????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
กฏการใช้บอร์ด
บอร์ดสำหรับ นักปั่นทัวร์ริ่ง นักปั่นระยะทางไกล พูดคุยเรื่องอุปกรณ์ เทคนิตการปั่น ที่พัก หรือการกินอยู่
บอร์ดสำหรับ นักปั่นทัวร์ริ่ง นักปั่นระยะทางไกล พูดคุยเรื่องอุปกรณ์ เทคนิตการปั่น ที่พัก หรือการกินอยู่
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4365
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
- ไฟล์แนบ
-
- จันทร์ที่ 13 ก.พ 66
ทุกวันนี้จิตใจของคนมันต่ำ ไม่เคารพของสูง ของสูงกลับประมาท ไปไหว้ของต่ำ เอาของต่ำเป็นที่พึ่ง นั่นแหละมันจะเกิดกาลกิณีอุบัติขึ้น ซึ่งไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนก็จะได้พบได้เห็นนี่แหละ
คนในยุคนี้จิตใจมันต่ำ ไม่รู้จักคุณพ่อคุณแม่ ไม่รู้จักคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ประมาทไปเสียหมด ประมาทของสูงแล้วยิ่งจะต่ำลงไป ไม่รู้จักของสูงของต่ำมันก็แย่ล่ะนะ โบราณท่านสอนไว้
ถ้าเอาของต่ำขึ้นสูง ของสูงลงไว้ต่ำ จะเป็นกาลกิณี นั่นก็หมายถึงการเคารพนั่นแหละ ของสูงไม่เคารพ ไม่กราบไม่ไหว้ แต่ไปเคารพ กราบไหว้ของต่ำโน้นนะ นี่มันแย่ล่ะนะ ไม่เคยพบเห็นมาก่อนก็พบเห็นล่ะยุคนี้ เพราะจิตใจคนในยุคนี้เป็นกาลกิณี ไม่มีความ ละอายเกรงกลัวต่อบาป สะดุ้งกลัวต่อบาป อะไรทั้งหมดแหละ เป็นกาลกิณี ผิดทำนองคลองธรรมไปหมด
พระราชวชิรเขมคุณ (หลวงปู่อว้าน เขมโก )
วัดป่านาคนิมิตต์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนค - cats๗.jpg (47.91 KiB) เข้าดูแล้ว 919 ครั้ง
- จันทร์ที่ 13 ก.พ 66
-
- เช้านี้มีนัดหมอ รพ.ประสาท ให้หมอเจาะเลือดตรวจค่าต่าง ๆ ผลปกติทุกอย่าง หมอได้จัดยาให้ใหม่อีกชุดลดตัวยาบางตัวลง นัดอีก ๒ เดือนมาเจาะเลือดดูอีกว่าสามารถคุมได้ไหม ?
ตั้งแต่ขึ้นเลข ๗ มานี่ต้องหาหมอถี่ขึ้น โรคภัย ไข้เจ็บมันรุมเร้าครับ และในวัยนี้เช่นกันเพื่อน ๆ ก็ต่างทะยอยจากไปหลายคนแล้ว และมีอีกหลายคนที่ต้องเทียวไปเทียวมากับ รพ. หนีไม่พ้นนะครับ เกิด แก่ เจ็บ ตาย - 271178.jpg (96.48 KiB) เข้าดูแล้ว 919 ครั้ง
- เช้านี้มีนัดหมอ รพ.ประสาท ให้หมอเจาะเลือดตรวจค่าต่าง ๆ ผลปกติทุกอย่าง หมอได้จัดยาให้ใหม่อีกชุดลดตัวยาบางตัวลง นัดอีก ๒ เดือนมาเจาะเลือดดูอีกว่าสามารถคุมได้ไหม ?
-
- DSC_3246.jpg (45.61 KiB) เข้าดูแล้ว 919 ครั้ง
-
- cats๗๙.jpg (116.78 KiB) เข้าดูแล้ว 919 ครั้ง
-
- cats๘๐.jpg (148.03 KiB) เข้าดูแล้ว 919 ครั้ง
-
- cats๘๑.jpg (120.94 KiB) เข้าดูแล้ว 919 ครั้ง
-
- cats๘๒.jpg (124.85 KiB) เข้าดูแล้ว 919 ครั้ง
-
- cats๘๓.jpg (135.76 KiB) เข้าดูแล้ว 919 ครั้ง
-
- อำเภอนาแก
คำขวัญอำเภอนาแก "ทุ่งนากว้างใหญ่ แนวไพรภูพาน เที่ยวดานสาวคอย ล่องลอยน้ำก่ำ ถ้ำพระเวสงามตา บูชาพระธาตุศรีคูณ "
ประวัติความเป็นมา อำเภอนาแกเดิมชื่อ “เมืองกบิล” ซึ่งถูกข้าศึกรุกรานและกวาดต้อนราษฎรจนหมดสิ้น กลายเป็นเมืองร้าง ต่อมาถึงมีชนกลุ่มหนึ่ง อพยพมาจากประเทศลาว มีนายเพีย ตาดูด เป็นหัวหน้า ตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณบ้านต้นแหน หมู่ที่ 1 ตำบลนาแก ในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูกและเป็นเมืองใหญ่ บึงน้ำเต็มไปด้วยต้นสะแกจึงตั้งชื่อสถานที่แห่งนี้ว่า “นาแก”
เมื่อท่านมาเที่ยวอำเภอนาแก ท่านจะได้มานมัสการพระธาตุศรีคุณ (พระธาตุประจำวันเกิดวันอังคาร) "พระธาตุศรีคุณ" ถือเป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมือง ชาว อ.นาแก จ.นครพนม ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระธาตุศรีคุณ อำเภอนาแก ห่างจากอำเภอธาตุพนมประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมื่องของอำเภอนาแก ลักษณะส่วนบนของพระธาตุคล้ายพระธาตุพนม ต่างกันตรงที่ชั้นที่ 1 มี 2 ตอน เป็นรูปสี่เหลี่ยม ประดับลวดลายปูนปั้น และชั้นที่ 2 สั้นกว่าพระธาตุพนม ภายในบรรจุพระ อรหันต์สารีริกธาตุของพระโมคลานะ พระสารีบุตร พระสังกัจจายนะเชื่อว่าหากใครได้ไปสักการะจะได้ อานิสงส์ มีศักดิ์ศรีทวีคูณ และเสริมพลังนักสู้ให้มีจิตใจเข้มแข็ง ทำให้ในช่วงวันสำคัญต่างๆ จะมีประชาชนนักท่องเที่ยวมากราบไหว้บูชาจำนวนมาก - cats๘๔.jpg (146.9 KiB) เข้าดูแล้ว 919 ครั้ง
- อำเภอนาแก
-
- ก่อนที่เราจะเข้าไปเที่ยวและกราบสักการะพระธาตุศรีคุณ ได้เวลาที่เราต้องเติมพลังมื้อเที่ยงกันแล้ว เราหาร้านที่สามารถทำมังสวิรัติให้เรา โชคดีเลยวัดศรีคุณไปทางด้านหลังเราก็พบร้านส้มตำ เห็นคนแน่นร้านมั่นใจว่าอร่อยแน่ คุณนายก็ไปสอบถามว่าสามารถจะทำส้มตำแบบมัง ฯ ให้ได้ไหม ? ร้านใจดียินดีทำให้ พร้อมเปลี่ยนครกเปลี่ยนเครื่องมือในการประกอบอาหารให้
สุดท้ายเราก็ได้ลิ้มลองรสชาติส้มตำมัง ฯ ข้าวเหนียวร้อน ๆ อิ่ม อร่อย ได้รสชาติครับ - cats๘๕.jpg (123.86 KiB) เข้าดูแล้ว 919 ครั้ง
- ก่อนที่เราจะเข้าไปเที่ยวและกราบสักการะพระธาตุศรีคุณ ได้เวลาที่เราต้องเติมพลังมื้อเที่ยงกันแล้ว เราหาร้านที่สามารถทำมังสวิรัติให้เรา โชคดีเลยวัดศรีคุณไปทางด้านหลังเราก็พบร้านส้มตำ เห็นคนแน่นร้านมั่นใจว่าอร่อยแน่ คุณนายก็ไปสอบถามว่าสามารถจะทำส้มตำแบบมัง ฯ ให้ได้ไหม ? ร้านใจดียินดีทำให้ พร้อมเปลี่ยนครกเปลี่ยนเครื่องมือในการประกอบอาหารให้
-
- DSC_3247.jpg (49.48 KiB) เข้าดูแล้ว 919 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4365
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
"วีรบุรุษนาแก"
อำเภอนาแก จังหวัดนครพนมในอดีตเป็นที่ตั้งของกองกำลังผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ มีทหาร ตำรวจและประชาชนล้มตายจากภัยก่อการร้ายเป็นจำนวนมากทุกวัน ไม่ต่างจากเหตุการณ์ภาคใต้ในวันนี้
ร.ต.ต.เสรี เตมียเวสเห็นว่า ตัวเองเป็นคนโสดไม่มีภาระรับผิดชอบ จึงอาสาไปนาแกถึงสองครั้งสองครา ครั้งแรกเมื่อปี 2515 ไปเป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษเขต และหัวหน้าฯจังหวัดตามลำดับ ต่อมาเมื่อ 23 ก.ค. 2519 มีคำสั่งให้ย้ายมาประจำโรงเรียนนายร้อยตำรวจและในขณะเดียวกันนั้นกรมตำรวจก็ได้ประกาศหาอาสาสมัครไปประจำการตำแหน่งสารวัตรใหญ่โรงพักนาแก แต่ก็ไม่มีผู้สมัครใจเลยแม้แต่คนเดียว ร.ต.อ.เสรี เตมียเวสเห็นดังนั้นจึงขออาสาและได้รับอนุมัติให้เดินทางในวันเดียวกันนั้นเลย
30 ก.ค. 2519 รรท.สารวัตรใหญ่นาแกคนใหม่ ร.ต.อ.เสรี เตมียเวส เข้ารับตำแหน่ง ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ใหม่ โดยสรรหาเฉพาะคนโสดที่ไม่มีภาระและยอมสละไดัแม้ชีวิตเข้าประจำการ การต่อสู้ปราบปราม ผกค.จึงประสบผลสำเร็จจนกองกำลัง ผกค.ต้องถอยร่นออกจากนาแก ไปยังจังหวัดอื่นใกล้เคียงแต่ไม่ว่าถอยร่นไปที่ใดจังหวัดใด ชุดปฏิบัติการของ ร.ต.อ.เสรี เตมียเวส ก็ยังตามล่ากวาดล้างอย่างต่อเนื่องต่อไป ด้วยความเด็ดเดี่ยว กล้าหาญ การปราบปราบผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์จึงประสบความสำเร็จจนบ้านเมืองบังเกิดความสงบเรียบร้อย
ต่อมาเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ.2520 นายพิศาล มูลศาสตร์สาทร ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมได้ทำพิธีสถาปนาให้ ร.ต.อ.เสรี เตมียเวสเป็น "ขุนพลประชาชน" และ "ขุนพลอาสาศึก" (หมายถึงขุนพลอาสาออกรบทุกพื้นที่) ณ.บริเวณหน้าที่ทำการศาลาประชาคมจังหวัดนครพนม โดยมีประชาชนนับหมื่นคนมาร่วมงาน
และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ประชาชนโดยทั่วไปได้เรียกและขนานนาม ร.ต.อ.เสรี เตมียเวสว่า "วีรบุรุษนาแก"
"ถ้าหากรอยเท้าไม่สลายไปตามกาลเวลา จะเห็นรอยเท้าผมเต็มไปหมดตั้งแต่เทือกเขาภูพานจนทะลุเขาวงกาฬสินธุ์"
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส
อรุณสวัสดิ์ญาติธรรมและท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ ขอสารภาพว่าการมาท่องเที่ยวนครพนม ครานี้เราไม่ได้ทำการบ้านเท่าที่ควร จิตมุ่งแต่จะมากราบสักการะพระธาตุพนม และคร่าว ๆ ก็จะแวะเที่ยวชมพระธาตุต่าง ๆ ที่เขาลือกันว่าในนครพนมมีพระธาตุมากที่สุดในประเทศไทย ประมาณนี้ พอเรามาถึง อ.นาแก ทำให้รำลึกได้ถึงสมัยเรียนมัธยมวันเสียงปืนแตกปี ๐๘ มีคอมมิวนิสต์จ้องยึดประเทศไทย เท่าที่รู้สมัยเด็ก "คอมมูนิสต์คืออสรพิษดี ๆ นี่เอง" และไม่น่าเชื่อว่าจบชั้น ม.ศ.๕ พ่อผมก็ให้ไปสมัครสอบเข้ารับการฝึกอาวุธพิเศษของอเมริกา ที่ค่ายดารารัศมี เป็นรุ่นที่ ๒ ยังไม่พอเมื่อติดยศเป็น ร.ต.ต.ก็ได้ถูกส่งไปรบกับ ผกค.ที่ อ.เชียงคำ จ.เชียงราย สมัยนั้น (ปัจจุบัน จ.พะเยา) เกือบตายหลายรอบไม่รู้ว่า "โชคดีหรือโชคร้ายที่รอดมาได้" เราไปศึกษาประวัติศาสตร์กันครับ
เสียงปืนแตกที่บ้านนาบัว : ก(ล)างเมือง
อำเภอนาแก จังหวัดนครพนมในอดีตเป็นที่ตั้งของกองกำลังผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ มีทหาร ตำรวจและประชาชนล้มตายจากภัยก่อการร้ายเป็นจำนวนมากทุกวัน ไม่ต่างจากเหตุการณ์ภาคใต้ในวันนี้
ร.ต.ต.เสรี เตมียเวสเห็นว่า ตัวเองเป็นคนโสดไม่มีภาระรับผิดชอบ จึงอาสาไปนาแกถึงสองครั้งสองครา ครั้งแรกเมื่อปี 2515 ไปเป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษเขต และหัวหน้าฯจังหวัดตามลำดับ ต่อมาเมื่อ 23 ก.ค. 2519 มีคำสั่งให้ย้ายมาประจำโรงเรียนนายร้อยตำรวจและในขณะเดียวกันนั้นกรมตำรวจก็ได้ประกาศหาอาสาสมัครไปประจำการตำแหน่งสารวัตรใหญ่โรงพักนาแก แต่ก็ไม่มีผู้สมัครใจเลยแม้แต่คนเดียว ร.ต.อ.เสรี เตมียเวสเห็นดังนั้นจึงขออาสาและได้รับอนุมัติให้เดินทางในวันเดียวกันนั้นเลย
30 ก.ค. 2519 รรท.สารวัตรใหญ่นาแกคนใหม่ ร.ต.อ.เสรี เตมียเวส เข้ารับตำแหน่ง ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ใหม่ โดยสรรหาเฉพาะคนโสดที่ไม่มีภาระและยอมสละไดัแม้ชีวิตเข้าประจำการ การต่อสู้ปราบปราม ผกค.จึงประสบผลสำเร็จจนกองกำลัง ผกค.ต้องถอยร่นออกจากนาแก ไปยังจังหวัดอื่นใกล้เคียงแต่ไม่ว่าถอยร่นไปที่ใดจังหวัดใด ชุดปฏิบัติการของ ร.ต.อ.เสรี เตมียเวส ก็ยังตามล่ากวาดล้างอย่างต่อเนื่องต่อไป ด้วยความเด็ดเดี่ยว กล้าหาญ การปราบปราบผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์จึงประสบความสำเร็จจนบ้านเมืองบังเกิดความสงบเรียบร้อย
ต่อมาเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ.2520 นายพิศาล มูลศาสตร์สาทร ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมได้ทำพิธีสถาปนาให้ ร.ต.อ.เสรี เตมียเวสเป็น "ขุนพลประชาชน" และ "ขุนพลอาสาศึก" (หมายถึงขุนพลอาสาออกรบทุกพื้นที่) ณ.บริเวณหน้าที่ทำการศาลาประชาคมจังหวัดนครพนม โดยมีประชาชนนับหมื่นคนมาร่วมงาน
และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ประชาชนโดยทั่วไปได้เรียกและขนานนาม ร.ต.อ.เสรี เตมียเวสว่า "วีรบุรุษนาแก"
"ถ้าหากรอยเท้าไม่สลายไปตามกาลเวลา จะเห็นรอยเท้าผมเต็มไปหมดตั้งแต่เทือกเขาภูพานจนทะลุเขาวงกาฬสินธุ์"
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส
อรุณสวัสดิ์ญาติธรรมและท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ ขอสารภาพว่าการมาท่องเที่ยวนครพนม ครานี้เราไม่ได้ทำการบ้านเท่าที่ควร จิตมุ่งแต่จะมากราบสักการะพระธาตุพนม และคร่าว ๆ ก็จะแวะเที่ยวชมพระธาตุต่าง ๆ ที่เขาลือกันว่าในนครพนมมีพระธาตุมากที่สุดในประเทศไทย ประมาณนี้ พอเรามาถึง อ.นาแก ทำให้รำลึกได้ถึงสมัยเรียนมัธยมวันเสียงปืนแตกปี ๐๘ มีคอมมิวนิสต์จ้องยึดประเทศไทย เท่าที่รู้สมัยเด็ก "คอมมูนิสต์คืออสรพิษดี ๆ นี่เอง" และไม่น่าเชื่อว่าจบชั้น ม.ศ.๕ พ่อผมก็ให้ไปสมัครสอบเข้ารับการฝึกอาวุธพิเศษของอเมริกา ที่ค่ายดารารัศมี เป็นรุ่นที่ ๒ ยังไม่พอเมื่อติดยศเป็น ร.ต.ต.ก็ได้ถูกส่งไปรบกับ ผกค.ที่ อ.เชียงคำ จ.เชียงราย สมัยนั้น (ปัจจุบัน จ.พะเยา) เกือบตายหลายรอบไม่รู้ว่า "โชคดีหรือโชคร้ายที่รอดมาได้" เราไปศึกษาประวัติศาสตร์กันครับ
เสียงปืนแตกที่บ้านนาบัว : ก(ล)างเมือง
- ไฟล์แนบ
-
- อีกหนึ่งวันที่ต้องไปพบแพทย์ตามนัดเป็นการ follow up ผลการผ่าตัดขาสองข้าง(เส้นเลือดขอด) ครั้งต่อไปนัดปีหน้า ๖๗ ค่อยยังชั่วคลายกังวลไปอีกเปราะ ยามชราโรคต่าง ๆ ก็มาติด ๆ ใช้ชีวิตอย่าประมาท หมอให้กินยาก็กิน หมอให้ออกกำลังกายก็อย่าขี้เกียจ หมอให้ลด ละเลิก สิ่งของมึนเมาต่าง ๆ ก็หยุด แต่ถ้าใครมั่นใจว่าสามารถใช้ชีวิตตามความชอบของตนเอง ไม่ต้องเชื่อใครก็ตามใจ ๕๕๕ แต่จะขอร้องอย่างเดียวคือ "อย่าฝืนหรืออวดอ้างคัดง้างคำของพระพุทธเจ้า เป็นอันใช้ได้" ท่านบอกให้เรา รักษาศีล ให้ทาน ฝึกภาวนา ก็ทำไปอย่าขี้เกียจ เพราะสิ่งนี้จะติดตัวไปในวันท่านตายจากโลกนี้ครับ อย่าประมาทนะ.
- 263746.jpg (86.46 KiB) เข้าดูแล้ว 896 ครั้ง
-
- 263745.jpg (55.95 KiB) เข้าดูแล้ว 896 ครั้ง
-
- อำเภอนาแก
คำขวัญอำเภอนาแก "ทุ่งนากว้างใหญ่ แนวไพรภูพาน เที่ยวดานสาวคอย ล่องลอยน้ำก่ำ ถ้ำพระเวสงามตา บูชาพระธาตุศรีคูณ "
ประวัติความเป็นมา อำเภอนาแกเดิมชื่อ “เมืองกบิล” ซึ่งถูกข้าศึกรุกรานและกวาดต้อนราษฎรจนหมดสิ้น กลายเป็นเมืองร้าง ต่อมาถึงมีชนกลุ่มหนึ่ง อพยพมาจากประเทศลาว มีนายเพีย ตาดูด เป็นหัวหน้า ตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณบ้านต้นแหน หมู่ที่ 1 ตำบลนาแก ในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูกและเป็นเมืองใหญ่ บึงน้ำเต็มไปด้วยต้นสะแกจึงตั้งชื่อสถานที่แห่งนี้ว่า “นาแก”
เมื่อท่านมาเที่ยวอำเภอนาแก ท่านจะได้มานมัสการพระธาตุศรีคุณ (พระธาตุประจำวันเกิดวันอังคาร) "พระธาตุศรีคุณ" ถือเป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมือง ชาว อ.นาแก จ.นครพนม ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระธาตุศรีคุณ อำเภอนาแก ห่างจากอำเภอธาตุพนมประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมื่องของอำเภอนาแก
ลักษณะส่วนบนของพระธาตุคล้ายพระธาตุพนม ต่างกันตรงที่ชั้นที่ 1 มี 2 ตอน เป็นรูปสี่เหลี่ยม ประดับลวดลายปูนปั้น และชั้นที่ 2 สั้นกว่าพระธาตุพนม ภายในบรรจุพระ อรหันต์สารีริกธาตุของพระโมคลานะ พระสารีบุตร พระสังกัจจายนะเชื่อว่าหากใครได้ไปสักการะจะได้ อานิสงส์ มีศักดิ์ศรีทวีคูณ และเสริมพลังนักสู้ให้มีจิตใจเข้มแข็ง ทำให้ในช่วงวันสำคัญต่างๆ จะมีประชาชนนักท่องเที่ยวมากราบไหว้บูชาจำนวนมาก
ข้อมูลจาก สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอนาแก - cats๘๙.jpg (74.18 KiB) เข้าดูแล้ว 896 ครั้ง
- อำเภอนาแก
-
- cats๘๗.jpg (131.84 KiB) เข้าดูแล้ว 896 ครั้ง
-
- cats๘๖.jpg (158.66 KiB) เข้าดูแล้ว 896 ครั้ง
-
- DSC_3983.JPG (103.64 KiB) เข้าดูแล้ว 896 ครั้ง
-
- DSC_3984.JPG (83.93 KiB) เข้าดูแล้ว 896 ครั้ง
-
- DSC_3986.JPG (137.23 KiB) เข้าดูแล้ว 896 ครั้ง
-
- DSC_3987.JPG (128.55 KiB) เข้าดูแล้ว 896 ครั้ง
-
- ตามสไตล์คุณนายเจอของฝากทุกที่ต้องติดไม้ติดมือกลับไปทุกครั้ง เช่นกันที่ร้านขายของที่ระลึกที่วัดศรีคุณมีผลิตภัณฑ์ทอผ้าย้อมคราม ทำมือคุณนายอุดหนุนไปหลายตัว(เป็นพันเอาเข้าไป ไม่ว่ากัน)
- IMG20221112141304.jpg (130.84 KiB) เข้าดูแล้ว 896 ครั้ง
-
- พระธาตุศรีคุณ พระธาตุถูกค้นพบเมื่อปี พ.ศ.๒๓๕๐ ผู้ที่ค้นพบคือชาวบ้านที่เป็นชาวลาวอพยพมาอยู่ในอำเภอนาแก ปัจจุบันเป็นพระธาตุที่บูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ เมื่อ พ.ศ.๒๔๑๘-๒๔๔๐ ลักษณะของพระธาตุ มีลักษณะคล้ายกับพระธาตุพนม
ความสูงเฉลี่ย ๒๔ เมตร ซึ่งเท่ากับที่ตั้งของพระอังคารคูณสามคือ อันดับของพระอังคารโดยหันหน้าไปทาง ทิศตะวันออก เฉียงใต้ ตามทิศประจำวันอังคาร โดยรอบทั้งสี่ด้านมีพระพุทธรูปประทับโดยรอบ เพื่อคอยโปรดสัตว์โดยรอบที่อาจมาเหมือน ศัตรูที่สามารถเข้ามาประชิดใต้ทุกเมื่อ ทุกทิศทาง เปรียบเสมือนพระธาตุเป็นป้อมปราการที่คอยปกป้องรักษาพระสารีริกธาตุ อันสำคัญ และมีพระพุทธรูปสี่ด้านเป็นทหารยาม ด้วยเดิมพื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเลือดที่เกิดจากการรบราฆ่าฟันจากการแย่งชิง แผ่นดินมาตั้งแต่สมัยล้านช้าง จนมาถึงอาณาจักรขอม กล่าวได้ว่าแผ่นดินนี้ไม่เคยพบความสงบสุขเลยสักครั้ง ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเพราะอานิสงส์จากพระอังคาร ผู้ที่ได้รับฉายาว่า “เทพเจ้าแห่งนักรบ” ส่งผลให้ผืนแผ่นดินนี้ยากจะหาความสงบ
แต่เมื่อพบ กับพระธาตุดังกล่าว จึงเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจผู้คนให้ห่างจากกิเลส เมืองนาแก จึงกลับสู่สันติสุขจากนั้นเป็นต้นมา พระอรหันต์ผู้ประจำอยู่ทางทิศอาคเนย์ ได้แก่ “พระมหากัสสปะ” ถือว่าเป็นผู้ที่มีพละกำลังแข็งแกร่ง เพราะว่ามีลักษณะ ร่างกายใหญ่โตเช่นเดียวกับพระพุทธเจ้า พร้อมกับมีปัญญาที่เฉลียวฉลาด ใจหาญกล้า เป็นที่ศรัทธาของผู้พบเห็น เชื่อว่าท่านใด ที่สักการะพระธาตุศรีคุณ ท่านนั้นจะพบแต่ความสุข ความสำเร็จในชีวิต โดยเฉพาะท่านที่ต้องการรับราชการจะสามารถเอาชนะ คู่แข่งที่เข้ามา เปรียบดังเจ้าพญาที่สามารถทำสงครามชนะข้าศึกในสนามรบ ด้วยการที่พระอังคารมีพละกำลัง และไม่ชอบการ หยุดนิ่ง เปรียบตั้งพญามหิงสา หรือกระบือที่ชอบทำงาน จึงส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าวผจญกับเหตุการณ์ความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แต่ก็จะพบสิ่งที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่ต้องใช้ความพยายาม และพละกำลังกว่าจะผ่านไปถึงจุดนั้นได้
จากอิทธิพลของเทวดาประจำวันได้ส่งผลให้ผู้ที่ถือกำเนิดในวันอังคาร เป็นผู้ที่มีจิตใจห้าวหาญ แข็งแกร่ง ดังทหารกล้า มีสายเลือดของนักสู้ท่วมท้นยึดมั่นในหลักการ และแผนการที่วางไว้ ตรงไปตรงมา เป็นคนชัดเจน เจรจาไม่อ่อน หวาน
ที่มา : หนังสือไหว้พระธาตุประจำวันเกิด ๗ วัน ๘ พระธาตุ โครงการพัฒนาและส่งเสรฺมการท่องเที่ยวพระธาตุสำคัญจังหวัดนครพนม
-
- IMG20221112143402.jpg (96.42 KiB) เข้าดูแล้ว 896 ครั้ง
-
- DSC_3993.JPG (123.78 KiB) เข้าดูแล้ว 896 ครั้ง
-
- เที่ยวเมืองรองมนครพนม-สกลนคร (645).jpg (143.76 KiB) เข้าดูแล้ว 896 ครั้ง
-
- เที่ยวเมืองรองมนครพนม-สกลนคร (646).jpg (104.76 KiB) เข้าดูแล้ว 896 ครั้ง
-
- เที่ยวเมืองรองมนครพนม-สกลนคร (648).jpg (65.02 KiB) เข้าดูแล้ว 896 ครั้ง
-
- ออกจากพระธาตุศรีคุณ อ.นาแก เราก็มุ่งหน้ากลับพระธาตุพนม ต่อไปเสียดายที่เราไม่มีเวลาที่จะไปสำรวจจุดที่เกิดเหตุและสถานที่ประวัติศาสตร์บันทึกเรื่องราว ของวันเสียงปืนแตก (เพราะไม่ได้ทำการบ้านให้รอบคอบ) เนื่องจากหมดเวลาตะวันเริ่มบ่ายคล้อยแล้ว
ปั่นออกจากนาแก รู้สึกได้ว่าระโหยอ่อนล้าพอสมควร โชคดีเจอร้านอเมซอนในปั๊มน้ำมัน ปตท.เราก็แวะสั่งเครื่องดื่มดับกระหายคลายร้อน ก่อนที่จะเดินทางต่อกลับยังที่พักพระธาตุพนม เหลือระยะทางอีกพอสมควร - เที่ยวเมืองรองมนครพนม-สกลนคร (649).jpg (48.01 KiB) เข้าดูแล้ว 896 ครั้ง
- ออกจากพระธาตุศรีคุณ อ.นาแก เราก็มุ่งหน้ากลับพระธาตุพนม ต่อไปเสียดายที่เราไม่มีเวลาที่จะไปสำรวจจุดที่เกิดเหตุและสถานที่ประวัติศาสตร์บันทึกเรื่องราว ของวันเสียงปืนแตก (เพราะไม่ได้ทำการบ้านให้รอบคอบ) เนื่องจากหมดเวลาตะวันเริ่มบ่ายคล้อยแล้ว
แก้ไขล่าสุดโดย Deang-sarapee เมื่อ 17 ก.พ. 2023, 10:09, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4365
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
กาลเวลาล่วงเลยถึงคราวบูรณะปรับปรุง พระธาตุพนมบรมเจดีย์ที่มีประวัติมาอย่างยาวนานนับได้ 2,500 กว่าปี มีการปฏิสังขรณ์ต่อเติมครั้งใหญ่ ๆ จำนวน 3 ครั้งด้วยกัน คือ
1.ราวปีพุทธศักราช 500 ได้มีการปฏิสังขรณ์ขึ้นเป็นครั้งแรกโดยพระอรหันต์ 5 รูป ซึ่งอดีตก็คือพญาทั้ง 5 พระอรหันต์ที่ได้ร่วมก่อสร้างพระธาตุพนมร่วมกับพระมหากัสสปเถระ ภพชาติสุดท้ายก็ได้มาร่วมปฏิสังขรณ์บูรณะให้สูงจากเดิมที่สูงเพียง 2 วา โดยมีพญามิตตธรรมวงศาแห่งเมืองมรุกขนครเป็นประธานฝ่ายฆราวาส และฤาษีอีก 2 ตนซึ่งได้นำศิลาจากยอดภูเพ็กมาตั้งประดิษฐานไว้บนชั้นที่ 2 ขององค์พระธาตุ
2.ราวปีพุทธศักราช 2233-2235 ตามบันทึกในประวัติศาสตร์ของลาว พระธาตุพนม หรือเรียกตามแผ่นทองที่จารึกไว้ในสมัยเจ้าราชครูหลวงโพนสะเม็กแห่งนครเวียงจันทน์ ซึ่งได้มาบูรณะองค์พระธาตุในราวปีพุทธศักราช 2236-2245 ว่า “ธาตุปะนม” เป็นพุทธเจดีย์ที่บรรจุพระอุรังคบรมธาตุ (กระดูกส่วนพระอุระ) ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีสัณฐานรูปทรงสีเหลี่ยมประกอบด้วยศิลปะงามวิจิตรประณีตสูงจากระดับพื้นดิน 43 เมตร ฉัตรทองคำสูง 4 เมตร รวมเป็น 47 เมตร อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศไทย ห่างจากแม่น้ำโขงอันเป็นเขตกั้นแดนระหว่างลาวกับไทยประมาณ 500 เมตร และห่างจากกรุงเทพฯ 800 กิโลเมตร
3.ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พุทธศักราช 2483-2484 ได้มีการซ่อมแซมและต่อเติมองค์พระธาตุพนมสูงขึ้นอีก 10 เมตร โดยการนำของอธิบดีกรมศิลปากร ขณะนั้นพร้อมด้วยคณะนักเรียนและนายช่าง
พระธาตุพนมพังทลาย
เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พุทธศักราช 2518 เวลา 19.38 น. ตรงกับวันจันทร์ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ จุลศักราช 1337 เป็นวันที่ฝนตกพรำต่อเนื่องหลายวัน อีกทั้งยังมีพายุโหมกระหน่ำทำให้องค์พระธาตุพระพนมอันเป็นเจดีย์เก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองอายุกว่า 2,500 ปี พังล้มลงเพราะความผุกร่อนของฐานที่มีความสูง 8 เมตร ได้ยังความสลดสังเวชใจแก่พุทธศาสนิกชน กลับคืนตั้งตระหง่านสูงเสียดฟ้า
ด้วยพลังแรงศรัทธาที่มีต่อองค์พระธาตุ ประชาชนได้ร่วมกันบริจาคทุนทรัพย์ เพื่อเป็นทุนในการก่อสร้างองค์พระธาตุขึ้นใหม่ตามแบบเดิม โดยมีรัฐบาลไทยเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ ใน พ.ศ. 2522 ลักษณะพระธาตุเป็นเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยมสูง งดงามสง่าเหมือนองค์เดิม มีขนาดฐานกว้างด้านละ 12.33 เมตร และสูง 53.60 เมตร
22 มีนาคม 2522 ทางรัฐบาลได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดการพระราชพิธียกฉัตรยอดองค์พระธาตุพนม และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ได้สด็จพระราชดำเนินในพระราชพิธีเชิญพระบรมสารีริกธาตุ(พระอุรังคธาตุ) ขึ้นบรรจุในองค์พระธาตุพนม เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ปีเดียวกัน ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
ศรัทธา ศักดิ์สิทธิ์ พระธาตุพนม
ตามตำนานที่กล่าวข้างต้นว่า องค์พระธาตุพนม สร้างมานานกว่า 2,500 ปี โดยพระมหากัสสปเถระ พุทธสาวกองค์สำคัญ และพระอรหันต์ 500 องค์ ร่วมกับท้าวพญาทั้ง 5 นคร คือ พญาสุวรรณภิงคาร พญาคำแดง พญาอินทปัตถนคร พญาจุลณีพรหมทัต และพญานันทเสน ได้ร่วมกันก่อสร้างองค์พระบรมธาตุ แล้วนำพระอุรังคธาตุ หรือกระดูกส่วนหน้าอกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดิษฐานไว้ภายใน ที่ ภูกำพร้า ถือได้ว่าพระธาตุพนม เป็นดินแดนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ อันดับต้นๆ ของเมืองไทย เพราะสถานที่ตั้งพระธาตุพนม เป็นสถานที่อันเกิดจากศรัทธาอันแรงกล้าต่อพระพุทธศาสนา อีกทั้งพระธาตุองค์นี้ยังมีพญานาคทั้งเจ็ดตนคอยให้การปกปักรักษา เทพพญานาคถือได้ว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดลบันดาลในเรื่องของการมีโชคลาภ แถมยังคุ้มครองคนที่ปฏิบัติธรรม ให้มีความปลอดภัย จึงเป็นโอกาสอันดีในการมากราบไหว้ขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคล
ขอบคุณบทความจาก อีจัน 5 เผยแพร่เมื่อ : 17 ต.ค., 2022, 01:56 PM
46 ปี แห่งวันวิปโยค เมื่อหัวใจของคนสองฝั่งโขง ต้องล้มทลายลง I ประวัติศาสตร์นอกตำรา EP.92
1.ราวปีพุทธศักราช 500 ได้มีการปฏิสังขรณ์ขึ้นเป็นครั้งแรกโดยพระอรหันต์ 5 รูป ซึ่งอดีตก็คือพญาทั้ง 5 พระอรหันต์ที่ได้ร่วมก่อสร้างพระธาตุพนมร่วมกับพระมหากัสสปเถระ ภพชาติสุดท้ายก็ได้มาร่วมปฏิสังขรณ์บูรณะให้สูงจากเดิมที่สูงเพียง 2 วา โดยมีพญามิตตธรรมวงศาแห่งเมืองมรุกขนครเป็นประธานฝ่ายฆราวาส และฤาษีอีก 2 ตนซึ่งได้นำศิลาจากยอดภูเพ็กมาตั้งประดิษฐานไว้บนชั้นที่ 2 ขององค์พระธาตุ
2.ราวปีพุทธศักราช 2233-2235 ตามบันทึกในประวัติศาสตร์ของลาว พระธาตุพนม หรือเรียกตามแผ่นทองที่จารึกไว้ในสมัยเจ้าราชครูหลวงโพนสะเม็กแห่งนครเวียงจันทน์ ซึ่งได้มาบูรณะองค์พระธาตุในราวปีพุทธศักราช 2236-2245 ว่า “ธาตุปะนม” เป็นพุทธเจดีย์ที่บรรจุพระอุรังคบรมธาตุ (กระดูกส่วนพระอุระ) ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีสัณฐานรูปทรงสีเหลี่ยมประกอบด้วยศิลปะงามวิจิตรประณีตสูงจากระดับพื้นดิน 43 เมตร ฉัตรทองคำสูง 4 เมตร รวมเป็น 47 เมตร อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศไทย ห่างจากแม่น้ำโขงอันเป็นเขตกั้นแดนระหว่างลาวกับไทยประมาณ 500 เมตร และห่างจากกรุงเทพฯ 800 กิโลเมตร
3.ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พุทธศักราช 2483-2484 ได้มีการซ่อมแซมและต่อเติมองค์พระธาตุพนมสูงขึ้นอีก 10 เมตร โดยการนำของอธิบดีกรมศิลปากร ขณะนั้นพร้อมด้วยคณะนักเรียนและนายช่าง
พระธาตุพนมพังทลาย
เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พุทธศักราช 2518 เวลา 19.38 น. ตรงกับวันจันทร์ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ จุลศักราช 1337 เป็นวันที่ฝนตกพรำต่อเนื่องหลายวัน อีกทั้งยังมีพายุโหมกระหน่ำทำให้องค์พระธาตุพระพนมอันเป็นเจดีย์เก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองอายุกว่า 2,500 ปี พังล้มลงเพราะความผุกร่อนของฐานที่มีความสูง 8 เมตร ได้ยังความสลดสังเวชใจแก่พุทธศาสนิกชน กลับคืนตั้งตระหง่านสูงเสียดฟ้า
ด้วยพลังแรงศรัทธาที่มีต่อองค์พระธาตุ ประชาชนได้ร่วมกันบริจาคทุนทรัพย์ เพื่อเป็นทุนในการก่อสร้างองค์พระธาตุขึ้นใหม่ตามแบบเดิม โดยมีรัฐบาลไทยเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ ใน พ.ศ. 2522 ลักษณะพระธาตุเป็นเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยมสูง งดงามสง่าเหมือนองค์เดิม มีขนาดฐานกว้างด้านละ 12.33 เมตร และสูง 53.60 เมตร
22 มีนาคม 2522 ทางรัฐบาลได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดการพระราชพิธียกฉัตรยอดองค์พระธาตุพนม และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ได้สด็จพระราชดำเนินในพระราชพิธีเชิญพระบรมสารีริกธาตุ(พระอุรังคธาตุ) ขึ้นบรรจุในองค์พระธาตุพนม เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ปีเดียวกัน ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
ศรัทธา ศักดิ์สิทธิ์ พระธาตุพนม
ตามตำนานที่กล่าวข้างต้นว่า องค์พระธาตุพนม สร้างมานานกว่า 2,500 ปี โดยพระมหากัสสปเถระ พุทธสาวกองค์สำคัญ และพระอรหันต์ 500 องค์ ร่วมกับท้าวพญาทั้ง 5 นคร คือ พญาสุวรรณภิงคาร พญาคำแดง พญาอินทปัตถนคร พญาจุลณีพรหมทัต และพญานันทเสน ได้ร่วมกันก่อสร้างองค์พระบรมธาตุ แล้วนำพระอุรังคธาตุ หรือกระดูกส่วนหน้าอกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดิษฐานไว้ภายใน ที่ ภูกำพร้า ถือได้ว่าพระธาตุพนม เป็นดินแดนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ อันดับต้นๆ ของเมืองไทย เพราะสถานที่ตั้งพระธาตุพนม เป็นสถานที่อันเกิดจากศรัทธาอันแรงกล้าต่อพระพุทธศาสนา อีกทั้งพระธาตุองค์นี้ยังมีพญานาคทั้งเจ็ดตนคอยให้การปกปักรักษา เทพพญานาคถือได้ว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดลบันดาลในเรื่องของการมีโชคลาภ แถมยังคุ้มครองคนที่ปฏิบัติธรรม ให้มีความปลอดภัย จึงเป็นโอกาสอันดีในการมากราบไหว้ขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคล
ขอบคุณบทความจาก อีจัน 5 เผยแพร่เมื่อ : 17 ต.ค., 2022, 01:56 PM
46 ปี แห่งวันวิปโยค เมื่อหัวใจของคนสองฝั่งโขง ต้องล้มทลายลง I ประวัติศาสตร์นอกตำรา EP.92
- ไฟล์แนบ
-
- cats๙๒.jpg (131.38 KiB) เข้าดูแล้ว 895 ครั้ง
-
- cats๙๓.jpg (102.62 KiB) เข้าดูแล้ว 895 ครั้ง
-
- cats๙๔.JPG (76.75 KiB) เข้าดูแล้ว 895 ครั้ง
-
- cats๙๕.JPG (97.16 KiB) เข้าดูแล้ว 895 ครั้ง
-
- cats๙๖.JPG (95.56 KiB) เข้าดูแล้ว 895 ครั้ง
-
- cats๙๗.JPG (111.19 KiB) เข้าดูแล้ว 895 ครั้ง
-
- cats๙๘.JPG (101.9 KiB) เข้าดูแล้ว 895 ครั้ง
-
- cats๙๙.jpg (122.1 KiB) เข้าดูแล้ว 895 ครั้ง
-
- cats๑๐๐.jpg (128.01 KiB) เข้าดูแล้ว 895 ครั้ง
-
- cats๑๐๑.jpg (118.11 KiB) เข้าดูแล้ว 895 ครั้ง
-
- ออกจาก อ.นาแก ก็ตรงดิ่งกลับที่พักพระธาตุพนม ไม่ลืมที่จะแวะชมพระธาตุองค์เดิมที่ล่มลง แต่ยังคงอนุลักษณ์พระธาตุองค์เดิมไว้ให้ลูกหลานได้ชมของเก่า ของเดิมก่อนที่จะไปสร้างที่แห่งใหม่ใกล้ ๆ กัน
หลังจากนั้นเราก็ปั่นไปที่ริมโขงหาซื้ออาหารไปนั่งกินที่ริมโขงชมบรรยากาศยามค่ำคืน พรุ่งนี้เราต้องอำลาพระธาตุพนมไปต่อยังที่แห่งใหม่ ติดตามกันต่อไปครับ - cats๑๐๒.jpg (82.71 KiB) เข้าดูแล้ว 895 ครั้ง
- ออกจาก อ.นาแก ก็ตรงดิ่งกลับที่พักพระธาตุพนม ไม่ลืมที่จะแวะชมพระธาตุองค์เดิมที่ล่มลง แต่ยังคงอนุลักษณ์พระธาตุองค์เดิมไว้ให้ลูกหลานได้ชมของเก่า ของเดิมก่อนที่จะไปสร้างที่แห่งใหม่ใกล้ ๆ กัน
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4365
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
ศึกซักฟอกในสภาจบลงไปแล้ว ได้อะไรบ้าง ? ผมฟังบ้างไม่ฟังบ้าง รักษาจิตตัวเองไม่ให้ขุ่นหมอง สรุป จับต้นชนปลายพิสูจน์ไม่ได้ว่า “ใครดีกว่าใคร” พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านสอนเสมอ ๆ ว่า
“คนดีอยู่กับคนดีจะไม่มีเรื่องอะไรพูดกันเพราะมีแต่เรื่องดี ๆ ”
“คนเลวอยู่กับคนเลวก็จะมีแต่เรื่องให้ร้ายป้ายสีซึ่งกันและกัน”
“คนดีอยู่กับคนเลวคนดีจะมีอันเป็นไปเพราะสู้ความเลวไม่ได้”
“นับแต่ปี ๒๕๐๐ เป็นต้นไป สวรรค์จะปิด นรกจะเปิด เทพบุตรเทพธิดาจะไม่ลงมาปฏิสนธิ แต่จะรอยุคพระศรีอารย์ ส่วนนรกนั้นจะแย่งกันมาเกิดในโลกมนุษย์มากมาย อีกไม่นานโลกมนุษย์ก็จะมีความวุ่นวาย เข่นฆ่า ทำร้าย ทำลายกันและกัน จนสุดท้ายคือการล้างโลกแล้วเริ่มยุคใหม่ นั่นคือยุคพระศรีอาริเมตไตรย”
นับจากปี ๒๕๐๐ เป็นต้นมา ถึงปัจจุบัน คนพวกนี้เจริญเติบโตผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน สังเกตกันบ้างไหม ? และคนที่เข้าวัยฉกรรจ์ก็จะมีการเจริญเติบโตไล่ ๆ กันไป หลายสิบปีมานี้ สังคมของเรามันแย่ลง ๆ ทุกวัน ๆ อยากจะพูดว่า “อยู่ยากแล้วครับ” และนับจากนี้อีกต่อไปเราก็จะเห็นว่า “โลกนี้อยู่ยากขึ้น ๆ ไม่ใช่แต่เฉพาะบ้านเมืองของเรา”
คนดี-คนเลว (จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหา โดย พระภาวนาวิริยคุณ)
คำถาม: เราจะสังเกตคนได้อย่างไร ว่าใครเป็นคนดีหรือคนเลว?
คำตอบ: คนจะดีหรือเลว มันขึ้นอยู่ที่ใจของเขา ถ้าใจของเขาคิดดีก็จะเป็นผลให้พูดดี ทำดี ถ้าใจของเขาคิดชั่ว ก็จะส่งผลให้พูดชั่วทำชั่ว
โดยทั่วไปแล้ว มีคนบางคนชอบคิดชั่วๆ ตลอดเวลา แต่แสร้งทำเป็นพูดดี ทำดีต่อหน้าคน ถ้าลับหลังระหว่างอยู่ในกลุ่มคนเลวๆ ด้วยกัน เขาก็จะพูดเลว ทำเลว คนประเภทนี้ถ้าคบกันเผินๆ เราก็จะหลงเข้าใจว่าเขาเป็นคนดี
วิธีสังเกตคนว่าเป็นคนดีหรือคนเลววิธีง่ายๆ โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว และเราเองก็ไม่จำเป็นจะต้องมีฤทธิ์ มีอำนาจพิเศษถึงกับอ่านใจคนได้ คือให้สังเกตดูว่า เท่าที่ผ่านมาคนนั้นมีความกตัญญูรู้คุณพ่อแม่ผู้มีอุปการคุณ หรือต่อผู้มีคุณคนอื่นๆ หรือเปล่า บางคนแม้ว่าเขาอาจจะโง่ไปบ้าง การศึกษาต่ำไปบ้าง สะเพร่าไปบ้าง แม้ที่สุดอาจจะมีนิสัยเกะกะเกเรไปบ้าง แต่ถ้าเขายังดูแลพ่อแม่ ยังรับใช้ครูบาอาจารย์ ไม่ล่วงเกินผู้มีพระคุณให้เสียใจ ก็อย่าไปตั้งข้อรังเกียจเขาเลย เพราะนั่นแสดงว่าธาตุแท้จริงๆ ของเขายังดี ความกตัญญูของเขายังมีอยู่ มีทางฝึกให้เป็นคนดีได้
ถ้าจะรับคนประเภทนี้เอาไปเป็นเพื่อนผู้ร่วมงาน เป็นลูกน้องเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา เขาก็ยังมีแววเอาดีได้ พยายามอดทนฝึกฝนถ่ายทอดนิสัยดีๆ ให้กันไปเถอะ แต่ตรงกันข้าม ใครก็ตามถึงแม้จะมีความรู้ ความสามารถมีฝีมือเก่งกาจแค่ไหน แต่ไม่รู้คุณคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณของพ่อแม่ คนประเภทนี้เป็นประเภทเลวแท้ เพราะไม่ว่าใครๆ จะทำดีกับเขาอย่างไร ก็ไม่มีทางเกินพ่อแม่เขาได้ ขนาดพ่อแม่เขายังไม่เห็นความดี เขาก็ไม่มีทางเห็นความดีของใครได้ คนอย่างนี้คบด้วยก็อันตราย ไม่ควรเข้าใกล้
รู้จักหน้า ไม่รู้จักใจ อยากจะรู้ให้ได้ก็ต้องคบ ต้องดูกันไปนานๆ และใช้มาตรฐานคนดีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเครื่องวัด คือ คนดี ต้องไม่โง่ (มีปัญญา) ไม่แล้งน้ำใจ (มีกรุณา) และไม่เป็นพิษเป็นภัย (มีความบริสุทธิ์) คุณสมบัติทั้ง 3 อย่างนี้ คือคุณสมบัติของคนดีตามที่พระพุทธองค์ทรงวางแบบไว้ให้
“คนดีอยู่กับคนดีจะไม่มีเรื่องอะไรพูดกันเพราะมีแต่เรื่องดี ๆ ”
“คนเลวอยู่กับคนเลวก็จะมีแต่เรื่องให้ร้ายป้ายสีซึ่งกันและกัน”
“คนดีอยู่กับคนเลวคนดีจะมีอันเป็นไปเพราะสู้ความเลวไม่ได้”
“นับแต่ปี ๒๕๐๐ เป็นต้นไป สวรรค์จะปิด นรกจะเปิด เทพบุตรเทพธิดาจะไม่ลงมาปฏิสนธิ แต่จะรอยุคพระศรีอารย์ ส่วนนรกนั้นจะแย่งกันมาเกิดในโลกมนุษย์มากมาย อีกไม่นานโลกมนุษย์ก็จะมีความวุ่นวาย เข่นฆ่า ทำร้าย ทำลายกันและกัน จนสุดท้ายคือการล้างโลกแล้วเริ่มยุคใหม่ นั่นคือยุคพระศรีอาริเมตไตรย”
นับจากปี ๒๕๐๐ เป็นต้นมา ถึงปัจจุบัน คนพวกนี้เจริญเติบโตผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน สังเกตกันบ้างไหม ? และคนที่เข้าวัยฉกรรจ์ก็จะมีการเจริญเติบโตไล่ ๆ กันไป หลายสิบปีมานี้ สังคมของเรามันแย่ลง ๆ ทุกวัน ๆ อยากจะพูดว่า “อยู่ยากแล้วครับ” และนับจากนี้อีกต่อไปเราก็จะเห็นว่า “โลกนี้อยู่ยากขึ้น ๆ ไม่ใช่แต่เฉพาะบ้านเมืองของเรา”
คนดี-คนเลว (จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหา โดย พระภาวนาวิริยคุณ)
คำถาม: เราจะสังเกตคนได้อย่างไร ว่าใครเป็นคนดีหรือคนเลว?
คำตอบ: คนจะดีหรือเลว มันขึ้นอยู่ที่ใจของเขา ถ้าใจของเขาคิดดีก็จะเป็นผลให้พูดดี ทำดี ถ้าใจของเขาคิดชั่ว ก็จะส่งผลให้พูดชั่วทำชั่ว
โดยทั่วไปแล้ว มีคนบางคนชอบคิดชั่วๆ ตลอดเวลา แต่แสร้งทำเป็นพูดดี ทำดีต่อหน้าคน ถ้าลับหลังระหว่างอยู่ในกลุ่มคนเลวๆ ด้วยกัน เขาก็จะพูดเลว ทำเลว คนประเภทนี้ถ้าคบกันเผินๆ เราก็จะหลงเข้าใจว่าเขาเป็นคนดี
วิธีสังเกตคนว่าเป็นคนดีหรือคนเลววิธีง่ายๆ โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว และเราเองก็ไม่จำเป็นจะต้องมีฤทธิ์ มีอำนาจพิเศษถึงกับอ่านใจคนได้ คือให้สังเกตดูว่า เท่าที่ผ่านมาคนนั้นมีความกตัญญูรู้คุณพ่อแม่ผู้มีอุปการคุณ หรือต่อผู้มีคุณคนอื่นๆ หรือเปล่า บางคนแม้ว่าเขาอาจจะโง่ไปบ้าง การศึกษาต่ำไปบ้าง สะเพร่าไปบ้าง แม้ที่สุดอาจจะมีนิสัยเกะกะเกเรไปบ้าง แต่ถ้าเขายังดูแลพ่อแม่ ยังรับใช้ครูบาอาจารย์ ไม่ล่วงเกินผู้มีพระคุณให้เสียใจ ก็อย่าไปตั้งข้อรังเกียจเขาเลย เพราะนั่นแสดงว่าธาตุแท้จริงๆ ของเขายังดี ความกตัญญูของเขายังมีอยู่ มีทางฝึกให้เป็นคนดีได้
ถ้าจะรับคนประเภทนี้เอาไปเป็นเพื่อนผู้ร่วมงาน เป็นลูกน้องเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา เขาก็ยังมีแววเอาดีได้ พยายามอดทนฝึกฝนถ่ายทอดนิสัยดีๆ ให้กันไปเถอะ แต่ตรงกันข้าม ใครก็ตามถึงแม้จะมีความรู้ ความสามารถมีฝีมือเก่งกาจแค่ไหน แต่ไม่รู้คุณคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณของพ่อแม่ คนประเภทนี้เป็นประเภทเลวแท้ เพราะไม่ว่าใครๆ จะทำดีกับเขาอย่างไร ก็ไม่มีทางเกินพ่อแม่เขาได้ ขนาดพ่อแม่เขายังไม่เห็นความดี เขาก็ไม่มีทางเห็นความดีของใครได้ คนอย่างนี้คบด้วยก็อันตราย ไม่ควรเข้าใกล้
รู้จักหน้า ไม่รู้จักใจ อยากจะรู้ให้ได้ก็ต้องคบ ต้องดูกันไปนานๆ และใช้มาตรฐานคนดีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเครื่องวัด คือ คนดี ต้องไม่โง่ (มีปัญญา) ไม่แล้งน้ำใจ (มีกรุณา) และไม่เป็นพิษเป็นภัย (มีความบริสุทธิ์) คุณสมบัติทั้ง 3 อย่างนี้ คือคุณสมบัติของคนดีตามที่พระพุทธองค์ทรงวางแบบไว้ให้
- ไฟล์แนบ
-
- 59124.jpg (84.73 KiB) เข้าดูแล้ว 857 ครั้ง
-
- เช้าวันที่ ๑๓ พ.ย.๖๕ เราก็จัดเตรียมอาหารแห้งไว้ใส่บาตรเอาบุญกัน ในเช้าวันนั้นเจ้าคณะอำเภอนครพนม เป็น หน.คณะนำพระลูกวัดออกบิณฑบาตรแก่ญาติโยม เป็นที่ปลื้มอกปลื้มใจกันถ้วนหน้า (เอาบุญมาฝากทุกท่านทุกคนครับ)
- cats๑๐๓.jpg (163.86 KiB) เข้าดูแล้ว 857 ครั้ง
-
- หลังจากที่ใส่บาตรเรียบร้อยก็ไปทานมื้อเช้าที่ทางรีสอร์ทจัดให้ ก่อนที่จะไปเตรียมตัว ซึ่งเช้านี้ต้องลา อ.พระธาตุพนม เพื่อไปที่ อ.นาหว้า ไปกราบพระธาตุประสิทธิ์ ซึ่งเป็นพระธาตุปีเกิดของคนวันพฤหัสบดีครับ
- cats๑๐๔.jpg (115.73 KiB) เข้าดูแล้ว 857 ครั้ง
-
- cats๑๐๖.JPG (122.26 KiB) เข้าดูแล้ว 857 ครั้ง
-
- เมื่อทุกอย่างพร้อมเราก็ออกเดินทาง ก่อนอื่นต้องไปกราบลาพระธาตุพนมก่อน และคุณนายก็เลยฝากสิ่งของที่ซื้อ ๆ ไว้เป็นที่ระลึกส่งกลับบ้านก่อน ฝากส่งได้ที่ ๗-๑๑ ข้าง ๆ พระธาตุนั่นละครับ
- cats๑๐๕.jpg (153.91 KiB) เข้าดูแล้ว 857 ครั้ง
-
- เสร็จจากฝากสิ่งของกลับบ้านเรียบร้อย เราก็พากันไปกราบลาพระธาตุพนม ตามธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ "ไป-ลา มา-ไหว้" พร้อมขอพรให้เราได้พบแต่สิ่งดี ๆ มีคุณค่าเพื่อจะได้นำกลับมาเล่าให้ญาติธรรมได้บุญร่วมกัน
- cats๑๐๗.jpg (125.81 KiB) เข้าดูแล้ว 857 ครั้ง
-
- พระธาตุประสิทธิ์อยู่ทางทิศเหนือของนครพนม เราต้องปั่นย้อนกลับเข้านครพนมอีก ซึ่งเราปั่นมาแล้วและเพื่อถนอมเวลาเราตัดสินใจ นั่งรถตู้ประจำทางไปจะดีกว่า ไม่ต้องเสียเวลา รถพับมันสะดวกสบายแบบนี้ละครับ อีกอย่างเราไปกันแค่ ๒ คนปัญหาเรื่องพาหนะจึงไม่เป็นป็นปัญหา
- cats๑๐๙.jpg (92.52 KiB) เข้าดูแล้ว 857 ครั้ง
-
- รถตู้ส่งเราถึงนครพนมเราก็สอบถามทางจะไปนาหว้า ก็ได้รับคำแนะนำให้ไปขึ้นรถสายยาวมีหลายบริษัทจะประหยัดเวลาดีกว่า เราก็ขอให้รถตู้ไปส่งที่ขนส่ง โชคดีรถสายยาว ขอนแก่น-นครพนม กำลังจะออก เราก็ได้ขึ้นรถคันดังกล่าวส่งเราลงที่ปากทางสามแยกไปสู่ อ.นาหว้า
- cats๑๐๘.jpg (84.14 KiB) เข้าดูแล้ว 857 ครั้ง
-
- cats๑๑๐.jpg (132.89 KiB) เข้าดูแล้ว 857 ครั้ง
-
- ถึงสามแยกปากทางไป อ.นาหว้า เราก็ได้เจอรถสองแถวซึ่งรับ-ส่งผู้โดยสารจากนาหว้าเข้าสกลนคร มาถึงพอดี คนรถขอนแก่น-นครพนม รีบเรียกรถให้มารับเราสองคนไปนาหว้าด้วย โชคดีอะไรจะปานนั้น รถสองแถวส่งเราถึงท่ารถ บ.นาหว้า ยังไม่เที่ยงเลย เรียกว่าเราประหยัดเวลาได้เยอะเลย
เมื่อถึงที่หมายเราลงรถเรียบร้อย ก็ได้รับการต้อนรับจากคนที่อยู่แถว ๆ ขนส่ง บ.นาหว้า เข้ามาทักทายสอบถาม รู้สึกได้เขาสนใจเจ้าตัวเล็กของเรา สอบถามการปั่นเส้นทางที่เราปั่น ฯ ก็คุยกันสนุก คุยไปด้วยปรับรถไปด้วย ที่สำคัญเขาสนใจคุณนายครับ (คงแปลกใจปั่นได้ไง ? ) คงไม่เคยเห็นทัวร์ริ่งแบบเรา หลังจากที่เราปรับเจ้าตัวเล็กได้ที่ ก็ขอตัวไปกราบพระธาตุประสิทธิ์ตามตั้งใจครับ - cats๑๑๑.jpg (115.65 KiB) เข้าดูแล้ว 857 ครั้ง
- ถึงสามแยกปากทางไป อ.นาหว้า เราก็ได้เจอรถสองแถวซึ่งรับ-ส่งผู้โดยสารจากนาหว้าเข้าสกลนคร มาถึงพอดี คนรถขอนแก่น-นครพนม รีบเรียกรถให้มารับเราสองคนไปนาหว้าด้วย โชคดีอะไรจะปานนั้น รถสองแถวส่งเราถึงท่ารถ บ.นาหว้า ยังไม่เที่ยงเลย เรียกว่าเราประหยัดเวลาได้เยอะเลย
-
- cats๑๑๓.jpg (106.04 KiB) เข้าดูแล้ว 857 ครั้ง
-
- cats๑๑๔.jpg (129.6 KiB) เข้าดูแล้ว 857 ครั้ง
-
- cats๑๑๕.jpg (98.93 KiB) เข้าดูแล้ว 857 ครั้ง
-
- cats๑๑๖.jpg (109.74 KiB) เข้าดูแล้ว 857 ครั้ง
-
- cats๑๑๗.JPG (76.76 KiB) เข้าดูแล้ว 857 ครั้ง
-
- cats๑๑๘.jpg (83.58 KiB) เข้าดูแล้ว 857 ครั้ง
-
- cats๑๑๙.jpg (116.74 KiB) เข้าดูแล้ว 857 ครั้ง
-
- cats๑๒๐.jpg (108.17 KiB) เข้าดูแล้ว 857 ครั้ง
-
- พระธาตุประสิทธิ์ เดิมชื่อ วัดธาตุ เนื่องจากมีเจดีย์เก่าแก่ที่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างมาในสมัยใด ครั้งแรกที่พบอยู่ใน สภาพชำรุดทรุดโทรมมีเถาวัลย์ปกคลุมไปทั้งองค์พระธาตุ พบโดยชนเผ่าญ้อ ต่อมาพระเจ้าไชยเชษฐาได้เข้ามาบูรณะใหม่ มีลักษณะ คล้ายกับเจดีย์วัดศรีบุญเรือง นครหลวงเวียงจันทน์ สันนิษฐานว่าอาจสร้างรุ่นราวคราวเดียวกัน
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๔ พระครู ประสิทธิ์ศึกษากร เจ้าอาวาสวัดธาตุประสิทธิ์ ได้ค่าเป็นการก่อสร้างพระธาตุเจดีย์องค์ใหม่ได้สร้างเลียนแบบพระธาตุพนมบางส่วน สวดสายต่างๆจะเป็นลวดลายใหม่ มักษะนะรูปทรง สี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างด้านละ ๗.๒๐ เมตร วัดโดยรอบฐาน ๒๔.๕๐ เมตร สูง ๒๔.๕๒ เมตร มีประตูเปิด-ปิด สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ. ๒๕๐๖ ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันต์ตธาตุรวม ๒๔ พระองค์ และดินจากสังเวชนียสถาน ๔ แห่งคือ ที่ประสูติ ตรัสรู้แสดงพระธรรมเทศนา ปรินิพพาน และพระพุทธรูปที่พบใน เจดีย์องค์ที่เก่ามาบรรจุไว้ในองค์พระธาตุ
และเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๐ ได้อัญเชิญพระพุทธบาทจำลองที่อัญเชิญมาจากกรุงเทพฯ พร้อม ตั้งชื่อพระธาตุใหม่ว่า พระธาตุประสิทธิ์ ตามรายในนามของพระครูประสิทธิ์ศึกษากร เจ้าอาวาสผู้ก่อสร้างองค์พระธาตุ ที่ศาลา ๑๐๘ พระอรหันต์ ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครั้งเสด็จมาเยือนเมืองนครพนม
ด้วยอานิสงส์ พระสารีริกธาตุ และพระอรหันต์ธาตุ ได้แก่ พระมหากัสสปะ พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร พระอานนท์ พระอนุรุทธเถระ และดินจาก ๔ สังเวยชนียสถาน ถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มาก มีพระอรหันต์มาก ผนวกกับเทวาปะจําวันเกิดที่ กําเนิดจากพระฤๅษี ๑๙ ตน ทําให้ผู้ที่กราบสักการะได้รับผลบุญอันยิ่งใหญ่ เป็นผู้รอบรู้ในเรื่องราวต่างๆ รู้แจ้งเห็นจริงในสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะทําการอันโตก็จะพบแต่ความสําเร็จ เปรียบดังพระอรหันต์ประจํา “ทิศตะวันตก" ผู้ได้ชื่อว่า พุทธอุปัฏฐากของพระพุทธเจ้า อย่าง “พระอานนท์” ซึ่งติดตามพระองค์ไปทุกที่ ทําให้มีโอกาสได้รับฟังธรรมะจากพระพุทธเจ้าเสมอ จึงเป็นผู้ที่มีความรอบรู้ดัง นักปราชญ์จากอิทธพลอานิสงส์พระธาตุและเทวดาประจําวัน แผลให้ผู้ที่ถือกําเนิดขึ้นในวันพฤหัสบดี เป็นผู้ชอนการศึกษา เล่าเรียน ขอบธรรมะ เป็นคนเจ้าระเบียบ เป็นคนเข้มงวด มีจิตใจเอื้ออาทรต่อคนรอบข้าง รักสงบ ชอบความมั่นคง และยึดถือ ความถูกต้อง เที่ยงธรรม
ที่มา : หนังสือไหว้พระธาตุประจำวันเกิด ๗ วัน ๘ พระธาตุ โครงการพัฒนาและส่งเสรฺมการท่องเที่ยวพระธาตุสำคัญจังหวัดนครพนม - cats๑๒๑.JPG (44.46 KiB) เข้าดูแล้ว 857 ครั้ง
- พระธาตุประสิทธิ์ เดิมชื่อ วัดธาตุ เนื่องจากมีเจดีย์เก่าแก่ที่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างมาในสมัยใด ครั้งแรกที่พบอยู่ใน สภาพชำรุดทรุดโทรมมีเถาวัลย์ปกคลุมไปทั้งองค์พระธาตุ พบโดยชนเผ่าญ้อ ต่อมาพระเจ้าไชยเชษฐาได้เข้ามาบูรณะใหม่ มีลักษณะ คล้ายกับเจดีย์วัดศรีบุญเรือง นครหลวงเวียงจันทน์ สันนิษฐานว่าอาจสร้างรุ่นราวคราวเดียวกัน
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4365
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
ผู้ที่ทำบุญ คือผู้มีบุญ ผู้มีบุญ จึงจะได้ทำบุญ
บุญ ทำให้เกิดความสุข
บุญ ทำให้เกิดความสบายกาย
บุญ ทำให้เกิดความสบายใจ
ผู้มีบุญ จึงเป็นผู้มีความสุข
ทั้งชาตินี้ และชาติหน้า
ผู้มีบุญ จึงทำให้เกิดบุญขึ้นมา
ผู้ไม่มีบุญ จึงไม่ค่อยได้ทำบุญ
เมื่อไม่ได้ทำบุญ ก็ไม่ได้เกิดบุญ
ผู้แสวงหาบุญ ก็จะได้บุญ และพบบุญ
ได้เป็นผู้มีบุญ ผู้มีบุญ จึงอิ่มเอมในบุญ
เพราะบุญเกิดที่ใจ ใจจึงเย็น ใจจึงเป็นบุญ
ผู้ไม่มีบุญ ไม่คิดอยากจะทำบุญ
และไม่ค่อยคิดหาบุญ ก็ไม่ได้ทำบุญ
บุญทำให้เกิดความสุข ความร่ำรวยได้
ผู้ที่คิดอยากทำบุญ และได้ทำบุญ
จึงเกิดความร่ำรวย และเป็นผู้มีบุญขึ้นมา
ผู้มีบุญ จึงเป็นผู้มีความสุขใจและสุขกาย
ดังนั้น ผู้ไม่มีความสุข จึงเป็นผู้ไม่มีบุญ
และบุญยังไม่เกิด
ผู้มีทาน ผู้รักษาศีล ผู้ปฏิบัติสมาธิภาวนา
เป็นผู้ต้องการบุญ บุญจึงเกิดกับผู้ได้กระทำบุญ
ผู้มีบุญจึงเกิดความสุข
จึงขอให้ญาติโยมทุกคนจงได้พากันทำบุญ
คิดหา บุญ เพื่อให้เกิดความสุข
แก่ตนทุกท่านทุกคนเทอญ.
โอวาทธรรมหลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร วัดป่าหมู่ใหม่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
บุญ ทำให้เกิดความสุข
บุญ ทำให้เกิดความสบายกาย
บุญ ทำให้เกิดความสบายใจ
ผู้มีบุญ จึงเป็นผู้มีความสุข
ทั้งชาตินี้ และชาติหน้า
ผู้มีบุญ จึงทำให้เกิดบุญขึ้นมา
ผู้ไม่มีบุญ จึงไม่ค่อยได้ทำบุญ
เมื่อไม่ได้ทำบุญ ก็ไม่ได้เกิดบุญ
ผู้แสวงหาบุญ ก็จะได้บุญ และพบบุญ
ได้เป็นผู้มีบุญ ผู้มีบุญ จึงอิ่มเอมในบุญ
เพราะบุญเกิดที่ใจ ใจจึงเย็น ใจจึงเป็นบุญ
ผู้ไม่มีบุญ ไม่คิดอยากจะทำบุญ
และไม่ค่อยคิดหาบุญ ก็ไม่ได้ทำบุญ
บุญทำให้เกิดความสุข ความร่ำรวยได้
ผู้ที่คิดอยากทำบุญ และได้ทำบุญ
จึงเกิดความร่ำรวย และเป็นผู้มีบุญขึ้นมา
ผู้มีบุญ จึงเป็นผู้มีความสุขใจและสุขกาย
ดังนั้น ผู้ไม่มีความสุข จึงเป็นผู้ไม่มีบุญ
และบุญยังไม่เกิด
ผู้มีทาน ผู้รักษาศีล ผู้ปฏิบัติสมาธิภาวนา
เป็นผู้ต้องการบุญ บุญจึงเกิดกับผู้ได้กระทำบุญ
ผู้มีบุญจึงเกิดความสุข
จึงขอให้ญาติโยมทุกคนจงได้พากันทำบุญ
คิดหา บุญ เพื่อให้เกิดความสุข
แก่ตนทุกท่านทุกคนเทอญ.
โอวาทธรรมหลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร วัดป่าหมู่ใหม่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
- ไฟล์แนบ
-
- 274283.jpg (135.8 KiB) เข้าดูแล้ว 842 ครั้ง
-
- 274284.jpg (118.19 KiB) เข้าดูแล้ว 842 ครั้ง
-
- 274285.jpg (106.15 KiB) เข้าดูแล้ว 842 ครั้ง
-
- 274286.jpg (126.41 KiB) เข้าดูแล้ว 842 ครั้ง
-
- เป็นเรื่องอัศจรรย์ตั้งแต่เราเริ่มออกเดินทางจาก อ.พระธาตุพนม ครั้งแรกยังคิดลำบากใจที่จะต้องปั่นซ้ำทางเดิมกลับนครพนม หลังจากที่ไปกราบลาพระธาตุเราก็ปั่นออกจากพระธาตุพนม แวะพักร้านขายของชำ เจ้าของร้านออกมาทักทายสนทนาด้วย ทราบความประสงค์ตรง ๆ ของเราแกก็แนะนำให้รอที่หน้าร้านแก จะมีรถตู้แวะมาจอดตรงหน้าร้านแก ซึ่งรอไม่นานก็เป็นไปตามที่แกบอก เราขึ้นรถตู้โดยสารตรงหน้าร้านเข้านครพนม และขอให้รถตู้ไปส่งที่คิวรถ ก็ได้รถโดยสารสายยาว ขอนแก่น-นครพนม ส่งลงที่สามแยกปากทางเข้า อ.นาหว้า ซึ่งประจวบรถสองแถวจาก อ.นาหว้า - อ.เมืองสกลนคร มาถึงพอดี คนรถรีบเรียกรถให้มารับเราพาไปจนถึง อ.นาหว้าและเข้าไปกราบสักการะพระธาตุประสิทธิ์ดังกล่าว
หลังจากที่ชมพระธาตุเรียบร้อยเราก็ปั่นออกมาทานมื้อเที่ยงที่ร้าน เจ้าของร้านก็ใจดีจริง ๆ แกทำร้านอาหารแบบพอเพียงทำในกลุ่มครอบครัว แกปลูกข้าวแล้วนำมาสีกินเองขายเอง ข้าวที่แกแนะนำให้เรากินอร่อยมาก ๆ ยังไม่พอพี่น้องแม่ค้าก็มีรีสอร์ทแกก็แนะนำให้ไปพัก แต่เราปั่นเข้าไปแล้วที่พักไกลเกินไปจากในเมือง เรายังต้องไปเที่ยวอีกหลายที่ จึงต้องขอตัวไปพักรีสอร์ข้างนอก - cats๑๑๒.jpg (141.54 KiB) เข้าดูแล้ว 842 ครั้ง
- เป็นเรื่องอัศจรรย์ตั้งแต่เราเริ่มออกเดินทางจาก อ.พระธาตุพนม ครั้งแรกยังคิดลำบากใจที่จะต้องปั่นซ้ำทางเดิมกลับนครพนม หลังจากที่ไปกราบลาพระธาตุเราก็ปั่นออกจากพระธาตุพนม แวะพักร้านขายของชำ เจ้าของร้านออกมาทักทายสนทนาด้วย ทราบความประสงค์ตรง ๆ ของเราแกก็แนะนำให้รอที่หน้าร้านแก จะมีรถตู้แวะมาจอดตรงหน้าร้านแก ซึ่งรอไม่นานก็เป็นไปตามที่แกบอก เราขึ้นรถตู้โดยสารตรงหน้าร้านเข้านครพนม และขอให้รถตู้ไปส่งที่คิวรถ ก็ได้รถโดยสารสายยาว ขอนแก่น-นครพนม ส่งลงที่สามแยกปากทางเข้า อ.นาหว้า ซึ่งประจวบรถสองแถวจาก อ.นาหว้า - อ.เมืองสกลนคร มาถึงพอดี คนรถรีบเรียกรถให้มารับเราพาไปจนถึง อ.นาหว้าและเข้าไปกราบสักการะพระธาตุประสิทธิ์ดังกล่าว
-
- DSC_4079.JPG (117 KiB) เข้าดูแล้ว 842 ครั้ง
-
- DSC_4081.JPG (108.55 KiB) เข้าดูแล้ว 842 ครั้ง
-
- DSC_4083.JPG (121.62 KiB) เข้าดูแล้ว 842 ครั้ง
-
- DSC_4084.JPG (133.78 KiB) เข้าดูแล้ว 842 ครั้ง
-
- DSC_4086.JPG (102.36 KiB) เข้าดูแล้ว 842 ครั้ง
-
- DSC_4087.JPG (91.83 KiB) เข้าดูแล้ว 842 ครั้ง
-
- DSC_4089.JPG (98.18 KiB) เข้าดูแล้ว 842 ครั้ง
-
- DSC_4090.JPG (102.75 KiB) เข้าดูแล้ว 842 ครั้ง
-
- S__72269850.jpg (103.14 KiB) เข้าดูแล้ว 842 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4365
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
เราปั่นหาที่พักหลังจากที่ปฏิเสธความหวังดีของกัลญาณมิตร (ที่ให้หลานนำเราไปยังรีสอร์ท เนื่องจากไกลเมืองไปนิด คุณนายไม่ happy สูตรที่ท่องขึ้นใจว่า "ให้ใจ เอาใจ ตามใจ" ได้เวลาต้องนำมาใช้ "อย่าขัดใจ" ไม่ว่ากันเมื่อไม่พึงประสงค์ก็ไปหาที่ใหม่ได้) ไม่ลืมที่จะขอบคุณน้ำใจไมตรีเด็กน้อยที่พาเราไปยังที่พัก
นับว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์ครับเราปั่นออกนอกเมืองไปหาที่พัก เจอที่พักเป็นรีสอร์ทมีชื่อว่า "เติมรส เติมรัก" แค่ชื่อก็กินขาดเราเข้าไปติดต่อที่พัก ดูห้องพักคุณนายโอเค ใช้ได้ ตกลงพักที่นี่ แล้วโชคดีก็ปรากฏอีก คือ คนดูแลห้องพักทราบว่าเรามาจากเชียงใหม่ และชอบการท่องเที่ยวดูชีวิตความเป็นอยู่ต่าง ๆ จึงได้แนะนำให้ไปเที่ยวชมการทำกิจการไส้เดือนตากแห้งให้กับคนจีน นำไปทำยาโดปที่สำคัญอยู่ติด ๆ กับที่พักพอดี เวลาขณะนั้นประมาณ ๑๕.๓๐ น.เราจึงพากันไปชม "อึ้ง ทึ่ง งง" ครั้งแรกในชีวิตจริง ๆ ที่เห็นอาชีพแปลก ๆ แบบนี้ นอกจากจะทำไส้เดือนแล้วยังทำตุ๊กแกตากแห้งอีก แต่ช่วงนี้หมดหน้าตุ๊กแกแล้วจึงทำแต่ไส้เดือน
เมื่อเราชมกรรมวิธีตลอดจนการเก็บรักษา ฯ ดูเวลายังพอมี ก็ได้รับคำแนะนำให้ไปเยี่ยมชมการผลิตเครื่ิงดนตรี พิณ แคน ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีของคนอีสาน หมู่บ้านที่ทำก็ไม่ไกลจากที่เราอยู่ เราจึงใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ถือโอกาสไปเยี่ยมชมตามคำแนะนำ ทั้งวันของวันนั้นถือว่าเราสองคนโชคดีจริง ๆ
สุดทึ่งแปรรูปไส้เดือน ขายทำเงินวันละหมื่น| 17-12-65 | ตะลอนข่าวสุดสัปดาห์
นับว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์ครับเราปั่นออกนอกเมืองไปหาที่พัก เจอที่พักเป็นรีสอร์ทมีชื่อว่า "เติมรส เติมรัก" แค่ชื่อก็กินขาดเราเข้าไปติดต่อที่พัก ดูห้องพักคุณนายโอเค ใช้ได้ ตกลงพักที่นี่ แล้วโชคดีก็ปรากฏอีก คือ คนดูแลห้องพักทราบว่าเรามาจากเชียงใหม่ และชอบการท่องเที่ยวดูชีวิตความเป็นอยู่ต่าง ๆ จึงได้แนะนำให้ไปเที่ยวชมการทำกิจการไส้เดือนตากแห้งให้กับคนจีน นำไปทำยาโดปที่สำคัญอยู่ติด ๆ กับที่พักพอดี เวลาขณะนั้นประมาณ ๑๕.๓๐ น.เราจึงพากันไปชม "อึ้ง ทึ่ง งง" ครั้งแรกในชีวิตจริง ๆ ที่เห็นอาชีพแปลก ๆ แบบนี้ นอกจากจะทำไส้เดือนแล้วยังทำตุ๊กแกตากแห้งอีก แต่ช่วงนี้หมดหน้าตุ๊กแกแล้วจึงทำแต่ไส้เดือน
เมื่อเราชมกรรมวิธีตลอดจนการเก็บรักษา ฯ ดูเวลายังพอมี ก็ได้รับคำแนะนำให้ไปเยี่ยมชมการผลิตเครื่ิงดนตรี พิณ แคน ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีของคนอีสาน หมู่บ้านที่ทำก็ไม่ไกลจากที่เราอยู่ เราจึงใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ถือโอกาสไปเยี่ยมชมตามคำแนะนำ ทั้งวันของวันนั้นถือว่าเราสองคนโชคดีจริง ๆ
สุดทึ่งแปรรูปไส้เดือน ขายทำเงินวันละหมื่น| 17-12-65 | ตะลอนข่าวสุดสัปดาห์
- ไฟล์แนบ
-
- 841565.jpg (56.55 KiB) เข้าดูแล้ว 825 ครั้ง
-
- cats๑๒๓.jpg (221.09 KiB) เข้าดูแล้ว 825 ครั้ง
-
- cats๑๒๔.jpg (209.49 KiB) เข้าดูแล้ว 825 ครั้ง
-
- หลังจากที่ชมกิจการทำไส้เดือนตากแห้งแล้ว ก็ได้รับคำแนะนำให้ไปชมการผลิตเครื่องดนตรีอีสานที่ บ.ท่าเรือ ซึ่งไม่ไกลจากที่เราพัก เมื่อดูเวลาแล้วไปทันแน่นอน(ก่อนมืด) เราจึงมุ่งไปตามที่น้องเขาแนะนำ ไม่ผิดหวังเลยได้รับการต้อนรับและการบรรยายให้ความรู้สุดประทับใจ
- cats๑๒๖.jpg (144.73 KiB) เข้าดูแล้ว 825 ครั้ง
-
- cats๑๒๘.jpg (177.07 KiB) เข้าดูแล้ว 825 ครั้ง
-
- cats๑๒๙.JPG (122.53 KiB) เข้าดูแล้ว 825 ครั้ง
-
- cats๑๓๑.jpg (105.12 KiB) เข้าดูแล้ว 825 ครั้ง
-
- cats๑๓๒.jpg (169.29 KiB) เข้าดูแล้ว 825 ครั้ง
-
- cats๑๓๓.jpg (152.95 KiB) เข้าดูแล้ว 825 ครั้ง
-
- cats๑๓๔.jpg (159.1 KiB) เข้าดูแล้ว 825 ครั้ง
-
- DSC_4121.JPG (137.86 KiB) เข้าดูแล้ว 825 ครั้ง
-
- ได้เวลาห้าโมงเย็นเกรงว่าจะมืดเสียก่อนเราก็อำลา พากันปั่่นกลับที่พัก ก่อนจะเข้าที่พักเราปั่่นเข้าตัวอำเภอ เพื่อแวะหาซื้อของกินสำหรับมื้อเย็น เพื่อความสดวกรวดเร็วเราก็อาศัยร้าน ๗-๑๑ เป็นที่พึ่งสำหรับเย็นวันนั้น
ในขณะที่เราทานมื้อเย็นเราก็คุยกันว่าจากการที่คิดว่าจะพักที่นาหว้า สัก ๒ คืน เปลี่ยนใจดีกว่าเนื่องจาก จากนาหว้าเข้าสกลนคร ยังมีรถสองแถวให้อาศัย เรา ๒ คนคงจะยุติการท่องเที่ยวนครพนมเพียงแค่นี้ เอาเวลาที่เหลือไปต่อที่ สกลนครน่าจะดี
ทุกสิ่งทุกอย่างไม่แน่นอน "มันเปลี่ยนแปลงได้" ติดตามนะครับว่า รุ่งเช้าเราจะไปแห่งหนตำบลใดกันต่อ โชคดีและราตรีสวัสดิ์ครับ. - cats๑๓๗.jpg (108.31 KiB) เข้าดูแล้ว 825 ครั้ง
- ได้เวลาห้าโมงเย็นเกรงว่าจะมืดเสียก่อนเราก็อำลา พากันปั่่นกลับที่พัก ก่อนจะเข้าที่พักเราปั่่นเข้าตัวอำเภอ เพื่อแวะหาซื้อของกินสำหรับมื้อเย็น เพื่อความสดวกรวดเร็วเราก็อาศัยร้าน ๗-๑๑ เป็นที่พึ่งสำหรับเย็นวันนั้น
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4365
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
ตั้งแต่ ๘ - ๑๔ พ.ย.๖๕ เราเดินทางเข้านครพนมท่องเที่ยวไปยังพระธาตุต่าง ๆ อย่างจุใจ ได้รับความสนุกสนานร่าเริงบรรเทิงใจ ถืือเป็นความสุขสุด ๆ ของเราหลังจากที่ต้องจมปุ๊กอยู่แต่ในเชียงใหม่ จุดสุดท้ายที่เรามาถึงคือ อ.นาหว้า ซึ่งเราคุยกันตกลงกัน นครพนมคงจบแค่นี้ ต่อจากนี้เราจะเข้าไปยังสกลนคร ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก อ.นาหว้า ที่สำคัญมีรถสองแถวให้ได้อาศัยเป็นตัวช่วยอย่างดี การเดินทางครั้งนี้มีทั้งทุกข์-สุขคละเคล้ากันไป บังเอิญเหลือเกินผมได้ชมทีวีเรื่องหนึ่งประทับใจมาก ๆ อยากเอามานำเสนอให้ทุกท่านได้ชมไปพร้อม ๆ กัน มีสาระมากครับฟังไป ชมไป คิดไป ประโยชน์ล้วน ๆ เชิญครับ
ผลงานมาสเตอร์พีซ Beethoven | จ๋าย ไททศมิตร , สังข์ ธีรวัฒน์ | The Masterpiece เวทีบันลือโลก
ผลงานมาสเตอร์พีซ Beethoven | จ๋าย ไททศมิตร , สังข์ ธีรวัฒน์ | The Masterpiece เวทีบันลือโลก
- ไฟล์แนบ
-
- เช้าวันที่ ๑๔ พ.ย.๖๕ ผมตื่นแต่เช้าเพื่อมาชมบรรยากาศชายทุ่งของที่พัก เติมรส-เติมรัก ก็ถือว่าเป็นกำไรครับท้องฟ้ายามอาทิตย์สาดแสงสีทอง สวยงามอากาศชายทุ่งก็เกินบรรยาย โอโซนไม่แพ้บนเขาหรือชายทะเล ใครที่เดินทางไปนาหว้า ไปเที่ยวชมพระธาตุประสิทธิ์ก็ขอแนะนำให้ไปที่รีสอร์แห่งนี้ ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ (เราพักที่ห้องเบอร์ ๒ ครับ)
- cats๑๓๘.jpg (110.28 KiB) เข้าดูแล้ว 798 ครั้ง
-
- บรรยากาศเรือนพักยามเช้า สงบเย็นห้องหมายเลข ๒ เป็นที่อาศัยนอนสลบไสล ไปกับความเหนื่อยอ่อนจากการปั่นท่องเที่ยวเมื่อวานครับ
- cats๑๔๐.jpg (136.28 KiB) เข้าดูแล้ว 798 ครั้ง
-
- เก็บข้าวของสัมภาระแพ็คท้ายเจ้าตัวเล็กกันเรียบร้อย เราก็อำลา "เติมรส เติมรัก" เดินทางไปชมวัดพระธาตุประสิทธิ์อีกครั้ง เมื่อวานที่เราไปปรากฏว่าได้ชมแต่บริเวณพระธาตุ ส่วนโรงงานผลิตผ้าไม่เปิด และไม่อยากพลาด คุณนายสนใจอยากจะชมผ้าที่ผลิต จุดนี้ได้รับการสนับสนุนจากทางสำนักพระราชวังด้วย น่าสนใจตรงที่มีชุดเสื้อผ้าของชนเผ่า หลาย ๆ เผ่า สังเกตุให้ดีนะครับ
- cats๑๔๑.jpg (95.33 KiB) เข้าดูแล้ว 798 ครั้ง
-
- cats๑๔๒.jpg (113.74 KiB) เข้าดูแล้ว 798 ครั้ง
-
- cats๑๔๓.jpg (134.89 KiB) เข้าดูแล้ว 798 ครั้ง
-
- cats๑๔๔.jpg (145.79 KiB) เข้าดูแล้ว 798 ครั้ง
-
- cats๑๔๖.jpg (101.82 KiB) เข้าดูแล้ว 798 ครั้ง
-
- cats๑๔๗.jpg (106.44 KiB) เข้าดูแล้ว 798 ครั้ง
-
- เสร็จจากการชมการผลิตผ้าที่วัดพระธาตุประสิทธิ์ เราก็พากันมุ่งหน้าออกเดินทางไปต่อ ได้ไปติดต่อกับรถสองแถวที่จะเข้า จ.สกลนคร ปรากฏว่ายังไม่ออกต้องรอผู้โดยสารก่อน เพื่อไม่ให้เสียเวลาโชเฟอร์แนะนำให้ไป วัดอีกวัดหนึ่งอยู่ไม่ไกลมากนักประมาณ น่าจะ ๑๐ กม.เป็นวัดที่อนาคตอาจจะเด่นดังพอ ๆ กับวัดประสิทธิ์ เพราะกำลังเร่งสร้างนัยว่า พระยานาคจะมีลำตัวที่ยาวที่สุดของ จ.นครพนม
- cats๑๔๘.jpg (136.67 KiB) เข้าดูแล้ว 798 ครั้ง
-
- cats๑๔๙.JPG (110.15 KiB) เข้าดูแล้ว 798 ครั้ง
-
- cats๑๕๐.jpg (120.39 KiB) เข้าดูแล้ว 798 ครั้ง
-
- cats๑๕๑.jpg (147.72 KiB) เข้าดูแล้ว 798 ครั้ง
-
- cats๑๕๒.jpg (155.05 KiB) เข้าดูแล้ว 798 ครั้ง
-
- นำปัจจัยใส่บาตรร่วมบุญในการก่อสร้าง เสียดายไม่ได้พบท่านเจ้าอาวาส รายละเอียดต่าง ๆ ได้จากคนงานที่ทำการก่อสร้าง เป็นจริงดังที่โชเฟอร์เล่าให้ฟัง พระยานาคราชที่วัดนี้จะเป็นพระยานาคที่ยาวที่สุดของ จ.นครพนม จริง ๆ สอบถามว่าอีกสักกี่มากน้อยจะเสร็จ ก็ตอบไม่ได้คงทำการก่อสร้างไปเรื่อย ๆ เสร็จเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ก็เป็นอันว่าผมจะรอครับ ถ้าเสร็จเรียบร้อยและมีการฉลอง ผมกับคุณนายจะมาร่วมงานฉลองด้วย
- cats๑๕๔.jpg (143.69 KiB) เข้าดูแล้ว 798 ครั้ง
-
- หลังจากที่เราเยี่ยมชมพระยานาคราชที่กำลังก่อสร้างอย่างขมักเขม้น ได้ร่วมบุญสนับสนุนปัจจัยในการก่อสร้างเพื่อเป็นแรงใจอีกแรงหนึ่ง ได้เวลาใกล้จะ ๑๐.๐๐ น.ประมาณว่ารถสองแถวน่าจะออกแล้ว เราสองคนจึงออกมาเตรียมเจ้าตัวเล็ก (พับให้เรียบร้อย) เตรียมตัวขึ้นสองแถวไปยัง จ.สกลนคร ต่อไป
ทริปนครพนมก็ถือเป็นการจบทริปลง ณ ที่วัดพระธาตุศรีเงินคำ อ.นาหว้า จ.นครพนม ขอได้รับคำขอบคุณจากเราทั้ง ๒ ทริปต่อไปจะเป็นการไปเที่ยวเมืองรองจังหวัดต่อไป จังหวัดนั้นก็คือ จ.สกลนคร ติดตามให้กำลังใจกันต่อนะครับ จ.สกลนคร เรียกได้ว่าเป็น จ.ที่มีพ่อ แม่ ครูบาอาจารย์ใหญ่ หลาย ๆ องค์จำพรรษา ติดตามผมจะพาไปกราบสักการะเอาบุญครับ
โชคดีและสวัสดีครับ - cats๑๕๓.jpg (141.12 KiB) เข้าดูแล้ว 798 ครั้ง
- หลังจากที่เราเยี่ยมชมพระยานาคราชที่กำลังก่อสร้างอย่างขมักเขม้น ได้ร่วมบุญสนับสนุนปัจจัยในการก่อสร้างเพื่อเป็นแรงใจอีกแรงหนึ่ง ได้เวลาใกล้จะ ๑๐.๐๐ น.ประมาณว่ารถสองแถวน่าจะออกแล้ว เราสองคนจึงออกมาเตรียมเจ้าตัวเล็ก (พับให้เรียบร้อย) เตรียมตัวขึ้นสองแถวไปยัง จ.สกลนคร ต่อไป
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4365
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
ประวัติความเป็นมาจังหวัดสกลนคร โดย มหัศจรรย์ดอทคอม
สกลนคร เป็นแหล่งธรรมะ(ดินแดนแห่งธรรม) มีปูชนียสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาหลายแห่ง เช่น พระธาตุเชิงชุม พระธาตุดูม พระธาตุนารายณ์เจงเวง พระธาตุศรีมงคล พระธาตุภูเพ็ก และมีพระเกจิอาจารย์ดังที่เป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ อาทิ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต, พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร, หลวงปู่หลุย จันทสาโร, พระอาจารย์วัน อุตตโม และหลวงปู่เทสก์ เทสก์รังสี เป็นต้น
จังหวัดสกลนครตั้งอยู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ โดยมีการขุดพบฟอสซิลไดโนเสาร์บริเวณแนวทิวเขาภูพาน อำเภอวาริชภูมิ
ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ ชุมชนโบราณในพื้นที่จังหวัดสกลนครอยู่ร่วมสมัยเดียวกับอารยธรรมบ้านเชียงในจังหวัดอุดรธานี จากการสำรวจแหล่งชุมชนโบราณในพื้นที่แอ่งสกลนคร บริเวณลุ่มแม่น้ำสงครามครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของอำเภอบ้านดุง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี อำเภอสว่างแดนดิน อำเภอวาริชภูมิ อำเภอพังโคน อำเภอวานรนิวาส อำเภอพรรณานิคม และรอบ ๆ หนองหาน
อำเภอเมืองสกลนคร พบแหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์จำนวน 83 แห่ง ชุมชนโบราณของแอ่งสกลนครนี้มีอายุประมาณ 600 ปีก่อนพุทธกาลจนถึงพุทธศตวรรษที่ 8 (ระหว่าง 3,000-1,800 ปีมาแล้ว) จากหลักฐานการค้นพบต่าง ๆ ของที่นี่พบว่า ชุมชนโบราณในแอ่งสกลนครได้มีการรวมตัวกันเป็นสังคมขนาดใหญ่และอาจจะพัฒนาเป็นสังคมเมืองในสมัยต่อมา
สกลนครเดิมชื่อ เมืองหนองหานหลวง แห่งอาณาจักรขอมโบราณ โดยขุนขอมราชบุตรเจ้าเมืองอินทปัฐนคร ซึ่งได้อพยพครอบครัวและบ่าวไพร่มาจากเมืองเขมร มาสร้างเมืองใหม่ที่ริมหนองหานหลวง บริเวณท่านางอาบ ปัจจุบันเรียกว่าท่าศาลา อำเภอโคกศรีสุพรรณ มีเจ้าปกครองเรื่อยมาจนสิ้นสมัยพระเจ้าสุวรรณภิงคาระ
เมื่อเกิดฝนแล้งทำให้ราษฎรอพยพไปเมืองเขมร เมืองหนองหานหลวงจึงร้างอยู่ระยะหนึ่ง ครั้นถึงพุทธศตวรรษที่ 19 เมื่อสกลนครอยู่ภายใต้อิทธิพลของอาณาจักรล้านช้าง จึงได้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็น “เชียงใหม่หนองหาน” หรือเมืองสระหลวงหลังจากนั้นเมืองสกลนคร คงอยู่ใต้การปกครองกันไปมา ระหว่างอาณาจักรล้านช้างกับอาณาจักรสุโขทัย และไม่ค่อยมีบทบาททางประวัติศาสตร์ที่โดดเด่นนัก จนมาถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา ผู้คนกระจัดกระจายเป็นชุมชนเล็กๆทำมาหากินตามริมหนองหาน จ่ายส่วย อากรให้เจ้าแขวงประเทศราชศรีโคตรบอง เพื่อถวายต้นไม้เงิน ต้นไม้ทองให้แก่ราชธานีกรุงศรีอยุธยาในสมัยนั้น
จนมาถึงในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อุปฮาดเมืองกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยครอบครัวมาตั้งบ้านเมืองดูแลรักษาองค์พระธาตุเชิงชุม จนมีผู้คนมากขึ้นแล้วจึงโปรดเกล้าฯ ให้ยกบ้านธาตุเชิงชุมเป็น เมืองสกลทวาปี โดยแต่งตั้งให้อุปฮาดเมืองกาฬสินธุ์เป็นพระธานี เจ้าเมืองสกลทวาปีคนแรก
ต่อมาปี พ.ศ. 2369 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เกิดกบฏเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์ เจ้าเมืองสกลทวาปีไม่ได้เตรียมกำลังป้องกันเมือง เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เป็นแม่ทัพมาตรวจราชการเห็นว่าเจ้าเมืองกรมการไม่เอาใจใส่ต่อบ้านเมือง ปล่อยให้ข้าศึก (ทัพเจ้าอนุวงศ์) ล่วงล้ำไปเมืองนครราชสีมาได้โดยง่าย จึงสั่งให้นำตัวพระธานีไปประหารชีวิตที่หนองทรายขาว พร้อมกับกวาดต้อนผู้คนในเมืองสกลทวาปีไปอยู่ที่เมืองกบินทร์บุรีบ้าง เมืองประจันตคามบ้าง ให้คงเหลือรักษาองค์พระธาตุเชิงชุมแต่เพียงพวกเพี้ยศรีคอนชุม ตำบลธาตุเชิงชุม บ้านหนองเหียน บ้านจานเพ็ญ บ้านอ่อมแก้ว บ้านธาตุเจงเวง บ้านพราน บ้านนาคี บ้านวังยาง และบ้านพรรณา รวม 10 ตำบล เพื่อให้เป็นข้าปฏิบัติพระธาตุเชิงชุมเท่านั้น
ในสมัยต่อ ๆ มาได้มีราชวงศ์คำแห่งเมืองมหาชัยกองแก้วทางฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ได้อพยพข้ามแม่น้ำโขงเข้ามาขอพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ขอสร้างบ้าน แปงเมืองขึ้นใหม่ที่เมืองสกลทวาปี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ราชวงศ์คำเป็นพระยาประเทศธานี (คำ) ในตำแหน่งเจ้าเมืองสกลทวาปี และทรงเปลี่ยนนามเมืองใหม่เป็น เมืองสกลนคร ตั้งแต่บัดนั้นมา
จนถึง พ.ศ. 2435 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว การปกครองเมืองสกลนคร จึงเปลี่ยนเป็นรูปแบบการปกครองส่วนภูมิภาคมณฑลเทศาภิบาล โดยส่วนกลางส่งพระยาสุริยเดช (กาจ) มาเป็นข้าหลวงเมืองสกลนครคนแรก และมีพระยาประจันตประเทศธานี (โง่นคำ พรหมสาขา ณ สกลนคร) เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดคนแรก
ยลสกลนคร ย้อนอดีตสู่หนองหานหลวง ดินแดนอารยธรรมขอม 1,000 ปี l ประวัติศาสตร์นอกตำรา EP.108
สกลนคร เป็นแหล่งธรรมะ(ดินแดนแห่งธรรม) มีปูชนียสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาหลายแห่ง เช่น พระธาตุเชิงชุม พระธาตุดูม พระธาตุนารายณ์เจงเวง พระธาตุศรีมงคล พระธาตุภูเพ็ก และมีพระเกจิอาจารย์ดังที่เป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ อาทิ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต, พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร, หลวงปู่หลุย จันทสาโร, พระอาจารย์วัน อุตตโม และหลวงปู่เทสก์ เทสก์รังสี เป็นต้น
จังหวัดสกลนครตั้งอยู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ โดยมีการขุดพบฟอสซิลไดโนเสาร์บริเวณแนวทิวเขาภูพาน อำเภอวาริชภูมิ
ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ ชุมชนโบราณในพื้นที่จังหวัดสกลนครอยู่ร่วมสมัยเดียวกับอารยธรรมบ้านเชียงในจังหวัดอุดรธานี จากการสำรวจแหล่งชุมชนโบราณในพื้นที่แอ่งสกลนคร บริเวณลุ่มแม่น้ำสงครามครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของอำเภอบ้านดุง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี อำเภอสว่างแดนดิน อำเภอวาริชภูมิ อำเภอพังโคน อำเภอวานรนิวาส อำเภอพรรณานิคม และรอบ ๆ หนองหาน
อำเภอเมืองสกลนคร พบแหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์จำนวน 83 แห่ง ชุมชนโบราณของแอ่งสกลนครนี้มีอายุประมาณ 600 ปีก่อนพุทธกาลจนถึงพุทธศตวรรษที่ 8 (ระหว่าง 3,000-1,800 ปีมาแล้ว) จากหลักฐานการค้นพบต่าง ๆ ของที่นี่พบว่า ชุมชนโบราณในแอ่งสกลนครได้มีการรวมตัวกันเป็นสังคมขนาดใหญ่และอาจจะพัฒนาเป็นสังคมเมืองในสมัยต่อมา
สกลนครเดิมชื่อ เมืองหนองหานหลวง แห่งอาณาจักรขอมโบราณ โดยขุนขอมราชบุตรเจ้าเมืองอินทปัฐนคร ซึ่งได้อพยพครอบครัวและบ่าวไพร่มาจากเมืองเขมร มาสร้างเมืองใหม่ที่ริมหนองหานหลวง บริเวณท่านางอาบ ปัจจุบันเรียกว่าท่าศาลา อำเภอโคกศรีสุพรรณ มีเจ้าปกครองเรื่อยมาจนสิ้นสมัยพระเจ้าสุวรรณภิงคาระ
เมื่อเกิดฝนแล้งทำให้ราษฎรอพยพไปเมืองเขมร เมืองหนองหานหลวงจึงร้างอยู่ระยะหนึ่ง ครั้นถึงพุทธศตวรรษที่ 19 เมื่อสกลนครอยู่ภายใต้อิทธิพลของอาณาจักรล้านช้าง จึงได้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็น “เชียงใหม่หนองหาน” หรือเมืองสระหลวงหลังจากนั้นเมืองสกลนคร คงอยู่ใต้การปกครองกันไปมา ระหว่างอาณาจักรล้านช้างกับอาณาจักรสุโขทัย และไม่ค่อยมีบทบาททางประวัติศาสตร์ที่โดดเด่นนัก จนมาถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา ผู้คนกระจัดกระจายเป็นชุมชนเล็กๆทำมาหากินตามริมหนองหาน จ่ายส่วย อากรให้เจ้าแขวงประเทศราชศรีโคตรบอง เพื่อถวายต้นไม้เงิน ต้นไม้ทองให้แก่ราชธานีกรุงศรีอยุธยาในสมัยนั้น
จนมาถึงในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อุปฮาดเมืองกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยครอบครัวมาตั้งบ้านเมืองดูแลรักษาองค์พระธาตุเชิงชุม จนมีผู้คนมากขึ้นแล้วจึงโปรดเกล้าฯ ให้ยกบ้านธาตุเชิงชุมเป็น เมืองสกลทวาปี โดยแต่งตั้งให้อุปฮาดเมืองกาฬสินธุ์เป็นพระธานี เจ้าเมืองสกลทวาปีคนแรก
ต่อมาปี พ.ศ. 2369 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เกิดกบฏเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์ เจ้าเมืองสกลทวาปีไม่ได้เตรียมกำลังป้องกันเมือง เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เป็นแม่ทัพมาตรวจราชการเห็นว่าเจ้าเมืองกรมการไม่เอาใจใส่ต่อบ้านเมือง ปล่อยให้ข้าศึก (ทัพเจ้าอนุวงศ์) ล่วงล้ำไปเมืองนครราชสีมาได้โดยง่าย จึงสั่งให้นำตัวพระธานีไปประหารชีวิตที่หนองทรายขาว พร้อมกับกวาดต้อนผู้คนในเมืองสกลทวาปีไปอยู่ที่เมืองกบินทร์บุรีบ้าง เมืองประจันตคามบ้าง ให้คงเหลือรักษาองค์พระธาตุเชิงชุมแต่เพียงพวกเพี้ยศรีคอนชุม ตำบลธาตุเชิงชุม บ้านหนองเหียน บ้านจานเพ็ญ บ้านอ่อมแก้ว บ้านธาตุเจงเวง บ้านพราน บ้านนาคี บ้านวังยาง และบ้านพรรณา รวม 10 ตำบล เพื่อให้เป็นข้าปฏิบัติพระธาตุเชิงชุมเท่านั้น
ในสมัยต่อ ๆ มาได้มีราชวงศ์คำแห่งเมืองมหาชัยกองแก้วทางฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ได้อพยพข้ามแม่น้ำโขงเข้ามาขอพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ขอสร้างบ้าน แปงเมืองขึ้นใหม่ที่เมืองสกลทวาปี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ราชวงศ์คำเป็นพระยาประเทศธานี (คำ) ในตำแหน่งเจ้าเมืองสกลทวาปี และทรงเปลี่ยนนามเมืองใหม่เป็น เมืองสกลนคร ตั้งแต่บัดนั้นมา
จนถึง พ.ศ. 2435 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว การปกครองเมืองสกลนคร จึงเปลี่ยนเป็นรูปแบบการปกครองส่วนภูมิภาคมณฑลเทศาภิบาล โดยส่วนกลางส่งพระยาสุริยเดช (กาจ) มาเป็นข้าหลวงเมืองสกลนครคนแรก และมีพระยาประจันตประเทศธานี (โง่นคำ พรหมสาขา ณ สกลนคร) เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดคนแรก
ยลสกลนคร ย้อนอดีตสู่หนองหานหลวง ดินแดนอารยธรรมขอม 1,000 ปี l ประวัติศาสตร์นอกตำรา EP.108
- ไฟล์แนบ
-
- 217170.jpg (93.67 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- cats๑๕๕.JPG (100.12 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- คำว่า "สกลนคร" มาจากคำภาษาบาลี และสันสกฤต สกล [สะ-กะ-ละ] หมายความว่า โดยรวม ครอบคลุม หรือทั้งหมด และคำว่า "นคร" [นะ-คะ-ระ] หมายถึงแหล่งที่อยู่หรือเมือง ดังนั้นชื่อที่แท้จริงของเมืองหมายความว่า "นครแห่งนครทั้งมวล"
วัดในสกลนครที่อยู่ในใจเราไปครั้งนี้จะได้ไปเที่ยวครบหรือไม่ ต้องติดตามกันแล้วละครับ มีดังนี้
๑. วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ...
๒. วัดถ้ำผาแด่น ...
๓.วัดป่าอุดมสมพร
๔. วัดพระพุทธบาทน้ำทิพย์ ...
๕. พญาเต่างอย ...
๖. วัดถ้ำขาม (ภูขาม) ...
๗. วัดป่าสุทธาวาส ...
๘. วัดดอยธรรมเจดีย์ - 276474.jpg (94.57 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
- คำว่า "สกลนคร" มาจากคำภาษาบาลี และสันสกฤต สกล [สะ-กะ-ละ] หมายความว่า โดยรวม ครอบคลุม หรือทั้งหมด และคำว่า "นคร" [นะ-คะ-ระ] หมายถึงแหล่งที่อยู่หรือเมือง ดังนั้นชื่อที่แท้จริงของเมืองหมายความว่า "นครแห่งนครทั้งมวล"
-
- คำขวัญประจำจังหวัด : พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน พระตำหนักภูพานคู่เมือง งามลือเลื่องหนองหาร แลตระการปราสาทผึ้ง สวยสุดซึ้งสาวภูไท ถิ่นมั่นในพุทธธรรม
ตราประจำจังหวัด : รูปพระธาตุเชิงชุม เบื้องหลังเป็นหนองหาร
ต้นไม้ประจำจังหวัด : อินทนิล (Lagerstroemia speciosa)
ดอกไม้ประจำจังหวัด : อินทนิล
สัตว์น้ำประจำจังหวัด : ปลากาหรือปลาอีก่ำ (Labeo chrysophekadion) - 276479.jpg (121.43 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
- คำขวัญประจำจังหวัด : พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน พระตำหนักภูพานคู่เมือง งามลือเลื่องหนองหาร แลตระการปราสาทผึ้ง สวยสุดซึ้งสาวภูไท ถิ่นมั่นในพุทธธรรม
-
- ภูมิประเทศ และ ภูมิอากาศ (จากวิกิพีเดีย)
ภูมิประเทศ
ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นที่ราบสูง สูงกว่าระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยประมาณ 172 เมตร ด้านทิศเหนือของจังหวัด (บริเวณอำเภอบ้านม่วง อำเภอคำตากล้า อำเภอสว่างแดนดิน อำเภออากาศอำนวย และอำเภอเจริญศิลป์) มีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มลอนคลื่นไม่สม่ำเสมอกัน ใช้น้ำจากลำห้วยสาขาในการทำนา ทิศเหนือของอำเภออากาศอำนวยเป็นที่ราบน้ำท่วมถึง
เนื่องจากติดกับแม่น้ำสงคราม ทำให้เหมาะแก่การทำนากว่าพื้นที่โดยรอบ แต่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าทาม ที่ขึ้นริมน้ำและปล่อยรกร้างว่างเปล่า ส่วนทางตอนใต้มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะขนาดใหญ่ เรียกว่าแอ่งสกลนคร จุดต่ำสุดของแอ่งคือ ทะเลสาบหนองหาน อำเภอเมืองสกลนคร และหนองญาติ อำเภอเมืองนครพนม นอกจากนี้ยังมีทิวเขาภูพานทางด้านทิศตะวันตกและทิศใต้บริเวณอำเภอภูพานและอำเภอกุดบาก มีลักษณะภูมิประเทศแบบภูเขาสูงสลับกับที่ราบลูกคลื่นที่อยู่ช่วงกลางระหว่างทิวเขาภูพานในเขตจังหวัดกาฬสินธุ์และจังหวัดสกลนคร
ภูมิอากาศ
ลักษณะภูมิประเทศของภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นที่ราบสูง มีทิวเขาล้อมรอบทั้งด้านทิศตะวันตกและด้านใต้ ได้แก่ ทิวเขาเพชรบูรณ์ และทิวเขาดงพญาเย็นอยู่ทางตะวันตก ทิวเขาสันกำแพงและทิวเขาพนมดงรักอยู่ทางด้านใต้ ทำให้ฝนที่เกิดจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีน้อย ส่วนมากเป็นฝนที่เกิดจากร่องความกดอากาศต่ำพายุดีเปรสชันจากอ่าวตังเกี๋ยและทะเลจีนใต้ที่เคลื่อนผ่านเข้ามาระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายน ค่าปานกลางของปริมาณน้ำฝนจังหวัดสกลนครประมาณปีละ 1,578 มิลลิเมตร
สกลนครมีลักษณะอากาศหนาวอย่างชัดเจนกระแสลมที่เย็นและแห้ง หย่อมความกดอากาศสูงที่แผ่ปกคลุมมาจากประเทศจีน ส่งผลกระทบต่อดินฟ้าอากาศในจังหวัดสกลนครมาก เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศเป็นแอ่งกระทะ และมีฉากรับลมเป็นทิวเขาภูพาน ประกอบกับเมื่อมีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจากประเทศจีนที่พัดเข้ามา เมื่อพัดผ่านหนองหานน้ำจะเป็นตัวลดอุณหภูมิลง จึงทำให้สกลนครมีอากาศที่หนาวเย็นกว่าพื้นที่อื่น จังหวัดสกลนครเคยมีอุณหภูมิต่ำสุดจนถึง -1.4 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2517 ที่สถานีอากาศเกษตร อำเภอเมืองสกลนคร และวัดได้ 2.5 เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2542 สถานีตรวจอากาศเกษตรสกลนคร ซึ่งเป็นสถิติอุณหภูมิพื้นราบที่ต่ำสุดของประเทศไทยในขณะนี้ - 276480.jpg (38.23 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
- ภูมิประเทศ และ ภูมิอากาศ (จากวิกิพีเดีย)
-
- DSC_4210.JPG (121.36 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- DSC_4208.JPG (106.88 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- DSC_4209.JPG (102.23 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- DSC_4211.JPG (103.87 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- DSC_4212.JPG (90.22 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- DSC_4213.JPG (115.18 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- DSC_4214.JPG (86.65 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- DSC_4215.JPG (103.42 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- DSC_4216.JPG (83.4 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- DSC_4217.JPG (83.3 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- DSC_4218.JPG (106.77 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- DSC_4219.JPG (81.35 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- DSC_4220.JPG (88.34 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
-
- รถสองแถวจาก บ.นาหว้า นำเราสองคนมาส่งที่สถานีขนส่ง จ.สกลนคร เมื่อเราจัดการเก็บสัมภาระบรรทุกเจ้าตัวเล็กเสร็จเรียบร้อยพร้อมออกเดินทาง อันดับแรกเราต้องหาอะไรบรรจุกระเพาะอาหารเสียก่อนเพราะเวลานั้นบ่ายโมงนิด ๆ ท้องเริ่มฟ้องว่าได้เวลาแล้ว เราต้องปั่นหาร้านมังสวิรัติหรือร้านเจ ก็หาลำบากอยู่ ! แต่ก็ไม่เกินความสามารถเราสามารถค้นหาจนได้ เป็นร้านที่สามารถทำให้เราตามที่ต้องการได้
เป็นบุญและวาสนาของเราที่มาเจอร้านนี้ เจ้าของร้านเป็นผู้หญิงวัยกลางคน(สวย) มีลูกสาวโตจบมหาลัย ฯ ตอนนี้มาทำงานอิสระทางอินเตอร์เนต ทั้งแม่ลูกให้ความสนใจการปั่นจักรยานของเราทั้งสอง ได้หาเวลามาสนทนากับเรา สิ่งแรกคืออยากที่จะไปในแบบที่เราเป็น เพราะมันช่างอิสระเสรีเกินคำจะมาเอื้อนเอ่ยได้ เราก็แนะนำตามความเป็นจริงที่เราเป็น ซึ่งทั้งแม่และลูกบอกว่าชาตินี้คงหมดวาสนา เนื่องจากเวลานี้ต้องทำมาหากินใช้หนี้สิน ยิ่งสภาวะบ้านเมืองเป็นแบบนี้ พูดได้คำเดียวว่า "ตายกับตาย" เป็นเรื่องหนักใจมาก ๆ เราทั้งสองก็ได้ให้กำลังใจ เน้นไปที่ขอให้ทั้งแม่และลูกเป็นคนดี รู้จักการรักษาศีล ให้ทาน และทำภาวนาแค่นี้ ไม่นานเกินรอ สิ่งที่หวังจะเป็นจริงได้ เราได้เห็นสายตาที่มีความหวังของแม่-ลูก เราปลื้มใจ ดีใจ ที่ทำให้ทั้งสองมีความหวัง ขอให้ประสบผลสำเร็จโดยเร็วเถิด !
สองสาว(ใหญ่-เล็ก)ได้แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในสกลนครให้เรา เป็นแนวทางในการปั่นเที่ยว ขอบคุณด้วยใจจริง ๆ
เราอำลาเจ้าของร้านอาหารใจดีทั้งแม่และลูกอันดับแรกเลย เราตกลงกันว่า เราต้องไปกราบพระธาตุเชิงชุมเพื่อขอพร เอาฤกษ์เอาชัยก่อนเป็นการให้ความเคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ของสกลนคร และเป็นสำนึกของเราที่ยึดถือมาโดยตลอด อย่าลืมติดตามการเที่ยวเมืองรอง ณ จ.สกลนคร ของเราทั้งสองนะครับ - DSC_4230.JPG (91.95 KiB) เข้าดูแล้ว 771 ครั้ง
- รถสองแถวจาก บ.นาหว้า นำเราสองคนมาส่งที่สถานีขนส่ง จ.สกลนคร เมื่อเราจัดการเก็บสัมภาระบรรทุกเจ้าตัวเล็กเสร็จเรียบร้อยพร้อมออกเดินทาง อันดับแรกเราต้องหาอะไรบรรจุกระเพาะอาหารเสียก่อนเพราะเวลานั้นบ่ายโมงนิด ๆ ท้องเริ่มฟ้องว่าได้เวลาแล้ว เราต้องปั่นหาร้านมังสวิรัติหรือร้านเจ ก็หาลำบากอยู่ ! แต่ก็ไม่เกินความสามารถเราสามารถค้นหาจนได้ เป็นร้านที่สามารถทำให้เราตามที่ต้องการได้
-
- จากการตัดสินใจจบทริปนครพนม แล้วมาต่อที่สกลนครคิดว่าเราคิดถูกต้องแล้ว พระธาตุประจำปีเกิดในนครพนมมี ๘ พระธาตุเราไปกราบสักการะทั้งหมดได้ ๗ พระธาตุคงขาดแต่เฉพาะวันพุธกลางวัน พระธาตุมหาชัย อ.ปลาปาก แค่นั้น
เราตัดสินใจเข้าสกลนคร เพราะไม่ไกลกันระหว่าง อ.นาหว้า กับ อ.เมืองสกลนคร และหากโอกาสอำนวยเราจะย้อนไปอีกครั้ง ถือว่าอยู่ใกล้แค่เอื้อม เอาเวลาไปเที่ยวสกลต่อเป็นกำไรไว้ก่อนเพราะเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน จึงเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง - S__722698.jpg (63.16 KiB) เข้าดูแล้ว 769 ครั้ง
- จากการตัดสินใจจบทริปนครพนม แล้วมาต่อที่สกลนครคิดว่าเราคิดถูกต้องแล้ว พระธาตุประจำปีเกิดในนครพนมมี ๘ พระธาตุเราไปกราบสักการะทั้งหมดได้ ๗ พระธาตุคงขาดแต่เฉพาะวันพุธกลางวัน พระธาตุมหาชัย อ.ปลาปาก แค่นั้น
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4365
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
ไม่ว่าคุณจะโดดเด่นดีเลิศอย่างไร พบเข้ากับคนที่เกลียดคุณ คุณก็คือคนไม่น่ารัก
ไม่ว่าคุณจะซื่อสัตย์จริงใจเช่นไร พบเข้ากับคนที่ชอบจุกจิกจู้จี้ คุณก็คือคนไร้น้ำใจ
ไม่ว่าคุณจะเป็นคนซื่อไร้เล่ห์เหลี่ยมปานใด พบเข้ากับคนที่ยุ่งยากซับซ้อน คุณก็เป็นคนที่มีแผนในใจ
ไม่ว่าคุณจะเป็นมืออาชีพเชี่ยวชาญมากเพียงใด พบเข้ากับคนที่ไม่เข้าใจ คุณก็คือกระดาษเปล่าที่ไม่มีประโยชน์อันใด
ไม่ว่าคุณจะเป็นคนสมถะเรียบง่ายมากเพียงใด พบเข้ากับคนที่ช่างสงสัยมากเกินไป คุณก็คือคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมประจบสอพลอ
ไม่ว่าคุณจะฉลาดมากเพียงใด พบเข้ากับคนที่มีแผนคาดหวังในตัวคุณมากเกินไป คุณก็ยังใช้ไม่ได้
เพราะฉะนั้น เวลาบ่อยครั้งที่ไม่ใช่ว่าคุณไม่ดี แต่กลับเป็นเพราะว่าคุณพบเข้ากับคนที่ไม่ถูกต้อง คนที่แคร์และใส่ใจคุณ คุณจะเป็นอย่างไรใช้ได้ทั้งนั้น คนที่เกลียดคุณ คุณจะดีแค่ไหนก็ใช้ไม่ได้ ปากและสายตาของคนอื่น เติบโตอยู่บนใบหน้าของพวกเขา คิดจะพูดอะไรก็พูดอย่างนั้น ชอบที่จะมองเช่นใดก็มองเช่นนั้น ไม่มีเรื่องไหนที่จะไม่ถูกวิจารณ์ ไม่มีคนไหนที่จะไม่ถูกคาดเดา ทำตัวเองให้ดีสำคัญที่สุด
แปลมาจาก 花蓮港天宮 港天媽 Chuang HangPo ผู้แปล ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ขอขอบคุณคติธรรมคำสอนภาษาจีน/ รูปภาพจากเพจ 花蓮港天宮 港天媽
ไม่ว่าคุณจะซื่อสัตย์จริงใจเช่นไร พบเข้ากับคนที่ชอบจุกจิกจู้จี้ คุณก็คือคนไร้น้ำใจ
ไม่ว่าคุณจะเป็นคนซื่อไร้เล่ห์เหลี่ยมปานใด พบเข้ากับคนที่ยุ่งยากซับซ้อน คุณก็เป็นคนที่มีแผนในใจ
ไม่ว่าคุณจะเป็นมืออาชีพเชี่ยวชาญมากเพียงใด พบเข้ากับคนที่ไม่เข้าใจ คุณก็คือกระดาษเปล่าที่ไม่มีประโยชน์อันใด
ไม่ว่าคุณจะเป็นคนสมถะเรียบง่ายมากเพียงใด พบเข้ากับคนที่ช่างสงสัยมากเกินไป คุณก็คือคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมประจบสอพลอ
ไม่ว่าคุณจะฉลาดมากเพียงใด พบเข้ากับคนที่มีแผนคาดหวังในตัวคุณมากเกินไป คุณก็ยังใช้ไม่ได้
เพราะฉะนั้น เวลาบ่อยครั้งที่ไม่ใช่ว่าคุณไม่ดี แต่กลับเป็นเพราะว่าคุณพบเข้ากับคนที่ไม่ถูกต้อง คนที่แคร์และใส่ใจคุณ คุณจะเป็นอย่างไรใช้ได้ทั้งนั้น คนที่เกลียดคุณ คุณจะดีแค่ไหนก็ใช้ไม่ได้ ปากและสายตาของคนอื่น เติบโตอยู่บนใบหน้าของพวกเขา คิดจะพูดอะไรก็พูดอย่างนั้น ชอบที่จะมองเช่นใดก็มองเช่นนั้น ไม่มีเรื่องไหนที่จะไม่ถูกวิจารณ์ ไม่มีคนไหนที่จะไม่ถูกคาดเดา ทำตัวเองให้ดีสำคัญที่สุด
แปลมาจาก 花蓮港天宮 港天媽 Chuang HangPo ผู้แปล ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ขอขอบคุณคติธรรมคำสอนภาษาจีน/ รูปภาพจากเพจ 花蓮港天宮 港天媽
- ไฟล์แนบ
-
- วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร (จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)
วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ตั้งอยู่ที่ริมหนองหาร ถนนเจริญเมือง อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร จะมีงานนมัสการพระธาตุประจำปี เริ่มตั้งแต่วันขึ้น 11 ค่ำ ถึง 15 ค่ำ เดือนยี่
ตำนาน
พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระอานนท์ ได้เสด็จจากพระวิหารเชตวัน เสด็จตามลำแม่น้ำโขง มีพระพุทธบาทบัวบก พระพุทธบาทโพนเพล พระพุทธบาทเวินปลา ภูกำพร้า เป็นที่ตั้งของพระธาตุพนม พระพุทธบาทที่ภูน้ำลอดเชิงชุม พระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าพระนามกกุสันธะ พระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าพระนามโกนาคมนะ และพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าพระนามกัสสปะ
เมื่อพระเจ้าสุวรรณภิงคาระทรงทราบข่าว จึงได้เสด็จออกต้อนรับ พร้อมทั้งพระนางนารายณ์เจงเวงราชเทวี พระพุทธเจ้ามีพุทธประสงค์ให้พระเจ้าสุวรรณภิงคาระ ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนายิ่งขึ้น จึงทรงแสดงปาฏิหาริย์บันดาลให้มีดวงมณีรัตน์มีรัศมี พวยพุ่งออกจากพระโอษฐ์พร้อมกันสามดวง พระเจ้าสุวรรณภิงคาระทรงเห็นเป็นอัศจรรย์ก็บังเกิดศรัทธา เปล่งวาจาสาธุการด้วยความปิติ
พระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า ณ ที่นี้เป็นสถานที่อันอุดมประเสริฐ ที่พระพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์ จะได้มาประชุมรอยพระพุทธบาทไว้ เพื่อเป็นที่สักการะแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย พระเจ้าสุวรรณภิงคาระ บังเกิดความปิติโสมนัส จึงได้ถอดพระมงกุฎทองคำของพระองค์ สวมบูชารอยพระพุทธบาท แล้วทรงสร้างเจดีย์ครอบไว้ จึงได้ชื่อว่า พระธาตุเชิงชุม ตามพงศาวดารลาว ในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช แห่งกรุงศรีสัตนาคนหุต ล้านช้าง เรียกพระธาตุเชิงชุมว่า พระธาตุหนองหาน - cats๑๕๙.JPG (97.88 KiB) เข้าดูแล้ว 749 ครั้ง
- วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร (จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)
-
- พระธาตุเชิงชุม ตั้งหันหน้าไปทางหนองหารที่อยู่ทางทิศตะวันออก เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูน รูปทรงสี่เหลี่ยม สูง 24 เมตรเศษ ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยม ส่วนบนเป็นทรงบัวเหลี่ยม ไม่มีลวดลายประดับ ที่ฐานเจดีย์ มีซุ้มประตูทั้งสี่ด้าน ยอดฉัตรทองคำเหนือองค์พระธาตุเชิงชุมทำด้วยทองคำบริสุทธิ์มีน้ำหนัก 247 บาท ซุ้มยอดประตูมีลักษณะเป็นยอดปราสาท ข้างในทึบสร้างด้วยศิลาแลง และหินทรายแดง มีซุ้มประตูหลอกแบบขอม ด้านทิศ เหนือ ใต้ และตะวันตก ซุ้มประตูทางเข้าจริงด้านทิศตะวันออกแต่แรกเริ่มพระธาตุเชิงชุมคงเป็นปราสาทหินทรายศิลปะสมัยขอม ภายในกรอบประตูทางเข้าอุโมงค์ด้านขวามือ มีจารึกพระธาตุเชิงชุมอักษรขอมโบราณ ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖ องค์พระธาตุในปัจจุบันเป็นศิลปะล้านช้าง เนื่องจากช่วงที่อิทธิพลของอาณาจักรล้านช้างแผ่เข้ามาบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๙ และได้มีการบูรณะองค์พระธาตุขึ้นมาใหม่
พ.ศ. 2370 สร้างพระอุโบสถหลังเดิมหรือสิมเก่า มีลักษณะเป็นสิมแบบโถง โครงสร้างเป็นไม้ก่ออิฐถือปูน หลังคาเป็นกระเบื้องไม้แบบเดิม หันหน้าไปทางทิศใต้
ครั้งพระธานีเป็นเจ้าเมือง ภายในมีจิตรกรรมเป็นภาพเถาไม้เลื้อยเป็นแนวรอบอาคาร หน้าบันมีจิตรกรรมฝาผนังเป็นรูปเทพบุตรและเทพธิดา ดาวประจำยาม มังกรและเถาไม้เลื้อย ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปหลายองค์ ทั้งที่สร้างด้วยไม้และเป็นปูนปั้น - cats๑๖๐.JPG (81.38 KiB) เข้าดูแล้ว 749 ครั้ง
- พระธาตุเชิงชุม ตั้งหันหน้าไปทางหนองหารที่อยู่ทางทิศตะวันออก เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูน รูปทรงสี่เหลี่ยม สูง 24 เมตรเศษ ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยม ส่วนบนเป็นทรงบัวเหลี่ยม ไม่มีลวดลายประดับ ที่ฐานเจดีย์ มีซุ้มประตูทั้งสี่ด้าน ยอดฉัตรทองคำเหนือองค์พระธาตุเชิงชุมทำด้วยทองคำบริสุทธิ์มีน้ำหนัก 247 บาท ซุ้มยอดประตูมีลักษณะเป็นยอดปราสาท ข้างในทึบสร้างด้วยศิลาแลง และหินทรายแดง มีซุ้มประตูหลอกแบบขอม ด้านทิศ เหนือ ใต้ และตะวันตก ซุ้มประตูทางเข้าจริงด้านทิศตะวันออกแต่แรกเริ่มพระธาตุเชิงชุมคงเป็นปราสาทหินทรายศิลปะสมัยขอม ภายในกรอบประตูทางเข้าอุโมงค์ด้านขวามือ มีจารึกพระธาตุเชิงชุมอักษรขอมโบราณ ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖ องค์พระธาตุในปัจจุบันเป็นศิลปะล้านช้าง เนื่องจากช่วงที่อิทธิพลของอาณาจักรล้านช้างแผ่เข้ามาบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๙ และได้มีการบูรณะองค์พระธาตุขึ้นมาใหม่
-
- cats๑๖๑.JPG (85.15 KiB) เข้าดูแล้ว 749 ครั้ง
-
- cats๑๖๒.JPG (81.37 KiB) เข้าดูแล้ว 749 ครั้ง
-
- cats๑๖๓.JPG (56.44 KiB) เข้าดูแล้ว 749 ครั้ง
-
- cats๑๖๔.JPG (81.6 KiB) เข้าดูแล้ว 749 ครั้ง
-
- cats๑๖๕.JPG (84.19 KiB) เข้าดูแล้ว 749 ครั้ง
-
- cats๑๖๖.JPG (50.31 KiB) เข้าดูแล้ว 749 ครั้ง
-
- cats๑๕๗.jpg (126.39 KiB) เข้าดูแล้ว 749 ครั้ง
-
- cats๑๕๘.jpg (118.14 KiB) เข้าดูแล้ว 749 ครั้ง
-
- cats๑๖๗.jpg (105.84 KiB) เข้าดูแล้ว 749 ครั้ง
-
- cats ๑.jpg (111.75 KiB) เข้าดูแล้ว 749 ครั้ง
-
- ออกจากพระธาตุเชิงชุม เราสองคนเจตนาที่จะปั่นไปกราบวัดหลวงปู่มั่น (วัดป่สุทธาวาส) ซึ่งถ้ามาสกลนครครั้งใดไม่เคยพลาดที่จะมากราบสักการะเป็นประจำ ครั้งนี้ก็เช่นกันก่อนที่เราจะหาที่พัก ออกจากวัดเชิงชุมเราก็มุ่งตรงไปยังวัดป่า สุทธาวาสทันที
ในขณะที่ปั่นไป ๆ ก็สังเกตุเห็นบ้านเมืองเจริญขึ้นผิดหูผิดตา อาคารร้านค้ารวมทั้งที่ทำการราชการเปลี่ยนแปลงไปเยอะ อยากจะเรียกว่าเจริญขนาด ขนาดที่ว่าคือ "ผมกลัวครับ" เพราะจำได้ที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านย้ำเตือนผมเสมอ ๆ ว่า "ความเจริญทางโลก มันคือหนทางแห่งความเสื่อม ไม่เชื่อก็คอยดู" วันนี้เวลานี้ได้พิสูจน์คำพูดนี้แล้วครับ
แต่ก่อน Touring ปั่นบนถนนหนทางมีความสุขมาก ๆ ปัจจุบัน ปั่นไปร้อนตับแตก เพราะถนนหนทางตัดเป็น ๔ เลน ๘ เลน ต้นไม้สองข้างทางหมด ไม่เหลือ นอกจากนี้ขณะที่เราปั่นชิดริมขอบทาง บรรดารถยนต์ทั้งวิ่งไป-มา ด้วยความเร็ว ผ่านเราขนลุกทุกครั้ง มันเหมือนจะดูดเราเข้าไปอยู่ใต้ท้องรถ ซะอย่างนั้น ปั่นอีสานไม่สนุกแล้วครับ
ติดตามเป็นกำลังใจกันไปเรื่อย ๆ มีสิ่งใดจะแนะนำอย่าเกรงและอย่าช้า กรุณาให้คำแนะนำด้วยจะขอบพระคุณมาก ๆ ครับ - cats ๒.jpg (113.33 KiB) เข้าดูแล้ว 749 ครั้ง
- ออกจากพระธาตุเชิงชุม เราสองคนเจตนาที่จะปั่นไปกราบวัดหลวงปู่มั่น (วัดป่สุทธาวาส) ซึ่งถ้ามาสกลนครครั้งใดไม่เคยพลาดที่จะมากราบสักการะเป็นประจำ ครั้งนี้ก็เช่นกันก่อนที่เราจะหาที่พัก ออกจากวัดเชิงชุมเราก็มุ่งตรงไปยังวัดป่า สุทธาวาสทันที
-
- 51439.jpg (34.45 KiB) เข้าดูแล้ว 749 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4365
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
"ความ สุข ” . .ของคนเรานั้น... “ ต่างกัน”
บางคน... มี “ ความสุข ” กับ... “ การอยู่เงียบๆ คนเดียว ”
บางคน... มี “ ความสุข ” กับ... “ การได้ท่องเที่ยวในที่แปลกใหม่ ”
บางคน... มี “ ความสุข ” เมื่อได้พูดคุย... กับ “ เพื่อนที่รู้ใจ ”
บางคน... มี “ ความสุข ” ที่ชอบพบปะสังสรรค์ กับ.. เพื่อนฝูงมากมาย
บางคน... มี “ ความสุข ” กับการ... ได้กิน “ อาหารเลิศรส ” ในขณะที่... “ บางคน ” ขอเพียงแค่... “ หนังสือเล่มโปรด ” เพียงเล่มเดียว... ก็มี “ ความสุข ”..ได้ทั้งวัน
... แท้จริงแล้ว ...“ ความสุข ” คือ... อะไรก็ได้ ที่... คนคนหนึ่งทำแล้ว สบายใจ ”
บางคน... มี “ ความสุข ” กับ... “ การอยู่เงียบๆ คนเดียว ”
บางคน... มี “ ความสุข ” กับ... “ การได้ท่องเที่ยวในที่แปลกใหม่ ”
บางคน... มี “ ความสุข ” เมื่อได้พูดคุย... กับ “ เพื่อนที่รู้ใจ ”
บางคน... มี “ ความสุข ” ที่ชอบพบปะสังสรรค์ กับ.. เพื่อนฝูงมากมาย
บางคน... มี “ ความสุข ” กับการ... ได้กิน “ อาหารเลิศรส ” ในขณะที่... “ บางคน ” ขอเพียงแค่... “ หนังสือเล่มโปรด ” เพียงเล่มเดียว... ก็มี “ ความสุข ”..ได้ทั้งวัน
... แท้จริงแล้ว ...“ ความสุข ” คือ... อะไรก็ได้ ที่... คนคนหนึ่งทำแล้ว สบายใจ ”
- ไฟล์แนบ
-
- 992510.jpg (21.17 KiB) เข้าดูแล้ว 713 ครั้ง
-
- cats ๓.jpg (120.75 KiB) เข้าดูแล้ว 713 ครั้ง
-
- วัดป่าสุทธาวาส ตั้งอยู่ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ตั้งอยู่ใกล้เทือกเขาภูพานเดิมที่ตรงนี้เรียกว่า “ดงบาก” อยู่ทางทิศใต้ของตลาดเมืองสกลนคร หรือ หรือทิศใต้ของบึงหนองหารห่างจากศูนย์ราชการเก่าประมาณ ๑,๐๐๐ เมตร และอยู่ใกล้ศูนย์ราชการปัจจุบันประมาณ ๒๐๐ เมตร (ศูนย์ราชการปัจจุบันอยู่ทางทิศตะวันตกของวัด) เมื่อ ๓๐ ปีก่อนวัดป่าสุทธาวาสแห่งนี้ ตั้งอยู่กลางป่ามีสัตว์ป่านานาชนิด ปัจจุบันเป็นวัดที่ตั้งอยู่กลางบ้านและเป็นวัดที่ประชาชนสนใจ แต่ละวันจะมีนักทัศนาจรนักทัศนศึกษาผ่านไป ผ่านมาแวะชมศึกษาไม่เคยขาด
วัดป่าสุทธาวาสนี้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๙ โดยหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ธุดงค์มาพักเป็นองค์แรก ต่อมาขุนอุพัทธ์ระบิล (เพชร ภูลวรรณ) จ่าศาลคนแรกของจังหวัดสกลนคร เกิดศรัทธายกกรรมสิทธิ์ที่ดินของตนถวายให้ปลูกกุฏิเป็นที่พักสงฆ์จนเป็นวัดขึ้น ในเนื้อที่ ๑๐ ไร่ ๓ งาน ต่อมามีผู้บริจาคถวายที่ดินเพิ่มขึ้น เป็น ๒๗ ไร่ ๑ งาน ๓๐ ตารางวาในปัจจุบัน และต่อมาได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๖ กรกฏาคม พ.ศ.๒๔๙๒ เริ่มสร้างอุโบสถ ใน พ.ศ.๒๔๙๔ การก่อสร้างแล้วเสร็จและฝังลูกนิมิต เมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๐
สถานที่สำคัญในวัด
๑. พิพิธภัณฑ์อัฐบริขาร พระอาจารย์มั่นภูริทัตโต
เนื่องจากพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เป็นพระอาจารย์ใหญ่สายธรรมยุต มีปฏิปทาควรค่าแก่การเทิดทูนเคารพบูชาของเหล่าพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย โดยเฉพาะผู้ที่เป็นสานุศิษย์ของท่าน ฉะนั้นบรรดาอัฐบริขารและเครื่องใช้สอยต่างๆจึงมีคุณค่าทางจิตใจและในด้านอนุสสติในตัวท่านภายหลังจากฌาปนกิจศพของท่านแล้ว ปรากฏว่าเครื่องอัฐบริขารและสิ่งของเครื่องใช้ได้กระจายไปอยู่ในที่ต่างๆหลายแห่ง เพราะบรรดาลูกศิษย์ได้นำไปเก็บรักษาไว้เพื่อเป็นการเคารพบูชาและเป็นอนุสสติหรือความเป็นสิริมงคล
ครั้งหนึ่งเมื่อประมาณ พ.ศ.๒๕๑๒ ดร.เชาว์ ณ ศีลวันต์ และเป็นสานุศิษย์ของท่านด้วยได้เดินทางมายังวัดป่าสุทธาวาส พบเห็นอัฐบริขารและเครื่องใช้สอยของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จำนวนหนึ่งเก็บไว้ในตู้เก่าๆในกุฏิเล็ก ๆ ทำให้ท่านรู้สึกว่าวัตถุเหล่านี้เป็นของที่มีคุณค่าอันประมาณมิได้โดยเฉพาะสำหรับบรรดาศิษย์ในสายพระอาจารย์มั่น ท่านจึงเห็นเป็นกิจหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งในอันที่จะรวบรวมเก็บรักษาไว้ในที่อันควรค่า และเพื่อประโยชน์แก่อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาหาความรู้ประวัติ และจะได้เคารพศรัทธาในตัวท่านมากขึ้น จึงมีความดำริโดยหลักการว่าควรสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์จัดรวบรวมอัฐบริขารและเครื่องใช้สอยเท่าที่จะพึงหาได้รวมตลอดถึงอัฐิธาตุของท่านนั้นนำมาเก็บรักษาไว้ในลักษณะอันควรเหมาะสมแก่การเคารพและระลึกถึงพระคุณของท่านประการหนึ่งเพื่อแสดงถึงปฏิปทาความเป็นสมณะอันแท้จริงของท่านประการหนึ่งและประการสุดท้ายเพื่อจัดเป็นเหตุแห่งศรัทธาของผู้พบเห็น อาคารเริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๖ โดยมีพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร (นายสอน สุทธิสาร) เป้นประธานฝ่ายฆราวาส มีนางไขศรี ตันศิริ เป็นสถาปนิก นายชวลิต แก่นมณี เป็นวิศวกรได้รับการวางศิลาฤกษ์เมื่อ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๔๑๖ โดยมีหลวงปู่ฝั้น อาจาโร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์
๒. โบสถ์ ( สถานที่ประชุมเพลิงหลวงปู่มั่น )
๓. กุฎิหลวงตามหาบัว
๔. ทางเดินจงกลมของหลวงตามหาบัว
๕. พิพิธภัณฑ์หลวงปู่หลุย จันทสาโร
-
- cats ๔.jpg (167.01 KiB) เข้าดูแล้ว 713 ครั้ง
-
- cats ๕.jpg (134.47 KiB) เข้าดูแล้ว 713 ครั้ง
-
- cats ๖.jpg (145.93 KiB) เข้าดูแล้ว 713 ครั้ง
-
- cats ๘.jpg (124.5 KiB) เข้าดูแล้ว 713 ครั้ง
-
- พิพิธภัณฑ์หลวงปู่หลุย จันทสาโร
หลวงปู่หลุย จันทสารเถระ (พ.ศ.2444 - 2532) เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ศิษย์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตะเถระ หลวงปู่หลุยเป็นผู้มีปฏิปทา ชอบจาริกไปในที่ต่าง ๆ ตลอดจนวาระสุดท้ายแห่งชีวิตของท่าน เมื่อท่านมรณภาพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงร่างแบบเจดีย์เพื่อบรรจุอัฐิธาตุของหลวงปู่หลุย และมีกระแสรับสั่งให้สร้างไว้ใกล้กับอัฐิของพระอาจารย์มั่น ที่อยู่ภายในพิพิธภัณฑ์บริขารพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตะเถระ ในวัดป่าสุทธาวาส
จากพิพิธภัณฑ์พระอาจารย์มั่น ป้ายบอกทางชี้ไปยังพิพิธภัณฑ์หลวงปู่หลุย ซึ่งห่างออกไปเป็นระยะประมาณ 200 - 300 เมตร ลักษณะของอาคารเป็นทรงเจดีย์ฐานแปดเหลี่ยม บันไดปรากฏอยู่ด้านหน้านำผู้เข้าเยี่ยมไปยังชั้นสอง ซึ่งเป็นพื้นที่จัดแสดง
ส่วนด้านล่างมีลักษณะเป็นโถงที่มีการสร้างภาพจำหลักใช้เทคนิคลงรักปิดทอง แบ่งเนื้อหาเป็น ) ส่วน ได้แก่ (๑) โลกมืดด้วยอวิชชา (๒) พระสัมมาสัมพุทธะเจ้าอุบัติในโลก (๓) อริยสัจสี่ (๔) พระพุทธดำรัสตรัสสั่ง (๕) พระสังคายนาครั้งที่ ๑ (๖) พระเถราประกาสพระศาสนา (๗) คณะสงฆ์ไทยฝ่ายธรรมยุติ และได้กล่าวถึงพระสงฆ์ผู้ที่สั่งสอนสายวิปัสสนาธุระพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต และพระอาจารย์หลุย จันทสาโร
ชั้นบนมีทางเข้าในตัวอาคาร ๓ ทาง กรอบหน้าต่างเป็นส่วนประกอบอาคารที่นำเสนอสิ่งที่เกี่ยวโยงกับพระพุทธศาสนาคือ เป็นรูปคล้ายใบโพธิ์หรือกลีบบัว ภายในแสดงรูปหุ่นขี้ผึ้งจำลองพระอาจารย์หลุย โดยมีวัตถุที่เกี่ยวข้องกับหลวงปู่แสดงไว้ในอาคารเช่นเดียวกันกับพิพิธภัณฑ์ของพระอาจารย์มั่น ทั้งบริขารประจำวัน สมุดบันทึกธรรม และบริขารเบ็ดเตล็ดและเครื่องมือทำกลด ซึ่งเป็นงานอดิเรกยามว่างของพระอาจารย์หลุย คำบรรยายเป็นภาษาไทยเพียงอย่างเดียวไม่เหมือนกับคำบรรยายในอาคารพิพิธภัณฑ์พระอาจารย์มั่น ที่มีทั้งภาษาไทยและอังกฤษ
ข้อมูลจาก: การสำรวจภาคสนาม ของสำนักวิจัยและสนับสนุนการวิจัย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ - cats ๑๐.jpg (121.86 KiB) เข้าดูแล้ว 713 ครั้ง
- พิพิธภัณฑ์หลวงปู่หลุย จันทสาโร
-
- cats ๑๑.jpg (97.84 KiB) เข้าดูแล้ว 713 ครั้ง
-
- cats ๑๒.JPG (62.9 KiB) เข้าดูแล้ว 713 ครั้ง
-
- cats ๑๓.JPG (60.22 KiB) เข้าดูแล้ว 713 ครั้ง
-
- เมื่อเราสองคนได้กราบสักการะสถูปอัฐิของครูบาอาจารย์แล้ว ก็ได้เวลาที่เราจะต้องไปหาที่พัก สอบถามร้านค้าแถว ๆ ในวัดว่าที่พักใกล้ ๆ แถวนี้มีที่ใดบ้าง ก็ได้รับคำตอบมีเยอะแยะ เราปั่นไปมองหาไปบางที่ก็เข้าไปตรวจสอบ สรุปไม่ถูกใจเลย รร.ใหญ่ ๆ ที่พอจะพักได้ก็ล้างแบบป่าช้า ชั้นหนึ่งมีคนพักแค่ห้องเดียวก็มี (ภัยจากโควิดพาเศรษฐกิจพังกันหมด)
พูดถึงเรื่อง รร.สมัยที่รุ่งเรืองจำติดใจ รร.ใหญ่ ๆ โต ๆ ไม่ต้อนรับคนไทยนะครับ (ต้องจองจึงจะพักได้) คือเราจะเข้าติดต่อตรง ๆ (พักคืนเดียว) หมดสิทธิ์ บ๋อยหรือพนักงาน มองเราเหมือนตัวประหลาด แต่คุณมีรถเบนซ์ โรสรอยส์ อย่างนี้ก็อีกเรื่อง อยากจะบอกว่า วันนี้สะใจ เรียกร้องให้คนไทยออกไปเที่ยวไปใช่บริการ ๕๕๕๕๕
เกือบจะท้อใจ รร.ที่ได้รับการชี้นำ ไม่ถูกใจสักที่ เราจึงย้อนเข้าเมือง ไปเจอร้านทำเครื่องบินเล็ก สมัยเด็กผมชอบมาก ๆ เคยฝันอยากจะให้ลูกชายเป็นนักบิน สุดท้ายเขาก็ไม่สนใจ ผมหยุดคุยสอบถามขอความรู้ ทั้งสองคนคุยสนุก ยิ่งรู้ว่าเราปั่นมาเที่ยว ยิ่งสนใจต่างคนต่างสนใจในกิจกรรมของกันและกัน อยู่คุยกันจนนานกว่าจะอำลาจากกัน - cats ๑๔.jpg (114.26 KiB) เข้าดูแล้ว 713 ครั้ง
- เมื่อเราสองคนได้กราบสักการะสถูปอัฐิของครูบาอาจารย์แล้ว ก็ได้เวลาที่เราจะต้องไปหาที่พัก สอบถามร้านค้าแถว ๆ ในวัดว่าที่พักใกล้ ๆ แถวนี้มีที่ใดบ้าง ก็ได้รับคำตอบมีเยอะแยะ เราปั่นไปมองหาไปบางที่ก็เข้าไปตรวจสอบ สรุปไม่ถูกใจเลย รร.ใหญ่ ๆ ที่พอจะพักได้ก็ล้างแบบป่าช้า ชั้นหนึ่งมีคนพักแค่ห้องเดียวก็มี (ภัยจากโควิดพาเศรษฐกิจพังกันหมด)
-
- ออกจากร้านที่ผลิตเครื่องบินจำลอง ได้รับคำแนะนำให้ตรงออกไปเลยหอนาฬิกาไม่มากเท่าไหร่ ก็จะเจอ รร.ที่พักสำหรับเซลแมนนิยมมาพัก เป็น รร.ที่สะอาดบริการดีรับรองประทับใจ พี่แกปักหมุดให้เรา เมื่อไปตามหมุดก็ประสบความสำเร็จโชคดีเป็นของเรามีห้องชั้นล่างเหลือไว้สำหรับเราพอดี เยี่ยมจริง ๆ
ได้นำสัมภาระเข้าไปเก็บในห้องพัก มองเวลายังเหลืออีกหลายชั่วโมงจะมืดค่ำ จึงคิดว่าออกไปปั่นเที่ยวกันต่อเป็นการใช้เวลาให้คุ้มค่า พร้อมกับหาอะไรกลับมาทานมื้อเย็นใน รร.กันน่าจะดี คุณนายไม่ขัดข้องเห็นดีด้วย เราจึงพากันออกไปปั่นเที่ยวกันต่อติดตามเป็นกำลังใจนะครับ - cats ๑๕.jpg (114.4 KiB) เข้าดูแล้ว 713 ครั้ง
- ออกจากร้านที่ผลิตเครื่องบินจำลอง ได้รับคำแนะนำให้ตรงออกไปเลยหอนาฬิกาไม่มากเท่าไหร่ ก็จะเจอ รร.ที่พักสำหรับเซลแมนนิยมมาพัก เป็น รร.ที่สะอาดบริการดีรับรองประทับใจ พี่แกปักหมุดให้เรา เมื่อไปตามหมุดก็ประสบความสำเร็จโชคดีเป็นของเรามีห้องชั้นล่างเหลือไว้สำหรับเราพอดี เยี่ยมจริง ๆ
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4365
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
โลกสว่างด้วยแสงไฟ ใจสว่างด้วยแสงธรรม
- แสงธรรมส่องใจ แสงไฟส่องทาง
- ผู้สนใจธรรม สู้ผู้รู้ธรรมไม่ได้
- ผู้รู้ธรรม สู้ผู้ปฎิบัติธรรมไม่ได้
- ผู้ปฎิบัติธรรม สู้ผู้ที่เข้าถึงธรรมไม่ได้
- มีทรัพย์มาก ย่อมมีความสะดวกมาก
- มีธรรมะมาก ย่อมมีความสุขมาก
เมื่อก่อนยังไม่มีเรา เราเพิ่งมีมาเมื่อไม่นานมานี้เอง และอีกไม่นานก็จะไม่มีเราอีก จึงควรรีบทำดี ทำสมาธิภาวนา ในขณะที่ยังมีเราอยู่
- แสงธรรมส่องใจ แสงไฟส่องทาง
- ผู้สนใจธรรม สู้ผู้รู้ธรรมไม่ได้
- ผู้รู้ธรรม สู้ผู้ปฎิบัติธรรมไม่ได้
- ผู้ปฎิบัติธรรม สู้ผู้ที่เข้าถึงธรรมไม่ได้
- มีทรัพย์มาก ย่อมมีความสะดวกมาก
- มีธรรมะมาก ย่อมมีความสุขมาก
เมื่อก่อนยังไม่มีเรา เราเพิ่งมีมาเมื่อไม่นานมานี้เอง และอีกไม่นานก็จะไม่มีเราอีก จึงควรรีบทำดี ทำสมาธิภาวนา ในขณะที่ยังมีเราอยู่
- ไฟล์แนบ
-
- 317536.jpg (70.61 KiB) เข้าดูแล้ว 709 ครั้ง
-
- 3116479.jpg (30.32 KiB) เข้าดูแล้ว 709 ครั้ง
-
- cats ๑๖.jpg (114.44 KiB) เข้าดูแล้ว 709 ครั้ง
-
- สวนสมเด็จเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (สวนแม่ สวนลูก)
ประวัติงสวนแห่งนี้ เป็นสวนสาธารณะที่จัดสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในวาระครบรอบ 80 พรรษา โดยจังหวัดสกลนคร เป็นแห่งที่ 2 สร้างในปี 2550 จังหวัดสกลนครและเทศบาลนครสกลนครได้จัดสร้างสวนสมเด็จพระพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงสงขลานครินทร์ คนในสกลนครจะเรียกชื่อสั้น ๆ ว่าสวนลูก อยู่คนละฝั่งติดริมหนองหาร กับบริเวณสวนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สวนแม่)หรือสระพังทอง ขึ้นอีกแห่งหนึ่ง ทุกเช้าจะมีประชาชนไปออกกำลังกาย และคนในสกลนครเองก็จะไปวิ่งออกกำลังกายที่สวนแม่ และสวนลูกแห่งนี้คับ
ส่วนใหญ่คนที่ออกกำลังโดยปั่นจักรยาน จะต้องไปปั่นบริเวณสวนลูกคับ เพราะเขาจะทำทางไว้สำหรับปั่นจักรยานภายในสวนโดยเฉพาะ แต่สวนแม่ หรือสระพังทอง จะไม่อนุญาตให้เอาจักรยานหรือรถชนิดใด ๆ เข้าไปภายในสวน หากใครชอบออกกำลังกายโดยใช้จักรยานแนะนำที่สวนลูกคับ เต็มที่เลย และในช่วงเย็น ๆ ก็จะมีทั้งผู้ใหญ่ เด็ก วัยรุ่น สัตว์เลี้ยง มาพักผ่อนและออกกำลังกายที่นี่คับ อยากบอกว่าบรรยากาศดีมาก ๆ คับ นั่งบริเวณริมฝั่งหนองหาร ดูพระอาทิตย์ตกยามเย็น เอาอาหารมานั่งทาน อยากบอกว่าเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุดเลยคับ ส่วนการเดินทางมาไม่ยากครับ สวนแม่ สวนลุก อยู่ติดกับ รพ.สกลนคร และ วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร สามารถนั่งรถเมล์โดยสารสีเหลือง ค่ารถโดยสารก็ 10 บาท มาลงที่สวนแม่ และเดินไปสวนลูกได้คับ ถ้าเพื่อน ๆ มาสกลนคร ก็ขอแนะนำเลยนะคับสำหรับสถานที่ออกกำลังกายและพักผ่อน
ข้อมูลเทศบาลสกลนคร - cats ๑๗.JPG (91.83 KiB) เข้าดูแล้ว 709 ครั้ง
- สวนสมเด็จเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (สวนแม่ สวนลูก)
-
- cats ๑๘.jpg (122.27 KiB) เข้าดูแล้ว 709 ครั้ง
-
- cats ๑๙.jpg (116.83 KiB) เข้าดูแล้ว 709 ครั้ง
-
- cats ๒๐.jpg (147.7 KiB) เข้าดูแล้ว 709 ครั้ง
-
- cats ๒๑.jpg (129.05 KiB) เข้าดูแล้ว 709 ครั้ง
-
- cats ๒๒.jpg (100.16 KiB) เข้าดูแล้ว 709 ครั้ง
-
- cats ๒๓.jpg (113.78 KiB) เข้าดูแล้ว 709 ครั้ง
-
- สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ สกลนคร จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ สกลนคร คือ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี 80 พรรษา ลำดับที่ 5 ตั้งอยู่ที่ริมหนองหานตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร มีเนื้อที่ 120 ไร่ เป็นพื้นดิน ประมาณ 70 ไร และพื้นน้ำประมาณ 50 ไร่ สมเด็จพระศรีนครินทร์บรมราชชนนี เสด็จเป็นประธานเปิดสวนด้วยพระองค์เองเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2530[1]
หน่วยงานรับผิดชอบในการดูแลรักษา คือ เทศบาลนครสกลนคร ต้นไม้ประจำสวน คือ นนทรี
ลักษณะของสวน
สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ สกลนคร เป็นสวนสาธารณะที่ติดกับบึงหรือหนองน้ำใหญ่ที่เรียกว่าหนองหาน หนองน้ำธรรมชาติของภาคอีสานที่มีอาณาเขตกินเนื้อที่หลายอำเภอและเป็นที่พักพิงและที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำและนกน้ำเป็นจำนวนมาก พื้นที่ส่วนหนึ่งของสวนยื่นล้ำเข้าไปในหนองหานและเป็นบริเวณหน้าสวนที่เด่น ทำให้ภูมิทัศน์มีความสวยและสง่างาม กลางสวนยังมีบึงเรียกว่า "สระพังทอง" มีตำนานที่เล่าว่าเป็นบึงที่ชาวบ้านขุดขึ้นมาพร้อมพระธาตุเชิงชุมซึ่งเป็นศาสนสถานสำคัญของจังหวัดสกลนครซึ่งมีอายุย้อนไปถึงประมาณพุทธศตวรรษที่ 16 เป็นที่ที่เทวดาใช้สรงน้ำก่อนเข้าสักการะพระธาตุ จึงถือเป็นบึงศักดิ์สิทธิ์ที่ทางราชการและประชาชนนำน้ำในบึงนี้ไปใช้ประกอบพิธีต่าง ๆ กลางบึงมีน้ำพุที่กล่าวกันว่าสูงที่สุดในประเทศไทย
การที่สวนตั้งอยู่ริมหนองหานและยังมีบึงสระพังทองอยู่ตรงกลาง และตลอดสวนมีต้นไม้ใหญ่เดิมขึ้นอยูมากจึงทำให้สวนแห่งนี้มีความร่มเย็น ในการสร้างสวน ได้มีการจัดปลูกไม้ใหญ่ให้ร่มเงาเพิ่มขึ้น ปลูกไม้ดอกไม้ประดับเพื่อเพิ่มความงาม มีสวนป่า สวนน้ำ และสวนหินประดับ มีสวนและถนนเดินและวิ่งเหยาะออกกำลังกายโดยรอบสวน ในฤดูหนาวสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์แห่งนี้จะมีความสวยงามเป็นพิเศษด้วยมีหมอกบาง ๆ ให้บรรยากาศที่ประทับใจ
สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ สกลนคร นอกจากการใช้เป็นที่พักผ่อนสำหรับประชาชนแล้ว ยังจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวและใช้เป็นที่จัดงานประเพณีในเทศกาลต่าง ๆ ของจังหวัด เช่นพิธีอัญเชิญพระเวสสันดรเข้าเมืองในเทศกาลบุญพระเวส พิธีลอยกระทงหรือลอยประทีปพระราชทานจากองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถและทุกพระองค์ที่พระราชทานแก่พสกนิกรทุกปี นอกจากนี้ยังมีพิธีปล่อยปลา งานแข่งเรือในเทศกาลออกพรรษาอีกด้วย นับว่าเป็นสวนสาธารณะตัวอย่างในด้านความสมประโยชน์ คือใช้ได้ดีทั้งในด้านนันทนาการ กีฬา วัฒนธรรม ประเพณีและพิธีการสำคัญต่าง ๆ
พระราชานุสาวรีย์
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2543 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จเป็นประธานเปิดพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีนคริทาบรมราชชนนีที่ประดิษฐานในสวนแห่งนี้ - cats ๒๔.JPG (83.3 KiB) เข้าดูแล้ว 709 ครั้ง
- สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ สกลนคร จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
-
- DSC_4339.JPG (92.79 KiB) เข้าดูแล้ว 709 ครั้ง
-
- DSC_4340.JPG (83.23 KiB) เข้าดูแล้ว 709 ครั้ง
-
- ปกติคนชอบไปที่สวนลูกเพราะเป็นจุดที่เน้นออกกำลัง จักรยานก็มีทางจักรยานให้ ส่วนสวนแม่ ซึ่งจะมีพระราชานุสาวรีย์สมเด็จย่าประทับนั่งให้เก็บภาพอย่างสวยงามห้ามพลาดครับ ส่วนเราไม่รู้ธรรมเนียม นำจักรยานปั่นทั้งสวนแม่-สวนลูก(ไม่เห็นมีกฏหรือห้าม) ก็เลยเข้าไปปั่นทั้งสวนแม่ - สวนลูก ต้องขออภัยไว้ ณที่นี้ด้วยครับ
- DSC_4341.JPG (66.54 KiB) เข้าดูแล้ว 709 ครั้ง
-
- ปั่นเล่นรอบสวนทั้งสวนแม่-สวนลูก ชมบรรยากาศและผู้คนที่มาออกกำลังกาย จนพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินก็อำลาสวนสมเด็จย่า ปั่นกลับเข้าเมืืองแวะตลาดโต้รุ่ง หาซื้ออาหารการกิน เยอะะะมากกกกก ผมเฝ้าจักรยานคุณนายเข้าไปหาซื้อได้อาหารการกินติดมือมาพอสมควร เรากลับถึง รร.ชำระร่างกาย ทานอาหาร สวดมนต์ ภาวนา ก่อนที่จะพักผ่อน หลับเป็นตายเพราะทั้งวันที่เราปั่นจักรยานท่องเที่ยว (ไม่เหนื่อย) เหมือนการได้ออกกำลังช่วงนี้เรียกว่าร่างกายฟิตเข้าที่แล้ว ไปไหนไปกันกิโลไม่เกี่ยงแล้ว พรุ่งนี้เช้าเราจะพาท่านเที่ยวที่ใดก็ติดตามนะครับ
- cats ๒๖.jpg (108.95 KiB) เข้าดูแล้ว 709 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4365
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
ทุกอย่างจะสงบได้ล้วนอยู่ที่ . . “ ใจ เ ร า ทั้ ง นั้ น ” . .
โกรธ ก็..อยู่ที่ ใจ
เกลียด ก็..อยู่ที่ ใจ
รัก ก็..อยู่ที่ ใจ
ชัง ก็..อยู่ที่ ใจ
สุข ก็..อยู่ที่ ใจ
ทุกข์ ก็..อยู่ที่ ใจ
หมั่น “ รักษาจิต ”ดูแลระดับอารมณ์..ให้บวกอยู่เสมอก็ยาก..ที่ ชีวิตจะตกต่ำ
จิต..ของผู้มีปัญญา จะนำพาชีวิต ...ให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป..
#ธรรมทาน
โกรธ ก็..อยู่ที่ ใจ
เกลียด ก็..อยู่ที่ ใจ
รัก ก็..อยู่ที่ ใจ
ชัง ก็..อยู่ที่ ใจ
สุข ก็..อยู่ที่ ใจ
ทุกข์ ก็..อยู่ที่ ใจ
หมั่น “ รักษาจิต ”ดูแลระดับอารมณ์..ให้บวกอยู่เสมอก็ยาก..ที่ ชีวิตจะตกต่ำ
จิต..ของผู้มีปัญญา จะนำพาชีวิต ...ให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป..
#ธรรมทาน
- ไฟล์แนบ
-
- 197744.jpg (46.73 KiB) เข้าดูแล้ว 665 ครั้ง
-
- S__81936392.jpg (139.34 KiB) เข้าดูแล้ว 665 ครั้ง
-
- เช้าวันที่ ๑๕ พ.ย.๖๕ ตื่นเช้าเราประกอบอาหารง่าย ๆ ภายใน รร.ที่พัก (รร.มีชา กาแฟ โอวัลติน ฟรีให้ด้วย เราก็ไปใช้บริการไม่ต้องต้มกาแฟของเรา) จัดการมื้อเช้าให้เรียบร้อย เช้านี้เป้าหมายของเราคือไปเยี่ยมชมภูพานราชนิเวศน์ ครับ
- cats ๒๗.jpg (110.85 KiB) เข้าดูแล้ว 665 ครั้ง
-
- cats ๒๘.jpg (153.99 KiB) เข้าดูแล้ว 665 ครั้ง
-
- cats ๒๙.jpg (136.53 KiB) เข้าดูแล้ว 665 ครั้ง
-
- cats ๓๐.jpg (100.71 KiB) เข้าดูแล้ว 665 ครั้ง
-
- ผิดหวังอย่างแรงครับ....ผมเดินลงไปยังป้อมยามซึ่งมีตำรวจภูธรทำหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัย สอบถามน้อง ๆ ได้รับทราบจะจัดให้มีงาน (ลืม ๕๕) ต้องปิดพระตำหนักชั่วคราวเพื่อให้การเตรียมงานดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย
ไม่สิ้นความพยาม คุยกับน้อง ๆ เล่าเรื่องสมัยที่รับราชการก็เคยมาทำหน้าที่ ณ จุดนี้ เด็ก ๆ สนใจสอบถามกันใหญ่ จำเป็นเลยต้องแสดงบัตรประจำตัวข้าราชการบำนาญให้เด็กดู จากนั้นความไว้วางใจจึงตามมา ก็ได้รับทราบเรื่องราวจาก "ปากเด็ก" หลากหลายเรื่องราวมีทั้ง ดี-ไม่ดี ก็ฟังไว้ เก็บไว้ในใจนะครับ.....
ผมทดลองใจเด็ก ๆ แกล้งขอร้องว่า พี่จะขอเข้าไปสัก ๒ คนได้ไหม ? เด็ก ๆ มองตากันเลิกลัก ๆ (รู้ว่าหนักใจ) สุดท้ายเราก็บอกให้ปฏิบัติตามที่ได้รับคำสั่งมา ถูกต้องที่สุดแล้ว
ตร.เด็ก ๆ ไม่อยากให้เราผิดหวัง ก็ได้แนะนำสถานที่เที่ยวในเส้นทางนี้ให้เรา ที่เราสนใจก็ทางโค้งที่ได้สมญานามว่า "โค้งปิ้งงู" อยากจะรู้ว่าเป็นอย่างไร บอกเด็ก ๆ พร้อมอวยพรขอให้ "อดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก ไม่มักมากในลาภผล มุ่งบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่ปวงชน ดำรงตนในความยุติธรรม กระทำการด้วยปัญญา และ รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต" จากนั้นเราก็ออกเดินทางไปตามเส้นทางของเราต่อไป - cats ๓๑.jpg (120.74 KiB) เข้าดูแล้ว 665 ครั้ง
- ผิดหวังอย่างแรงครับ....ผมเดินลงไปยังป้อมยามซึ่งมีตำรวจภูธรทำหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัย สอบถามน้อง ๆ ได้รับทราบจะจัดให้มีงาน (ลืม ๕๕) ต้องปิดพระตำหนักชั่วคราวเพื่อให้การเตรียมงานดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย
-
- cats ๓๒.JPG (89.91 KiB) เข้าดูแล้ว 665 ครั้ง
-
- cats ๓๓.jpg (172.54 KiB) เข้าดูแล้ว 665 ครั้ง
-
- เราปั่นขึ้นไปตามทางโค้งของถนน ไปเรื่อย ๆ จากสภาพพื้นที่เราก็ได้เห็นแต่โค้งที่ โค้งไปโค้งมา ไม่รู้หรอกครับว่าส่วนไหนคือ โค้งปิ้งงู
ความจริงแล้ว โค้งปิ้งงู เป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงหมายเลข ๒๑๓ (สกลนคร-กาฬสินธุ์) ช่วงที่ผ่านเขตอุทยานแห่งชาติภูพาน เป็นทางที่คดเคี้ยวบนเนินเขาเหมือนงูเลื้อย ต้องมองจากมุมสูงจึงจะเห็นชัด "โค้งปิ้งงู เป็นสถานที่หนึ่งในจังหวัดสกลนคร หมายถึงถนนสายหนึ่งที่มีโค้งคดเคี้ยวเหมือนการเอางูมาปิ้ง ก็แค่นั้นเอง"
เราไม่สามารถที่จะเห็นความโค้งเต็มของถนนได้ คุณนายมีอารมณ์ขันถาม "เขาปิ้งงูกันตรงไหน ?" ๕๕๕๕ เข้าทางครับ ผมก็เลยตอบแทน(ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ความจริง) "เอ้า..ป่าทึบมีงูมาก สมัยก่อนคนต้องเดิน เจองูสิงห์กินได้ก็จัดการ ถลกหนังแล้วก็ปิ้งข้างทาง (ตรงโค้ง ๆ ) นั่นแหละ เขาเลยตั้งชื่อว่า โค้งปิ้งงู .. เจอวงค้อน ๓ วง ๕๕๕
(งูสิงห์เป็นอาหารเลิศรสของหนุ่มคนเหนือ โดยเฉพาะ ตชด.ชอบมาก ๆ เอาไก่มาแลกยังไม่ยอม) นะครับ) - cats ๓๔.jpg (187.88 KiB) เข้าดูแล้ว 665 ครั้ง
- เราปั่นขึ้นไปตามทางโค้งของถนน ไปเรื่อย ๆ จากสภาพพื้นที่เราก็ได้เห็นแต่โค้งที่ โค้งไปโค้งมา ไม่รู้หรอกครับว่าส่วนไหนคือ โค้งปิ้งงู
-
- 279904.jpg (121.68 KiB) เข้าดูแล้ว 665 ครั้ง
-
- ขอบคุณภาพจาก ลุงกูครับ
- 279905.jpg (225.97 KiB) เข้าดูแล้ว 665 ครั้ง
-
- เมื่อเราไม่สามารถที่จะพิสูจน์ "โค้งปิ้งงู" ได้ (ต้องอาศัยมุมสูงเท่านั้นครับ) คุณนายลังเลจะปั่นไปเรื่อย ๆ เหนื่อยเปล่า ๆ สู้เอาเวลากลับไปเที่ยวที่อื่น(เป้าหมายที่เราวางแผนไว้ต่อจากพระตำหนักคือ วัด ครับ) ตกลงเป็นอันว่าเอาแค่พอได้ชิมความชัน ความโค้ง ของโค้งปิ้งงู แค่นี้พอ เรากลับหลังลงโค้งแบบไม่ต้องใช้เบรค ความเร็วไปที่ ๕๐-๖๐ กม/ชม (อตร.ครับจะเข้าสูตร ขึ้นเหนื่อย ลงตาย) คุณนายตะโกนเตือนผม "ห้ามเด็ดขาด" (โอว...กำลังมันส์) ๕๕.
- cats ๓๕.JPG (120.41 KiB) เข้าดูแล้ว 665 ครั้ง
-
- cats ๓๖.JPG (129.1 KiB) เข้าดูแล้ว 665 ครั้ง
-
- cats ๓๗.jpg (93.35 KiB) เข้าดูแล้ว 665 ครั้ง
-
- cats ๓๘.JPG (72.86 KiB) เข้าดูแล้ว 665 ครั้ง
-
- ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร
ประวัติความเป็นมา
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นภาคที่มีพื้นที่กว้างใหญ่มากที่สุดของประเทศ โดยมีพื้นที่ถึง 106.4 ล้านไร่ หรือ 170,218 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 33.1 ของพื้นที่ทั้งประเทศ ซึ่งประสบกับปัญหาหลักๆ 3 ประการ คือ ปัญหาเกี่ยวกับดิน เนื่องจากความสมบูรร์ของทรัพยากรป่าไม้ ดิน น้ำ แร่ธาตุต่างๆ ดินมีคุณภาพต่ำไม่สามารถอุ้มน้ำได้และมีความเค็ม ปัญหาด้านแหล่งน้ำและป่าไม้ แหล่งน้ำธรรมชาติมีไม่เพียงพอ ทำให้ดินขาดความชุ่มชื้น ส่งผลต่อการเพาะปลูกพืช มีการแผ้วถางป่าเพื่อการประกอบอาชีพจนทำให้แหล่งต้นน้ำลำธารและระบบนิเวศวิทยาถูกทำลาย ปัญหาด้านวิทยากร นอกจากปัญหาปัจจัยการผลิตการเกษตรข้างต้นที่ไม่พร้อมแล้ว ผลจากการขาดความรู้พื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต โดยเฉพาะเทคนิควิชาการเกษตรที่ถูกต้อง การปรับปรุงบำรุงรักษาคุณภาพของปัจจัยการผลิตอย่างมีหลักวิชา เช่น เรื่องป่าไม้ การใช้ประโยชน์จากที่ดิน การแปรรูปผลผลิตและเรื่องการตลาด
จากสภาพภูมิประเทศ และทรัพยากร ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีที่แตกต่างไปจากภาคอื่น จึงมีการศึกษาถึงปัญหาสภาพท้องถิ่น หรือวิถีชีวิตของราษฎรเพื่อจัดหารูปแบบการพัฒนาที่เหมาะสมกับภาคอีสาน ดังนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงคัดเลือกพื้นที่จัดตั้งศูนย์ฯ ด้วยตนเอง เพื่อเป็นพื้นที่ตัวแทนของภาคอีสานทั้งหมด ด้วยพื้นที่นี้มีลักษณะสภาพธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และวงจรทางชีวภาพที่คล้ายคลึงกับภูมิภาคโดยทั่วไปของภาคอีสาน ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จึงถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๒๕ เพื่อเป็นแบบจำลองของภาคอีสานและเป็นพื้นที่ส่วนย่อที่มีความเหมาะสมสอดคล้องกับการแก้ไขปัญหา ด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อพัฒนาให้ภูมิภาคนี้เกิดความอุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
การดำเนินงานของศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯ ประกอบด้วย ๒ งานหลักที่สำคัญ คือ
ส่วนที่ ๑ งานการศึกษา ทดลอง และค้นคว้า
๑. งานศึกษาและพัฒนาเกษตรกรรม
๒. งานศึกษาและพัฒนาปรับปรุงบำรุงดิน
๓. งานศึกษาและพัฒนาป่าไม้
๔. งานศึกษาและพัฒนาปศุสัตว์
๕. งานสาธิตและพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการประมง
ข้อมูลจาก ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ - cats ๓๙.JPG (61.21 KiB) เข้าดูแล้ว 665 ครั้ง
- ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4365
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
โค้งปิ้งงู ข้ามเขาภูพานมุ่งสู่ตัวเมืองสกลนคร
- ไฟล์แนบ
-
- 38016.jpg (81.93 KiB) เข้าดูแล้ว 659 ครั้ง
-
- ลงจากพระตำหนักภูพาน เราก็มุ่งหน้าเพื่อไปยังวัดพระธาตุผาแด่น ผ่านไปเจอร้านกาแฟอยากกาแฟขึ้นมาตะหงิด ๆ ก็พากันแวะ นับเป็นความโชคดีและมหัศจรรย์ เพราะร้านกาแฟกลายเป็นแหล่งผลิตผ้าครามแหล่งใหญ่ที่โด่งดังพอสมควร เราเข้าไปจนถึงข้างในถึงได้รู้ โชคดีจริง ๆ
- cats ๔๐.jpg (107.18 KiB) เข้าดูแล้ว 659 ครั้ง
-
- cats ๔๒.jpg (145.08 KiB) เข้าดูแล้ว 659 ครั้ง
-
- ครามสกล จากภูมิปัญญาท้องถิ่น สู่ดีไซน์ผ้าครามทันสมัย
สกลนคร เมืองที่โดดเด่นขึ้นชื่อในเรื่องผ้าคราม เนื่องด้วยภูมิศาสตร์เหมาะแก่การเจริญเติบโตของต้นคราม รวมถึงอุณหภูมิยังช่วยเสริมการแช่ใยครามและหมักน้ำย้อม ทำให้น้ำครามมีคุณภาพดีเยี่ยม ผ้าครามจึงเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ตกทอดกันมารุ่นต่อรุ่น ครามสกล จึงถือเป็นสินค้าทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่า
ภายในตัวเมืองสกลนครมีร้านขายผ้าครามจำหน่ายหลายร้าน แต่ใครอยากมารู้จักผ้าครามในมุมมองที่ทันสมัย ให้มาที่ ครามสกล ร้านชื่อดังที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ฝ้ายย้อมครามทอมือและจากสีธรรมชาติ โดยแปรรูปผ้าคราม ให้เป็นสินค้าต่างๆ มีความหลากหลาย ทั้ง เสื้อผ้า ผ้าพันคอ หมวก กระเป๋า รองเท้า ตุ๊กตา พวงกุญแจ ดีไซน์เก๋ไก๋มีความทันสมัยใช้งานง่ายขึ้นในชีวิตประจำวัน มีกิจกรรม workshop การทำผ้าครามรวมถึงร้านอาหารและร้านกาแฟ ให้บริการอีกด้วย
ร้านครามสกล ตั้งอยู่ออกมานอกเมืองนิดหน่อย บริเวณเส้นทางที่จะไปวัดถ้ำผาแด่น เป็นร้านที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผ้าคราม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ที่ตกแต่งพื้นที่ได้เป็นสัดส่วนและตกแต่งแบบเก๋ไก๋มาก ทั้งโซนขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ - cats ๔๕.jpg (197 KiB) เข้าดูแล้ว 659 ครั้ง
- ครามสกล จากภูมิปัญญาท้องถิ่น สู่ดีไซน์ผ้าครามทันสมัย
-
- cats ๔๓.jpg (135.21 KiB) เข้าดูแล้ว 659 ครั้ง
-
- ที่นี่ยังมีสาธิตวิธีการทำผ้าคราม รวมถึงเวิร์คชอป DIY ทำผ้าครามกันด้วย เราสามารถเลือกทำผ้าเช็ดหน้า ผ้าพันคอ กระเป๋า หรือเสื้อก็ได้ ใครสะดวกแบบไหน จัดได้ตามใจชอบเลย การเวิร์คช็อปย้อมผ้าคราม จะใช้เวลาประมาณ2-3ชั่วโมง ชึ้นอยู่กับลวดลายที่เราเลือกทำ
- cats ๔๔.jpg (173.71 KiB) เข้าดูแล้ว 659 ครั้ง
-
- ร้านขายของที่ระลึก เป็นบ้านไม้แบบไทยภาคอีสาน รอบบ้านร่มรื่นด้วยต้นไม้ จัดเป็นมุมโต๊ะเก้าอี้ สำหรับนั่งพักผ่อน มีของประดับเป็นผ้าครามตามมุมต่างๆ ทั้งผ้าพันคอ ตุ๊กตาหมีตัวโต ภายในร้านมีสินค้าให้เลือกมากมาย ดีไซน์สินค้าค่อนข้างทันสมัย ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า หมวก ผ้าพันคอ หรือจะเป็นของชิ้นใหญ่ อย่างปลอกหมอน ไปจนถึงผ้าคลุมเตียง ลายผ้าสวย ดีไซน์ทันสมัยน่าซื้อมาก ราคาจึงค่อนข้างสูงนิดนึงส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ 500 up ถึงหลักหลายพันแต่เพราะเป็นงานฝีมือทั้งหมด แต่สำหรับคนที่ชอบสินค้าแนวนี้ อยากได้ดีไซน์ที่ไม่ซ้ำใคร เรื่องราคาคงไม่ใช่ปัญหา ส่วนราคาสินค้าที่ไม่สูงมาก จะเป็นพวงกุญแจ ตุ๊กตาหมี ที่สามารถซื้อเก็บไว้เป็นที่ระลึก
- cats ๔๖.jpg (172.07 KiB) เข้าดูแล้ว 659 ครั้ง
-
- cats ๔๗.jpg (162.4 KiB) เข้าดูแล้ว 659 ครั้ง
-
- ร้านกาแฟ ที่ตกแต่งได้ร่มรื่นน่านั่ง มีทั้งพื้นที่แบบเอาท์ดอร์ในสวน และพื้นที่ในส่วนขอบห้องแอร์ ทั้งโต๊ะเก้าอี้บางส่วนยังใช้ผ้าครามมาทำอีกด้วย สมกับเป็นร้านขายผลิตภัณฑ์จากคราม ส่วนเครื่องดื่ม มีทั้งกาแฟ ชา และน้ำผลไม้ สั่งเสาวรสโซดา มาทาน รสชาติดี
ภายในร้านกาแฟยัง มีผลิตภัณฑ์กระเป๋าและหมวกสานให้เลือกช้อปด้วย ราคาไม่แพงหมวกใบละ 150 กระเป๋า 150-250 บาท แล้วแต่ดีไซน์และขนาด เป็นราคาที่ตัดสินใจซื้อได้แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก มาสกลนคร ต้องมารู้จักผ้าครามนอกจากจะได้อุดหนุนสินค้าดีๆจากชุมชนดีไซน์เก๋ ไม่ซ้ำใคร ยังได้เรียนรู้การทำผ้าครามได้แบบสนุกสนานอีกด้วย
ข้อมมูลบางส่วน มาจาก ไปด้วยกันดอทคอม ขอบคุณมากครับ - cats ๔๘.jpg (158.37 KiB) เข้าดูแล้ว 659 ครั้ง
- ร้านกาแฟ ที่ตกแต่งได้ร่มรื่นน่านั่ง มีทั้งพื้นที่แบบเอาท์ดอร์ในสวน และพื้นที่ในส่วนขอบห้องแอร์ ทั้งโต๊ะเก้าอี้บางส่วนยังใช้ผ้าครามมาทำอีกด้วย สมกับเป็นร้านขายผลิตภัณฑ์จากคราม ส่วนเครื่องดื่ม มีทั้งกาแฟ ชา และน้ำผลไม้ สั่งเสาวรสโซดา มาทาน รสชาติดี
-
- ทานกาแฟดับกระหายเลือกอุดหนุนสินค้าที่ถูกใจ ได้เวลาพอสมควรเราก็ออกเดินทางต่อ เป้าหมายยังคงเป็นวัดผาแด่น ส่วนจะเจอะเจอสถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มเติม ถือว่าเป็นกำไร เช่น ครามสกล เราไม่คิดนะ เห็นแต่ป้ายบอก กาแฟสด ก็แวะเข้าไปที่ไหนได้เป็นความโชคดีที่จะได้เห็นกรรมวิธีการผลิตสินค้าด้วยมือ ที่โด่งดังไปทั่วโลก สินค้าอาจจะแพงแต่ต้องคิดนะครับว่า "Hand make" ไม่ใช่ทำแบบเครื่องจักร ที่ไม่มีจิตวิญาณผลงานออกมาทื่อ ๆ แต่นี่มีชีวิตและวิญญาณ เรียกว่าผลงานมีเพียงหนึ่งเดียวแต่ละชิ้น ประมาณนั้น
ต่อไปเราจะเจอะเจออะไรอีกตามไปนะครับ ขอบคุณมากครับ - cats ๔๙.JPG (115.91 KiB) เข้าดูแล้ว 659 ครั้ง
- ทานกาแฟดับกระหายเลือกอุดหนุนสินค้าที่ถูกใจ ได้เวลาพอสมควรเราก็ออกเดินทางต่อ เป้าหมายยังคงเป็นวัดผาแด่น ส่วนจะเจอะเจอสถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มเติม ถือว่าเป็นกำไร เช่น ครามสกล เราไม่คิดนะ เห็นแต่ป้ายบอก กาแฟสด ก็แวะเข้าไปที่ไหนได้เป็นความโชคดีที่จะได้เห็นกรรมวิธีการผลิตสินค้าด้วยมือ ที่โด่งดังไปทั่วโลก สินค้าอาจจะแพงแต่ต้องคิดนะครับว่า "Hand make" ไม่ใช่ทำแบบเครื่องจักร ที่ไม่มีจิตวิญาณผลงานออกมาทื่อ ๆ แต่นี่มีชีวิตและวิญญาณ เรียกว่าผลงานมีเพียงหนึ่งเดียวแต่ละชิ้น ประมาณนั้น
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4365
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
"...สิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ควรไปทำความผูกพัน เพราะเป็นสิ่งของที่ล่วงไปแล้วอย่างแท้จริง แม้จะทำความผูกพัน และมั่นใจในสิ่งนั้น กลับมาเป็นปัจจุบันก็เป็นไปมิได้ ผู้ทำความสำคัญมั่นหมายนั้นเป็นทุกข์แต่ผู้เดียว โดยความไม่สมหวังตลอดไป อนาคต ที่ยังไม่มาถึงก็เป็นสิ่งไม่ควรยึดเหนี่ยวเกี่ยวข้องเช่นกัน อดีตควรปล่อยไว้ตามอดีต อนาคตก็ควรปล่อยไว้ตามกาลของมัน ปัจจุบันเท่านั้น ที่จะสำเร็จเป็นประโยชน์ได้ เพราะอยู่ในฐานะที่ควรทำได้ไม่สุดวิสัย..."
พระธรรมโอวาทของท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตตเถระ
พระธรรมโอวาทของท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตตเถระ
- ไฟล์แนบ
-
- 280504.jpg (97.08 KiB) เข้าดูแล้ว 607 ครั้ง
-
- cats ๕๐.jpg (106.86 KiB) เข้าดูแล้ว 607 ครั้ง
-
- ออกจากสกลครามเราปั่นชมธรรมชาติหลังสู้ฟ้า หน้ามองถนนชมวิวทิวทัศน์ ซึมซับบรรยากาศอันร้อนระอุด้วยสมาธิ และความมุ่งมั่นเป้าหมายต่อไปไม่ทราบว่าจะเจออะไรก่อนหลัง สุดท้ายเราก็มาถึงจุดที่เราตั้งใจไว้คือ "วัดถ้ำผาแด่น" ตลอดเส้นทางจากครามสกล-วัดผาแด่น ไม่มีจุดใดที่เราสนใจที่จะแวะเลย หรือว่าคุณนายต้องการให้ไปให้ถึงเป้าหมายเพื่อรักษาเวลา (ไม่ได้ถามนะครับ) ๕๕๕๕
- cats ๕๑.jpg (127.82 KiB) เข้าดูแล้ว 607 ครั้ง
-
- เมื่อเห็นป้ายบอกทางเข้าวัดผาแด่นเราก็ไปตามป้ายที่บอก ไม่นานก็ถึงที่หมายเราหาที่ฝากจักรยานของเรา โชคดีบริเวณร้านค้าที่เราไปจอดคุยด้วย อนุญาตุให้เราฝากจักรยานไว้ และแนะนำให้เราไปขึ้นรถที่ชุมชนจัดไว้บริการ คนละ ๒๐ บ.(กฏที่นั่นห้ามรถทุชนิดขึ้นครับ)
- cats ๕๒.jpg (128.31 KiB) เข้าดูแล้ว 607 ครั้ง
-
- cats ๕๓.jpg (129.25 KiB) เข้าดูแล้ว 607 ครั้ง
-
- cats๕๔.jpg (168.84 KiB) เข้าดูแล้ว 607 ครั้ง
-
- cats๕๕.jpg (138.77 KiB) เข้าดูแล้ว 607 ครั้ง
-
- cats๕๘.jpg (125.29 KiB) เข้าดูแล้ว 607 ครั้ง
-
- cats๕๙.jpg (149.15 KiB) เข้าดูแล้ว 607 ครั้ง
-
- cats๖๐.jpg (163.21 KiB) เข้าดูแล้ว 607 ครั้ง
-
- cats๖๑.jpg (198.98 KiB) เข้าดูแล้ว 607 ครั้ง
-
- cats๖๒.jpg (194.72 KiB) เข้าดูแล้ว 607 ครั้ง
-
- cats๖๕.JPG (121.19 KiB) เข้าดูแล้ว 607 ครั้ง
-
- cats๕๘.jpg (125.29 KiB) เข้าดูแล้ว 607 ครั้ง
-
- cats๕๙.jpg (149.15 KiB) เข้าดูแล้ว 607 ครั้ง
-
- อย่าลืมคลิกติดตามต่อ ในหน้าต่อไปนะครับ หน้าที่ ๕๔ ครับ
- cats๖๐.jpg (163.21 KiB) เข้าดูแล้ว 607 ครั้ง
แก้ไขล่าสุดโดย Deang-sarapee เมื่อ 27 ก.พ. 2023, 08:03, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4365
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
วัดถ้ำผาแด่น อยู่บนเทือกเขาภูพาน บ้านดงน้อย ตำบลดงมะไฟ เป็นวัดเก่าแก่มีความเป็นมานับร้อยปี ภายในบริเวณวัดร่มรื่นไปด้วยต้นไม้และโขดหินขนาดใหญ่เหมาะแก่การบำเพ็ญภาวนา ในอดีตมีพระเกจิอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐานหลายองค์มาจำพรรษาและปฏิบัติธรรมที่วัดนี้ เช่น พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ
ต่อมาปี พ.ศ. 2550 เจ้าอาวาสวัด คือ พระอาจารย์ปกรณ์ กนฺตวีโร ได้พัฒนาวัดให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมะเพื่อชักจูงประชาชนและกลุ่มวัยรุ่นให้เข้าวัดมากขึ้น ภายในวัดเต็มไปด้วยงานประติมากรรมแกะสลักหินทรายขนาดใหญ่ แกะสลักเป็นเรื่องราวต่าง ๆ เช่น ภาพแกะสลักพระพุทธสีหไสยาสน์ ภาพแกะสลักพุทธประวัติ ตั้งแต่ประสูตร ตรัสรู้ และปรินิพพาน รอยพระพุทธบาทสี่รอยจำลอง ภาพแกะสลักหินทรายหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ ซึ่งแกะจากหินขนาดใหญ่ทั้งก้อน มีช้างหมอบด้านข้างและมีงูใหญ่คอยปกป้อง เป็นองค์ประธานให้ประชาชนได้กราบไหว้
ภาพพระอริยสงฆ์รูปต่าง ๆ ของไทย พญาครุฑเวสสุวรรณ และด้านบนของหินทรายแกะสลักก้อนหนึ่งมีเจดีย์ขนาดเล็กตั้งอยู่บนก้อนหินสีทองโดดเด่น เปรียบเสมือนเขาพระสุเมรุตามคติในศาสนาพราหมณ์และพระพุทธศาสนา คือ ภูเขาที่เป็นหลักของโลก ตั้งอยู่จุดศูนย์กลางของโลกหรือจักรวาล นอกจากนี้ยังมี ศาลายาใจคนบุญ ที่นำต้นไม้ขนาดใหญ่หายากอายุหลายร้อยปีมาทำเป็นเสาศาลาเป็นการอนุรักษ์ให้อนุชนรุ่นหลังได้ดู และยังมีลานชมทิวทัศน์ที่มองเห็นตัวเมืองสกลนครและทะเลสาบหนองหารได้แบบ 180 องศา
เสน่ห์วัดไทย | วัดถ้ำผาแด่น แหล่งพุทธธรรม นำสมัย
ต่อมาปี พ.ศ. 2550 เจ้าอาวาสวัด คือ พระอาจารย์ปกรณ์ กนฺตวีโร ได้พัฒนาวัดให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมะเพื่อชักจูงประชาชนและกลุ่มวัยรุ่นให้เข้าวัดมากขึ้น ภายในวัดเต็มไปด้วยงานประติมากรรมแกะสลักหินทรายขนาดใหญ่ แกะสลักเป็นเรื่องราวต่าง ๆ เช่น ภาพแกะสลักพระพุทธสีหไสยาสน์ ภาพแกะสลักพุทธประวัติ ตั้งแต่ประสูตร ตรัสรู้ และปรินิพพาน รอยพระพุทธบาทสี่รอยจำลอง ภาพแกะสลักหินทรายหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ ซึ่งแกะจากหินขนาดใหญ่ทั้งก้อน มีช้างหมอบด้านข้างและมีงูใหญ่คอยปกป้อง เป็นองค์ประธานให้ประชาชนได้กราบไหว้
ภาพพระอริยสงฆ์รูปต่าง ๆ ของไทย พญาครุฑเวสสุวรรณ และด้านบนของหินทรายแกะสลักก้อนหนึ่งมีเจดีย์ขนาดเล็กตั้งอยู่บนก้อนหินสีทองโดดเด่น เปรียบเสมือนเขาพระสุเมรุตามคติในศาสนาพราหมณ์และพระพุทธศาสนา คือ ภูเขาที่เป็นหลักของโลก ตั้งอยู่จุดศูนย์กลางของโลกหรือจักรวาล นอกจากนี้ยังมี ศาลายาใจคนบุญ ที่นำต้นไม้ขนาดใหญ่หายากอายุหลายร้อยปีมาทำเป็นเสาศาลาเป็นการอนุรักษ์ให้อนุชนรุ่นหลังได้ดู และยังมีลานชมทิวทัศน์ที่มองเห็นตัวเมืองสกลนครและทะเลสาบหนองหารได้แบบ 180 องศา
เสน่ห์วัดไทย | วัดถ้ำผาแด่น แหล่งพุทธธรรม นำสมัย
- ไฟล์แนบ
-
- ภูผาแด่น เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาภูพาน เป็นเทือกเขาแห่งประวัติศาสตร์ที่มีความเป็นมายาวนานของเมืองสกลนคร ยังเป็นที่ตั้งของสามสถาบันหลักของประเทศไทย สถาบันชาติ ซึ่งเป็นที่ตั้งและถิ่นที่อยู่อาศัยของกลุ่มชนหลายกลุ่ม หลายเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ที่รักความสงบ เรียบง่าย ที่ยังคงวัฒนธรรมเก่า ๆ ให้เห็น
สถาบันศาสนา ซึ่งเป็นที่ตั้งลัทธิ (ความเชื่อ อันมีคำสอน) หรือเป็นที่ก่อเกิด ถือกำเนิดถิ่นพุทธธรรมที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย เช่น หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ผู้นำกองทัพธรรม หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หรืออีกหลาย ๆ รูป ในเมืองสกลนคร และยังเป็นถิ่นอุบัติขึ้นของลัทธิ ศาสนาอื่น ๆ เช่น ลัทธิคอมนิวนิสต์ ศาสนาคริสต์ อื่น ๆ
สถาบันพระมหากษัตริย์ เมืองสกลนครเป็นที่ตั้งของพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ ซึ่งเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ได้เสด็จประทับเป็นประจำทุกปี ฉะนั้นจึงถือได้ว่าเมืองสกลนครนั้น เป็นเมืองที่ไม่ธรรมดา ที่เป็นที่ตั้งของสามสถาบันหลักของประเทศไทย
ภูผาแด่นมีลักษณะเป็นป่าดงดิบ และมีความอุดมสมบูรณ์มากแห่งหนึ่งของประเทศไทย เมื่อในอดีตที่ผ่านมาอุดมสมบูรณ์ไปด้วยฝูงสัตว์ป่า และพันธุ์ไม้นานาพันธุ์หลายชนิด เช่น ฝูงเสือ โขลงช้าง ลิง ค่าง บ่าง ชะนี อีเก้ง กวาง งูจงอาง งูเห่า วัวป่า ละมั่ง หมีควาย หมาป่า เลียงผา ไก่ป่า นกยูง กระแต กระกรอก กบ เขียดค้างคาว ฯลฯ ตลอดจนเต็มไปด้วยป่าสมุนไพรนานาชนิด ดอกไม้นานาพันธุ์
นอกจากนั้นเทือกเขาภูพานแห่งนี้ยังเป็นแหล่งต้นกำเนิดแหล่งน้ำ แม่น้ำ ลำธาร ห้วยน้ำที่สำคัญ ๆ หลายที่เช่น ห้วยปุ ห้วยเรือ เป็นแหล่งกำเนิดลำน้ำพุง ลำน้ำอูน ห้วยเดียก และแหล่งน้ำอื่น ๆ ซึ่งเป็นต้นน้ำที่ใช้ประกอบการเกษตรของชาวสกลนครและนครพนม เป็นต้น โดยเฉพาะที่ภูผาแด่นบนยอดเขา ยังเป็นแหล่งน้ำแร่ที่ใสสะอาดที่ผุดขึ้นมาจากยอดเขาในป่าดงดิบ เป็นน้ำแร่ธรรมชาติไหลตลอดปี หล่อเลี้ยงในวัดถ้ำผาแด่นไม่เคยหยุดไหล ตลอดจนให้ความอุดมสมบูรณ์กับธรรมชาติ เช่น วัดถ้ำผาแด่น สัตว์ป่า ต้นไม้นานาพันธุ์ ได้พึ่งพาอาศัย จากต้นน้ำ - cats๗๑.jpg (79.82 KiB) เข้าดูแล้ว 679 ครั้ง
- ภูผาแด่น เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาภูพาน เป็นเทือกเขาแห่งประวัติศาสตร์ที่มีความเป็นมายาวนานของเมืองสกลนคร ยังเป็นที่ตั้งของสามสถาบันหลักของประเทศไทย สถาบันชาติ ซึ่งเป็นที่ตั้งและถิ่นที่อยู่อาศัยของกลุ่มชนหลายกลุ่ม หลายเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ที่รักความสงบ เรียบง่าย ที่ยังคงวัฒนธรรมเก่า ๆ ให้เห็น
-
- cats๖๑.jpg (198.98 KiB) เข้าดูแล้ว 679 ครั้ง
-
- cats๖๒.jpg (194.72 KiB) เข้าดูแล้ว 679 ครั้ง
-
- วัดถ้ำผาแด่น เป็นวัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่งในจังหวัดสกลนคร ซึ่งมีอายุและความเป็นมานับร้อยปี (พบบันทึกมีมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๘๔) วัดถ้ำผาแด่นได้จดทะเบียนขึ้นเป็นวัดถูกต้อง ตามที่ปรากฏในทะเบียนวัด มีชื่อในทะเบียนสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๔๘๓ โดยมีเจ้าคุณสรญาณ รองเจ้าคณะจังหวัดสกลนคร สังกัดมหานิกาย ได้ไปจดทะเบียนเป็นวัดเอาไว้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
“วัดถ้ำผาแด่น ตั้งอยู่ที่บ้านดงน้อย หมู่ที่ ๙ ตำบลดงมะไฟ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ ๓,๐๐๐ ไร่ อาณาเขตทิศเหนือจดเขตภูเขา ทิศใต้จดเขตภูเขา ทิศตะวันออกจดภูเขา ทิศตะวันตกจดเขตภูเขา อาคารเสนาสนะประกอบด้วย ศาลาการเปรียญกว้าง ๑๕ เมตร ยาว ๑๕ เมตร สร้างพ.ศ. ๒๓๕๒ กุฏิสงฆ์เป็นอาคารไม้ ๕ หลัง อาคารมุงจาก ๑๐ หลัง ศาลาบำเพ็ญกุศลสร้างด้วยไม้ ๒ ปูชนียวัตถุมีพระพุทธรูปพระประธาน ๔ องค์ หน้าตักกว้าง ๕๐ นิ้ว สร้างพ.ศ. ๒๔๘๔ โดยพระสี และชาวบ้าน” - cats๖๕.JPG (121.19 KiB) เข้าดูแล้ว 679 ครั้ง
- วัดถ้ำผาแด่น เป็นวัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่งในจังหวัดสกลนคร ซึ่งมีอายุและความเป็นมานับร้อยปี (พบบันทึกมีมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๘๔) วัดถ้ำผาแด่นได้จดทะเบียนขึ้นเป็นวัดถูกต้อง ตามที่ปรากฏในทะเบียนวัด มีชื่อในทะเบียนสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๔๘๓ โดยมีเจ้าคุณสรญาณ รองเจ้าคณะจังหวัดสกลนคร สังกัดมหานิกาย ได้ไปจดทะเบียนเป็นวัดเอาไว้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
-
- วัดถ้ำผาแด่น เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพานในเขตจังหวัดสกลนคร มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน เป็นสถานที่ที่เกจิอาจารย์ชื่อดังทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบันใช้เป็นที่ปฏิบัติกรรมฐาน เคยเป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก มีจุดชมวิวธรรมชาติที่น่าสนใจหลายจุดและมีสถานที่ที่มนุษย์สร้างขึ้นภายหลังอีกหลายแห่ง ทำให้ผู้คนที่มีจิตศรัทธาและนักท่องเที่ยวที่ได้ทราบข้อมูลเกิดความสนใจ เดินทางมาสักการะและท่องเที่ยวที่วัดถ้ำผาแด่นเป็นจำนวนมาก
-
- cats๗๐.jpg (127.94 KiB) เข้าดูแล้ว 679 ครั้ง
-
- สุดยอดจริง ๆ ได้ความรู้ได้ซึมซับบรรยากาศ ได้ศรัทธาที่มีต่อ พ่อ แม่ ครูบาอาจารย์ ที่มีมานะอุตสาหะสร้างสิ่งมหัศจรรย์ฝากไว้ในพระพุทธศาสนา ยากนะครับที่คนธรรมดา ๆ จะมาคิดสรรสร้างได้แบบนี้ คนไม่มีบารมีหมดสิทธิ์ ถึงมีบารมีแต่วาสนา ปัญญา ศรัทธา ไม่ถึงที่ ก็ยากที่สรรสร้างขึ้นมาได้ สรุปว่าต้องครบด้วย ศรัทธา วิริยะ ขันติ ปัญญา ก็ว่าไปนะครับ
เราเพลิดเพลินเจริญใจเดินชมจนอ่อนล้า คุณนายชวนลงไปที่อื่นต่อ ถ้าจะเดินชมให้หมดเราต้องมานอนที่นี่อยู่อีกอย่างน้อยสัก ๒-๓ วันนั่นละครับจึงได้ชมจนทั่วบริเวณ คุณนายบอกโอกาสหน้าคงมีวาสนามาปฏิบัติธรรมกันอีก
สุดท้ายเราก็ต้องกราบลาวัดถ้ำผาแด่นเดินทางต่อไป ยังเป้าหมายใหญ่คือ ? ติดตามกันไปเรื่อย ๆ นะครับ ขอบคุณทุกกำลังใจครับผม. - cats๖๖.jpg (135.34 KiB) เข้าดูแล้ว 679 ครั้ง
- สุดยอดจริง ๆ ได้ความรู้ได้ซึมซับบรรยากาศ ได้ศรัทธาที่มีต่อ พ่อ แม่ ครูบาอาจารย์ ที่มีมานะอุตสาหะสร้างสิ่งมหัศจรรย์ฝากไว้ในพระพุทธศาสนา ยากนะครับที่คนธรรมดา ๆ จะมาคิดสรรสร้างได้แบบนี้ คนไม่มีบารมีหมดสิทธิ์ ถึงมีบารมีแต่วาสนา ปัญญา ศรัทธา ไม่ถึงที่ ก็ยากที่สรรสร้างขึ้นมาได้ สรุปว่าต้องครบด้วย ศรัทธา วิริยะ ขันติ ปัญญา ก็ว่าไปนะครับ
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024