=1772820&p=14191928#p14191928 เข้าไปติดตามเรื่องราวได้นะครับ
กลับมาคุยเรื่องการเมืองสักนิดนึงครับ จากการที่อดีตท่านนายกทักษิณ ฯ ไปปราศรัยและแสดงวิสัยทัศน์ตามคำเชิญของเครือเนชั่น ท่านได้แสดงความรู้ความสามารถ วิเคราะห์เจาะลึกตลอดจนให้สัมภาษณ์ ก็ได้ทราบเบื้องลึกเบื้องหลังที่ผ่านมา หลากหลายอารมณ์จริง ๆ อยากจะให้ฟังการแสดงวิสัยทัศน์ของอดีตนายกทักษิณ ฯ ก่อนนะครับเชิญครับ....
"ทักษิณ"แสดงวิสัยทัศน์ Dinner Talk : Vision for Thailand 2024 | NationTV22
ในรอบหลายๆ ปีที่ผ่านเมืองไทยแบ่งก๊กแบ่งเหล่า ห้ำหั่นกันพอๆ กับนิยายในเรื่องสามก๊ก บังเอิญผมเป็นแฟนตัวยงของ"สามก๊ก"คนหนึ่ง (คืออ่านเกิน ๓ รอบ และมีหนังสือสามก๊กที่บ้านหลายเวอร์ชั่น) เช้านี้ก็จะนำข้อคิดดี ๆ จากสามก๊กที่มีท่านผู้รู้ได้ไปเรียบเรียงมาให้ได้อ่านเป็นความรู้ ข้อคิด ในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
ข้อคิดจากเรื่องสามก๊ก
กวนอู... ตาย เพราะหยิ่งในความเป็นทหาร เพิกเฉยต่อการเจรจากับซุนกวนจนสุดท้ายหัวขาดในสถานะผู้แพ้สงคราม
เตียวหุย...ตาย เพราะลุแก่โมหะ ถือตนว่าเป็นแม่ทัพใหญ่สั่งโบยตีทหารเลว จนสุดท้ายทหารเลวแอบมาปาดคอตอนแม่ทัพใหญ่กำลังเมามาย
เล่าปี่...ตาย เพราะลุแก่โทสะ อยากแก้แค้นให้กวนอู ถือตนว่าเป็นอ๋องเป็นกษัตริย์จนลืมไตร่ตรองวิธีตั้งค่าย สุดท้ายพลาดท่าถูกลกซุนแม่ทัพหน้าใหม่ของซุนกวนพาทหารมาเผาค่ายจนวอดวาย เล่าปี่บาดเจ็บและตรอมใจตาย
โจโฉ และ ซุนกวน... ผู้ที่ได้ชื่อว่าจอมทัพและครองพื้นที่ 1 ใน 3 ของแผ่นดินมังกร ตายด้วยอาการประสาทเสื่อม มองเห็นภาพหลอนของคนที่ตัวเองเคยเข่นฆ่า
จิวยี่...ผู้มีปัญญาล้ำเลิศที่สุดในง่อก๊ก ต้องกระอักเลือดตายเพราะไม่สามารถระงับโทสะที่เกิดขึ้นจากการพ่ายแพ้อย่างราบคาบแก่ผู้มีปัญญาเลิศล้ำกว่าตนที่มีนามว่าขงเบ้ง
จูกัดเหลียง หรือ ขงเบ้ง... ผู้มีปัญญาเลิศล้ำที่สุดในแผ่นดินมังกร ตายไปพร้อมกับอาการห่วงหน้าพะวงหลัง พะว้าพะวังในราชกิจที่ยังคงคั่งค้าง
ที่กล่าวมาทุกคนล้วนแต่เป็น "วีรบุรุษ" ล้วนแต่เป็น "นักปราชญ์" ล้วนแต่เป็น "เจ้าเหนือหัว"
แต่การมีแค่เพียงพละกำลัง ความรู้ และอำนาจ ไม่ได้ช่วยให้ใครตายสบายสักผู้สักคน ตราบใดที่คนเหล่านั้นยังคงยึดถือ "ตัวตน" หรือ "อัตตา" ในตัวเองอยู่
จะกล่าวถึง ‘เตียวจูล่งหยุน’ (จูล่ง) แม่ทัพคนสำคัญของเล่าปี่ผู้นี้ฆ่าคนมามาก ไต่เต้าจากตำแหน่งทหารกระจอกจนได้เป็นแม่ทัพใหญ่แห่งจ๊กก๊ก แต่ทุกภารกิจ ทุกศพที่เขาเข่นฆ่า และทุกสงคราม จูล่งไม่เคยเอาอารมณ์เข้าไปผสม จูล่ง "ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่" เท่านั้น
แม้ก่อนตายจูล่งจะเสียสถิติ "ขุนศึกผู้ไร้พ่าย" เพราะต้องมีอันพ่ายแพ้ในศึกเทียนสุย จนแทบเอาชีวิตไม่รอด แต่จูล่งก็สามารถละอัตตา สั่งถอยทัพเพื่อรักษาประโยชน์ส่วนรวม และยังปลงใจให้ยอมรับในความจริงที่เกิดขึ้นได้
ข้อคิดส่วนหนึ่งในเรื่องนี้ ชี้ให้เห็นว่าต่อให้ใครฉลาดเลิศล้ำ,มีความสามารถ,แข็งแรงมากแค่ไหน แต่ถ้าไม่รู้วิธีการบริหารความคิดเพื่อนำเอาความสุดยอดของแต่ละคนมาปรับใช้ ในที่สุดก็ถึงทางตันในความคิดของตนเอง ในการแก้ไขปัญหาในสถานะการณ์ต่างๆ ไม่สามารถทำให้เกิดชัยชนะที่ยั่งยืนได้
ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ จะต้องรู้จักบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผู้ใดทำตัวหยิ่งยะโสโอหังปานประหนึ่งผู้รอบรู้ จะถึงทางตันในการแก้ไขปัญหา ถึงจุดเสื่อมถอยในกระแสความนิยม ไม่สามารถเป็นสุดยอดผู้นำได้
ผู้รวบรวมเนื้อหา ประหยัด.ป
เพื่อจะจบในหนี้กรรมที่ทำไว้
เพราะมีเหตุจึงมีผลจงทำใจ
ไม่มีใครจะยิ่งใหญ่เกินกว่ากรรม
จะมีแรงผลักดันเราให้มาเกิด
โอกาสเปิดเราจึงได้มาสร้างสรรค์
มันจะเป็นไปตามเหตุที่ตนทำ
เพราะกรรมนั้นไม่เคยจะละเว้นใคร
หากอะไรมันจะเกิดเปิดใจรับ
ไม่นานนักก็ต้องดับสูญสลาย
บอกใจตนว่าโอนะไม่เป็นไร
แล้วมันก็ผ่านเราไปไม่ยั่งยืน
เราก็แค่ยืมของเขามาใช้ก่อน
ไม่จีรังอย่าอาวรต้องไม่ฝืน
มีให้ใช้ก็ใช้ไปตายก็คืน
แต่สำคัญที่จุดยืนคราวต่อไป
เราได้มีกำหนดทางไว้บ้างหรือเปล่า
จิตมุ่งมั่นอันยืนยาวมีบ้างไหม
ถ้าใจเรายังไหวอยู่สู้ต่อไป
ไม่เป็นไรแค่ใจสู้เดี๋ยวรู้กัน
สิ่งสำคัญใจเรานั้นต้องไม่ท้อ
เข้มแข็งพอก้าวขึ้นที่สูงมุ่งทอฝัน
เพียงจิตหนึ่งใจดวงนี้ที่สำคัญ
เรื่องลำบากช่างหัวมันฉันไม่แคร์
ที่แน่ๆมองโลกในแง่ดีก่อน
เกิดศรัทธาได้แน่นอนไม่ยอมแพ้
เป็นพลังที่มีค่าอย่าอ่อนแอ
ใครยอมแพ้รับไม่ได้ตายเปล่าเอย.
ขอความสุขความเจริญจงมีแต่ทุกๆท่านเทอญเจริญพร.......พระเสรี ศ. 15:26 น.
อรุณสวัสดิ์ fc.ญาติธรรมและท่านผู้มีเกียรติที่เคารพรัก หลายวันมานี้มีข่าวเศร้าข่าวดีและข่าวร้ายเยอะแยะมากมาย ข่าวเศร้าก็การจากไปของศิลปินแห่งชาติ คุณอาชรินทร์ นันทนาทร ที่ได้จากพวกเราไปแล้วด้วยวัย ๙๑ ปี สำหรับคุณอาชรินทร์ผมรู้จักใกล้ชิดกับท่านพอสมควรคือ สมัยเมื่อครั้งผมเล่นดนตรีประจำวงศรีสมเพชร ทุก ๆ ปีงานลอยกระทง งานฤดูหนาวหรืองานสงกรานต์ ท่านประสิทธิ์ ศรีสมเพชร เจ้าของวงดนตรีศรีสมเพชรนักธุรกิจชื่อดังของเชียงใหม่ จะจัดงานรื่นเริงเป็นประจำก็จะเชิญนักร้องนักแสดงดาราดัง ๆ มาปรากฏตัวให้คนเชียงใหม่ได้รับชม ผมได้มีโอกาสรับส่งท่านเหล่านี้จากสนามบินมาที่พักและเข้างาน จึงคุ้นเคยพอสมควร ก็ขอไว้อาลัยให้คุณอาชรินทร์ ฯ ขอให้ดวงวิญญาณของคุณอาสู่สุคติสัมปรายภพยังสรวงสวรรค์ครับ
ข่าวดีก็...ก็เรื่องของการเมืองที่บ้านเราครั้งนี้การแต่งตั้งรัฐบาลรวดเร็วมาก (แปลกใจ) ที่สำคัญนักการเมืองดูเหมือนจะหลอมรวมเข้าด้วยกัน ศัตรูก็กลับมาเป็นมิตรนับว่า เป็นนิมิตรหมายอันดีที่ประเทศจะได้เดินไปข้างหน้าต่อไป (หุ้นขึ้นทุกตัว )
ข่าวร้ายก็เรื่องภัยธรรมชาติที่โหมกระหน่ำเหมือนปี ๒๕๕๔ (น้ำท่วมครับ) โดยเฉพาะที่น่านและแพร่หนักหนาสาหัส บ้านเพื่อนผมที่น่านต้องขึ้นไปอยู่ชั้นสองแล้ว ที่แพร่ซึ่งจุดที่ผมพาหลานไปปั่นเที่ยว น้ำขึ้นถึงระดับเอวแล้ว(น่ากลัวจัง)นอกจากนี้ยังมีอีกหลาย ๆ ท้องที่ที่ต้องประสบภัยจากน้ำท่วม ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวขอให้ปลอดภัยนะครับ
เช้านี้ผมจะนำท่านที่เคารพเดินทางท่องเที่ยวกันต่อนะครับ วันนี้จะเป็นจุดสุดท้ายที่สุโขทัย คือเราจะไปกราบลาพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เพื่อเดินทางไปเมืองแพร่ ไปปั่นเที่ยวเมืองเก่ากันครับ สำหรับจุดที่สุโขทัยนี้เมื่อ ๒ ปีที่แล้วเราสองคน(ปู่-ย่า)ได้ไปปั่นเที่ยวมาหมดแล้วอย่างสนุกสนาน พร้อมกันนี้ก็ขอแปะ link เมื่อครั้งที่ปั่นเที่ยวของเราสองคนมาด้วยเผื่อใครอยากจะติดตามก็เรียนเชิญตามลิงค์นี้ได้ครับ......
viewtopic.php?f=587&t=1772820&p=14191928#p14191928 เข้าไปติดตามเรื่องราวได้นะครับ
กลับมาคุยเรื่องการเมืองสักนิดนึงครับ จากการที่อดีตท่านนายกทักษิณ ฯ ไปปราศรัยและแสดงวิสัยทัศน์ตามคำเชิญของเครือเนชั่น ท่านได้แสดงความรู้ความสามารถ วิเคราะห์เจาะลึกตลอดจนให้สัมภาษณ์ ก็ได้ทราบเบื้องลึกเบื้องหลังที่ผ่านมา หลากหลายอารมณ์จริง ๆ อยากจะให้ฟังการแสดงวิสัยทัศน์ของอดีตนายกทักษิณ ฯ ก่อนนะครับเชิญครับ....
"ทักษิณ"แสดงวิสัยทัศน์ Dinner Talk : Vision for Thailand 2024 | NationTV22
ในรอบหลายๆ ปีที่ผ่านเมืองไทยแบ่งก๊กแบ่งเหล่า ห้ำหั่นกันพอๆ กับนิยายในเรื่องสามก๊ก บังเอิญผมเป็นแฟนตัวยงของ"สามก๊ก"คนหนึ่ง (คืออ่านเกิน ๓ รอบ และมีหนังสือสามก๊กที่บ้านหลายเวอร์ชั่น) เช้านี้ก็จะนำข้อคิดดี ๆ จากสามก๊กที่มีท่านผู้รู้ได้ไปเรียบเรียงมาให้ได้อ่านเป็นความรู้ ข้อคิด ในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
ข้อคิดจากเรื่องสามก๊ก
กวนอู... ตาย เพราะหยิ่งในความเป็นทหาร เพิกเฉยต่อการเจรจากับซุนกวนจนสุดท้ายหัวขาดในสถานะผู้แพ้สงคราม
เตียวหุย...ตาย เพราะลุแก่โมหะ ถือตนว่าเป็นแม่ทัพใหญ่สั่งโบยตีทหารเลว จนสุดท้ายทหารเลวแอบมาปาดคอตอนแม่ทัพใหญ่กำลังเมามาย
เล่าปี่...ตาย เพราะลุแก่โทสะ อยากแก้แค้นให้กวนอู ถือตนว่าเป็นอ๋องเป็นกษัตริย์จนลืมไตร่ตรองวิธีตั้งค่าย สุดท้ายพลาดท่าถูกลกซุนแม่ทัพหน้าใหม่ของซุนกวนพาทหารมาเผาค่ายจนวอดวาย เล่าปี่บาดเจ็บและตรอมใจตาย
โจโฉ และ ซุนกวน... ผู้ที่ได้ชื่อว่าจอมทัพและครองพื้นที่ 1 ใน 3 ของแผ่นดินมังกร ตายด้วยอาการประสาทเสื่อม มองเห็นภาพหลอนของคนที่ตัวเองเคยเข่นฆ่า
จิวยี่...ผู้มีปัญญาล้ำเลิศที่สุดในง่อก๊ก ต้องกระอักเลือดตายเพราะไม่สามารถระงับโทสะที่เกิดขึ้นจากการพ่ายแพ้อย่างราบคาบแก่ผู้มีปัญญาเลิศล้ำกว่าตนที่มีนามว่าขงเบ้ง
จูกัดเหลียง หรือ ขงเบ้ง... ผู้มีปัญญาเลิศล้ำที่สุดในแผ่นดินมังกร ตายไปพร้อมกับอาการห่วงหน้าพะวงหลัง พะว้าพะวังในราชกิจที่ยังคงคั่งค้าง
ที่กล่าวมาทุกคนล้วนแต่เป็น "วีรบุรุษ" ล้วนแต่เป็น "นักปราชญ์" ล้วนแต่เป็น "เจ้าเหนือหัว"
แต่การมีแค่เพียงพละกำลัง ความรู้ และอำนาจ ไม่ได้ช่วยให้ใครตายสบายสักผู้สักคน ตราบใดที่คนเหล่านั้นยังคงยึดถือ "ตัวตน" หรือ "อัตตา" ในตัวเองอยู่
จะกล่าวถึง ‘เตียวจูล่งหยุน’ (จูล่ง) แม่ทัพคนสำคัญของเล่าปี่ผู้นี้ฆ่าคนมามาก ไต่เต้าจากตำแหน่งทหารกระจอกจนได้เป็นแม่ทัพใหญ่แห่งจ๊กก๊ก แต่ทุกภารกิจ ทุกศพที่เขาเข่นฆ่า และทุกสงคราม จูล่งไม่เคยเอาอารมณ์เข้าไปผสม จูล่ง "ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่" เท่านั้น
แม้ก่อนตายจูล่งจะเสียสถิติ "ขุนศึกผู้ไร้พ่าย" เพราะต้องมีอันพ่ายแพ้ในศึกเทียนสุย จนแทบเอาชีวิตไม่รอด แต่จูล่งก็สามารถละอัตตา สั่งถอยทัพเพื่อรักษาประโยชน์ส่วนรวม และยังปลงใจให้ยอมรับในความจริงที่เกิดขึ้นได้
ข้อคิดส่วนหนึ่งในเรื่องนี้ ชี้ให้เห็นว่าต่อให้ใครฉลาดเลิศล้ำ,มีความสามารถ,แข็งแรงมากแค่ไหน แต่ถ้าไม่รู้วิธีการบริหารความคิดเพื่อนำเอาความสุดยอดของแต่ละคนมาปรับใช้ ในที่สุดก็ถึงทางตันในความคิดของตนเอง ในการแก้ไขปัญหาในสถานะการณ์ต่างๆ ไม่สามารถทำให้เกิดชัยชนะที่ยั่งยืนได้
ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ จะต้องรู้จักบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผู้ใดทำตัวหยิ่งยะโสโอหังปานประหนึ่งผู้รอบรู้ จะถึงทางตันในการแก้ไขปัญหา ถึงจุดเสื่อมถอยในกระแสความนิยม ไม่สามารถเป็นสุดยอดผู้นำได้
ผู้รวบรวมเนื้อหา ประหยัด.ป
- ไฟล์แนบ
-
- 5650570.jpg (92.28 KiB) เข้าดูแล้ว 715 ครั้ง
-
- ชรินทร์ นันทนาคร (1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2476 – 20 สิงหาคม พ.ศ. 2567) ชื่อเล่น ฉึ่ง เป็นนักร้อง นักแสดง ผู้กำกับภาพยนตร์ และผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชาวไทย ได้รับการยกย่องจากคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล-ขับร้อง) ประจำปี พ.ศ. 2541 สมรสครั้งที่สองกับนางเอกภาพยนตร์ เพชรา เชาวราษฎร์
ชรินทร์ นันทนาคร เป็นผู้ริเริ่มร่วมสร้างสรรค์เพลง สดุดีมหาราชา ซึ่งส่งผลให้ได้รับรางวัลกิตติคุณสัมพันธ์ "สังข์เงิน" สาขาใช้ศิลป์สร้างสรรค์ให้เกิดความรักชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์
ชรินทร์ นันทนาคร ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่ขับร้องเพลงไทยสากลผสมผสานกับเพลงไทยเดิม มีท่วงทำนองสูงต่ำเอื้อนด้วยน้ำเสียงที่มีเสน่ห์ชวนฟัง ออกเสียงอักขระได้ชัดเจน มีผลงานบันทึกแผ่นเสียงประมาณ 1,500 เพลง
ชรินทร์สมรสครั้งแรกกับสปัน เธียรประสิทธิ์ ซึ่งเป็นน้องสาวของปองทิพย์ ภรรยาของสุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ชรินทร์และสปันมีบุตรสาวสองคนคือ ปัญญ์ชลี เพ็ญชาติ (สมรสกับ เศรณี เพ็ญชาติเป็นมารดาของ ปวริศา เพ็ญชาติ) และปัญชนิตย์ นันทนาคร (สมรสกับสหัสชัย ชุมรุม เป็นมารดาของ ปัญญริสา เธียรประสิทธิ์)
ต่อมาชรินทร์ได้หย่าขาดสปัน และได้สมรสใหม่กับ เพชรา เชาวราษฎร์ อดีตนางเอกภาพยนตร์ชื่อดัง มีบุตรด้วยกัน 1 คน แต่เสียชีวิตตั้งแต่ยังเล็ก
ชรินทร์ถึงแก่กรรมเมื่อเวลาประมาณ 02:23 น. ของวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ณ โรงพยาบาลตำรวจ กรุงเทพมหานคร ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ หีบลายก้านแย่ง กับทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์อัญเชิญพวงมาลาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง, สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี วางหน้าหีบศพ ซึ่งตั้ง ณ วัดธาตุทอง เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม กำหนดสวดพระอภิธรรมระหว่างวันที่ 21-27 สิงหาคม จากนั้นจะเก็บร่างไว้ 100 วัน เพื่อรอการพระราชทานเพลิงศพต่อไป
Cr.วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี - 454156066_340804905792640_1810105588589105518_n.jpg (34.26 KiB) เข้าดูแล้ว 715 ครั้ง
- ชรินทร์ นันทนาคร (1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2476 – 20 สิงหาคม พ.ศ. 2567) ชื่อเล่น ฉึ่ง เป็นนักร้อง นักแสดง ผู้กำกับภาพยนตร์ และผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชาวไทย ได้รับการยกย่องจากคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล-ขับร้อง) ประจำปี พ.ศ. 2541 สมรสครั้งที่สองกับนางเอกภาพยนตร์ เพชรา เชาวราษฎร์
-
- 454451024_1742738279867279_6437449900811076884_n.jpg (50.63 KiB) เข้าดูแล้ว 715 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (252).JPG (102.24 KiB) เข้าดูแล้ว 715 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (253).JPG (101.65 KiB) เข้าดูแล้ว 715 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (254).JPG (72.3 KiB) เข้าดูแล้ว 715 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (255).JPG (81.61 KiB) เข้าดูแล้ว 715 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (256).JPG (76.33 KiB) เข้าดูแล้ว 715 ครั้ง
-
- เจอนักปั่นเจ้าถิ่นและนักท่องเที่ยวชาวเขมร ก็ได้สนทนากัน คนเขมรน่ารักครับเขาพาลูกสาวมาเที่ยว (ลูกสาวมาทำงานที่ กทม.) เขาอยากเห็นสุโขทัยที่สุด พอได้มาเห็นเขารู้สึกภูมิใจที่คนไทยมีพระมหากษัตริย์ที่รักและห่วงใยประชาชนจริง ๆ (เขาศึกษาประวัติศาสตร์ชาติไทยด้วย) ทึ่งมาก ๆ และชื่นชมคนไทยที่รักและเทอดทูนพระมหากษัตริย์กัน เขาอยากให้บ้านเมืองของเขากลับมามีพระมหากษัตริย์เหมือนเดิมอีก เหมือนเมืองไทยทุกวันนี้...เป็นไงครับผมได้ยินแล้ว โคตรจะภูมิใจจริง ๆ
- 454145453_1012586880272020_3515940230306947831_n.jpg (109.14 KiB) เข้าดูแล้ว 715 ครั้ง
-
- 454149906_865768531616879_4315508698020276607_n.jpg (60.73 KiB) เข้าดูแล้ว 715 ครั้ง
-
- cats๔๑.jpg (139.5 KiB) เข้าดูแล้ว 715 ครั้ง
-
- ความภาคภูมิใจจากการสนทนากับชาวเขมร ก่อนเดินทางกลับเราไม่ลืมที่จะไปถวายบังคมลาขอพรจากพระองค์ท่านให้เดินทางด้วยความสนุกสนานแคล้วคลาดปลอดภัย ต่อไปเที่ยวเมืองเก่า จ.แพร่กันต่อครับ
- ท่องเมี่ยงสุโขทัย-แพร่ (170).jpg (79.01 KiB) เข้าดูแล้ว 715 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (257).JPG (100.42 KiB) เข้าดูแล้ว 715 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (258).JPG (87.05 KiB) เข้าดูแล้ว 715 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (259).JPG (93.68 KiB) เข้าดูแล้ว 715 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (260).JPG (87.25 KiB) เข้าดูแล้ว 715 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (261).JPG (89.76 KiB) เข้าดูแล้ว 715 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (263).JPG (87.55 KiB) เข้าดูแล้ว 715 ครั้ง
-
- กลับเข้าที่พักเพื่อเก็บสัมภาระขึ้นรถเดินทางไปต่อยังเมืองแพร่ ครับ อย่าลืมติดตามเป็นกำลังใจนะครับ ที่เมืองแพร่ผมยังไม่เคบปั่นรอบกำแพงเมืองเก่าเลย หนนี้เป็นหนแรกจริง ๆ ไปมาไม่รู้กี่รอบไม่นึกว่าเมืองแพร่นี้เก่าแก่พอ ๆ กับสุโขทัย เพราะขาดการศึกษาเรื่องราวนั่นเอง (โง่ ๕๕๕)
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (264).JPG (95.54 KiB) เข้าดูแล้ว 715 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4424
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
ยาที่ดีที่สุดคือยุ่งกับงาน
หมอที่ดีที่สุดคือการนอนหลับ
การเยียวยาที่ดีที่สุดคือการอ่านหนังสือ
ความรักที่ดีที่สุดคือรักตัวเอง
การรักตัวเองที่ดีที่สุดคือความมีวินัย
คนที่ไม่ใช่ ช้าเร็วก็ต้องจาก
คนที่ใช่ สักวันก็ต้องเจอ
คุณกำหนดการปรากฏตัวของใครคนใดไม่ได้
และคุณก็ไม่อาจกำหนดว่าใครคนไหนจะไม่ทิ้งคุณไป
ฝึกการตัด สลัด และทิ้งบางสิ่งบางอย่าง
กำหนดเวลาเคลียร์บางสิ่งในชีวิต
เคลียร์เสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่แล้ว
เคลียร์คนที่ไม่ได้หวังดีต่อคุณ
เพราะความลังเล ไม่มีทางทำให้เราไปถึงจุดหมาย อย่าอาลัย อย่าหันหลังกลับ และอย่าจมปลักกับอดีตที่ไม่เคยทำให้ชีวิตของคุณดีขึ้นเลย
นุสนธิ์บุคส์
อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ เช้านี้ผมจะพาท่านเดินทางไปที่เมืองแพร่กันต่อเลยนะครับ เกริ่นไว้ก่อนแล้วว่า ที่เมืองแพร่เราไป-มาไม่รู้กี่ร้อยรอบ แต่เราไม่เคยฉุกใจคิดว่า "เมืองแพร่มีแหล่งสำคัญ ๆ ให้ได้ศึกษามากมาย" ถ้านึกถึงแพร่เชื่อไหมเราจะคิดแค่ แพะเมืองผี พระธาตุช่อแฮ เสื้อผ้าหม้อฮ่อม ลาบดิบส้าดิบ แค่นี้ แล้วใครไปเที่ยวแพร่มักจะเลยไปน่านไปนอนน่าน เหมือนกับใครไปเที่ยวลำพูนก็เลยไปนอนเชียงใหม่ ประมาณนั้น ไปครั้งนี้มีเวลาจำกัดครั้นจะพาเด็กน้อยปั่นไปชมโบราณอีกหลาย ๆ แห่งของกรุงเก่าสุโขทัย ก็จำกัดที่ขีดความสามารถของหนูน้อย ยังไม่พร้อมเต็มที่ อีกประการเด็ก ๆ จะเบื่อครับ แล้วเมืองแพร่เป็นทางผ่านจะกลับเชียงใหม่โดยไม่ต้องย้อนทางเดิมด้วย ถือเป็นกำไรครับ
หมอที่ดีที่สุดคือการนอนหลับ
การเยียวยาที่ดีที่สุดคือการอ่านหนังสือ
ความรักที่ดีที่สุดคือรักตัวเอง
การรักตัวเองที่ดีที่สุดคือความมีวินัย
คนที่ไม่ใช่ ช้าเร็วก็ต้องจาก
คนที่ใช่ สักวันก็ต้องเจอ
คุณกำหนดการปรากฏตัวของใครคนใดไม่ได้
และคุณก็ไม่อาจกำหนดว่าใครคนไหนจะไม่ทิ้งคุณไป
ฝึกการตัด สลัด และทิ้งบางสิ่งบางอย่าง
กำหนดเวลาเคลียร์บางสิ่งในชีวิต
เคลียร์เสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่แล้ว
เคลียร์คนที่ไม่ได้หวังดีต่อคุณ
เพราะความลังเล ไม่มีทางทำให้เราไปถึงจุดหมาย อย่าอาลัย อย่าหันหลังกลับ และอย่าจมปลักกับอดีตที่ไม่เคยทำให้ชีวิตของคุณดีขึ้นเลย
นุสนธิ์บุคส์
อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ เช้านี้ผมจะพาท่านเดินทางไปที่เมืองแพร่กันต่อเลยนะครับ เกริ่นไว้ก่อนแล้วว่า ที่เมืองแพร่เราไป-มาไม่รู้กี่ร้อยรอบ แต่เราไม่เคยฉุกใจคิดว่า "เมืองแพร่มีแหล่งสำคัญ ๆ ให้ได้ศึกษามากมาย" ถ้านึกถึงแพร่เชื่อไหมเราจะคิดแค่ แพะเมืองผี พระธาตุช่อแฮ เสื้อผ้าหม้อฮ่อม ลาบดิบส้าดิบ แค่นี้ แล้วใครไปเที่ยวแพร่มักจะเลยไปน่านไปนอนน่าน เหมือนกับใครไปเที่ยวลำพูนก็เลยไปนอนเชียงใหม่ ประมาณนั้น ไปครั้งนี้มีเวลาจำกัดครั้นจะพาเด็กน้อยปั่นไปชมโบราณอีกหลาย ๆ แห่งของกรุงเก่าสุโขทัย ก็จำกัดที่ขีดความสามารถของหนูน้อย ยังไม่พร้อมเต็มที่ อีกประการเด็ก ๆ จะเบื่อครับ แล้วเมืองแพร่เป็นทางผ่านจะกลับเชียงใหม่โดยไม่ต้องย้อนทางเดิมด้วย ถือเป็นกำไรครับ
- ไฟล์แนบ
-
- เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดแพร่เชื่อว่าคนไทยรู้จักกันดี เป็นจังหวัดที่งดงามด้วยวิถีชีวิตและวัฒนธรรมประเพณีที่ล้ำค่าเก่าแก่ เมืองแห่งไม้สักที่มีคุณภาพดีที่สุดและมีสวนป่าสักรัฐบาลปลูกแห่งแรกในประเทศไทย จึงได้รับสมญานามว่าเป็น “ประตูสู่ล้านนา” เนื่องจากมีเส้นทางคมนาคมเชื่อมต่อไปจังหวัดอื่นๆในภาคเหนือ
เมืองแพร่จึงถูกมองว่าเป็นแค่เมืองผ่าน แต่จริงๆแล้วเมืองแพร่เป็นเมืองที่มีร่องรอยของประวัติศาสตร์ และแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ที่รอให้เรา ๆ ท่าน ๆ ได้มาสัมผัสครับ
คุณนายก็เลยคิดว่าเพื่อให้เด็กน้อยมีประสบการณ์และไม่เบื่อหน่าย ควรเปลี่ยนสถานที่สอบถามเจ้าตัวแล้วว่า ขากลับจะพาแวะเที่ยวเมืองแพร่ดีไหม ? หนูน้อยดีใจครับ(ว่าแล้ว๕๕) แสดงความสนใจ(สุโขทัยคงได้แค่นี้) จุดนี้แหละครับที่ทำให้ผมต้องค้นคว้าจะพาไปปั่นอย่างไรให้ได้ความรู้สนุกสนาน ก็ไปเจอกำแพงเมืองเก่าที่มีการบูรณะปรับปรุงและโปรโมทให้เป็นแหล่งโบราณที่สำคัญของเมืองแพร่ จึงเป็นที่มาของการแทนที่จะอยู่ในสุโขทัยเพียงแห่งเดียว - ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (1).jpg (92.37 KiB) เข้าดูแล้ว 581 ครั้ง
- เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดแพร่เชื่อว่าคนไทยรู้จักกันดี เป็นจังหวัดที่งดงามด้วยวิถีชีวิตและวัฒนธรรมประเพณีที่ล้ำค่าเก่าแก่ เมืองแห่งไม้สักที่มีคุณภาพดีที่สุดและมีสวนป่าสักรัฐบาลปลูกแห่งแรกในประเทศไทย จึงได้รับสมญานามว่าเป็น “ประตูสู่ล้านนา” เนื่องจากมีเส้นทางคมนาคมเชื่อมต่อไปจังหวัดอื่นๆในภาคเหนือ
-
- จังหวัดแพร่เป็นอาณาจักรเก่าแก่มาช้านานกว่าพันปี เมืองแพร่สร้างขึ้นในสมัยใดไม่มีหลักฐานจารึกที่แน่นอน ประวัติศาสตร์ของเมืองแพร่จึงต้องใช้หลักฐานอ้างอิงจากจารึกเมืองอื่น เช่น เช่น พงศาวดารโยนก ตำนานเมืองเหนือ ตำนาน การสร้างพระธาตุลำปางหลวง และศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราชเป็นต้น นำข้อมูลจากหลายๆตำนานมาเชื่อมโยงกัน เนื่องจากไม่มีหลักฐาน ที่เกี่ยวข้อง
ตำนานพระธาตุช่อแฮ จารึกไว้ว่า เมืองแพร่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ครั้งสมัยพุทธกาล ในตำนานวัดหลวงจารึกไว้ว่าเมื่อประมาณ พ.ศ.1371 พ่อขุนหลวงพล ราชนัดดาแห่งกษัตริย์น่านเจ้า ได้อพยพชาวไทลื้อและชาวไทเขินจากเมืองเชียงแสน ไชยบุรี และเวียงพางคำ ลงมาสร้างเมืองบนที่ราบริมแม่น้ำยม ตั้งชื่อว่า เมืองพลนคร
ตำนานสิงหนวัติ กล่าวไว้ว่าแพร่เป็นเมืองที่ปกครองโดยพญายี่บาแห่งแคว้นหริภุญไชย สันนิษฐานว่าแพร่และลำพูนเป็นเมืองที่สร้างขึ้นมาในระยะเวลาใกล้เคียงกัน
หลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราชที่สร้างขึ้นใน พ.ศ. 1826 หลักที่ 1 จารึกไว้ว่า “เบื้องตีนนอน รอดเมืองแพล เมืองน่าน เมืองพลัวพ้นฝั่งของ เมืองชวา เป็นที่แล้ว” เมืองแพล ที่กล่าวถึงในศิลาจารึกนั้นคือ เมืองแพร่ในปัจจุบัน ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ยืนยันถึงความเก่าแก่ของเมืองแพร่ ว่าตั้งขึ้นมาก่อนเมืองเชียงใหม่และกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ซึ่งข้อความในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราชมีความสอดคล้องกับตำนานสิงหนวัติ และชื่อเดิมของเมืองแพร่ปรากฏในหลักฐานที่เกี่ยวข้องหลายชื่อได้แก่ เมืองพล นครพลหรือพลรัฐนคร ซึ่งเป็นชื่อเก่าแก่ดั้งเดิมที่สุดที่ค้นพบ
ในตำนานเมืองเหนือ ฉบับใบลาน พ.ศ. 1824 กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า เจ้าเมืองลำปางได้ส่งคน มาติดต่อเจ้านครพล ให้ไปร่วมงานนมัสการ และฉลองวัดพระธาตุลำปางหลวง และจากตำนานพระธาตุลำปางหลวงตอนหนึ่งได้กล่าวถึงเจ้าเมืองพล เกณฑ์ชาวเมืองไปขุดหาพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุไว้ในพระธาตุ แต่ไม่พบ เมื่อศึกษาตำแหน่งที่ตั้งของนครพลตามตำนานดังกล่าว พบว่าใกล้เคียงกับที่ตั้งเมืองแพร่ในปัจจุบัน
เวียงโกศัย เป็นอีกชื่อหนึ่งที่ปรากฏในพงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสน ชื่อนี้ใช้เรียกเมืองแพร่ในสมัยขอมเรืองอำนาจ พระนางจามเทวีได้แผ่อำนาจเข้าครอบครองดินแดนในเขตล้านนา จึงเปลี่ยนชื่อเมืองเป็นภาษาบาลีตามความนิยมในยุคนั้น เช่น น่านเป็นนันทบุรี ลำพูนเป็นเป็นหริภุญไชย ลำปางเป็นเขลางค์ เป็นต้น
ข้อมูลจาก..Museum Thailand - 451455916_817404177129364_8517473314966667225_n.jpg (81.52 KiB) เข้าดูแล้ว 581 ครั้ง
- จังหวัดแพร่เป็นอาณาจักรเก่าแก่มาช้านานกว่าพันปี เมืองแพร่สร้างขึ้นในสมัยใดไม่มีหลักฐานจารึกที่แน่นอน ประวัติศาสตร์ของเมืองแพร่จึงต้องใช้หลักฐานอ้างอิงจากจารึกเมืองอื่น เช่น เช่น พงศาวดารโยนก ตำนานเมืองเหนือ ตำนาน การสร้างพระธาตุลำปางหลวง และศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราชเป็นต้น นำข้อมูลจากหลายๆตำนานมาเชื่อมโยงกัน เนื่องจากไม่มีหลักฐาน ที่เกี่ยวข้อง
-
- cats๔๒.jpg (144.43 KiB) เข้าดูแล้ว 581 ครั้ง
-
- cats๔๓.JPG (59.76 KiB) เข้าดูแล้ว 581 ครั้ง
-
- เส้นทางจากสุโขทัยเราผ่านทางสวรรคโลก ซึ่งเส้นทางนี้ผมและคุณนายเคยปั่นเที่ยวกัน ๒ - ๓ รอบแล้วสมัยเมื่อ ๕-๖ ปี เส้นทางเปลี่ยวมาก ร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่ปกคลุมสองข้างทาง มาครานี้เส้นทางเปลี่ยนแปลงไปเยอะ สดวกสบายแต่ก็ยังคงความร่มรื่นอยู่ บ้านคนหนาตาขึ้นเพิ่มแหล่งพักร้านอาหารสองข้างทางเยอะมาก ณ จุดดอยแดงเป็นจุดชมวิวที่มีการมาสร้างปรับแต่งภูมิทัศน์ ให้คนมาเที่ยวได้พักรถ ชมวิว สั่งอาหารเติมพลัง พาเด็กน้อยแวะพักรถชมวิว เด็กน้อยสนุกมีความสุข ปู่-ย่า ก็มีความสุขตามไปด้วย
-
- cats๔๔.JPG (75.5 KiB) เข้าดูแล้ว 581 ครั้ง
-
- cats๔๖.๑.jpg (110.39 KiB) เข้าดูแล้ว 581 ครั้ง
-
- เข้าตัวเมืองแพร่ผมขับรถพาวนหา รร.ที่พักและชมตัวเมืองแพร่ ซึ่งไม่กว้างขวางใหญ่โตมากนัก ขับรถแป๊บเดียววนได้รอบเมืองแล้ว เมื่อเจอที่พักก็ขนสัมภาระเข้าห้องพัก ประมาณว่าจะพาออกไปปั่นชมเมืองแพร่ยามค่ำคืน แต่ปรากฏว่าพอเราเข้าห้องพักเตรียมตัวจะออก ฝนก็เทลงมาจึงต้องนอนคอยฝนภายในห้อง สรุปฝนตกตลอดทั้งคืน โชคดีที่คุณนายเตรียมของกินสำรองไว้แล้ว..รอดตัวไป
- cats๔๖.jpg (76.56 KiB) เข้าดูแล้ว 581 ครั้ง
-
- ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (334).jpg (35.07 KiB) เข้าดูแล้ว 581 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (280).JPG (68.01 KiB) เข้าดูแล้ว 581 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (281).JPG (104.62 KiB) เข้าดูแล้ว 581 ครั้ง
-
- รุ่งเช้าวันทีื่ ๒๙ ก.ค.๖๗ ฝนโปรยนิด ๆ ไม่น่าจะตกแรงเราเตรียมออกปั่น วางแผนไว้แต่เมื่อคืนว่าจะปั่นรอบกำแพงเมืองเก่า ซึ่งผมและคุณนายก็ไม่เคยมาก่อน ฝนก็ไม่น่าจะตกภาวนาในใจขอให้ได้ปั่นชมเมืองจนจบภารกิจด้วย
- ท่องเมี่ยงสุโขทัย-แพร่ (53).jpg (130.42 KiB) เข้าดูแล้ว 581 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (282).JPG (68.03 KiB) เข้าดูแล้ว 581 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (283).JPG (75.9 KiB) เข้าดูแล้ว 581 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (285).JPG (99.21 KiB) เข้าดูแล้ว 581 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (287).JPG (118.6 KiB) เข้าดูแล้ว 581 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (288).JPG (110 KiB) เข้าดูแล้ว 581 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (289).JPG (136.42 KiB) เข้าดูแล้ว 581 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4424
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
Ep.2 กำแพงเมืองแพร่
- ไฟล์แนบ
-
- กลอนไว้อาลัย คุณชรินทร นันทนาคร(ชื่อเดิมคุณ"ชรินทร์ งามเมือง" คนป่าซาง จังหวัด หละปูน)
กลอนไว้อาลัย ที่ใช้เพลงของท่านทั้งหมด
ท่าน"จำพราก"จากไป"อาลัยรัก"
แม้จะ"หักใจไม่คิด"ก็"คิดถึง"
ทั้ง"หยาดรุ้ง""หยาดเพชร""เกล็ดแก้ว"ตรึง
เสียง"คนธรรพ์รำพึง" "ครั้งหนึ่ง"ฟัง
ฝาก"รอยรักรอยเล็บ"ให้เจ็บแปลบ
ถึง"แสนแสบ"เพียงใดไม่สิ้นหวัง
ปาด"น้ำตาแสงไต้" ไหลประดัง
"ที่รัก"ฟัง "ทาสเทวี"คนนี้ครวญ
"เด็ดดอกรัก"ปักไว้ ให้"ดาวคลี่"
"เมื่อคืนนี้""ค่อนคืน"สะอื้นหวน
ฟัง"เดือนหงายที่ป่าซาง"พลางรัญจวน
เคียง"เนื้อนวล" "เพื่อน้อง" คล้องฤดี
"ท่าฉลอม" "บางหลวง" ห่วง"บางรัก"
มอบใจภักดิ์ รัก"สาวนครชัยศรี"
"ยังคอย"หวั่น เกรง"ฟ้าสิ้นปรานี"
"กินรีหลงฟ้า" น่าห่วงใย
เห็น"ตะวันยอแสง" ดูแฝงเศร้า
"กว๊านพะเยา" "ลานเท" ว้าเหว่ไหม
"นิราศนุช" "ขวัญกระเจิง" เปิดเปิงไป
มอบ"ดวงใจในฝัน" "มั่นใจรัก"
นำบทเพลง คุณชรินทร์ เคยยินถ้อย
มาเรียงร้อย เป็นบทกลอน สุนทรประจักษ์
แต่บทเพลง มีหลากหลาย มากมายนัก
เกินจะปัก หมุดครบ จบกระบวน
ขอแสดง ความอาลัย ในตัวท่าน
ขอกราบกราน จากใจ ที่ไห้หวน
ขอกุศล เคยทำ นำชี้ชวน
ให้ท่านด่วน สู่สวรรค์ วิมานเทอญ
ด้วยความอาลัยยิ่ง
CR : ผู้ใช้นามแฝง "พร่างเพชรในเกร็ดเพลง" - 455805175_1026452672354580_6113268344203752243_n.jpg (105.65 KiB) เข้าดูแล้ว 576 ครั้ง
- กลอนไว้อาลัย คุณชรินทร นันทนาคร(ชื่อเดิมคุณ"ชรินทร์ งามเมือง" คนป่าซาง จังหวัด หละปูน)
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (323).JPG (96.03 KiB) เข้าดูแล้ว 576 ครั้ง
-
- 457027537_860660572683018_5828824568820074209_n.jpg (60.02 KiB) เข้าดูแล้ว 576 ครั้ง
-
- “จังหวะ…ของผู้ชนะ”
คุณคิดว่าจังหวะของผู้ชนะนั้น จะต้องเป็นอย่างไรจะต้องรวดเร็วที่สุด ว่องไวที่สุด เฉียบขาดที่สุดหรือจะต้องเป็นอย่างไร..?
เมื่อครั้งที่… “สุมาอี้” ต้องการจะกำจัดเบ้งตัดซึ่งกำลังทำตัวเป็นไส้ศึกคนสำคัญให้กับขงเบ้งเขาเร่งรุดเดินทัพทั้งวันคืนเพื่อไม่ให้เบ้งตัดตั้งตัวทันก่อนจะประชิดเมืองและสังหารเบ้งตัดอย่างรวดเร็วเวลาต่อมา… สุมาอี้ได้เผชิญหน้ากับขงเบ้งโดยตรง ทั้งสองประลองปัญญากันจนสุมาอี้รู้ตัวว่าด้อยกว่าเขาจึงดึงเกมช้าลงให้ยืดเยื้อไม่ออกรบ ไม่รีบร้อนก่อนที่จะอดทนรอให้ขงเบ้งนั้นป่วยตายไปเอง
ต่อมา… สุมาอี้ถูกถอดออกจากตำแหน่งสำคัญเพื่อเปิดทางให้ขาใหญ่โจซองขึ้นมาครองอำนาจเขาไม่โวยวาย ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามเกมก่อนไปใช้ชีวิต Slow life นอนสบายใจอยู่บ้านเวลาต่อมา… โจซองผู้ครองอำนาจเกิดชะล่าใจยกกำลังพลทั้งหมดของตนออกไปข้างนอกเมืองสุมาอี้ที่แอบเตรียมการซ่องสุมกำลังพลเอาไว้แล้วจึงเข้ายึดอำนาจบริหารปกครองคืนได้อย่างรวดเร็ว
นับจากนั้นเป็นต้นมา… อำนาจปกครองสูงสุดก็ตกอยู่ในกำมือของสุมาอี้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดก่อนที่เขาจะส่งต่อมันให้รุ่นลูก รุ่นหลานสืบต่อไปแผ่นดินสามก๊กจึงรวมเป็นหนึ่งได้ด้วยตระกูลสุมา
ทุกวันนี้… หลายท่านยกให้สุมาอี้คือผู้ชนะแห่งสามก๊ก เพราะว่าตระกูลของเขาเป็นผู้รวบรวมแผ่นดินได้ ถ้าหากเอาแผ่นดินเป็นตัวชี้วัด ก็คงต้องว่าไปตามนั้นและปฏิเสธไม่ได้ด้วยว่า กลวิธีของเขาน่าศึกษายิ่งนักและเมื่อพิจารณาดูแล้ว ก็จะเห็นอย่างชัดเจนทันทีว่า ผู้ชนะอย่างสุมาอี้นั้น ไม่ยึดมั่นกับวิธีใดวิธีหนึ่งเลย บางครั้งเร่งรีบว่องไว บางครั้งกลับยืดเยื้อเชื่องช้า
นั่นเป็นเพราะเขารู้จักวิถีแห่งผู้ชนะเป็นอย่างดีว่า…ผู้ชนะจะเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นได้ หากตนได้ประโยชน์ ผู้ชนะจะดึงจังหวะให้ช้าลงได้ หากตนได้ประโยชน์ ผู้ชนะจะหยุดนิ่ง รอเฉยอยู่ได้ หากตนได้ประโยชน์ ผู้ชนะจะคว้าโอกาสทันทีที่พร้อม หากได้ประโยชน์
แล้วกับตัวคุณล่ะ…ทุกวันนี้ดำเนินชีวิตอยู่ในจังหวะที่ควรจะเป็นไหม เรื่องที่ควรเร็วกลับดึงช้า เรื่องที่ควรช้ากลับเร่งเร็ว เรื่องที่ควรทำกลับหยุด เรื่องที่ควรหยุดกลับทำ หากทุกจังหวะในชีวิตของคุณกลับตาลปัตรเช่นนี้ คุณก็ไม่มีทางเป็นผู้ชนะอย่าง “สุมาอี้” แน่นอนครับ
บ้านเมืองของเรากำลังดำเนินไปในแนวทางหรือเปล่าหนอ......???? - 455792238_1422270331787490_328433542986155472_n.jpg (5.75 KiB) เข้าดูแล้ว 576 ครั้ง
- “จังหวะ…ของผู้ชนะ”
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4424
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
สวัสดียามบ่าย ๆ ครับท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ สองสามวันมานี้สภาพอากาศแย่มาก ๆ ไม่สามารถที่จะมาเล่ามาเขียนอะไร ๆ ได้ เหมือนเดิม(พยายามส่งได้แค่นี้จริงๆ) ได้ติดตามข่าวน้ำท่วมด้วยความสงสารเพื่อนร่วมชาติที่เจอกับภัยธรรมชาติ คิดถึงตัวเองและครอบครัวเมื่อ ๑ ต.ค.๖๔ ต้นยางล้มทับบ้านพังเสียหาย ความรู้สึกคงไม่ต่างกัน ก็ขอเป็นกำลังใจ สู้ สู้ นะครับ ขณะนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายแล้ว สถานที่ ๆ เราพาหลานรักไปปั่นปรากฏว่าน้ำท่วมทุกที่ ปีนี้สำหรับผมถือว่า หนักหนาสาหัสเพราะปกติแพร่ ไม่มีเหตุการณ์แบบนี้นานแล้วครับ เป็นกำลังใจนะครับ
แพร่อ่วม! น้ำทะลักท่วมตัวเมือง ถนนทุกสายรถผ่านไม่ได้
1 ตุลาคม 2564 บันทึกต้นยางนาล้มหลังฝนตกลมแรงช่วงบ่ายสอง # ต้นที่ 58 คือต้นที่ล้มทับบ้านและรถยนต์อีก 3 คันของเราครับเสียหายหนักมาก
กระทู้น่าจะมีปัญหาครับ ลงภาพและเรื่องราวตามที่คิดไว้ พยายามส่งพยายามแก้ไข สุดท้ายก็ส่งไม่ได้ไม่ทราบสาเหตุ ต้องติดไว้ถ้าทุกอย่างเข้าสภาพปกติผมก็จะกลับมาดำเนินการต่อนะครับ ขอโชคดีมีความสุขทุกท่านทุกคนนะครับ สวัสดีครับ
แพร่อ่วม! น้ำทะลักท่วมตัวเมือง ถนนทุกสายรถผ่านไม่ได้
1 ตุลาคม 2564 บันทึกต้นยางนาล้มหลังฝนตกลมแรงช่วงบ่ายสอง # ต้นที่ 58 คือต้นที่ล้มทับบ้านและรถยนต์อีก 3 คันของเราครับเสียหายหนักมาก
กระทู้น่าจะมีปัญหาครับ ลงภาพและเรื่องราวตามที่คิดไว้ พยายามส่งพยายามแก้ไข สุดท้ายก็ส่งไม่ได้ไม่ทราบสาเหตุ ต้องติดไว้ถ้าทุกอย่างเข้าสภาพปกติผมก็จะกลับมาดำเนินการต่อนะครับ ขอโชคดีมีความสุขทุกท่านทุกคนนะครับ สวัสดีครับ
- ไฟล์แนบ
-
- 457460372_327346833796555_5019209383291392052_n.jpg (112.49 KiB) เข้าดูแล้ว 470 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4424
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
หากคุณถูกใครทรยศหรือหักหลัง
ไม่จำเป็นต้องตีโพยตีพาย
แค่คุณหยุดเกี่ยวข้อง
โลกจะลงโทษเขาเอง
เพราะกฎแห่งกรรมไม่เคยรับสินบนจากใคร!
เมื่อใดที่รองเท้าคู่โปรดเสียดสีเท้าของคุณจนเกิดตุ่มพอง
แรก ๆ คุณยังคงหวงแหนรองเท้าคู่นั้น ไม่กล้าทิ้ง!
แต่นานวันเข้า เพราะรองเท้าคู่โปรด ทำให้คุณทุกข์ทรมาน
วันแล้วคืนเล่า เมื่อนั้น คุณจึงเข้าใจในทันทีว่า
การเลือกยืนหยัดในบางอย่าง มันไม่คุ้มค่าอะไรเลย!
แบกไม่ไหวให้วาง
คว้าไม่ได้ให้ปลง
ทนไม่ไหวให้ปล่อย
วางพวกเขาลง
ปลงได้ย่อมลอย
ปล่อยได้ย่อมเบา!
นุสนธิ์บุคส์
ตำนาน เมืองแพร่แห่ระเบิด
ไม่จำเป็นต้องตีโพยตีพาย
แค่คุณหยุดเกี่ยวข้อง
โลกจะลงโทษเขาเอง
เพราะกฎแห่งกรรมไม่เคยรับสินบนจากใคร!
เมื่อใดที่รองเท้าคู่โปรดเสียดสีเท้าของคุณจนเกิดตุ่มพอง
แรก ๆ คุณยังคงหวงแหนรองเท้าคู่นั้น ไม่กล้าทิ้ง!
แต่นานวันเข้า เพราะรองเท้าคู่โปรด ทำให้คุณทุกข์ทรมาน
วันแล้วคืนเล่า เมื่อนั้น คุณจึงเข้าใจในทันทีว่า
การเลือกยืนหยัดในบางอย่าง มันไม่คุ้มค่าอะไรเลย!
แบกไม่ไหวให้วาง
คว้าไม่ได้ให้ปลง
ทนไม่ไหวให้ปล่อย
วางพวกเขาลง
ปลงได้ย่อมลอย
ปล่อยได้ย่อมเบา!
นุสนธิ์บุคส์
ตำนาน เมืองแพร่แห่ระเบิด
- ไฟล์แนบ
-
- กรมอุทยานฯ รำลึก 34 ปี สืบ นาคะเสถียร สร้างแรงบันดาลใจคนรุ่นใหม่ สานต่อเจตนารมณ์อนุรักษ์ผืนป่ามรดกโลกทุ่งใหญ่นเรศวร – ห้วยขาแข้ง
เมื่อวัน 1 กันยายน นายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นประธานงานรำลึก 34 ปี สืบ นาคะเสถียร โดยมี นายเผด็จ ลายทอง ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า นายรุ่งโรจน์ อัศวกุลธารินท์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ นายนพดล พลเสน ประธานกรรมการมูลนิธิรักษ์ผืนป่าตะวันตกมรดกโลกห้วยขาแข้งอุทัยธานี ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร คณบดีคณะวนศาสตร์ หัวหน้าส่วนราชการในท้องที่จังหวัดอุทัยธานี และประชาชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ร่วมพิธีวางหรีดเพื่อรำลึกครบรอบ 34 ปี การจากไปของสืบ นาคะเสถียร อดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ณ บริเวณหน้าอนุสาวรีย์สืบ นาคะเสถียร เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี
งานในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงคุณูปการของสืบ นาคะเสถียร และเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้และสัตว์ป่า พร้อมทั้งสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติทุ่งใหญ่นเรศวร-ห้วยขาแข้ง และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลรักษาผืนป่าแห่งนี้ให้คงความอุดมสมบูรณ์ คงความภาคภูมิใจ ในฐานะที่ผืนป่าแห่งนี้ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ และเพื่อเป็นการยกย่องให้เกียรติแก่เจ้าหน้าที่และสร้างขวัญกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ในปัจจุบันที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจยิ่งและด้วยความมุ่งมั่นอุตสาหะอีกด้วย
สำหรับ “วันสืบ นาคะเสถียร” ตรงกับวันที่ 1 กันยายน ของทุกปี ถูกยกให้เป็นวันรำลึกการจากไปของ “สืบ นาคะเสถียร” นักอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ เพื่อระลึกถึงความเสียสละ พร้อมทั้งสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้คนชนรุ่นหลัง สานต่อเจตนารมณ์ในการอนุรักษ์ผืนป่าและธรรมชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกับมูลนิธิสืบนาคะเสถียร และเครือข่ายอนุรักษ์ได้กำหนดจัดงานรำลึก 34 ปี การจากไปของสืบ นาคะเสถียร อดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม ถึงวันที่ 1 กันยายน 2567...
ข่าวใน มติชนออนไลน์ - 456113235_975426034273189_7988558226810365294_n.jpg (75.9 KiB) เข้าดูแล้ว 390 ครั้ง
- กรมอุทยานฯ รำลึก 34 ปี สืบ นาคะเสถียร สร้างแรงบันดาลใจคนรุ่นใหม่ สานต่อเจตนารมณ์อนุรักษ์ผืนป่ามรดกโลกทุ่งใหญ่นเรศวร – ห้วยขาแข้ง
-
- เมื่อวาน (๓ ก.ย.๖๗) ไปตามหมอนัดเจาะเลือดตรวจหาค่าที่ผิดปกติ เกร็ดเลือดยังคงสูงอยู่ หมอให้ยาเหมือนเดิมนัดอีก ๓ เดือนมาเจาะเลือดตรวจ ถ้ายังสูงคงต้องเปลี่ยนวิธีการรักษา "ร่างกายคือรังของโรค...กายเป็นของหมอ..ใจเป็นของเรา" อยู่มาได้ ๗๕ ขวบถือว่าตามเกณฑ์แล้ว ไปวันนี้..พรุ่งนี้..ค่าเท่ากัน ถือว่าเราพร้อมแล้ว เมื่อยังมีลมหายใจอยู่ สิ่งที่ต้องทำคือการสร้างบุญบารมีเป็นสเบียงไว้ในภพต่อไป..เป็นไปได้ "อย่า..กลับมาเกิดกันอีกเลย..."การเกิดเป็นทุกข์ที่สุด"
- 458196182_480251974824571_1432115084772376494_n.jpg (95.28 KiB) เข้าดูแล้ว 390 ครั้ง
-
- “เมก” หมายถึงกำแพงเมืองโบราณของเมืองแพร่ที่ยังมีความสมบูรณ์ มีอายุกว่า 1,000 ปี มีเสียงพ้องกับคำว่า “เมฆ” ถือว่าเป็นชื่อมงคล
เมกหรือกำแพงเมืองแพร่ มีอายุมากกว่า ๑,๑๐๐ ปี หลักฐานจากประวัติวัดหลวง ที่กล่าวว่า " ....พ.ศ. ๑๓๗๔ ท้าวพหุสิงห์ ราชโอรสของพ่อขุนหลวงพล ขึ้นครองเมืองพลทรงรับสั่งให้ขุนพระวิษณุวังไชย เป็นแม่งานทำการบูรณะอารามวัดหลวง มีการหุ้มทองพระเจ้าแสนหลวงทั้งองค์ ขยายกำแพงวัดออกไปถมกำแพงเมือง ก่ออิฐให้สูงขึ้นเพื่อป้องกันน้ำขุนยมไหลเอ่อท่วมเวียง แล้วฉลองสมโภช ๕วัน ๕ คืน..." แสดงว่ากำแพงเมืองมีการสร้างมาก่อนแล้ว - 451459029_479608808338877_3760720752025540312_n.jpg (143.56 KiB) เข้าดูแล้ว 390 ครั้ง
- “เมก” หมายถึงกำแพงเมืองโบราณของเมืองแพร่ที่ยังมีความสมบูรณ์ มีอายุกว่า 1,000 ปี มีเสียงพ้องกับคำว่า “เมฆ” ถือว่าเป็นชื่อมงคล
-
- cats๕๕.jpg (113.57 KiB) เข้าดูแล้ว 390 ครั้ง
-
- คุ้มวิไชยราชา หรือ บ้านวิชัยราชา เป็นคุ้มของพระวิไชยราชา (เจ้าหนานขัติ แสนศิริพันธุ์) พระวิไชยราชานครแพร่องค์สุดท้าย และอดีตเสนาคลังเมืองนครแพร่ บุตรในเจ้าแสนเสมอใจเครือญาติเจ้าหลวงเทพวงศ์ลิ้นตอง เจ้าผู้ครองนครแพร่ องค์ที่ 19 ตั้งอยู่ในเขตกำแพงเมืองเก่าแพร่ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่
คุ้มวิชัยราชา เป็นคุ้มของพระวิไชยราชา (เจ้าขัติ แสนศิริพันธุ์) พระวิไชยราชานครแพร่องค์สุดท้าย และอดีตเสนาคลังเมืองนครแพร่ บุตรในเจ้าแสนเสมอใจเครือญาติเจ้าหลวงเทพวงศ์ลิ้นตอง เจ้าผู้ครองนครแพร่ ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างคุ้มนี้เมื่อใด แต่เป็นที่แน่นอนว่าได้สร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ. 2441 ซึ่งเป็นปีที่เจ้าวงศ์ แสนศิริพันธุ์ บุตรของท่านเกิด ณ ที่บ้านหลังนี้
ในปีถัดมาท่านจึงเริ่มดำเนินการก่อสร้างถาวรวัตถุให้วัดศรีบุญเรือง จากประวัติวัดศรีบุญเรืองและการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม และจากการสอบถามคนเฒ่าคนแก่แถวคุ้มและบริเวณสีลอ ตลอดจนไล่เรียงศึกษาอายุของ “พ่อเจ้าพระฯ” และลูกหลานของท่านรวมทั้งคำบอกเล่าของอาจารย์โสภา วงศ์พุฒ ที่ได้กล่าวถึงคุณยายที่ได้เสียชีวิตไปกว่า ๒๐ปีมาแล้ว เมื่อตอนอายุเก้าสิบกว่า เล่าให้ฟังว่าเมื่อเกิดมาและจำความได้ ก็เห็นบ้านหลังนี้อยู่แล้ว
กอปรกับบริเวณที่ตั้งคุ้มวิชัยราชาในปัจจุบันเป็นทำเลที่เหมาะเพราะเป็นเนินสูง สันนิษฐานว่า คงเป็นคุ้มของพระยาแสนศรีขวามาก่อนแต่ในอดีต และสืบทอดกันมาจนถึงยุคสมัยของพระวิชัยราชา และแม่เจ้าคำป้อ ที่ได้สร้างคุมวิชัยราชา เรือนไม้สัก ทรงมะนิลา หลังงามนี้มาเป็นที่พักอาศัยแทนหลังเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา จากข้อมูลเหล่านี้คาดว่า บ้านหลังนี้คงสร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2434 - 2438
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า บ้านหลังนี้จะมีอายุเก่าแก่เกินร้อยปีแต่ยังมีโครงสร้างที่มั่นคงแข็งแรง ทั้งยังได้รับการออกแบบอย่างสวยงามเหมาะเจาะกลมกลืนมีความงามที่ โดนเด่น พร้อมทั้งลวดลายฉลุที่สวยงามดูอ่อนช้อย ทั้งที่จั่วบ้าน บังลม ระเบียง ตลอดจนไม้ช่องลมเหนือบานประตูและหน้าต่างล้วนเป็นศิลปะสวยงามและหายาก
สมควรอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างยิ่งและถึงแม้ว่าพ่อเจ้าพระฯ จะเป็นคลังจังหวัดที่มีฐานะและได้รับสัมปทานทำป่าไม้ แต่บ้านท่านไม่ได้ใช้ไม้ฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็นของโครงสร้างและน้ำหนักที่รับแต่อย่างไร แม้แต่เสาที่รับน้ำหนักทั้งหมดยังใช้เสาไม้ขนาด 8 นิ้ว x 8 นิ้ว มิได้ใช้เสาใหญ่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงค่านิยมและภูมิปัญญาของชาวเมืองแพร่ในยุคสมัยก่อนได้เป็นอย่างดี ในเรื่องการทนุถนอมทรัพยากรธรรมชาติและการรู้ซึ้งถึงความพอดี[1] - cats๕๗.๑.JPG (108.17 KiB) เข้าดูแล้ว 390 ครั้ง
- คุ้มวิไชยราชา หรือ บ้านวิชัยราชา เป็นคุ้มของพระวิไชยราชา (เจ้าหนานขัติ แสนศิริพันธุ์) พระวิไชยราชานครแพร่องค์สุดท้าย และอดีตเสนาคลังเมืองนครแพร่ บุตรในเจ้าแสนเสมอใจเครือญาติเจ้าหลวงเทพวงศ์ลิ้นตอง เจ้าผู้ครองนครแพร่ องค์ที่ 19 ตั้งอยู่ในเขตกำแพงเมืองเก่าแพร่ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่
-
- บ้านหรือคุ้มของพระวิชัยราชาหลังนี้ นอกจากจะเป็นเรื่อนไม้โบราณที่เป็นสถาปัตยกรรมอันลำค่าแล้ว ยังมีประวัติที่โลดโผนตื่นเต้นของเจ้าบ้านที่เกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์และเหตุการณ์สำคัญๆ ที่เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่เกิดขึ้นในจังหวัดแพร่และประเทศไทยอยู่หลายช่วง หลังจากพระวิชัยราชาถึงได้อสัญกรรมประมาณปี พ.ศ. 2465 คุ้มวิชัยราชาหลังนี้ก็ตกเป็นของบุตรท่านเจ้าวงศ์ แสนศิริพันธุ์ ซึ่งเป็นศิษย์เอกของภราดา ฟ. ฮีแลร์ โรงเรียนอัสสัมชัญ กรุงเทพฯ และเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วท่านได้เข้าทำงานบริษัท อิสเอเชียติก เมื่อได้ศึกษาวิธีการทำงานการบริหารงานจนช่ำชอง จึงลาออกมาประกอบอาชีพค้าไม้สัก จนร่ำรวยมหาศาล
ท่านเป็น ส.ส. คนแรกของจังหวัดแพร่ เมื่อปี 2475 มีความสนิทสนมคุ้นเคยกับบุคคลสำคัญในยุคนั้นเช่น ดร.ปรีดี พนมยงค์ พระยาพหลพยุหเสนา หลวงศรีประกาศ นายทองอินทร์ ภูมิพัฒน์ และได้สร้างเกียรติประวัติเป็นหัวหน้าขบวนการเสรีไทย จังหวัดแพร่ เพื่อกู้ชาติระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยใช้บ้านหลังนี้เป็นศูนย์กลางประสานไปยังหนองม่วงไข่ เวียงต้าและอำเภอต่างๆ ของจังหวัด จากหน้า 142 ของหนังสือตลบรอบ 100 ปี ชาติกาลรัฐบุรุษอาวุโส กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า “ นายปรีดี มีความประสงค์จะเล็ดลอดออกไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นขึ้นในอินเดีย ในเรื่องนี้ในเบื้องแรกนายปรีดีได้ขอให้เจ้าวงศ์ แสนศิริพันธุ์ ผู้แทนราษฎร์จังหวัดแพร่ จัดส่งคนที่ไว้ใจได้ออกไปเมืองจีน ” ซึ่งแสดงให้เห็นวถึงความไว้วางใจและสัมพันธ์อันแนบแน่นของบุคคลทั้งสอง เพราะบทบาทและวีรกรรมของขบวนการกู้ชาติเสรีไทยนี่เอง ทำให้ประเทศไทยรอดพ้นจากการเป็นฝ่ายแพ้สงคราม สามารถรักษาเกียรติภูมิศักดิ์ศรี และอธิปไตยของชาติไว้ได้อย่างหวุดหวิด
แต่ต่อมาเจ้าวงค์ และครอบครัวต้องประสบชะตากรรม สูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง รวมทั้งคุ้มวิชัยราชาเพราะถูกรัฐยึด เนื่องจากมาตรการชำระภาษีจากการศึกษาวิเคราะห์หาสาเหตุที่เจ้าวงค์ต้องมีอันเป็นไปนี้ เป็นไปได้ว่า คงเป็นเพราะความสัมพันธ์แนบแน่นกับท่านปรีดี พนมยงค์ จึงทำให้ประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับแกนทำขบวนการเสรีไทยคนอื่นๆ ที่ใกล้ชิดกับหัวหน้าที่ผิดเพี้ยนไปคือไม่ได้โดนฆ่าแบบนายเตียง ศิริขันธ์ หรือนายทองอินทร์ ภูริพัฒน์ ฯลฯ ชีวิตในช่วงที่เหลือของท่านค่อนข้างอับเฉา จนมีบางคนกล่าวว่า ถ้าโดนฆ่าตายแบบคนอื่นจะดีกว่า เพราะไม่ต้องทุกข์ทรมาน เรื่องราวของเจ้าวงค์ แสนศิริพันธุ์ เป็นตำนานและเป็นสัจธรรมที่น่าศึกษายิ่ง
หลังจากเจ้าวงศ์ แสนศิริพันธุ์ถึงแก่กรรมในปี พ.ศ. 2513 เจ้าสุนทร แสนศิริพันธุ์ บุตรของท่าน วิศวกรจากมหาลัยชิคาโก้ ได้รวบรวมช้างจำนวนหนึ่งข้ามไปทำป่าที่ประเทศลาว และได้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่นั่น จนลาวเปลี่ยนแปลงการปกครองจึงได้กลับเมืองไทย ท่านเป็นผู้จัดการโรงงานกระดาษบางปะอิน ก่อนเสียชีวิตไปเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2527[2]
-
- คุ้มวิชัยราชา เป็นเรือนแบบผสมผสานระหว่างเรือนไม้แบบมนิลา และเรือนขนมปังขิงร่วมกับสถาปัตยกรรมล้านนา ประดับตกตกแต่งลวดลายด้วยไม้ฉลุที่เรียกว่าลายอยู่ทั่วตัวอาคาร เรือนแบบนี้เป็นที่นิยมกันในหมู่เจ้านาย ขุนนาง และคหบดี มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เรื่อยมาจนถึงรัชกาลที่ 5 และสิ้นสุดเอาปลายรัชกาลที่ 6
จะเห็นได้ว่าช่วงนั้นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของประเทศไทยเป็นยุคล่าเมืองขึ้นแช่งกันหาอาณานิคมของชาติตะวันตกบางคนจึงเรียกบ้านแบบนี้ว่า โคโรเนี่ยล หรือบ้านสมัยอาณานิคมเพราฝรั่งนำมาเผยแพร่และสร้างขึ้นในภูมิภาคนี้อย่างแพร่หลาย
หาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ สารานุกรมเสรี วิกิพีเดีย - ท่องเที่ยวสุโขทัย-แพร่ (240).jpg (137.28 KiB) เข้าดูแล้ว 390 ครั้ง
- คุ้มวิชัยราชา เป็นเรือนแบบผสมผสานระหว่างเรือนไม้แบบมนิลา และเรือนขนมปังขิงร่วมกับสถาปัตยกรรมล้านนา ประดับตกตกแต่งลวดลายด้วยไม้ฉลุที่เรียกว่าลายอยู่ทั่วตัวอาคาร เรือนแบบนี้เป็นที่นิยมกันในหมู่เจ้านาย ขุนนาง และคหบดี มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เรื่อยมาจนถึงรัชกาลที่ 5 และสิ้นสุดเอาปลายรัชกาลที่ 6
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (343).JPG (134.95 KiB) เข้าดูแล้ว 390 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (344).JPG (135.01 KiB) เข้าดูแล้ว 390 ครั้ง
-
- บ้านโบราณสวยงาม เหมือน ๆ จะอนุลักษณ์ไว้ แต่ยังไม่สมบูรณ์ เป็นอีกจุดหนึ่งที่น่าทึ่งและสมควรที่จะรักษาบูรณะเพื่อไว้เป็นอนุสรณ์ เชื่อว่าจะเรียกนักท่องที่ยวมาเยี่ยมชมได้อีกมาก
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (346).JPG (140.24 KiB) เข้าดูแล้ว 390 ครั้ง
-
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (348).JPG (119.44 KiB) เข้าดูแล้ว 390 ครั้ง
-
- ปั่นออกจากตลาดวนหาร้านอาหารเจ เติมพลังมื้อเช้ากัน ก่อนที่จะไปเที่ยววัดที่สำคัญอีกสัก ๒ - ๓ แห่ง แล้วก็ต้องเตรียมตัวกลับ เพราะหมดเวลาแล้ว ๕๕๕๕
ไม่น่าเชื่อร้านอาหารเจ ที่แพร่จะใหญ่โต มีอาหารหลากหลายชนิดให้เลือก ถูกใจเรา ๓ คน แต่ก่อนมาแพร่หากินยาก เดี๋ยวนี้เรียกว่าคนนิยมกินเจกันเพิ่มขึ้น...ดีใจครับ. - cats๕๘.jpg (144.5 KiB) เข้าดูแล้ว 390 ครั้ง
- ปั่นออกจากตลาดวนหาร้านอาหารเจ เติมพลังมื้อเช้ากัน ก่อนที่จะไปเที่ยววัดที่สำคัญอีกสัก ๒ - ๓ แห่ง แล้วก็ต้องเตรียมตัวกลับ เพราะหมดเวลาแล้ว ๕๕๕๕
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4424
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
มีคนเขาว่า ตลอดชีวิตของคนเรามีสิ่งที่ต้องทำให้ดีที่สุดสามเรื่อง คือ
เรื่องที่หนึ่ง : ต้องอบรมเลี้ยงดูบุตรหลานไม่ให้เป็นภาระแก่สังคม
เรื่องที่สอง : ต้องดูแลตัวเองให้ดี อย่าให้เป็นภาระแก่บุตรหลาน
เรื่องที่สาม : ต้องดูแลบุพการีที่ให้กำเนิดเราให้ดีในยามเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่
เมื่อผ่านไปอีกไม่กี่ปี พวกเรา ก็ล้วนต้องจากไป หากจะพูดถึงโลกนี้ พวกเราล้วนไม่มีความหมายอะไรมากนัก เราต่อสู้ดิ้นรนมาทั้งชีวิต เราก็เอาทรัพย์สินอะไรไปไม่ได้เลย เรายึดมั่นในตัวกู/ของกู…มาทั้งชีวิต ในที่สุด ล้วนไม่อาจนำติดตัวไปได้เลย
เราเกิดมาในชาตินี้ ไม่ว่ายากดีมีจน ล้วนต้องเดินมาจนถึง วันสุดท้าย... เมื่อตายจากไป หันกลับมามอง ตลอดชีวิตของเรา…แท้จริงล้วนเป็นความว่างเปล่า ดังนั้น นับแต่บัดนี้ เราต้องตั้งใจใช้ชีวิต ให้มีความสุขกายสบายใจในทุกวัน เจริญรุ่งเรืองเพียงใด ไม่นานนัก ต่างก็ต้องล้วนจากไป ดังนั้น จงทำดีต่อทุก ๆ คนไว้ก่อนดีกว่า
แท้จริงแล้ว…ในชีวิตหนึ่งสั้นนัก …คนเคยสัญญากันไว้ว่า…จะอยู่ร่วมกันตลอดไป …แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป…ในที่สุด…ก็เหลือเป็นเพียงอดีต สัญญากันไว้ว่า จะเป็นเพื่อนกันตลอดไป เดี๋ยวเดียวกลับกลายเป็นคนแปลกหน้าที่คุ้นเคยเท่านั้น บางคนนัดกันไว้ว่าพรุ่งนี้พบกัน แต่พอตื่นขึ้นมาพบว่า…อยู่กันคนละโลกแล้วก็มี
ดังนั้น…เมื่อเรายังมีชีวิตอยู่ …อย่าพลาดโอกาสในการที่จะได้สร้างความรู้สึกที่ดีๆ ในระหว่างคบกับคนที่เรารัก และคนที่รักเรา อย่าปล่อยมือที่จูงกันมา ไปเที่ยวเล่น…เมื่อยังสามารถ…อยากกินอะไรก็กิน อยากดื่มอะไร ก็ดื่ม ที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย ดูแลเอาใจใส่ กันและกัน…อย่าโกรธกันอย่างง่ายๆ…โดยไม่มีเหตุผล …หรือมีเหตุผลน้อย
ความเข้าใจกัน…คือความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด …อย่าปล่อยให้ชีวิตเต็มไปด้วยข้อสงสัย …อย่าละเลยกับคนที่คุณรัก…ให้เวลา ให้ความอิสระบ้างเป็นครั้งคราว ไม่มีคนที่โง่ที่สุด …มีแต่คนที่แกล้งโง่เพื่อคุณ …ให้อภัยคุณ …เพราะไม่ต้องการเสียคุณไป …ต้องรู้จักการให้อภัยให้แก่กันและกัน…ทุกคนต่างมีทั้งส่วนถูก และ ส่วนผิด ไม่มีใครที่เป็นคนที่สมบูรณ์ที่สุด ต้องรู้จักทะนุถนอมน้ำใจกันและกัน
เมื่อเก่งกว่า…ก็อย่าหัวเราะเยาะคนอื่น…คนที่เก่งเกินไป…มักจะมีแต่คนรังเกียจ …คนที่จู้จี้จุกจิกเกินไป…จะมีแต่คนรำคาญ.…คนที่เย่อหยิ่งเกินไป…จะมีแต่คนหลีกหนี …ต้องวางตนให้เป็นคนที่พอดี
เราเกิดมาในโลกนี้…แท้จริงแล้ว ล้วนแต่มาอย่างว่างเปล่า ทำไมจึงต้องหมกมุ่นกับทุกสิ่งทุกเรื่อง ไม่อาจปล่อยวาง พูดมากไปทำร้ายคนอื่น เคียดแค้นเกินไปทำร้ายจิตใจ ไม่ทำร้ายผู้อื่น ไม่ทำร้ายจิตใจ นั่นคือ การปล่อยวาง
- ชั่วชีวิตนี้ ขอเพียงรู้จักปล่อยวางเป็น
- โลกนี้ล้วนมีเหตุขัดแย้งมากมาย เอาชนะแล้ว สูญเสียศรัทธาผู้คน
- ผลประโยชน์บนโลกนี้มากมาย พอเพียงก็พอ อย่าเห็นผลประโยชน์มีค่ามากกว่าความสัมพันธ์ที่ดี
- ใจเป็นสุข วันเวลาก็ผ่อนคลาย เป็นตัวของตัวเอง ชีวิตนี้จึงมีค่า!
คิดมากไปทำให้กังวล …ความคิด …ความมุ่งหวังมากไป ก็จะเป็นทุกข์ ดูแลทะนุถนอมคนที่อยู่ข้างกายให้มากขึ้น…เพราะเราไม่รู้ว่า…เราจะได้พบกันอีกหรือไม่…ในชาติหน้า ในวันนี้…เราต้องรู้จักหาความสุขกับปัจจุบัน เพราะเราไม่รู้ว่า เมื่อไหร่เราจะตาย ต้องพยายามเรียนรู้ที่จะมีความสุขในทุกๆวัน…โดยไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่คนอื่น และสัตว์อื่น
Cr : คุณวรินทร์ ชิ้นสุวรรณ ที่มา: ชมรมผู้เชี่ยวชาญชีวิต
อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ พันธกิจที่เราพาหลานรักไปปั่นเที่ยว เพื่อหาประสบการณ์และแสวงบุญ ดังนั้นจุดที่ไม่พลาดคือ "วัด" หลังจากที่ปั่นรอบกำแพงเมืองครบ ๑ รอบ ลำดับต่อไปก็แสวงหาวัดโดยขอคำปรึกษา สอบถามเจ้าของร้านเจ ว่าควรไปชมวัดใดบ้างและเนื่องจากเราต้องกลับเชียงใหม่แล้ว ขอวัดใกล้ ๆ ก็ได้รับคำแนะนำว่า วัดแพร่ปกติก็จะอยู่ติด ๆ กัน ไม่ไกลกันมากนักแต่ละวัดก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ติดตามกันนะครับว่าจะมีวัดอะไรบ้าง
เรื่องที่หนึ่ง : ต้องอบรมเลี้ยงดูบุตรหลานไม่ให้เป็นภาระแก่สังคม
เรื่องที่สอง : ต้องดูแลตัวเองให้ดี อย่าให้เป็นภาระแก่บุตรหลาน
เรื่องที่สาม : ต้องดูแลบุพการีที่ให้กำเนิดเราให้ดีในยามเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่
เมื่อผ่านไปอีกไม่กี่ปี พวกเรา ก็ล้วนต้องจากไป หากจะพูดถึงโลกนี้ พวกเราล้วนไม่มีความหมายอะไรมากนัก เราต่อสู้ดิ้นรนมาทั้งชีวิต เราก็เอาทรัพย์สินอะไรไปไม่ได้เลย เรายึดมั่นในตัวกู/ของกู…มาทั้งชีวิต ในที่สุด ล้วนไม่อาจนำติดตัวไปได้เลย
เราเกิดมาในชาตินี้ ไม่ว่ายากดีมีจน ล้วนต้องเดินมาจนถึง วันสุดท้าย... เมื่อตายจากไป หันกลับมามอง ตลอดชีวิตของเรา…แท้จริงล้วนเป็นความว่างเปล่า ดังนั้น นับแต่บัดนี้ เราต้องตั้งใจใช้ชีวิต ให้มีความสุขกายสบายใจในทุกวัน เจริญรุ่งเรืองเพียงใด ไม่นานนัก ต่างก็ต้องล้วนจากไป ดังนั้น จงทำดีต่อทุก ๆ คนไว้ก่อนดีกว่า
แท้จริงแล้ว…ในชีวิตหนึ่งสั้นนัก …คนเคยสัญญากันไว้ว่า…จะอยู่ร่วมกันตลอดไป …แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป…ในที่สุด…ก็เหลือเป็นเพียงอดีต สัญญากันไว้ว่า จะเป็นเพื่อนกันตลอดไป เดี๋ยวเดียวกลับกลายเป็นคนแปลกหน้าที่คุ้นเคยเท่านั้น บางคนนัดกันไว้ว่าพรุ่งนี้พบกัน แต่พอตื่นขึ้นมาพบว่า…อยู่กันคนละโลกแล้วก็มี
ดังนั้น…เมื่อเรายังมีชีวิตอยู่ …อย่าพลาดโอกาสในการที่จะได้สร้างความรู้สึกที่ดีๆ ในระหว่างคบกับคนที่เรารัก และคนที่รักเรา อย่าปล่อยมือที่จูงกันมา ไปเที่ยวเล่น…เมื่อยังสามารถ…อยากกินอะไรก็กิน อยากดื่มอะไร ก็ดื่ม ที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย ดูแลเอาใจใส่ กันและกัน…อย่าโกรธกันอย่างง่ายๆ…โดยไม่มีเหตุผล …หรือมีเหตุผลน้อย
ความเข้าใจกัน…คือความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด …อย่าปล่อยให้ชีวิตเต็มไปด้วยข้อสงสัย …อย่าละเลยกับคนที่คุณรัก…ให้เวลา ให้ความอิสระบ้างเป็นครั้งคราว ไม่มีคนที่โง่ที่สุด …มีแต่คนที่แกล้งโง่เพื่อคุณ …ให้อภัยคุณ …เพราะไม่ต้องการเสียคุณไป …ต้องรู้จักการให้อภัยให้แก่กันและกัน…ทุกคนต่างมีทั้งส่วนถูก และ ส่วนผิด ไม่มีใครที่เป็นคนที่สมบูรณ์ที่สุด ต้องรู้จักทะนุถนอมน้ำใจกันและกัน
เมื่อเก่งกว่า…ก็อย่าหัวเราะเยาะคนอื่น…คนที่เก่งเกินไป…มักจะมีแต่คนรังเกียจ …คนที่จู้จี้จุกจิกเกินไป…จะมีแต่คนรำคาญ.…คนที่เย่อหยิ่งเกินไป…จะมีแต่คนหลีกหนี …ต้องวางตนให้เป็นคนที่พอดี
เราเกิดมาในโลกนี้…แท้จริงแล้ว ล้วนแต่มาอย่างว่างเปล่า ทำไมจึงต้องหมกมุ่นกับทุกสิ่งทุกเรื่อง ไม่อาจปล่อยวาง พูดมากไปทำร้ายคนอื่น เคียดแค้นเกินไปทำร้ายจิตใจ ไม่ทำร้ายผู้อื่น ไม่ทำร้ายจิตใจ นั่นคือ การปล่อยวาง
- ชั่วชีวิตนี้ ขอเพียงรู้จักปล่อยวางเป็น
- โลกนี้ล้วนมีเหตุขัดแย้งมากมาย เอาชนะแล้ว สูญเสียศรัทธาผู้คน
- ผลประโยชน์บนโลกนี้มากมาย พอเพียงก็พอ อย่าเห็นผลประโยชน์มีค่ามากกว่าความสัมพันธ์ที่ดี
- ใจเป็นสุข วันเวลาก็ผ่อนคลาย เป็นตัวของตัวเอง ชีวิตนี้จึงมีค่า!
คิดมากไปทำให้กังวล …ความคิด …ความมุ่งหวังมากไป ก็จะเป็นทุกข์ ดูแลทะนุถนอมคนที่อยู่ข้างกายให้มากขึ้น…เพราะเราไม่รู้ว่า…เราจะได้พบกันอีกหรือไม่…ในชาติหน้า ในวันนี้…เราต้องรู้จักหาความสุขกับปัจจุบัน เพราะเราไม่รู้ว่า เมื่อไหร่เราจะตาย ต้องพยายามเรียนรู้ที่จะมีความสุขในทุกๆวัน…โดยไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่คนอื่น และสัตว์อื่น
Cr : คุณวรินทร์ ชิ้นสุวรรณ ที่มา: ชมรมผู้เชี่ยวชาญชีวิต
อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ พันธกิจที่เราพาหลานรักไปปั่นเที่ยว เพื่อหาประสบการณ์และแสวงบุญ ดังนั้นจุดที่ไม่พลาดคือ "วัด" หลังจากที่ปั่นรอบกำแพงเมืองครบ ๑ รอบ ลำดับต่อไปก็แสวงหาวัดโดยขอคำปรึกษา สอบถามเจ้าของร้านเจ ว่าควรไปชมวัดใดบ้างและเนื่องจากเราต้องกลับเชียงใหม่แล้ว ขอวัดใกล้ ๆ ก็ได้รับคำแนะนำว่า วัดแพร่ปกติก็จะอยู่ติด ๆ กัน ไม่ไกลกันมากนักแต่ละวัดก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ติดตามกันนะครับว่าจะมีวัดอะไรบ้าง
- ไฟล์แนบ
-
- 2905394.jpg (133.84 KiB) เข้าดูแล้ว 285 ครั้ง
-
- 455956705_2447889842073652_7647827649389673620_n.jpg (42.91 KiB) เข้าดูแล้ว 285 ครั้ง
-
- วัดพระนอน อำเภอเมืองแพร่ จัดเป็นวัดเก่าแก่ที่สามารถสืบค้นความเป็นมาย้อนกลับไปถึงสมัยกรุงศรีอยุธยาเลยทีเดียว แม้เคยถูกทิ้งร้างในช่วงสงคราม แต่พอเหตุการณ์บ้านเมืองสงบ ชาวบ้านเกิดศรัทธาจึงช่วยกันบูรณะซ่อมแซม วัดให้สวยงาม พร้อมกับตั้งชื่อว่า "วัดต้นม่วง" และในการบูรณะครั้งนั้น มีการค้นพบแผ่นทองคำจารึก ของพระนางเจ้าอู่ทองศรีพิมพา พระชายาของเจ้าพระยาชัยชนะสงคราม จึงได้รู้ว่าวัดนี้เดิมคือวัดพระนอน และสันนิษฐานว่าวัดนี้ได้สร้างสำเร็จในเดือนเก้าเหนือ ขึ้นสิบห้าค่ำ โดยถือเอาคำจารึกในแผ่นทองคำเป็นหลัก และเมื่อย้อนความเป็นมาได้ดังนั้น ที่นี่จึงถือเป็นปูชนียสถานสำคัญของจังหวัดแพร่
ได้รับการประกาศตั้งเป็นวัดเมื่อ ปี พ.ศ. 1320 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2536 ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจ ได้แก่ อุโบสถซึ่งสร้างแบบสมัยเชียงแสนไม่มีการเจาะหน้าต่างแต่ทำผนังเป็นช่องแสงแทน สำหรับลวดลายหน้านั้นเป็นลวดลายแบบอยุธยาตอนปลาย ผูกเป็นลายก้านขดและมีภาพรามเกียรติ์ประกอบ วิหารซึ่งมีรูปแบบการก่อสร้างเช่นเดียวกับอุโบสถแต่การตกแต่งบริเวณชายคาเป้นไม้ฉลุโดยรอบ และหลังคาประดับด้วยไม้แกะสลักเป็นรูปพระยานาคบริเวณหน้าจั่ว
พระพุทธรูปนอนปางสีหไสยาสน์ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปูนปั้น มีความยาว 5 เมตร ลงรักปิดทองตลอดองค์ เจดีย์ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังอุโบสถ เป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำรูป 8 เหลี่ยม มีพระพุทธรูปอยู่ 4 ด้าน
-
- cats๖๓.JPG (100.55 KiB) เข้าดูแล้ว 285 ครั้ง
-
- cats๖๔.๐.JPG (128.69 KiB) เข้าดูแล้ว 285 ครั้ง
-
- cats๖๔.๑.jpg (145.36 KiB) เข้าดูแล้ว 285 ครั้ง
-
- cats๖๔.๒.jpg (130.35 KiB) เข้าดูแล้ว 285 ครั้ง
-
- cats๖๔.๓.jpg (133.08 KiB) เข้าดูแล้ว 285 ครั้ง
-
- cats๖๖.JPG (53.18 KiB) เข้าดูแล้ว 285 ครั้ง
-
- • วัดหลวงสร้างเมื่อ พ.ศ.1373 โดยพญาพล พร้อมกับการสร้างเมืองแพร่ เพื่อประดิษฐานพระเจ้าแสนหลวง พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองแพร่ ที่แต่เดิมเป็นทองทั้งองค์แต่ถูกพวกพม่าเผาเอาทองไป ต่อมาในสมัยพญาพีระไชยวงศ์ได้ร่วมกันสร้างพระธาตุหลวงไชยช้างค้ำพร้อมกับได้หุ้มทองพระเจ้าแสนหลวงและให้ชื่อวัดเสียใหม่ว่า วัดหลวงไชยวงศ์[1] ต่อมาวัดหลวงถูกทำลายลงและได้รับการบูรณะขึ้นใหม่อีกครั้งเมื่อ พ.ศ. 2369 จนกระทั่งระหว่าง พ.ศ. 2510–2520 วัดหลวงตกอยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรมมากและไม่มีเจ้าอาวาสดูแลถึง 3 ปี ต่อมาในปี พ.ศ. 2521 พระอธิการธนัติวิจิตโตพร้อมด้วยบุคคลสำคัญหลายท่านได้เชิญชวนศรัทธาประชาชนทั่วไปทำการฟื้นฟูบูรณะวัดหลวงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง วัดหลวงได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2316[2]
• ภายในวัดมี พระธาตุหลวงไชยช้าง เป็นเจดีย์แปดเหลี่ยมบริเวณฐานทั้ง 8 ด้าน มีการปั้นประติมากรรมรูปช้างครึ่งตัวเฉพาะส่วนหัวและขาหน้ายื่นออกมาสลับกับการเจาะซุ้มสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูป ถัดขึ้นไปเป็นชั้นฐานบัวถลาซ้อน 6 ชั้น รองรับองค์ระฆังแปดเหลี่ยมเช่นเดียวกับส่วนฐานของเจดีย์ เหนือองค์ระฆังเป็นส่วนปล้องไฉนและปลียอด วิหารหลวงพลนคร เป็นที่ประดิษฐาน พระเจ้าแสนหลวง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปประธานเมืองแพร่ เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ประทับนั่งปางสมาธิสร้างโดยศิลปะล้านนาผสมกับสุโขทัย เจดีย์มีสภาพทรุดโทรมปูนฉาบกระเทาะมีวัชพืชขึ้นปกคลุม ฐานเขียงแตกร้าว ชั้นมาลัยเถาและองค์ระฆังแตกร้าว ซุ้มโขงมีสภาพทรุดโทรมและพังทลายไปบางส่วน
• ซุ้มโขงซึ่งแต่เดิมใช้เป็นประตูของเจ้าเมืองผ่านเท่านั้น แต่ปัจจุบันได้ใช้เป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นของเจ้าเมืองแพร่ ปัจจุบันได้มีการสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์เมืองแพร่[3]
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4424
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
# อ่านนะครับ ขอร้อง***
ใช้เวลา แค่ 2 นาที “วิกฤตการณ์” ที่รุนแรงที่สุด ของประเทศไทย
อาบังก็น่ากลัว จะเอาทางใต้... อาเจ็กก็ยิ่งน่ากลัวจะกลืนทั้ง…ประเทศไทย...คนไทยรู้ตัวกันบ้างไหม…!! “ไทย” กำลังตก เป็นเมืองขึ้น
ธุรกิจดีๆในไทยส่วนใหญ่ถูก“คนจีน ยึดไปแล้ว” -โรงสี -ห้องเย็น -โรงแรม -ท่องเที่ยว -คอนโด-อสังหา -บ้านจัดสรร -ร้านอาหาร-ทุเรียน -ข้าวโพด กล้วย ข้าว ผลไม้อื่นๆ -อาหารทะเล -โรงงานผลิตสินค้าต่างๆ -ตลาดขายส่งฯลฯ ณ เวลานี้ คือ เวลาเปลี่ยนมือ “ไม่ใช่ของไทย“ แล้ว….!!!
เมื่อเขายึดได้ เขากลับเอาคนจีน เขาเข้ามาทำงาน งานของคนไทย ที่อยู่เดิมค่อยๆ ”หลุดจากวงโคจร“ คนไทยเกือบครึ่งของคนที่มีงานทำวันนี้กำลังจะตกงานในปี 2570 คนไทยเจ้าของแผ่นดินกำลังจะไม่มีกิน
เดิมผมเคยเขียนเรื่อง….…เอไอ…แย่งงานคนไทย วันนี้ ผมเจอ เรื่องที่เร็ว แรง และชัดเจนกว่านั้นคือ“คน และ ทุนจีน”ครับ….กำลังกลืน….ประเทศไทย โรงสีใหญ่ในหกจังหวัดภาคกลางกว่าครึ่ง …จีนซื้อไปแล้ว…!!! โรงแรม เกือบครึ่งใน เมืองท่องเที่ยวหลักของไทย “เป็นของคนจีน”
คอนโดเปิดใหม่ในทำเลทองหลายแห่ง ลูกค้ารายใหญ่ คือ….“คนจีน” ห้องเย็นรายเล็ก ที่มหาชัยเป็นของคนจีนเกือบร้อยแห่ง ตลาดสำเพ็ง -พันทิพย์ -สี่มุมเมือง -ตลาดไท ฯลฯ.....“เจ้าของร้าน” หน้าใหม่เป็นคนจีน รร. ในพัทยา -ภูเก็ต -สุราษฎร์ฯ -ขอนแก่น -เชียงใหม่ -เชียงราย “ก็เสร็จ คนจีน”
“ทุเรียน” วันนี้ที่จันทบุรี ไปดูเอาเองครับ ฟาร์มกล้วยไม้ ผลไม้ กุ้ง ปลา....….จาระไนไม่หมด….เขามาซื้อแพงกว่าราคาปกตินะครับ แผงเซ้งกัน 30,000 เขามาบอกขอเซ้ง 50,000 เป็นเรายอมไหม…? -คอนโดขายกัน 2 ล้าน คนไทยต่อ เหลือล้านแปด เขามาบอกให้….สองล้านห้า….
นโยบาย และ แผนงานรัฐบาลจีน “ไม่ได้น่ากลัว” แต่เป็นความขยันและพลังทุนมหาศาลของ“นักธุรกิจจีน” ต่างหาก...รัฐบาลไม่มีนโยบายรุกรานเบียดเบียนใคร…??? แต่…“คนจีน” พร้อมไปทุกที่ที่มีโอกาส
คนจีนรุ่นนี้ต่างกับรุ่นเก่าที่หนีร้อนมาพึ่งเย็น …แต่เขาออกมา…แสวงหาความมั่งคั่งฉะนั้น….การทะนุถนอมดูแลแผ่นดินที่เข้าไปทำมาหากินจะต่างกัน...
ผมทราบมาว่า...ผู้คนในจีนที่ประสงค์ออกทำมาหากินต่างแดน มีแหล่งเงินกู้ระดับสิบล้าน ให้เข้าถึง ได้เสมอ….!!! คนจีน -ไม่กลัวการไปทำสิ่งที่ไม่คุ้นเคย -ไม่กลัวการไปยังดินแดนใหม่-ไม่กลัวความยากลำบาก -ไม่กลัวขาดทุน พร้อมออกจากคอมฟอร์ทโซนไปแสวงหาโอกาสตลอดเวลา…..“ที่สำคัญยังไม่กลัวกฎหมายประเทศนั้นๆ” นศ.จีน ที่ได้ทุนที่รัฐบาลให้ไปเรียนต่างแดน ถ้าไม่กลับบ้านและทำงานอยู่กินในดินแดนนั้นๆ ต่อ….-ไม่ต้องใช้ทุน-แถมมีทุนเพิ่ม “ให้ประกอบอาชีพ”
ถ้าเรามีตาทิพย์มองเห็น….คนจีนเป็นสี มองไปทั้งโลก เราจะเห็นว่า….ตอนนี้….สีนั้นกำลังเข้มขึ้นในทุกที่อย่างรวดเร็ว
ผมฟังเรื่องราวการเข้าแทรกซึมทางการค้าในระดับรากหญ้าของประเทศเพื่อนบ้าน มาตั้งแต่ช่วงสองปีก่อน ที่ ลาว พม่า มาเลย์ อินโด เวียดนาม เขมร ฟิลิปปินส์ ได้ยินเรื่องปัญหาความกระทบกระทั่ง แย่งงานคนท้องถิ่นเจ้าซื้อกิจการการนำสินค้ามาขายแข่งในราคาต่ำกว่า...ด้วยความที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในต่างประเทศ เพิ่งมีโอกาสได้มองสถานการณ์ไทยอย่างจริงจัง จึงได้เห็นว่าไม่ต่างกัน ที่จะต่างกันบ้าง
คือของเรายังไม่เคยเป็นเรื่องเป็นราว “รัฐบาล” ไม่เคยออกมาทำอะไร….???
“คนไทย” ยังไม่เคยโวยวายเหมือน….เวียดนาม มาเล อินโดฯ ส่วน….ลาว เขมร พม่า ฟิลิปปินส์ผมยังไม่เคยได้ยิน นี่ว่ากัน…เฉพาะในเอเชีย นะครับ ….เพราะมองทางไกลไม่เป็น….ยังนับถือแค่….“เศษเงิน” เรารู้สึกว่าเงินฝืด แต่เคยมองไปรอบๆไหมว่า ….เงินไปไหน….!!!
คนไทยที่ยากจนกำลังโดนขึงพืดรุมโทรม..เอไอแย่งงานนายทุนทำธุรกิจสะดวกซื้อครบวงจร ทุนต่างชาติเข้ามายึดแย่งสูบความมั่งคั่ง และทรัพยากร รัฐบาลบริหารไม่เฉียบขาดรวมทั้งประชาชนคนไทยเห็นแก่ตัว การเรียนการศึกษาไม่มีคุณภาพ เป็นพานิชย์ ค่ารักษาแพงโหดคุณภาพห่วย ของมอมเมาล่อลวงเยาวชนและคนไม่มีสติมีให้เข้าถึงได้ง่ายดาย ยาเสพติดอยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด ฯลฯ
อยากรอดต้องคิดสร้างสรรค์ ลงมือทำ…ไม่ขายตัวเองและทรัพย์สินทำตัวดี อดทน หนักเอา เบาสู้ ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่สร้างเรื่อง ช่วยกันสามัคคีกัน คิดถึงส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว แต่หากยังเอื่อย ไม่พร้อมก็รอรับชะตากรรมได้ ผมขอบอกให้ ปี 2570 “คนไทย” รอ…ตกงาน 600,000คน รู้เรื่องแน่นอน….!!!!
แต่ในทุกวิกฤติ มีโอกาส มองดีๆ ก็จะพบว่ายังพอมี หนทางอยู่รอดได้ ถ้าไม่เห็นแก่ตัวช่วยกัน และกล้าลงมือทำกันเถอะครับ….!!! กล้าๆ หน่อยครับ…..คนไทย......!!!
บอกตามตรง ….เมื่อนึกถึง….อนาคตของไทยผมแอบเช็ดน้ำตา...(ไม่มีชื่อผู้เขียนแต่เห็นว่ามีข้อที่น่าคิด ร่วมกัน ก็อบปี้ ส่งต่อครับ)...วิบูลย์
อรุณสวัสดิ์ครับ อ่านเรื่องราวที่ผมนำเสนอในเช้านี้แล้ว มีความรู้สึกนึกคิดอย่างไรครับ น่ากล้วนะ...ในขณะที่ทุกอย่างกำลังรุมเร้ารุกเข้ามา คนไทยยังตั้งหน้าตั้งตา กัดกัน ไม่เลิก ยกพวกเข้าถล่มกัน..เพราะคิดว่าแนวคิดของแต่ละฝ่ายถูกต้อง มันแปลกดีนะเรามีกฏหมาย แต่เหมือน กฏหมายจะไม่ทำงาน สังเกตุได้ทุกวันนี้คนไม่เกรงกลัวกฏหมายกันเลย นึกอยากจะฆ่า จะปล้น จะทำอะไร ๆ ก็ได้ ทำเลย ตำรวจต้องทำหน้าที่อย่างหนักจนรับไม่ไหวแล้ว ข่าวตำรวจปีนี้ลาออกกันเยอะนะครับ แล้วเราจะอยู่กันอย่างไร ? สำหรับผม..หมดเวลาแล้ว รอวันตายแค่นั้น ก็ได้แต่ภาวนาขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตลอดจนพระสยามเทวาธิราช ได้โปรดเมตตาช่วยประเทศไทยด้วย สาธุ สาธุ ครับ
ใช้เวลา แค่ 2 นาที “วิกฤตการณ์” ที่รุนแรงที่สุด ของประเทศไทย
อาบังก็น่ากลัว จะเอาทางใต้... อาเจ็กก็ยิ่งน่ากลัวจะกลืนทั้ง…ประเทศไทย...คนไทยรู้ตัวกันบ้างไหม…!! “ไทย” กำลังตก เป็นเมืองขึ้น
ธุรกิจดีๆในไทยส่วนใหญ่ถูก“คนจีน ยึดไปแล้ว” -โรงสี -ห้องเย็น -โรงแรม -ท่องเที่ยว -คอนโด-อสังหา -บ้านจัดสรร -ร้านอาหาร-ทุเรียน -ข้าวโพด กล้วย ข้าว ผลไม้อื่นๆ -อาหารทะเล -โรงงานผลิตสินค้าต่างๆ -ตลาดขายส่งฯลฯ ณ เวลานี้ คือ เวลาเปลี่ยนมือ “ไม่ใช่ของไทย“ แล้ว….!!!
เมื่อเขายึดได้ เขากลับเอาคนจีน เขาเข้ามาทำงาน งานของคนไทย ที่อยู่เดิมค่อยๆ ”หลุดจากวงโคจร“ คนไทยเกือบครึ่งของคนที่มีงานทำวันนี้กำลังจะตกงานในปี 2570 คนไทยเจ้าของแผ่นดินกำลังจะไม่มีกิน
เดิมผมเคยเขียนเรื่อง….…เอไอ…แย่งงานคนไทย วันนี้ ผมเจอ เรื่องที่เร็ว แรง และชัดเจนกว่านั้นคือ“คน และ ทุนจีน”ครับ….กำลังกลืน….ประเทศไทย โรงสีใหญ่ในหกจังหวัดภาคกลางกว่าครึ่ง …จีนซื้อไปแล้ว…!!! โรงแรม เกือบครึ่งใน เมืองท่องเที่ยวหลักของไทย “เป็นของคนจีน”
คอนโดเปิดใหม่ในทำเลทองหลายแห่ง ลูกค้ารายใหญ่ คือ….“คนจีน” ห้องเย็นรายเล็ก ที่มหาชัยเป็นของคนจีนเกือบร้อยแห่ง ตลาดสำเพ็ง -พันทิพย์ -สี่มุมเมือง -ตลาดไท ฯลฯ.....“เจ้าของร้าน” หน้าใหม่เป็นคนจีน รร. ในพัทยา -ภูเก็ต -สุราษฎร์ฯ -ขอนแก่น -เชียงใหม่ -เชียงราย “ก็เสร็จ คนจีน”
“ทุเรียน” วันนี้ที่จันทบุรี ไปดูเอาเองครับ ฟาร์มกล้วยไม้ ผลไม้ กุ้ง ปลา....….จาระไนไม่หมด….เขามาซื้อแพงกว่าราคาปกตินะครับ แผงเซ้งกัน 30,000 เขามาบอกขอเซ้ง 50,000 เป็นเรายอมไหม…? -คอนโดขายกัน 2 ล้าน คนไทยต่อ เหลือล้านแปด เขามาบอกให้….สองล้านห้า….
นโยบาย และ แผนงานรัฐบาลจีน “ไม่ได้น่ากลัว” แต่เป็นความขยันและพลังทุนมหาศาลของ“นักธุรกิจจีน” ต่างหาก...รัฐบาลไม่มีนโยบายรุกรานเบียดเบียนใคร…??? แต่…“คนจีน” พร้อมไปทุกที่ที่มีโอกาส
คนจีนรุ่นนี้ต่างกับรุ่นเก่าที่หนีร้อนมาพึ่งเย็น …แต่เขาออกมา…แสวงหาความมั่งคั่งฉะนั้น….การทะนุถนอมดูแลแผ่นดินที่เข้าไปทำมาหากินจะต่างกัน...
ผมทราบมาว่า...ผู้คนในจีนที่ประสงค์ออกทำมาหากินต่างแดน มีแหล่งเงินกู้ระดับสิบล้าน ให้เข้าถึง ได้เสมอ….!!! คนจีน -ไม่กลัวการไปทำสิ่งที่ไม่คุ้นเคย -ไม่กลัวการไปยังดินแดนใหม่-ไม่กลัวความยากลำบาก -ไม่กลัวขาดทุน พร้อมออกจากคอมฟอร์ทโซนไปแสวงหาโอกาสตลอดเวลา…..“ที่สำคัญยังไม่กลัวกฎหมายประเทศนั้นๆ” นศ.จีน ที่ได้ทุนที่รัฐบาลให้ไปเรียนต่างแดน ถ้าไม่กลับบ้านและทำงานอยู่กินในดินแดนนั้นๆ ต่อ….-ไม่ต้องใช้ทุน-แถมมีทุนเพิ่ม “ให้ประกอบอาชีพ”
ถ้าเรามีตาทิพย์มองเห็น….คนจีนเป็นสี มองไปทั้งโลก เราจะเห็นว่า….ตอนนี้….สีนั้นกำลังเข้มขึ้นในทุกที่อย่างรวดเร็ว
ผมฟังเรื่องราวการเข้าแทรกซึมทางการค้าในระดับรากหญ้าของประเทศเพื่อนบ้าน มาตั้งแต่ช่วงสองปีก่อน ที่ ลาว พม่า มาเลย์ อินโด เวียดนาม เขมร ฟิลิปปินส์ ได้ยินเรื่องปัญหาความกระทบกระทั่ง แย่งงานคนท้องถิ่นเจ้าซื้อกิจการการนำสินค้ามาขายแข่งในราคาต่ำกว่า...ด้วยความที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในต่างประเทศ เพิ่งมีโอกาสได้มองสถานการณ์ไทยอย่างจริงจัง จึงได้เห็นว่าไม่ต่างกัน ที่จะต่างกันบ้าง
คือของเรายังไม่เคยเป็นเรื่องเป็นราว “รัฐบาล” ไม่เคยออกมาทำอะไร….???
“คนไทย” ยังไม่เคยโวยวายเหมือน….เวียดนาม มาเล อินโดฯ ส่วน….ลาว เขมร พม่า ฟิลิปปินส์ผมยังไม่เคยได้ยิน นี่ว่ากัน…เฉพาะในเอเชีย นะครับ ….เพราะมองทางไกลไม่เป็น….ยังนับถือแค่….“เศษเงิน” เรารู้สึกว่าเงินฝืด แต่เคยมองไปรอบๆไหมว่า ….เงินไปไหน….!!!
คนไทยที่ยากจนกำลังโดนขึงพืดรุมโทรม..เอไอแย่งงานนายทุนทำธุรกิจสะดวกซื้อครบวงจร ทุนต่างชาติเข้ามายึดแย่งสูบความมั่งคั่ง และทรัพยากร รัฐบาลบริหารไม่เฉียบขาดรวมทั้งประชาชนคนไทยเห็นแก่ตัว การเรียนการศึกษาไม่มีคุณภาพ เป็นพานิชย์ ค่ารักษาแพงโหดคุณภาพห่วย ของมอมเมาล่อลวงเยาวชนและคนไม่มีสติมีให้เข้าถึงได้ง่ายดาย ยาเสพติดอยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด ฯลฯ
อยากรอดต้องคิดสร้างสรรค์ ลงมือทำ…ไม่ขายตัวเองและทรัพย์สินทำตัวดี อดทน หนักเอา เบาสู้ ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่สร้างเรื่อง ช่วยกันสามัคคีกัน คิดถึงส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว แต่หากยังเอื่อย ไม่พร้อมก็รอรับชะตากรรมได้ ผมขอบอกให้ ปี 2570 “คนไทย” รอ…ตกงาน 600,000คน รู้เรื่องแน่นอน….!!!!
แต่ในทุกวิกฤติ มีโอกาส มองดีๆ ก็จะพบว่ายังพอมี หนทางอยู่รอดได้ ถ้าไม่เห็นแก่ตัวช่วยกัน และกล้าลงมือทำกันเถอะครับ….!!! กล้าๆ หน่อยครับ…..คนไทย......!!!
บอกตามตรง ….เมื่อนึกถึง….อนาคตของไทยผมแอบเช็ดน้ำตา...(ไม่มีชื่อผู้เขียนแต่เห็นว่ามีข้อที่น่าคิด ร่วมกัน ก็อบปี้ ส่งต่อครับ)...วิบูลย์
อรุณสวัสดิ์ครับ อ่านเรื่องราวที่ผมนำเสนอในเช้านี้แล้ว มีความรู้สึกนึกคิดอย่างไรครับ น่ากล้วนะ...ในขณะที่ทุกอย่างกำลังรุมเร้ารุกเข้ามา คนไทยยังตั้งหน้าตั้งตา กัดกัน ไม่เลิก ยกพวกเข้าถล่มกัน..เพราะคิดว่าแนวคิดของแต่ละฝ่ายถูกต้อง มันแปลกดีนะเรามีกฏหมาย แต่เหมือน กฏหมายจะไม่ทำงาน สังเกตุได้ทุกวันนี้คนไม่เกรงกลัวกฏหมายกันเลย นึกอยากจะฆ่า จะปล้น จะทำอะไร ๆ ก็ได้ ทำเลย ตำรวจต้องทำหน้าที่อย่างหนักจนรับไม่ไหวแล้ว ข่าวตำรวจปีนี้ลาออกกันเยอะนะครับ แล้วเราจะอยู่กันอย่างไร ? สำหรับผม..หมดเวลาแล้ว รอวันตายแค่นั้น ก็ได้แต่ภาวนาขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตลอดจนพระสยามเทวาธิราช ได้โปรดเมตตาช่วยประเทศไทยด้วย สาธุ สาธุ ครับ
- ไฟล์แนบ
-
- 457165875_1251960539129926_5916107557279999775_n (1).jpg (76.08 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
-
- ร่างกายคือ รังของโรค เมื่อยังมีลมหายใจก็ต้องดูแลไม่ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรมเพราะเรายังมีกำลังที่จะดูแล ๖ ก.ย.ไปรพ.มหาราช(สวนดอก) ตรวจติดตามผลการผ่าตัดลำไส้
๑๐ ก.ย.รพ.ประสาท ตรวจติดตามผลการรักษาอาการสโตรกและหัวใจเต้นผิดปกติ ใจสั่นหน้ามืดบ่อยครั้ง
ผลทั้ง ๒ รพ.ยังคงต้องเฝ้าระวังหมอให้ยามาทาน แล้วนัด ๓ เดือนไปตรวจถ้ายังไม่ดีขึ้นอาจต้องเปลี่ยนแนวทางรักษาต่อไป สงสารคนจน ๆ ที่ไม่มีเวลา และเงินทองที่จะเดินทางไปรับการรักษาผมเจอผู้คนตามชนบท(ที่ไปปั่นท่องเที่ยวมา) ได้พบได้สนทนากับคนเหล่านั้น เขาก็อยู่กันไปรักษากันไปตามมีตามเกิด ไม่เดือดร้อนเรียกว่ายอมรับชะตากรรม ชื่นชมในน้ำอดน้ำทนและเข้าใจชีวิต พรหมลิขิตในโชคชะตาสุดยอดจริง ๆ ก็ได้แต่ภาวนาขอให้เขาปลอดภัยและได้รับโอกาสเข้าถึงการรักษาด้วย - 458512602_1746146645919303_8099144421309885490_n.jpg (83.73 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
- ร่างกายคือ รังของโรค เมื่อยังมีลมหายใจก็ต้องดูแลไม่ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรมเพราะเรายังมีกำลังที่จะดูแล ๖ ก.ย.ไปรพ.มหาราช(สวนดอก) ตรวจติดตามผลการผ่าตัดลำไส้
-
- 455814492_839604034570864_3382822676805119686_n.jpg (45.18 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
-
- cats๗๐.JPG (121.1 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
-
- cats๗๑.๑.JPG (93.92 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
-
- cats๗๑.๒.JPG (108.12 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
-
- cats๗๑.๓.JPG (106.06 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
-
- cats๗๑.๔.JPG (95.04 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
-
- cats๗๑.๕.JPG (100.94 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
-
- cats๗๑.๖.JPG (122.02 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
-
- เราไปกันต่อที่วัด พงษ์สุนันท์ ซึ่งอยู่ติด ๆ กันไม่ไกลครับ
วัดพงษ์สุนันท์ เป็นวัดในเขตกำแพงเมือง จังหวัดแพร่ อยู่ที่บ้านพงษ์สุนันท์ ตำบลในเวียง ชื่อเดิมว่า วัดปงสนุก เดิมเป็นวัดร้าง ทางทิศใต้ของวัดมีสระน้ำและมีรูปปั้นเต่า โดยมีตำนานเล่าว่า นางคำพวนชาวพม่าได้ลงไปในสระเพราะอยากได้เต่าและจมน้ำตาย เพื่อนของนางชื่อส่างตาดจึงสร้างเจดีย์และรูปเต่าสี่ตัวรอบเจดีย์เพื่อระลึกถึงเพื่อน ในพ.ศ. 2472 พ่อเจ้าบุรีศรีปัญญาได้บูรณะวิหาร แต่ต่อมาถูกไฟไหม้และน้ำท่วมจนเสียหาย พญาบุรีรัตน์จึงได้บูรณะใหม่โดยมีหลวงพงษ์พิบูลย์และเจ้าสุนันตาเป็นศรัทธาหลักใน พ.ศ. 2477 วัดนี้จึงได้ชื่อว่าวัดพงษ์สุนันท์ ได้วิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2499 ภายในวัดมีพระนอนกลางแจ้งริมกำแพงเป็นเอกลักษณ์ของวัด
-
- cats๗๒.๒.jpg (92.89 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
-
- cats๗๒.๐.jpg (65.19 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
-
- ออกจากวัดพงษ์สุนันท์หน้าวัดเป็นร้านกาแฟ...น้ำลายหกเพราะเช้านี้ยังไม่ได้สักแก้วเลย เราพากันเข้าไปสั่งกาแฟสดดื่มกันคนละแก้ว หนูน้อยสั่งนมเย็นมาดื่ม สดชื่นกันครับ ประมาณจะกลับที่พักเตรียมตัวกลับบ้านเราเลย...บังเอิญน้อง ๆ ในร้านมาคุยด้วยได้แนะนำว่ายังมีอีกวัดใกล้ ๆ นี่ละคือวัดศรีชุม ห้ามพลาดนะ(เขาบอกกัน) เราก็เลยได้ไปชมวัดศรีชุมถือเป็นโชคนะครับ
-
- cats๗๒.JPG (96.66 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
-
- วัดศรีชุมเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดของจังหวัดแพร่ สร้างเมื่อปี พ.ศ. 1322 มีอายุนับพันปี ซึ่งมีมาก่อนการสร้างเมืองแพร่ ในอดีตนั้นวัดศรีชุมเป็นวัดที่มีความงดงามมากเจดีย์หุ้มด้วยทองคำ เวลาต่อมามีกองทัพพม่าบุกมายึดอาณาจักรล้านนาแล้วยกทัพบุกเมืองแพร่ ได้เผาทำลายวัดและลอกเอาทองคำจากเจดีย์ไปด้วยและจากการบุกเมืองแพร่คราวนั้นทำให้วัดศรีชุมกลายเป็นวัดร้าง ภายในวิหารวัดศรีชุมเป็นที่ประดิษฐานพระยืน ชาวบ้านเรียกกันว่า “พระเจ้ายืน” เป็นพระยืนในวิหารที่มีความสูงมากที่สุดของจังหวัดแพร่
พระพุทธรูปปางประทับยืน ศิลปะสุโขทัยผสมศิลปะพื้นเมือง เป็นพระพุทธรูปประจำวัดศรีชุม เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1322 มีอายุนับพันปี สร้างขึ้นพร้อมๆกับวัดศรีชุม พระพุทธรูปองค์นี้มีขนาดใหญ่สูงตระหง่านอยู่ในวิหาร มีการบูรณะพระเจ้ายืนเมื่อปี พ.ศ. 1900 พระเจ้ายืนเป็นที่เคารพและศรัทธาของประชาชนชาวแพร่อย่างมาก เชื่อกันว่าถ้ามาขอพรพระเจ้ายืนก็มักจะสำเร็จสมดังปรารถนา ภายในวัดยังพระเจดีย์ เป็นศิลปะสมัยล้านนา สร้างประมาณศตวรรษที่ 20 เป็นเจดีย์ทรงปราสาทยอดทรงระฆังแบบล้านนา ฐานย่อมุม 28 กว้างด้านละ 5 วา ด้านบนมีซุ้มจรนัมภายในประดิษฐานพระพุทธรูป
จากการบันทึกหลักฐานทางประวัติศาสตร์วัดศรีชุมกล่าวไว้ว่า อุปราชเมืองสุโขทัย ซึ่งเสด็จมาสร้างเจดีย์ช่อแพร(พระธาตุช่อแฮ) ตอนที่ทรงมาพำนักที่คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่(สมัยเจ้าเทพวงศ์หรือเจ้าหลวงลื้นทอง) และทรงเห็นทำเลทิศตะวันตกของคุ้มมีซากเจดีย์เก่า สถานที่ร่มรื่นเหมาะที่ที่จะสร้างพุทธสถานให้คณะสงฆ์บำเพ็ญวิปัสสนาจึงพร้อมใจกันกับเจ้าเมืองแพร่บูรณะวัดขึ้นตามลักษณะวัดสมัยสุโขทัย ในครั้งนั้นได้บูรณะเจดีย์ สร้างพระวิหารพระยืน กำแพงวัดด้านหน้าซึ่งเป็นรูปปั้นรูปเทพนมสลับกับแจกันดอกไม้ ปั้นรูปฤๅษีบำเพ็ญตบะไว้ด้านหน้าประตูทางเข้าและบนจั่วหน้าวิหาร โดยใช้ช่างฝีมือดีจากเมืองพางคำหรือเมืองเชียงแสน และขนานนามว่า “วัดศรีชุม” มีงานฉลองสมโภชวัด 7 วัน 7 คืน
ข้อมูลจาก มิวเซียมไทยแลนด์
-
- ออกจากวัดศรีชุมเรากลับที่พักเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับสารภี เชียงใหม่บ้านของเราต่อไป(หมดเวลา) ปรากฏหลงทางพากันปั่นวนวกไป-วนมา เรียกว่าเสียเวลาไปเยอะ แต่ก็เป็นโชคที่ไปได้เจอะเจออีกหลากหลายเรื่องราวที่น่าจดจำ ในที่สุดต้องพึ่ง GPS. เรียกหาสิริ ให้พากลับ รร.ที่พัก (๕๕๕ ครั้งแรกคุณนายมั่นใจว่าจำทางได้) แพร่เห็นว่าเมืองเล็ก ๆ แต่วกไปวนมาพาหลงจนได้
- หยุดยาว ๒๗-๒๙ ก.ค.๖๗ เที่ยวเมืองโบราณ (419).JPG (127.32 KiB) เข้าดูแล้ว 181 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024