......จักรยานธุดงค์..........

ห้องนี้เทียบได้กับ "ห้องนั่งเล่น" ในกระดานเดิมนะครับ
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4373
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »


:) :D ชาวต่างชาติชื่นชมไทย หลัง CNN บรรยายข่าวสงกรานต์ไทยที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก | EVERGREEN :) :D
ไฟล์แนบ
437803848_993253458847062_8193323257484011686_n.jpg
437803848_993253458847062_8193323257484011686_n.jpg (142.52 KiB) เข้าดูแล้ว 392 ครั้ง
437858469_1098806451171892_1181672329975196949_n.jpg
437858469_1098806451171892_1181672329975196949_n.jpg (107.51 KiB) เข้าดูแล้ว 392 ครั้ง
437910444_834287255199263_4166785698699362353_n.jpg
437882044_2048330938870261_8392099691866739400_n.jpg
437882044_2048330938870261_8392099691866739400_n.jpg (137.08 KiB) เข้าดูแล้ว 392 ครั้ง
437864710_1519554505576271_7404456016890261594_n.jpg
437947958_1090604228722631_7032081246518393541_n.jpg
437947958_1090604228722631_7032081246518393541_n.jpg (141.46 KiB) เข้าดูแล้ว 392 ครั้ง
437802614_413504984632153_1863235745631034164_n.jpg
437802614_413504984632153_1863235745631034164_n.jpg (119.49 KiB) เข้าดูแล้ว 392 ครั้ง
437790027_912094013726858_2939030497372239377_n.jpg
437846254_947849543472135_5989935191170629390_n.jpg
437870519_805519288164816_1494975410947789926_n.jpg
435885142_756767479882885_99872694875237195_n.jpg
437922516_3629151563991375_2928709969673498706_n.jpg
437803644_1800860020339912_6225081857334968709_n.jpg
437803644_1800860020339912_6225081857334968709_n.jpg (114.13 KiB) เข้าดูแล้ว 392 ครั้ง
437790033_354458874294600_47292072794337125_n.jpg
437790033_354458874294600_47292072794337125_n.jpg (144.99 KiB) เข้าดูแล้ว 392 ครั้ง
437796720_3536418793265019_6344230529609782754_n.jpg
437905258_2867348820084199_3287501526878984075_n.jpg
437905258_2867348820084199_3287501526878984075_n.jpg (118.99 KiB) เข้าดูแล้ว 392 ครั้ง
437937659_3727038157617057_7800799723610625186_n.jpg
438137581_429950656442901_8609914083567206189_n.jpg
435785611_3809277196065529_7353439337909666043_n (1).jpg
435785611_3809277196065529_7353439337909666043_n (1).jpg (116.07 KiB) เข้าดูแล้ว 392 ครั้ง
อันเนื่องด้วยวาระดิถีปีใหม่ไทย ๒๕๖๗ นี้ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยจงดลบันดาล ให้ญาติธรรมทุกท่านทุกคน จงประสบแต่ความสุขความเจริญ ทั้งลาภ ยศ สรรเสริญ อย่าเจ็บ อย่าไข้ และอย่าจน ขอให้ผ่านอุปสรรคนานา ในภาวะที่ย่ำแย่เช่นปัจจุบันนี้ และกรรมใด ๆ ที่กระผมได้กระทำต่อท่านทั้งหลายด้วยกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง ทั้งในชาตินี้หรืออดีตชาติที่ล่วงมานานนับกัปนับกัลป์ ขอทุกท่านได้โปรดอโหสิกรรมให้กระผมด้วย เพื่อจะได้ไม่เป็นนิวรณธรรมในการสู่วิมุติธรรม ต่อไป เช่นเดียวกันกระผมขออโหสิกรรมให้เจ้ากรรมนายเวรทุกท่านทุกคนเช่นกัน <br /><br />สุขสันต์วันปีใหม่ครับ สวัสดีมีโชคมีชัยครับ.
อันเนื่องด้วยวาระดิถีปีใหม่ไทย ๒๕๖๗ นี้ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยจงดลบันดาล ให้ญาติธรรมทุกท่านทุกคน จงประสบแต่ความสุขความเจริญ ทั้งลาภ ยศ สรรเสริญ อย่าเจ็บ อย่าไข้ และอย่าจน ขอให้ผ่านอุปสรรคนานา ในภาวะที่ย่ำแย่เช่นปัจจุบันนี้ และกรรมใด ๆ ที่กระผมได้กระทำต่อท่านทั้งหลายด้วยกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง ทั้งในชาตินี้หรืออดีตชาติที่ล่วงมานานนับกัปนับกัลป์ ขอทุกท่านได้โปรดอโหสิกรรมให้กระผมด้วย เพื่อจะได้ไม่เป็นนิวรณธรรมในการสู่วิมุติธรรม ต่อไป เช่นเดียวกันกระผมขออโหสิกรรมให้เจ้ากรรมนายเวรทุกท่านทุกคนเช่นกัน

สุขสันต์วันปีใหม่ครับ สวัสดีมีโชคมีชัยครับ.
437954372_439269381980209_7110294125271201531_n.jpg (53.84 KiB) เข้าดูแล้ว 392 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4373
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D พ่อแม่ คนที่โง่ที่สุดในโลก
1. มีของอร่อยๆ แม้อยากกิน และกินได้ ก็ไม่ยอมกิน แต่อุตส่าห์เก็บไว้ให้ลูกได้กินกันอย่างเอร็ดอร่อย

2. หาเงินได้ตั้งมากมาย ไม่ใช้เพื่อความสุขให้ตัวเอง กลับเก็บไว้ให้ลูกๆ ได้เล่าเรียนศึกษาในโรงเรียนดี จบสูงๆ และเก็บสะสมไว้ให้เป็นสมบัติตกทอด ลูกๆ จะได้ไม่ลำบากเหมือนตัวเอง

3. รถดีๆ หรูๆ ราคาแพง มีตั้งมากมายให้ซื้อหามาใช้สอย ทั้งๆ ที่มีเงินที่หามาค่อนชีวิต กลับใช้รถคันเก่าผุๆ พังๆ ไม่ยอมเปลี่ยน แต่พอลูกอยากได้รถรุ่นใหม่ ราคาเท่าไร ก็ซื้อให้ โดยไม่คิดสักนิดเดียว

4. ตัวเองเจ็บไข้ได้ป่วย มักพูดเสมอว่า “ป่วยนิดเดียวเอง เดี๋ยวก็หาย" แต่กับลูก แค่ตัวร้อนนิดเดียว รีบตาลีตาเหลือก บึ่งรถพาไปหาหมอในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดทันที

5. ตัวเองนอนตรงไหนก็ได้ เพราะคุ้นเคยกับการนอนแบบนี้มานาน แต่ลูกต้องนอนบ้านหลังใหญ่ๆ ห้องนอนดีๆ แอร์เย็นๆ ลูกจะได้สบาย และไม่อายใคร

6. ทรัพย์สินเงินทองที่อุตสาห์หามาทั้งชีวิต ก็มักประเคนให้ลูกๆ จนหมด ตัวเองกลับใช้จ่ายอย่างประหยัด และมักอ้างว่า “อายุมากแล้ว ไม่ต้องใช้อะไรเยอะแยะหรอก”

7. วันหนึ่งๆ ได้แต่นั่งเป็นห่วงลูก กลัวจะเป็นอันตราย ตั้งแต่ตอนเรียน จนเข้าสู่วัยทำงาน เลยไปจนกระทั่งลูกแต่งงาน มีครอบครัว ส่วนลูกจะห่วงพ่อแม่หรือเปล่า ท่านไม่สนใจหรอก แค่ลูกๆ มีความสุข ปลอดภัย ก็พอแล้ว

8. ทุกครั้งที่ลูก พร้อมครอบครัวมาเยี่ยมที่บ้าน พ่อแม่จะดีใจจนออกหน้าออกตา ตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก มีอะไรอร่อยๆ ก็ขนมาให้กินจนหมด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ท่านไปหาครอบครัวลูกที่บ้าน ลูกกลับไม่ค่อยพอใจเท่าไรที่ไม่บอกก่อนล่วงหน้า

9. พ่อแม่หลายคน ไม่มีอำนาจใดๆ แต่กับลูก ท่านพร้อมที่จะปกป้องด้วยชีวิต โดยไม่ห่วงตัวเองแม้แต่น้อยนิด พ่อแม่นี่ โง่จริงๆ เรายังมีเรื่องที่ติดค้างคนโง่สองคนนี้อีกมากมาย ที่ไม่มีพื้นที่จะให้บรรยายได้หมด หากคนโง่สองคนนี้ของเรายังมีชีวิตอยู่ หมั่นกลับไปเยี่ยม และใช้คืนบางอย่าง ที่จะทำให้พวกท่านสองคน มีความสุขบ้างนะ

@ผู้ติดตาม ดร.พนม ปีย์เจริญ
:) :D

:)มีเรื่องราวดี ๆ ได้ให้ติดตามเชิญคลิ๊กเข้าไปศึกษาหาความรู้ได้เลยครับ โชคดีนะครับ :)

:) :D viewtopic.php?t=1772820&start=975 :) :D
ไฟล์แนบ
437893359_260232333747267_518085330527361587_n.jpg
437893359_260232333747267_518085330527361587_n.jpg (83.99 KiB) เข้าดูแล้ว 331 ครั้ง
438065270_455727696796286_878952205824385687_n.jpg
438065270_455727696796286_878952205824385687_n.jpg (65.94 KiB) เข้าดูแล้ว 331 ครั้ง
437909436_400059256164280_3290235066178675197_n.jpg
437909436_400059256164280_3290235066178675197_n.jpg (126.12 KiB) เข้าดูแล้ว 331 ครั้ง
437934078_449885180936293_5677200343359543280_n.jpg
437934078_449885180936293_5677200343359543280_n.jpg (44.66 KiB) เข้าดูแล้ว 331 ครั้ง
วันที่ 15 เมษายน เป็นวันเถลิงศกหรือวันพญาวัน เป็นวันที่ผู้คนพากันเข้าวัด ทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลแก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว มีการรดน้ำดำหัว ขอพรจากผู้สูงอายุ ผู้อาวุโสในชุมชน ก่อเจดีย์ทราย เล่นสาดน้ำของหนุ่มสาว เป็นโอกาสสำคัญที่หนุ่มสาวจะได้พบปะกันพูดคุยกัน<br /><br />เช้านี้ได้พาหลานไปวัดเพื่อตามรีตรอยประเพณี ทำบุญ ขนทรายเข้าวัด ปล่อยนกปล่อยปลา ที่วัดปากกอง สารภี (วัดประจำหมู่บ้าน)
วันที่ 15 เมษายน เป็นวันเถลิงศกหรือวันพญาวัน เป็นวันที่ผู้คนพากันเข้าวัด ทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลแก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว มีการรดน้ำดำหัว ขอพรจากผู้สูงอายุ ผู้อาวุโสในชุมชน ก่อเจดีย์ทราย เล่นสาดน้ำของหนุ่มสาว เป็นโอกาสสำคัญที่หนุ่มสาวจะได้พบปะกันพูดคุยกัน

เช้านี้ได้พาหลานไปวัดเพื่อตามรีตรอยประเพณี ทำบุญ ขนทรายเข้าวัด ปล่อยนกปล่อยปลา ที่วัดปากกอง สารภี (วัดประจำหมู่บ้าน)
437790030_994337445414874_1029221610897038789_n.jpg (160.94 KiB) เข้าดูแล้ว 331 ครั้ง
หลังจากทำบุญตามประเพณีที่วัด กลับบ้านก็พากันสรงน้ำพระประจำบ้าน
หลังจากทำบุญตามประเพณีที่วัด กลับบ้านก็พากันสรงน้ำพระประจำบ้าน
cats ๑.jpg (173.88 KiB) เข้าดูแล้ว 331 ครั้ง
437899819_1200262887629069_4449370200123962157_n.jpg
437899819_1200262887629069_4449370200123962157_n.jpg (63.69 KiB) เข้าดูแล้ว 331 ครั้ง
หลานรักรดน้ำดำหัวตามประเพณี ขอให้หลานจงเจริญในธรรม เรียนหนังสือให้เก่งเป็นหมอให้ได้นะครับ จะได้ช่วยคนที่เจ็บป่วย
หลานรักรดน้ำดำหัวตามประเพณี ขอให้หลานจงเจริญในธรรม เรียนหนังสือให้เก่งเป็นหมอให้ได้นะครับ จะได้ช่วยคนที่เจ็บป่วย
437926665_1354134268607540_3357290411404813706_n.jpg (79.19 KiB) เข้าดูแล้ว 331 ครั้ง
ช่วงบ่ายพาไปวัดสันป่าสัก รดน้ำดำหัวพ่อ แม่ครูบาอาจารย์ และร่วมกันทอดผ้าป่าสามัคคีสมทบทุนสร้างซ่อมแซมอาคารที่ชำรุด
ช่วงบ่ายพาไปวัดสันป่าสัก รดน้ำดำหัวพ่อ แม่ครูบาอาจารย์ และร่วมกันทอดผ้าป่าสามัคคีสมทบทุนสร้างซ่อมแซมอาคารที่ชำรุด
437956140_454966200214935_1949514038109758565_n.jpg
435946401_2774813049338146_4205152917050553286_n.jpg
437783953_7013912902046045_373060491475267750_n.jpg
437783953_7013912902046045_373060491475267750_n.jpg (84.46 KiB) เข้าดูแล้ว 331 ครั้ง
435894921_1483146282617471_7876777012789485731_n.jpg
436915983_733118812318911_4542941975046996827_n.jpg
436915983_733118812318911_4542941975046996827_n.jpg (144.12 KiB) เข้าดูแล้ว 331 ครั้ง
437887556_339051272514423_2945470155544539855_n.jpg
437887556_339051272514423_2945470155544539855_n.jpg (111.91 KiB) เข้าดูแล้ว 331 ครั้ง
437858381_822250463058903_1554572129014272270_n.jpg
437858381_822250463058903_1554572129014272270_n.jpg (122.7 KiB) เข้าดูแล้ว 331 ครั้ง
437893351_753824450191029_3979864505997174314_n.jpg
437893351_753824450191029_3979864505997174314_n.jpg (123.11 KiB) เข้าดูแล้ว 331 ครั้ง
437905260_687092633450838_1686671443896071392_n.jpg
437909436_400059256164280_3290235066178675197_n.jpg
437909436_400059256164280_3290235066178675197_n.jpg (126.12 KiB) เข้าดูแล้ว 331 ครั้ง
437910429_7559955024118640_2893485051118623272_n.jpg
437910429_7559955024118640_2893485051118623272_n.jpg (123.48 KiB) เข้าดูแล้ว 331 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4373
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:( :( เพื่อรำลึกถึงงานที่เคยร่วมชะตากรรมด้วยกันมา วันนี้เวลานี้ จะเห็นได้ว่า "น่าจะรุนแรงยิ่งกว่าอดีตที่ผ่านมา ในอดีตส่วนตัวผมนะ....คิดว่ามันก็ชอกช้ำพอ ๆ กัน แต่วันนี้เวลานี้ น่าจะเละกว่า ผมเห็นกลอนที่เขียนแล้วเผยแพร่ในกลุ่มข้าราชการ ตร.อ่านแล้วได้อารมณ์ อยากจะเก็บมาให้ผู้คนได้เห็นว่า "ชีวิตการงานของ ตร.กว่าจะโตได้มันไม่ง่ายเลย" ไปดูครับ :lol: :lol:

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ : เป็นหน่วยงานที่บุคลากรต้องวิ่งตลอดอายุราชการ

ตำรวจหนอ ต.ตำรวจ ประกวดวิ่ง
คือเรื่องจริง วิ่งวุ่นหา ล่าตำแหน่ง
ทุกหน่วยงาน ราชการ อย่าหาญแซง
ต้องออกแรง แข่งตลอด ห้ามถอดใจ

มีหน่วยงาน ราชการ กันมากเกลื่อน
ไม่อาจเหมือน หน่วย ตร. ท้อบ้างไหม
เป็นองค์กร สอนการวิ่ง ไม่นิ่งใจ
เห็นเมื่อไร ใฝ่แต่วิ่ง ไม่นิ่งกัน

ต่างวิ่งไป ใคร่วิ่งอยู่ ผู้วิ่งกลับ
วิ่งลงครับ รับวิ่งข้าม วิ่งตามฝัน
ผมวิ่งออก บอกวิ่งเข้า วิ่งเมามัน
วิ่งให้ทัน พลันข้ามหัว วิ่งทั่วงาน

จะวิ่งมา ว่าวิ่งไป วิ่งใหญ่ขึ้น
จงอย่าฝืน พอยืนไหว ให้อาจหาญ
ตำแหน่งใหญ่ ที่ได้มา หาทนทาน
เป็นเพียงการ หารสมบัติ ผลัดกันชม

ตำแหน่งใหญ่ ที่ได้มา ค่าเป็นทรัพย์
คณานับ หาจับจ่าย เพื่อไต่เต้า
เหมาะหรือไม่ ใช่หรือเปล่า รู้เขาเรา
อย่ามัวเมา เขาสมมุติ ผุดขึ้นมา

เป็นองค์กร ที่วิ่งว่อน ค่อนชีวิต
อยู่ไม่ติด ฤทธิ์ต้องสูง มุ่งไปหน้า
ใครถอดใจ ปล่อยเป็นไป ตามชะตา
ถูกเตะผ่า ว่าโดนเสียบ เหยียบหัวจม

Cr.ท่านภาคภูมิ
:) :D



:lol: :lol: “รักคำราม” สารตั้งต้น “เชื่อมจิต”?? ใคร “บิด” พระไตรปิฎก? lเคลียร์ ชัด ชัดl EP.348l 1พ.ค.67 :o :o
ไฟล์แนบ
89 ปี ชาวล้านนาไม่มีวันลืมเลือน 30 เมษายน ครูบาเจ้าศรีวิชัย เปิดถนนขึ้นดอยสุเทพครั้งแรก<br /><br />ย้อนรอยประวัติศาสตร์ล้านนา วันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2478 หรือ 89 ปีก่อน คือวันประวัติศาสตร์วันหนึ่งของชาวล้านนา เป็นวันเปิดถนนให้รถขึ้นดอยสุเทพเป็นครั้งแรก ซึ่งพิธีประดิมถนนครั้งแรก โดย ครูบาศีวิชัย, ครูบาเถิ้ม หลวงศรีประกาศ, เถ้าแก่โหงว และบุคคลอื่น ๆ ที่มีส่วนร่วมในการสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพ <br /><br />ซึ่งในอดีตการเดินทางขึ้นไปนมัสการองค์พระธาตุดอยสุเทพฯ เป็นไปด้วยความลำบาก ครูบาศรีวิชัย พร้อมด้วยเจ้านายฝ่ายเหนือและคหบดีเมืองเชียงใหม่ จึงได้ปรึกษาหารือกัน เพื่อสร้างถนนขึ้นสู่ดอยสุเทพ โดยได้ถือเอาฤกษ์ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2477 เป็นพิธีลงจอบแรกในการบุกเบิกสร้างทาง โดยครูบาเถิ้มรับหน้าที่แผ้วผาง บุกเบอกเส้นทาง พร้อมกับขุนกัณฑ์ ชนะนนท์<br /><br />โดยระยะทางขึ้นสู่ดอยสุเทพฯ สำเร็จลุล่วง ด้วยระยะทาง 11 กิโลเมตร กับอีก 530 เมตร จากแรงกายแรงใจ และแรงศรัทธาของประชาชนเรือนหมื่น ที่หลั่งไหลมาจากหลายจังหวัด อาทิ ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน เชียงราย พะเยา แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก สุโขทัย พิษณุโลก เชียงแสน ตลอดจนแถบชายแดนพม่า ได้ร่วมใจกันสร้างโดยใช้ระยะเวลาเพียง 5 เดือน กับอีก 22 วัน ซึ่งการประเดิมเส้นทางครั้งแรกใช้รถยนต์ของเถ้าแก่โหงว แล้วอาราธนานิมนต์ครูบาศรีวิชัย นั่งขับขึ้นสู่ดอยสุเทพ ในวันที่ 30 เมษายน 2478 พร้อมทั้งจัดพิธีฉลองสมโภชอีก 15 วัน 15 คืน<br /><br />#เชียงใหม่นิวส์ #chiangmainews
89 ปี ชาวล้านนาไม่มีวันลืมเลือน 30 เมษายน ครูบาเจ้าศรีวิชัย เปิดถนนขึ้นดอยสุเทพครั้งแรก

ย้อนรอยประวัติศาสตร์ล้านนา วันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2478 หรือ 89 ปีก่อน คือวันประวัติศาสตร์วันหนึ่งของชาวล้านนา เป็นวันเปิดถนนให้รถขึ้นดอยสุเทพเป็นครั้งแรก ซึ่งพิธีประดิมถนนครั้งแรก โดย ครูบาศีวิชัย, ครูบาเถิ้ม หลวงศรีประกาศ, เถ้าแก่โหงว และบุคคลอื่น ๆ ที่มีส่วนร่วมในการสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพ

ซึ่งในอดีตการเดินทางขึ้นไปนมัสการองค์พระธาตุดอยสุเทพฯ เป็นไปด้วยความลำบาก ครูบาศรีวิชัย พร้อมด้วยเจ้านายฝ่ายเหนือและคหบดีเมืองเชียงใหม่ จึงได้ปรึกษาหารือกัน เพื่อสร้างถนนขึ้นสู่ดอยสุเทพ โดยได้ถือเอาฤกษ์ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2477 เป็นพิธีลงจอบแรกในการบุกเบิกสร้างทาง โดยครูบาเถิ้มรับหน้าที่แผ้วผาง บุกเบอกเส้นทาง พร้อมกับขุนกัณฑ์ ชนะนนท์

โดยระยะทางขึ้นสู่ดอยสุเทพฯ สำเร็จลุล่วง ด้วยระยะทาง 11 กิโลเมตร กับอีก 530 เมตร จากแรงกายแรงใจ และแรงศรัทธาของประชาชนเรือนหมื่น ที่หลั่งไหลมาจากหลายจังหวัด อาทิ ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน เชียงราย พะเยา แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก สุโขทัย พิษณุโลก เชียงแสน ตลอดจนแถบชายแดนพม่า ได้ร่วมใจกันสร้างโดยใช้ระยะเวลาเพียง 5 เดือน กับอีก 22 วัน ซึ่งการประเดิมเส้นทางครั้งแรกใช้รถยนต์ของเถ้าแก่โหงว แล้วอาราธนานิมนต์ครูบาศรีวิชัย นั่งขับขึ้นสู่ดอยสุเทพ ในวันที่ 30 เมษายน 2478 พร้อมทั้งจัดพิธีฉลองสมโภชอีก 15 วัน 15 คืน

#เชียงใหม่นิวส์ #chiangmainews
439966283_2646312565546082_6647790095333025553_n (1).jpg (144.57 KiB) เข้าดูแล้ว 149 ครั้ง
เมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๗ อาม่าเมตตาครอบครัวเดินทางมาพักที่บ้าน ซึ่งนานมากแล้วตั้งแต่ต้นยางล้มทับบ้าน อาม่าก็ไม่ได้มาหาเลย ปีนี้ถือเป็นบุญของครอบครัวเราที่ได้อาม่ามาเป็นขวัญกำลังใจที่บ้าน<br /><br />ในโอกาสเดียวกันเราก็ถือเป็นวาระดำหัวอาม่าตามประเพณีสงกรานต์บ้านเรา ขอให้อาม่ามีอายุยืนเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของพวกเราไปนานนาน เช่นกันน้องม่อย ก็ถือโอกาสสุมาลาโทษดำหัวเราสองคนในฐานะพี่ใหญ่ ก็ขอให้น้องสาวคนสวยคนนี้ จงมีความสุขพ้นจากโรคภัยที่มาย่ำยี ให้หายวันหายคืนและสิ้นโรคปลอดภัย อยู่ดูแลอาม่าจนกว่าอาม่าจะหมดอายุขัย อย่าพึ่งถอดใจไปก่อนอาม่านะจ๊ะ
เมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๗ อาม่าเมตตาครอบครัวเดินทางมาพักที่บ้าน ซึ่งนานมากแล้วตั้งแต่ต้นยางล้มทับบ้าน อาม่าก็ไม่ได้มาหาเลย ปีนี้ถือเป็นบุญของครอบครัวเราที่ได้อาม่ามาเป็นขวัญกำลังใจที่บ้าน

ในโอกาสเดียวกันเราก็ถือเป็นวาระดำหัวอาม่าตามประเพณีสงกรานต์บ้านเรา ขอให้อาม่ามีอายุยืนเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของพวกเราไปนานนาน เช่นกันน้องม่อย ก็ถือโอกาสสุมาลาโทษดำหัวเราสองคนในฐานะพี่ใหญ่ ก็ขอให้น้องสาวคนสวยคนนี้ จงมีความสุขพ้นจากโรคภัยที่มาย่ำยี ให้หายวันหายคืนและสิ้นโรคปลอดภัย อยู่ดูแลอาม่าจนกว่าอาม่าจะหมดอายุขัย อย่าพึ่งถอดใจไปก่อนอาม่านะจ๊ะ
438231565_404213109137680_3533499826153574848_n.jpg (121.46 KiB) เข้าดูแล้ว 149 ครั้ง
อาม่าชอบอาหารที่เจี่ยท้งเฮงมาก ๆ แต่ร้านดั้งเดิมไม่ทราบว่ายังคงอยู่ ? (ที่โรงหนังศรีนครพิงค์ข้างกาดหลวง) แต่ที่ตรงนี้เขาก็บอกว่าเป็นร้านดั้งเดิมเหมือนกัน(ตกข่าว) ไม่ผิดหวังครับอาหารมัง ฯ ทำได้อร่อยมาก ๆ ส่วนอาม่าและชายปุรณ์ ฯ ชอบเป็ดพะโล้บอกว่า &quot;อร่อยมาก ๆ &quot; ก็ดีใจที่อาม่าทานอร่อยครับ
อาม่าชอบอาหารที่เจี่ยท้งเฮงมาก ๆ แต่ร้านดั้งเดิมไม่ทราบว่ายังคงอยู่ ? (ที่โรงหนังศรีนครพิงค์ข้างกาดหลวง) แต่ที่ตรงนี้เขาก็บอกว่าเป็นร้านดั้งเดิมเหมือนกัน(ตกข่าว) ไม่ผิดหวังครับอาหารมัง ฯ ทำได้อร่อยมาก ๆ ส่วนอาม่าและชายปุรณ์ ฯ ชอบเป็ดพะโล้บอกว่า "อร่อยมาก ๆ " ก็ดีใจที่อาม่าทานอร่อยครับ
438204487_763038169347403_7017197985942932582_n.jpg (126.68 KiB) เข้าดูแล้ว 149 ครั้ง
438231710_319723064216930_1958446010354559505_n.jpg
438231710_319723064216930_1958446010354559505_n.jpg (92.06 KiB) เข้าดูแล้ว 149 ครั้ง
รุ่งเช้า ๒๐ เมษายน ๒๕๖๗ นำอาม่าไปทำบุญที่วัดพระธาตุดอยสุเทพ ซึ่งอาม่าไม่ได้เดินทางขึ้นไปกราบสักการะเป็นเวลานานมากแล้ว จากนี้ไปเราจะพยายามพาอาม่ากลับมากราบทุก ๆ ปี จนกว่าอาม่าจะหมดแรง
รุ่งเช้า ๒๐ เมษายน ๒๕๖๗ นำอาม่าไปทำบุญที่วัดพระธาตุดอยสุเทพ ซึ่งอาม่าไม่ได้เดินทางขึ้นไปกราบสักการะเป็นเวลานานมากแล้ว จากนี้ไปเราจะพยายามพาอาม่ากลับมากราบทุก ๆ ปี จนกว่าอาม่าจะหมดแรง
438237728_906814724528443_7369755166423177694_n.jpg (148.86 KiB) เข้าดูแล้ว 149 ครั้ง
440971988_3613854045503205_1295213716289919392_n.jpg
440971988_3613854045503205_1295213716289919392_n.jpg (31.12 KiB) เข้าดูแล้ว 149 ครั้ง
ข่าวใหญ่เสทือนบ้านเมืองไม่แพ้ข่าวของ ตร.ในเวลานี้ต้องบอกว่าไม่หนีข่าวน้องไนซ์ครับ<br /><br />พระพยอม ชี้ ‘น้องไนซ์’ จากเชื่อมจิต เป็นเชื่อมฉุน เตือนสำนักพุทธฯ จัดการให้ดี หนีไปแล้วจะยุ่ง<br /><br />พระพยอม ชี้ น้องไนซ์ จากเชื่อมจิต เป็นเชื่อมฉุน เตือนสำนักพุทธฯ จัดการให้ดี หนีไปแล้วจะยุ่ง<br /><br />จากกรณีมีประชาชนต่างเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เข้าตรวจสอบน้องไนซ์ เชื่อมจิต อายุ 8 ขวบ ที่อ้างตัวเป็นบุตรพระพุทธเจ้า สอนธรรมะและเชื่อมจิตได้ โดยมีความกังวลว่าอาจจะเข้าข่ายหลอกลวงประชาชน ดังที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น<br /><br />เมื่อวันที่ 25 เมษายน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดสวนแก้ว ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อนมัสการสอบถาม พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ถึงกรณีดังกล่าว<br /><br />พระพยอมกล่าวว่า ตอนนี้ได้ข่าวว่าน้องไนซ์หนีไปแล้ว ไม่รู้จริงหรือไม่ ทางสำนักพุทธฯ เข้ามาไม่ทันอาจจะรอความรอบคอบ เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เมื่อฝูงชนเข้าไปรุมล้อม เชื่อมั่นศรัทธา จะไปทำอะไรก็ลำบาก เหมือนดังที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ถ้ามีพระภิกษุรูปใดทำดีมาตลอดแล้วมาทำเสีย แต่มีมวลชนเยอะ หากจะเข้าไปจัดการทันที อาจจะมีการฆ่าฟันถึงขั้นบาดเจ็บล้มตาย ท่านถึงได้บอกว่าอย่าเพิ่งไปแตะ ดูจังหวะเวลาเพลี่ยงพล้ำเต็มที่ ไม่มีมวลชนค่อยจัดการ อันนี้ต้องดูจังหวะ<br /><br />“จะโทษสำนักพุทธฯช้า อาจจะใส่ร้ายมากไปหน่อย ท่านอาจจะรอบคอบ แต่ล่าช้าทำให้ไม่ทัน” พระพยอมกล่าว<br /><br />เรื่องราวบ้านเมืองของเรานับวันมีเรื่องไร้สาระ มากมาย แต่ละเรื่องเรียกว่าออกนอกธรรมไปหมด ฤาจะถึงคราสิ้นแผ่นดินกันหรืออย่างไร อยากเรียกร้องนะครับว่า &quot;ให้พาศีลธรรมกลับมา ก่อนที่โลกาขะพินาศ&quot; ตามคำท่านพุทธทาสเตือนไว้นานแล้ว ร่วมด้วยช่วยกันครับ....... เราไปติดตามความเห็นของท่าน อ.บรรณจบกันครับ<br /><br />Banjob Bannaruji - บ้านบรรณรุจิ ราชบัณฑิตและภาคีสมาชิกหลายท่านติงผมให้แสดงความเห็นเกี่ยวกับน้องไน้ช์บ้าง ในฐานะเป็นราชบัณฑิตสายศาสนา ผมตอบว่าผมเคยแสดงความเห็นมาแล้วเมื่อหลายเดือนก่อน จึงขอนำมาโพสต์อีกครั้งหนึ่ง ลองอ่านดู<br /><br />@@@<br />ครั้งที่ ๑<br />คำเตือน<br />เรื่อง ’น้องไน้ซ์ - เด็กน้อยน่าพิศวง‘<br />ผิดแต่แรกก็อาจมีผิดต่อไป<br />และอาจบานปลายทำให้ให้สังคมสับสนได้<br />ถ้าไม่รีบแก้ไข<br />——<br />@ ปรากฏการณ์ของน้องไน้ช์ ที่ผมเรียกว่า ‘เด็กน้อยน่าพิศวง’ <br />อย่ามองแค่ว่าเป็นเรื่องของเด็กสร้างที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือ <br />อยากให้มองลึกกว่านั้นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วในเบื้องต้น คือ <br />มีคนเชื่อไปมอบตัวเป็นศิษย์<br />และปัญหาที่จะเกิดต่อไปก็คือ <br />จะมีคนปกป้อง โดยอ้างสิทธิต่างๆตามรัฐธรรมนูญบ้าง ตามหลักการของสิทธิมนุษยชนบ้าง<br />สำหรับผมในฐานะคนสอนหนังสือ เห็นว่า เมื่อน้องไน้ช์เข้าใจตัวเองเป็นอย่างนั้นจะถูกหรือผิด <br />ก็ต้องอธิบายตามหลักวิชาเกี่ยวกับสิ่งที่เขาอ้างให้สาธารณชนรับรู้ไว้เพื่อเป็นความรู้ <br />ส่วนสังคมจะรับหรือไม่ <br />เป็นเรื่องของสังคมจะพิจารณาตัดสินใจกันเอง<br /><br />@ อันดับแรก เรื่องการเชื่อมจิตสอน <br />ต้องขอขอบคุณ <br />ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เสนาะ ผดุงฉัตร <br />ที่ส่งไฟล์เสียงตอบคำถามของผู้ถามท่านหนึ่งที่ถามน้องไน้ช์เกี่ยวกับเรื่อง <br />‘การสอนแบบเชื่อมจิต ’ มาให้<br />ในไฟล์เสียง น้องไน้ซ์ตอบว่า <br />‘การสอนแบบเชื่อมจิต คือการสอนในสมาธิ‘ พร้อมอธิบายว่า <br />’พระพุทธเจ้าทรงสอนในสมาธิ‘ <br />และให้เหตุผลว่า <br />‘ที่พระพุทธเจ้าต้องสอนในสมาธิเพราะสมัยนั้นไม่มีเครื่องขยายเสียงไม่มีไมโครโฟน คนมาเป็นร้อยเป็นพัน ถ้าไม่ใช่เข้าสมาธิสอนพวกเขาจะได้ยินกันอย่างไร’ <br />คำตอบนี้ทำให้นึกถึงเรื่องราวที่ว่า <br />พระพุทธเจ้าจะสอนใคร จะคนเดียว หลายคนหรือหลายร้อยคนพันคน ก็ตาม<br />พระองค์ต้องเข้าสมาธิตรวจดูสภาพจิตพวกเขาก่อนด้วยพระญาณที่เรียกว่า เจโตปริยญาณ - ญาณกำหนดรู้จิตของพวกเขาว่า<br /><br />•จะสอนได้แค่ไหน ? <br />•ด้วยคำสอนอะไร ? <br />•จะสอนอย่างไร ? <br />•จะได้ผลแค่ไหน ? <br /><br />เขาจะบรรลุมรรคผลระดับใดหรือไม่ ?<br />การสอนของพระพุทธเจ้า<br />มีทั้งพูดสอน (ใช้เสียง) <br />และการสอนทางจิต (ส่งกระแสจิตไปสอน) ในกรณีที่อยู่ไกลกัน <br />แน่นอนว่า การสอนจะแบบไหนก็ตาม พระพุทธเจ้าต้องเข้าสมาธิถึงขั้นฌานก่อน แล้วจึงถอยออกจากสมาธิระดับฌานมาอยู่ในระดับอุปจารสมาธิ (สมาธิใกล้ฌาน)ของฌานที่ ๑ เพื่อใช้วิตกวิจารปรุงแต่งจิตให้เกิดความคิดและคำพูด<br />คำพูดของน้องไน้ช์ส่วนนี้พอฟังได้บ้าง แต่ก็ยังไม่กระจ่าง ซึ่งคงต้องใช้เวลากับเรื่ิองนี้จริงๆจังๆ เพื่อไขพฤติกรรมเชื่อมจิตสอนหรือสอนแบบเชื่อมจิตให้กระจ่าง <br />ที่ผมพูดเรื่องการสอนของพระพระพุทธเจ้า ก็เพื่อให้เป็นข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับวิธีการปฏิบัติตนของพระองค์ในการสอน ซึ่งอาจจะได้ใช้ประกอบพิจารณาคำพูดของน้องไน้ช์<br />ส่วนที่เจ้าตัวเธอพูดว่า<br />’น้องไน้ช์ก็สอนแบบนี้ด้วย‘ <br />ผมจะขอไปพูดตอนท้าย โดยจะยังไม่พูดถึงตอนนี้ เพราะยังมีเรื่องต้องค่อยๆเคลียร์ไป <br /><br />@ ส่วนอีกท่านหนึ่งคือ ท่านผู้ใช้นามว่า<br />’คุณม่อน‘ <br />ได้สรุปประเด็นจากคำสอนน้องไน้ช์จากทุกคลิปส่งมาให้ตามที่ผมอยากได้ ซึ่งน่าสนใจ ผมขอยกมาและทำความเจ้าใจไปทีละข้อด้วย ดังนี้<br /><br />1. น้องบอกว่าเป็นอนาคามี ลงมาเกิดเป็นพญานาคก่อนแล้วมาเกิดเป็นมนุษย์ชาตินี้<br />ผมขอชี้แจง<br />คำบอกนี้ผิด ผิดแบบหน้ามือเป็นหลังมือจากคำสอนจากพระไตรปิฎกบาลี<br />เพราะอนาคามี แปลตามตัวว่า ผู้ไม่กลับมา<br />ท่านเป็นพระอริยะระดับใกล้เป็นพระอรหันต์ หมายถึง ท่านจะไม่มาเกิดอีก<br /><br />•ในชั้นกามาวจร คือ เป็นมนุษย์ เป็นเทวดา เป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย หรือแม้แต่เป็นสัตว์ดิรัจฉานกำเนิดใดๆ เช่น พญานาค<br />•ในชั้นพรหมปุถุชน คือ เป็นพรหมชั้นรูปพรหมกับอรูปพรหม <br /><br />แต่ว่าตายจากชาติที่เป็นมนุษย์แล้ว จะไปเกิดเป็น ‘โอปปาติกะคือ พรหมอริยะมีกายทิพย์ ในชั้นสุทธาวาส ’ มีคุณสมบัติ คือ อนาวัตติธัมโม - ผู้มีการไม่กลับมาเกิดอีกเป็นธรรมดา<br />ท่านจะฝึกสมาธิปัญญาต่อจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์และดับขันธปรินิพพานในภพนั้นเลย<br />นี่คือธรรมดาของพระอริยะระดับอนาคามี <br />ดังนั้น การกล่าวอ้างของน้องไน้ช์จึงผิดหลักการในคำสอนของเถรวาท<br />อยากให้ข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า คุณสมบัติเฉพาะตัวของพระอนาคามี คือ มีศีล ๘ ครบถ้วน <br /><br />พฤติกรรมที่แสดงออกให้เห็นประจักษ์ในชีวิตประจำวัน คือ <br /><br />•ไม่มีชีวิตคู่ ไม่มีเพศสัมพันธ์ <br />•ไม่กินอาหารหลังเที่ยงวัน <br />•ไม่แต่งตัวโดยลูบไล้ของหอม •ไม่สวมสร้อยคอ ไม่สวมพวงมาลัย <br />•ไม่แต่งตัวฉูดฉาดด้วยเสื้อผ้าหลากสี <br />•ไม่ดูการแสดงที่ยั่วกิเลส เช่น การฟ้อนรำ ขับร้อง <br />•ไม่นอนบนที่นอนโอ่อ่า <br />•ขอเพิ่มว่า รวมทั้งไม่เล่นการพนันเช่นเล่นไพ่ แม้จะเล่นกันแบบกินกันสนุกๆก็ตาม (อย่างน้องไน้ช์เล่น)<br /><br />คุณสมบัตินี้ติดตัวไปแม้หลังตายไปเกิดเป็นโอปปาติกะอยู่ในภพสุทธาวาส (ที่อยู่ของผู้บริสุทธิ์คือพระอนาคามี)<br /><br />2. เป็นบุตรบุญธรรมเจ้าแม่กวนอิม<br />อันนี้ก็ต้องว่ากันไปตามหลักวิชา <br />เจ้าแม่กวนอิมเป็นเทพพระโพธิสัตว์ในคติความเชื่อของมหายาน ซึ่งมหายานในจีนพยายามนำเรื่องของพระโพธิสัตว์เมตไตรยะในอินเดียมาผูกเข้ากับชีวิตของเจ้าหญิงเมี่ยวซานของจีนในอดีตกาลจนเกิดเป็นความเชื่อที่ยิ่งใหญ่ เคยพบหลายคนอ้างว่า<br /><br />•เป็นคนใกล้ชิดของพระแม่กวนอิมก็มี <br />•เป็นบริวารแยกตัวมาเกิดก็มี <br /><br />แต่ที่มาแปลกคือน้องไน้ช์อ้างว่า ‘เป็นบุตรบุญธรรม’ ก็แสดงว่าเคยเกิดร่วมกับเจ้าแม่กวนอิมมาแล้ว <br /><br />ข้ออ้างนี้เมื่อนำไปเทียบกับข้ออ้างที่ว่า ตนเองเป็นพระอนาคามี ซึ่งหมายถึง ผู้ไม่กลับมาเกิดอีกในกามภพ ก็ยิ่งทำให้เห็นว่า ข้ออ้างของน้องไน้ช์ดูสับสนมากและผิดจากหลักการของเถรวาทตรงที่ว่าหลังจากเป็นพระอนาคามีแล้วยังมาเกิดในกามภพอีกมากมายตั้งแต่เป็นลูกบุญธรรมเจ้าแม่กวนอิม มาเกิดเป็นพญานาค แล้วมาเกิดเป็นน้องไน้ช์ <br />สำหรับข้อนี้มีคำถามสำคัญ คือ <br /><br />•การเป็นพระอนาคามีเป็นในสมัยใด ครั้งพุทธกาลหรือหลังพุทธกาล ?<br />•การเกิดเป็นลูกบุญธรรมเจ้าแม่กวนอินเกิดในสมัยใด ? <br />•การเกิดเป็นพญานาคเกิดในสมัยใด ? <br />การเกิดที่ว่ามาล้วนเป็นการเกิดต้องห้ามของพระอนาคามีทั้งสิ้น <br />จึงอยากให้น้องไน้ช์หรือทีมงานน้องไน้ช์ตอบให้กระจ่างว่า<br />’เป็นพระอนาคามีในสมัยใด ? ที่สำคัญ สมัยก่อนเจ้าแม่กวนอิมหรือสมัยหลังเจ้าแม่กวนอิม ?‘ <br /><br />3. พระพุทธเจ้าและเทพเกลียดดอกไม้สีเหลืองให้เอาดอกไม้สีเหลืองออกจากโต๊ะหมู่บูชา อันนี้ ต้องคุยกันตรงๆ น้องไน้ช์ใช้คำว่า พระพุทธเจ้าและเทพเกลียดหรือไม่ชอบดอกไม้สีเหลือง <br /><br />ผมขอชี้แจงว่า ลักษณะเกลียดหรือไม่ชอบแบบนี้เป็นลักษณะนิสัยของปุถุชน ยิ่งเกลียดหรือไม่ชอบดอกไม้สีเหลือง ยิ่งแปลกไปใหญ่ <br />ถ้าเป็นเทพหรือเทวดาไม่ว่ากันเพราะยังมี กิเลส <br /><br />แต่ถ้าบอกว่า เป็นพระพุทธเจ้า ขอชี้แจงว่า ผิดไปแล้ว เพราะการเกลียดถึงขั้นให้ต้องเอาออกไปให้พ้น อันนี้เป็นเกลียดแบบโทสะซึ่งสัมพันธ์กับโลภะคือรักหรืออยากได้แต่ไม่สมปรารถนาจึงเกลียด พระพุทธเจ้าไม่เคยเกลียดแบบโทสะ แต่มีที่ระบุว่า <br /><br />‘พระพุทธเจ้าทรงรังเกียจบาป ทรงรังเกียจความชั่ว ทรงรังเกียจคนชั่ว’ แล้วทรงเข้าไปช่วยเหลือแก้ไขให้พ้นจากการทำบาปเป็นการทำบุญ จากคนชั่วเป็นคนดี ด้วยพระมหากรุณาคุณเป็นที่ตั้ง เรื่องนี้ ทีมงานน้องไน้ช์ต้องเข้าใจ<br /><br />4. ได้แสงสีทองจากพระพุทธเจ้ามาเชื่อมจิต<br />ข้อนี้เท่ากับว่า น้องไนช์ติดต่อพระพุทธเจ้าได้ผมจึงขอชี้แจงทำความเข้าใจว่า ว่ากันโดยหลักการแล้ว ในคติของเถรวาท พระพุทธเจ้าตรัสว่า หลังดับขันธปรินิพพาน พระองค์จะไม่มีรูปนาม (ตัวตน) ปรากฏในที่ไหนอีกต่อไป ก็คือ จะไม่มีการไปปรากฏพระองค์ให้ใครเห็นในโลกไหน ไม่มีการไปพบกับใคร ไปช่วยใครสอนใคร <br /><br />ดังนั้น ข้อนี้ น้องไน้ช์ก็ผิดโดยหลักการของคำสอนเถรวาท ส่วนในชีวิตจริง จะมีใครมาเชื่อมจิตกับน้องไน้ช์อย่างไรไม่ทราบ <br />แต่ขอยืนยันว่า ไม่ใช่พระพุทธเจ้าแน่นอน ไม่ใช่พระอรหันต์องค์ใดๆทีนิพพานไปแล้วด้วย ก็ด้วยหลักคำสอนเถรวาทที่ว่า <br />’พระอรหันต์ไม่ว่าพระพุทธเจ้าหรือพระสาวกเมื่อดับขันธ์แล้วก็ไม่มีตัวตนปรากฏอีกต่อไป’ <br />เรื่องนี้เป็นหลักคำสอนพื้นฐานในหลักการของเถรวาท <br /><br />5. ได้รับบัญชาจากพระพุทธเจ้ามาเพื่อฟื้นฟูศาสนา อันนี้ ถ้าเข้าใจตามข้อ ๔ ก็จะได้คำตอบว่า ในเมื่อเถรวาทมีหลักการว่า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ หลังดับขันธปรินิพพาน ไม่มีพระองค์หรือตัวตนปรากฏแล้ว แล้วจะไปบัญชาใครได้อย่างไร <br />อย่างไร ส่วนหนึ่งต้องขอขอบใจน้องไน้ช์ที่อ้างว่าได้รับบัญชามาเพื่อฟื้นฟูศาสนา ฟังแล้วก็น่าชื่นใจนะที่ว่า ต้องการให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองทำวิปัสสนา จะได้เกิดปัญญา คุ้มครองประเทศชาติ เอาละจะฟื้นฟูอย่างไรก็มีสิทธิ์คิดมีสิทธิ์พูดนะ แต่เริ่มให้ถูกที่ถูกทางก่อน ไม่งั้นจะหลงทิศหลงทางไปกันใหญ่<br /><br />6. บอกว่าเป็นลูกพระพุทธเจ้าในชาติก่อนเป็นเจ้าชายสิทธัตถะมาเกิด ข้อนี้ว่ากันตามหลักการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏของคำสอนในเถรวาทแล้วพูดได้ ส่วนที่ว่าเป็นลูกพระพุทธเจ้าในชาติก่อนเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ <br />คำถามคือ ชาติก่อนนั้น ชาติไหน ? ถ้าเป็นชาติก่อนเป็นเจ้าชายสิทธัตถะคือชาติไหน น่าจะต้องระบุได้ ไม่งั้นก็จะไม่พ้นข้อหาว่าตีกิน ลองทบทวนดู เอา ๑๐ ชาติก่อนก็ได้ ตั้งแต่ เต. ช. สุ. เน. ม.ภู.จ.นา.วิ.เว. จากนั้นก็ลองนึกตามชาดก ๕๐๐ ชาติดู เผื่อสติไปสะดุดได้บ้าง<br /><br />แต่ถ้าเป็นชาติที่เป็นเจ้าชายสิทธัตถะ อันนี้ ผิดหลักการไปใหญ่ ในชาตินั้น ลูกของพระองค์ก่อนออกบวชมีคนเดียว คือ พระราหุล ไม่มีมากกว่านั้น เรื่องนี้ก็เป็นธรรมดาของพระโพธิสัตว์ทุกองค์ในชาติสุดท้าย คือ ชาติที่จะตรัสรู้ <br /><br />**หมายเหตุ<br /><br />ผมตอบแล้วแบบให้หลักการ สำหรับผู้ใหญ่ฝ่ายต่างๆไว้พิจารณา จึงสุดท้ายนี้ จะขอสรุปด้วยคำพูดของคุณม่อนว่า ‘น้องสอนผิดทุกคลิปคะ ม่อนได้ติดตามมานานแล้วคะ คำสอนอันตรายต่อพระพุทธศาสนา ผิดหลักการไปหมด <br /><br />#จับทุกอย่างมายำรวมมิตรคะ คุณม่อนเธอยังเหลือมุมมองในแง่ดีว่า ’เด็กอาจมีความสนใจศาสนาในอดีตชาติก็ได้ แต่ชาตินี้ยังไม่ได้รับคำสอนที่ถูก จึงพูดไปตามประสาเด็ก แล้วผู้ใหญ่เอาความพิเศษของเด็กทึกทักว่าเป็นคำสอนที่ถูก ก็เลยขัดแย้งกับคำสอนไปหมด เพราะยังเด็ก‘<br /><br />@ คำฝากเตือน<br />จะเห็นว่า ที่น้องไน้ช์ว่ามา เบื้องต้นก็อาจพูดได้ว่า ‘น้องพูดอวดอุตตริมนุสสธรรม คือ คุณวิเศษของคนที่สูงส่ง หรือ คุณวิเศษที่สูงเกินที่คนธรรมดาจะมีได้ ซึ่งยังบอกไม่ได้ว่าน้องจะมีจริงหรือไม่มี’ ขั้นต่อไป ก็คงต้อง สอบสวนกัน อันนี้คงต้องเป็นหน้าที่ของราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้ง <br /><br />•มหาเถรสมาคมซึ่งเป็นองค์กรหลักในการดูแลพระพุทธศาสนา <br />•สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เครื่องมือทำงานของมหาเถรสมาคม<br />และ<br />•เจ้าหน้าที่ตำรวจ<br /><br />ส่วนที่ผมมาชี้แจง ไม่ใช่เพื่อรังแกเด็ก แต่เพื่อให้สติคนใหญ่ได้คิดกันให้รอบคอบ <br />ทั้งผู้ใหญ่ที่สนับสนุนเด็ก และผู้ใหญ่ที่ไม่เห็นด้วยกับเด็ก ซึ่งเห็นว่าผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายยังต้องการองค์ความรู้ทางพระพุทธศาสนาไปช่วยสนับสนุนแนวคิด โดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่สร้างเด็กสนับสนุนเด็กอย่าหวังเพียงแค่เอาความน่าพิศวงของเด็ก ออกแสดง คงต้องคิดถึงเรื่องถูกผิดตามคำสอนในพระไตรปิฎกบาลีเถรวาทให้มาก เพราะนี่คือหลักของสังคมพุทธไทย แต่ถ้าหากไม่สนใจถูกผิดตามหลักการ ต่อไปเด็กอาจผิดพลาดหนักด้วยการสอนผิด เนื่องจากแค่ความเข้าใจเบื้องต้นว่า เป็นพระอนาคามีมาเกิด ก็ผิดอยู่แล้ว <br />ยิ่งเข้าใจว่าไปเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉานคือพญานาคมาก่อนมาเกิดเป็นน้องไน้ช์ <br />ยิ่งผิดไปใหญ่ เพราะในคำสอนเถรวาทมีหลักอยู่ว่า <br /><br />‘พระอริยะตั้งแต่ขั้นแรกคือพระโสดาบันขึ้นไปจะไม่เกิดเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย หรือแม้แต่สัตว์ดิรัจฉานใดๆ เพราะมีศีล ๕ บริสุทธิ์ ’ <br />จึงอยากบอกว่า แล้วพระอนาคามีซึ่งมีสภาวะทางจิตสูงกว่าพระโสดาบันจะไปเกิดได้อย่างไร <br />เมื่อคำสอนเถวาทมีหลักอย่างนี้ คำบอกของน้องไน้ช์จึงผิดมาแต่แรก และเชื่อว่าจะผิดต่อไปเรื่อย ๆ <br />แม้เรื่องพญานาค ๗ เศียรก็ตาม ก็อาจจะผิดพลาดอีกได้ เพราะพญานาค ๗ เศียรไม่มีจริง แต่เกิดจากการบันดาลของพญามารสมัยพระเจ้าอโศกเพื่อหลอกพระอรหันต์รูปหนึ่งให้เข้าใจผิด แต่สุดท้ายก็ถูกจับได้และถูกลงโทษ จนกระะทั่งพญามารคลายมิจฉาทิฏฐิ<br /><br /><br />@@@ ครั้งที่ ๒<br />ถาม-ตอบ เกี่ยวกับน้องไน้ช์ ครั้งที่ ๒<br />อาจเป็นเทวาจุติช่วยพระพุทธศาสนาได้<br />หากน้องไนช์กับทีมสร้างยอมเข้าสู่ขั้นตอน <br />’ทิฏฐุชุกรรม‘ - การทำความเห็นให้ตรง<br />——<br />@ คุณวสุ สรรกำเนิด (ถ้าผมจำไม่ผิด) ถามมาว่า <br />…ตามที่ ดร.ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์ แสดงความเห็นว่า <br />’กรณี “อาจารย์น้องไนซ์” คล้ายประเด็น “ครูกายแก้ว” ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือน ส.ค. 2566 ว่าเป็นเสรีภาพทางศาสนาและความเชื่อ ในหลักคิดว่า<br />”ทุกคนมีสิทธิจะพูดสอน สร้างหลักธรรม ตีความสอนพุทธ สร้างศาสนาในแนวของตัวเอง... และเป็นสิทธิเสรีที่คนอยากจะเชื่อก็เชื่อได้” <br />เป็นความคิดที่ถูกต้องหรือไม่ ? อย่างไร ?อยากให้ช่วยอธิบายให้ละเอียดด้วยครับ<br />@ คำตอบ <br />เสรีภาพ คือ ความอิสระ ไม่ว่าจะทางศาสนา ทางการเมืองหรือทางไหนๆ ก็มีเสรีภาพ อยู่ ๓ ทาง<br />•เสรีภาพชอบโดยกฏหมาย <br />•เสรีภาพชอบโดยธรรมะ <br />•เสรีภาพชอบโดยกิเลส <br />ถ้าจะถามว่า ทั้ง ๓ ทางนี้ ทางไหนน่ากลัวที่สุด ?<br />• เสรีภาพชอบโดยกฏหมาย ก็เห็นภาพชัดว่าเข้าที เพราะสังคมทุกวันนี้ยึดและอยู่กันด้วยกฏหมายและกฏระเบียบต่าง ๆ ที่อิงกับกฏหมายเป็นหลัก สังคมก็เรียบร้อยระดับหนึ่ง <br />• เสรีภาพชอบโดยธรรมะ คือ ยึดเสรีภาพบนพื้นฐานของความดีตามหลักศีลธรรมเป็นหลัก <br />เสรีภาพ ๒ ข้อนี้เกี่ยวข้องกัน <br />เสรีภาพชอบโดยกฏหมายร่างขึ้นเป็นรูปธรรมตามแนวทางเสรีภาพชอบโดยธรรม ก็คือ <br />ถอดรูปแบบศีลธรรมไปเป็นกฏหมายเพื่อการปฏิบัติพร้อมมีบทลงโทษสำหรับการทำผิด<br />ดังนั้น ในการปฏิบัติตามกฏหมาย <br />ถ้ามีธรรมะอยู่ในใจจะปฏิบัติตามง่ายขึ้น <br />เพราะความถูกต้องโดยธรรมะจะยึดความถูกต้องแบบมีศีลสมาธิปัญญากำกับ ซึ่งวิธีปฏิบัติจะดำเนินไปตามแนวอริยมรรคมีองค์ ๘ <br />•ส่วนเสรีภาพชอบโดยกิเลส ข้อนี้แหละคือ ปัญหา <br />เพราะเป็นเสรีภาพที่อาจทำให้บิดเบี้ยวหหมด ทั้งเสรีภาพชอบโดยกฏหมาย และ เสรีภาพชอบโดยธรรม<br />@ มีคำกล่าวว่า เสรีภาพในรูปประชาธิปไตยที่บ้านเราไปไม่รอดก็เพราะ เสรีภาพชอบโดยกิเลส นี่แหละ <br />นักประชาธิปไตยบ้านเรา ดูเหมือนจะเริ่มต้นสวยด้วยชูเสรีภาพชอบโดยกฏหมายพร้อมชูเสรีภาพชอบโดยธรรมที่มักมาในรูปธรรมาภิบาล แต่แล้วสุดท้ายถูกเสรีภาพชอบโดยกิเลสทำลายเรียบ <br />ผลจึงจบลงแบบต้องปฏิวัติรัฐประหาร<br />ในกรณีที่ ดร.ศิลป์ชัยกล่าวก็เช่นกัน น่าจะเป็นเสรีภาพชอบโดยกิเลสเสียมากกว่า คือ <br />ใช้ความชอบ กับ ไม่ชอบส่วนตัวเป็นหลัก แล้วอ้างว่า ทุกคนมีสิทธิ์ <br />คำอ้างแบบเหมาเข่งนี้มีใช้ในอารยประเทศเช่น อเมริกา ซึ่งนักวิชาการการมืองสายอเมริกาชอบอ้างว่า <br />‘พลเมืองอเมริกันทุกคนมีสิทธิ์เป็นประธานาธิบดี’ <br />คำถามที่จะถามกลับ ก็คือ<br />‘แล้วในความเป็นจริง ทุกคนได้เป็นและเป็นได้ไหมเล่า ?’ <br />คำตอบ ที่ใครไม่ต้องตอบก็เห็นกันโทนโท่อยู่ว่า <br />‘ทุกคนไม่ได้เป็นและเป็นไม่ได้’ <br />ทั้งๆที่มีสิทธิ์ เพราะการได้เป็นและเป็นได้ต้องเป็นไปตามกระบวนการคัดกรองผ่านการเลือกตั้ง จนกระทั่งเหลือแบบมีสิทธิจริงๆแค่ ๒ คน แล้วสุดท้าย ก็มีเพียงคนเดียวที่ได้เป็น<br />ผมเห็นด้วยที่ว่า <br />•อยากจะเชื่อ (คือ ชอบไม่ชอบ) เป็นสิทธิเสรีภาพส่วนตัวบุคคล <br />•การจะไปตีความ ไปสร้างคำสอนเอง ก็ไม่ว่ากันเป็นสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลที่ทำได้ <br />•จะพูดจะสอนตามคำสอนที่ตัวเองตีความก็ไม่ว่าอีก ถือเป็นสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลเช่นกัน<br />แต่ที่ไม่เห็นด้วยเลยกับที่ว่า<br />…มีสิทธิ…สร้างหลักธรรมตีความสอนพุทธ สร้างศาสนาในแนวทางของตัวเอง…<br />ถ้าจะสร้างศาสนาขึ้นมาเองก็ไม่ว่านะ แต่ที่ต้องว่า คือ <br />…สร้างหลักธรรมตีความสอนพุทธ…<br />ซึ่งก็หมายถึง <br />•จะสร้างหลักธรรม <br />•ตีความ <br />•สอน พุทธ <br />คำถาม คือ <br />จะสร้างหลักธรรมอะไร ? <br />จะตีความอะไร ? <br />จะตีความอย่างไร ? <br />สอนพุทธ นั้นสอนพุทธอะไร ?<br />ซึ่งคำพูดนี้ จะหมายถึงอะไรไปได้ ถ้าไม่ใช่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา <br />พระพุทธศาสนา มีคำสอนที่พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้แล้วว่า ‘ธรรมะของพระองค์ <br /><br />•อาทิกัลยาณัง งามตั้งแต่เริ่มต้น<br />•มัชเฌกัลยาณัง งามในท่ามกลาง<br />•ปริโยสานกัลยาณัง งามตอนจบ <br />•สาตถัง มีเนื้อหาและความหมายสมบูรณ์<br />•สพยัญชนัง มีอักษรที่รองรับให้ออกเสียงได้ชัดเจนพรหมจรรย์ที่ประกาศ<br />•เกวลปริปุณณัง ล้วนบริบูรณ์ครบถ้วน<br />•ปริสุทธัง บริสุทธิ์‘ <br /><br />เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วจะต้องไปสร้างอะไร คำสอนของพระพุทธเจ้าคือพระธรรม ซึ่งพระพุทธเจ้าไม่ได้สร้าง แต่ได้มาจากการรู้แจ้งเห็นจริงด้วยพระปัญญาบริสุทธิ์ <br />คำสอนของพระองค์มีความแจ่มชัดในตัวเอง ปัญญาอย่างน้องไน้ช์หรือทีมของน้องไน้ช์ไม่พอที่จะตีความได้ถูกต้องหรอก <br />ดีไม่ดีจะตีความออกนอกลู่นอกทาง ทำให้คนที่ศรัทธาเชื่อถือหลงทางยุ่งเหยิงไปกันใหญ่<br />จะบาปเปล่า ๆ <br />ความเห็นที่ ดร.ท่านนี้พูด ดูจะกระทบพระพุทธศาสนาในภาพรวมหมด ทั้ง สถาบันพระพุทธศาสนา องค์กรสงฆ์ องค์กรพุทธต่างๆ แต่เอาละผมจะไม่เลยไปชวนวิวาทขนาดนั้น หากสถาบันหรือองค์กรที่ว่ามารู้สึกเดือดร้อนจะไปทำอะไรก็แล้วแต่ กฏหมายคงเปิดช่องไว้แล้ว ส่วนผมมาวันนี้ก็เพียงแต่จะเตือนเหมือนเดิมว่า อย่าไปหนุนกันถึงขึ้นให้ <br /><br />•สร้างหลักธรรม <br />•ตีความ และ<br />•ใช้คำว่า สอนพุทธ เลย จะเละเทะกันไปใหญ่เพราะองค์ความรู้ที่สร้างมาแต่แรกว่า น้องไน้ช์เป็นพระอริยะระดับอนาคามีมาเกิด ก็ผิดแล้วตามหลักการของเถรวาท ไฉนผู้ใหญ่ที่ว่ามาซึ่งอ้างตัวเองเป็นนักวิชาการศาสนาช่างไม่เฉลียวใจกันบ้างเลยหรือว่ามันผิด ?<br />ไฉนจึงช่างคลั่งไคล้ในสิทธิเสรีภาพมากกว่าความถูกต้ิองขั้นพื้นฐานของคำสอนในพระพุทธศาสนา ? เอาเข้าจริง ความผิดนี้ใหญ่หลวงนะ ถ้าเชื่อและปฏิบัติกันตามนี้ถือว่าล้มคำสอนเกี่ยวกับสำเร็จเป็นอริยะขั้นพื้นฐานของเถรวาทเลย การไปแตะจุดสำคัญของพระพุทธศาสนาอย่างนี้เข้าแม้จุดเดียว <br />ยังไม่ต้องไปถึงขนาดว่ารับบัญชาของพระพุทธเจ้ามาเกิดหรอก ก็น่าจะเข้าใจได้ทันทีว่า <br /><br />‘น้องไน้ชหมดสิทธิ์ <br />ผู้ใหญ่ที่จับมือกันหนุนน้องไน้ช์เองก็หมดสิทธิ์ ที่จะมาอ้างเอา พุทธ เพื่อความชอบธรรมในการสร้างคำสอน ในการตีความ และในการสอน’ เหตุผลก็คือ มันผิดหลักของเถรวาทมาแต่แรกแล้ว เมื่อเริ่มต้นผิด แล้วจะไปถูกต่อไปได้อย่างไร ที่มีประโคมว่า ‘ผู้ใหญ่ไปศรัทธาเด็ก กราบไหว้เด็ก แล้วจะเหมาว่าเด็กถูกต้อง ขนาดผิดก็จะไม่ผิด’ นั้นจะถือเอาเป็นประมาณได้หรือ ? เพราะเท่าที่ผ่านมาก็เห็นกันนักต่อนัก ผู้ใหญ่ในบ้านเราก็เคยศรัทธาอะไรมากันมากมาย อย่าว่าแต่กับพระกับคนเลย แม้ผีสางนางไม้ สัตว์ดิรัจฉานที่ร่างกายพืกลพิการ เช่น หมูกีบเท้า ๖ กีบ จิ้ิงจก ๒ หาง ปลาไหล ๒ หัวก็พากันไปกราบไหว้มาแล้ว <br /><br />แต่นั่นก็ยังไม่อันตรายต่อพระพุทธศาสนาถึงขั้นที่เราต้องมาเสียเวลาติดตามเรื่องกัน<br />แต่สำหรับกรณีน้องไน้ช์นี้อันตราย ถึงขนาดที่ว่า ต้องทำ ’ทิฏฐุชุกรรม‘ คือ ทำความเห็นให้ตรง ทำความเห็นให้ถูกต้ิอง ตามหลักเถรวาที่สืบค้นได้ในพระไตรปิฎก ทางออกที่ดี เมื่อเห็นกันว่า น้องไน้ช์เป็นเด็กอัจฉริยะขนาดนี้ อ้างถึงพระพุทธเจ้าเป็นว่าเล่น ผู้ใหญ่ที่ตั้งใจหนุนน้องไน้ช์ก็น่าจะหนุนให้ไป<br /><br />•เข้าฝึกปฏิบัติสมาธิวิปัสสนา กับพระมหาเถระสายปฏิบัติที่เชื่อถือได้ <br />ถ้าเมืองไทยไม่พอจะไปที่พม่าก็ได้<br />•เข้าเรียนพระไตรปิฎกให้ถูกที่ถูกทาง กับพระมหาเถระสายพระไตรปิฎก <br />ถ้าเมืองไทยไม่พอจะไปที่พม่าอีกก็ได้<br />เพื่ออะไร ? ก็เพื่อว่า ต่อเมื่อได้ความรู้แท้จริง ผ่านการยอมรับของพระมหาเถระทั้งฝ่ายชำนาญปริยัติชำนาญปฏิบัติแล้ว น้องไน้ช์ค่อยออกมาทำงานช่วยสังคมช่วยโลกให้คนกราบไหว้ ก็จะเกิดประโยชน์มหาศาล <br />เพราะน้องอายุยังน้อย มีเวลาพัฒนาตน ขอแต่ว่า แต่ละท่านที่หนุนยืดอายุไว้ให้ถึงวันนั้นของน้องไน้ช์ก็แล้วกัน ดีไม่ดีอาจจะเป็นหลักช่วยทำพระพุทธศาสนาให้สง่างาม ดีกว่าไปดันทุรังเอาชนะ ตั้งกองอารักขา โดยอ้างสิทธิเสรีภาพทางกฏหมาย อ้างสิทธิด้านสิทธิมนุษยชน มาคุ้มครองพฤติกรรมของเด็ก <br /><br />ผมเรียนว่า …อย่าคุ้มครองเด็กโดยสิทธิเสรีภาพชอบโดยกิเลส เลย แล้วสุดท้าย ก็จะเสียใจไปตามๆกัน เมื่อลัทธิบูชาครูกายแก้วท้าทายกฏหมายมาแล้ว ก็ขอลัทธิบูชาความอัศจรรย์ของเด็กอย่างน้องไน้ช์ อย่าท้าทายกฏหมายอีกเลย เพราะเท่ากับเอาอนาคตของเด็กมาเสี่ยงกับเสรีภาพชอบโดยกิเลสของผู้ใหญ่ไม่กี่คน<br />——
ข่าวใหญ่เสทือนบ้านเมืองไม่แพ้ข่าวของ ตร.ในเวลานี้ต้องบอกว่าไม่หนีข่าวน้องไนซ์ครับ

พระพยอม ชี้ ‘น้องไนซ์’ จากเชื่อมจิต เป็นเชื่อมฉุน เตือนสำนักพุทธฯ จัดการให้ดี หนีไปแล้วจะยุ่ง

พระพยอม ชี้ น้องไนซ์ จากเชื่อมจิต เป็นเชื่อมฉุน เตือนสำนักพุทธฯ จัดการให้ดี หนีไปแล้วจะยุ่ง

จากกรณีมีประชาชนต่างเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เข้าตรวจสอบน้องไนซ์ เชื่อมจิต อายุ 8 ขวบ ที่อ้างตัวเป็นบุตรพระพุทธเจ้า สอนธรรมะและเชื่อมจิตได้ โดยมีความกังวลว่าอาจจะเข้าข่ายหลอกลวงประชาชน ดังที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 25 เมษายน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดสวนแก้ว ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อนมัสการสอบถาม พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ถึงกรณีดังกล่าว

พระพยอมกล่าวว่า ตอนนี้ได้ข่าวว่าน้องไนซ์หนีไปแล้ว ไม่รู้จริงหรือไม่ ทางสำนักพุทธฯ เข้ามาไม่ทันอาจจะรอความรอบคอบ เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เมื่อฝูงชนเข้าไปรุมล้อม เชื่อมั่นศรัทธา จะไปทำอะไรก็ลำบาก เหมือนดังที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ถ้ามีพระภิกษุรูปใดทำดีมาตลอดแล้วมาทำเสีย แต่มีมวลชนเยอะ หากจะเข้าไปจัดการทันที อาจจะมีการฆ่าฟันถึงขั้นบาดเจ็บล้มตาย ท่านถึงได้บอกว่าอย่าเพิ่งไปแตะ ดูจังหวะเวลาเพลี่ยงพล้ำเต็มที่ ไม่มีมวลชนค่อยจัดการ อันนี้ต้องดูจังหวะ

“จะโทษสำนักพุทธฯช้า อาจจะใส่ร้ายมากไปหน่อย ท่านอาจจะรอบคอบ แต่ล่าช้าทำให้ไม่ทัน” พระพยอมกล่าว

เรื่องราวบ้านเมืองของเรานับวันมีเรื่องไร้สาระ มากมาย แต่ละเรื่องเรียกว่าออกนอกธรรมไปหมด ฤาจะถึงคราสิ้นแผ่นดินกันหรืออย่างไร อยากเรียกร้องนะครับว่า "ให้พาศีลธรรมกลับมา ก่อนที่โลกาขะพินาศ" ตามคำท่านพุทธทาสเตือนไว้นานแล้ว ร่วมด้วยช่วยกันครับ....... เราไปติดตามความเห็นของท่าน อ.บรรณจบกันครับ

Banjob Bannaruji - บ้านบรรณรุจิ ราชบัณฑิตและภาคีสมาชิกหลายท่านติงผมให้แสดงความเห็นเกี่ยวกับน้องไน้ช์บ้าง ในฐานะเป็นราชบัณฑิตสายศาสนา ผมตอบว่าผมเคยแสดงความเห็นมาแล้วเมื่อหลายเดือนก่อน จึงขอนำมาโพสต์อีกครั้งหนึ่ง ลองอ่านดู

@@@
ครั้งที่ ๑
คำเตือน
เรื่อง ’น้องไน้ซ์ - เด็กน้อยน่าพิศวง‘
ผิดแต่แรกก็อาจมีผิดต่อไป
และอาจบานปลายทำให้ให้สังคมสับสนได้
ถ้าไม่รีบแก้ไข
——
@ ปรากฏการณ์ของน้องไน้ช์ ที่ผมเรียกว่า ‘เด็กน้อยน่าพิศวง’
อย่ามองแค่ว่าเป็นเรื่องของเด็กสร้างที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือ
อยากให้มองลึกกว่านั้นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วในเบื้องต้น คือ
มีคนเชื่อไปมอบตัวเป็นศิษย์
และปัญหาที่จะเกิดต่อไปก็คือ
จะมีคนปกป้อง โดยอ้างสิทธิต่างๆตามรัฐธรรมนูญบ้าง ตามหลักการของสิทธิมนุษยชนบ้าง
สำหรับผมในฐานะคนสอนหนังสือ เห็นว่า เมื่อน้องไน้ช์เข้าใจตัวเองเป็นอย่างนั้นจะถูกหรือผิด
ก็ต้องอธิบายตามหลักวิชาเกี่ยวกับสิ่งที่เขาอ้างให้สาธารณชนรับรู้ไว้เพื่อเป็นความรู้
ส่วนสังคมจะรับหรือไม่
เป็นเรื่องของสังคมจะพิจารณาตัดสินใจกันเอง

@ อันดับแรก เรื่องการเชื่อมจิตสอน
ต้องขอขอบคุณ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เสนาะ ผดุงฉัตร
ที่ส่งไฟล์เสียงตอบคำถามของผู้ถามท่านหนึ่งที่ถามน้องไน้ช์เกี่ยวกับเรื่อง
‘การสอนแบบเชื่อมจิต ’ มาให้
ในไฟล์เสียง น้องไน้ซ์ตอบว่า
‘การสอนแบบเชื่อมจิต คือการสอนในสมาธิ‘ พร้อมอธิบายว่า
’พระพุทธเจ้าทรงสอนในสมาธิ‘
และให้เหตุผลว่า
‘ที่พระพุทธเจ้าต้องสอนในสมาธิเพราะสมัยนั้นไม่มีเครื่องขยายเสียงไม่มีไมโครโฟน คนมาเป็นร้อยเป็นพัน ถ้าไม่ใช่เข้าสมาธิสอนพวกเขาจะได้ยินกันอย่างไร’
คำตอบนี้ทำให้นึกถึงเรื่องราวที่ว่า
พระพุทธเจ้าจะสอนใคร จะคนเดียว หลายคนหรือหลายร้อยคนพันคน ก็ตาม
พระองค์ต้องเข้าสมาธิตรวจดูสภาพจิตพวกเขาก่อนด้วยพระญาณที่เรียกว่า เจโตปริยญาณ - ญาณกำหนดรู้จิตของพวกเขาว่า

•จะสอนได้แค่ไหน ?
•ด้วยคำสอนอะไร ?
•จะสอนอย่างไร ?
•จะได้ผลแค่ไหน ?

เขาจะบรรลุมรรคผลระดับใดหรือไม่ ?
การสอนของพระพุทธเจ้า
มีทั้งพูดสอน (ใช้เสียง)
และการสอนทางจิต (ส่งกระแสจิตไปสอน) ในกรณีที่อยู่ไกลกัน
แน่นอนว่า การสอนจะแบบไหนก็ตาม พระพุทธเจ้าต้องเข้าสมาธิถึงขั้นฌานก่อน แล้วจึงถอยออกจากสมาธิระดับฌานมาอยู่ในระดับอุปจารสมาธิ (สมาธิใกล้ฌาน)ของฌานที่ ๑ เพื่อใช้วิตกวิจารปรุงแต่งจิตให้เกิดความคิดและคำพูด
คำพูดของน้องไน้ช์ส่วนนี้พอฟังได้บ้าง แต่ก็ยังไม่กระจ่าง ซึ่งคงต้องใช้เวลากับเรื่ิองนี้จริงๆจังๆ เพื่อไขพฤติกรรมเชื่อมจิตสอนหรือสอนแบบเชื่อมจิตให้กระจ่าง
ที่ผมพูดเรื่องการสอนของพระพระพุทธเจ้า ก็เพื่อให้เป็นข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับวิธีการปฏิบัติตนของพระองค์ในการสอน ซึ่งอาจจะได้ใช้ประกอบพิจารณาคำพูดของน้องไน้ช์
ส่วนที่เจ้าตัวเธอพูดว่า
’น้องไน้ช์ก็สอนแบบนี้ด้วย‘
ผมจะขอไปพูดตอนท้าย โดยจะยังไม่พูดถึงตอนนี้ เพราะยังมีเรื่องต้องค่อยๆเคลียร์ไป

@ ส่วนอีกท่านหนึ่งคือ ท่านผู้ใช้นามว่า
’คุณม่อน‘
ได้สรุปประเด็นจากคำสอนน้องไน้ช์จากทุกคลิปส่งมาให้ตามที่ผมอยากได้ ซึ่งน่าสนใจ ผมขอยกมาและทำความเจ้าใจไปทีละข้อด้วย ดังนี้

1. น้องบอกว่าเป็นอนาคามี ลงมาเกิดเป็นพญานาคก่อนแล้วมาเกิดเป็นมนุษย์ชาตินี้
ผมขอชี้แจง
คำบอกนี้ผิด ผิดแบบหน้ามือเป็นหลังมือจากคำสอนจากพระไตรปิฎกบาลี
เพราะอนาคามี แปลตามตัวว่า ผู้ไม่กลับมา
ท่านเป็นพระอริยะระดับใกล้เป็นพระอรหันต์ หมายถึง ท่านจะไม่มาเกิดอีก

•ในชั้นกามาวจร คือ เป็นมนุษย์ เป็นเทวดา เป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย หรือแม้แต่เป็นสัตว์ดิรัจฉานกำเนิดใดๆ เช่น พญานาค
•ในชั้นพรหมปุถุชน คือ เป็นพรหมชั้นรูปพรหมกับอรูปพรหม

แต่ว่าตายจากชาติที่เป็นมนุษย์แล้ว จะไปเกิดเป็น ‘โอปปาติกะคือ พรหมอริยะมีกายทิพย์ ในชั้นสุทธาวาส ’ มีคุณสมบัติ คือ อนาวัตติธัมโม - ผู้มีการไม่กลับมาเกิดอีกเป็นธรรมดา
ท่านจะฝึกสมาธิปัญญาต่อจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์และดับขันธปรินิพพานในภพนั้นเลย
นี่คือธรรมดาของพระอริยะระดับอนาคามี
ดังนั้น การกล่าวอ้างของน้องไน้ช์จึงผิดหลักการในคำสอนของเถรวาท
อยากให้ข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า คุณสมบัติเฉพาะตัวของพระอนาคามี คือ มีศีล ๘ ครบถ้วน

พฤติกรรมที่แสดงออกให้เห็นประจักษ์ในชีวิตประจำวัน คือ

•ไม่มีชีวิตคู่ ไม่มีเพศสัมพันธ์
•ไม่กินอาหารหลังเที่ยงวัน
•ไม่แต่งตัวโดยลูบไล้ของหอม •ไม่สวมสร้อยคอ ไม่สวมพวงมาลัย
•ไม่แต่งตัวฉูดฉาดด้วยเสื้อผ้าหลากสี
•ไม่ดูการแสดงที่ยั่วกิเลส เช่น การฟ้อนรำ ขับร้อง
•ไม่นอนบนที่นอนโอ่อ่า
•ขอเพิ่มว่า รวมทั้งไม่เล่นการพนันเช่นเล่นไพ่ แม้จะเล่นกันแบบกินกันสนุกๆก็ตาม (อย่างน้องไน้ช์เล่น)

คุณสมบัตินี้ติดตัวไปแม้หลังตายไปเกิดเป็นโอปปาติกะอยู่ในภพสุทธาวาส (ที่อยู่ของผู้บริสุทธิ์คือพระอนาคามี)

2. เป็นบุตรบุญธรรมเจ้าแม่กวนอิม
อันนี้ก็ต้องว่ากันไปตามหลักวิชา
เจ้าแม่กวนอิมเป็นเทพพระโพธิสัตว์ในคติความเชื่อของมหายาน ซึ่งมหายานในจีนพยายามนำเรื่องของพระโพธิสัตว์เมตไตรยะในอินเดียมาผูกเข้ากับชีวิตของเจ้าหญิงเมี่ยวซานของจีนในอดีตกาลจนเกิดเป็นความเชื่อที่ยิ่งใหญ่ เคยพบหลายคนอ้างว่า

•เป็นคนใกล้ชิดของพระแม่กวนอิมก็มี
•เป็นบริวารแยกตัวมาเกิดก็มี

แต่ที่มาแปลกคือน้องไน้ช์อ้างว่า ‘เป็นบุตรบุญธรรม’ ก็แสดงว่าเคยเกิดร่วมกับเจ้าแม่กวนอิมมาแล้ว

ข้ออ้างนี้เมื่อนำไปเทียบกับข้ออ้างที่ว่า ตนเองเป็นพระอนาคามี ซึ่งหมายถึง ผู้ไม่กลับมาเกิดอีกในกามภพ ก็ยิ่งทำให้เห็นว่า ข้ออ้างของน้องไน้ช์ดูสับสนมากและผิดจากหลักการของเถรวาทตรงที่ว่าหลังจากเป็นพระอนาคามีแล้วยังมาเกิดในกามภพอีกมากมายตั้งแต่เป็นลูกบุญธรรมเจ้าแม่กวนอิม มาเกิดเป็นพญานาค แล้วมาเกิดเป็นน้องไน้ช์
สำหรับข้อนี้มีคำถามสำคัญ คือ

•การเป็นพระอนาคามีเป็นในสมัยใด ครั้งพุทธกาลหรือหลังพุทธกาล ?
•การเกิดเป็นลูกบุญธรรมเจ้าแม่กวนอินเกิดในสมัยใด ?
•การเกิดเป็นพญานาคเกิดในสมัยใด ?
การเกิดที่ว่ามาล้วนเป็นการเกิดต้องห้ามของพระอนาคามีทั้งสิ้น
จึงอยากให้น้องไน้ช์หรือทีมงานน้องไน้ช์ตอบให้กระจ่างว่า
’เป็นพระอนาคามีในสมัยใด ? ที่สำคัญ สมัยก่อนเจ้าแม่กวนอิมหรือสมัยหลังเจ้าแม่กวนอิม ?‘

3. พระพุทธเจ้าและเทพเกลียดดอกไม้สีเหลืองให้เอาดอกไม้สีเหลืองออกจากโต๊ะหมู่บูชา อันนี้ ต้องคุยกันตรงๆ น้องไน้ช์ใช้คำว่า พระพุทธเจ้าและเทพเกลียดหรือไม่ชอบดอกไม้สีเหลือง

ผมขอชี้แจงว่า ลักษณะเกลียดหรือไม่ชอบแบบนี้เป็นลักษณะนิสัยของปุถุชน ยิ่งเกลียดหรือไม่ชอบดอกไม้สีเหลือง ยิ่งแปลกไปใหญ่
ถ้าเป็นเทพหรือเทวดาไม่ว่ากันเพราะยังมี กิเลส

แต่ถ้าบอกว่า เป็นพระพุทธเจ้า ขอชี้แจงว่า ผิดไปแล้ว เพราะการเกลียดถึงขั้นให้ต้องเอาออกไปให้พ้น อันนี้เป็นเกลียดแบบโทสะซึ่งสัมพันธ์กับโลภะคือรักหรืออยากได้แต่ไม่สมปรารถนาจึงเกลียด พระพุทธเจ้าไม่เคยเกลียดแบบโทสะ แต่มีที่ระบุว่า

‘พระพุทธเจ้าทรงรังเกียจบาป ทรงรังเกียจความชั่ว ทรงรังเกียจคนชั่ว’ แล้วทรงเข้าไปช่วยเหลือแก้ไขให้พ้นจากการทำบาปเป็นการทำบุญ จากคนชั่วเป็นคนดี ด้วยพระมหากรุณาคุณเป็นที่ตั้ง เรื่องนี้ ทีมงานน้องไน้ช์ต้องเข้าใจ

4. ได้แสงสีทองจากพระพุทธเจ้ามาเชื่อมจิต
ข้อนี้เท่ากับว่า น้องไนช์ติดต่อพระพุทธเจ้าได้ผมจึงขอชี้แจงทำความเข้าใจว่า ว่ากันโดยหลักการแล้ว ในคติของเถรวาท พระพุทธเจ้าตรัสว่า หลังดับขันธปรินิพพาน พระองค์จะไม่มีรูปนาม (ตัวตน) ปรากฏในที่ไหนอีกต่อไป ก็คือ จะไม่มีการไปปรากฏพระองค์ให้ใครเห็นในโลกไหน ไม่มีการไปพบกับใคร ไปช่วยใครสอนใคร

ดังนั้น ข้อนี้ น้องไน้ช์ก็ผิดโดยหลักการของคำสอนเถรวาท ส่วนในชีวิตจริง จะมีใครมาเชื่อมจิตกับน้องไน้ช์อย่างไรไม่ทราบ
แต่ขอยืนยันว่า ไม่ใช่พระพุทธเจ้าแน่นอน ไม่ใช่พระอรหันต์องค์ใดๆทีนิพพานไปแล้วด้วย ก็ด้วยหลักคำสอนเถรวาทที่ว่า
’พระอรหันต์ไม่ว่าพระพุทธเจ้าหรือพระสาวกเมื่อดับขันธ์แล้วก็ไม่มีตัวตนปรากฏอีกต่อไป’
เรื่องนี้เป็นหลักคำสอนพื้นฐานในหลักการของเถรวาท

5. ได้รับบัญชาจากพระพุทธเจ้ามาเพื่อฟื้นฟูศาสนา อันนี้ ถ้าเข้าใจตามข้อ ๔ ก็จะได้คำตอบว่า ในเมื่อเถรวาทมีหลักการว่า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ หลังดับขันธปรินิพพาน ไม่มีพระองค์หรือตัวตนปรากฏแล้ว แล้วจะไปบัญชาใครได้อย่างไร
อย่างไร ส่วนหนึ่งต้องขอขอบใจน้องไน้ช์ที่อ้างว่าได้รับบัญชามาเพื่อฟื้นฟูศาสนา ฟังแล้วก็น่าชื่นใจนะที่ว่า ต้องการให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองทำวิปัสสนา จะได้เกิดปัญญา คุ้มครองประเทศชาติ เอาละจะฟื้นฟูอย่างไรก็มีสิทธิ์คิดมีสิทธิ์พูดนะ แต่เริ่มให้ถูกที่ถูกทางก่อน ไม่งั้นจะหลงทิศหลงทางไปกันใหญ่

6. บอกว่าเป็นลูกพระพุทธเจ้าในชาติก่อนเป็นเจ้าชายสิทธัตถะมาเกิด ข้อนี้ว่ากันตามหลักการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏของคำสอนในเถรวาทแล้วพูดได้ ส่วนที่ว่าเป็นลูกพระพุทธเจ้าในชาติก่อนเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ
คำถามคือ ชาติก่อนนั้น ชาติไหน ? ถ้าเป็นชาติก่อนเป็นเจ้าชายสิทธัตถะคือชาติไหน น่าจะต้องระบุได้ ไม่งั้นก็จะไม่พ้นข้อหาว่าตีกิน ลองทบทวนดู เอา ๑๐ ชาติก่อนก็ได้ ตั้งแต่ เต. ช. สุ. เน. ม.ภู.จ.นา.วิ.เว. จากนั้นก็ลองนึกตามชาดก ๕๐๐ ชาติดู เผื่อสติไปสะดุดได้บ้าง

แต่ถ้าเป็นชาติที่เป็นเจ้าชายสิทธัตถะ อันนี้ ผิดหลักการไปใหญ่ ในชาตินั้น ลูกของพระองค์ก่อนออกบวชมีคนเดียว คือ พระราหุล ไม่มีมากกว่านั้น เรื่องนี้ก็เป็นธรรมดาของพระโพธิสัตว์ทุกองค์ในชาติสุดท้าย คือ ชาติที่จะตรัสรู้

**หมายเหตุ

ผมตอบแล้วแบบให้หลักการ สำหรับผู้ใหญ่ฝ่ายต่างๆไว้พิจารณา จึงสุดท้ายนี้ จะขอสรุปด้วยคำพูดของคุณม่อนว่า ‘น้องสอนผิดทุกคลิปคะ ม่อนได้ติดตามมานานแล้วคะ คำสอนอันตรายต่อพระพุทธศาสนา ผิดหลักการไปหมด

#จับทุกอย่างมายำรวมมิตรคะ คุณม่อนเธอยังเหลือมุมมองในแง่ดีว่า ’เด็กอาจมีความสนใจศาสนาในอดีตชาติก็ได้ แต่ชาตินี้ยังไม่ได้รับคำสอนที่ถูก จึงพูดไปตามประสาเด็ก แล้วผู้ใหญ่เอาความพิเศษของเด็กทึกทักว่าเป็นคำสอนที่ถูก ก็เลยขัดแย้งกับคำสอนไปหมด เพราะยังเด็ก‘

@ คำฝากเตือน
จะเห็นว่า ที่น้องไน้ช์ว่ามา เบื้องต้นก็อาจพูดได้ว่า ‘น้องพูดอวดอุตตริมนุสสธรรม คือ คุณวิเศษของคนที่สูงส่ง หรือ คุณวิเศษที่สูงเกินที่คนธรรมดาจะมีได้ ซึ่งยังบอกไม่ได้ว่าน้องจะมีจริงหรือไม่มี’ ขั้นต่อไป ก็คงต้อง สอบสวนกัน อันนี้คงต้องเป็นหน้าที่ของราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้ง

•มหาเถรสมาคมซึ่งเป็นองค์กรหลักในการดูแลพระพุทธศาสนา
•สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เครื่องมือทำงานของมหาเถรสมาคม
และ
•เจ้าหน้าที่ตำรวจ

ส่วนที่ผมมาชี้แจง ไม่ใช่เพื่อรังแกเด็ก แต่เพื่อให้สติคนใหญ่ได้คิดกันให้รอบคอบ
ทั้งผู้ใหญ่ที่สนับสนุนเด็ก และผู้ใหญ่ที่ไม่เห็นด้วยกับเด็ก ซึ่งเห็นว่าผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายยังต้องการองค์ความรู้ทางพระพุทธศาสนาไปช่วยสนับสนุนแนวคิด โดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่สร้างเด็กสนับสนุนเด็กอย่าหวังเพียงแค่เอาความน่าพิศวงของเด็ก ออกแสดง คงต้องคิดถึงเรื่องถูกผิดตามคำสอนในพระไตรปิฎกบาลีเถรวาทให้มาก เพราะนี่คือหลักของสังคมพุทธไทย แต่ถ้าหากไม่สนใจถูกผิดตามหลักการ ต่อไปเด็กอาจผิดพลาดหนักด้วยการสอนผิด เนื่องจากแค่ความเข้าใจเบื้องต้นว่า เป็นพระอนาคามีมาเกิด ก็ผิดอยู่แล้ว
ยิ่งเข้าใจว่าไปเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉานคือพญานาคมาก่อนมาเกิดเป็นน้องไน้ช์
ยิ่งผิดไปใหญ่ เพราะในคำสอนเถรวาทมีหลักอยู่ว่า

‘พระอริยะตั้งแต่ขั้นแรกคือพระโสดาบันขึ้นไปจะไม่เกิดเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย หรือแม้แต่สัตว์ดิรัจฉานใดๆ เพราะมีศีล ๕ บริสุทธิ์ ’
จึงอยากบอกว่า แล้วพระอนาคามีซึ่งมีสภาวะทางจิตสูงกว่าพระโสดาบันจะไปเกิดได้อย่างไร
เมื่อคำสอนเถวาทมีหลักอย่างนี้ คำบอกของน้องไน้ช์จึงผิดมาแต่แรก และเชื่อว่าจะผิดต่อไปเรื่อย ๆ
แม้เรื่องพญานาค ๗ เศียรก็ตาม ก็อาจจะผิดพลาดอีกได้ เพราะพญานาค ๗ เศียรไม่มีจริง แต่เกิดจากการบันดาลของพญามารสมัยพระเจ้าอโศกเพื่อหลอกพระอรหันต์รูปหนึ่งให้เข้าใจผิด แต่สุดท้ายก็ถูกจับได้และถูกลงโทษ จนกระะทั่งพญามารคลายมิจฉาทิฏฐิ


@@@ ครั้งที่ ๒
ถาม-ตอบ เกี่ยวกับน้องไน้ช์ ครั้งที่ ๒
อาจเป็นเทวาจุติช่วยพระพุทธศาสนาได้
หากน้องไนช์กับทีมสร้างยอมเข้าสู่ขั้นตอน
’ทิฏฐุชุกรรม‘ - การทำความเห็นให้ตรง
——
@ คุณวสุ สรรกำเนิด (ถ้าผมจำไม่ผิด) ถามมาว่า
…ตามที่ ดร.ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์ แสดงความเห็นว่า
’กรณี “อาจารย์น้องไนซ์” คล้ายประเด็น “ครูกายแก้ว” ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือน ส.ค. 2566 ว่าเป็นเสรีภาพทางศาสนาและความเชื่อ ในหลักคิดว่า
”ทุกคนมีสิทธิจะพูดสอน สร้างหลักธรรม ตีความสอนพุทธ สร้างศาสนาในแนวของตัวเอง... และเป็นสิทธิเสรีที่คนอยากจะเชื่อก็เชื่อได้”
เป็นความคิดที่ถูกต้องหรือไม่ ? อย่างไร ?อยากให้ช่วยอธิบายให้ละเอียดด้วยครับ
@ คำตอบ
เสรีภาพ คือ ความอิสระ ไม่ว่าจะทางศาสนา ทางการเมืองหรือทางไหนๆ ก็มีเสรีภาพ อยู่ ๓ ทาง
•เสรีภาพชอบโดยกฏหมาย
•เสรีภาพชอบโดยธรรมะ
•เสรีภาพชอบโดยกิเลส
ถ้าจะถามว่า ทั้ง ๓ ทางนี้ ทางไหนน่ากลัวที่สุด ?
• เสรีภาพชอบโดยกฏหมาย ก็เห็นภาพชัดว่าเข้าที เพราะสังคมทุกวันนี้ยึดและอยู่กันด้วยกฏหมายและกฏระเบียบต่าง ๆ ที่อิงกับกฏหมายเป็นหลัก สังคมก็เรียบร้อยระดับหนึ่ง
• เสรีภาพชอบโดยธรรมะ คือ ยึดเสรีภาพบนพื้นฐานของความดีตามหลักศีลธรรมเป็นหลัก
เสรีภาพ ๒ ข้อนี้เกี่ยวข้องกัน
เสรีภาพชอบโดยกฏหมายร่างขึ้นเป็นรูปธรรมตามแนวทางเสรีภาพชอบโดยธรรม ก็คือ
ถอดรูปแบบศีลธรรมไปเป็นกฏหมายเพื่อการปฏิบัติพร้อมมีบทลงโทษสำหรับการทำผิด
ดังนั้น ในการปฏิบัติตามกฏหมาย
ถ้ามีธรรมะอยู่ในใจจะปฏิบัติตามง่ายขึ้น
เพราะความถูกต้องโดยธรรมะจะยึดความถูกต้องแบบมีศีลสมาธิปัญญากำกับ ซึ่งวิธีปฏิบัติจะดำเนินไปตามแนวอริยมรรคมีองค์ ๘
•ส่วนเสรีภาพชอบโดยกิเลส ข้อนี้แหละคือ ปัญหา
เพราะเป็นเสรีภาพที่อาจทำให้บิดเบี้ยวหหมด ทั้งเสรีภาพชอบโดยกฏหมาย และ เสรีภาพชอบโดยธรรม
@ มีคำกล่าวว่า เสรีภาพในรูปประชาธิปไตยที่บ้านเราไปไม่รอดก็เพราะ เสรีภาพชอบโดยกิเลส นี่แหละ
นักประชาธิปไตยบ้านเรา ดูเหมือนจะเริ่มต้นสวยด้วยชูเสรีภาพชอบโดยกฏหมายพร้อมชูเสรีภาพชอบโดยธรรมที่มักมาในรูปธรรมาภิบาล แต่แล้วสุดท้ายถูกเสรีภาพชอบโดยกิเลสทำลายเรียบ
ผลจึงจบลงแบบต้องปฏิวัติรัฐประหาร
ในกรณีที่ ดร.ศิลป์ชัยกล่าวก็เช่นกัน น่าจะเป็นเสรีภาพชอบโดยกิเลสเสียมากกว่า คือ
ใช้ความชอบ กับ ไม่ชอบส่วนตัวเป็นหลัก แล้วอ้างว่า ทุกคนมีสิทธิ์
คำอ้างแบบเหมาเข่งนี้มีใช้ในอารยประเทศเช่น อเมริกา ซึ่งนักวิชาการการมืองสายอเมริกาชอบอ้างว่า
‘พลเมืองอเมริกันทุกคนมีสิทธิ์เป็นประธานาธิบดี’
คำถามที่จะถามกลับ ก็คือ
‘แล้วในความเป็นจริง ทุกคนได้เป็นและเป็นได้ไหมเล่า ?’
คำตอบ ที่ใครไม่ต้องตอบก็เห็นกันโทนโท่อยู่ว่า
‘ทุกคนไม่ได้เป็นและเป็นไม่ได้’
ทั้งๆที่มีสิทธิ์ เพราะการได้เป็นและเป็นได้ต้องเป็นไปตามกระบวนการคัดกรองผ่านการเลือกตั้ง จนกระทั่งเหลือแบบมีสิทธิจริงๆแค่ ๒ คน แล้วสุดท้าย ก็มีเพียงคนเดียวที่ได้เป็น
ผมเห็นด้วยที่ว่า
•อยากจะเชื่อ (คือ ชอบไม่ชอบ) เป็นสิทธิเสรีภาพส่วนตัวบุคคล
•การจะไปตีความ ไปสร้างคำสอนเอง ก็ไม่ว่ากันเป็นสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลที่ทำได้
•จะพูดจะสอนตามคำสอนที่ตัวเองตีความก็ไม่ว่าอีก ถือเป็นสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลเช่นกัน
แต่ที่ไม่เห็นด้วยเลยกับที่ว่า
…มีสิทธิ…สร้างหลักธรรมตีความสอนพุทธ สร้างศาสนาในแนวทางของตัวเอง…
ถ้าจะสร้างศาสนาขึ้นมาเองก็ไม่ว่านะ แต่ที่ต้องว่า คือ
…สร้างหลักธรรมตีความสอนพุทธ…
ซึ่งก็หมายถึง
•จะสร้างหลักธรรม
•ตีความ
•สอน พุทธ
คำถาม คือ
จะสร้างหลักธรรมอะไร ?
จะตีความอะไร ?
จะตีความอย่างไร ?
สอนพุทธ นั้นสอนพุทธอะไร ?
ซึ่งคำพูดนี้ จะหมายถึงอะไรไปได้ ถ้าไม่ใช่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนา มีคำสอนที่พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้แล้วว่า ‘ธรรมะของพระองค์

•อาทิกัลยาณัง งามตั้งแต่เริ่มต้น
•มัชเฌกัลยาณัง งามในท่ามกลาง
•ปริโยสานกัลยาณัง งามตอนจบ
•สาตถัง มีเนื้อหาและความหมายสมบูรณ์
•สพยัญชนัง มีอักษรที่รองรับให้ออกเสียงได้ชัดเจนพรหมจรรย์ที่ประกาศ
•เกวลปริปุณณัง ล้วนบริบูรณ์ครบถ้วน
•ปริสุทธัง บริสุทธิ์‘

เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วจะต้องไปสร้างอะไร คำสอนของพระพุทธเจ้าคือพระธรรม ซึ่งพระพุทธเจ้าไม่ได้สร้าง แต่ได้มาจากการรู้แจ้งเห็นจริงด้วยพระปัญญาบริสุทธิ์
คำสอนของพระองค์มีความแจ่มชัดในตัวเอง ปัญญาอย่างน้องไน้ช์หรือทีมของน้องไน้ช์ไม่พอที่จะตีความได้ถูกต้องหรอก
ดีไม่ดีจะตีความออกนอกลู่นอกทาง ทำให้คนที่ศรัทธาเชื่อถือหลงทางยุ่งเหยิงไปกันใหญ่
จะบาปเปล่า ๆ
ความเห็นที่ ดร.ท่านนี้พูด ดูจะกระทบพระพุทธศาสนาในภาพรวมหมด ทั้ง สถาบันพระพุทธศาสนา องค์กรสงฆ์ องค์กรพุทธต่างๆ แต่เอาละผมจะไม่เลยไปชวนวิวาทขนาดนั้น หากสถาบันหรือองค์กรที่ว่ามารู้สึกเดือดร้อนจะไปทำอะไรก็แล้วแต่ กฏหมายคงเปิดช่องไว้แล้ว ส่วนผมมาวันนี้ก็เพียงแต่จะเตือนเหมือนเดิมว่า อย่าไปหนุนกันถึงขึ้นให้

•สร้างหลักธรรม
•ตีความ และ
•ใช้คำว่า สอนพุทธ เลย จะเละเทะกันไปใหญ่เพราะองค์ความรู้ที่สร้างมาแต่แรกว่า น้องไน้ช์เป็นพระอริยะระดับอนาคามีมาเกิด ก็ผิดแล้วตามหลักการของเถรวาท ไฉนผู้ใหญ่ที่ว่ามาซึ่งอ้างตัวเองเป็นนักวิชาการศาสนาช่างไม่เฉลียวใจกันบ้างเลยหรือว่ามันผิด ?
ไฉนจึงช่างคลั่งไคล้ในสิทธิเสรีภาพมากกว่าความถูกต้ิองขั้นพื้นฐานของคำสอนในพระพุทธศาสนา ? เอาเข้าจริง ความผิดนี้ใหญ่หลวงนะ ถ้าเชื่อและปฏิบัติกันตามนี้ถือว่าล้มคำสอนเกี่ยวกับสำเร็จเป็นอริยะขั้นพื้นฐานของเถรวาทเลย การไปแตะจุดสำคัญของพระพุทธศาสนาอย่างนี้เข้าแม้จุดเดียว
ยังไม่ต้องไปถึงขนาดว่ารับบัญชาของพระพุทธเจ้ามาเกิดหรอก ก็น่าจะเข้าใจได้ทันทีว่า

‘น้องไน้ชหมดสิทธิ์
ผู้ใหญ่ที่จับมือกันหนุนน้องไน้ช์เองก็หมดสิทธิ์ ที่จะมาอ้างเอา พุทธ เพื่อความชอบธรรมในการสร้างคำสอน ในการตีความ และในการสอน’ เหตุผลก็คือ มันผิดหลักของเถรวาทมาแต่แรกแล้ว เมื่อเริ่มต้นผิด แล้วจะไปถูกต่อไปได้อย่างไร ที่มีประโคมว่า ‘ผู้ใหญ่ไปศรัทธาเด็ก กราบไหว้เด็ก แล้วจะเหมาว่าเด็กถูกต้อง ขนาดผิดก็จะไม่ผิด’ นั้นจะถือเอาเป็นประมาณได้หรือ ? เพราะเท่าที่ผ่านมาก็เห็นกันนักต่อนัก ผู้ใหญ่ในบ้านเราก็เคยศรัทธาอะไรมากันมากมาย อย่าว่าแต่กับพระกับคนเลย แม้ผีสางนางไม้ สัตว์ดิรัจฉานที่ร่างกายพืกลพิการ เช่น หมูกีบเท้า ๖ กีบ จิ้ิงจก ๒ หาง ปลาไหล ๒ หัวก็พากันไปกราบไหว้มาแล้ว

แต่นั่นก็ยังไม่อันตรายต่อพระพุทธศาสนาถึงขั้นที่เราต้องมาเสียเวลาติดตามเรื่องกัน
แต่สำหรับกรณีน้องไน้ช์นี้อันตราย ถึงขนาดที่ว่า ต้องทำ ’ทิฏฐุชุกรรม‘ คือ ทำความเห็นให้ตรง ทำความเห็นให้ถูกต้ิอง ตามหลักเถรวาที่สืบค้นได้ในพระไตรปิฎก ทางออกที่ดี เมื่อเห็นกันว่า น้องไน้ช์เป็นเด็กอัจฉริยะขนาดนี้ อ้างถึงพระพุทธเจ้าเป็นว่าเล่น ผู้ใหญ่ที่ตั้งใจหนุนน้องไน้ช์ก็น่าจะหนุนให้ไป

•เข้าฝึกปฏิบัติสมาธิวิปัสสนา กับพระมหาเถระสายปฏิบัติที่เชื่อถือได้
ถ้าเมืองไทยไม่พอจะไปที่พม่าก็ได้
•เข้าเรียนพระไตรปิฎกให้ถูกที่ถูกทาง กับพระมหาเถระสายพระไตรปิฎก
ถ้าเมืองไทยไม่พอจะไปที่พม่าอีกก็ได้
เพื่ออะไร ? ก็เพื่อว่า ต่อเมื่อได้ความรู้แท้จริง ผ่านการยอมรับของพระมหาเถระทั้งฝ่ายชำนาญปริยัติชำนาญปฏิบัติแล้ว น้องไน้ช์ค่อยออกมาทำงานช่วยสังคมช่วยโลกให้คนกราบไหว้ ก็จะเกิดประโยชน์มหาศาล
เพราะน้องอายุยังน้อย มีเวลาพัฒนาตน ขอแต่ว่า แต่ละท่านที่หนุนยืดอายุไว้ให้ถึงวันนั้นของน้องไน้ช์ก็แล้วกัน ดีไม่ดีอาจจะเป็นหลักช่วยทำพระพุทธศาสนาให้สง่างาม ดีกว่าไปดันทุรังเอาชนะ ตั้งกองอารักขา โดยอ้างสิทธิเสรีภาพทางกฏหมาย อ้างสิทธิด้านสิทธิมนุษยชน มาคุ้มครองพฤติกรรมของเด็ก

ผมเรียนว่า …อย่าคุ้มครองเด็กโดยสิทธิเสรีภาพชอบโดยกิเลส เลย แล้วสุดท้าย ก็จะเสียใจไปตามๆกัน เมื่อลัทธิบูชาครูกายแก้วท้าทายกฏหมายมาแล้ว ก็ขอลัทธิบูชาความอัศจรรย์ของเด็กอย่างน้องไน้ช์ อย่าท้าทายกฏหมายอีกเลย เพราะเท่ากับเอาอนาคตของเด็กมาเสี่ยงกับเสรีภาพชอบโดยกิเลสของผู้ใหญ่ไม่กี่คน
——
439332580_400787536169944_7248170891217267785_n (1).jpg (75.39 KiB) เข้าดูแล้ว 149 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
ตอบกลับ

กลับไปยัง “คุยนอกเรื่องใดๆ ที่ไม่เกี่ยวกับจักรยาน”