![รูปภาพ](http://www.thaimtb.com/images/reviewcolcx/pic1.jpg)
NEW Colnago Cyclocross World Cup 2014 ได้ออกมาขายสักพักแล้ว ทาง sportbicycle ได้เสนอนำมาให้ทดลองขี่
เนื่องจากผมนี่ขาเสือภูเขามาก่อนอยู่แล้ว จึงขอจัดมาทำรีวิวเลยครับ
Cyclocross ใครจะเรียกมันว่าไรดีล่ะ "เสือหมอบอเนกประสงค์" หรือ "เสือหมอบขาลุย" ก็น่าจะได้
ถ้ารถเสือหมอบเปรียบเสมือนรถสปอร์ตความเร็วสูง เสือภูเขาเหมือนรถกระบะ ,Cyclocross ก็เสมือนรถ SUV หรือ sport utility เช่นรถ Honda CRV ประมาณนั้น คือทำความเร็วก็ได้ไม่แพ้รถเก๋งทั่วไป ลุยได้ประมาณนึง คือไปได้ทุกหนแห่งที่อยากจะไป ไม่เหมือนรถสปอร์ตที่เจอหลังเต่าก็แทบจะท้องติดต้องคลานแล้ว
ทุกๆวันนี้ ผมใช้รถยนต์ประเภท SUV ในชีวิตประจำวัน แล้วทำไมผมถึงจะไม่ชอบ Cyclocross ล่ะ
ต่อไปจะขอเรียกเจ้า Cyclocross ย่อๆว่าคือ CX ก็เป็นที่รู้กันนะครับ
บางคนซื้อเสือหมอบมาเพื่อปั่นความเร็วไม่เกิน 30กม/ชม.ถ้าไม่ได้เน้นแข่งขัน จะไปเน้นแต่งเบา แต่งแอโร่ไปเพื่ออะไร ยิ่งนำมาขี่ในเส้นทางถนนที่ไม่ได้เรียบกิ๊บเช่นถนนในกทม. ความสบายก็จะเทียบไม่ได้กับรถที่มียางใหญ่ๆเช่นรถเสือภูเขาหรือรถ Hybrid หรือรถทัวรริ่ง แต่นั่นก็ไม่สามารถทำความเร็วได้ดีเช่นเสือหมอบ หรือ CX
บางคนซื้อเสือภูเขามาเพื่อปั่นทางเรียบ ใส่ยางเล็กๆ ล๊อคโช็ค แต่ด้วยมิติ ด้วยเกียรที่จำกัด ยังไงถ้าจะไปขี่ร่วมกับเสือหมอบ ก็ตามไม่ทันอีก
Cyclocross (CX) จึงเหมาะกับการขี่ในสถานการณ์ต่างๆ ขี่ร่วมทริปกับเสือหมอบก็ได้ ไปปั่นกับเสือภูเขาก็ไหว
วันนี้ผมจะมารีวิวให้ฟัง ทั้งการปั่นทำความเร็วกับเสือหมอบ หรือไปลุยกับเสือภูเขา ว่าเจ้า CX จะทำได้ดีเพียงใด
เรื่องสเปกรถโดยละเอียด ขอยกไปเขียนท้ายบทความนี้นะครับ อยากรีวิวการใช้งานจริงให้เกิดกิเลศก่อนครับ
![Wink ;)](./images/smilies/icon_e_wink.gif)
[align=center]
![รูปภาพ](http://www.thaimtb.com/images/reviewcolcx/green_cx.jpg)
สนามทดสอบ #1 ปั่นเทียบกับเสือหมอบ "สนามเขียว"[/align]
วันนี้ผมอยากลองทดสอบว่าเจ้า Colnago CX มันจะหนืดกว่าการขี่เทียบกับเสือหมอบขนาดไหน
การทดสอบนี้จะใช้การวัดเทียบด้วย Power meter หรืออุปกรณ์วัดวัตต์ โดยเจ้า Colnago CX คันนี้ใช้ล้อ 700C ซึ่งจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางเท่าล้อ 29" ของเสือภูเขาครับ ผมเลยใช้ล้อดุม Powertap MTB ที่ผมมีอยู่ นำมาเปลี่ยนใส่ยาง 700x25C แล้วนำมาใช้กับ Colnago CX คันนี้ได้เลยครับ
[align=center]
![รูปภาพ](http://www.thaimtb.com/images/reviewcolcx/green_powertapdisc.jpg)
![รูปภาพ](http://www.thaimtb.com/images/reviewcolcx/green_powertaphub.jpg)
![รูปภาพ](http://www.thaimtb.com/images/reviewcolcx/green_tire.jpg)
ส่วนรถเสือหมอบอีกคันที่ผมใช้ประจำคือ Bianchi Otre XR2 ซึ่งเป็นเฟรมคาร์บอน ติดขาจานวัดกำลังวัตต์ Power2max
ความรู้สึกจากการขี่
ปั่นที่สนามเขียวถนนไม่ค่อยเรียบเท่าไร ความรู้สึกแรก Colnago CX ค่อนข้างกระด้างกว่าเฟรมอีกคันที่เป็นคาร์บอน ซึ่งก็ไม่แปลกใจเพราะ Colnago CX คันนี้เป็นเฟรมอลูมิเนียม และยังใส่ยางเสือหมอบปกติสูบลมที่ 120psi ยางจึงค่อนข้างแข็งและซับแรงสะเทือนน้อย เมื่อผมปล่อยลมออกเหลือ 100psi คราวนี้ขี่ได้นุ่มสบายกว่ากันเยอะเลย ซึ่งจริงๆจุดเด่นของรถประเภท Cyclocross หรือ CX นี้คือมันสามารถใช้ยางหน้ากว้างได้อย่าง 700x35C ได้อย่างสบายๆ การซับแรงกระแทกจากยางมันจะมีความให้ตัวได้ดีกว่าเฟรมคาร์บอนอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องแลกด้วยความหนืดของยาง ที่ทำให้ต้องใช้กำลัง(watt) มากขึ้นเท่าไรล่ะ?
ทดสอบนี้ ตอนแรกผมพยายามปั่นที่ความเร็วคงที่ 30กม/ชม.ไม่เร็วไม่ช้าจนเกินไป คันละ 1 รอบ เพื่อจะลองวัดวัตต์เปรียบเทียบสองคัน แต่วันนี้เจอลมแรงมาก และค่อนข้างเปลี่ยนแปลง ขาไปจึงต้องลดเหลือเพียง 25km/hr ส่วนขากลับขึ้นไปถึง 35-40km/hr
เมื่อลองดู ค่า powerเฉลี่ย พบว่าตลอดเส้นทางเดียวกัน ถ้าวัตต์ของ CX เป็น 180w , ถ้าเป็นเสือหมอบจะประมาณ 160w หรือว่า Cyclocross วันนี้จะใช้กำลังเหนื่อยมากกว่าเสือหมอบทั่วไปประมาณ 10% ครับ นี่คือกรณีให้ cx ใส่ยางใหญ่กว่าและลมอ่อนกว่า ถ้ายอมใส่ยางเท่ากัน ลมเท่ากัน วัตต์ก็อาจจะต่างกันน้อยกว่ามากเพราะน้ำหนักรถต่างกันนิดเดียว, ถ้ามองในแง่ดี เท่ากับเราได้มีโอกาสซ้อมได้หนักกว่าเพื่อนร่วมขบวนนะครับ
![Very Happy :D](./images/smilies/icon_e_biggrin.gif)
นอกจากนี้ผมยังนำไปเจ้า Colnago CX คันนี้ไปขี่ทางเรียบเส้นต่างๆอีกมากมายในรอบสองเดือน เช่น เส้น ช๊อควิว,อุโมงราบ11,ซึ่งค่อนข้างชอบในความสะบายจากการใช้รถในชีวิตประจำวันได้ดี
[align=center]
![รูปภาพ](http://www.thaimtb.com/images/reviewcolcx/lkm_start.jpg)
สนามทดสอบ #2 Night ride กับขบวนรถด่วน "ลานคนเมือง"[/align]
หลายคนอาจสงสัย Colnago CX จะมาปั่นตามเสือหมอบได้ดีเพียงใด ด้วยจานหน้าสองใบขนาด 46/36 เกียร์ขนาดนี้ เรายังสามารถปั่นความเร็วระดับ 40 ต้นๆไม่เกิน 40-45 ได้อย่างสบายครับ ไม่ถึงกับควงเป็นหนูถีบจักร ซึ่งความเร็วขนาดนี้คงบอกได้ว่า 99% ของทุกทริปคุณไปได้หมด แต่ยกเว้นถ้าจะเอา CX ไปหมกกับกลุ่มขาแรงที่อัดกัน 50++ หรือจะไปแข่ง sprint กับใครหน้าเส้นก็ขอบอกว่าจานหน้าของเกียร์จะทำความเร็วไม่พอครับ อาจต้องปรับไปใช้ขนาด 53 ฟันนั่นเลย แต่จานขนาด 46/36 นี้แหละผมว่าเหมาะสมที่สุดกับการขี่ทั่วไปแล้ว โดยเฉพาะกับช่วงขึ้นเขาซึ่งจะขี่ได้สบายกว่า
ใครได้มาปั่นกับ "ลานคนเมือง" คงทราบดีว่าที่นี่ปั่นกับทุกคืนจันทร์พุธศุกร์ แบ่งเป็นกลุ่มเร็วมาก/เร็วน้อย/ช้าแยกกัน วันนี้คนน้อยเลยรวมกัน ความเร็วตลอดเส้นทางจะประมาณ 40 ต้นๆกม./ชม. ตามกราฟข้างล่างนี้เลย เมื่อรวมช่วงช้า rolling เลยดูเหมือน AV 36.88 โดยความรู้สึกจากการเอา CX ไปไล่ตามเสือหมอบคราวนี้ ต้องบอกว่าเหนื่อยใช้ได้เลย แต่ก็ไม่ถึงกับปั่นตามไม่ไหว ยังคงปั่นตามได้ตลอดเส้นทาง แต่ที่มั่นใจกว่ามากคือเรื่องยางที่ใหญ่กว่า ไม่ต้องกลัวเวลาลงหลุมที่มองไม่เห็น และเบรกที่พร้อมจะเลียได้ดั่งใจในขณะขี่กลุ่ม ซึ่งการขี่กลุ่มใหญ่ๆ ไม่ว่าเราขี่ดีแค่ไหน แต่เราเสียวจริงๆว่าจะไปซวยโดนใครซวยมาปาดเรา ถ้าข้างหน้าเบรกเราต้องควบคุมเบรกของเราให้ดี การใช้ discbrake ของคันนี้ ช่วยให้ผมมั่นใจมาก โดยเฉพาะถ้าวันไหนต้องขี่ตอนฝนตกนี่บอกได้เลย discbrake นี่สุดๆเลย
[align=center]
![รูปภาพ](http://www.thaimtb.com/images/reviewcolcx/speed_lkm.jpg)
![รูปภาพ](http://www.thaimtb.com/images/reviewcolcx/garmin_lkm.jpg)
[align=center]
![รูปภาพ](http://www.thaimtb.com/images/reviewcolcx/cx_testkoayai.jpg)
สนามทดสอบ #3 ปั่นขึ้นเขาใหญ่-เขาเขียว จุดสูงสุดของภาคกลาง[/align]
ใครเคยขึ้นเขาใหญ่ต่อด้วยเขาเขียว ด้วยเสือหมอบ ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาครับเพราะด้วยเกียร์ที่หนักว่าเสือภูเขา และมีหลายช่วงชันๆ เหนื่อยแน่นอน วันนี้ลองนำ CX ซึ่งใช้จานหน้าเล็ก 46/36 ฟันและเฟืองหลัง 11-28ฟัน ช่วงเขาใหญ่ประมาณ 30กม.ไม่มีปัญหาอะไร วันนี้ยังอยู่ในช่วงซ้อมเบา base training ผมก็พยายามตั้ง Heartrate ให้ไม่เกิน 150bpm แต่พอถึงช่วงขึ้นเขาเขียว เริ่มชันมากๆในหลายช่วง ก็ยังปั่นได้แบบขาไม่แตะพื้น แต่ Heartrate ต้องขึ้นไปถึง 170bpm เลยทีเดียว
[align=center]
![รูปภาพ](http://www.thaimtb.com/images/reviewcolcx/cx_strava.jpg)
ความสนุกบังเกิดช่วงขาลงเขาเขียว ใครเคยนำเสือหมอบปั่นลงจากเขาเขียว จะรู้สึกได้เลยว่าทรมานนิ้วและขอบล้อมาก เพราะช่วงความชันที่มากๆ ต้องคอยบีบเบรกตลอดเวลา แต่จะบีบค้างไว้ก็ไม่ได้ ขอบล้อคาร์บอนจะร้อนมากจนไหม้พังกันพอดี แต่สำหรับ CX คันนี้ขี่ลงเขาได้แบบสบายๆมาก เพราะด้วยยางที่ใหญ่ขึ้นจะทำให้นุ่มกว่ามาก ใส่ลมยางได้อ่อนลง และยังได้เบรกชนิดดิสเบรก จึงทำให้สามารถเนียนเบรกได้ดีกว่ามาก ลงเขายาวๆไม่ต้องกลัวขอบล้อคาร์บอนไหม้อีกเลย นี่แหละรถซ้อมขึ้นเขาที่เราต้องการ
[align=center]
![รูปภาพ](http://www.thaimtb.com/images/reviewcolcx/subeigi_cx.jpg)
สนามทดสอบ #4 ลุยเส้นทางเสือภูเขา "ซับอิจิ สระบุรี"[/align]
ทุกคนคงจะสงสัยกันว่า Cyclocross จะเข้าป่าลุยกับเสือภูเขาได้ไหวแค่ไหน ทริปนี้ผมนำ Colnago CX ไปปั่นร่วมทริปกับกลุ่ม BPMTB โดยวันนี้เป็นคันเดียวที่เป็นเสือหมอบ Cyclocross หลายคนมองๆว่าจะไปรอดซักแค่ไหน ?
![รูปภาพ](http://www.thaimtb.com/images/reviewcolcx/subeigi_start.jpg)
![รูปภาพ](http://www.thaimtb.com/images/reviewcolcx/03.jpg)
![รูปภาพ](http://www.thaimtb.com/images/reviewcolcx/29.jpg)
ทริปนี้ผมเปลี่ยนใส่ยางเดิมๆจากโรงงานคือ KENDA 700x32C ลายดอกยางลุยได้พอสมควร ขนาดหน้ายางอาจจะแคบหน่อย ถ้าเทียบกับเสือภูเขาคงประมาณ 26x1.5 และด้วยความสูงของล้อ 700C เทียบเท่าล้อ 29" การผ่านหลุมหรืออุปสรรคจึงทำได้ดี แต่เนื่องจากรถ Cyclecross ไม่มีโช็คหน้า ดังนั้นการควบคุมรถอาจจะต้องใช้ทักษะของผู้ขี่มากขึ้นในการผ่อนแรงปะทะที่ข้อมือ เส้นทางวันนี้เป็นเส้นทางเข้าป่าแบบเสือภูเขาล้วนๆไม่มีทางปูนหรือทางลาดยาง รถ Colnogo CX คันนี้ก็สามารถขี่ตามเสือภูเขาได้ตลอดทริปได้ทุกเส้นทางที่เราไปกัน ทั้งการขี่ single track,ทางทราย,ทางลูกลังคลุกหิน,ทางเนินลูกลัง ถึงแม้ยาง Cyclocross ที่ใส่วันนี้จะหน้าแคบ แต่ผมไม่รู้สึกว่าจะควบคุมยากหรือแฉลบแต่อย่างไร ในทางลูกลังโล่งๆ เจ้า Cyclocross จะสามารถทำความเร็วได้เร็วกว่าเสือภูเขาได้มากครับ เนื่องจากล้อและเกียร์ที่ทดได้ดีกว่า บวกกับล้อและยางที่หน้าแคบกว่าจึงมีแรงเสียดทานต่ำกว่า รับรองว่าถ้าเอาเสือภูเขามาฟัดตาม Cyclocross ไม่ทันแน่
แต่ Cyclocross ก็มีข้อเสียที่เนื่องจากไม่มีโช็คหน้า จึงมีแรงสะเทือนมาถึงมือมากกว่าเสือภูเขาที่มีโช็คหน้า Cyclocross จึงเหมาะสมกับเส้นทางที่ไม่ได้มีหินลอยก้อนโตๆให้รูดเร็วๆนะครับ ล้อหน้าจะสะเทือนจนควบคุมยาก แต่ถ้าไปช้าๆหน่อยนี่เส้นทางไหนก็ไปด้วยกันได้หมด และการที่ Cyclocross จะมีจานหน้าสองใบขนาด 46/36 ซึ่งจะเน้นทำความเร็วสูงๆ ถ้าเจอทางชันๆอาจจะขึ้นไม่ไหว ต้องลงมาเข็นหรือแบกเอาจะเร็วกว่า แต่ถ้าช่วงชันสั้นๆและขี่ทักษะดีๆใช้ความเร็วส่งก็คงจะไปได้ตลอดทุกเนิน
![รูปภาพ](http://www.thaimtb.com/images/reviewcolcx/subeigi_trail.jpg)
![รูปภาพ](http://www.thaimtb.com/images/reviewcolcx/subeigi_yok.jpg)
บางช่วงเส้นทางที่ต้องแบกรถทุกคัน ผมรู้สึกแบกได้สบายกว่าคนอื่นทันที เพราะรถ Cyclocross ในช่วง 8กก. จะมีน้ำหนักเบากว่าเสือภูเขาพอสมควรเลยทีเดียว
![รูปภาพ](http://www.thaimtb.com/images/reviewcolcx/subeigi_dh.jpg)
ถ้านำเสือ Cyclocross มาปั่นในเมือง ผมพบข้อดีอย่างนึงคือ สามารถขึ้นลงฟุตบาท หรือลงบันไดสูงๆได้อย่างสบาย ไม่เหมือนเสือหมอบที่ขี่แบบนี้ไม่ได้
สำหรับรูปและสเปกโดยละเอียด อยู่ข้างล่างโพสถัดไปนะครับ
บทสรุป
Colnago CX คันนี้ คือเสือหมอบอเนกประสงค์จริงๆ เนื่องจากล้อ 700C มีขนาดรัศมีเทียบเท่าล้อ 29" คุณจึงสามารถนำชุดล้อเสือภูเขา 29"มาใช้ได้ โดยอาจจะนำมาเปลี่ยนเป็นยาง Cyclocross ตระกูล 700C ที่มีลายดอกตะกุยได้ ใครที่คิดที่มีรถแค่คันเดียวที่สามารถปรับสถานการณ์ไปเป็นรถ OnRoad/OffRoad ได้หลายรูปแบบเพียงแค่เปลี่ยนยาง เมื่อใส่ยางเสือหมอบมันก็ทำงานได้ไม่ต่างกับเสือหมอบ อาจจะหนักกว่าเสือหมอบทั่วไปนิดหน่อย เพราะเน้นความแข็งแรงสำหรับงานลุย เฟรมรุ่นนี้เป็นวัสดุอลู ความนุ่มนวลอาจจะสู้คาร์บอนไม่ได้ แต่ราคาก็ประหยัดกว่ามาก และเหตุผลจากการเข้าไปขี่ในป่ามีโอกาสพลาดไปฟาดกับต้นไม้ เฟรมอลูจะสร้างความเสียหายได้น้อยกว่าเฟรมคาร์บอน ที่เฟรมคาร์บอนถึงแม้จะแข็งแต่เปราะถ้ามีแรงประทะด้านข้างอาจจะแตกได้ง่าย ต่างกับอลูมิเนี่ยมที่อาจจะแค่บุบ
ถ้าท่านคิดว่าซื้อเสือหมอบมาก็ปั่นความเร็วไม่สูง ช้ากว่าคนอื่นหน่อยก็ไม่เป็นไร เน้นความปลอดภัยจากการใช้ดิสเบรกในทางลงเขา และยังสามารถนำไปเข้าป่าปั่นกับเพื่อนฝูงได้ด้วย Colnago CX Cyclocross เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจของคุณครับ
![Wink ;)](./images/smilies/icon_e_wink.gif)
ืิ.[homeimg=300,200]http://www.thaimtb.com/forum/picture_mt ... 107561.jpg[/homeimg]