ครั้งแรกเมื่อได้ลองล้อคาร์บอนขอบกลาง 38mm

ถ้าเป็นรถหรืออุปกรณ์ที่ออกแบบมาเป็นของเสือหมอบโดยเฉพาะ เชิญเข้าห้องนี้ครับ

ผู้ดูแล: Cycling B®y, spinbike, velocity

รูปประจำตัวสมาชิก
boombaraka
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 212
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ก.ย. 2009, 00:51
Tel: เบอร์บ้าน
team: ยังไม่มีอ่ะ
Bike: Bianchi

ครั้งแรกเมื่อได้ลองล้อคาร์บอนขอบกลาง 38mm

โพสต์ โดย boombaraka »

ออกตัวก่อนครับ ผมไม่ใช่ขาแรงหรือผู้สันทัดใดๆกับจักรยานเสือหมอบ แค่ปั่นระดับออกกำลังกาย

ด้วยความที่ปั่นแต่ล้ออลูมานาน ไม่เคยลองคาร์บอน เพราะมักมีความเชื่อว่ามักจะหนักขา ออกตัวช้า แรงขาไม่พอ ฯลฯ

อยู่มาวันหนึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วไปเดินร้านจักรยานตามนิสัย
ได้เห็นล้อคาร์บอน 38mm ขอบอ้วนยางงัดตัวหนึ่ง ราคามันเตะตามาก 1 หมื่นปลายพอจับต้องได้เลยซื้อมา
จะได้ลองใช้ให้มันหายคาใจไปซะทีว่าเรากับล้อคาร์บอนจะเป็นยังไง ปกติเคยใช้แต่ล้ออลู ตัวที่ใช้อยู่ปัจจุบันคือ ยูรัส

วันนี้ก็ไปลองเลยครับ ได้ความรู้สึกดังนี้

> มันก็ไม่ได้หนักขาหรืออกตัวช้าอย่างที่เคยคิดแฮะ อาจเพราะขอบแค่ 38mm แช่ความเร็วยาวๆได้ดีไม่ต้องเติมบ่อยจริงอย่างที่พูดๆกัน
> ความเร็วไม่เห็นต้องรอความเร็ว 30 ขึ้นไปเลย ผมว่ามันก็ไหลไปตามมวลของมันน่ะ แค่รักษารอบขาดีๆมันก็สบายทุกความเร็วนะ(ความเห็นส่วนตัว)
> มาถึงขึ้นเขากันบ้างเนินซึมๆยาวๆ ก็ไม่ได้หนืดถึงกับพาหมดแรงนะ แค่ไต่ไม่พุ่งเท่ายูรัสที่ใช้อยู่ แต่ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนใช้เวนโต้ก็พอๆกันแหละ วัดจากขาอ่อนๆอย่างผม
> ทางตรงยาวๆ เยี่ยมมาก รักษาความเร็วได้ดี ประหยัดแรงกว่าอลูขอบต่ำ มีแรงเฉื่อยมาช่วยมากขึ้น
> ที่ชอบมาก คือ สบายตัวขึ้น ความสะเทือนหายไปเยอะมาก เทียบกับยูรัส
> ความนิ่งของรถเมื่อไหลความเร็วคงที่ นิ่งได้ศูนย์ดีกว่าขอบต่ำ ลองปล่อยมือสบายเลยรถไม่แกว่ง
> การตัดลม ยังไม่รู้ เดี๋ยวต้องไปลองที่สนามเขียว
> ผมว่าเอาเป็นล้อใช้งาน all around ได้ดีระดับหนึ่ง น่าใช้มากสำหรับคนที่กำลังมุ่งพัฒนารอบขา

แค่นี้ล่ะครับ ที่อยากจะบอกคือใครที่เคยคาใจอยากจะลองก็ลองเลยครับ จะได้ไม่คาใจ โดยเฉพาะคนที่ปั่นจนแรงอยู่ตัวดีระดับหนึ่งแล้วไม่มีอะไรต้องกังวลเลย

ปล.1 เฟรมที่ใช้เป็นเฟรมคาร์บอน ยางก็ตัวเดียวกันครับ
ปล.2 ขอไม่พูดถึงยี่ห้อล้อ เพราะไม่ได้จะมาโฆษนาอะไร แค่มาแชร์การใช้งาน
ปล.3 กลัวว่าชอบแล้วจะคัน หาเรื่องขายไปเอาตัวแพง

จบแล้ว สวัสดีครับ ;)
แก้ไขล่าสุดโดย boombaraka เมื่อ 07 ธ.ค. 2014, 20:23, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
รูปประจำตัวสมาชิก
poomjaipanja
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 255
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 พ.ค. 2012, 13:32
Bike: Specialized, FELT F1SL,F8

Re: ครั้งแรกเมื่อได้ลองล้อคาร์บอนขอบกลาง 38mm

โพสต์ โดย poomjaipanja »

กำลังหาเหตุผลสนันสนุนพอดี
ขอบคุณครับ
รูปประจำตัวสมาชิก
suksawaddi
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 241
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 พ.ค. 2013, 14:44
Bike: Bianchi Impulso105//BullHorn Bridgestone Grandtech

Re: ครั้งแรกเมื่อได้ลองล้อคาร์บอนขอบกลาง 38mm

โพสต์ โดย suksawaddi »

ยี่ห้ออะไรครับ หมื่นปลาย--->เกือบสองหมื่นรึเปล่า มือหนึ่งหรือมือสอง กระซิบบอกด้วยนะครับ(PM) จักขอบคุณมากครับ :lol: :lol: :lol:
thaiji333
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 284
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 เม.ย. 2014, 23:31
team: เสือชากังราว
Bike: Ridley finix c
ติดต่อ:

Re: ครั้งแรกเมื่อได้ลองล้อคาร์บอนขอบกลาง 38mm

โพสต์ โดย thaiji333 »

เสียงโม่มันส์ครับ :lol:
เสือกลัวหมา
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 440
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ธ.ค. 2011, 21:47
team: หัวลาก กลุ่มหลุด

Re: ครั้งแรกเมื่อได้ลองล้อคาร์บอนขอบกลาง 38mm

โพสต์ โดย เสือกลัวหมา »

สงสัยคงต้องเก็บยูรัสไว้ไต่เขาอยู่ดี

อ่านแล้วคันๆๆๆๆๆยิกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
สุภาษิต : ขิง ก็ รา ขา ก็ แรง
รูปประจำตัวสมาชิก
Tony3753
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 69
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ค. 2014, 19:39
team: ไม่มี
Bike: Trek Madone9

Re: ครั้งแรกเมื่อได้ลองล้อคาร์บอนขอบกลาง 38mm

โพสต์ โดย Tony3753 »

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
นายไวไวครับ
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1125
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ต.ค. 2013, 17:24
Tel: 083-025-1064
team: ปั่นเป็นปั่น(แก๊งค์กระจอก)
Bike: Xds Fat-bike สีดำ////Ridley fenixสีดำ
ตำแหน่ง: 110/96-97 อ.เมือง ต.ในเมือง จ.พิษณุโลก

Re: ครั้งแรกเมื่อได้ลองล้อคาร์บอนขอบกลาง 38mm

โพสต์ โดย นายไวไวครับ »

เด๋วใช้ซักพักจะรู้ราคาผ้าเบรคครับ แนะนำว่าอย่าใส่โนเนมมันจะกินขอบและเบรคไม่ค่อยอยู่ ผมเคยเอาลงเขา2-3ทีแล้วมีอุบัติเหตจึงเลิกเอาคันหมอบไปที่ชันมากๆ(ปล่อยไหลลงนี่น่าจะ60 ใจนี่ลงไปอยู่ตาตุ่มเลย...)จากความประมาทตัวเอง1คือมั่นใจในตัวเองสูงพยายามเอาหมอบโดดหลบหลุมแต่ไม่พ้น..... ล้อบวมจนระเบิด1เนื่องจากแรกๆไม่มีคนสอน ผมก็ราเบรคเพื่อชลอความเร็วมากเกินจนขอบคาร์บอนทนไม่ไหว ผ้าเบรค2คู่้เกือบ2000หมดเลยคิดถึงล้อขอบอลูขึ้นมาทันทีนานมากกว่าจะเปลี่ยนผ้าเบรคที(ผ้าเบรคขอบอลูไม่กี่ร้อย) ผมเปลี่ยนล้อคาร์บอนมาหลายคู่จีนกับไต้หวันล้วนๆ ไม่เคยเอาแบรนด์เนมเลยแต่ราคาถ้ารวมๆกันนี่น่าจะได้ตัวโหดๆไปละแต่ทำไงได้แอบเก็บเงินยังไงก็ไม่เคยมีเกิน40000เลย

ปล.ความดื้อผมมีเยอะ พึ่งเอารถล้อโตไปตีลังกามาไหล่หลุด พัก2วันก็ปั่นต่อได้ จนจะเดือนแล้วยังไม่หายดี100%เลย
รูปประจำตัวสมาชิก
Sam Gamgee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 2268
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ย. 2009, 20:40
team: TBA
Bike: Infinito(50) w/ Edge 500, Force G/S Compact, 3T's C/P, D/A C50 Whl & Trance X3(S), XT DC, Thomson's C/P, Fox Float RL, X-Max SLR Whl & Standard Mu P8 & Strida Mini w/ 16" Whl

Re: ครั้งแรกเมื่อได้ลองล้อคาร์บอนขอบกลาง 38mm

โพสต์ โดย Sam Gamgee »

เรื่องของล้อมีทฤษฎีอธิบายได้หมดครับ ทั้งขอบล้อ ดุม ซี่ลวด ยาง ราคาก็ตามคุณภาพ เลือกซื้อเลือกใช้ให้เหมาะกับกำลังและลักษณะการใช้งานก็จะเกิดประโยชน์สูงสุดครับ แนะนำว่าศึกษาหาข้อมูลก่อนแล้วลองกับของมือสอง...ถ้าถูกใจค่อยหาของใหม่มาใช้ :D
กีฬาอื่นเพื่อสันทนาการ แต่ปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพ
รูปประจำตัวสมาชิก
ktspyder
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1318
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ค. 2013, 09:15
Tel: 0818352055
team: DSR
Bike: Kuwahara/Kestrel/Kramer
ตำแหน่ง: บางนา กทม.

Re: ครั้งแรกเมื่อได้ลองล้อคาร์บอนขอบกลาง 38mm

โพสต์ โดย ktspyder »

ขอบต่ำลง แรงต้านอากาศก็ลดลงด้วยครับ (ลองนึกถึงเอาช้อนแกว่งในน้ำเทียบกับเอาตะเกียบแกว่งในน้ำ) ผลคือโมเมนตั้มเหวี่ยงช่วยที่ความเร็วต่ำกว่า

จากที่ผมเคยใช้ขอบ50เหวี่ยงที่33 ขอบ56-37 ขอบ40-29
ขอบ38 ซัก27ก็น่าจะเริ่มเบาขาแล้ว ยืนระยะ30กว่าสบายมาก
line id: ktspy
ใหม่ที่นี่ แต่เก่า(โคตร)ที่นู่น 8-)
http://www.guitarthai.com/member/accoun ... raID=18283
giro
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 3092
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 15:14
Tel: 0865040751
team: Team Bike And Body Cycoling
Bike: Kemo KE-R5, Giant Propel Advance SL, Specialized Alez E5 Revolution
ตำแหน่ง: ซอยอารีย์ พหลโยธิน กทม.
ติดต่อ:

Re: ครั้งแรกเมื่อได้ลองล้อคาร์บอนขอบกลาง 38mm

โพสต์ โดย giro »

รอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ฉายหนังซ้ำให้ครับ
ขอบสูงต่ำเหวี่ยงทุกความเร็วครับ ด้านบน ผมไม่ได้มาว่าหรือฉีกหน้าท่านนะครับแต่มันผิดครับ
1.ล้อยิ่งต่ำ ยิ่งแหวกอากาศน้อย ล้อยิ่งสูง ยิ่งแหวกอากาศเยอะ ตรงข้ามกับที่ท่านเข้าใจเลยครับยกตัวอย่างเอาตะเกียบไปแกว่งในน้ำ กับช้อนแกว่งในน้ำ ผมขอลองใหม่ครับ
เอาตะเกียบจุ่มน้ำครึ่งหนึ่งแล้วแกว่ง กับเอาตะเกียบจุ่มทั้งอันแล้วแกว่งครับ
ท่านจะพบว่า อันที่จุ่มทั้งอันมัน"หนืด"กว่า นั่นเพราะทั้งแรงต้านและแรงฉุดด้านหลังตะเกียบมันมากกว่า

อุปมาตะเกียบเป็นซี่ล้อฉันใดก็ฉันนั้นครับ
ซี่ล้อคือตัวที่สร้างแรงฉุดและต้านมากที่สุดในล้อครับ อ้าวๆๆ อย่าเพิ่งงงว่าทำไมคุยเรื่องขอบแล้วผมมาวกไปหาซี่
ขอเริ่มใหม่ตรงนี้ครับ ว่าทำไมล้อต้องขอบสูง??
เดิมทีย้อนไปไม่ได้นานอะไรครับ เอาแค่ 15 ปี ก็ไม่มีล้อขอบสูงแล้วครับ แสดงว่าจริงๆมันเป็นของใหม่ครับ มันเกิดมาเพราะว่า UCI ไม่ให้ใช้ล้อดิสค์และล้อสามก้านแข่งแบบถนนครับ เป็นที่รู็กันมานานแล้วว่าล้อดิสค์และล้อสามก้านมันแอโร่ดีเหลือเกิน คำว่าแอโร่คืออะไร? มันคือการที่แหวกอากาศลดแรงต้านได้ดี แถมรีดอากาศผ่านไปลดแรงฉุดด้านหลังได้ด้วย นั่นแหละครับคือปัจจัย และเชื่อไหมครับว่าจริงๆแล้วแรงต้าน มีน้อยกว่าแรงฉุดมากมายมหาศาลครับ
ผมอยากให้ลองจินตนาการล้อที่หมุนนะครับ มีซี่ล้อ 20 ซี่พอหอมๆ รถเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วซัก 20 พอเบาๆ คิดว่าล้อต้องหมุนกี่รอบครับ?? และแต่ละรอบที่ล้อหมุนและรุเคลื่อนที่ไปด้านทิศทางหนึ่ง (ในทีนี้ผมขอยกตัวอย่างจากซ้ายไปขวา) ล้อมันเคลือ่นไปซ้ายไปขวาก็จริงแต่ล้อมันหมุนไม่ได้เกี่ยวกันครับ คือมันก็หมุนกับที่นั่นแหละครับ รถมันวิ่งไปเพราะแรงเสียดทานที่ยางผลักรถไป ล้อที่หมุนตามเข็มนาฬิกานี้ ซี่ล้อทั้ง 20 *ต้อง* แหวกอากาศตลอดเวลาครับไม่ใช่ว่าซี่ที่วิ่งสวนทางจะไม่แหวกอากาศนะครับ และเมื่อมันแหวกอากาศ มันก็จะเกิดแรงฉุดด้านหลังซี่ทั้ง 20 นั้น และถ้าสังเกตุให้ดีๆเข้าไปอีกจะพบว่า ซี่ที่ปลายติดขอบจะวิ่งวนรอบด้วยความเร็วที่มากกว่าซี่ที่อยู๋ใกล้ๆดุม ก็แน่นอนครับ ซี่วิ่งครบรอบเวลาเท่ากันแต่ที่ดุมระยะทางมันนิดเดียว ที่ขอบมันวิ่งตั้งไกลกว่าจะรอบ และถ้าดูทั้งหมดพร้อมการเคลลื่อนที่ดีๆจะพบว่า
*ซี่ล้อด้านบนวิ่งผ่านอากาศไปเร็วกว่ารถวิ่งมากมายหลายเท่า*
นั่นคือที่มาของแรงสวนการเคลื่อนที่มหาศาลครับ เราออกแรงถีบบันไดให้ล้อหมุนครับ ไม่ได้ออกแรงถีบให้รถวิ่งไปด้านหน้า ดังนั้นหากลดแรงฉุดล้อพวกนี้ได้ ล้อก็จะรักษาการหมุนไปได้ดีขึ้นนั่นเอง
และเมื่อห้ามใช้ดิสค์กับล้อสามก้าน ทางออกที่ชาญฉลาดก็คือ

ทำซี่ล้อให้สั้นลง
นั่นคือการทำขอบให้สูงขึ้นครับ เมื่อขอบสูงขึ้น ซี่ก็สั้นลง ลำพังไอ้ตัวขอบมันไม่ได้เปลี่ยนแปลงแรงต้านและฉุดมากหรอกครับ แต่ซี่ล้อที่สั้นลง 10 มิล หรือสั้นลงไปอีก 50 มิล นั้นต่างหากที่ส่งผล"มหาศาล" ครับ ถ้าไม่เชื่อว่ามหาศาลขนาดไหน ลองหาคนปั่นเทรนเนอร์แล้วเอานิ้วแหย่ล้อดูครับ จะรู้ว่าซี่ล้อมันวิ่งเร็วขนาดไหน และถ้าได้ลองบนเทรนเนอร์ก็จะรู็ว่า แม้รถไม่วิ่งเลย การที่ซี่ล้อสั้นลงมันก็ส่งผลให้"เหว่ยง"ได้ดีขึ้น

มาถึงคำว่า"เหวี่ยง" ที่เข้าใจกันดี ถ้าเข้าใจว่าล้อขอบสูงทำงานเพราะน้ำหนักขอบก็จะหลงกับคำว่าเหวี่ยงครับ แต่ถ้าคำว่าเหวี่ยงนั้นหมายถึง"การรักษาความเร็ว" และเข้าใจพื้นฐานที่เกิดมาของล้อขอบสูงด้านบนจะพบว่าบางอ้อมันอยู่ข้างหน้าครับ ขอบยิ่งสูงยิ่งเหวี่ยงเพราะแรงต้านแรงฉุดมันก็ยิ่งน้อยลง เมื่อน้อยลงมันก็ไหลมากขึ้น คนขี่ก็รู็สึกว่าล้อมันหมุนๆๆช่วยเรา ขริงๆก็แ่ค่แรงต้านมันน้อยลงนั่นแหละครับ
ถ้ายังไม่บางอ้อ ลองคิดดีๆครับว่าล้อที่ขอบสูงขึ้นมันต้านมากกว่าเดิมจริงๆหรือ แนวที่มันเคลื่อนที่ไปมันคนละแนวครับ ตะเกียบกับช้อนเทียบไม่ได้ครับพื้นที่และทรงไม่เหมือนันครับ

จากนั้นเรื่องน้ำหนักขอบ
ล้อขอบสูงกว่าก็"มักจะ"มีน้ำหนักมากกว่า และเมื่อมันหนักมากกว่าแม้ตัวมันเองจะ"ไหล"ได้ดีจากการที่มันแอโร่ แต่ไม่ได้แปลว่ามันมี"ความเร่งที่ดี" เพราะการที่ต้องออกแรงให้เกิดความเร่งไม่ว่าจาก 30-40 หรือ 0-15 ของเบาจะใช้แรงน้อยกว่าของหนักครับ เป็นเรื่องพื้นฐาน ดังนั้นสิ่งที่ตามมาของขอบที่สูงขึ้นคือ "ความเร่งที่แย่ลง" ไม่ลงลึกนะครับเพราะได้เขียนหลายกระทู้แล้ว
ดังนั้นผมสรุปเลยว่า ล้อขอบสูง จะยูงเท่าจิ๋มมด หรือสูงเป็นเจี๊ยววัวก็ตาม

มัน"เหวี่ยง" และ "ทำงาน" หรือ "ไหล" ทุกย่านความเร็วนั่นแหละครับ ถ้าเราปั่นด้ยความเร็ว *คงที่* แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีความเร่ง น้ำหนักจะมีผลต่อการออกแรงเพื่อขยับมวลขอบที่หนักขึ้น
ดังนั้นล้อขอบสูงที่หนักเท่ากันกับขอบต่ำ จึงไม่ได้หนืดเท้าในการสร้างความเร่งแถมยัง"ไหล"ได้ดีเพราะแหวกอากาศได้ดีขึ้น แต่มันอาจ"โหวง" เพราะมวลที่น้อยลงก็วิ่งรักษาความเฉื่อยตัวเองได้น้อยลงและมีผลกระทบจากลมกรรโชกมากกว่าครับ

ผมเอาขึ้นเทรนเนอร์ ล้อขอบสูงผมก็เซฟวัตต์ได้ที่ความเร็ว 20 ครับ ยืนยันเลยครับว่าที่บอกว่าขอบเท่านี้ ขึ้นที่เท่านั้น เข้าใจผิดทั้งเพแน่นอนครับ
เพราะในการปั่นจริงๆคุณไม่ได้ปั่นคงที่ครับ และยิ่งปั่นช้าที่ 20-30 ส่วนมากยิ่งปั่นกันไม่คงที่ครับ เร่งบ้าง ยืดบ้าง ฟรีบ้างแล้วขึ้นใหม่ ไม่ได้ต้องถึงขนาดกระชากหรอกครับแต่แค่นั้นส่งผลให้รู็สึก"หน่วง"ได้แล้วครับ
เอาง่ายๆยิ่งกว่านั้นเลย ถ้างั้นพวกไตรฯไม่ขี่ขอบสูงหรอกครับ ใส่ดิสค์กันด้วยซ้ำ

จขกท.คงเป็นอีกคนหนึ่งที่"สัมผัส"ได้ครับ แต่ระวังว่าหากขี่ความเร็วไม่ค่อยนิ่ง ล้อขอบสูงจะกลายเป็นภาระแทนครับ สนามเขียวส่วนมากจะี่กันแบบเร็วๆฟรีๆยืดๆเร่งๆ สลับไปเรื่อยๆครับ ขี่แบบนั้นเปลืองแรงครับ ทุกอย่างของจักรยานพยายามทำให้"ประหยัดแรง"มากที่สุดแตุ่้าเราขี่"เปลือง"เองก็ช่วยอะไรไม่ได้ครับ และถ้ายิ่งขี่นิ่งจริงๆ ขอบสูงอีกจะยิ่งสบายอีกด้วยครับ

ปล ผมขี่มาแล้วทั้งขอบจีน ไต้หวัน และขอบแคนาดา ตั้งแต่ขอบ 25 มิล ไป 30 มิล ไปยัน 38 มิล มา 50 และ 56 และ 60 และดิสค์ปิดสนิท .....ถ้าทางราบจริงๆผมว่า 50/50 หรือ 50/60 สมเหตุสมผลมากครับ ส่วนผสมที่ดีสำหรับทางราบถนนลมแรงคือ 38/50 ครับ ส่วนทางเขาขึ้นลงและถนนทั่วไปรวมถึงเขาระดับภาคกลางคือ 38/38 ถ้าพวกต่ำกว่า 30 ลงไป ขึ้นเขาดีจริงแต่ลงเขาหรือทางราบเป็นนุ่นเหวี่ยงตามลมเลยครับ เฟี้ยงนุ่นเต็มแรงยังไม่ไปไหน ส่วนของแคนาดา 56 มิล ... บอกได้เลยว่ามัน ไหล มาก เบาด้วย ย้วยไปบ้างแต่ผมตัวไม่หนักเลยไม่ได้รำคาญมาก ทว่า .... ราคามันเล่นล้อไต่หวันได้ 2 ชุด ผมจึงเลือกจะมีล้อเลือดมังกร 2 ชุดตอบทุกโจทย์แทนที่จะหาล้อแบรนด์เทพคู่เดียวแล้วหงุดหงิดกับมัน
ล้อประจำการ
ล้อซ้อม Mavic Aksium ถูก ทน ถึก เหวี่ยงมั้ย? ไม่รู้ ไหลมั้ย? ไม่รู้ แต่ถึกมากครับ ใส่ยางทนๆหนักๆ รวมหมดคงราว 2.3 กก.
ล้อจีนไร้นามขอบยางงัดคาร์บอน 50/60 น้ำหนักกำลังสบาย 1.55 ใส่ยาง Challenge เบาๆ
ล้อ Token T38 Superlight ขอบ 38 น้ำหนักต่ำ 1.3 นิดหน่อย ใส่ยางฮาล์ฟเบาๆ
ทั้งหมดรวมกันยังไม่ได้ล้อเทพๆซักคู๋เลยฮะ :mrgreen:
ข้อดีคือ สบายใจมีรองเท้าใส่ทุกงาน
ข้อเสียคือรองเท้าที่ใส่ไม่ได้เทพทุกงานแค่ใช้งานได้ดี
ที่สำคัญ ความหล่อมีค่าต่ำมากระดับตัวประกอบเดินผ่านกล้องครับ :lol: สมัยใส่ล้อ Zipp แค่จอดไว้ก็ราศีจับส่องประกายเหมือนโดมสมัยยังเอ๊าะๆ
ฟังสาระจักรยาน Podcast
https://open.spotify.com/show/76iDUCWXgqqixg1CmoSDIp
ข่าวสารจัรกยาน
https://www.facebook.com/cyclinghubthailand/
faked
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 128
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 มี.ค. 2012, 13:39
Tel: 0870263264
Bike: Tozz ZL / Fuji Roubaix 2.0

Re: ครั้งแรกเมื่อได้ลองล้อคาร์บอนขอบกลาง 38mm

โพสต์ โดย faked »

giro เขียน:รอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ฉายหนังซ้ำให้ครับ
ขอบสูงต่ำเหวี่ยงทุกความเร็วครับ ด้านบน ผมไม่ได้มาว่าหรือฉีกหน้าท่านนะครับแต่มันผิดครับ
1.ล้อยิ่งต่ำ ยิ่งแหวกอากาศน้อย ล้อยิ่งสูง ยิ่งแหวกอากาศเยอะ ตรงข้ามกับที่ท่านเข้าใจเลยครับยกตัวอย่างเอาตะเกียบไปแกว่งในน้ำ กับช้อนแกว่งในน้ำ ผมขอลองใหม่ครับ
เอาตะเกียบจุ่มน้ำครึ่งหนึ่งแล้วแกว่ง กับเอาตะเกียบจุ่มทั้งอันแล้วแกว่งครับ
ท่านจะพบว่า อันที่จุ่มทั้งอันมัน"หนืด"กว่า นั่นเพราะทั้งแรงต้านและแรงฉุดด้านหลังตะเกียบมันมากกว่า

อุปมาตะเกียบเป็นซี่ล้อฉันใดก็ฉันนั้นครับ
ซี่ล้อคือตัวที่สร้างแรงฉุดและต้านมากที่สุดในล้อครับ อ้าวๆๆ อย่าเพิ่งงงว่าทำไมคุยเรื่องขอบแล้วผมมาวกไปหาซี่
ขอเริ่มใหม่ตรงนี้ครับ ว่าทำไมล้อต้องขอบสูง??
เดิมทีย้อนไปไม่ได้นานอะไรครับ เอาแค่ 15 ปี ก็ไม่มีล้อขอบสูงแล้วครับ แสดงว่าจริงๆมันเป็นของใหม่ครับ มันเกิดมาเพราะว่า UCI ไม่ให้ใช้ล้อดิสค์และล้อสามก้านแข่งแบบถนนครับ เป็นที่รู็กันมานานแล้วว่าล้อดิสค์และล้อสามก้านมันแอโร่ดีเหลือเกิน คำว่าแอโร่คืออะไร? มันคือการที่แหวกอากาศลดแรงต้านได้ดี แถมรีดอากาศผ่านไปลดแรงฉุดด้านหลังได้ด้วย นั่นแหละครับคือปัจจัย และเชื่อไหมครับว่าจริงๆแล้วแรงต้าน มีน้อยกว่าแรงฉุดมากมายมหาศาลครับ
ผมอยากให้ลองจินตนาการล้อที่หมุนนะครับ มีซี่ล้อ 20 ซี่พอหอมๆ รถเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วซัก 20 พอเบาๆ คิดว่าล้อต้องหมุนกี่รอบครับ?? และแต่ละรอบที่ล้อหมุนและรุเคลื่อนที่ไปด้านทิศทางหนึ่ง (ในทีนี้ผมขอยกตัวอย่างจากซ้ายไปขวา) ล้อมันเคลือ่นไปซ้ายไปขวาก็จริงแต่ล้อมันหมุนไม่ได้เกี่ยวกันครับ คือมันก็หมุนกับที่นั่นแหละครับ รถมันวิ่งไปเพราะแรงเสียดทานที่ยางผลักรถไป ล้อที่หมุนตามเข็มนาฬิกานี้ ซี่ล้อทั้ง 20 *ต้อง* แหวกอากาศตลอดเวลาครับไม่ใช่ว่าซี่ที่วิ่งสวนทางจะไม่แหวกอากาศนะครับ และเมื่อมันแหวกอากาศ มันก็จะเกิดแรงฉุดด้านหลังซี่ทั้ง 20 นั้น และถ้าสังเกตุให้ดีๆเข้าไปอีกจะพบว่า ซี่ที่ปลายติดขอบจะวิ่งวนรอบด้วยความเร็วที่มากกว่าซี่ที่อยู๋ใกล้ๆดุม ก็แน่นอนครับ ซี่วิ่งครบรอบเวลาเท่ากันแต่ที่ดุมระยะทางมันนิดเดียว ที่ขอบมันวิ่งตั้งไกลกว่าจะรอบ และถ้าดูทั้งหมดพร้อมการเคลลื่อนที่ดีๆจะพบว่า
*ซี่ล้อด้านบนวิ่งผ่านอากาศไปเร็วกว่ารถวิ่งมากมายหลายเท่า*
นั่นคือที่มาของแรงสวนการเคลื่อนที่มหาศาลครับ เราออกแรงถีบบันไดให้ล้อหมุนครับ ไม่ได้ออกแรงถีบให้รถวิ่งไปด้านหน้า ดังนั้นหากลดแรงฉุดล้อพวกนี้ได้ ล้อก็จะรักษาการหมุนไปได้ดีขึ้นนั่นเอง
และเมื่อห้ามใช้ดิสค์กับล้อสามก้าน ทางออกที่ชาญฉลาดก็คือ

ทำซี่ล้อให้สั้นลง
นั่นคือการทำขอบให้สูงขึ้นครับ เมื่อขอบสูงขึ้น ซี่ก็สั้นลง ลำพังไอ้ตัวขอบมันไม่ได้เปลี่ยนแปลงแรงต้านและฉุดมากหรอกครับ แต่ซี่ล้อที่สั้นลง 10 มิล หรือสั้นลงไปอีก 50 มิล นั้นต่างหากที่ส่งผล"มหาศาล" ครับ ถ้าไม่เชื่อว่ามหาศาลขนาดไหน ลองหาคนปั่นเทรนเนอร์แล้วเอานิ้วแหย่ล้อดูครับ จะรู้ว่าซี่ล้อมันวิ่งเร็วขนาดไหน และถ้าได้ลองบนเทรนเนอร์ก็จะรู็ว่า แม้รถไม่วิ่งเลย การที่ซี่ล้อสั้นลงมันก็ส่งผลให้"เหว่ยง"ได้ดีขึ้น

มาถึงคำว่า"เหวี่ยง" ที่เข้าใจกันดี ถ้าเข้าใจว่าล้อขอบสูงทำงานเพราะน้ำหนักขอบก็จะหลงกับคำว่าเหวี่ยงครับ แต่ถ้าคำว่าเหวี่ยงนั้นหมายถึง"การรักษาความเร็ว" และเข้าใจพื้นฐานที่เกิดมาของล้อขอบสูงด้านบนจะพบว่าบางอ้อมันอยู่ข้างหน้าครับ ขอบยิ่งสูงยิ่งเหวี่ยงเพราะแรงต้านแรงฉุดมันก็ยิ่งน้อยลง เมื่อน้อยลงมันก็ไหลมากขึ้น คนขี่ก็รู็สึกว่าล้อมันหมุนๆๆช่วยเรา ขริงๆก็แ่ค่แรงต้านมันน้อยลงนั่นแหละครับ
ถ้ายังไม่บางอ้อ ลองคิดดีๆครับว่าล้อที่ขอบสูงขึ้นมันต้านมากกว่าเดิมจริงๆหรือ แนวที่มันเคลื่อนที่ไปมันคนละแนวครับ ตะเกียบกับช้อนเทียบไม่ได้ครับพื้นที่และทรงไม่เหมือนันครับ

จากนั้นเรื่องน้ำหนักขอบ
ล้อขอบสูงกว่าก็"มักจะ"มีน้ำหนักมากกว่า และเมื่อมันหนักมากกว่าแม้ตัวมันเองจะ"ไหล"ได้ดีจากการที่มันแอโร่ แต่ไม่ได้แปลว่ามันมี"ความเร่งที่ดี" เพราะการที่ต้องออกแรงให้เกิดความเร่งไม่ว่าจาก 30-40 หรือ 0-15 ของเบาจะใช้แรงน้อยกว่าของหนักครับ เป็นเรื่องพื้นฐาน ดังนั้นสิ่งที่ตามมาของขอบที่สูงขึ้นคือ "ความเร่งที่แย่ลง" ไม่ลงลึกนะครับเพราะได้เขียนหลายกระทู้แล้ว
ดังนั้นผมสรุปเลยว่า ล้อขอบสูง จะยูงเท่าจิ๋มมด หรือสูงเป็นเจี๊ยววัวก็ตาม

มัน"เหวี่ยง" และ "ทำงาน" หรือ "ไหล" ทุกย่านความเร็วนั่นแหละครับ ถ้าเราปั่นด้ยความเร็ว *คงที่* แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีความเร่ง น้ำหนักจะมีผลต่อการออกแรงเพื่อขยับมวลขอบที่หนักขึ้น
ดังนั้นล้อขอบสูงที่หนักเท่ากันกับขอบต่ำ จึงไม่ได้หนืดเท้าในการสร้างความเร่งแถมยัง"ไหล"ได้ดีเพราะแหวกอากาศได้ดีขึ้น แต่มันอาจ"โหวง" เพราะมวลที่น้อยลงก็วิ่งรักษาความเฉื่อยตัวเองได้น้อยลงและมีผลกระทบจากลมกรรโชกมากกว่าครับ

ผมเอาขึ้นเทรนเนอร์ ล้อขอบสูงผมก็เซฟวัตต์ได้ที่ความเร็ว 20 ครับ ยืนยันเลยครับว่าที่บอกว่าขอบเท่านี้ ขึ้นที่เท่านั้น เข้าใจผิดทั้งเพแน่นอนครับ
เพราะในการปั่นจริงๆคุณไม่ได้ปั่นคงที่ครับ และยิ่งปั่นช้าที่ 20-30 ส่วนมากยิ่งปั่นกันไม่คงที่ครับ เร่งบ้าง ยืดบ้าง ฟรีบ้างแล้วขึ้นใหม่ ไม่ได้ต้องถึงขนาดกระชากหรอกครับแต่แค่นั้นส่งผลให้รู็สึก"หน่วง"ได้แล้วครับ
เอาง่ายๆยิ่งกว่านั้นเลย ถ้างั้นพวกไตรฯไม่ขี่ขอบสูงหรอกครับ ใส่ดิสค์กันด้วยซ้ำ

จขกท.คงเป็นอีกคนหนึ่งที่"สัมผัส"ได้ครับ แต่ระวังว่าหากขี่ความเร็วไม่ค่อยนิ่ง ล้อขอบสูงจะกลายเป็นภาระแทนครับ สนามเขียวส่วนมากจะี่กันแบบเร็วๆฟรีๆยืดๆเร่งๆ สลับไปเรื่อยๆครับ ขี่แบบนั้นเปลืองแรงครับ ทุกอย่างของจักรยานพยายามทำให้"ประหยัดแรง"มากที่สุดแตุ่้าเราขี่"เปลือง"เองก็ช่วยอะไรไม่ได้ครับ และถ้ายิ่งขี่นิ่งจริงๆ ขอบสูงอีกจะยิ่งสบายอีกด้วยครับ

ปล ผมขี่มาแล้วทั้งขอบจีน ไต้หวัน และขอบแคนาดา ตั้งแต่ขอบ 25 มิล ไป 30 มิล ไปยัน 38 มิล มา 50 และ 56 และ 60 และดิสค์ปิดสนิท .....ถ้าทางราบจริงๆผมว่า 50/50 หรือ 50/60 สมเหตุสมผลมากครับ ส่วนผสมที่ดีสำหรับทางราบถนนลมแรงคือ 38/50 ครับ ส่วนทางเขาขึ้นลงและถนนทั่วไปรวมถึงเขาระดับภาคกลางคือ 38/38 ถ้าพวกต่ำกว่า 30 ลงไป ขึ้นเขาดีจริงแต่ลงเขาหรือทางราบเป็นนุ่นเหวี่ยงตามลมเลยครับ เฟี้ยงนุ่นเต็มแรงยังไม่ไปไหน ส่วนของแคนาดา 56 มิล ... บอกได้เลยว่ามัน ไหล มาก เบาด้วย ย้วยไปบ้างแต่ผมตัวไม่หนักเลยไม่ได้รำคาญมาก ทว่า .... ราคามันเล่นล้อไต่หวันได้ 2 ชุด ผมจึงเลือกจะมีล้อเลือดมังกร 2 ชุดตอบทุกโจทย์แทนที่จะหาล้อแบรนด์เทพคู่เดียวแล้วหงุดหงิดกับมัน
ล้อประจำการ
ล้อซ้อม Mavic Aksium ถูก ทน ถึก เหวี่ยงมั้ย? ไม่รู้ ไหลมั้ย? ไม่รู้ แต่ถึกมากครับ ใส่ยางทนๆหนักๆ รวมหมดคงราว 2.3 กก.
ล้อจีนไร้นามขอบยางงัดคาร์บอน 50/60 น้ำหนักกำลังสบาย 1.55 ใส่ยาง Challenge เบาๆ
ล้อ Token T38 Superlight ขอบ 38 น้ำหนักต่ำ 1.3 นิดหน่อย ใส่ยางฮาล์ฟเบาๆ
ทั้งหมดรวมกันยังไม่ได้ล้อเทพๆซักคู๋เลยฮะ :mrgreen:
ข้อดีคือ สบายใจมีรองเท้าใส่ทุกงาน
ข้อเสียคือรองเท้าที่ใส่ไม่ได้เทพทุกงานแค่ใช้งานได้ดี
ที่สำคัญ ความหล่อมีค่าต่ำมากระดับตัวประกอบเดินผ่านกล้องครับ :lol: สมัยใส่ล้อ Zipp แค่จอดไว้ก็ราศีจับส่องประกายเหมือนโดมสมัยยังเอ๊าะๆ
ชัดเจน เห็นภาพ อ่านเเล้วเข้าใจง่ายเเละเข้าใจหลักการจริงๆ ขอบคุณครับ ปัจจุบันผมใช้ 50/50 อยู่ ยอมรับว่าตอนจะตัดสินใจว่าจะใช้ขอบสูงมาใช้ดีมั้ยหนอ ผมก็อ่านคอมเม้นท์เก่าๆของคุณ giro นี่เเหละครับที่ทำให้มั่นใจในการตัดสินใจ เเต่พอมาอ่านคอมเม้นท์หนังซ้ำเเต่เนื้อหาเรียบเรียงใหม่อันนี้อีกรอบ ทำให้เข้าใจหลักการขึ้นมาจริงๆครับ :mrgreen:
รูปประจำตัวสมาชิก
backlight
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 98
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2013, 16:28
team: -
Bike: BMC GF02

Re: ครั้งแรกเมื่อได้ลองล้อคาร์บอนขอบกลาง 38mm

โพสต์ โดย backlight »

ตามอ่านกระทู้ของคุณ Giro เรื่องล้อมาตลอด ที่กรุณาให้ข้อมูลใหม่ทุกครั้งในเรื่องเดิม โดยไม่ก๊อปปี้เม้นท์เก่ามา

ขออนุญาตเสริม ถ้าผิดกรุณาแก้ไขด้วยครับ เพื่อเป็นข้อมูลที่ถูกต้องให้ท่านอื่นๆ
หากมองในมุมมองที่ตะเกียบคือขอบ(ต่ำ) เทียบกับมีดสับหมูหนาเท่ากันสักเล่ม(ขอบสูง). ถ้าทดลองเอาจุ่มลงไปลากในน้ำตามแนวใบมีด

ที่ความเร็วต่ำๆไม่เห็นผล. จนทดลองลากผ่านน้ำที่ความเร็วสูงขึ้นค่าหนึ่ง ตะเกียบจะแหวกน้ำแล้วมีช่องว่างข้างหลังกระแสน้ำที่ผ่านไหลไม่ราบเรียบเหมือนความเร็วต่ำอันเนื่องจากแรงฉุดจากการไหลแบบ turbulant
กลับกันมีดสับหมูกลับแหวกน้ำผ่านไปได้อยากง่ายดาย กระแสน้ำไหลผ่านใบมีดไปอย่างราบเรียบ(laminar flow)

แต่ในสถานะการณ์จริง ลมไม่ได้ผ่านตรงๆเหมือนในเวโลโดม ดังนั้นถ้าลากมีดเฉียงๆแรงต้านย่อมมีมากกว่าตะเกียบมากมาย จึงเป็นที่มาของการออกแบบล้อขอบอ้วนเพื่อลดแรงต้านด้านข้างอย่างเช่น Zipp.
รูปประจำตัวสมาชิก
boombaraka
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 212
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ก.ย. 2009, 00:51
Tel: เบอร์บ้าน
team: ยังไม่มีอ่ะ
Bike: Bianchi

Re: ครั้งแรกเมื่อได้ลองล้อคาร์บอนขอบกลาง 38mm

โพสต์ โดย boombaraka »

giro เขียน:...(ความรู้)...
กระจ่างมากเลย ขอบคุณครับสำหรับความรู้แบบละเอียดกันเลยทีเดียว

รวมถึงคำแนะนำการเลือกความสูงของล้อกับสภาพพื้นที่ต่างๆ
ซึ่งพอดีเลยผมคงลงตัวที่ 38/38 เนื่องจากปั่นภาคกลางขึ้นๆลงๆ เรียบบ้างเนินบ้าง ขอบขนาดนี้กำลังสบาย

ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอรบกวนคุณ giro อีกนิดครับ rim มันขอบอ้วน 25mm แต่ตอนนี้ใส่ยางเดิม 700x23
ถ้าจะเปลี่ยนไปใส่ยางให้ตรงขอบ คือ 700x25 จะมีข้อดี/ข้อด้อยยังไงบ้างครับ

ขอบคุณล่วงหน้าเลยครับ เพื่อมีเพื่อนสมาชิกอยากรู้ด้วย
รูปประจำตัวสมาชิก
backlight
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 98
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2013, 16:28
team: -
Bike: BMC GF02

Re: ครั้งแรกเมื่อได้ลองล้อคาร์บอนขอบกลาง 38mm

โพสต์ โดย backlight »

กราฟจาก zipp ทดสอบยาง 22,23,25 ใส่กับ 303 ว่าประหยัดวัตต์จากความแอโร่
http://www.aeroweenie.com/assets/img/da ... attack.png

เมื่อใส่กับล้ออื่นๆ
http://www.aeroweenie.com/assets/img/da ... -23-25.png

ถ้าขาแรงวัตต์เหลือแบบโปร. เลือก 25 ปั่นสบายกว่าครับ ยางหนักมวลขอบล้อเพิ่ม ช่วยรักษาความเร็วดีกว่านะ :P
ใส่เสื้อหลวมหรือกางศอกสปรินต์ต้านลมกว่าส่วนต่างหน้าตัดยางเยอะครับ
temuan
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 45
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ธ.ค. 2013, 11:25
team: -
Bike: ARAYA DIAGONALE

Re: ครั้งแรกเมื่อได้ลองล้อคาร์บอนขอบกลาง 38mm

โพสต์ โดย temuan »

เก็บความรู้ด้วยคนครับ
ขอบคุณมากครับผม ^^"
ตอบกลับ

กลับไปยัง “เสือหมอบ (roadbike)”