ขอเชิญร่วมงานโครงการ “เที่ยวประหยัดพลังงาน ขี่จักรยานชมเมือง
ผู้ดูแล: เสือชอร์
กฏการใช้บอร์ด
ชมรมจักรยานจังหวัดกาญจนบุรี
ผู้ดูแลบอร์ด โทร 0813722240
ชมรมจักรยานจังหวัดกาญจนบุรี
ผู้ดูแลบอร์ด โทร 0813722240
- ToNYSHoPPeR
- ขาประจำ
- โพสต์: 4863
- ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ม.ค. 2009, 20:23
- Tel: 0 8 7 - 8 0 9 2 5 3 0
- team: WoodLand เมืองไม้
- Bike: Dogma F8 Team SKY
Re: ขอเชิญร่วมงานโครงการ “เที่ยวประหยัดพลังงาน ขี่จักรยานชมเมือง
ทางน่าปั่นมากๆๆครับ ท่านประธาน somsak ผมหละอดตื่นเต้นไม่ได้ครับ สงสัยได้เก็บบรรยากาศถ่ายรูปตลอดทางแน่ๆเลยครับผม
วันนี้มีพลพรรดนักปั่นจากถิ่นแม่น้ำแควมา Meeting กันเรื่องวันที่ 13 ที่ใกล้จะถึงนี้ครับ ที่ร้านเฉลิมยนต์
นายแบบจากแม่น้ำแควเพิ่งคัดตัวมาหยกๆ ค่าตัว 35 ล้านดอง อิอิ ถ่ายกับ Radar Cop เกรด B+ สักหน่อย อิอิ
Private_M ซ้อมสะผอมซูบ หุ่น Brad Prit เลย
เสือตัน กับ เสือ M แวะมาสนทนา(ไซโค) วันที่ 13 นี้ 5555 เสือเรียบโดนเผากระจาย
ผู้ชายหันหลังนั้นเสี่ยกล้วยไม้ Rucifer สุดหล่อค่ะตะเอง คิคิ
วันนี้มีพลพรรดนักปั่นจากถิ่นแม่น้ำแควมา Meeting กันเรื่องวันที่ 13 ที่ใกล้จะถึงนี้ครับ ที่ร้านเฉลิมยนต์
นายแบบจากแม่น้ำแควเพิ่งคัดตัวมาหยกๆ ค่าตัว 35 ล้านดอง อิอิ ถ่ายกับ Radar Cop เกรด B+ สักหน่อย อิอิ
Private_M ซ้อมสะผอมซูบ หุ่น Brad Prit เลย
เสือตัน กับ เสือ M แวะมาสนทนา(ไซโค) วันที่ 13 นี้ 5555 เสือเรียบโดนเผากระจาย
ผู้ชายหันหลังนั้นเสี่ยกล้วยไม้ Rucifer สุดหล่อค่ะตะเอง คิคิ
T o N Y @ S H o P P e R ^---^..
BanpongChillChill #BPCC # Woodland Facebook >>>> Banpong Chill Chill
BanpongChillChill #BPCC # Woodland Facebook >>>> Banpong Chill Chill
- somsak tarasunton
- ขาประจำ
- โพสต์: 3952
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 12:01
- Tel: 081-1997717
- team: ชมรมจักรยานจังหวัดกาญจนบุรี
- Bike: Cervélo-Specialized -merida- bianchi-TREk
Re: ขอเชิญร่วมงานโครงการ “เที่ยวประหยัดพลังงาน ขี่จักรยานชมเมือง
จากจุดเริ่มต้นถึงตรงนี้ประมาน 20 ก.ม.ทางลงเนินวัดเมตตราธรรมและวัดถ้ำพุหว้าทางลงยาว-ธรรมชาติข้างทางสวยมาก
- ไฟล์แนบ
-
- IMG_0358 (Medium).jpg (54.3 KiB) เข้าดูแล้ว 1108 ครั้ง
-
- IMG_0347 (Small) (Medium) (Large).jpg (46.01 KiB) เข้าดูแล้ว 1107 ครั้ง
- somsak tarasunton
- ขาประจำ
- โพสต์: 3952
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 12:01
- Tel: 081-1997717
- team: ชมรมจักรยานจังหวัดกาญจนบุรี
- Bike: Cervélo-Specialized -merida- bianchi-TREk
Re: ขอเชิญร่วมงานโครงการ “เที่ยวประหยัดพลังงาน ขี่จักรยานชมเมือง
ถึงเวลาเราต้องแยกจากกันตามความชอบของเรา-แยกนี้เสื้อหมอบเลี้ยวซ้าย เสือภูเขาทางเรียบเลื้ยวขวา
- ไฟล์แนบ
-
- IMG_0360 (Medium).jpg (66.29 KiB) เข้าดูแล้ว 1094 ครั้ง
- โอ่ง คนงาม
- ขาประจำ
- โพสต์: 20038
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 08:18
- ติดต่อ:
Re: ขอเชิญร่วมงานโครงการ “เที่ยวประหยัดพลังงาน ขี่จักรยานชมเมือง
เรียนท่านประธานชมรมจักรยานกาญจนบุรี ทีมบ้านโป่งขี่มั่วให้ทั่วไทยขอส่งรายนามนักปั่นที่จะไปร่วมงานในวันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน 2552 เดินทางโดยรถของคุณบอย บ้านโป่ง รถคันที่ 1 (บ้านโป่งยังมีไปอีกหลายคัน) มีรายนามดังต่อไปนี้
1).คุณ มานพ เหลืองอรุณ (เฮียนั๊ม)
2).คุณ สนทยา ธงชัย (เสือเจี๊ยบจอมจี้)
3).คุณ อนุชา ไกรวุฒิอนุสรณ์ (บอยบ้านโป่ง)
4).คุณ อุดม ปกรณ์ธรรม
5).คุณ เกษม วิเศษศรีพงษ์ (เสือหน่อย)
6).คุณ สมชาย หลีล้วน (หนุ่มบึงกระจับ)
7).คุณ สัญญา ภุมรินทร์ (สัญโยงบ้านป่า)
8).คุณ คัมภีร์ รูปสม (เอ๋ผมทอง)
9).คุณ ประสาท สุขแป้น (โอ่ง คนงาม)
10).คุณ ธวัช ศุภกิจ
รวมทั้งหมด 10 ท่านครับ
1).คุณ มานพ เหลืองอรุณ (เฮียนั๊ม)
2).คุณ สนทยา ธงชัย (เสือเจี๊ยบจอมจี้)
3).คุณ อนุชา ไกรวุฒิอนุสรณ์ (บอยบ้านโป่ง)
4).คุณ อุดม ปกรณ์ธรรม
5).คุณ เกษม วิเศษศรีพงษ์ (เสือหน่อย)
6).คุณ สมชาย หลีล้วน (หนุ่มบึงกระจับ)
7).คุณ สัญญา ภุมรินทร์ (สัญโยงบ้านป่า)
8).คุณ คัมภีร์ รูปสม (เอ๋ผมทอง)
9).คุณ ประสาท สุขแป้น (โอ่ง คนงาม)
10).คุณ ธวัช ศุภกิจ
รวมทั้งหมด 10 ท่านครับ
- ToNYSHoPPeR
- ขาประจำ
- โพสต์: 4863
- ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ม.ค. 2009, 20:23
- Tel: 0 8 7 - 8 0 9 2 5 3 0
- team: WoodLand เมืองไม้
- Bike: Dogma F8 Team SKY
Re: ขอเชิญร่วมงานโครงการ “เที่ยวประหยัดพลังงาน ขี่จักรยานชมเมือง
โอ่ง คนงาม เขียน:เรียนท่านประธานชมรมจักรยานกาญจนบุรี ทีมบ้านโป่งขี่มั่วให้ทั่วไทยขอส่งรายนามนักปั่นที่จะไปร่วมงานในวันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน 2552 เดินทางโดยรถของคุณบอย บ้านโป่ง รถคันที่ 1 (บ้านโป่งยังมีไปอีกหลายคัน) มีรายนามดังต่อไปนี้
1).คุณ มานพ เหลืองอรุณ (เฮียนั๊ม)
2).คุณ สนทยา ธงชัย (เสือเจี๊ยบจอมจี้)
3).คุณ อนุชา ไกรวุฒิอนุสรณ์ (บอยบ้านโป่ง)
4).คุณ อุดม ปกรณ์ธรรม
5).คุณ เกษม วิเศษศรีพงษ์ (เสือหน่อย)
6).คุณ สมชาย หลีล้วน (หนุ่มบึงกระจับ)
7).คุณ สัญญา ภุมรินทร์ (สัญโยงบ้านป่า)
8).คุณ คัมภีร์ รูปสม (เอ๋ผมทอง)
9).คุณ ประสาท สุขแป้น (โอ่ง คนงาม)
10).คุณ ธวัช ศุภกิจ
รวมทั้งหมด 10 ท่านครับ
โหๆ มีรายชื่อพร้อมรถโก๋ะบอยเต็มแล้วน้อง ToNY ไปยังไงเนี่ยครับ???? ไม่ชวนลงชื่อเลย
พี่บอย ไม่ชวนกันสักคำ น้อยใจแล้วเนี่ย
ว่าแล้วปั่นไปท่าจะดี
T o N Y @ S H o P P e R ^---^..
BanpongChillChill #BPCC # Woodland Facebook >>>> Banpong Chill Chill
BanpongChillChill #BPCC # Woodland Facebook >>>> Banpong Chill Chill
- โอ่ง คนงาม
- ขาประจำ
- โพสต์: 20038
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 08:18
- ติดต่อ:
Re: ขอเชิญร่วมงานโครงการ “เที่ยวประหยัดพลังงาน ขี่จักรยานชมเมือง
คุณหลานโทนี่ขาจรวดต้องไปรถคันที่ 2 แล้วมีไปอีกหลายคันไม่ต้องห่วง..
- somsak tarasunton
- ขาประจำ
- โพสต์: 3952
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 12:01
- Tel: 081-1997717
- team: ชมรมจักรยานจังหวัดกาญจนบุรี
- Bike: Cervélo-Specialized -merida- bianchi-TREk
Re: ขอเชิญร่วมงานโครงการ “เที่ยวประหยัดพลังงาน ขี่จักรยานชมเมือง
ปั่นมาได้ประมาน 35 ก.ม ถึงพิพิธภัณฑ์บ้านเก่า
ประวัติความเป็นมา
บ้านเก่าเป็นตำบลเล็ก ๆ ริมฝั่งแม่น้ำแควน้อย อยู่ในเขตอำเภอเมืองกาญจนบุรี อยู่ห่างไปทางทิศเหนือประมาณ ๓๕ กิโลเมตร เป็นสถานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากได้มีเชลยศึกชาวฮอลันดาซึ่งถูกเกณฑ์ให้มาสร้างทางรถไฟสายมรณะคนหนึ่งชื่อ ดร.แวน ฮิคเดอเรน ได้พบเครื่องมือสมัยหินหลายชิ้นในบริเวณนี้จึงเก็บรวบรวมไว้ และได้บันทึกเรื่องราวเปิดเผยเกี่ยวกับสิ่งที่ค้นพบออกเผยแพร่ นักโบราณคดี นักมานุษยวิทยา นักโบราณชีววิทยา นักธรณีวิทยา ฯลฯ ทั้งที่เป็นชาวไทย และชาวต่างประเทศได้ร่วมมือกันสำรวจ และศึกษาค้นคว้าเรื่องราวของบ้านเก่า ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๓ เป็นต้นมา ผลการศึกษาค้นคว้าพบหลักฐานว่า ตำบลบ้านเก่าเคยเป็นที่อยู่อาศัยของคนตั้งแต่ประมาณ ๕๐๐,๐๐๐ ปีเศษมาแล้ว จากการค้นพบเรื่องราวของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่บ้านเก่า ทำให้บ้านเก่ากลายเป็นสถานที่ดึงดูดใจนักประวัติศาสตร์ และนักโบราณคดีเป็นจำนวนมาก กรมศิลปากรจึงได้สร้างพิพิธภัณฑ์บ้านเก่า เพื่อจัดเก็บโบราณวัตถุบางส่วนที่ค้นพบสำหรับนักท่องเที่ยว และผู้สนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ได้ชมและศึกษาค้นคว้า
ลักษณะทั่วไป
พิพิธภัณฑ์บ้านเก่า เป็นพิพิธภัณฑ์ค่อนข้างเล็ก เก็บรักษาเฉพาะโบราณวัตถุที่ค้นพบที่บ้านเก่า มีโครงกระดูกของมนุษย์ในยุคหินจัดวางอยู่บนแท่นดินที่ขุดลงไปในดิน ให้ได้ระดับเดียวกับที่พบโครงกระดูก ส่วนเครื่องมือเครื่องใช้ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่พบในบริเวณเดียวกัน เช่น ขวานหิน หรือที่เรียกขวานฟ้า เครื่องประดับต่าง ๆ ที่ทำจากหอย เครื่องปั้นดินเผา และสิ่งอื่น ๆ วางประดับอยู่ในพิพิธภัณฑ์
หลักฐานที่พบ
โครงกระดูกของมนุษย์ในยุคหิน เครื่องมือหินกะเทาะจากหินกรวด ขวานหินขัดสมัยใหม่ จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเครื่องมือยุคหินใหม่ จึงเรียกเครื่องมือหินนี้ว่าวัฒนธรรมแฟงน้อย ( fengnoi culture) หรือวัฒนธรรมแควน้อย
เส้นทางเข้าสู่พิพิธภัณฑ์บ้านเก่า
เดินทางโดยรถไฟหรือรถยนต์ ทางรถไฟจะต้องลงที่สถานีบ้านเก่า และเช่ามอเตอร์ไซค์รับจ้างไปที่พิพิธภัณฑ์ หรือจะลงรถไฟที่สถานีท่าตาเสือแล้วเดินย้อนกลับมาที่วัดท่าโป๊ะ ระยะทาง ๒ กิโลเมตร เดินทางโดยรถยนต์จะสะดวกกว่า เนื่องจากมีรถยนต์จากอำเภอเมืองกาญจนบุรีไปตามเส้นทางสายกาญจนบุรี - ลุ่มสุ่ม ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๑ ชั่วโมง
ประวัติความเป็นมา
บ้านเก่าเป็นตำบลเล็ก ๆ ริมฝั่งแม่น้ำแควน้อย อยู่ในเขตอำเภอเมืองกาญจนบุรี อยู่ห่างไปทางทิศเหนือประมาณ ๓๕ กิโลเมตร เป็นสถานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากได้มีเชลยศึกชาวฮอลันดาซึ่งถูกเกณฑ์ให้มาสร้างทางรถไฟสายมรณะคนหนึ่งชื่อ ดร.แวน ฮิคเดอเรน ได้พบเครื่องมือสมัยหินหลายชิ้นในบริเวณนี้จึงเก็บรวบรวมไว้ และได้บันทึกเรื่องราวเปิดเผยเกี่ยวกับสิ่งที่ค้นพบออกเผยแพร่ นักโบราณคดี นักมานุษยวิทยา นักโบราณชีววิทยา นักธรณีวิทยา ฯลฯ ทั้งที่เป็นชาวไทย และชาวต่างประเทศได้ร่วมมือกันสำรวจ และศึกษาค้นคว้าเรื่องราวของบ้านเก่า ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๓ เป็นต้นมา ผลการศึกษาค้นคว้าพบหลักฐานว่า ตำบลบ้านเก่าเคยเป็นที่อยู่อาศัยของคนตั้งแต่ประมาณ ๕๐๐,๐๐๐ ปีเศษมาแล้ว จากการค้นพบเรื่องราวของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่บ้านเก่า ทำให้บ้านเก่ากลายเป็นสถานที่ดึงดูดใจนักประวัติศาสตร์ และนักโบราณคดีเป็นจำนวนมาก กรมศิลปากรจึงได้สร้างพิพิธภัณฑ์บ้านเก่า เพื่อจัดเก็บโบราณวัตถุบางส่วนที่ค้นพบสำหรับนักท่องเที่ยว และผู้สนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ได้ชมและศึกษาค้นคว้า
ลักษณะทั่วไป
พิพิธภัณฑ์บ้านเก่า เป็นพิพิธภัณฑ์ค่อนข้างเล็ก เก็บรักษาเฉพาะโบราณวัตถุที่ค้นพบที่บ้านเก่า มีโครงกระดูกของมนุษย์ในยุคหินจัดวางอยู่บนแท่นดินที่ขุดลงไปในดิน ให้ได้ระดับเดียวกับที่พบโครงกระดูก ส่วนเครื่องมือเครื่องใช้ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่พบในบริเวณเดียวกัน เช่น ขวานหิน หรือที่เรียกขวานฟ้า เครื่องประดับต่าง ๆ ที่ทำจากหอย เครื่องปั้นดินเผา และสิ่งอื่น ๆ วางประดับอยู่ในพิพิธภัณฑ์
หลักฐานที่พบ
โครงกระดูกของมนุษย์ในยุคหิน เครื่องมือหินกะเทาะจากหินกรวด ขวานหินขัดสมัยใหม่ จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเครื่องมือยุคหินใหม่ จึงเรียกเครื่องมือหินนี้ว่าวัฒนธรรมแฟงน้อย ( fengnoi culture) หรือวัฒนธรรมแควน้อย
เส้นทางเข้าสู่พิพิธภัณฑ์บ้านเก่า
เดินทางโดยรถไฟหรือรถยนต์ ทางรถไฟจะต้องลงที่สถานีบ้านเก่า และเช่ามอเตอร์ไซค์รับจ้างไปที่พิพิธภัณฑ์ หรือจะลงรถไฟที่สถานีท่าตาเสือแล้วเดินย้อนกลับมาที่วัดท่าโป๊ะ ระยะทาง ๒ กิโลเมตร เดินทางโดยรถยนต์จะสะดวกกว่า เนื่องจากมีรถยนต์จากอำเภอเมืองกาญจนบุรีไปตามเส้นทางสายกาญจนบุรี - ลุ่มสุ่ม ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๑ ชั่วโมง
- ไฟล์แนบ
-
- 002 (Small).jpg (56.84 KiB) เข้าดูแล้ว 982 ครั้ง
-
- 3.jpg (41.15 KiB) เข้าดูแล้ว 991 ครั้ง
-
- 4.jpg (45.81 KiB) เข้าดูแล้ว 991 ครั้ง
-
- 5 (Small).jpg (61.66 KiB) เข้าดูแล้ว 987 ครั้ง
-
- 001 (Small).jpg (52.02 KiB) เข้าดูแล้ว 986 ครั้ง
- somsak tarasunton
- ขาประจำ
- โพสต์: 3952
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 12:01
- Tel: 081-1997717
- team: ชมรมจักรยานจังหวัดกาญจนบุรี
- Bike: Cervélo-Specialized -merida- bianchi-TREk
Re: ขอเชิญร่วมงานโครงการ “เที่ยวประหยัดพลังงาน ขี่จักรยานชมเมือง
วิวยังสุดยอดเหมือนเดิมครับ
- ไฟล์แนบ
-
- IMG_0413 (Small).jpg (62.77 KiB) เข้าดูแล้ว 978 ครั้ง
- somsak tarasunton
- ขาประจำ
- โพสต์: 3952
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 12:01
- Tel: 081-1997717
- team: ชมรมจักรยานจังหวัดกาญจนบุรี
- Bike: Cervélo-Specialized -merida- bianchi-TREk
Re: ขอเชิญร่วมงานโครงการ “เที่ยวประหยัดพลังงาน ขี่จักรยานชมเมือง
ก.ม.ที่ 38 อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์
อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ เป็นหนึ่งในอุทยานประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำแควน้อยทางทิศเหนือใน
เขตตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี แวดล้อมด้วยทิวเขาเป็นแนวยาวอยู่โดยรอบ ลักษณะผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืน
ผ้า กำแพงเมืองก่อด้วยศิลาแลง กว้างประมาณ 800 เมตร หมายถึงส่วนกว้างของเมือง ยาวประมาณ 850 เมตร และกำแพงสูง 7
เมตร มีประตูเข้าออก 4 ด้าน มีคูน้ำคันดินล้อมรอบ ภายในเมืองมีสระน้ำ 6 สระ
ประวัติ : ปราสาทเมืองสิงห์ มีจุดมุ่งหมายสร้างขึ้นเพื่อเป็นพุทธศาสนสถานในพุทธศาสนา นิกายมหายาน จากการขุดตกแต่งของ
กรมศิลปากรที่ค่อยทำค่อยไปตั้งแต่ พ.ศ. 2478 แต่มาเริ่มบุกเบิกกันจริงจังเมื่อ พ.ศ. 2517 แล้วเสร็จเป็นอุทยานประวัติศาสตร์เมื่อ
พ.ศ. 2530 จึงสวยงามดังที่เห็นอยู่ในวันนี้ ปราสาทเมืองสิงห์นี้กล่าวว่าสถาปัตยกรรมและปฏิมากรรม คล้ายคลึงกับของสมัยพระ
เจ้าชัยวรมันที่ 7 (พ.ศ. 1720 - 1780) กษัตริย์นักสร้างปราสาทแห่งขอม จากการขุดแต่งของกรมศิลปากร พบศิลปกรรมที่สำคัญ
ยิ่งคือพระพุทธรูปนาคปรก "พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร" และ "นางปรัชญาปารมิตา" และยังพบรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่ง
รัศมีอีกองค์หนึ่ง รูปลักษณ์คล้ายกับที่พบในประเทศกัมพูชา ปัจจุบันกรมศิลปากรได้นำไปเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
พระนคร แล้ว คงเหลือแต่องค์จำลองไว้
จากศิลาจารึกปราสาทพระขรรค์ เมืองพระนคร ประเทศกัมพูชา ซึ่งจารึกโดย "พระวีรกุมาร" พระราชโอรสของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
จารึกชื่อเมือง 23 เมือง ที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงสร้างไว้ มีเมืองชื่อ ศรีชัยสิงห์บุรี ซึ่งสันนิษฐานกันว่าคือเมือง"ปราสาทเมืองสิงห์"
นี่เอง และยังมีชื่อของเมือง ละโวธยปุระ หรือ ละโว้ หรือลพบุรี ที่มีพระปรางค์สามยอด เป็นโบราณวัตถุร่วมสมัย
ในสมัยรัชกาลที่ 1 เมืองสิงห์เป็นเมืองหน้าด่าน รัชกาลที่ 4 โปรดให้เจ้าเมืองสิงห์เป็น พระสมิงสิงห์บุรินทร์ แต่สมัยรัชกาลที่ 5 เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นมณฑลเทศาภิบาล จึงยุบเมืองสิงห์เหลือแค่ตำบล
อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ เป็นหนึ่งในอุทยานประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำแควน้อยทางทิศเหนือใน
เขตตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี แวดล้อมด้วยทิวเขาเป็นแนวยาวอยู่โดยรอบ ลักษณะผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืน
ผ้า กำแพงเมืองก่อด้วยศิลาแลง กว้างประมาณ 800 เมตร หมายถึงส่วนกว้างของเมือง ยาวประมาณ 850 เมตร และกำแพงสูง 7
เมตร มีประตูเข้าออก 4 ด้าน มีคูน้ำคันดินล้อมรอบ ภายในเมืองมีสระน้ำ 6 สระ
ประวัติ : ปราสาทเมืองสิงห์ มีจุดมุ่งหมายสร้างขึ้นเพื่อเป็นพุทธศาสนสถานในพุทธศาสนา นิกายมหายาน จากการขุดตกแต่งของ
กรมศิลปากรที่ค่อยทำค่อยไปตั้งแต่ พ.ศ. 2478 แต่มาเริ่มบุกเบิกกันจริงจังเมื่อ พ.ศ. 2517 แล้วเสร็จเป็นอุทยานประวัติศาสตร์เมื่อ
พ.ศ. 2530 จึงสวยงามดังที่เห็นอยู่ในวันนี้ ปราสาทเมืองสิงห์นี้กล่าวว่าสถาปัตยกรรมและปฏิมากรรม คล้ายคลึงกับของสมัยพระ
เจ้าชัยวรมันที่ 7 (พ.ศ. 1720 - 1780) กษัตริย์นักสร้างปราสาทแห่งขอม จากการขุดแต่งของกรมศิลปากร พบศิลปกรรมที่สำคัญ
ยิ่งคือพระพุทธรูปนาคปรก "พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร" และ "นางปรัชญาปารมิตา" และยังพบรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่ง
รัศมีอีกองค์หนึ่ง รูปลักษณ์คล้ายกับที่พบในประเทศกัมพูชา ปัจจุบันกรมศิลปากรได้นำไปเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
พระนคร แล้ว คงเหลือแต่องค์จำลองไว้
จากศิลาจารึกปราสาทพระขรรค์ เมืองพระนคร ประเทศกัมพูชา ซึ่งจารึกโดย "พระวีรกุมาร" พระราชโอรสของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
จารึกชื่อเมือง 23 เมือง ที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงสร้างไว้ มีเมืองชื่อ ศรีชัยสิงห์บุรี ซึ่งสันนิษฐานกันว่าคือเมือง"ปราสาทเมืองสิงห์"
นี่เอง และยังมีชื่อของเมือง ละโวธยปุระ หรือ ละโว้ หรือลพบุรี ที่มีพระปรางค์สามยอด เป็นโบราณวัตถุร่วมสมัย
ในสมัยรัชกาลที่ 1 เมืองสิงห์เป็นเมืองหน้าด่าน รัชกาลที่ 4 โปรดให้เจ้าเมืองสิงห์เป็น พระสมิงสิงห์บุรินทร์ แต่สมัยรัชกาลที่ 5 เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นมณฑลเทศาภิบาล จึงยุบเมืองสิงห์เหลือแค่ตำบล
- ไฟล์แนบ
-
- 2.jpg (52.8 KiB) เข้าดูแล้ว 985 ครั้ง
-
- 3.jpg (41.37 KiB) เข้าดูแล้ว 985 ครั้ง
- somsak tarasunton
- ขาประจำ
- โพสต์: 3952
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 12:01
- Tel: 081-1997717
- team: ชมรมจักรยานจังหวัดกาญจนบุรี
- Bike: Cervélo-Specialized -merida- bianchi-TREk
Re: ขอเชิญร่วมงานโครงการ “เที่ยวประหยัดพลังงาน ขี่จักรยานชมเมือง
จากจุดเริ่มต้นถึงสพานลุ่มสุ่มประมาน 44 ก.ม. เลี้ยวซ้ายขึ้นสะพาน
ถ้าตรงไปประมาน 1 กม.ถึงทางรถไฟสายมรณะถ้ำกระแซ
แต่เราไปไม่ได้จึงเลี้ยวซ้ายขึ้นสะพานลุ่มสุ่ม
ถ้าตรงไปประมาน 1 กม.ถึงทางรถไฟสายมรณะถ้ำกระแซ
แต่เราไปไม่ได้จึงเลี้ยวซ้ายขึ้นสะพานลุ่มสุ่ม
- ไฟล์แนบ
-
- แม่น้ำแควน้อย
- IMG_0372 (Medium).jpg (40.93 KiB) เข้าดูแล้ว 922 ครั้ง
-
- สะพานลุ่มสุ่ม
- IMG_0368 (Medium).jpg (56.19 KiB) เข้าดูแล้ว 923 ครั้ง
แก้ไขล่าสุดโดย somsak tarasunton เมื่อ 05 ก.ย. 2009, 13:52, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
- somsak tarasunton
- ขาประจำ
- โพสต์: 3952
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 12:01
- Tel: 081-1997717
- team: ชมรมจักรยานจังหวัดกาญจนบุรี
- Bike: Cervélo-Specialized -merida- bianchi-TREk
Re: ขอเชิญร่วมงานโครงการ “เที่ยวประหยัดพลังงาน ขี่จักรยานชมเมือง
ประวัติสะพานถ้ำกระแซและทางรถไฟสายมรณะ
ทางรถไฟสายนี้เริ่มต้นจากสถานีหนองปลาดุก อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ผ่านจังหวัดกาญจนบุรีข้ามแม่น้ำแควใหญ่ไปทางทิศตะวันตกจนถึงด่านเจดีย์สามองค์ เพื่อให้ถึงปลายทางที่เมืองตันบูซายัด ประเทศพม่า รวมระยะทางในเขตประเทศไทย 300 กิโลเมตร ใช้เวลาในการสร้างเสร็จเพียง 1 ปี เพื่อใช้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ผ่านประเทศพม่า หลังสงครามทางรถไฟบางส่วนถูกเลาะทิ้ง บางส่วนจมอยู่ใต้ทะเลสาบเขื่อนเขาแหลม ทางรถไฟสายนี้ ถือเป็นอนุสรณ์ให้รำลึกถึงเหตุการณ์สงครามในครั้งนั้นจากน้ำพักน้ำแรงของการบุกเบิกก่อสร้างของทหารเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรที่กองทัพญี่ปุ่นเกณฑ์มา ทิวทัศน์ตลอดเส้นทางนี้สวยงามมาก โดยเฉพาะบริเวณถ้ำกระแซ ที่เส้นทางรถไฟจะลัดเลาะไปตามเชิงผาเลียบไปกับลำน้ำแควน้อย ปัจจุบันทางรถไฟสายนี้สุดปลายทางที่บ้านท่าเสาหรือสถานีน้ำตก ระยะทางจากสถานีกาญจนบุรีถึงสถานีน้ำตกเป็นระยะทางประมาณ 77 กิโลเมตร การรถไฟแห่งประเทศไทยเปิดบริการเดินรถบนเส้นทางสายนี้ทุกวัน และจัดรถไฟขบวนพิเศษสายกรุงเทพฯ - น้ำตก ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ
ทางรถไฟสายนี้เริ่มต้นจากสถานีหนองปลาดุก อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ผ่านจังหวัดกาญจนบุรีข้ามแม่น้ำแควใหญ่ไปทางทิศตะวันตกจนถึงด่านเจดีย์สามองค์ เพื่อให้ถึงปลายทางที่เมืองตันบูซายัด ประเทศพม่า รวมระยะทางในเขตประเทศไทย 300 กิโลเมตร ใช้เวลาในการสร้างเสร็จเพียง 1 ปี เพื่อใช้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ผ่านประเทศพม่า หลังสงครามทางรถไฟบางส่วนถูกเลาะทิ้ง บางส่วนจมอยู่ใต้ทะเลสาบเขื่อนเขาแหลม ทางรถไฟสายนี้ ถือเป็นอนุสรณ์ให้รำลึกถึงเหตุการณ์สงครามในครั้งนั้นจากน้ำพักน้ำแรงของการบุกเบิกก่อสร้างของทหารเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรที่กองทัพญี่ปุ่นเกณฑ์มา ทิวทัศน์ตลอดเส้นทางนี้สวยงามมาก โดยเฉพาะบริเวณถ้ำกระแซ ที่เส้นทางรถไฟจะลัดเลาะไปตามเชิงผาเลียบไปกับลำน้ำแควน้อย ปัจจุบันทางรถไฟสายนี้สุดปลายทางที่บ้านท่าเสาหรือสถานีน้ำตก ระยะทางจากสถานีกาญจนบุรีถึงสถานีน้ำตกเป็นระยะทางประมาณ 77 กิโลเมตร การรถไฟแห่งประเทศไทยเปิดบริการเดินรถบนเส้นทางสายนี้ทุกวัน และจัดรถไฟขบวนพิเศษสายกรุงเทพฯ - น้ำตก ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ
- ไฟล์แนบ
-
- (Small).jpg (70.04 KiB) เข้าดูแล้ว 899 ครั้ง
-
- 2 (Small).jpg (63.01 KiB) เข้าดูแล้ว 900 ครั้ง
-
- 3 (Small).jpg (59.95 KiB) เข้าดูแล้ว 900 ครั้ง
แก้ไขล่าสุดโดย somsak tarasunton เมื่อ 05 ก.ย. 2009, 15:10, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
- โอ่ง คนงาม
- ขาประจำ
- โพสต์: 20038
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 08:18
- ติดต่อ:
Re: ขอเชิญร่วมงานโครงการ “เที่ยวประหยัดพลังงาน ขี่จักรยานชมเมือง
คงต้องให้เสือขี่หลังแล้วเดินแบกข้ามสะพานนี้ไปฝั่งด้านสถานีวังโพดูสักที
- somsak tarasunton
- ขาประจำ
- โพสต์: 3952
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 12:01
- Tel: 081-1997717
- team: ชมรมจักรยานจังหวัดกาญจนบุรี
- Bike: Cervélo-Specialized -merida- bianchi-TREk
Re: ขอเชิญร่วมงานโครงการ “เที่ยวประหยัดพลังงาน ขี่จักรยานชมเมือง
ปางช้างไทรโยคอยู่ติดกับสะพานวังโพ
ปางช้างไทรโยค เปิดบริการให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่พ.ศ 2539โดยมีผู้ก่อตั้งเป็นลูกหลานตระกูลช้างโดยกำเนิดด้วยความรักความเข้าใจความผูกพันในวิถีการดำรงชีวิตของช้าง คุณไชยพงษ์ แสนดี เจ้าของปางช้างไทรโยค จึงพิถีพิถัน ในการเลือกสถานที่ที่ร่มรื่นมีลำธารให้ช้างได้อาบได้ดื่มได้เล่นอย่างมีความสุข มีป่าที่ร่มรื่น ให้ร่มเงาและความอุดมสมบูรณ์ ช้างจึงมีความเป็นอยู่ที่ดี มีความสุข ผสมพันธ์กันและให้ผลผลิตดีมีการเพิ่มจำนวนช้างน้อยขึ้นเรื่อยๆเป็นความภาคภูมิใจของพวกเรายิ่งนัก ขอให้ทุกท่านที่มาเยี่ยมชมจงมีส่วนในการอนุรักษ์ช้างให้
เป็นมรดกไทยมรดกโลกสืบไป
ปู่ย่าตาทวดของเราเป็นชาวกุยชาวส่วยต้นตระกูลช้างจากหมู่บ้านช้างจังหวัดสุรินทร์ซึ่งมีความผูกพันกับวิถีช้างมาเป็นเวลาอันยาวนาน สมัยก่อนช้างมีไว้สำหรับการขนส่ง แบ่งเบาภาระให้เกษตรกรจากหนักเป็นเบา ช่วยลากซุงลากไม้เพื่อนำไม้มาสร้างบ้านเรือน ช้างลากเกวียนขนผลผลิตให้เกษตรกร ในงานบุญงานกุศลงานมงคลงานสำคัญช้างก้อได้เป็นพาหนะที่เชิดหน้าชูตา นอกจากนี้ช้างเป็นพาหนะสำคัญทีช่วยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพระมหากษัตริย์ ช้างจึงมีความสำคัญผูกพันกับพวกเราชาวไทยมาช้านาน
ต่อมาเมื่อมีการปิดป่า เพื่ออนุรักษ์ป่าไม้และสิ่งแวดล้อมช้างไม่ได้ทำงานในป่าอีกต่อไป จึงจำเป็นที่จะต้องปรับวิถีความเป็นอยู่ให้เข้ากับสภาวะที่เปลี่ยนไป คุณ ไชยพงศ์ ได้สร้างคุณค่าให้กับช้างโดยฝึกฝนช้างไว้สำหรับการแสดง ไว้บริการนักท่องเที่ยวนั่งช้างชมธรรมชาติลุยน้ำ เดินในป่า สร้างรายได้ให้กับประเทศชาติของเราเริ่มแรก ปางช้างไทรโยคยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ช้างก้อยังมีจำนวนไม่มากนัก ต่อมามีการพัฒนาปรับปรุงอยู่เรื่อยๆประกอบกับกับมีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมช้างอยู่ดีมีความสุขคุณไชยพงศ์พยายามปรับปรุงสูตรอาหารเสริมให้ช้าง โดยอาศรัยภูมิปัญญาแบบดั้งเดิม ช้างชอบกินอาหารเสริมดั้งเดิมนี้มาก สุขภาพช้างก้อแข็งแรงมากขึ้น
สิบกว่าปีมาแล้ว ปางช้างไทรโยคเป็นที่รู้จักมีชื่อเสียงโด่งดังทั่วกาญจนบุรี ทั่วเมืองไทย ไปทั่วโลกนักท่องเที่ยวนิยมมาที่นี่ มีช้างน้อยเกิดใหม่มากมาย มีการแสดงของช้างน้อยแสนรู้ที่เรียกเสียงฮาเสียงหัวเราะให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน ชุมชนในระแวกใกล้เคียงมีงานทำ สร้างรายได้หมุนเวียนให้กับชุมชนอีกด้วย
ปางช้างไทรโยค ได้รับรางวัล ปางช้างดีเด่น รางวัลการแสดงช้างน้อยแสนรู้ ช้างของคุณ ไชยพงศ์ ได้รับรางวัลสุดยอดฝีมืออาชีพ หนึ่งตำบลหนึ่งอาชีพ ได้รับมาตรฐานปางช้าง มีจำนวนช้างมากถึง 50 เชือก เป็นปางช้างใหญ่ที่สุดในกาญจนบุรี มีช้างมากเพียงพอสำหรับบริการนักท่องเที่ยวที่มาเป็นกลุ่มใหญ่ๆ การดูแลช้างเป็นงานที่ยากและท้าทายมากต้องอาศรัยความรักความเข้าใจแต่คุณ ไชยพงศ์ไม่เคยย่อท้อ บุกบั่น ฝ่าฟันอุปสรรคจนประสพความสำเร็จในที่สุด ทางรายการสู้แล้วรวย ได้ให้เกียรติมาถ่ายทำรายการ ในฐานะคนสู้ชีวิต
จะเห็นได้ว่าปางช้างไทรโยคนั้นแตกต่างกว่าที่อื่นๆชาวช้างตัวจริงได้ดูแลช้าง จึงใคร่ขอเรียนเชิญนักท่องเที่ยวมา เยี่ยมชม มาช่วยกันอนุรักษ์ช้าง ซึ่งเป็นสัตว์สัญลักษณ์ของไทยให้เป็นมรดกไทยมรดกโลกสืบไป
กิจกรรมที่น่าสนใจ
- มาเลี้ยงช้าง ป้อนอาหารให้ช้าง ซึ่งเป็นสัตว์ใหญ่กินจุกินเยอะ เลี้ยงสัตว์ใหญ่ได้บุญบารมีเยอะ
- ถ่ายรูปถ่ายภาพกับช้าง เป็นภาพแห่งความทรงจำและประทับใจไม่รู้ลืม มีบริการถ่ายภาพดิจิตอลเลือกภาพได้ตามความพอใจรอรับได้เลย ภาพชัดคมแจ๋ว
- นั่งช้างชมธรรมชาติ เสริมโชคเสริมบารมี โบราณกล่าวไว้ว่านั่งช้างตามน้ำไหลค้าขายกำไรงาม นั่งช้างชมป่าจะได้พบขุมทรัพย์ในเร็ววัน ท่านที่เป็นข้าราชการเชื่อว่าจะได้เลื่อนขั้นเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง
- ชมช้างให้นมลูกชมความน่ารักของช้างน้อยเกิดใหม่
- ชมความน่ารัก ของการแสดงช้างน้อยแสนรู้
- พิเศษสุดๆที่ปางช้างไทรโยคมีของพิเศษที่หาดูได้ยากนั่นก้อคือ ลูกกรอกช้างเทพมงคลชัย
- ล่องแพไม้ไผ่ชมความงามสองฝั่งของแม่น้ำแควน้อย
ปางช้าง ไทรโยค อยู่ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรี ตามส้นทาง กาญจนบุรี -ไทรโยค
เส้นทาง323 ประมาณ50กม.มีช้างไว้บริการนักท่องเที่ยว50เชือก มีช้างเพิ่งคลอดใหม่มากมาย จึงเพียงพอต่อการบริการนักท่องเที่ยวทีนี่ อยู่ใกล้ป่า ใกล้น้ำ มีภูเขา เหมาะสมสำหรับช้าง และอยู่ใกล้ ตลาด ใกล้แหล่งชุมชน ใกล้สถานที่ท่องเที่ยว ใกล้ สถานที่ราชการ จึงสะดวกสบาย แก่นักท่องเที่ยวยิ่งนัก
-มีที่พักผ่อน สำหรับ มัคคุเทศก์ พนักงานขับรถ และนักท่องเที่ยว สามารถงีบ พักผ่อน ที่เปลไม้ มีมุมกาแฟเล็กๆ ขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่ม มีของที่ระลึกขายอีกด้วย
-บริเวณโชว์ช้าง มีอัฒจันทร์อยู่สองที่ เป็นไม้ไผ่ มุงหญ้าแฝก แบบเรียบง่ายท่านสามารถนั่งชมการแสดงช้างได้อย่างสบาย
-ที่ขึ้นช้าง อยู่ใกล้บริเวณช้างยืน ซึ่งพร้อมที่จะให้บริการแก่นักท่องเที่ยวได้ทันที
ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวทุกท่านมาเยี่ยมชมปางช้างไทรโยค กาญจนบุรีของเรา ยินดีต้อนรับทุกท่าน
ปางช้างไทรโยค เปิดบริการให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่พ.ศ 2539โดยมีผู้ก่อตั้งเป็นลูกหลานตระกูลช้างโดยกำเนิดด้วยความรักความเข้าใจความผูกพันในวิถีการดำรงชีวิตของช้าง คุณไชยพงษ์ แสนดี เจ้าของปางช้างไทรโยค จึงพิถีพิถัน ในการเลือกสถานที่ที่ร่มรื่นมีลำธารให้ช้างได้อาบได้ดื่มได้เล่นอย่างมีความสุข มีป่าที่ร่มรื่น ให้ร่มเงาและความอุดมสมบูรณ์ ช้างจึงมีความเป็นอยู่ที่ดี มีความสุข ผสมพันธ์กันและให้ผลผลิตดีมีการเพิ่มจำนวนช้างน้อยขึ้นเรื่อยๆเป็นความภาคภูมิใจของพวกเรายิ่งนัก ขอให้ทุกท่านที่มาเยี่ยมชมจงมีส่วนในการอนุรักษ์ช้างให้
เป็นมรดกไทยมรดกโลกสืบไป
ปู่ย่าตาทวดของเราเป็นชาวกุยชาวส่วยต้นตระกูลช้างจากหมู่บ้านช้างจังหวัดสุรินทร์ซึ่งมีความผูกพันกับวิถีช้างมาเป็นเวลาอันยาวนาน สมัยก่อนช้างมีไว้สำหรับการขนส่ง แบ่งเบาภาระให้เกษตรกรจากหนักเป็นเบา ช่วยลากซุงลากไม้เพื่อนำไม้มาสร้างบ้านเรือน ช้างลากเกวียนขนผลผลิตให้เกษตรกร ในงานบุญงานกุศลงานมงคลงานสำคัญช้างก้อได้เป็นพาหนะที่เชิดหน้าชูตา นอกจากนี้ช้างเป็นพาหนะสำคัญทีช่วยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพระมหากษัตริย์ ช้างจึงมีความสำคัญผูกพันกับพวกเราชาวไทยมาช้านาน
ต่อมาเมื่อมีการปิดป่า เพื่ออนุรักษ์ป่าไม้และสิ่งแวดล้อมช้างไม่ได้ทำงานในป่าอีกต่อไป จึงจำเป็นที่จะต้องปรับวิถีความเป็นอยู่ให้เข้ากับสภาวะที่เปลี่ยนไป คุณ ไชยพงศ์ ได้สร้างคุณค่าให้กับช้างโดยฝึกฝนช้างไว้สำหรับการแสดง ไว้บริการนักท่องเที่ยวนั่งช้างชมธรรมชาติลุยน้ำ เดินในป่า สร้างรายได้ให้กับประเทศชาติของเราเริ่มแรก ปางช้างไทรโยคยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ช้างก้อยังมีจำนวนไม่มากนัก ต่อมามีการพัฒนาปรับปรุงอยู่เรื่อยๆประกอบกับกับมีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมช้างอยู่ดีมีความสุขคุณไชยพงศ์พยายามปรับปรุงสูตรอาหารเสริมให้ช้าง โดยอาศรัยภูมิปัญญาแบบดั้งเดิม ช้างชอบกินอาหารเสริมดั้งเดิมนี้มาก สุขภาพช้างก้อแข็งแรงมากขึ้น
สิบกว่าปีมาแล้ว ปางช้างไทรโยคเป็นที่รู้จักมีชื่อเสียงโด่งดังทั่วกาญจนบุรี ทั่วเมืองไทย ไปทั่วโลกนักท่องเที่ยวนิยมมาที่นี่ มีช้างน้อยเกิดใหม่มากมาย มีการแสดงของช้างน้อยแสนรู้ที่เรียกเสียงฮาเสียงหัวเราะให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน ชุมชนในระแวกใกล้เคียงมีงานทำ สร้างรายได้หมุนเวียนให้กับชุมชนอีกด้วย
ปางช้างไทรโยค ได้รับรางวัล ปางช้างดีเด่น รางวัลการแสดงช้างน้อยแสนรู้ ช้างของคุณ ไชยพงศ์ ได้รับรางวัลสุดยอดฝีมืออาชีพ หนึ่งตำบลหนึ่งอาชีพ ได้รับมาตรฐานปางช้าง มีจำนวนช้างมากถึง 50 เชือก เป็นปางช้างใหญ่ที่สุดในกาญจนบุรี มีช้างมากเพียงพอสำหรับบริการนักท่องเที่ยวที่มาเป็นกลุ่มใหญ่ๆ การดูแลช้างเป็นงานที่ยากและท้าทายมากต้องอาศรัยความรักความเข้าใจแต่คุณ ไชยพงศ์ไม่เคยย่อท้อ บุกบั่น ฝ่าฟันอุปสรรคจนประสพความสำเร็จในที่สุด ทางรายการสู้แล้วรวย ได้ให้เกียรติมาถ่ายทำรายการ ในฐานะคนสู้ชีวิต
จะเห็นได้ว่าปางช้างไทรโยคนั้นแตกต่างกว่าที่อื่นๆชาวช้างตัวจริงได้ดูแลช้าง จึงใคร่ขอเรียนเชิญนักท่องเที่ยวมา เยี่ยมชม มาช่วยกันอนุรักษ์ช้าง ซึ่งเป็นสัตว์สัญลักษณ์ของไทยให้เป็นมรดกไทยมรดกโลกสืบไป
กิจกรรมที่น่าสนใจ
- มาเลี้ยงช้าง ป้อนอาหารให้ช้าง ซึ่งเป็นสัตว์ใหญ่กินจุกินเยอะ เลี้ยงสัตว์ใหญ่ได้บุญบารมีเยอะ
- ถ่ายรูปถ่ายภาพกับช้าง เป็นภาพแห่งความทรงจำและประทับใจไม่รู้ลืม มีบริการถ่ายภาพดิจิตอลเลือกภาพได้ตามความพอใจรอรับได้เลย ภาพชัดคมแจ๋ว
- นั่งช้างชมธรรมชาติ เสริมโชคเสริมบารมี โบราณกล่าวไว้ว่านั่งช้างตามน้ำไหลค้าขายกำไรงาม นั่งช้างชมป่าจะได้พบขุมทรัพย์ในเร็ววัน ท่านที่เป็นข้าราชการเชื่อว่าจะได้เลื่อนขั้นเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง
- ชมช้างให้นมลูกชมความน่ารักของช้างน้อยเกิดใหม่
- ชมความน่ารัก ของการแสดงช้างน้อยแสนรู้
- พิเศษสุดๆที่ปางช้างไทรโยคมีของพิเศษที่หาดูได้ยากนั่นก้อคือ ลูกกรอกช้างเทพมงคลชัย
- ล่องแพไม้ไผ่ชมความงามสองฝั่งของแม่น้ำแควน้อย
ปางช้าง ไทรโยค อยู่ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรี ตามส้นทาง กาญจนบุรี -ไทรโยค
เส้นทาง323 ประมาณ50กม.มีช้างไว้บริการนักท่องเที่ยว50เชือก มีช้างเพิ่งคลอดใหม่มากมาย จึงเพียงพอต่อการบริการนักท่องเที่ยวทีนี่ อยู่ใกล้ป่า ใกล้น้ำ มีภูเขา เหมาะสมสำหรับช้าง และอยู่ใกล้ ตลาด ใกล้แหล่งชุมชน ใกล้สถานที่ท่องเที่ยว ใกล้ สถานที่ราชการ จึงสะดวกสบาย แก่นักท่องเที่ยวยิ่งนัก
-มีที่พักผ่อน สำหรับ มัคคุเทศก์ พนักงานขับรถ และนักท่องเที่ยว สามารถงีบ พักผ่อน ที่เปลไม้ มีมุมกาแฟเล็กๆ ขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่ม มีของที่ระลึกขายอีกด้วย
-บริเวณโชว์ช้าง มีอัฒจันทร์อยู่สองที่ เป็นไม้ไผ่ มุงหญ้าแฝก แบบเรียบง่ายท่านสามารถนั่งชมการแสดงช้างได้อย่างสบาย
-ที่ขึ้นช้าง อยู่ใกล้บริเวณช้างยืน ซึ่งพร้อมที่จะให้บริการแก่นักท่องเที่ยวได้ทันที
ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวทุกท่านมาเยี่ยมชมปางช้างไทรโยค กาญจนบุรีของเรา ยินดีต้อนรับทุกท่าน
- ไฟล์แนบ
-
- .jpg (54.55 KiB) เข้าดูแล้ว 874 ครั้ง
-
- IMG_0375 (Small).jpg (71.08 KiB) เข้าดูแล้ว 874 ครั้ง
-
- IMG_0377 (Small).jpg (63.57 KiB) เข้าดูแล้ว 873 ครั้ง
- somsak tarasunton
- ขาประจำ
- โพสต์: 3952
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 12:01
- Tel: 081-1997717
- team: ชมรมจักรยานจังหวัดกาญจนบุรี
- Bike: Cervélo-Specialized -merida- bianchi-TREk
Re: ขอเชิญร่วมงานโครงการ “เที่ยวประหยัดพลังงาน ขี่จักรยานชมเมือง
ว่าการประวัติหมู่บ้านวังโพธิ์
บ้านวังโพธิ์ เป็นชุมชนที่มีธรรมชาติอันงดงาม แวดล้อมไปด้วยขุนเขาและสายน้ำปกคลุมไปด้วยป่าดงพงไพร ซ่อนไว้ด้วยประวัติศาสตร์อันลึกล้ำ ยากที่จะค้นหา หากแต่เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา ความลี้ลับของบ้านวังโพธิ์ดินแดนส่วนหนึ่งของกาญจนบุรีจึงถูกค้นพบโดย ดร. แวน ฮิกเคอเรน (Dr. H.R. Van Heekeren) นักโบราณคดีชาวฮอลันดา ทำให้เกิดการขุดค้น สำรวจ เรื่องราวของมนุษย์สมัยที่อาศัยอยู่ตามเถื่อน ตามถ้ำและปรากฏหลักฐานเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าดินแดนแห่งนี้เคยเป็นแหล่งอารยธรรมเก่าแก่แหล่งหนึ่งของมนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์ที่เรียกว่า มนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ เรื่อยมาจนถึงยุคประวัติศาสตร์ การสำรวจเรื่องราวก่อนประวัติศาสตร์เนื่องมาจาก ดร.แวน ฮิกเคอเรน นักโบราณคดี ชาวฮอลันดา ซึ่งทำงานอยู่ในประเทศอินโดนีเชีย ได้ถูกญี่ปุ่นเกณฑ์มาสร้างทางรถไฟสายมรณะสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในระหว่างปี พ.ศ. 2486 – 2487 ขณะที่ทำงานอยู่ที่บ้านเก่า ใกล้สถานีรถไฟบ้านเก่า กิโลเมตรที่ 145 ห่างขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองกาญจน์ 35 กิโลเมตร ได้พบเครื่องมือหินกะเทาจากหินกรวดหลายชิ้น จึงเก็บซ่อนไว้ เมื่อสงครามยุติแล้วได้นำเครื่องมือหินไปศึกษาที่พิพิธภัณฑ์พีบอดี้ มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด กับ ศาสตราจารย์โมเวียสปรากฏว่าเป็นขวานหินยุคใหม่ในปี พ.ศ. 2499 ศาสตราจารย์โมเวียส ได้ส่งลูกศิษย์มาสำรวจ โดยร่วมมือกับกรมศิลปากร ได้ทำการสำรวจตั้งแต่บ้านเก่าถึงวังโพธิ์ เป็นระยะทาง 26 กิโลเมตร พบเครื่องมือเรียกว่าหินกรวด 104 ชิ้น เครื่องมือกะเทาะ 4 ชิ้น พบบริเวณที่ตั้งถิ่นฐานของคนยุคหินใหม่ 2 แห่ง และบริเวณที่ตั้งถิ่นฐานของคนยุคทองสัมฤทธิ์อีกด้วย ต่อมาด้วยความร่วมมือของกองทุนสำรวจเดนมาร์ก กรมศิลปากร สยามสมาคมและจังหวัดกาญจนบุรี ได้รวมกันเป็นคณะเรียกว่า คณะสำรวจไทย – เดนมาร์ก ได้ทำการสำรวจอย่างจริงจัง พบว่าที่ใกล้โรงเลื่อยวังโพธิ์ สถานีรถไฟวังโพ พบเศษเครื่องปั้นดินเผาสมัยประวัติศาสตร์ เศษเครื่องปั้นดินเผายุคโลหะและสมัยหินใหม่ ขวานหินขัดสมัยหินใหม่ ซึ่งมิสเตอร์ คาร์ล ไฮเตอร์ ได้สำรวจและรายงานเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2499 ว่าเป็นบริเวณที่อยู่อาศัยของมนุษย์ยุคทองสัมฤทธิ์
บ้านวังโพธิ์ เป็นชุมชนที่มีธรรมชาติอันงดงาม แวดล้อมไปด้วยขุนเขาและสายน้ำปกคลุมไปด้วยป่าดงพงไพร ซ่อนไว้ด้วยประวัติศาสตร์อันลึกล้ำ ยากที่จะค้นหา หากแต่เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา ความลี้ลับของบ้านวังโพธิ์ดินแดนส่วนหนึ่งของกาญจนบุรีจึงถูกค้นพบโดย ดร. แวน ฮิกเคอเรน (Dr. H.R. Van Heekeren) นักโบราณคดีชาวฮอลันดา ทำให้เกิดการขุดค้น สำรวจ เรื่องราวของมนุษย์สมัยที่อาศัยอยู่ตามเถื่อน ตามถ้ำและปรากฏหลักฐานเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าดินแดนแห่งนี้เคยเป็นแหล่งอารยธรรมเก่าแก่แหล่งหนึ่งของมนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์ที่เรียกว่า มนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ เรื่อยมาจนถึงยุคประวัติศาสตร์ การสำรวจเรื่องราวก่อนประวัติศาสตร์เนื่องมาจาก ดร.แวน ฮิกเคอเรน นักโบราณคดี ชาวฮอลันดา ซึ่งทำงานอยู่ในประเทศอินโดนีเชีย ได้ถูกญี่ปุ่นเกณฑ์มาสร้างทางรถไฟสายมรณะสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในระหว่างปี พ.ศ. 2486 – 2487 ขณะที่ทำงานอยู่ที่บ้านเก่า ใกล้สถานีรถไฟบ้านเก่า กิโลเมตรที่ 145 ห่างขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองกาญจน์ 35 กิโลเมตร ได้พบเครื่องมือหินกะเทาจากหินกรวดหลายชิ้น จึงเก็บซ่อนไว้ เมื่อสงครามยุติแล้วได้นำเครื่องมือหินไปศึกษาที่พิพิธภัณฑ์พีบอดี้ มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด กับ ศาสตราจารย์โมเวียสปรากฏว่าเป็นขวานหินยุคใหม่ในปี พ.ศ. 2499 ศาสตราจารย์โมเวียส ได้ส่งลูกศิษย์มาสำรวจ โดยร่วมมือกับกรมศิลปากร ได้ทำการสำรวจตั้งแต่บ้านเก่าถึงวังโพธิ์ เป็นระยะทาง 26 กิโลเมตร พบเครื่องมือเรียกว่าหินกรวด 104 ชิ้น เครื่องมือกะเทาะ 4 ชิ้น พบบริเวณที่ตั้งถิ่นฐานของคนยุคหินใหม่ 2 แห่ง และบริเวณที่ตั้งถิ่นฐานของคนยุคทองสัมฤทธิ์อีกด้วย ต่อมาด้วยความร่วมมือของกองทุนสำรวจเดนมาร์ก กรมศิลปากร สยามสมาคมและจังหวัดกาญจนบุรี ได้รวมกันเป็นคณะเรียกว่า คณะสำรวจไทย – เดนมาร์ก ได้ทำการสำรวจอย่างจริงจัง พบว่าที่ใกล้โรงเลื่อยวังโพธิ์ สถานีรถไฟวังโพ พบเศษเครื่องปั้นดินเผาสมัยประวัติศาสตร์ เศษเครื่องปั้นดินเผายุคโลหะและสมัยหินใหม่ ขวานหินขัดสมัยหินใหม่ ซึ่งมิสเตอร์ คาร์ล ไฮเตอร์ ได้สำรวจและรายงานเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2499 ว่าเป็นบริเวณที่อยู่อาศัยของมนุษย์ยุคทองสัมฤทธิ์
- ไฟล์แนบ
-
- .jpg (37.65 KiB) เข้าดูแล้ว 868 ครั้ง
-
- ถนนหน้าทีทำอำเภอไทรโยค
- IMG_0391 (Small).jpg (57.12 KiB) เข้าดูแล้ว 870 ครั้ง
- somsak tarasunton
- ขาประจำ
- โพสต์: 3952
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 12:01
- Tel: 081-1997717
- team: ชมรมจักรยานจังหวัดกาญจนบุรี
- Bike: Cervélo-Specialized -merida- bianchi-TREk
Re: ขอเชิญร่วมงานโครงการ “เที่ยวประหยัดพลังงาน ขี่จักรยานชมเมือง
เส้นทางขึ้นเขาวังโพ
- ไฟล์แนบ
-
- IMG_0425 (Small).jpg (53.62 KiB) เข้าดูแล้ว 867 ครั้ง
-
- IMG_0408 (Medium).jpg (52.65 KiB) เข้าดูแล้ว 869 ครั้ง
-
- IMG_0410 (Medium).jpg (66.9 KiB) เข้าดูแล้ว 868 ครั้ง
-
- IMG_0426 (Medium) (Small).jpg (72.28 KiB) เข้าดูแล้ว 866 ครั้ง