PR รีวิว: "Sport Experience" ด้วย Samsung Note3+Gear

บอร์ดนี้ คุยเรื่องทั่วไป เกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ และ โปรแกรม Apps ต่างๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับจักรยาน หรือ การออกกำลัง
กฏการใช้บอร์ด
บอร์ดนี้ คุยเรื่องทั่วไป เกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ และ โปรแกรม Apps ต่างๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับจักรยาน หรือ การออกกำลัง
รูปประจำตัวสมาชิก
nbt
Site Admin
Site Admin
โพสต์: 2713
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ส.ค. 2008, 23:44
Tel: 0882160166
team: thaimtb , osk
Bike: Trek Procaliber, Bianchi OrtheXR2 , cBroadman CX , Canyon Enduro
ติดต่อ:

PR รีวิว: "Sport Experience" ด้วย Samsung Note3+Gear

โพสต์ โดย nbt »

รูปภาพ

ทาง Samsung Thailand ได้จัดส่ง Samsung Galaxy Note3 + Gear มาให้เวบ thaimtb ทำการทดสอบ และรีวิวการใช้งานในที่เกี่ยวข้องกับการเล่นกีฬาหรือการปั่นจักรยาน ตอนแรกต้องบอกตามตรงผมไม่คิดว่า Samsung Note3+Gear จะเหมาะกับการปั่นจักรยานซักเท่าไหร่ ถ้าไปเทียบกับอุปกรณ์ไมล์ GPS ในท้องตลาดที่ใช้กันแพร่หลายในหมู่นักจักรยาน แต่จากที่ได้สัมผัสมากว่าสองสัปดาห์ต้องขอบอกว่า มันก็น่าสนใจไม่น้อยทีเดียวครับ

รูปภาพ
ก่อนอื่น ขอเกร่นก่อนว่า รีวืวฉบับนี้ เราจะเน้นรีวิวเกี่ยวกับการนำ Note3/Gear มาใช้กับการปั่นจักรยาน หรือ App ที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา ส่วนรีวิวการใช้เครื่องทั่วไปจtะเขียนไว้ช่วงหลังๆ แต่ผมคงไม่ลงรายละเอียดเพราะเวบอื่นๆก็มีคนทำรีวิวกันอยู่แล้วมากมาย แต่ในส่วนรีวืวการใช้กับกีฬาจะหาอ่านได้ที่นี่เท่านั้น

Samsung Note3 รองรับ ANT+ และ Bluetooth 4.0 LE (Low energy)
เริ่มแรกเป็นที่น่าสนใจมากที่ Samsung Note3 เป็นมือถือตัวแรกของ Samsung ที่รองรับการใช้งาน ANT+ ครับ ซึ่งน่าเสียดายที่ฟังก์ชันนี้ทาง samsung ไม่มีการโปรโมตเลย แต่กลับเป็นที่ต้องการของคนแวดวงการกีฬามากๆครับ (ถ้าใครไม่รู้จัก ANT+ ขออธิบายคร่าวๆว่า เป็นรูปแบบการสื่อสารข้อมูลที่เป็นที่แพร่หลายของอุปกรณ์กีฬาและจักรยานในปัจจุบันที่สุด เช่น Heart Rate monitor,Speed sensor,Cadence sensor,Power Meter) โดยรูปแบบการสื่อสารแบบ ANT+ จะแพร่หลายเพราะกินพลังงานน้อย แบตกระดุมก้อนเดียวใช้งานเป็นปี พวกอุปกรณ์กีฬาจึงนิยม แต่โทรศัพท์มือถือโดยทั่วไปจะไม่รองรับ ANT+ โดยทั้ง iPhone และ Android อาจจะรองรับเป็น Bluetooth เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอุปกรณ์ Bluetooth v1-v3 ทั่วไปจะกินพลังงานมากต้องชาร์ตแบตบ่อยๆ แต่ก็มีโทรศัพท์มือถือบางรุ่นของ Sony ที่รองรับ ANT+ ในเครื่องเลย จึงเป็นที่นิยมกับการนำมาเชื่อมต่อกับอุปกรณ์กีฬาที่เป็น ANT+, แต่ในปัจจุบันมือถือเรื่มมีการพัฒนาเป็น Bluetooth 4.0 LE ที่กินพลังงานน้อยลงเพื่อเจาะตลาดการใช้ร่วมกับอุปกรณ์กีฬาแข่งกับระบบการเชื่อมต่อแบบ ANT+ โดยระบบ Bluetooth 4.0 LE นี้ต่อไปมีแนวโน้มน่าจะเป็นนิยมมากขึ้นๆไม่แพ้หรือมากกวา ANT+ เลยทีเดียวครับ เพราะจะมีฐานจากผู้ใช้โทรศัพท์มือถือจำนวนมากที่จะรองรับ Bluetooth 4.0 LE

โดยทาง Samsung Note3 ถือว่ารองรับทั้ง ANT+ และ Bluetooth 4.0 LE (ต่อไปจะเรียก BT LE) ในตัวเลยทีเดียว โดยทาง samsung มีแผนจะเปิดให้ upgrade firmware ให้กับมือถือรุ่นเก่าๆทั้ง s3,s4,note2 ให้เป็น Android 4.3 ซึ่งจะทำให้รองรับ BT LE ด้วยครับ ซึ่ง firmware ตัวใหม่ก็จะทำให้ Samsung รองรับ ANT+ ด้วย ซึ่งจริงๆก็คือ Hardware Samsung รองรับ ANT+ นานแล้ว แต่ไม่ได้ทำ software รองรับไว้ น่าแปลกใจที่เมื่อก่อน Samsung ไม่ให้ความสำคัญเรื่อง ANT+ นี้เท่าไหร่นัก

โดยอุปกรณ์ที่ S-Health รองรับก็ตามรูปเลยครับ ทั้งระบบ ANT+ และ BT LE , ผมทดลองนำ สายคาด Heart rate ของ garmin ที่เป็นแบบ ANT+ มาทำการ pair กับแอพ S-Health ก็ปรากฏว่ามองเห็นกันทันทีครับ

รูปภาพ รูปภาพ

ถ้าใครเคยนำ S-health มารันเล่นๆ จะเห็นว่าแอพมันจะฉลาดที่คำนวณการเคลื่อนไหว และคำนวณค่าพลังงานได้ แต่สำหรับนักจักรยานคงพอจะทราบว่าค่าพวกนี้เชื่อถือไม่ได้ เพราะไม่ได้นำค่าพวก Heartrate มาเกี่ยวข้องด้วย
รูปภาพ

พอผมไปหาข้อมูลเพิ่มจึงพบว่า Samsung Note3 ใช้อัลกอริทึมของ Firstbeat เชียวครับ ถ้าใครไม่รู้จัก Firstbeat ก็ขออธิบายคร่าวๆว่า มันเป็นสูตรการคำนวณ ที่ทาง Garmin นำมาใช้กับโปรดักหลายๆรุ่นเลยครับ โดย Firstbeat ก็มีสูตรอัลกอริทึม การคำนวณในหลายรูปแบบ ขึ้นกับโปรดักไหนจะซื้อสิทธืนำไปใช้ดังนี้
รูปภาพ

เช่น
1. ระบบการคำนวนผลการออกกำลัง Training Effect ซึ่งจะปรับตัวเข้ากับความแข็งแรงแต่ละคน
2. ระบบการคำนวณด้วยการใช้ Heart rate มาทำการคำนวณจากการวิเคราะห์ความเหนื่อยและพลังงานที่ใช้
3. ระบบการแนะนำปรับระดับการซ้อมแบบ realtime guidance

ลองดูสูตรที่ทาง garmin มาใช้กับบางรุ่นของเขาครับ
รูปภาพ
จะเห็นว่า Garmin Edge800 ที่ใช้กับการปั่นจักรยาน จะเน้นสูตร Energy expenditure อย่างเดียวครับ
รูปภาพ

สำหรับ Samsung Note3 รองรับ Firstbeat หลายตัวเลยครับ ไม่ใช่ธรรมดาเลยจริงๆ
รูปภาพ

ที่สำคัญก็ในส่วนของฟังก์ชัน Training effect จะทำงานได้ จะต้องมีสายคาด Heart rate monitor ด้วยเท่านั้น เพราะมันจะบอกได้ชัดเจนกว่าว่าเราออกกำลังกายขณะนั้นหนัก-เบา แค่ไหนในแต่ละคน ถ้าใครใช้แอพ S-Health เพื่อบันทึกการออกกำลังโดยไม่ใช้ heartrate จะถือว่าเชื่อถือไม่ได้เลย เพราะที่ความเร็วเดียวกัน ถ้าคนที่ความฟิตต่างกันนี่ความเหนื่อยต่างกันเยอะ การออกกำลังจึงต้องวัดจาก heart rate เป็นหลัก
รูปภาพ

และที่ผมชอบมากๆคือ Realtime feedback เป็นคำพูดออกมาเลยที่จะกระตุ้นเตือนให้เราออกกำลังหนักขึ้นหรือเบาลง ตามโปรแกรมหนักเบาที่เราตั้ง Goal ไว้ โดยตอนนี้มีแต่เสียงแหม่มเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้นยังไม่มีภาษาไทย ซึ่งความสามารถนี้คงหาได้ใน SmartPhone เท่านั้น ถ้าเป็นไมล์เฉพาะทางแบบ Garmin คงไม่มีฟังก์ชันนี้แน่นอน

ทดสอบลงสนามวิ่งกับแอพ S-Health โดยได้นำสายคาด Heartrate Garmin ANT+ มา Pair ก่อน แล้วทำการเปิด GPS เพื่อทำการวัดความเร็วและระยะทาง แล้วเข้าเมนูตั้งเป้าว่าเราจะออกกำลังกายหนักเบาแค่ไหน ในที่นี่ผมเลือกปานกลางแบบ "Moderate to hard" ซัก 40นาที

รูปภาพ รูปภาพ

จากนั้น เริ่ม Start จะมีเสียงป้าแหม่มพูด แนะนำการซ้อมไปตลอดทางเลยครับ เช่น จากรูปนี้พูดว่าให้วิ่งเร็วหน่อย "Speed up to achive your traingin effect goal" ,
พอได้ความเหนื่อยกำลังดี ก็จะบอกให้คงความเร็วนี้ไว้ว่า "Keep this pace" , ถ้าวิ่งเร็วเกินไป หรือวัดแล้ว heart rate เหนื่อยเกินไป ออกนอกโซนแอโรบิก ก็จะเตือนว่าให้ช้าหน่อย หรือถ้าเราวิ่งช้าเกินไปก็จะเตือนให้วิ่งเร็วขึ้น สลับไปเรื่อยๆจนจบระยะเวลาที่ตั้งไว้ ดังนั้นรู้สึกว่าซ้อมแล้วไม่เหงาดีครับ
รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ

สรุป การวิ่งในระบบ "Moderate to Hard" นี้มันจะแนะนำให้วิ่งให้ Heart rate อยู่ในโซนแอโรบิก ประมาณ 68% - 82% ครับ

เมื่อจบการวิ่งนี้ จะแสดงข้อมูลการวิ่งครั้งนี้ โดยที่ผมสังเกตจะมีแคลอลี่สูงกว่าที่วัดได้จาก garmin ประมาณ 10% ก็ยังถือว่ายอมรับได้
รูปภาพ . รูปภาพ

หลังจากนี้ ทดลองเลือกไปวิ่งแบบ "Hard Workout" บ้าง โหแทบตาย ลองพยายามวิ่งให้เร็วๆจะได้ให้มันลองเตือนให้ช้าลง ปรากฏวิ่งไป heart rate ถึง 95% ก็ยังไม่เตือนให้เบาเลยครับ จนผมเหนื่อยซะเองเพราะปกติก็ไม่ได้เป็นนักวิ่ง ส่วนถ้าเวลาเราเบาๆต่ำกว่า 80% มันจะบอกให้วิ่งเร็วขึ้น สรุปว่าโหมดนี้สนุก ได้เหนื่อยสะใจแน่ เหมาะกับการซ้อมหนักเพื่อการแข่งขัน

รูปภาพ รูปภาพ

นอกจากนี้ S-Health ยังมีการเก็บประวัติการออกกำลังกายของเราเป็นสถิติประจำวัน/เดือน/ปี สามารถวัดอุณหภูมิความชื้นสัมพัท และเชื่อมต่อกับเครื่องชั่งน้ำหนักที่สามารถส่งค่าน้ำหนักมาเก็บบันทึกไว้เป็นสถิติได้ด้วย
รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ

Samsung Galaxy Gear นับเป็น Smart watch ตัวแรกที่ samsung บุกตลาดด้านนี้ หลังจากปล่อยให้ moto,sony มีนาฬิกาประเภทนี้ออกมาบ้างแล้ว แต่เทียบแล้ว เจ้า Galaxy gear ตัวนี้มีความฉลาดกว่า Smart watch ตัวอื่นๆที่มีในท้องตลาดมากครับ โดยการทำงานภายในมันก็คือ Android ตัวนึงเลย แต่ย่อส่วนให้อยุู่ในรูปแบบโทรศัพท์ โดยการทำงานนาฬิกาตัวนี้ จะเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ Samsung galaxy ได้เท่านั้นผ่าน Bluetooth LE โดยเริ่มแรกที่คลอดออกมาจะรองรับใช้กับ Note3 ได้เท่านั้น แต่ทาง samsung จะออก firmware upgrade เป็น Android 4.3 ให้มือถือรุ่นก่อนหน้านี้อย่าง S4,Note2 ก็จะสามารถเชื่อมต่อ Gear ได้ด้วย

ตามรูปลองนำ Gear มาถ่ายเทียบกับนาฬิกาของ Garmin ที่ถือเป็นเจ้าตลาดนาฬิกาประเภทการกีฬา โดยในนี้เทียบกับ Garmin 910XT,Garmin Fonix, Garmin Swim ซึ่งเป็นนาฬิกาที่ผมใช้ประจำในการออกกำลังกายวิ่งหรือว่ายน้ำ จะเห็นว่า Gear จะมีรูปลักษณ์ที่สวยงาม น่าสวมใส่เป็นนาฬิกาในชีวิตประจำวันได้ดีกว่า garmin ที่เน้นในขณะออกกำลังกายแบบต่างๆ เทียบนขนาด Gear จะมีความบางและหน้าจอที่มีสีสันสวยงามกว่ามาก โดย Gear ยังสามารถเปลี่ยนหน้าตานาฬิกาต่างๆได้มากมาย แต่ Gear จะด้อยกว่าเรื่องความทนทาน แต่อย่างน้อย Gear ก็กันน้ำได้ในมาตราฐาน IP55 โดยในชีวิตประจำก็สามารถใส่ล้างมือหรือตากฝนพอได้ครับ ไม่สามารถใส่ลงว่ายน้ำได้ สำหรับผมให้ Gear คะแนนนำโด่งสำหรับการใช้เป็นนาฬิกาในชีวิตประจำวันเลยครับ


จุดเด่นของ Gear คือการประสานการทำงานร่วมกับ Note3 ถ้าคนใช้ Note3 แล้วพกใส่กระเป๋า โดยไม่ได้ถือติดมือตลอดเวลา ถ้าไม่อยากต้องหยิบ Note3 ออกมาใช้งานเองทุกครั้ง Gear จะช่วยงาน Note3 ได้เป็นอย่างดีในจุดนี้ โดย Gear จะเป็นนาฬิกาบนข้อมือที่พร้อมจะพลิกมาดูข้อมูลต่างๆได้โดยสะดวก โดยการ
ทำงานของ Gear จะประสานงานร่วมกับ Note3 เป็นหนึ่งเดียวกัน เราสามารถดูข้อมูลการทำงาน การโทรเข้าออกโดย Note3

ทดสอบการใช้งาน Samsung Gear ร่วมกับแอพการออกกำลังกาย Runtastic Pro
รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ
จากรูปเป็นการพก Gear ไปปั่นจักรยาน โดยเราไม่จำเป็นต้องติด Note3 ไว้บนแฮนด์จักรยาน เราสามารถสั่งงานโปรแกรมบน Note3 ผ่าน Gear ได้ เช่นการสั่งเริ่ม Start กดที่นาฬิกา Gear ได้เลย ขณะปั่น เราสามารถดูข้อมูลการปั่นจักรยาน เช่น ความเร็ว, Heart rate,ระยะทาง,ความสูง ซึ่งจะนำข้อมูลจาก Note3 มาแสดงบนจอ Gear ได้แบบ Realtime ซึ่งการใช้งานแอพบน SmartPhone นั้นจำเป็นมาก ที่ไม่ควรจะเปิดหน้าจอของโทรศัพท์ตลอดเวลา เพราะจะกินแบตมาก เมื่อใช้ร่วมกับ Gear แล้วจะลงตัวมาก เราสามารถดูข้อมูลบน Gear ได้ โดยไม่จำเป็นต้องหยิบ Note3 ออกมาจากกระเป๋า

โดยปัจจุบันการจะใช้ Gear ร่วมกับ Note3 จะต้องเป็นการประสานงาน App ที่ออกแบบมาให้ใช้ทั้ง App บน Gear และ App บน Note3 จึงจะสามารถสั่งงานผ่าน Gear ไปยังมือถือ โดยตอนนี้แอพเกี่ยวกับ fitness ยังมีอยู่ใม่กี่แอพ ตอนนี้ก็มีเพียงโปรแกรม Runtastic ที่จะมีรองรับ ส่วนโปรแกรมที่นิยมใช้กับการปั่นจักรยานเช่น Strava,Garmin Fit,Endomondo,Mapmyride ปัจจุบันถือว่ายังไม่รองรับใช้งานคู่กับ Gear แต่สามารถใช้งานบน Note3 ได้ตามปกติ

รีวิวการทำงานของ Runtastic Pro
สำหรับแอพ Runtastic บนมือถือ Note3 ที่จะใช้กับ Gear จะต้องเป็นรุ่น Pro ที่เสียตังค์เท่านั้นครับ ราคาก็ไม่แพงแค่ 176 บาท โดยโปรแกรมจะรองรับการเชื่อมต่อ Heartrate แบบ Bluetooth ทั้งระบบ BT 4.0 LE หรือ BT รุ่นเก่าก็ได้ แต่ไม่รองรับแบบ ANT+ โดยในที่นี้ผมทดสอบเชื่อมต่อกับ Polar H7 ที่เป็นแบบ Bluetooth 4.0 LE ก็ถือว่าใช้งานได้ดีครับ

รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ

เมื่อปั่นเสร็จ ก็สามารถดูสถิติการปั่นของเราวันนี้ ทั้งเส้นทาง กราฟความเร็ว กราฟ heartrate เรายังสามารถสั่ง share ไปให้เพื่อนๆดูได้ทาง facebook ได้ทันที ซึ่งโปรแกรมจะทำการอัพขึ้นเวบของ runtastic โดยอัตโนมัติ เราสามารถไปดูสถิติและวิเคราะห์การฝึกซ้อมได้ภายหลังบนเวบด้วย
รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ

ทดสอบการใช้งานโปรแกรม Garmin Fit บน Samsung Note3
รูปภาพ
สำหรับแอพอีกตัวที่น่าสนใจนำมาใช้ร่วมกับ Android Smartphone มากๆคือ โปรแกรม Garmin Fit โดยจุดเด่นของโปรแกรมนี้จะเก็บข้อมูลการออกกำลังกายของเรา แล้ว upload ขึ้นเวบของ garmin connect เพื่อเก็บเป็นประวัติและวิเคราะห์ประสิทธิภาพการปั่นได้ แล้วยังส่งต่อไปขึ้นเวบ strava โดยอัตโนมัติด้วยก็ได้


โดยแอพนี้ จุดเด่นที่ผมชอบมากคือ รองรับอุปกรณ์ ANT+ โดยในเมื่อ Note3 ก็มี hardware รองรับแล้ว จึงสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ ANT+ ต่างๆได้ทันที เช่น Heartrate ,Footpod ,Speed sensor เสียดายที่ไม่รองรับการเชื่อมต่อ ANT+ แบบวัดวัตต์ Power ด้วย ไม่งั้นคงถือว่าแอพนี้คงครบเครื่องจริงๆครับ

รูปภาพ
ในที่นี้ผมจะทดสอบอีกแบบคือนำ Garmin Fit ไปใช้งานกับการออกกำลังกายโดยวิ่งในฟิตเนต โดยวิ่งบนเครื่องวิ่งสายพาน โดยเชื่อมต่อกับ Footpod ANT+ หลักการคร่าวๆของ footpod คือเป็นอุปกรณ์จับความเคลื่อนไหวที่เราจะติดบนรองเท้า แล้วมันจะคำนวนการเคลื่อนไหวเพื่อจำลองวัดความเร็วและระยะทางว่าเราวิ่งไปได้เท่าไหร่ บางคนอาจจะสงสัยจะวัดความเร็วและระยะทางไปทำไม ในเมื่อบนจอเครื่องวิ่งสายพานก็มีข้อมูลบอกไว้อยู่แล้ว จริงๆจุดประสงค์การทำ smartphone มาบันทึกข้อมูล เราต้องการนำไปเก็บเป็นสถิติไว้ดูย้อนหลังมากกว่า เราก็คงต้องการรู้ว่าการออกกำลังแต่ละครั้ง เราวิ่งต้อง heartrate และความเร็วเท่าไหร่กันแน่

จากรูปข้างล่างนี้เป็นการแสดงให้เห็นการจับสัญญานว่ามันเจออุปกรณ์ foodpod และ heart rate ขณะออกกำลังก็จะแสดงผลค่าต่างๆทั้งความเร็ว ระยะทาง ชีพจรต่างๆ พลังงานแคลอรี่ ที่ใช้ เมื่อออกกำลังกายเสร็จก็จะ upload ขึ้นเวบ garmin connect ให้โดยอัตโนมัติ
รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ

หลังการทดสอบวิ่งที่ระยะทาง 2กม.บนเครื่องวิ่ง เมื่อวัดระยะทางเพียบกันแล้ว บน Garmin Fit จะแสดงผลว่าวัดระยะทางได้ 1.78กม. และลองนำ Garmin forerunner 910XT มาวัดร่วมด้วย โดยอ่านค่าจาก footpod ได้พร้อมๆกันก็วัดได้ 2.08กม. ดังนั้นสรุปผลว่าแอพ Garmin Fit บน android ก็วัดค่าได้ใกล์เคียงความจริงเลยครับ ผิดพลาดไปประมาณ 10% โดยมีแนวโน้มจะต่ำกว่าระยะทางจริง ส่วน garmin 910XT กลับมีแนวโน้มมากกว่าความจริงประมาณ 5% แต่บน garmin 910XT ก่อนหน้านี้ ผมได้ทำการ calibrate โดยการวิ่งบนเครื่องวิ่งโดยมันกำหนดให้วิ่งที่ระยะทางที่กำหนดไว้เพื่อมันนำค่ามาปรับใหม่ จึงอาจจะมีความแม่นยำมากกว่าขึ้น เทียบกับระบบแอพ Garmin Fit ตอนนี้ยังไม่มีระบบ calibrate ก็ยังวัดได้ขนาดนี้ก็ถือว่าแม่นยำพอใช้ได้เลยครับ ต่อไป garmin อาจจะออก update มาทีหลังก็ได้
รูปภาพ

แนะนำ Strava แอพเครือข่ายสังคมของนักปั่นที่นิยมใช้กัน
จะไม่กล่าวถึงแอพตัวนี้ไม่ได้เลยครับ เพราะเป็นแอพที่นักปั่นนิยมใช้กัน โดยจะเป็นเวบที่เก็บบันทึกข้อมูลที่เราไปปั่นกัน แล้วนำมาแสดงให้เพื่อนที่เราตาม follow กันให้กระตุ้นเราไปปั่นที่ไหนมา มีความเร็วหรือเส้นทางเป็นอย่างไร นอกจากนี้มันยังทำการจัดอันดับ segment ที่เป็นส่วนนึงของเส้นทาง ว่าใครเคยปั่นผ่านเส้นทางนี้แล้วมีสถิติการปั่นเป็นอันดับอย่างไร ช่วยกระตุ้นความอยากปั่นได้เป็นอย่างดีครับ

ตามรูปหน้า feed จะมีการ update ว่าเพื่อนๆเราไปปั่นไหนกันมาบ้าง แต่การจะติดตามกันต้องขอ follow กันก่อน ถ้าเขาอนุญาตเราจึงจะเห็นข้อมูลของเค้า
รูปภาพ

ขอยกตัวอย่าง ผมเห็นบันทึกการปั่นของโปรวุด (แชมป์ประเทศไทยรุ่น30) ไปปั่นเส้นวงแหวน-คลอง5 ผมกำลังจะหาที่ปั่นแถวนั้น ก็เลยเข้าไปดูเส้นทางเพื่อเราจะได้เปิด google map ตามย้อนไปปั่นเส้นทางนี้ได้

รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ

พอผมไปปั่นเสร็จ โดยบันทึกด้วย Garmin App จากนั้นมันอัพขึ้น Strava
รูปภาพ
จะเห็นว่าผมมีการปั่นผ่าน Segment ชื่อ "เลียบคลองลำลูกกา" ติดอันดับเวลาเป็นอันดับสองซะด้วย ก็เห็นเพื่อนๆเราออกไปปั่นกัน ก็ถือเป็นการกระตุ้นให้เราปั่นได้สนุกขึ้นครับ
รูปภาพ
ใครสนใจก็ตาม follow ผมใน strava ได้ครับ

Glympses แอพเพื่อการนัดหมายหรือติดตามตำแหน่งเพื่อน
แอพที่มีประโยชน์มากๆ เวลาเรานัดหมายกับเพื่อนๆไปที่ไหนกัน ถ้าเราต้องการจะส่งตำแหน่งให้เพื่อนเราผ่าน SMS โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องลงโปรแกรม App ใดๆก็สามารถติดตามตำแหน่งของเราได้แบบ Realtime ผ่านหน้า web browser ได้เลยครับ สะดวกจริงๆ โดยโปรแกรมสามารถใช้งานผ่าน Samsung Gear ก็ได้ด้วยครับ

ยกตัวอย่างวิธีใช้ เราก็ยก Gear ขึ้นเขาเรียก App Glympses เพื่อจะส่งแจ้งตำแหน่งของเราให้เพื่อน เลือกผู้รับจากเบอร์โทรศัพท์ ที่เราเพิ่งโทรล่าสุด
รูปภาพ รูปภาพ

เมื่อผู้รับได้รับ SMS ตำแหน่งของเราเป็น URL คลิกเพื่อเข้าเวบธรรมดาๆ จะเห็นว่านอกจากจะบอกตำแหน่งแล้วยังบอกความเร็วด้วย โดยการส่งพิกัดให้คนอื่นนี้จะยัง update แบบ realtime เป็นระยะเวลาช้าไปซัก 10 วินาทีเท่านั้น โดยการ share ตำแหน่งนี้จะเป็นการเปิดให้ติดตาม เพียง 30 นาทีเท่านั้น ไม่ต้องกลัวว่าใครจะแอบมาตามเราไปตลอด
รูปภาพ รูปภาพ

แต่ถ้าคลิกเพื่อไปเปิดดูบนแอพ Glympses จะดูดีกว่ามาก เพราะจะเห็นหลายๆคนเทียบตำแหน่งกัน ซึ่งถ้าโค๊ชไปใช้ติดตามการแข่งการปั่นของนักปั่นในทีมก็น่าใช้มากๆครับ ซึ่งเท่าที่ลองถือว่าเร็วใช้ได้เลยครับ อาจจะช้าไปไม่เกิน 10วินาที แต่ก็ทำให้ทั้งผู้รับและส่งต้องจ่ายค่ารับส่งข้อมูลมากขึ้น ใครที่ไม่ได้ใช้ unlimit data ก็คงต้องระวังหน่อย

รูปภาพ


Google Maps ขาดไม่ได้เลย
Google Maps หลายๆคนคงรู้จักกันดี แอพตัวนี้ขาดไม่ได้เลย จะไปปั่นไหน จะต้องพกมือถือซักเครื่องก็ต้องมี google เพื่อกันการหลงทางล่ะครับ จริงๆความบางท่านอาจไม่ทราบ นอกจากเราจะใช้ google maps แทนแผนที่กระดาษแล้ว google maps เวอร์ชันหลังๆนี้จะเพิ่มความสามารถในการนำทาง navigator แบบ turn by turn กันเลยทีเดียว

ผมขอยกตัวอย่าง ผมเจอใน facebook ที่เพื่อนเราโพส checkin ตำแหน่งสถานที่ไว้ด้วย ในรูปนี้คือ check-in ที่ "Airport Rail link Makkasn Station"
รูปภาพ

เราก็คลิกไปที่ลิงค์ "Airport Rail link Makkasn Station"
รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ

แล้วก็จะมีแนะนำตัวเสียงพูด นำทาง เลี้ยวซ้ายขวาไปจนถึงจุดหมาย โดยแผนที่นี้ก็ยังเลือกแผนที่ภาพดาวเทียมเพื่อดูสถานที่จริงหรือ street map ก็ได้ครับ
รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ

สำหรับเรื่องกล้อง ต้องถือว่าการใช้รูปและวิดีโอของ Note3 มีฟังก์ชันเด็ดๆที่ผมชอบมาก เช่น Surround , Panorama และการถ่าย video แบบ Slow motion ก็ทำได้ดีมากครับ



สำหรับการรีวิวเรื่องการใช้ปากกา Note3 จะขอนำมาเพิ่มอีกทีนะครับ จริงๆตอนนี้มีเวบที่รีวิวเรื่องพวกนี้มากมาย ที่เวบนี้เลยเน้นเกี่ยวกับเรื่องกีฬามากกว่า

บทสรุป
การใช้ Note3 กับ Gear ถือเป็นเกิดมาคู่กัน ถ้าใครไม่ชอบถือ Note3 ติดมือตลอด การพลิกข้อมือมาดูข้อมูลจาก Gear จะเป็นอะไรที่สะดวกมาก โดย Gear จะรองรับการ Notification หลายแบบทั้งผู้โทรเข้า SMS ที่ได้รับ รวมถึงข้อความ LINE หรือ facebook เราสามารถดูจาก Gear ได้โดยสะดวกมากๆ รวมถึงการที่ Gear สามารถถ่ายรูปได้อย่างรวดเร็ว สิ่งที่ Note3 เด่นว่ามือถือทั่วไปก็คือ หน้าจอแสดงผลใหญ่ ใช้ปากกา s-pen เขียนได้ การเชื่อมต่อ ANT+ , BT 4.0 LE ในตัว จึงสามารถนำมาใช้ในการออกกำลังวิงหรือปั่นจักรยานได้เป็นอย่างดี และแนวโน้มการใช้เครือข่ายสังคม จึงทำให้คนเราติดการเข้าเนตมากขึ้น การถ่ายรูปและการ share กิจกรรม สามารถทำได้ทันทีด้วยโทรศัพท์มือถือ

Pro
1. Samsung Galaxy Gear เป็น Smart watch ที่น่าใช้ที่สุดในปัจจุบัน ราคาก็แพงสุดด้วย(8900บาท) ภายในคือ android OS ที่มี cpu ความเร็วต่ำลง สามารถใช้เทคนิคนำ app ที่รันในมือถือมาใช้งานบน Gear ได้ (ต้องใช้เทคนิคเพิ่มเติม ทำได้เฉพาะบางแอพที่ไม่มีการสื่อสารข้อมูล)
2. Samsung Note3 ถือเป็นมือถือรุ่นใหม่ๆจาก samsung ที่มี ANT+ และ BT 4.0 ในตัว สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ fitness ได้หลากหลาย โดยไม่ต้องต่อเพิ่ม dongle เสียบตูดเพิ่มเหมือนมือถือทั่วไปที่ต้องการต่อเพิ่ม ANT+
3. ฟังก์ชันกล้องใน Note3 สุดยอดมาก มีฟังก์ชันใหม่ๆมากมายทีสุดในปัจจุบันเทียบกับมือถือทั่วไปไม่มีให้ เช่น ถ่ายภาพ Surround 180 องศา เหมือนเลนซ์ตาปลา,ระบบ Video Slow motion , fast motion.
4. จุดเด่นของ Note3 หลักคือ หน้าจอใหญ่, รองรับปากกา S-Pen เขียนหน้าจอ แล้วสามารถแปลงลายมือภาษาไทยเป็นการโทรออก หรือใช้งานกับการฟังก์ชันเขียนต่างๆมากมาย

Con
1. Gear ทำงานร่วมกับมือถือ samsung galaxy เท่านั้น โดย samsung จะออก update ให้มือถือรุ่นเดิมๆบางรุ่นได้ใช้งานกับ Gear ได้ ( s3,s4,note2)
2. Note3 มีขนาดจอใหญ่ เครื่องใหญ่ อาจจะพกพาลำบากกว่ามือถือทั่วไป



มาต่อภาคสอง จากภาคแรกที่เน้นเรื่องการนำ Note3 ไปใช้กับการเล่นกีฬาไปแล้วนะครับ

ภาคนี้ผมขอรีวิวการใช้งาน Note3 ทั่วไป ที่ถือเป็นฟังก์ชั่นเด็ดๆที่ไม่มีใครมือถือยี่ห้ออื่นๆ อาจจะเน้นคลิปวิดีโอเป็นหลัก เพราะเห็นภาพได้ชัดเจนดีกว่าการอธิบายธรรมดา

เกร่นรูปลักษณ์ภายนอก iPhons5 / Sony AcroS / S4 / Note3



ฟังก์ชันเด่นเรื่องการใช้ปากกา S-pen สุดยอดที่สุดแล้ว


ต่อด้วย การใช้ปากกากับการค้นหาสถานที่และนำทางด้วย Google Map


ฟังก์ชันเด่น การแบ่งหน้าจอรัน หลายๆแอพพร้อมกัน


สำหรับการใช้งานกล้องของ Note3 ต้องถือว่าเป็นจุดเด่นกว่ามือถือทั่วไป ที่ใส่ฟังก์ชันมาแบบจัดเต็ม โดยไม่ต้องไปลงโปรแกรมเสริม
รูปภาพ

นำรีวืวเฉพาะเด่นที่ไม่มีในกล้องอื่นๆนะครับ เช่น

การถ่ายภาพโหมด Drama ให้วัตถุที่เราถ่ายวิ่งทางด้านนึงไปอีกด้านนึง โดยเราแค่ถือกล้องนิ่งๆ โดยไม่ต้องแพนตาม ระบบจะคิดและสร้างภาพให้โดยอัตโนมัติ ดังรูป
รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ

ที่ผมใช้ประจำอีกอย่างนึงคือ การถ่ายภาพวิดีโอแบบ Slow motion โดยถ้าเทียบกับ iPhone ที่มีฟังกชันนี้ แต่ของ Note3 จะดีกว่าที่เลือกได้ถึงขนาดว่าจะให้ช้าขาด /2 , /4 , /8 เลยทีเดียว ลองชมตัวอย่างครับ

วิดีโอแบบปกติ


วิดีโอแบบช้า 1/2 เท่า

วิดีโอแบบช้า 1/4 เท่า

วิดีโอแบบช้า 1/8 เท่า


และการถ่ายภาพที่เด็ดที่ผมต้องใช้ในการออกทริปทุกครั้งคือ การถ่ายแบบ Panorama เพราะจะสามารถถ่ายภาพมุมกว้างได้มากกว่า 180องศาก็ยังได้ ซึ่งต้องถือว่าเป็นจุดเด่นกว่ากล้อง SLR ทั่วไปด้วยซ้ำครับ วิธีการถ่าย ก็แค่พอแพนกล้องจากด้านนึงไปอีกด้านนึงเท่านั้น

รูปภาพ
รูปภาพ

อีกโหมดนึงที่ถือว่าไม่มีใช้มือถือรุ่นใดๆ ก็คือ Surround Shot เป็นการถ่ายภาพที่กว้างกว่า Panorama เพราะใช้การถ่ายหลายๆจุดทั้งแนวตั้งและแนวนอน โดยมันจะมีจุดให้เราเล็งจนจอภาพ เราก็แค่ไล่ตามจุดให้ครบเท่านั้นเลย
รูปภาพ
รูปประจำตัวสมาชิก
น้านนท์
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 786
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2010, 22:03
team: ยังไม่กล้าเข้ากลุ่ม กลัวปั่นไม่ทันครับ "เกรงว่าจะไปเป็นภาระ"
Bike: WHEELLER PRO320 "ม่วง+ดำ" 18/12/2555 >>> ขี่วันแรก 19/12/2555
ตำแหน่ง: ถนน345 จ.ปทุมธานี

Re: PR รีวิว: "Sport Experience" ด้วย Samsung Note3+Gear

โพสต์ โดย น้านนท์ »

:mrgreen: :D :lol: ความรู้ทั้งนั้น !!
:oops: .. น้านนท์ .. Line id: cok.uz
:mrgreen: :lol: :lol: :lol: :mrgreen:
Rit by Tanin
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1977
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 08:33
ติดต่อ:

Re: PR รีวิว: "Sport Experience" ด้วย Samsung Note3+Gear

โพสต์ โดย Rit by Tanin »

ตามมาเก็บความรู้ใหม่ๆด้วยคน
ที่ใช้เองตามไม่ทันแล้วครับ
Rit จักรยานทัวริ่งไว้ปั่นเที่ยวทางไกล Rit
พูดคุยกับ Rit Bicycle Touring Club ใน ThaiMTB
ติดตามพูดคุยทาง Facebook.com/RitBicycle
การโอนเงิน: ธานินทร์ ฤตวิรุฬห์ ธ.ไทยพาณิชย์ 364 2345 034
bikeman
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1990
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ม.ค. 2010, 17:43
Bike: cannondale Super six Hi-MOD-1
ตำแหน่ง: กทม.

Re: PR รีวิว: "Sport Experience" ด้วย Samsung Note3+Gear

โพสต์ โดย bikeman »

23000+8900 มีราคาพิเศษ สำหรับ สมาชิก ThaiMtb มั๊ยครับ :)
จะได้เลิกใช้ nokia เสียที
แก้ไขล่าสุดโดย bikeman เมื่อ 12 พ.ย. 2013, 12:15, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
รูปประจำตัวสมาชิก
Bawarianz
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 307
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2010, 15:21
Bike: Masi fixed ultimate / Trek 1.9 / Trek 8500
ตำแหน่ง: หาดใหญ่

Re: PR รีวิว: "Sport Experience" ด้วย Samsung Note3+Gear

โพสต์ โดย Bawarianz »

การตลาดซัมซุงบุกมาถึงเว็บจักรยานเลย :lol: :lol:
เอาตรงๆนะตามความคิดผมต้องแยกเป็นประเด็นคือ note3 กับ gear

note3 - ก็ดีตามคุณสมบัติในตัวของมันเองคือสมาร์ทโฟน โดดเด่นที่จอใหญ่กับ S pen แต่อย่างอื่นก็ทั่วไป ถ้าใช้ปั่นจักรยานแบบเราๆท่านๆ ไม่จำเป็นต้อง Note 3 ก็ได้ จอใหญ่จะพกลำบากแถมล่อตาล่อใจโจรเสียเปล่าๆ สาร์ทโฟนแทบทุกรุ่นใช้ได้หมดพวกแอพที่ใช้ในการปั่นจักรยานอย่าง strava หรือ endomondo แต่เข้าใจว่าเค้าส่งมาให้ใช้แล้ว ก็ต้องลงให้เค้า

gear - โดนก่นด่าจากชุมชนชาวไอทีทั่วไปมาก เพราะแบตหมดค่อนข้างเร็วมาก(ชาร์จวันต่อวัน) ตัวมันเองจำกัดการเชื่อมต่อ แถมตอนนี้รองรับเฉพาะรุ่นเรือธงของซัมซุงเท่านั้น แถมความสารมารถก็กลางๆไม่มีอะไรโดดเด่นเลย ยิ่งถ้าใช้เดี่ยวๆไม่พ่วงกับสมาร์ทโฟนที่ระบุ ก็แทบจะหมดความเป็นสมาร์ทวอทช์ หากจะเอามาใช้ร่วมกับการออกกำลังกาย จะทำให้ท่านต้องพกอุปกรณ์สองอย่างคือ gear กับ สมาร์ทโฟน

ซึ่งความคิดผมเองมองว่า สู้เอาเงินส่วนนี้ไปซื้อนาฬิกา GPS+HR ยี่ห้อที่เป็นที่รู้จักอย่าง Garmin Timex Polar หรืออื่นๆน่าจะดีกว่า จะได้ความคล่องตัวรวมถึงฟังชันก์ที่ตรงความต้องการกว่ามาก

แต่หากอยากลองด้วยตัวเอง ผมแนะนำให้หาตามบอร์ดซื้อขายมือสองสินค้าไอทีมาลองก่อนดีกว่าว่ารับได้รึป่าว คนขายมือสองกันเยอะมาก ไม่รู้ทำไม :lol: :lol: :lol:
อัพรถ ≠ อัพคน
รูปประจำตัวสมาชิก
pookhem
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1454
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2009, 13:46
Tel: no
team: ครอบครัวพ่อห่าน มีคันเล็กๆ ตามหลายคัน
Bike: จักรยานล้อเล็กๆ
ตำแหน่ง: ถ. ราชดำเนิน เขตพระนคร กทม 10200

Re: PR รีวิว: "Sport Experience" ด้วย Samsung Note3+Gear

โพสต์ โดย pookhem »

:mrgreen:
beeggs
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 3183
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.ย. 2008, 16:51
Tel: 0947963336
team: kNightBIKE
Bike: oltre, cervelo s5, super6 evo, canyon ult slx
ติดต่อ:

Re: PR รีวิว: "Sport Experience" ด้วย Samsung Note3+Gear

โพสต์ โดย beeggs »

ปัก ตามมาดูว่าจะทำให้ผมเลิกใช้ไอโฟนได้ไหม :?:
วัยทำงาน มีแรง มีตังค์ ไม่มีเวลา
na2sun2
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 161
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ย. 2012, 12:52
ติดต่อ:

Re: PR รีวิว: "Sport Experience" ด้วย Samsung Note3+Gear

โพสต์ โดย na2sun2 »

:)
You'll Never Ride Alone.
รูปประจำตัวสมาชิก
Soo-T
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1169
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ส.ค. 2008, 15:47
Tel: 081-7546499
team: เทคนิคมีน BikeClub
Bike: KHS Alite team 4000 Bianchi Nirone7

Re: PR รีวิว: "Sport Experience" ด้วย Samsung Note3+Gear

โพสต์ โดย Soo-T »

:D note2 ยังมีหวัง :D
รูปประจำตัวสมาชิก
nitihome
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 645
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 19:50
ตำแหน่ง: บ้านเลขที่ 3 ซอย ศาลธนบุรี35 แขวงบางหว้า เขต ภาษีเจริญ กทม. 10160
ติดต่อ:

Re: PR รีวิว: "Sport Experience" ด้วย Samsung Note3+Gear

โพสต์ โดย nitihome »

ใช้Note3 อยู่คงต้องหาGearมาเพิ่มแล้วเรา

ขอถามถ้าใช่งานรวมกัน(ทั้งวัน)จะทำให้แบตหมดเร็วเพิ่มขึ้นซักกี่%ครับ
LINE ID=0818265995
LINE ID= 0818265995

ห้องโชว์รถ นิติ@โฮม
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 0&t=238299
รูปประจำตัวสมาชิก
idea555d
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 316
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ค. 2012, 01:29
Tel: 0843355224
team: No Team
Bike: Caad Trek Tern

Re: PR รีวิว: "Sport Experience" ด้วย Samsung Note3+Gear

โพสต์ โดย idea555d »

review สุดยอด เยี่ยมมากๆ ครับ

น่าใช้จริงๆ แต่ราคาทั้ง 2 ชิ้น รวมกัน ก็ไม่เบาเหมือนกัน :shock:
ปั่นเพื่อสุขภาพก็พอ
รูปประจำตัวสมาชิก
ฤชา ขวัญตา
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1373
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มี.ค. 2010, 22:58
Tel: 0816399334
team: เสือ..กลิ้ง โตโยต้าสุวินทวงศ์
Bike: PRINCIPIA Msle Pro ,BIANCHI nirone หางคาร์บอน แล้วมาเป็น SEMPRE

Re: PR รีวิว: "Sport Experience" ด้วย Samsung Note3+Gear

โพสต์ โดย ฤชา ขวัญตา »

มี APP พวกนี้แล้วทำให้อยากปั่นมากขึ้นด้วยครับ ...ต้องจัดซะหน่อย :D
รูปประจำตัวสมาชิก
cactus
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 206
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2012, 22:03
Bike: merida 5d

Re: PR รีวิว: "Sport Experience" ด้วย Samsung Note3+Gear

โพสต์ โดย cactus »

s4 mini รองรับ ant+ ไหมครับ?
รูปประจำตัวสมาชิก
sunny
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1973
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ส.ค. 2008, 08:31
Tel: O-81-3O6-OO55
team: ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพ เสือพหล
Bike: เสือภูเขา พับ แม่บ้าน
ตำแหน่ง: พหลโยธิน 64
ติดต่อ:

Re: PR รีวิว: "Sport Experience" ด้วย Samsung Note3+Gear

โพสต์ โดย sunny »

สรุปว่าโน้ต 2 ตอนนี้ยังใช้ไม่ได้ แต่กำลังจะใช้ได้ ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ?
รูปประจำตัวสมาชิก
tom..nakhonnan
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 439
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 22:29
Tel: 0846110499
team: nakhonnan biketeam
Bike: MTB:airborne RB: Litespeed
ตำแหน่ง: นครน่าน

Re: PR รีวิว: "Sport Experience" ด้วย Samsung Note3+Gear

โพสต์ โดย tom..nakhonnan »

:D น่าจะมีกันน้ำ แบบโซนี.....ครบเลย
ตอบกลับ

กลับไปยัง “Mobile Phone / Sport Apps.”