จุดนี้ก็น่าจะเป็นอีก 1 ไฮไลท์ของเส้นทางสะพานปูนที่บางกะเจ้าได้เลยครับ
ทางแยกต่าง ๆ ในสะพานปูนน่าจะสร้างความสับสนให้กับสมาชิกได้ดีเลยทีเดียว
![Very Happy :D](./images/smilies/icon_e_biggrin.gif)
อีก 1 ไฮไลท์ที่สร้างความเสียววาบให้กับสมาชิกได้ไม่ใช่น้อย
![Mr. Green :mrgreen:](./images/smilies/icon_mrgreen.gif)
ผู้ดูแล: ถัง สัมมากร MTB
เห็นด้วยครับ....ถัง สัมมากร MTB เขียน:สุดท้ายมาปิดทริปกันที่ Wine Connection @ PASIO ครับ เอ๊ะ.....มันแปลก ๆ นะครับ งอกมาจากไหนอีกตั้งหลายคน![]()
สำหรับวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ (11/01/14) สรุปกันเรียบร้อยแล้วนะครับ เป้าหมายทริปคือ "ร้านสเต็กจริง ๆ" คลอง 11 โดยพวกเราจะนำรถขนจักรยานไปจอดกันที่ Tesco Lotus แถว ๆ แยกหนองจอก แล้วปั่นไปกันครับ ระยะทางไป-กลับ ประมาณ 60 km เท่านั้น สำหรับทริปนี้บอกได้คำเดียวว่าไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะฉะนั้น รบกวนงด party ทุกชนิดตั้งแต่คืนวันศุกร์เป็นต้นไปนะครับ
ข้อดีของการปั่นเป็นกลุ่มแบบนี้ก็คือ สามารถปั่นเกาะกลุ่มเคลื่อนขบวนไปได้เร็วขึ้นในขณะที่ใช้แรงน้อยลง ทำให้ทำเวลาได้ดีขึ้นครับ ถึงที่หมายเร็วขึ้น ปิดทริปได้เร็วขึ้น เมื่อกำหนดความเร็วอย่างเหมาะสมทุก ๆ คนก็จะปั่นเกาะกลุ่มไปพร้อม ๆ กัน ไม่มีการหลุดกลุ่มต้องมาปั่นแหวกลมอย่างเดียวดายครับ ถ้าคนที่เคยตามดูดจะรู้ดีว่าใช้แรงน้อยกว่าปั่นอยู่คนเดียว แถมยังไปได้เร็วกว่าเดิมอีกตะหาก สมมติว่าคนข้างหน้าปั่นอยู่ 30 คนที่ปั่นตามจะปั่นไปด้วยความเร็วเท่า ๆ กันแต่จะใช้แรงเหมือนปั่นแค่ 25-27 เท่านั้นครับ ยิ่งลมต้านเยอะ ๆ ยิ่งเห็นผลมาก เหมือนตอนปั่นดูดรถสิบล้อนั่นแหละครับ ปั่น 40 แช่ ๆ ได้แบบสบาย ๆ เลยReal เขียน:วันนี้มีเรื่อง "การปั่นเป็นกลุ่ม" มาฝากครับ
...การปั่นเสือหมอบในลักษณะเกาะกลุ่มเป็นเส้นตรงหรือที่เรียกว่าpacelineนั้น เป็นลักษณะของการปั่นเข้ากลุ่มที่ให้ประโยชน์แก่สมาชิกทุกๆคน เพราะการปั่นในลักษณะนี้จะช่วยให้คนที่ปั่นตามลดแรงปะทะของลม ทำให้ประหยัดพลังงานเฉลี่ยถึง 26-27% เลยทีเดียว ทำให้สามารถประหยัดพลังงาน และเดินทางได้ระยะทางไกลกว่าการปั่นเพียงลำพัง อย่างไรก็ตามการปั่นในลักษณะนี้มีความจำเป็นที่จะต้องศึกษาและเรียนรู้ถึงหลักการพื้นฐานเพื่อความปลอดภัยของสมาชิกและของทั้งกลุ่ม
...การขี่ในลักษณะpacelines ไม่ใช่เรื่องยากนัก เช่น นักปั่น 5 คน ได้แก่ E D C B และ A ขี่เรียงกันมา โดยA นำหน้าขบวน เมื่อAเลิกเป็นคนนำ ก็จะหลบออกทางด้านซ้าย ลดความเร็วลงแล้วไปต่อหลัง E ปล่อยให้ Bขึ้นมาเป็นผู้นำ จากนั้นเมื่อBเลิกเป็นผู้นำ ก็จะหลบออกทางด้านซ้าย ลดความเร็วลงไปต่อท้ายขบวน คือ ไปต่อท้าย A ดังแผนภูมิ
E - D - C - B - A ------> A หลบออกข้างไปต่อหลังE
A - E - D - C - B ------> B หลบออกข้างไปต่อหลังA
B - A - E - D - C ------>
สรุปก็คือต่างพึ่งพา หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันไป
การdraft หรือการขี่เกาะกลุ่มกัน ควรมีกฎเกณฑ์ที่พึงปฏิบัติ ได้แก่
1. No sudden move หลีกเลี่ยงการเลี้ยว หรือ เร่ง ลดความเร็วแบบทันทีทันควัน
2. Be smooth ในการขี่เรียงกันนั้น เมื่อคันนำหน้าหลบออกด้านข้าง และลดความเร็วลงเล็กน้อยเพื่อที่จะไปต่อท้ายกระบวนนั้น ให้ทุกคนในกลุ่มคิดเหมือนกันว่าคันที่จะขึ้นนำจะยังคงรักษาระดับความเร็วเท่าเดิมไว้ ไม่ใช่เร่งระดับความเร็วขึ้นไปอีก
3. ให้โอกาสคนอื่นขึ้นนำบ้าง การขี่ร่วมกันไม่ใช่เวลาที่จะแสดงถึงความแข็งแกร่งของคุณที่จะต้องนำหน้าขบวนตลอดเวลา แต่เป็นการเรียนรู้วิธีการทำงานร่วมกัน การขี่ร่วมกัน ความรู้สึกสบายเมื่อได้ผลัดเปลี่ยนตำแหน่งกัน ยังมีเวลาอีกมากสำหรับทดสอบความแข็งแรงของคุณเอง
4. หลบออกด้านข้างในแนวเดิมเสมอ ในกรณีที่ไม่มีการเปลี่ยนทิศทางของลม ให้ตกลงกันในกลุ่มให้ดีว่าในเวลาที่จะเปลี่ยนคนขึ้นนำ คันที่นำอยู่ก่อนจะหลบออกทางด้านซ้ายหรือด้านขวา เช่น ถ้าออกทางด้านซ้าย ก็ให้ออกทางด้านซ้ายเสมอ
5. รักษาระยะห่างให้ใกล้กันที่สุดเท่าที่ยังปลอดภัยและรู้สึกสบาย อย่าปล่อยให้เกิดช่องว่างขึ้น
6. ในขณะที่หลบออกด้านข้างเพื่อต่อหลังขบวนนั้น ควรจะขี่ให้ด้านข้างอยู่ใกล้กันที่สุดเท่าที่ยังปลอดภัย วิธีนี้จะทำให้ลดแรงปะทะของลมต่อผู้ที่กำลังจะไปต่อท้ายขบวนได้เป็นอย่างดี
7. เตือนผู้ร่วมขบวนให้รู้ปัญหาด้านหน้า เช่น หลุม ในกรณีที่ไม่กระชั้นชิดก็ยังจะพอหลบเลี่ยงได้ แต่ในกรณีที่กระชั้นชิด บางครั้งการขี่ข้ามหลุมตื้นๆ ยังปลอดภัยกว่าการหักหลบอย่างกระชั้นชิด อย่าลืมกฎข้อที่ 1
8. ใช้เบรคให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นอกจากจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของคนที่ตามหลังแล้ว การเบรคยังทำให้เปลืองพลังงานในการไต่ระดับความเร็วขึ้นไปอีก
9. อย่าทำให้ตัวเองหมดแรงโดยใช่เหตุด้วยการลากนำขบวนนานเกินไป ถ้าหากคุณเป็นคนที่อ่อนกว่าคนอื่นๆในกลุ่มก็อาจจะขึ้นไปอยู่ด้านหน้าเพียงเวลาสั้นๆ หรือเพียงแค่ 2-3รอบขาก็พอ ทั้งนี้เพื่อเป็นการฝึกฝนเทคนิคในการขี่เกาะกลุ่มและรักษาความราบรื่นของกลุ่ม
10. ในขณะที่เป็นคันนำอย่าเสียจังหวะกับการดื่มน้ำ ( ให้รอจนกว่าจะมาต่อท้ายขบวน ) นอกจากนี้ในระหว่างที่นำขบวนควรใช้เกียร์ที่เหมาะสมและไม่ควรเปลี่ยนเกียร์ในระหว่างที่กำลังนำขบวน
11. อย่าขี่ในลักษณะที่ล้อซ้อนกัน ( overlap wheel ) ควรขี่ในลักษณะเกาะด้านหลังของคันหน้า ในกรณีที่มีลมพัดด้านข้าง ( crosswind ) นักปั่นที่มีประสพการณ์จะใช้เวลาการขี่ตามในลักษณะเยื้องข้าง เพื่อให้คันด้านหน้าช่วยบังลมด้านหน้าและด้านข้างให้ ในกรณีนี้ถ้าหากว่าเราขี่โดยให้ล้อหน้าของเราซ้อนทับพอดีกับล้อหลังของคันหน้า เมื่อมีเหตุที่ต้องทำให้คนหน้าขยับเข้ามาหาเราเพียงนิดเดียว ล้อหลังเขาก็จะปะทะกับล้อหน้าของเรา ซึ่งแน่นอนเราจะต้องเป็นฝ่ายล้มอย่างแน่นอน
12. Yells and screams การตะโกน ตะคอก ส่งเสียงเกรี้ยวกราดอาจจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ควรจะยับยั้งชั่งใจกันไว้ เพราะอาจจะสร้างความไม่สนุกและทำให้ผิดใจกันโดยไม่สมควร
เรียบเรียงจาก Serious cycling by Edmund R. Burke ,PhD และคัดลอกมาจากป๋าลู@bikeloves