????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

บอร์ดสำหรับ นักปั่นทัวร์ริ่ง นักปั่นระยะทางไกล พูดคุยเรื่องอุปกรณ์ เทคนิตการปั่น ที่พัก หรือการกินอยู่
กฏการใช้บอร์ด
บอร์ดสำหรับ นักปั่นทัวร์ริ่ง นักปั่นระยะทางไกล พูดคุยเรื่องอุปกรณ์ เทคนิตการปั่น ที่พัก หรือการกินอยู่
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4378
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :Dคุณนายและผมพลาด วัดขุนเณร ของหลวงพ่อเขียน ธมฺมรกฺขิโต ไปอย่างน่าเสียดาย เพราะ

หลวงพ่อเขียน ธัมมรักขิโต เป็นพระเกจิดังแห่ง วัดสำนักขุนเณร ตำบลวังตะกู อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร พระอริยสงฆ์ผู้ทรงวาจาศักสิทธิ์เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของเหล่าสาธุชนและคณะศิษยานุศิษย์ มีความเชี่ยวชาญวิทยาคมเป็นที่เลื่องลือไปทั่วสารทิศ จนได้รับการยกย่องจากชาวเมืองพิจิตร ตอนนี้ท่านละสังขารไปนานแล้วครับ

"หลวงพ่อเขียน มีโรคประจำตัวท่านอยู่โรคหนึ่ง นั่นก็คือ โรคหืด ซึ่งเป็นโรคที่ทรมานท่านเป็นอย่าง มาก เมื่อเวลาโรคกำเริบ แต่หลวงพ่อจะไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมา เพราะท่านระงับด้วยขันติธรรม ต่อมา เมื่อท่านชราภาพมากขึ้นทุกขณะ ท่านฉันภัตตาหารไม่ค่อยจะได้ ทำให้เรี่ยวแรงหมดไปทุกที คณะกรรมการวัด และศิษยานุศิษย์ จึงได้นำหลวงพ่อไปรักษา ที่สถานพยาบาลในตลาดบางมูลนาก แต่ เนื่องจากความชรา และโรคกำเริบ สุดความสามารถของแพทย์จะรักษาท่านได้ ท่านก็ถึงแก่มรณภาพ ด้วยอาการสงบ ในคืนวันที่ ๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๗ เวลา ๒๓.๕๐ น. สิริรวมอายุได้ ๑๐๘ ปี" (บางส่วนจากวิกิพีเดีย)

ปั่นมาอีกสักระยะหนึ่ง เจอวัดห้วยเขน ผมคิดนะครับชื่อนี้คงทะแม่ง ๆ ในใจคุณนาย แกปั่นเข้าไปเฉยเลย ผมยังคิดไม่ถึง แต่พอเราเข้าไปถึงวัดต้องอ้าปากค้าง เพราะมีหลายสิ่งหลายอย่างให้ได้ชมและกราบนมัสการเอาบุญ ขอญาตฺธรรมทุกท่านร่วมอนุโมทนาบุญ ให้ได้บุญร่วมกันนะครับ
:idea: :idea:
ไฟล์แนบ
cats๑๙๓.jpg
cats๑๙๓.jpg (133.5 KiB) เข้าดูแล้ว 1351 ครั้ง
cats๑๙๔.jpg
cats๑๙๔.jpg (129.25 KiB) เข้าดูแล้ว 1351 ครั้ง
cats๑๙๕.jpg
cats๑๙๕.jpg (128.26 KiB) เข้าดูแล้ว 1351 ครั้ง
cats๑๙๖.jpg
cats๑๙๖.jpg (182.75 KiB) เข้าดูแล้ว 1351 ครั้ง
เราปั่นไปรอบวัดเพื่อหาคนเฝ้าวัด ไม่เจอใครเลย ก็พากันไปจอดที่ศาลา เป็นศาลาเก็บศพเจ้าคณะตำบล ก็น่าจะเป็นเจ้าอาวาสวัดองค์ก่อน เราเข้าไปกราบสักการะสรีระของท่านพร้อมถวายปัจจัยร่วมบุญกับทางวัด จากนั้นผมก็ออกเดินตามหาพระเพื่อจะสนทนาด้วย ไม่เจอสักองค์<br /><br />บังเอิญผมเดินไปที่โบถส์ สังเกตุกุญแจทำหลอกว่าปิด แต่ไม่ได้ปิด ผมจึงเปิดเข้าไปดู OMG....อลังการงานสร้างอีกแล้ว เชิญชมครับ
เราปั่นไปรอบวัดเพื่อหาคนเฝ้าวัด ไม่เจอใครเลย ก็พากันไปจอดที่ศาลา เป็นศาลาเก็บศพเจ้าคณะตำบล ก็น่าจะเป็นเจ้าอาวาสวัดองค์ก่อน เราเข้าไปกราบสักการะสรีระของท่านพร้อมถวายปัจจัยร่วมบุญกับทางวัด จากนั้นผมก็ออกเดินตามหาพระเพื่อจะสนทนาด้วย ไม่เจอสักองค์

บังเอิญผมเดินไปที่โบถส์ สังเกตุกุญแจทำหลอกว่าปิด แต่ไม่ได้ปิด ผมจึงเปิดเข้าไปดู OMG....อลังการงานสร้างอีกแล้ว เชิญชมครับ
cats๑๙๗.jpg (144.69 KiB) เข้าดูแล้ว 1351 ครั้ง
cats๑๙๘.jpg
cats๑๙๘.jpg (102.69 KiB) เข้าดูแล้ว 1351 ครั้ง
cats๑๙๙.jpg
cats๑๙๙.jpg (100.99 KiB) เข้าดูแล้ว 1351 ครั้ง
447899.jpg
447899.jpg (135.63 KiB) เข้าดูแล้ว 1351 ครั้ง
447900.jpg
447900.jpg (129.73 KiB) เข้าดูแล้ว 1351 ครั้ง
447905.jpg
447905.jpg (106.79 KiB) เข้าดูแล้ว 1351 ครั้ง
447909.jpg
447909.jpg (105.77 KiB) เข้าดูแล้ว 1351 ครั้ง
cats๒๐๐.jpg
cats๒๐๐.jpg (141.53 KiB) เข้าดูแล้ว 1351 ครั้ง
cats๒๐๑.jpg
cats๒๐๑.jpg (160.65 KiB) เข้าดูแล้ว 1351 ครั้ง
cats๒๐๒.jpg
cats๒๐๒.jpg (127.28 KiB) เข้าดูแล้ว 1351 ครั้ง
สังเกตุนะครับ ประตูที่ปิดดูเหมือนจะลงกลอนพอเข้าไปดูใกล้ แค่หลอกเอาไว้ ผมก็เลยวิสาสะแอบเปิดเข้าไป ต้องตะลึงกับภายในโบถส์ครับ<br /><br />อุโบสถวัดห้วยเขนสร้างประมาณปี พ.ศ. ๒๔๕๖-๒๔๖๐ หลวงพ่อเงิน มาคุมการก่อสร้าง ช่วงนั้นเจ้าอาวาสคือ หลวงพ่อล้อมหรือพระครูพิทักษ์ศีลคุณ เจ้าคณะอำเภอบางมูลนาก <br /><br />ภายในวัดมีโบสถ์เก่าซึ่งกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนอนุรักษ์ไว้ ภาพเขียนสีวัดห้วยเขนเขียนในราวปีพ.ศ. ๒๔๕๖ ตรงกับสมัยรัชกาลที่ ๖ อายุประมาณกว่า ๑๐๐ ปีเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติทศชาติชาดก และพระมาลัย ด้านหลังองค์พระประธานเป็นเรื่องพระเวสสันดรทั้งหมด<br /><br />ส่วนเรื่องพระพุทธประวัติจะอยู่ตอนบนเหนือระดับหน้าต่าง และทศชาติชาดกจะอยู่ตอนล่างเริ่มตั้งแต่ชาติแรกจนถึงชาติสุดท้าย ส่วนมุม ๔ ด้าน<br /><br />ภายในโบสถ์จะเป็นภาพที่เกี่ยวกับพระมาลัย ได้แก่ ภาพปีนต้นงิ้ว ภาพการเป็นทาส ภาพถูกรัดคอ ดึงคอ เป็นต้น ซึ่งเป็นภาพที่สอนเกี่ยวกับเรื่องบาปบุญ คุณโทษ แต่ตอนล่างปูนกะเทาะเสียหายมากจนเห็นแผ่นอิฐจากการสอบถามชาวบ้านเล่าว่าผู้เขียนภาพนี้ชื่อ &quot;ทั่ง&quot; ไม่ปรากฎประวัติความเป็นมา<br /><br />พุทธประวัติสมัยรัชกาลที่ ๒ ภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับเรื่องพุทธประวัติเรื่องรามเกียรติ์โดยภาพจิตรกรรมฝาผนังนี้ เป็นภาพเก่าที่ไม่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมใดๆ เฉพาะพระอุโบสถโบราณสถานวัดห้วยเขน ที่สร้างขึ้น สมัยรัชกาลที่ ๖ เมื่อปี ๒๔๖๐ รวมอายุ ๑๐๐ ปี สำหรับพระอุโบสถวัดห้วยเขน เป็นอุโบสถก่อด้วยอิฐถือปูน หลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้อง สร้างเมื่อปี ๒๔๖๐ ในสมัยรัชกาลที่ ๖ โดยทางกรมศิลปกร ได้ทำการบูรณะซ่อมแซม และได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานที่เก่าแก่ เมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๔๐ ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดพิจิตรอีกแห่งหนึ่ง
สังเกตุนะครับ ประตูที่ปิดดูเหมือนจะลงกลอนพอเข้าไปดูใกล้ แค่หลอกเอาไว้ ผมก็เลยวิสาสะแอบเปิดเข้าไป ต้องตะลึงกับภายในโบถส์ครับ

อุโบสถวัดห้วยเขนสร้างประมาณปี พ.ศ. ๒๔๕๖-๒๔๖๐ หลวงพ่อเงิน มาคุมการก่อสร้าง ช่วงนั้นเจ้าอาวาสคือ หลวงพ่อล้อมหรือพระครูพิทักษ์ศีลคุณ เจ้าคณะอำเภอบางมูลนาก

ภายในวัดมีโบสถ์เก่าซึ่งกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนอนุรักษ์ไว้ ภาพเขียนสีวัดห้วยเขนเขียนในราวปีพ.ศ. ๒๔๕๖ ตรงกับสมัยรัชกาลที่ ๖ อายุประมาณกว่า ๑๐๐ ปีเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติทศชาติชาดก และพระมาลัย ด้านหลังองค์พระประธานเป็นเรื่องพระเวสสันดรทั้งหมด

ส่วนเรื่องพระพุทธประวัติจะอยู่ตอนบนเหนือระดับหน้าต่าง และทศชาติชาดกจะอยู่ตอนล่างเริ่มตั้งแต่ชาติแรกจนถึงชาติสุดท้าย ส่วนมุม ๔ ด้าน

ภายในโบสถ์จะเป็นภาพที่เกี่ยวกับพระมาลัย ได้แก่ ภาพปีนต้นงิ้ว ภาพการเป็นทาส ภาพถูกรัดคอ ดึงคอ เป็นต้น ซึ่งเป็นภาพที่สอนเกี่ยวกับเรื่องบาปบุญ คุณโทษ แต่ตอนล่างปูนกะเทาะเสียหายมากจนเห็นแผ่นอิฐจากการสอบถามชาวบ้านเล่าว่าผู้เขียนภาพนี้ชื่อ "ทั่ง" ไม่ปรากฎประวัติความเป็นมา

พุทธประวัติสมัยรัชกาลที่ ๒ ภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับเรื่องพุทธประวัติเรื่องรามเกียรติ์โดยภาพจิตรกรรมฝาผนังนี้ เป็นภาพเก่าที่ไม่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมใดๆ เฉพาะพระอุโบสถโบราณสถานวัดห้วยเขน ที่สร้างขึ้น สมัยรัชกาลที่ ๖ เมื่อปี ๒๔๖๐ รวมอายุ ๑๐๐ ปี สำหรับพระอุโบสถวัดห้วยเขน เป็นอุโบสถก่อด้วยอิฐถือปูน หลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้อง สร้างเมื่อปี ๒๔๖๐ ในสมัยรัชกาลที่ ๖ โดยทางกรมศิลปกร ได้ทำการบูรณะซ่อมแซม และได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานที่เก่าแก่ เมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๔๐ ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดพิจิตรอีกแห่งหนึ่ง
cats๒๐๓.jpg (157.36 KiB) เข้าดูแล้ว 1351 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4378
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:idea: :idea: เรามีความแก่เป็นธรรมดา พุทธพจน์เตือนใจ

"เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้ เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปได้ เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้ เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น เรามีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ ใครทำกรรมใดไว้ ก็จะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น" (ฐานสูตร)

ความรู้ในทางพระพุทธศาสนา ส่วนใหญ่จะเป็นความรู้ที่สอนให้มนุษย์รู้จักตนเอง รู้จักสัจธรรมของชีวิต เพื่อจะได้ไม่เสียเวลากับสิ่งที่ไร้สาระ พระพุทธองค์ทรงสอนให้หันมาดูตนเอง แล้วให้มองลึกลงไปว่า สรีระนี้ใช่ว่าจะยืนยาว จะไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายไม่มี เพราะเพียงไม่กี่ปี ก็ต้องอยู่บนเชิงตะกอนแล้ว เมื่อพิจารณาเห็นดังนี้ จะได้ไม่ประมาทในวัยและชีวิต แล้วมุ่งมั่นเติมในส่วนที่พร่อง เสริมในส่วนที่ขาด ฝึกฝนอบรมตนเองทุกรูปแบบ และสั่งสมบุญชนิดทุ่มสุดตัวสุดหัวใจเลย เพราะการสั่งสมบุญนำสุขมาให้ บุญเท่านั้นเป็นที่พึ่งของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า

นักปราชญ์บัณฑิตในสมัยก่อน แม้รู้ว่าเวลาแห่งชีวิตจะเหลือน้อยเพียงไรก็ตาม ก็ไม่เคยทุกข์ท้อใจ กลับมีความคิดว่า ควรจะใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้ เร่งสร้างความดีให้ได้มากที่สุด ท่านได้ทุ่มเทชีวิตจิตใจสั่งสมบุญอยู่ตลอดเวลา ทุกอนุวินาทีจึงมีคุณค่าอย่างยิ่ง

"จากส่วนหนึ่ง ของรายการธรรมะเพื่อประชาชน โดย พระเทพญาณมหามุนี"


:) :D เรื่องความแก่ ความเจ็บ ความตาย ปัจจุบันถือว่าให้เราฝึกให้มันเป็นเรื่องธรรมดา ๆ ให้ได้ ยามเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นเรื่องของกาย ต้องคิดให้ได้ว่า "เป็นหน้าที่ของหมอ" เรามีหน้าที่ทำใจให้ไม่ทุกข์ไปตามสังขารที่เจ็บไข้ได้ป่วย เรียกว่า "หน้าที่ทางใจเป็นเรื่องของเรา" ทำอย่างไรก็ต้องด้วยการฝึกทำสมาธิ ภาวนาให้แข็งแกร่งครับ
:idea: :idea:
ไฟล์แนบ
cats๒๐๕.๒.jpg
cats๒๐๕.๒.jpg (105.9 KiB) เข้าดูแล้ว 1347 ครั้ง
ตอนนี้ผมมีความแก่ ถือว่าเป็น ธรรมดา และขณะนี้ผมก็ยังมีความเจ็บไข้ได้ป่วย ก็ถือเป็นธรรมดาที่ไม่ธรรมดา เพราะต้องมาคอยตรวจ จำวันที่หมอนัด(ต้องไปตามนัด) และในวันที่ ๖ ก.ย.นี้ก็ต้องไปตามนัดของหมออีก โรคของผมเรียกว่า &quot;ห่างหมอไม่ได้&quot; เริ่มต้นที่ผมเคยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ตอนนี้หมอฟันธงหายเด็ดขาดแล้ว(๑๖ปี) แต่หมอบางท่านยังบอกว่าผลพวงมะเร็งอาจมีส่วนให้อย่างอื่นชำรุด(???) ตอนนี้มีโรคหัวใจเต้นไม่ปกติ หมอให้เครื่องตรวจสอบติดตัวเหมือนโทรศัพท์เลย ให้คอยวัดเวลาผิดปกติ จะให้วินิจฉัย ๖ ก.ย.นี้ อีกโรคคือโรคเลือดที่ไหลเวียนไม่ปกติ หมอก็ให้ยามากินหนึ่งถุงใหญ่ อีกโรคคือโรคลำไส้ ส่องกล้องไปแล้วหมอตัดติ่งเนื้อ ๒ ติ่งไปตรวจ ไม่พบมะเร็ง(โล่งไป) หมอให้ยามากินเช้าก่อนอาหารอีกถุงเบ้อเริ่ม(๖ เดือน)<br /><br />เรื่องของความพลัดพรากจากของที่รักที่ชอบใจ เรื่องนี้บอกได้มีประจำตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว รู้สึกได้ชีวิตมัน &quot;อาภัพจัง&quot; วันนี้เวลานี้เหมือนจะมีความสุขแต่ก็ยัง &quot;ขาด&quot; คือ ไม่ได้ดั่งใจ อยู่ครับ โชคดีที่มีจักรยานคู่ใจที่เป็นเพื่อนได้ออกไปแสวงหาสัจธรรมและสร้างบุญบารมีเพิ่มเติม ที่สำคัญผมโชคดีที่คุณนายเขาเป็นกำลังใจและอยู่เคียงข้างตลอดเวลา
ตอนนี้ผมมีความแก่ ถือว่าเป็น ธรรมดา และขณะนี้ผมก็ยังมีความเจ็บไข้ได้ป่วย ก็ถือเป็นธรรมดาที่ไม่ธรรมดา เพราะต้องมาคอยตรวจ จำวันที่หมอนัด(ต้องไปตามนัด) และในวันที่ ๖ ก.ย.นี้ก็ต้องไปตามนัดของหมออีก โรคของผมเรียกว่า "ห่างหมอไม่ได้" เริ่มต้นที่ผมเคยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ตอนนี้หมอฟันธงหายเด็ดขาดแล้ว(๑๖ปี) แต่หมอบางท่านยังบอกว่าผลพวงมะเร็งอาจมีส่วนให้อย่างอื่นชำรุด(???) ตอนนี้มีโรคหัวใจเต้นไม่ปกติ หมอให้เครื่องตรวจสอบติดตัวเหมือนโทรศัพท์เลย ให้คอยวัดเวลาผิดปกติ จะให้วินิจฉัย ๖ ก.ย.นี้ อีกโรคคือโรคเลือดที่ไหลเวียนไม่ปกติ หมอก็ให้ยามากินหนึ่งถุงใหญ่ อีกโรคคือโรคลำไส้ ส่องกล้องไปแล้วหมอตัดติ่งเนื้อ ๒ ติ่งไปตรวจ ไม่พบมะเร็ง(โล่งไป) หมอให้ยามากินเช้าก่อนอาหารอีกถุงเบ้อเริ่ม(๖ เดือน)

เรื่องของความพลัดพรากจากของที่รักที่ชอบใจ เรื่องนี้บอกได้มีประจำตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว รู้สึกได้ชีวิตมัน "อาภัพจัง" วันนี้เวลานี้เหมือนจะมีความสุขแต่ก็ยัง "ขาด" คือ ไม่ได้ดั่งใจ อยู่ครับ โชคดีที่มีจักรยานคู่ใจที่เป็นเพื่อนได้ออกไปแสวงหาสัจธรรมและสร้างบุญบารมีเพิ่มเติม ที่สำคัญผมโชคดีที่คุณนายเขาเป็นกำลังใจและอยู่เคียงข้างตลอดเวลา
cats๒๐๕.๑.jpg (130.6 KiB) เข้าดูแล้ว 1347 ครั้ง
ตอนนี้เหลือเพียงหนึ่งเดียวคือ &quot;ความตาย...ไม่รู้วันใด&quot; ความตายพูดจริง...ผมไม่เคยหวั่น ในชีวิตเฉียดตาย ใกล้ตาย เกือบตาย มาหลายครั้ง มีบางครั้งอยากตายให้รู้แล้วรู้รอดไปก็เคย มันก็ไม่ยักกะตาย ผมเคยท้าทายมัจจุราชหลายครั้งมันก็ไม่ยอมมาเอาชีวิตสักที แต่กลับมีคนมารับกรรมแทนก็มี เมื่อตอนเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมีรุ่นเดียวกันรักษาห้องติด ๆ กัน ๕ คน ตายไป ๔ รอดผมครับ ที่รอดตามภาพ มีคนมาตายแทนช่วงกำลังผ่าตัดและให้คีโม
ตอนนี้เหลือเพียงหนึ่งเดียวคือ "ความตาย...ไม่รู้วันใด" ความตายพูดจริง...ผมไม่เคยหวั่น ในชีวิตเฉียดตาย ใกล้ตาย เกือบตาย มาหลายครั้ง มีบางครั้งอยากตายให้รู้แล้วรู้รอดไปก็เคย มันก็ไม่ยักกะตาย ผมเคยท้าทายมัจจุราชหลายครั้งมันก็ไม่ยอมมาเอาชีวิตสักที แต่กลับมีคนมารับกรรมแทนก็มี เมื่อตอนเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมีรุ่นเดียวกันรักษาห้องติด ๆ กัน ๕ คน ตายไป ๔ รอดผมครับ ที่รอดตามภาพ มีคนมาตายแทนช่วงกำลังผ่าตัดและให้คีโม
461284.jpg (126.61 KiB) เข้าดูแล้ว 1347 ครั้ง
461281.jpg
461281.jpg (30.41 KiB) เข้าดูแล้ว 1347 ครั้ง
เดินไปหาความตายเพื่อชดใช้กรรมเมื่อครั้งอยู่สนามชายแดนเลาะริมโขง ชาวบ้านมักจะถูกฝั่งตรงข้ามฆ่าบ้างรังแกบ้าง เราในฐานะผู้ควบคุมดูแลวิธีแก้ใช้วิธีโจรครับ &quot;ตาต่อตา ฟันต่อฟัน&quot; คือ ฝ่ายเราตาย ๑ ข้าศึกตาย ๒ พวกเราตาย ๒ พวกมันตาย ๔ สุดท้าย สงบเงียบ เรียบร้อยแต่ผมถูกย้าย ๒๔ ชม.๕๕๕.<br /><br />ในภาพปั่นจากหลวงพระบางออกทางห้วยโก๋น(ทางลัด)พักระหว่างทางกับ ฐาน ตชด.ลาว ช่วงใกล้จะถึงเป็นทางลงเขาตีลังกา ก็ได้คนลาวมาช่วยรอดตาย มีอีกหลายเรื่องเล่าไปจะกลายเป็น &quot;โม้&quot; แต่ผม &quot;ไม่ได้โม้&quot; นะครับ ๕๕๕ เช่น ลว.แล้วถูกซุ่มยิง ตลกสุด ๆ นำเสาธงทำเป็นปืนใหญ่บรรทุกรถปิ๊กอัพแห่เข้า บ.ปางปอ อ.เชียงของ ข่าวดังไปถึง ผกค.&quot;เฮ้..ตชด.มีปืนใหญ่ ?&quot; ผกค.จัดกำลังเข้าล้อมถล่มฐานที่ตั้ง พิสูจน์ทราบ รุนแรงมากก็เมื่อฐานถูกโจมตีต้องขอ ป.ยิงแตกอากาศช่วยเป็นต้น  เอาแค่นี้พอ
เดินไปหาความตายเพื่อชดใช้กรรมเมื่อครั้งอยู่สนามชายแดนเลาะริมโขง ชาวบ้านมักจะถูกฝั่งตรงข้ามฆ่าบ้างรังแกบ้าง เราในฐานะผู้ควบคุมดูแลวิธีแก้ใช้วิธีโจรครับ "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน" คือ ฝ่ายเราตาย ๑ ข้าศึกตาย ๒ พวกเราตาย ๒ พวกมันตาย ๔ สุดท้าย สงบเงียบ เรียบร้อยแต่ผมถูกย้าย ๒๔ ชม.๕๕๕.

ในภาพปั่นจากหลวงพระบางออกทางห้วยโก๋น(ทางลัด)พักระหว่างทางกับ ฐาน ตชด.ลาว ช่วงใกล้จะถึงเป็นทางลงเขาตีลังกา ก็ได้คนลาวมาช่วยรอดตาย มีอีกหลายเรื่องเล่าไปจะกลายเป็น "โม้" แต่ผม "ไม่ได้โม้" นะครับ ๕๕๕ เช่น ลว.แล้วถูกซุ่มยิง ตลกสุด ๆ นำเสาธงทำเป็นปืนใหญ่บรรทุกรถปิ๊กอัพแห่เข้า บ.ปางปอ อ.เชียงของ ข่าวดังไปถึง ผกค."เฮ้..ตชด.มีปืนใหญ่ ?" ผกค.จัดกำลังเข้าล้อมถล่มฐานที่ตั้ง พิสูจน์ทราบ รุนแรงมากก็เมื่อฐานถูกโจมตีต้องขอ ป.ยิงแตกอากาศช่วยเป็นต้น เอาแค่นี้พอ
461282.jpg (45.18 KiB) เข้าดูแล้ว 1347 ครั้ง
ไปเที่ยวกันต่อครับ เราออกจากวัดห้วยเขน มุ่งหน้าไปยังวัดพระนอนที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่ง อยู่ไม่ไกลกันมากนักครับ วัดนี้ยอมรับสวยงามร่มรื่นท่ามกลางแสงอาทิตย์ (ให้ไปสัมผัสเองครับ)<br /><br />พระพุทธไสยาสน์ วัดสุขุมาราม<br /><br />วัดสุขุมารามตั้งอยู่ที่บ้านวังตะกู เลขที่ 236 หมู่ที่ 11 ต.วังตะกู อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีเนื้อที่ดิน 63 ไร่ 23 ตารางวา เดิมชื่อวัดว่า “วัดใหม่วังตะกู” แต่หลวงพ่อเขียนพระเกจิอาจารย์อายุ108 เรียกว่า “วัดสลักแกง” ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อว่า “วัดสุขุมาราม” เพื่อให้คล้องจองกับนามสกุลของโยมกำจัด สุขุมานนท์ เพราะเป็นผู้ถวายที่ดินสร้างวัด และได้รับอนุญาตสร้างวัด เมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2499 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ. 2516”
ไปเที่ยวกันต่อครับ เราออกจากวัดห้วยเขน มุ่งหน้าไปยังวัดพระนอนที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่ง อยู่ไม่ไกลกันมากนักครับ วัดนี้ยอมรับสวยงามร่มรื่นท่ามกลางแสงอาทิตย์ (ให้ไปสัมผัสเองครับ)

พระพุทธไสยาสน์ วัดสุขุมาราม

วัดสุขุมารามตั้งอยู่ที่บ้านวังตะกู เลขที่ 236 หมู่ที่ 11 ต.วังตะกู อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีเนื้อที่ดิน 63 ไร่ 23 ตารางวา เดิมชื่อวัดว่า “วัดใหม่วังตะกู” แต่หลวงพ่อเขียนพระเกจิอาจารย์อายุ108 เรียกว่า “วัดสลักแกง” ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อว่า “วัดสุขุมาราม” เพื่อให้คล้องจองกับนามสกุลของโยมกำจัด สุขุมานนท์ เพราะเป็นผู้ถวายที่ดินสร้างวัด และได้รับอนุญาตสร้างวัด เมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2499 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ. 2516”
cats๒๐๔.JPG (124.7 KiB) เข้าดูแล้ว 1347 ครั้ง
cats๒๐๕.jpg
cats๒๐๕.jpg (176.8 KiB) เข้าดูแล้ว 1347 ครั้ง
cats๒๐๖.jpg
cats๒๐๖.jpg (146.86 KiB) เข้าดูแล้ว 1347 ครั้ง
cats๒๐๗.๑.jpg
cats๒๐๗.๑.jpg (145.3 KiB) เข้าดูแล้ว 1347 ครั้ง
ไฮไลต์คือพระนอนหรือพระพุทธไสยาสน์สีทองมีขนาด ยาว 55 เมตร องค์ใหญ่มากรวมถึงวิหารก็สวยงาม ที่วัด ปัจจุบัน มีหลวงพ่อสุรินทร์ เป็นเจ้าอาวาสวัดสุขุมาราม สำหรับพระนอนหรือพระพุทธไสยาสน์ จัดสร้างขึ้นโดย หลวงพ่ออนันต์ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ได้จัดสร้างขึ้น เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 95,000,000 (เก้าสิบห้าล้านบาทถ้วน) เกิดจากความศรัทธาของประชาชน ตั้งอยู่ที่ อ.บางมูลนาค จังหวัดพิจิตร ภายในวัดยังมีวิหารหลวงพ่อเขียน เกจิอาจารย์ ชื่อดังที่ได้รับความเคารพนับถือ จากชาวเมืองพิจิตรอยู่ด้านใน เปิดให้ทุกคนเข้าไปสักการะขอพรได้ทุกวัน Cr.Phichitguide.com
ไฮไลต์คือพระนอนหรือพระพุทธไสยาสน์สีทองมีขนาด ยาว 55 เมตร องค์ใหญ่มากรวมถึงวิหารก็สวยงาม ที่วัด ปัจจุบัน มีหลวงพ่อสุรินทร์ เป็นเจ้าอาวาสวัดสุขุมาราม สำหรับพระนอนหรือพระพุทธไสยาสน์ จัดสร้างขึ้นโดย หลวงพ่ออนันต์ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ได้จัดสร้างขึ้น เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 95,000,000 (เก้าสิบห้าล้านบาทถ้วน) เกิดจากความศรัทธาของประชาชน ตั้งอยู่ที่ อ.บางมูลนาค จังหวัดพิจิตร ภายในวัดยังมีวิหารหลวงพ่อเขียน เกจิอาจารย์ ชื่อดังที่ได้รับความเคารพนับถือ จากชาวเมืองพิจิตรอยู่ด้านใน เปิดให้ทุกคนเข้าไปสักการะขอพรได้ทุกวัน Cr.Phichitguide.com
cats๒๐๗.jpg (108.91 KiB) เข้าดูแล้ว 1347 ครั้ง
cats๒๐๘.jpg
cats๒๐๘.jpg (156.14 KiB) เข้าดูแล้ว 1347 ครั้ง
cats๒๐๙.jpg
cats๒๐๙.jpg (140.58 KiB) เข้าดูแล้ว 1347 ครั้ง
cats๒๑๐.๑.jpg
cats๒๑๐.๑.jpg (161.37 KiB) เข้าดูแล้ว 1347 ครั้ง
cats๒๑๐.jpg
cats๒๑๐.jpg (174.84 KiB) เข้าดูแล้ว 1347 ครั้ง
cats๒๑๑.๑.jpg
cats๒๑๑.๑.jpg (179.04 KiB) เข้าดูแล้ว 1347 ครั้ง
cats๒๑๑.jpg
cats๒๑๑.jpg (84.33 KiB) เข้าดูแล้ว 1347 ครั้ง
cats๒๑๒.๑.jpg
cats๒๑๒.๑.jpg (157.24 KiB) เข้าดูแล้ว 1347 ครั้ง
cats๒๑๒.๒.jpg
cats๒๑๒.๒.jpg (108.17 KiB) เข้าดูแล้ว 1347 ครั้ง
cats๒๑๒.jpg
cats๒๑๒.jpg (50.49 KiB) เข้าดูแล้ว 1347 ครั้ง
ได้เวลาบ่ายแก่ ๆ เราก็เข้าถึง อ.ตะพานหิน คุณนายปักหมุดที่นอนคืนนี้ไว้แล้ว ๒-๓ แห่ง สุดท้ายเลือกที่คิดว่า โอเค ที่สุด ติดตามกันนะครับ<br /><br />พักที่โรงแรมยังติดใจที่วัดห้วยเขนและวัดสุขุมารามคือ ไม่เจอพระสักองค์ คนก็เจอแต่คนงาน ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวใด ๆ เลย จะสอบถามอะไรก็ไม่ทราบที่มาที่ไป ไม่ว่ากัน &quot;เขาไม่รู้จริง ๆ&quot; คิดนะสงสัยคนงานน่าจะต่างชาติ ๕๕ ไม่เป็นไรเรามี &quot;ลุงกู&quot; ไว้แก้ปัญหาแล้ว
ได้เวลาบ่ายแก่ ๆ เราก็เข้าถึง อ.ตะพานหิน คุณนายปักหมุดที่นอนคืนนี้ไว้แล้ว ๒-๓ แห่ง สุดท้ายเลือกที่คิดว่า โอเค ที่สุด ติดตามกันนะครับ

พักที่โรงแรมยังติดใจที่วัดห้วยเขนและวัดสุขุมารามคือ ไม่เจอพระสักองค์ คนก็เจอแต่คนงาน ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวใด ๆ เลย จะสอบถามอะไรก็ไม่ทราบที่มาที่ไป ไม่ว่ากัน "เขาไม่รู้จริง ๆ" คิดนะสงสัยคนงานน่าจะต่างชาติ ๕๕ ไม่เป็นไรเรามี "ลุงกู" ไว้แก้ปัญหาแล้ว
วันที่ ๑๙ ส.ค (116).JPG (92.64 KiB) เข้าดูแล้ว 1347 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4378
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพรากจากของที่รัก ที่พึงพอใจ ล้วนเป็นทุกข์ ทำไมพระพุทธเจ้าไม่สามารถทำให้สาวกของพระองค์พ้นจากความทุกข์ได้ :o :o

:idea: :idea: พระสาวกรูปหนึ่งถามพระพุทธเจ้าว่า "ในเมื่อพระองค์ทรงเป็นผู้ที่มีความเมตตา และยังทรงมีอิทธิฤทธิ์มาก ทำไมจึงยังไม่สามารถทำให้ทุกคนพ้นทุกข์ได้"

พระพุทธเจ้าตอบว่า ถึงแม้ตถาคตจะมีฤทธิ์มากเพียงใด แต่ก็มี 4 ประการที่ตถาคตไม่ สามารถกระทำได้:

๑. ตถาคตไม่สามารถปลี่ยนแปลงวิบากกรรมได้ ใครสร้างกรรมเอาไว้
คนนั้นต้องรับเอง เพราะไม่มีใครรับแทนได้

๒. ปัญญาให้กันไม่ได้ ต้องฝึกฝนเอาเองถึงจะเกิดปัญญาได้

๓. ความศิวิไลของธรรมะไม่สามารถสื่อทางภาษาได้ ความจริงแท้ใน
จักรวาลต้องใช้การปฏิบัติหนทางเดียวเท่านั้นเพื่อพิสูจน์ความจริง

๔. คนที่ไม่มีวาสนาที่ดีกับตถาคต ธรรรมะจึงไม่สามารถเข้าถึงใจเขาได้
ตถาคตจึงโปรดเขาไม่ได้

ฝนแม้จะตกทั่วฟ้า ก็ยังไม่เกิดประโยชน์กับตันหญ้าที่ไร้ราก พระธรรมแม้จะกว้างใหญ่ไพศาล ก็ยากที่จะไปโปรดคนไร้ซึ่งวาสนา (พุทธพจน์)
:idea: :idea:
ไฟล์แนบ
cats๒๑๔.๑.jpg
cats๒๑๔.๑.jpg (124.95 KiB) เข้าดูแล้ว 1328 ครั้ง
cats๒๑๔.๒.JPG
cats๒๑๔.๒.JPG (91.39 KiB) เข้าดูแล้ว 1328 ครั้ง
ออกจากวัดสุขุมาราม เวลาบ่ายคล้อยแล้ว เราก็ปั่นเข้า อ.ตะพานหิน คืนนี้ไปพักนอนที่นั่น คุณนายได้ดำเนินการโทร ฯ ติดต่อที่พักไว้แล้ว ๒ แห่ง แห่งแรกเป็น รร.ใหญ่ (เดิมคำว่าโรงเรียนใช้อักษรย่อว่า ร.ร. แต่หลังจากนั้นราชบัณฑิตยสถานได้เปลี่ยนให้มาใช้ รร. เหมือนกับคำว่าโรงแรม ดังนั้น ทั้งโรงเรียนและโรงแรมใช้อักษรย่อว่า รร. เหมือนกัน) แต่ดู ๆ รู้สึกได้โหวงเหวง วังเวงชอบกล ตึกตั้งหลายชั้นแทบไม่มีคนพักเลย น่าสงสารครับ<br /><br />เราจึงไปหา รร.แห่งที่ ๒ ปรากฏว่าค่อยยังชั่วเพราะอยู่ในตลาดติดสถานีรถไฟ คุณนายยิ้มเลยครับ เปิดห้องนอนได้ชั้น ๒ (จักรยานมีที่เก็บคนเฝ้าด้วย) สังเกตุก็ไม่มีคนเหมือนกัน เราอาบน้ำชำระร่างกายแล้วก็ลงไปหาอะไรทานในตลาดใกล้ ๆ ครับ
ออกจากวัดสุขุมาราม เวลาบ่ายคล้อยแล้ว เราก็ปั่นเข้า อ.ตะพานหิน คืนนี้ไปพักนอนที่นั่น คุณนายได้ดำเนินการโทร ฯ ติดต่อที่พักไว้แล้ว ๒ แห่ง แห่งแรกเป็น รร.ใหญ่ (เดิมคำว่าโรงเรียนใช้อักษรย่อว่า ร.ร. แต่หลังจากนั้นราชบัณฑิตยสถานได้เปลี่ยนให้มาใช้ รร. เหมือนกับคำว่าโรงแรม ดังนั้น ทั้งโรงเรียนและโรงแรมใช้อักษรย่อว่า รร. เหมือนกัน) แต่ดู ๆ รู้สึกได้โหวงเหวง วังเวงชอบกล ตึกตั้งหลายชั้นแทบไม่มีคนพักเลย น่าสงสารครับ

เราจึงไปหา รร.แห่งที่ ๒ ปรากฏว่าค่อยยังชั่วเพราะอยู่ในตลาดติดสถานีรถไฟ คุณนายยิ้มเลยครับ เปิดห้องนอนได้ชั้น ๒ (จักรยานมีที่เก็บคนเฝ้าด้วย) สังเกตุก็ไม่มีคนเหมือนกัน เราอาบน้ำชำระร่างกายแล้วก็ลงไปหาอะไรทานในตลาดใกล้ ๆ ครับ
cats๒๑๔.jpg (113.39 KiB) เข้าดูแล้ว 1328 ครั้ง
cats๒๑๕.๓.jpg
cats๒๑๕.๓.jpg (93.45 KiB) เข้าดูแล้ว 1328 ครั้ง
หลังจากที่ทานข้าวเรียบร้อย คุณนายก็ชวนไปเดินเล่นที่สถานีรถไฟ ผมไปยืนสูดอากาศรับลมเย็น ดูขบวนรถไฟวิ่งเข้าสถานี ย้อนกลับมาเห็นคุณนายไปคุยที่ห้องขายตั๋ว ผมก็ไปยืนสมทบฟังเขาสนทนากัน คุณนายสอบถามตารางการเดินรถ รถขบวนที่จะถึง ตลอดจนกรรมวิธีเอาจักรยานขึ้นรถ (ปกติรถพับไม่ต้องเสียตังค์) แต่ถ้าตีตั๋วนอนต้องนำไปฝากตู้สำภาระ <br /><br />หลังจากที่ได้ข้อมูลเรียบร้อยคุณนายก็หันมาสอบถามผม เราจะจบทริปกันที่นี่ ไม่ต้องปั่นพิจิตรตามแผนเดิมแล้ว ผมจะโอเคไหม ? No ploblem อยู่แล้วสำหรับผมเอาไงเอากัน เลือดสุพรรณครับ
หลังจากที่ทานข้าวเรียบร้อย คุณนายก็ชวนไปเดินเล่นที่สถานีรถไฟ ผมไปยืนสูดอากาศรับลมเย็น ดูขบวนรถไฟวิ่งเข้าสถานี ย้อนกลับมาเห็นคุณนายไปคุยที่ห้องขายตั๋ว ผมก็ไปยืนสมทบฟังเขาสนทนากัน คุณนายสอบถามตารางการเดินรถ รถขบวนที่จะถึง ตลอดจนกรรมวิธีเอาจักรยานขึ้นรถ (ปกติรถพับไม่ต้องเสียตังค์) แต่ถ้าตีตั๋วนอนต้องนำไปฝากตู้สำภาระ

หลังจากที่ได้ข้อมูลเรียบร้อยคุณนายก็หันมาสอบถามผม เราจะจบทริปกันที่นี่ ไม่ต้องปั่นพิจิตรตามแผนเดิมแล้ว ผมจะโอเคไหม ? No ploblem อยู่แล้วสำหรับผมเอาไงเอากัน เลือดสุพรรณครับ
cats๒๑๕.๑.jpg (116.01 KiB) เข้าดูแล้ว 1328 ครั้ง
ซื้อตั๋วนอน เตียงบนเตียงล่าง และค่าระวางจักรยานคันละ ๙๐ บ.ให้คนขนขึ้น คันละ ๑๐ บ.รวมเบ็ดเสร็จ ๑๐๐ บ. /คัน เรียบร้อยก็กลับ รร.เตรียมพักผ่อนครับ
ซื้อตั๋วนอน เตียงบนเตียงล่าง และค่าระวางจักรยานคันละ ๙๐ บ.ให้คนขนขึ้น คันละ ๑๐ บ.รวมเบ็ดเสร็จ ๑๐๐ บ. /คัน เรียบร้อยก็กลับ รร.เตรียมพักผ่อนครับ
449008.jpg (90.12 KiB) เข้าดูแล้ว 1328 ครั้ง
ออกจากรีสอร์ทบ้านไม้งาม อ.บางมูลนาก - อ.ตะพานหิน พร้อมกับการปั่นท่องเที่ยวเข้าตรอกซอกซอย วันนี้รวมปั่นได้หกสิบกว่าโล สบาย ๆ จิ๊บ ๆ ก่อนนอนไม่ลืมสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิภาวนาเพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิตของเราครับ
ออกจากรีสอร์ทบ้านไม้งาม อ.บางมูลนาก - อ.ตะพานหิน พร้อมกับการปั่นท่องเที่ยวเข้าตรอกซอกซอย วันนี้รวมปั่นได้หกสิบกว่าโล สบาย ๆ จิ๊บ ๆ ก่อนนอนไม่ลืมสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิภาวนาเพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิตของเราครับ
cats๒๑๕.jpg (97.17 KiB) เข้าดูแล้ว 1328 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4378
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D รุ่งเช้าวันที่ ๒๐ ส.ค.๖๖ ที่ รร.ไม่ได้จัดอาหารเช้าให้ ต้องหากินเองครับ เช้านี้เราคุยกันจะไปเที่ยวในตัวตะพานหินหรือจะไปวัด หลวงปู่โง่น หลวงปู่โง่นสมัยที่ผมเป็น ผบ.ร้อย ตชด.๓๒๗ ท่านได้นำพระพุทธรูปไปไว้ให้ที่กองร้อย ผมจัดสร้างมณฑปครอบตั้งอยู่หน้ากองร้อย ให้ ตชด.ได้สวดมนต์ไหว้พระทุกเช้า สรุปเราไปกราบหลวงปู่ก่อนดีกว่าที่ "วัดพระพุทธบาทเขารวก"ครับ

วัดพระพุทธบาทเขารวก ซึ่งตั้งอยู่หมู่ที่ ๕ ตำบลวังหลุม อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร เป็นวัดที่หลวงปู่โง่น โสรโย พระเถราจารย์ชื่อดังซึ่งเคยจำพรรษาอยู่ ภายในวัดมีรอยพระพุทธบาทจำลอง ซึ่งจำลองมาจากวัดพระพุทธบาทสระบุรี และรูปหล่อหลวงปู่โง่น โสรโย ซึ่งท่านได้สร้างพระพุทธวิโมกข์ปางสมาธิจำนวนมาก มอบแก่โรงเรียนต่าง ๆ ทั่วประเทศ
:o :o
ไฟล์แนบ
cats๒๑๗.jpg
cats๒๑๗.jpg (141.87 KiB) เข้าดูแล้ว 1325 ครั้ง
cats๒๑๘.jpg
cats๒๑๘.jpg (138.12 KiB) เข้าดูแล้ว 1325 ครั้ง
cats๒๑๙.jpg
cats๒๑๙.jpg (117.25 KiB) เข้าดูแล้ว 1325 ครั้ง
cats๒๒๐.jpg
cats๒๒๐.jpg (186.01 KiB) เข้าดูแล้ว 1325 ครั้ง
cats๒๒๑.jpg
cats๒๒๑.jpg (146.08 KiB) เข้าดูแล้ว 1325 ครั้ง
cats๒๒๒.jpg
cats๒๒๒.jpg (128.02 KiB) เข้าดูแล้ว 1325 ครั้ง
cats๒๒๓.jpg
cats๒๒๓.jpg (182.57 KiB) เข้าดูแล้ว 1325 ครั้ง
cats๒๒๔.jpg
cats๒๒๔.jpg (196.59 KiB) เข้าดูแล้ว 1325 ครั้ง
รู้จัก &quot;หลวงปู่โง่น &quot;แห่ง วัดพระพุทธบาทเขารวก อาจารย์ของ ครูบาบุญชุ่ม (จาก คมชัดลึก ออนไลน์ 05 ก.ค. 2565 12:32 น.)<br /><br />&quot;หลวงปู่โง่น&quot; ครูบาอาจารย์ของ ครูบาบุญชุ่ม จากอดีตนักเรียนนอก พูดได้ 7ภาษา สู่พระเถระผู้มีญาณหยั่งรู้ เปิดเผยเรื่องราว พระสุพรรณกัลยา พระพี่นางสมเด็จพระนเรศวร<br /><br />ครูบาบุญชุ่ม นับเป็นพระเถราจารย์ที่ได้รับการขนานนามว่า เป็นตนบุญ ทั้งในพื้นที่ภาคเหนือ และ ประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยวัตรปฎิบัติ และการออกทำนุบำรุงซ่อมแซม ก่อสร้าง วัดต่าง ๆ <br /><br />ในอดีต ครูบาบุญชุ่ม ได้ออกธุดงค์ เพื่อศึกษาปฏิบัติในด้านวิปัสสนากรรมฐาน กับครูบาอาจารย์หลายท่าน และหนึ่งในนั้น คือ หลวงปู่โง่น โสรโย แห่ง วัดพระพุทธบาทเขารวก ซึ่งเป็นพระอาจารย์องค์สุดท้าย ของครูบาบุญชุ่ม <br /><br />สำหรับประวัติของ  หลวงปู่โง่น โสรโย วัดพระพุทธบาทเขารวก อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร ท่านเกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ.2447 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลา 05.58 น. บนแพกลางลำน้ำปิง บิดาเป็นหัวหน้าล่องแพไม้ซุง มารดาเป็นชาวลำพูน เมื่ออายุได้ประมาณ 10  ปี ซาโต้โมมอง เลขานุการข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสประจำอินโดจีน รับตัวเป็นบุตรบุญธรรม <br /><br />ทำให้ หลวงปู่โง่น ในสมัยนั้น ได้รับการศึกษาอย่างดี และได้ไปศึกษาต่อยังที่ต่างประเทศ จนจบปริญญาเอก  ณ  มหาวิทยาลัยในเยอรมนี หลวงปู่โง่น ท่านมีความรู้ความสามารถ  สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา และก่อนจะอุปสมบท ท่านยังได้นับถือศาสนาคริสต์ <br /> <br />แต่ต่อมา หลวงปู่โง่น อุปสมบทเมื่อ พ.ศ.2482 ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม จังหวัดนครพนม โดยมีท่านเจ้าคุณสารภาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครพนมเป็นพระอุปัชฌาย์   มีพระมหาพรหมมา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เมื่ออุปสมบทปีแรก พระอุปัชฌาย์ และพระอาจารย์ผู้อุปการะ คือ หลวงพ่อวัง ได้ร้องขอและส่งให้ไปอยู่กับพระสหายของท่าน คือ เจ้ายอดแก้ว บุญทัน บุปผรัตน์ ธมฺมญาโณ ที่วัดสุวรรณารามราช มหาวิหาร นครหลวงพระบาง  สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว<br /> <br />ต่อมา เจ้ายอดแก้ว บุญทัน บุปผรัตน์ ธมฺมญาโณ ได้เลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ต่อมากรุงเวียงจันทน์เกิดเหตุจลาจล ใน พ.ศ. 2518  พระองค์ได้เสด็จลี้ภัยเข้ามาอยู่ในประเทศไทย และสิ้นพระชนม์ ใน  พ.ศ. 2528  ส่วนหลวงปูโง่นในขณะนั้นเป็นพระนวกะ  ได้เรียนนักธรรมและบาลีแบบลาว  เจ้ายอดแก้ว บุญทัน  บุปผรัตน์  ทรงรักใคร่โปรดปรานมาก  เพราะดั้งเดิมเป็นสายญาติกันและใช้งานได้คล่อง  พูดไทยได้เก่ง  พูดลาวได้ดี  ภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสก็อาศัยได้  เพราะในระยะนั้นสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ยังเป็นอาณานิคมเมืองขึ้นของฝรั่งเศส  ท่านจึงต้องการให้พระภิกษุที่คุยกับชาวต่างชาติ นอกจากนี้ หลวงปู่โง่น ยังเคยถูกทหารลาวจับ เพราถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นจารชนของไทย จนได้รับใบสุทธิจากพระสังฆราชลาว ให้เป็นภิกษุชาวลาว จึงได้รับการปล่อยตัว <br /><br />ช่วงหนึ่งท่านได้กลับมาไทย ทางเมืองท่าแขก  แต่ถูกตำรวจจับในข้อหาเป็นจารชนของลาว แต่ได้รับความช่วยเหลือจากอดีตเจ้าเมืองท่าแขก และไปศึกษาพระกรรมฐานกับ พระอาจารย์วังที่ถ้ำไชยมงคลภูลังกา  และไปหาพระอาจารย์เสาร์  กนฺตสีโล  ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของพระอาจารย์มั่น  ภูริทตฺโต  ตามคำสั่งของท่านเจ้าคุณสารภาณมุณี  เวลานั้นท่านได้ศึกษพระปริยัติธรรมทั้งในไทย และ ลาว จนสำเร็จ ก่อนจะเดินทางไปศึกษาต่อ ทั้งใน เมียนมา อินเดีย จนไปถึงทิเบต <br /><br />ในปี 2507 หลวงปู่โง่น ได้จำพรรษาที่วัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร และได้ดำเนินการพัฒนาวัด จากวัดที่กันดารเป็นวัดที่มีความเจริญ รวมทั้งพัฒนาสังคมในด้านสาธารณูปโภค สร้างถนน โรงเรียน
รู้จัก "หลวงปู่โง่น "แห่ง วัดพระพุทธบาทเขารวก อาจารย์ของ ครูบาบุญชุ่ม (จาก คมชัดลึก ออนไลน์ 05 ก.ค. 2565 12:32 น.)

"หลวงปู่โง่น" ครูบาอาจารย์ของ ครูบาบุญชุ่ม จากอดีตนักเรียนนอก พูดได้ 7ภาษา สู่พระเถระผู้มีญาณหยั่งรู้ เปิดเผยเรื่องราว พระสุพรรณกัลยา พระพี่นางสมเด็จพระนเรศวร

ครูบาบุญชุ่ม นับเป็นพระเถราจารย์ที่ได้รับการขนานนามว่า เป็นตนบุญ ทั้งในพื้นที่ภาคเหนือ และ ประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยวัตรปฎิบัติ และการออกทำนุบำรุงซ่อมแซม ก่อสร้าง วัดต่าง ๆ

ในอดีต ครูบาบุญชุ่ม ได้ออกธุดงค์ เพื่อศึกษาปฏิบัติในด้านวิปัสสนากรรมฐาน กับครูบาอาจารย์หลายท่าน และหนึ่งในนั้น คือ หลวงปู่โง่น โสรโย แห่ง วัดพระพุทธบาทเขารวก ซึ่งเป็นพระอาจารย์องค์สุดท้าย ของครูบาบุญชุ่ม

สำหรับประวัติของ หลวงปู่โง่น โสรโย วัดพระพุทธบาทเขารวก อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร ท่านเกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ.2447 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลา 05.58 น. บนแพกลางลำน้ำปิง บิดาเป็นหัวหน้าล่องแพไม้ซุง มารดาเป็นชาวลำพูน เมื่ออายุได้ประมาณ 10 ปี ซาโต้โมมอง เลขานุการข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสประจำอินโดจีน รับตัวเป็นบุตรบุญธรรม

ทำให้ หลวงปู่โง่น ในสมัยนั้น ได้รับการศึกษาอย่างดี และได้ไปศึกษาต่อยังที่ต่างประเทศ จนจบปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยในเยอรมนี หลวงปู่โง่น ท่านมีความรู้ความสามารถ สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา และก่อนจะอุปสมบท ท่านยังได้นับถือศาสนาคริสต์

แต่ต่อมา หลวงปู่โง่น อุปสมบทเมื่อ พ.ศ.2482 ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม จังหวัดนครพนม โดยมีท่านเจ้าคุณสารภาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครพนมเป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระมหาพรหมมา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เมื่ออุปสมบทปีแรก พระอุปัชฌาย์ และพระอาจารย์ผู้อุปการะ คือ หลวงพ่อวัง ได้ร้องขอและส่งให้ไปอยู่กับพระสหายของท่าน คือ เจ้ายอดแก้ว บุญทัน บุปผรัตน์ ธมฺมญาโณ ที่วัดสุวรรณารามราช มหาวิหาร นครหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

ต่อมา เจ้ายอดแก้ว บุญทัน บุปผรัตน์ ธมฺมญาโณ ได้เลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ต่อมากรุงเวียงจันทน์เกิดเหตุจลาจล ใน พ.ศ. 2518 พระองค์ได้เสด็จลี้ภัยเข้ามาอยู่ในประเทศไทย และสิ้นพระชนม์ ใน พ.ศ. 2528 ส่วนหลวงปูโง่นในขณะนั้นเป็นพระนวกะ ได้เรียนนักธรรมและบาลีแบบลาว เจ้ายอดแก้ว บุญทัน บุปผรัตน์ ทรงรักใคร่โปรดปรานมาก เพราะดั้งเดิมเป็นสายญาติกันและใช้งานได้คล่อง พูดไทยได้เก่ง พูดลาวได้ดี ภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสก็อาศัยได้ เพราะในระยะนั้นสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ยังเป็นอาณานิคมเมืองขึ้นของฝรั่งเศส ท่านจึงต้องการให้พระภิกษุที่คุยกับชาวต่างชาติ นอกจากนี้ หลวงปู่โง่น ยังเคยถูกทหารลาวจับ เพราถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นจารชนของไทย จนได้รับใบสุทธิจากพระสังฆราชลาว ให้เป็นภิกษุชาวลาว จึงได้รับการปล่อยตัว

ช่วงหนึ่งท่านได้กลับมาไทย ทางเมืองท่าแขก แต่ถูกตำรวจจับในข้อหาเป็นจารชนของลาว แต่ได้รับความช่วยเหลือจากอดีตเจ้าเมืองท่าแขก และไปศึกษาพระกรรมฐานกับ พระอาจารย์วังที่ถ้ำไชยมงคลภูลังกา และไปหาพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ตามคำสั่งของท่านเจ้าคุณสารภาณมุณี เวลานั้นท่านได้ศึกษพระปริยัติธรรมทั้งในไทย และ ลาว จนสำเร็จ ก่อนจะเดินทางไปศึกษาต่อ ทั้งใน เมียนมา อินเดีย จนไปถึงทิเบต

ในปี 2507 หลวงปู่โง่น ได้จำพรรษาที่วัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร และได้ดำเนินการพัฒนาวัด จากวัดที่กันดารเป็นวัดที่มีความเจริญ รวมทั้งพัฒนาสังคมในด้านสาธารณูปโภค สร้างถนน โรงเรียน
439413.jpg (69.41 KiB) เข้าดูแล้ว 1325 ครั้ง
เรื่องราวของหลวงปู่โง่น ที่สังคมรับรู้กันอย่างกว้างขวางมากที่สุด คือ การเปิดเผยและเผยแพร่ เรื่องราวเกี่ยวกับ พระสุพรรณกัลยา พระพี่นางของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และ สมเด็จพระเอกทศรถ รวมทั้งยังได้บอกเล่าเกี่ยวกับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชอีกด้วย<br /> <br />หลวงปู่โง่น  ละสังขารเมื่อวันที่  7  มีนาคม  พ.ศ.  2542     อายุ 94  ปี<br /><br /> ตลอดชีวิต หลวงปู่โง่น ในสมณเพศบำเพ็ญประโยชน์และคุณูปการแก่ประเทศชาติและพระพุทธศาสนา ตลอดถึงสังคมทุกระดับอย่างดียิ่ง เป็นแบบอย่างอันงดงามของผู้ที่จะบำเพ็ญประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง หลวงปู่โง่น มีอัธยาศัยเปี่ยมล้นด้วยเมตตา สันโดษ รักสงบ เสียสละ ตามวิสัยของพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย เป็นผู้ฉลาดในอุบาย แนะนำสั่งสอนเหล่าประชากรโดยพุทธวิธี มีกุศโลบายในการรักษาตนให้พ้นจากภัยพิบัติทั้งภายนอกและภายใน มีวิสัยทัศน์ในการปฏิบัติตนที่สมสมัย มีจิตใจใฝ่รู้วิชาทุกแขนง เพื่อนำมาแก้ไขดัดแปลงก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น
เรื่องราวของหลวงปู่โง่น ที่สังคมรับรู้กันอย่างกว้างขวางมากที่สุด คือ การเปิดเผยและเผยแพร่ เรื่องราวเกี่ยวกับ พระสุพรรณกัลยา พระพี่นางของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และ สมเด็จพระเอกทศรถ รวมทั้งยังได้บอกเล่าเกี่ยวกับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชอีกด้วย

หลวงปู่โง่น ละสังขารเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2542 อายุ 94 ปี

ตลอดชีวิต หลวงปู่โง่น ในสมณเพศบำเพ็ญประโยชน์และคุณูปการแก่ประเทศชาติและพระพุทธศาสนา ตลอดถึงสังคมทุกระดับอย่างดียิ่ง เป็นแบบอย่างอันงดงามของผู้ที่จะบำเพ็ญประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง หลวงปู่โง่น มีอัธยาศัยเปี่ยมล้นด้วยเมตตา สันโดษ รักสงบ เสียสละ ตามวิสัยของพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย เป็นผู้ฉลาดในอุบาย แนะนำสั่งสอนเหล่าประชากรโดยพุทธวิธี มีกุศโลบายในการรักษาตนให้พ้นจากภัยพิบัติทั้งภายนอกและภายใน มีวิสัยทัศน์ในการปฏิบัติตนที่สมสมัย มีจิตใจใฝ่รู้วิชาทุกแขนง เพื่อนำมาแก้ไขดัดแปลงก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น
cats๒๒๕.jpg (138.25 KiB) เข้าดูแล้ว 1325 ครั้ง
cats๒๒๖.jpg
cats๒๒๖.jpg (125.97 KiB) เข้าดูแล้ว 1325 ครั้ง
เราได้กราบท่านเจ้าอาวาสแห่งวัดพระพุทธบาทเขาลวก ท่านได้เมตตาเล่าเรื่องหลวงปู่โง่น ให้เราได้รับฟังพร้อมทั้งมอบหนังสือประวัติหลวงปู่ที่เขียนเรื่องเกี่ยวกับพระสุพรรณกัลยา อ่านแล้วน้ำไหลครับ สงสารพระนางจริง ๆ เสียสละเพื่อชาติบ้านเมือง ที่สำคัญได้ตอกย้ำเรื่องราวอัศจรรย์ที่ยังมีอยู่ในโลก ซึ่งคนยังไม่ได้รู้ไม่ได้เห็นอีกมากมาย สำหรับตัวผมเชื่อพันเปอร์เซ็นต์ เพราะได้ประสบกับตัวเองหลาย ๆ เรื่องราว<br /><br />ได้เห็นพระไตรปิฏกฉบับอรรถกถาทั้งหมดรวม ๑๐๐ เล่ม อัศจรรย์ใจอีกผมมีพระไตรปิฏกอยู่ที่บ้าน ๑ ชุด ๔๕ เล่ม เคยเรียนว่าพระไตรปิฏกมีทั้ง ออรถกถา ฏีกา แต่ไม่เคยพบเจอเลย วันนั้นผมหยิบมาอ่านเล่มหนึ่ง รู้สึกได้อยากได้สักชุดครับ อ่านง่ายเข้าใจง่ายด้วย
เราได้กราบท่านเจ้าอาวาสแห่งวัดพระพุทธบาทเขาลวก ท่านได้เมตตาเล่าเรื่องหลวงปู่โง่น ให้เราได้รับฟังพร้อมทั้งมอบหนังสือประวัติหลวงปู่ที่เขียนเรื่องเกี่ยวกับพระสุพรรณกัลยา อ่านแล้วน้ำไหลครับ สงสารพระนางจริง ๆ เสียสละเพื่อชาติบ้านเมือง ที่สำคัญได้ตอกย้ำเรื่องราวอัศจรรย์ที่ยังมีอยู่ในโลก ซึ่งคนยังไม่ได้รู้ไม่ได้เห็นอีกมากมาย สำหรับตัวผมเชื่อพันเปอร์เซ็นต์ เพราะได้ประสบกับตัวเองหลาย ๆ เรื่องราว

ได้เห็นพระไตรปิฏกฉบับอรรถกถาทั้งหมดรวม ๑๐๐ เล่ม อัศจรรย์ใจอีกผมมีพระไตรปิฏกอยู่ที่บ้าน ๑ ชุด ๔๕ เล่ม เคยเรียนว่าพระไตรปิฏกมีทั้ง ออรถกถา ฏีกา แต่ไม่เคยพบเจอเลย วันนั้นผมหยิบมาอ่านเล่มหนึ่ง รู้สึกได้อยากได้สักชุดครับ อ่านง่ายเข้าใจง่ายด้วย
cats๒๒๗.jpg (132.03 KiB) เข้าดูแล้ว 1325 ครั้ง
รูปปั้นฤาษีอายุ ๑,๐๐๐ – ๑,๕๐๐ ปี ซึ่งเป็นหินศิลาแลง และมีสัตว์หลายชนิด เช่น นกเงือก นกยูง ๓ สายพันธ์ คือ อินเดีย ไทย และฮอนแลนด์
รูปปั้นฤาษีอายุ ๑,๐๐๐ – ๑,๕๐๐ ปี ซึ่งเป็นหินศิลาแลง และมีสัตว์หลายชนิด เช่น นกเงือก นกยูง ๓ สายพันธ์ คือ อินเดีย ไทย และฮอนแลนด์
cats๒๒๘.๑.JPG (103.86 KiB) เข้าดูแล้ว 1325 ครั้ง
cats๒๒๘.jpg
cats๒๒๘.jpg (81.25 KiB) เข้าดูแล้ว 1325 ครั้ง
กลองที่ทำด้วยไม้ประดู่ยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ชื่อว่า กลองนันทะเภรีศรีราชรุกโข มโหระทึกมฤคทายวันบันลือโลก
กลองที่ทำด้วยไม้ประดู่ยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ชื่อว่า กลองนันทะเภรีศรีราชรุกโข มโหระทึกมฤคทายวันบันลือโลก
cats๒๓๐.jpg
cats๒๓๐.jpg (181.06 KiB) เข้าดูแล้ว 1325 ครั้ง
ท่านเจ้าอาวาสไปนำหินหยกชมพูจากพม่า และได้ให้ช่างจาก จ.เชียงรายมาแกะสลักประดิษฐานไว้ ณ ที่วัด ให้ชาวบ้านได้ชมและสักการะบูชาตอนนี้ใกล้เสร็จแล้วครับ
ท่านเจ้าอาวาสไปนำหินหยกชมพูจากพม่า และได้ให้ช่างจาก จ.เชียงรายมาแกะสลักประดิษฐานไว้ ณ ที่วัด ให้ชาวบ้านได้ชมและสักการะบูชาตอนนี้ใกล้เสร็จแล้วครับ
cats๒๓๑.jpg (181.79 KiB) เข้าดูแล้ว 1325 ครั้ง
cats๒๓๒.jpg
cats๒๓๒.jpg (85.57 KiB) เข้าดูแล้ว 1325 ครั้ง
cats๒๓๓.jpg
cats๒๓๓.jpg (176.09 KiB) เข้าดูแล้ว 1325 ครั้ง
แก้ไขล่าสุดโดย Deang-sarapee เมื่อ 10 เม.ย. 2024, 13:35, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4378
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D เที่ยววัดพระพุทธบาทเขารวก อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร บรรยากาศ สงบ ร่มเย็นยิ่งนัก :) :D
ไฟล์แนบ
วันที่ ๒๐ ส.ค (41).JPG
พระพุทธบาทจำลอง ซึ่งจำลองมาจากวัดพระพุทธบาทจังหวัดสระบุรีที่ประดิษฐานในมณฑปบนยอดเขาแห่งนี้ มณฑปพระพุทธบาทเขารวก ปกติจะมีประชาชนพุทธศาสนิกชนเดินทางมาสักการะรอยพระพุทธบาทอยู่เป็นระยะๆ และยังมีประเพณีนมัสการรอยพระพุทธบาทเป็นประจำทุกปี ปกติมณฑปจะปิดประตูไว้เพื่อป้องกันสัตว์เข้าไปภายใน สามารถเปิดเข้าไปได้เลย เมื่อออกมาแล้วก็อย่าลืมปิดตามเดิม
พระพุทธบาทจำลอง ซึ่งจำลองมาจากวัดพระพุทธบาทจังหวัดสระบุรีที่ประดิษฐานในมณฑปบนยอดเขาแห่งนี้ มณฑปพระพุทธบาทเขารวก ปกติจะมีประชาชนพุทธศาสนิกชนเดินทางมาสักการะรอยพระพุทธบาทอยู่เป็นระยะๆ และยังมีประเพณีนมัสการรอยพระพุทธบาทเป็นประจำทุกปี ปกติมณฑปจะปิดประตูไว้เพื่อป้องกันสัตว์เข้าไปภายใน สามารถเปิดเข้าไปได้เลย เมื่อออกมาแล้วก็อย่าลืมปิดตามเดิม
448859.jpg
448860.jpg
ผนังภายในมณฑปมีภาพเขียนและลวดลายสวยงามครับ รอยพระพุทธบาทจำลองมีขนาดค่อนข้างใหญ่อยู่ตรงกลางมณฑป ช่องประตูเข้า-ออก 4 ช่อง ด้านหน้าและด้านหลังด้านละ 2 ช่อง เจดีย์หน้าพระอุโบสถ หลังจากที่ได้นมัสการรอยพระพุทธบาทจำลองแล้วก็เดินลงมาที่บันไดอีกด้านหนึ่งของมณฑป จะเป็นทางลงตรงมาที่วิหารหลวงปู่โง่น และเป็นทางเดินไปยังพระอุโบสถ รวมทั้งสถานที่อื่นๆ ของวัด
ผนังภายในมณฑปมีภาพเขียนและลวดลายสวยงามครับ รอยพระพุทธบาทจำลองมีขนาดค่อนข้างใหญ่อยู่ตรงกลางมณฑป ช่องประตูเข้า-ออก 4 ช่อง ด้านหน้าและด้านหลังด้านละ 2 ช่อง เจดีย์หน้าพระอุโบสถ หลังจากที่ได้นมัสการรอยพระพุทธบาทจำลองแล้วก็เดินลงมาที่บันไดอีกด้านหนึ่งของมณฑป จะเป็นทางลงตรงมาที่วิหารหลวงปู่โง่น และเป็นทางเดินไปยังพระอุโบสถ รวมทั้งสถานที่อื่นๆ ของวัด
cats๒๓๕.jpg
cats๒๓๔.jpg
cats๒๓๖.jpg
cats๒๓๖.jpg (134.79 KiB) เข้าดูแล้ว 1325 ครั้ง
cats๒๓๗.jpg
cats๒๓๗.jpg (125.17 KiB) เข้าดูแล้ว 1325 ครั้ง
cats๒๓๘.jpg
cats๒๓๘.jpg (165.18 KiB) เข้าดูแล้ว 1325 ครั้ง
cats๒๓๙.jpg
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4378
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:idea: :idea: วัดทับคล้อ จ.พิจิตร รายการวิถีธรรมวิถีไทย 28-5-65 เวลา 05.30-06.00 ทางททบ.5HD :) :D
ไฟล์แนบ
วัดทับคล้อ (สวนพระโพธิ์สัตว์) ตั้งอยู่ตำบลทับคล้อ ซอยเทศบาลทับคล้อ 5 ภายในมีสถานที่สำหรับปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน มีความสวยงาม เงียบสงบและเป็นธรรมชาติ
วัดทับคล้อ (สวนพระโพธิ์สัตว์) ตั้งอยู่ตำบลทับคล้อ ซอยเทศบาลทับคล้อ 5 ภายในมีสถานที่สำหรับปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน มีความสวยงาม เงียบสงบและเป็นธรรมชาติ
cats๒๔๐.jpg (207.26 KiB) เข้าดูแล้ว 1289 ครั้ง
cats๒๔๑.jpg
cats๒๔๑.jpg (195.73 KiB) เข้าดูแล้ว 1289 ครั้ง
cats๒๔๒.jpg
cats๒๔๒.jpg (168.53 KiB) เข้าดูแล้ว 1289 ครั้ง
สวนพระโพธิสัตว์ พ.ศ. ๒๕๒๔ “จากที่ดินท้องนาว่างเปล่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระมหาโกศล ได้พาญาติโยมปลูกต้นไม้โดยเฉพาะ ต้นโพธิ์ ซึ่ง ” ต้นโพธิ์ ” เป็นไม้มงคลขึ้นง่ายตามธรรมชาติให้ความร่มเย็น และเป็นต้นไม้ที่ชื่อเดียวกับ ต้นไม้ตรัสรู้ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ดังจะเห็นได้ว่าต้นไม้ทุกต้นในสวนพระโพธิสัตว์ล้วนเกิดจากการปลูกด้วยมือทั้งสิ้น จากท้องนากลายเป็นป่าธรรมชาติในปัจจุบัน”
สวนพระโพธิสัตว์ พ.ศ. ๒๕๒๔ “จากที่ดินท้องนาว่างเปล่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระมหาโกศล ได้พาญาติโยมปลูกต้นไม้โดยเฉพาะ ต้นโพธิ์ ซึ่ง ” ต้นโพธิ์ ” เป็นไม้มงคลขึ้นง่ายตามธรรมชาติให้ความร่มเย็น และเป็นต้นไม้ที่ชื่อเดียวกับ ต้นไม้ตรัสรู้ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ดังจะเห็นได้ว่าต้นไม้ทุกต้นในสวนพระโพธิสัตว์ล้วนเกิดจากการปลูกด้วยมือทั้งสิ้น จากท้องนากลายเป็นป่าธรรมชาติในปัจจุบัน”
cats๒๔๓.jpg (161.73 KiB) เข้าดูแล้ว 1289 ครั้ง
ด้วยความเงียบสงบและเป็นธรรมชาติที่ห่มคลุมอาณาบริเวณวัด วัดทับคล้อจึงกลายเป็นสถานที่สำหรับ ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานชั้นดี และยังเป็นที่ตั้งของห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” และพระตำหนักรับรอง ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเสด็จมาเป็นองค์ประธานในพิธีเปิด เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2536
ด้วยความเงียบสงบและเป็นธรรมชาติที่ห่มคลุมอาณาบริเวณวัด วัดทับคล้อจึงกลายเป็นสถานที่สำหรับ ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานชั้นดี และยังเป็นที่ตั้งของห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” และพระตำหนักรับรอง ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเสด็จมาเป็นองค์ประธานในพิธีเปิด เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2536
cats๒๔๔.JPG (89.32 KiB) เข้าดูแล้ว 1289 ครั้ง
cats๒๔๕.jpg
cats๒๔๕.jpg (149.11 KiB) เข้าดูแล้ว 1289 ครั้ง
cats๒๔๖.jpg
cats๒๔๖.jpg (131.84 KiB) เข้าดูแล้ว 1289 ครั้ง
cats๒๔๗.jpg
cats๒๔๗.jpg (120.36 KiB) เข้าดูแล้ว 1289 ครั้ง
cats๒๔๘.jpg
cats๒๔๘.jpg (127.39 KiB) เข้าดูแล้ว 1289 ครั้ง
cats๒๔๙.jpg
cats๒๔๙.jpg (106.57 KiB) เข้าดูแล้ว 1289 ครั้ง
cats๒๕๐.jpg
cats๒๕๐.jpg (165.64 KiB) เข้าดูแล้ว 1289 ครั้ง
cats๒๕๑.jpg
cats๒๕๒.jpg
cats๒๕๒.jpg (133.29 KiB) เข้าดูแล้ว 1289 ครั้ง
cats๒๕๓.JPG
cats๒๕๓.JPG (48.01 KiB) เข้าดูแล้ว 1289 ครั้ง
cats๒๕๔.JPG
cats๒๕๔.JPG (126.7 KiB) เข้าดูแล้ว 1289 ครั้ง
เราปั่นวนเที่ยวชมและนมัสการพระพุทธรูปในวัดทับคล้อหลายรอบ ไม่เบื่อนะครับ ไปแต่ละรอบมันไม่ซ้ำกัน เนื้อที่กว้างขวางมาก ๆ ครับ เราได้เห็นชุมชนที่อาศัยอยู่ภายในบริเวณวัดมีหลายครอบครัว ได้เห็นพระท่านช่วยกันทำงาน มีทั้งพระไทยพระต่างประเทศก็มี เรียกว่าหลากหลายอารมณ์ครับ<br /><br />เราออกจากวัดทับคล้อมีอีกหนึ่งที่เราไม่ควรพลาด อยู่บนเขามีชื่อว่า &quot;วัดพระพุทธบาทเขาทราย&quot; เมื่อเราขึ้นข้างบนเราจะมองเห็นเมืองทับคล้อในรัศมีเกือบ ๓๖๐ องศา เลยทีเดียว ตามไปชมครับ
เราปั่นวนเที่ยวชมและนมัสการพระพุทธรูปในวัดทับคล้อหลายรอบ ไม่เบื่อนะครับ ไปแต่ละรอบมันไม่ซ้ำกัน เนื้อที่กว้างขวางมาก ๆ ครับ เราได้เห็นชุมชนที่อาศัยอยู่ภายในบริเวณวัดมีหลายครอบครัว ได้เห็นพระท่านช่วยกันทำงาน มีทั้งพระไทยพระต่างประเทศก็มี เรียกว่าหลากหลายอารมณ์ครับ

เราออกจากวัดทับคล้อมีอีกหนึ่งที่เราไม่ควรพลาด อยู่บนเขามีชื่อว่า "วัดพระพุทธบาทเขาทราย" เมื่อเราขึ้นข้างบนเราจะมองเห็นเมืองทับคล้อในรัศมีเกือบ ๓๖๐ องศา เลยทีเดียว ตามไปชมครับ
cats๒๕๕.JPG (109.43 KiB) เข้าดูแล้ว 1289 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4378
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:idea: :idea: เรื่องเล่าจาก ๙ วัด ตอน วัดพระพุทธบาทเขาทราย :idea: :idea:
ไฟล์แนบ
cats๒๕๖.JPG
cats๒๕๖.JPG (116.02 KiB) เข้าดูแล้ว 1288 ครั้ง
cats๒๕๗.jpg
cats๒๕๗.jpg (164.65 KiB) เข้าดูแล้ว 1288 ครั้ง
cats๒๕๘.jpg
cats๒๕๘.jpg (181.83 KiB) เข้าดูแล้ว 1288 ครั้ง
cats๒๕๙.JPG
วัดพระพุทธบาทเขาทรายตั้งอยู่ที่ตำบลเขาทราย อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร ซึ่งวัดดังกล่าวอยู่ใกล้กับสี่แยกเขาทรายริมทางหลวงหมายเลข 11 ตากฟ้า-เขาทราย-วังทอง วัดและรอยพระพุทธบาทจำลองแห่งนี้ตั้งอยู่บนภูเขาที่ไม่สูงมากนัก สามารถเดินขึ้นผ่านบันได 333 ขั้น หรือจะขับรถยนต์อ้อมไปทางด้านหลังก็สามารถขึ้นถึงบริเวณยอดเขา<br /><br /> ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง 4 รอย  อยู่ในอาคารที่สร้างขึ้นอย่างสวยงามมีจุดชมวิวให้มองเห็นวิว 360 องศา จากบนยอดเขา ซึ่งในช่วงหน้าหนาวนี้ตอนเช้าและตอนเย็นอากาศจะเย็นสบาย  นอกจากนี้ภายในวัดยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ หรือ พระนอน ขนาดยาว 31 เมตร สูง 12 เมตร
วัดพระพุทธบาทเขาทรายตั้งอยู่ที่ตำบลเขาทราย อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร ซึ่งวัดดังกล่าวอยู่ใกล้กับสี่แยกเขาทรายริมทางหลวงหมายเลข 11 ตากฟ้า-เขาทราย-วังทอง วัดและรอยพระพุทธบาทจำลองแห่งนี้ตั้งอยู่บนภูเขาที่ไม่สูงมากนัก สามารถเดินขึ้นผ่านบันได 333 ขั้น หรือจะขับรถยนต์อ้อมไปทางด้านหลังก็สามารถขึ้นถึงบริเวณยอดเขา

ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง 4 รอย อยู่ในอาคารที่สร้างขึ้นอย่างสวยงามมีจุดชมวิวให้มองเห็นวิว 360 องศา จากบนยอดเขา ซึ่งในช่วงหน้าหนาวนี้ตอนเช้าและตอนเย็นอากาศจะเย็นสบาย นอกจากนี้ภายในวัดยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ หรือ พระนอน ขนาดยาว 31 เมตร สูง 12 เมตร
cats๒๖๐.๑.jpg (91.09 KiB) เข้าดูแล้ว 1288 ครั้ง
cats๒๖๐.jpg
439420.jpg
439420.jpg (91.19 KiB) เข้าดูแล้ว 1288 ครั้ง
cats๒๖๑.jpg
cats๒๖๑.jpg (185.4 KiB) เข้าดูแล้ว 1288 ครั้ง
อยู่บนเขาสามารถมองเห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ แห่งวัดทับคล้อตั้งเป็นตระหง่าน เห็นแล้วคิดถึงเชียงใหม่ อารมณ์ประมาณนั้นเลยครับ
อยู่บนเขาสามารถมองเห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ แห่งวัดทับคล้อตั้งเป็นตระหง่าน เห็นแล้วคิดถึงเชียงใหม่ อารมณ์ประมาณนั้นเลยครับ
cats๒๖๒.jpg (50.58 KiB) เข้าดูแล้ว 1288 ครั้ง
cats๒๖๓.jpg
cats๒๖๓.jpg (164.76 KiB) เข้าดูแล้ว 1288 ครั้ง
cats๒๖๔.jpg
cats๒๖๔.jpg (93.21 KiB) เข้าดูแล้ว 1288 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4378
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:o :o เคยได้อ่านกันบ้างหรือยัง ช่างคิดนะ :o :o

ถ้าหากตัวอักษร ภาษาอังกฤษ 26 ตัว
A B C D E F G H I J
K L M N O P Q R S
T U V W X Y Z

ทั้งหมดนี้ แปลงเป็นตัวเลข
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
11 12 13 14 15 16
17 18 19 20 21 22
23 24 25 26

ดังนั้น
Knowledge (ความรู้)
K+N+O+W+L+E+D+G+E
11+14+15+23+12+5+4+7+5 = 96%

Workhard (ทำงานหนัก)
W+O+R+K+H+A+R+D 23+15+18+11+8+1+18+4 = 98%

แสดงว่าความรู้กับการทำงานหนักมีความสำคัญเท่ากับ 96% และ 98% ต่อชีวิต

แล้ว LUCK (โชค ดวงดี)
L+U+C+K
12+21+3+11 = 47%

LOVE (ความรัก)
L+O+V+E
12+15+22+5 = 54%

ดูๆ แล้วสิ่งที่เรานึกว่าเป็นสิ่งสำคัญ ก็ไม่ได้สำคัญอย่างที่เราคิดไว้

แล้วอะไรหละ ที่จะเป็น 100% ของชีวิตคนเรา ?

มันคือ Money (เงินทอง) อย่างงั้นเหรอ ?
M+O+N+E+Y
13+15+14+5+25 = 72%

ก็ไม่ใช่นะหรือว่าคือ Leadership (การเป็นผู้นำ)
L+E+A+D+E+R+S+H+I+P
12+5+1+4+5+18+19+9
+16 = 89%

ก็ยังไม่ใช่อีก
จริงๆ แล้วสิ่งที่จะทำให้ชีวิตเราเต็มร้อยนั่นก็คือ

ATTITUDE
(ทัศนคติ/ความคิด)
A+T+T+I+T+U+D+E
1+20+20+9+20+21+4+5
= 100%

เยี่ยมมั๊ย สำหรับท่านที่ยังไม่อ่าน.อ่านแล้วชอบก้อส่งต่อให้เพื่อนๆด้วยนะ
:) :)
ไฟล์แนบ
บอกแล้วไง ช่วงนี้อยู่ในห้วงของการดูแลร่างกาย ไปตามนัดหมอให้เครื่องมือมาตรวจจับการเต้นของหัวใจ ๑ เดือน วันนี้ต้องนำเครื่องไปส่งและฟังผล ปรากฏว่า &quot;หัวใจมีเต้นผิดปกติเป็นบางครั้ง หมอบอกยังไม่รุนแรงอะไร เป็นไปตามวัย&quot; ช่วงเดือนนี้เป็นระยะระหว่างเข้าพรรษา ปกติแล้วเราจะถืออุโบโสถศีล (ศีล ๘ ) แต่ปีนี้ไม่สามารถทำได้เนื่องจากต้องทานยาหลังอาหาร ๓ มื้อทันที ต่อรองกับหมอขอ ๒ มื้อได้ไหม ? หมอบอกไม่ได้ต้องทำตามหมออย่างเคร่งครัด<br /><br />เมื่อความตั้งใจที่ทำมาทุกปีไม่มีขาด ปีนี้ทำไม่ได้ผมก็ไปเพิ่มการปฏิบัติภาวนาให้เข้มขึ้นเป็นการทดแทน บอกแล้วว่า &quot;ร่างกายเป็นของหมอ จิตใจเป็นของเรา&quot; จากผลของการเร่งภาวนาก็คือเสมือนการรักษาจิตใจควบคู่ไปด้วยกับรักษาร่างกายที่กินยาตามหมอสั่ง ผลจึงออกมาเป็นไปตามที่หมอบอกคือ &quot;อาการไม่รุนแรง&quot; หมอก็ยังไม่สั่งให้กินยา ดีใจมากครับ (เบื่อยาจะแย่อยู่แล้วครับ)
บอกแล้วไง ช่วงนี้อยู่ในห้วงของการดูแลร่างกาย ไปตามนัดหมอให้เครื่องมือมาตรวจจับการเต้นของหัวใจ ๑ เดือน วันนี้ต้องนำเครื่องไปส่งและฟังผล ปรากฏว่า "หัวใจมีเต้นผิดปกติเป็นบางครั้ง หมอบอกยังไม่รุนแรงอะไร เป็นไปตามวัย" ช่วงเดือนนี้เป็นระยะระหว่างเข้าพรรษา ปกติแล้วเราจะถืออุโบโสถศีล (ศีล ๘ ) แต่ปีนี้ไม่สามารถทำได้เนื่องจากต้องทานยาหลังอาหาร ๓ มื้อทันที ต่อรองกับหมอขอ ๒ มื้อได้ไหม ? หมอบอกไม่ได้ต้องทำตามหมออย่างเคร่งครัด

เมื่อความตั้งใจที่ทำมาทุกปีไม่มีขาด ปีนี้ทำไม่ได้ผมก็ไปเพิ่มการปฏิบัติภาวนาให้เข้มขึ้นเป็นการทดแทน บอกแล้วว่า "ร่างกายเป็นของหมอ จิตใจเป็นของเรา" จากผลของการเร่งภาวนาก็คือเสมือนการรักษาจิตใจควบคู่ไปด้วยกับรักษาร่างกายที่กินยาตามหมอสั่ง ผลจึงออกมาเป็นไปตามที่หมอบอกคือ "อาการไม่รุนแรง" หมอก็ยังไม่สั่งให้กินยา ดีใจมากครับ (เบื่อยาจะแย่อยู่แล้วครับ)
cats๒๖๕.๑.jpg (104.06 KiB) เข้าดูแล้ว 1248 ครั้ง
ลงจากยอดดอยพระพุทธบาทเขาทราย เราก็เตรียมกลับตะพานหินกัน เพราะยังคงต้องไปชมอีกวัดหนึ่งในเมืองที่เรามองเห็นจากตลาดขณะที่เราไปเดินเล่นหมายตาไว้แล้ว<br /><br />ลงจากเขาปั่นกลับผ่านวัดมงคลทับคล้อ จิตคิดตรงกันว่าไม่แวะไม่ได้เหมือนมีแม่เหล็กมาดูดใจเราทั้ง ๒ เราถือโอกาสว่าแวะสักแป๊บนึงนะ เกรงจะค่ำเกินเดี๋ยวไปชมวัดที่ตัวเมืองไม่ทัน
ลงจากยอดดอยพระพุทธบาทเขาทราย เราก็เตรียมกลับตะพานหินกัน เพราะยังคงต้องไปชมอีกวัดหนึ่งในเมืองที่เรามองเห็นจากตลาดขณะที่เราไปเดินเล่นหมายตาไว้แล้ว

ลงจากเขาปั่นกลับผ่านวัดมงคลทับคล้อ จิตคิดตรงกันว่าไม่แวะไม่ได้เหมือนมีแม่เหล็กมาดูดใจเราทั้ง ๒ เราถือโอกาสว่าแวะสักแป๊บนึงนะ เกรงจะค่ำเกินเดี๋ยวไปชมวัดที่ตัวเมืองไม่ทัน
cats๒๖๕.jpg (56.84 KiB) เข้าดูแล้ว 1248 ครั้ง
วันที่ ๒๐ ส.ค (124).JPG
วันที่ ๒๐ ส.ค (124).JPG (118.49 KiB) เข้าดูแล้ว 1248 ครั้ง
วันที่ ๒๐ ส.ค (125).JPG
วันที่ ๒๐ ส.ค (125).JPG (125.95 KiB) เข้าดูแล้ว 1248 ครั้ง
cats๒๖๖.jpg
วันที่ ๒๐ ส.ค (128).JPG
วันที่ ๒๐ ส.ค (128).JPG (96.29 KiB) เข้าดูแล้ว 1248 ครั้ง
cats๒๖๗.๑.jpg
cats๒๖๗.๑.jpg (89.74 KiB) เข้าดูแล้ว 1248 ครั้ง
cats๒๖๗.jpg
cats๒๖๗.jpg (158.34 KiB) เข้าดูแล้ว 1248 ครั้ง
เมื่อเราปั่นเข้าไปในวัดไม่พบเห็นใครเลย เงียบมากกกกกก....วังเวง...ปกติจะเจอสุนัขเฝ้าวัดแต่ที่นี่ไม่มี เราเก้ๆ กังๆ ไม่รู้จะดูอะไร ทำอย่างไร ? ได้แต่เก็บภาพผมคิดในใจคงต้องได้รีบไปตามที่คิดไว้ก่อน...แต่ผิดถนัด สักครู่หนึ่งหลังจากที่กำลังคิดจะชวนคุณนาย ก็มีพระตอนหลังทราบว่าเป็นเจ้าอาวาส ได้เดินมาเปิดประตูรั้วทางเข้าอาคาร แล้วเชื้อเชิญให้เราขึ้นไปข้างบน<br /><br />เราได้สนทนากับท่านจากคิดจะอยู่แป๊บ..กลายเป็นเกือบชั่วโมงครับ ท่านได้สอบถามการเดินทางของเรา และแนวทางการปฏิบัติต่าง ๆ ในขณะเดินทางผมก็เล่าเรื่องจริงให้ฟัง เริ่มตั้งแต่เรื่องของ &quot;จักรยานธุดงค์&quot; จนมาถึงพาคุณนายออกปั่นร่วมก๊วน<br /><br />ท่านเมตตาเล่านิทาน &quot;เขียดอยากกินช้าง&quot; ให้เราฟัง ครั้งแรก งง งง ครับ
เมื่อเราปั่นเข้าไปในวัดไม่พบเห็นใครเลย เงียบมากกกกกก....วังเวง...ปกติจะเจอสุนัขเฝ้าวัดแต่ที่นี่ไม่มี เราเก้ๆ กังๆ ไม่รู้จะดูอะไร ทำอย่างไร ? ได้แต่เก็บภาพผมคิดในใจคงต้องได้รีบไปตามที่คิดไว้ก่อน...แต่ผิดถนัด สักครู่หนึ่งหลังจากที่กำลังคิดจะชวนคุณนาย ก็มีพระตอนหลังทราบว่าเป็นเจ้าอาวาส ได้เดินมาเปิดประตูรั้วทางเข้าอาคาร แล้วเชื้อเชิญให้เราขึ้นไปข้างบน

เราได้สนทนากับท่านจากคิดจะอยู่แป๊บ..กลายเป็นเกือบชั่วโมงครับ ท่านได้สอบถามการเดินทางของเรา และแนวทางการปฏิบัติต่าง ๆ ในขณะเดินทางผมก็เล่าเรื่องจริงให้ฟัง เริ่มตั้งแต่เรื่องของ "จักรยานธุดงค์" จนมาถึงพาคุณนายออกปั่นร่วมก๊วน

ท่านเมตตาเล่านิทาน "เขียดอยากกินช้าง" ให้เราฟัง ครั้งแรก งง งง ครับ
cats๒๖๘.jpg (92.63 KiB) เข้าดูแล้ว 1248 ครั้ง
ช้างตัวใหญ่ยอมให้กบตัวเล็กนิดเดียวกินได้อย่างไร คำถามนี้ยากเป็นความที่มีนัยแห่งข้อธรรมที่ลึกซึ้ง <br /><br />ภาพปริศนาธรรม เป็นการถ่ายทอด หรือ อธิบายข้อธรรมด้วยภาพมีองค์ประกอบเป็นภาพสัตว์ชนิดต่าง ๆ ทั้งประเภทจตุบาท ทวิบาท และสัตว์เลื้อยคลาน ได้แก่ ช้าง กบ นก งู สาระในภาพสื่อให้เกิดความคิดในเชิงเปรียบเทียบ เพื่อให้เห็นความเป็นไปตามสภาพธรรมของโลกโดยลำดับ<br /><br />เนื้อหาของภาพเป็นเป็นตอน ๆ ต่อเนื่องกันเป็นชุด ภาพปริศนาธรรมชุดนี้มี ๖ ตอน ถ่ายทอดมาจากบทธรรมปฎิจจสมุปบาท<br /><br /> ภาพที่ ๑ เริ่มต้นด้วยภาพสระน้ำ ๓ สระ มีคำอธิบายประกอบภาพว่า น้ำ ๓ สระคือตัณหาทั้งสาม ได้แก่<br /><br />๑. กามตัณหา หมายถึง ความทะยานอยากในกาม ได้แก่ กามคุณซึ่งสนองความต้องการทางประสาททั้งห้า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย<br /><br />๒. ภวตัณหา หมายถึง ความทะยานอยากในภพ ได้แก่ ความอยากในภาวะของตัวตนที่ จะได้ จะมี จะเป็น<br /><br />๓. วิภวตัณหา หมายถึง ความทะยานอยากในวิภพ ได้แก่ ความอยากในความพรากพ้นไปแห่งตัวตน จากความเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งอันไม่ปรารถนา<br /><br />ภาพที่ ๒ เป็นภาพช้างมีน้ำ ๓ สระอยู่ภายในท้อง มีคำอธิบายประกอบภาพว่า ช้างสาร คือ ชาติ กลืนน้ำ ๓ สระ คือ ตัณหาทั้งสาม<br /><br /> ภาพที่ ๓ เป็นภาพกบ ภายในท้องกบมีช้าง ซึ่งมีน้ำ ๓ สระอยู่ภายในท้องช้างนั้น มีคำอธิบายประกอบภาพว่า กบ คือ โลภะกลืนชาติ ชาติกลืนตัณหาทั้งสาม<br /><br />ภาพที่ ๔ เป็นภาพงู ภายในท้องงูมีกบ ซึ่งมีช้างอยู่ในท้องกบ และมีน้ำสามสระอยู่ในท้องช้างนั้น มีคำอธิบายประกอบภาพว่า งู คือ โทสะกลืนโลภะ กลืนชาติ กลืนตัณหาทั้งสาม<br /><br />จากนั้นก็บอกให้เราทั้งสองดำรงความตั้งใจที่จะทำตามฝันให้สำเร็จให้เหมือนที่กบฝันอยากจะกินช้างทั้งตัว สุดท้ายก็สำเร็จจากความตั้งใจ
ช้างตัวใหญ่ยอมให้กบตัวเล็กนิดเดียวกินได้อย่างไร คำถามนี้ยากเป็นความที่มีนัยแห่งข้อธรรมที่ลึกซึ้ง

ภาพปริศนาธรรม เป็นการถ่ายทอด หรือ อธิบายข้อธรรมด้วยภาพมีองค์ประกอบเป็นภาพสัตว์ชนิดต่าง ๆ ทั้งประเภทจตุบาท ทวิบาท และสัตว์เลื้อยคลาน ได้แก่ ช้าง กบ นก งู สาระในภาพสื่อให้เกิดความคิดในเชิงเปรียบเทียบ เพื่อให้เห็นความเป็นไปตามสภาพธรรมของโลกโดยลำดับ

เนื้อหาของภาพเป็นเป็นตอน ๆ ต่อเนื่องกันเป็นชุด ภาพปริศนาธรรมชุดนี้มี ๖ ตอน ถ่ายทอดมาจากบทธรรมปฎิจจสมุปบาท

ภาพที่ ๑ เริ่มต้นด้วยภาพสระน้ำ ๓ สระ มีคำอธิบายประกอบภาพว่า น้ำ ๓ สระคือตัณหาทั้งสาม ได้แก่

๑. กามตัณหา หมายถึง ความทะยานอยากในกาม ได้แก่ กามคุณซึ่งสนองความต้องการทางประสาททั้งห้า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย

๒. ภวตัณหา หมายถึง ความทะยานอยากในภพ ได้แก่ ความอยากในภาวะของตัวตนที่ จะได้ จะมี จะเป็น

๓. วิภวตัณหา หมายถึง ความทะยานอยากในวิภพ ได้แก่ ความอยากในความพรากพ้นไปแห่งตัวตน จากความเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งอันไม่ปรารถนา

ภาพที่ ๒ เป็นภาพช้างมีน้ำ ๓ สระอยู่ภายในท้อง มีคำอธิบายประกอบภาพว่า ช้างสาร คือ ชาติ กลืนน้ำ ๓ สระ คือ ตัณหาทั้งสาม

ภาพที่ ๓ เป็นภาพกบ ภายในท้องกบมีช้าง ซึ่งมีน้ำ ๓ สระอยู่ภายในท้องช้างนั้น มีคำอธิบายประกอบภาพว่า กบ คือ โลภะกลืนชาติ ชาติกลืนตัณหาทั้งสาม

ภาพที่ ๔ เป็นภาพงู ภายในท้องงูมีกบ ซึ่งมีช้างอยู่ในท้องกบ และมีน้ำสามสระอยู่ในท้องช้างนั้น มีคำอธิบายประกอบภาพว่า งู คือ โทสะกลืนโลภะ กลืนชาติ กลืนตัณหาทั้งสาม

จากนั้นก็บอกให้เราทั้งสองดำรงความตั้งใจที่จะทำตามฝันให้สำเร็จให้เหมือนที่กบฝันอยากจะกินช้างทั้งตัว สุดท้ายก็สำเร็จจากความตั้งใจ
cats๒๖๘.๑.jpg (112.32 KiB) เข้าดูแล้ว 1248 ครั้ง
cats๒๖๙.๑.jpg
cats๒๖๙.๑.jpg (118.22 KiB) เข้าดูแล้ว 1248 ครั้ง
cats๒๖๙.๒.JPG
cats๒๖๙.๒.JPG (106.66 KiB) เข้าดูแล้ว 1248 ครั้ง
cats๒๖๙.jpg
cats๒๖๙.jpg (121.86 KiB) เข้าดูแล้ว 1248 ครั้ง
cats๒๗๐.jpg
cats๒๗๐.jpg (100.9 KiB) เข้าดูแล้ว 1248 ครั้ง
cats๒๗๑.๑.JPG
cats๒๗๑.๑.JPG (124.43 KiB) เข้าดูแล้ว 1248 ครั้ง
cats๒๗๑.jpg
cats๒๗๑.jpg (83.55 KiB) เข้าดูแล้ว 1248 ครั้ง
“วัดเทวปราสาท” -หลวงพ่อพุทธเกตุมงคล<br />เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธเกตุมงคลหรือหลวงพ่อใหญ่ตะพานหิน เป็นพระพุทธรูปปางประทานพร <br /><br />เป็นพระพุทธรูปที่สวยและใหญ่ที่สุดตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยเกตุ อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของอำเภอตะพานหิน เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป หลวงพ่อโต ปางประทานพร ขนาดใหญ่ หน้าตักกว้าง 20 เมตร เฉพาะองค์พระสูง 30 เมตร แท่นสูง 4 เมตร รวมความสูงทั้งสิ้น 34 เมตร สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กเมื่อปี พ.ศ. 2513 ได้รับพระราชทานนาม จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า &quot;พระพุทธเกตุมงคล&quot;
“วัดเทวปราสาท” -หลวงพ่อพุทธเกตุมงคล
เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธเกตุมงคลหรือหลวงพ่อใหญ่ตะพานหิน เป็นพระพุทธรูปปางประทานพร

เป็นพระพุทธรูปที่สวยและใหญ่ที่สุดตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยเกตุ อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของอำเภอตะพานหิน เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป หลวงพ่อโต ปางประทานพร ขนาดใหญ่ หน้าตักกว้าง 20 เมตร เฉพาะองค์พระสูง 30 เมตร แท่นสูง 4 เมตร รวมความสูงทั้งสิ้น 34 เมตร สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กเมื่อปี พ.ศ. 2513 ได้รับพระราชทานนาม จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า "พระพุทธเกตุมงคล"
cats๒๗๒.jpg (114.37 KiB) เข้าดูแล้ว 1248 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4378
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D ไปไหว้หลวงพ่อโต..ในวัดเทวประสาท ตะพานหิน ที่ใหญ่ที่สุดใน จ. พิจิตร :) :D
ไฟล์แนบ
cats๒๗๒.jpg
cats๒๗๒.jpg (114.37 KiB) เข้าดูแล้ว 1245 ครั้ง
cats๒๗๓.jpg
cats๒๗๓.jpg (115.62 KiB) เข้าดูแล้ว 1245 ครั้ง
cats๒๗๔.jpg
cats๒๗๔.jpg (116.11 KiB) เข้าดูแล้ว 1245 ครั้ง
cats๒๗๕.๑.jpg
cats๒๗๕.๑.jpg (133.5 KiB) เข้าดูแล้ว 1245 ครั้ง
ออกจากวัดเทวประสาทเกือบ ๕ โมงเย็นครับ (วันสุดท้ายของการท่องเที่ยวเมืองพิจิตร ๖๗ กม.เรียกว่าส่งท้ายที่ไกลที่สุดสำหรับทริปนี้) เราตรงไป รร.ขออาบน้ำชำระร่างกาย รร.ก็แสนดี(เราเช็คเอ๊าท์แล้วแต่ตอนเช้าแต่ฝากของไว้) อนุญาตุให้ใช้ห้องน้ำชั้นล่างไม่ต้องเสียตังค์ แถมผ้าเช็ดตัวให้พร้อม ขอบคุณมาก ๆ ครับ<br /><br />อาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อย เราก็ไปทานอาหารมื้อเย็น ก่อนที่จะกลับมาเก็บสัมภาระที่ฝากไว้จูงจักรยานและสัมภาระไปสถานีรถไฟเพื่อเตรียมกลับเชียงใหม่เป็นการจบทริปเมืองรอง จ.พิจิตรเพียงเท่านี้ครับ<br /><br />ช่วงที่รอรถไฟสถานีเจอนักเรียนยุพราชรุ่นพี่รุ่น ๐๕ ผมรุ่น ๐๘ และเป็นนักดุริยางค์ประจำ รร.ด้วยกัน เจอกันก็เพลงมาร์ทยุพราชขึ้นทันที &quot;ชั่วดีอย่างไร เราต้องรักกัน&quot; ครับ.
ออกจากวัดเทวประสาทเกือบ ๕ โมงเย็นครับ (วันสุดท้ายของการท่องเที่ยวเมืองพิจิตร ๖๗ กม.เรียกว่าส่งท้ายที่ไกลที่สุดสำหรับทริปนี้) เราตรงไป รร.ขออาบน้ำชำระร่างกาย รร.ก็แสนดี(เราเช็คเอ๊าท์แล้วแต่ตอนเช้าแต่ฝากของไว้) อนุญาตุให้ใช้ห้องน้ำชั้นล่างไม่ต้องเสียตังค์ แถมผ้าเช็ดตัวให้พร้อม ขอบคุณมาก ๆ ครับ

อาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อย เราก็ไปทานอาหารมื้อเย็น ก่อนที่จะกลับมาเก็บสัมภาระที่ฝากไว้จูงจักรยานและสัมภาระไปสถานีรถไฟเพื่อเตรียมกลับเชียงใหม่เป็นการจบทริปเมืองรอง จ.พิจิตรเพียงเท่านี้ครับ

ช่วงที่รอรถไฟสถานีเจอนักเรียนยุพราชรุ่นพี่รุ่น ๐๕ ผมรุ่น ๐๘ และเป็นนักดุริยางค์ประจำ รร.ด้วยกัน เจอกันก็เพลงมาร์ทยุพราชขึ้นทันที "ชั่วดีอย่างไร เราต้องรักกัน" ครับ.
cats๒๗๕.jpg (131.43 KiB) เข้าดูแล้ว 1245 ครั้ง
cats๒๗๖.jpg
cats๒๗๖.jpg (100.27 KiB) เข้าดูแล้ว 1245 ครั้ง
cats๒๗๗.๑.jpg
cats๒๗๗.๑.jpg (122.96 KiB) เข้าดูแล้ว 1245 ครั้ง
cats๒๗๗.jpg
cats๒๗๗.jpg (124.31 KiB) เข้าดูแล้ว 1245 ครั้ง
cats๒๗๘.jpg
cats๒๗๘.jpg (139.67 KiB) เข้าดูแล้ว 1245 ครั้ง
cats๒๗๙.jpg
cats๒๗๙.jpg (117.35 KiB) เข้าดูแล้ว 1245 ครั้ง
รถไฟมาไม่ตรงเวลาครับเราเสียเวลาไปเกือบชั่วโมง แต่ถึงเชียงใหม่ตรงเวลาตี ๕ ครับ เราปั่นกลับบ้านปากกองสารภี ไม่ลืมที่จะแวะ ๗-๑๑ สารภีซื้อขนมปังและของฝากหลานน้อยเป็นมื้อเช้า ก่อนเขาจะไป รร.ครับ
รถไฟมาไม่ตรงเวลาครับเราเสียเวลาไปเกือบชั่วโมง แต่ถึงเชียงใหม่ตรงเวลาตี ๕ ครับ เราปั่นกลับบ้านปากกองสารภี ไม่ลืมที่จะแวะ ๗-๑๑ สารภีซื้อขนมปังและของฝากหลานน้อยเป็นมื้อเช้า ก่อนเขาจะไป รร.ครับ
cats๒๘๐.jpg (87.5 KiB) เข้าดูแล้ว 1245 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4378
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D เที่ยวพิจิตรเมืองรอง :) :D

:idea: :idea: บทสรุปทัวร์สบาย ๆ ครั้งแรกกับทริป พิจิตร เมืองรอง

การท่องเที่ยวในบ้านเรา อาจจะอยู่ในช่วง การฟื้นตัว เราสามารถที่จะมีส่วนร่วม ในการช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว กระตุ้นเศษฐกิจได้ ด้วยการออกมาเที่ยวและ อุดหนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในบ้านเรา คิดว่าที่กำลังทำและจะทำต่อ ๆ ไป ก็คือการได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศในด้านการท่องเที่ยวอีกส่วนหนึ่ง

สิ่งที่น่าเป็นห่วงขณะนี้คือ การท่องเที่ยวของโลกในปัจจุบัน ชาวโลกหันมานิยมเที่ยวโซนเอเชียกันมากขึ้น ไทยเราก็กำลังเป็นเป้าหมาย สิ่งที่กังวลใจหลังจากที่ เราได้เปลี่ยนแนวการเดินทางในแบบ "จักรยานธุดงค์" มาเป็น "สบาย ๆ ทัวร์" ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ๒ ถึง ๓ เท่าตัว คือค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าพาหนะ (แต่ก่อนเรานอนเต้นท์ตามอุทยาน วัด ฯ ปรุงอาหารกินเอง ไม่ขึ้นรถใด ๆ ปั่นลูกเดียว)

เริ่มจากทริปเที่ยวพิจิตรเป็นทริปแรก คุณนายสรุปรายจ่ายแล้ว "พอรับได้" อนาคตถ้าผู้ประกอบการไทย ไม่ดำรงความซื่อสัตย์ ยุติธรรม เห็นใจสนับสนุนคนไทย ให้เที่ยวเมืองไทย พอคนออกมาเที่ยวเยอะขึ้น ถือโอกาส price up (ขึ้นราคา) ในราคาฝรั่ง เชื่อนะว่าเราไปเที่ยวเมืองนอกกันดีกว่า... :lol: :lol:


:o :o แบบว่าจักรยานธุดงค์มีแต่ความยากลำบาก :) :D
ไฟล์แนบ
เที่ยวเมือรองหนนี้เป็นแบบสบาย ๆ ไม่ต้องคิดอะไรคือไปแบบท่องเที่ยวจริง ๆ ผิดแต่เราปั่นจักรยานเท่านั้น ในความคิดแรก คิดนะ...ไปครั้งนี้เราจะได้อะไร..นอกจากได้เที่ยว แต่สุดท้ายผิดถนัดครับ ความเจริญในธรรมยังส่งผลให้ได้ดวงตาเห็นธรรมอยู่<br /><br />เช้ามืดวันที่ ๑๘ ส.ค.๖๖ เวลา ๐๒.๓๐ - ๐๓.๓๐ น.ที่รีสอร์ทเรือนไม้งาม บางมูลนาก ได้นั่งสมาธิภาวนาจนจิตสงบเกิดนิมิตเห็นคำสอนของ พอ่แม่ครูบาอาจารย์ ที่สอน สั่ง ไว้ตั้งแต่ปี ๒๕๒๑ ให้มาทบทวนว่าจริงหรือไม่<br /><br />ย้อนไปเมื่อ ๑๔ ส.ค.๖๖ เราลงรถทัวร์ที่ สากเหล็กแล้วปั่นเข้า พิจิตร เข้าไปกราบคารวะหลวงพ่อเพชรเพื่อรายงานตัว พร้อมขอพร ตอนจะออกจากหลวงพ่อ คุณนาย &quot;บริภาษผมอย่างแรง&quot; คิดนะว่า...คุณนายเปลี่ยนไป ครั้งแรกผมคิดจะหยุดทริปเดินทางกลับเลย แต่ตัดใจ เดินหนีไม่พูดอะไรเลย จากคืน ๑๔ - คืน ๑๘ ส.ค.๖๖ <br /><br />พอรุ่งเช้าที่ผมได้รับคำเตือน &quot;จิตใจสว่าง สงบ เป็นสุข &quot; คิดไปใจหายครับ นี่ถ้าปกติตามนิสัยเดิม ๆ เราคงขาดกันในเย็นวันที่ ๑๔ ส.ค.๖๖ แน่นอน <br /><br />ผมฝึกนิ่ง ไม่พูด พูดแต่เรื่องสำคัญ ๆ มานับปีได้จะเห็นได้ว่า มีหลาย ๆ เรื่องที่สามารถเดินหน้าไปได้ แต่สำคัญตัวผมเอง &quot;อึดอัด ขัดข้อง หงุดหงิด เพราะไม่ใช่นิสัย&quot; <br /><br />จึงถือว่าผมผ่านบททดสอบครั้งสำคัญไปได้แล้ว และต่อจากวันนั้นก็มีธรรมะ ดี ๆ ตามมาอีกหลายอย่าง เรียกว่าไหลมาแบบกระแสน้ำ เจริญในธรรมอีกแล้ว ปรับฐานตนเองให้สูงขึ้นนับว่าเป็นทริปที่ผมต้องจดจำตลอดไป
เที่ยวเมือรองหนนี้เป็นแบบสบาย ๆ ไม่ต้องคิดอะไรคือไปแบบท่องเที่ยวจริง ๆ ผิดแต่เราปั่นจักรยานเท่านั้น ในความคิดแรก คิดนะ...ไปครั้งนี้เราจะได้อะไร..นอกจากได้เที่ยว แต่สุดท้ายผิดถนัดครับ ความเจริญในธรรมยังส่งผลให้ได้ดวงตาเห็นธรรมอยู่

เช้ามืดวันที่ ๑๘ ส.ค.๖๖ เวลา ๐๒.๓๐ - ๐๓.๓๐ น.ที่รีสอร์ทเรือนไม้งาม บางมูลนาก ได้นั่งสมาธิภาวนาจนจิตสงบเกิดนิมิตเห็นคำสอนของ พอ่แม่ครูบาอาจารย์ ที่สอน สั่ง ไว้ตั้งแต่ปี ๒๕๒๑ ให้มาทบทวนว่าจริงหรือไม่

ย้อนไปเมื่อ ๑๔ ส.ค.๖๖ เราลงรถทัวร์ที่ สากเหล็กแล้วปั่นเข้า พิจิตร เข้าไปกราบคารวะหลวงพ่อเพชรเพื่อรายงานตัว พร้อมขอพร ตอนจะออกจากหลวงพ่อ คุณนาย "บริภาษผมอย่างแรง" คิดนะว่า...คุณนายเปลี่ยนไป ครั้งแรกผมคิดจะหยุดทริปเดินทางกลับเลย แต่ตัดใจ เดินหนีไม่พูดอะไรเลย จากคืน ๑๔ - คืน ๑๘ ส.ค.๖๖

พอรุ่งเช้าที่ผมได้รับคำเตือน "จิตใจสว่าง สงบ เป็นสุข " คิดไปใจหายครับ นี่ถ้าปกติตามนิสัยเดิม ๆ เราคงขาดกันในเย็นวันที่ ๑๔ ส.ค.๖๖ แน่นอน

ผมฝึกนิ่ง ไม่พูด พูดแต่เรื่องสำคัญ ๆ มานับปีได้จะเห็นได้ว่า มีหลาย ๆ เรื่องที่สามารถเดินหน้าไปได้ แต่สำคัญตัวผมเอง "อึดอัด ขัดข้อง หงุดหงิด เพราะไม่ใช่นิสัย"

จึงถือว่าผมผ่านบททดสอบครั้งสำคัญไปได้แล้ว และต่อจากวันนั้นก็มีธรรมะ ดี ๆ ตามมาอีกหลายอย่าง เรียกว่าไหลมาแบบกระแสน้ำ เจริญในธรรมอีกแล้ว ปรับฐานตนเองให้สูงขึ้นนับว่าเป็นทริปที่ผมต้องจดจำตลอดไป
464258.jpg (49.23 KiB) เข้าดูแล้ว 1207 ครั้ง
439422.jpg
439422.jpg (72.38 KiB) เข้าดูแล้ว 1207 ครั้ง
ที่อ.บางมูลนาก ช่วงค่ำอาศัย GPS กลับที่ตั้ง มันพาหลงวนปั่นเข้าไปในตลาดไปเจอเข้ากับหลาย ๆ สิ่งที่เหมือนจะซ่อนของดีไว้ในสลัม เราปั่นเข้าไปวนไปวนมาไม่อยากออกเลย นี่ถ้าไม่มืดเสียก่อนคงได้เห็นของดี ๆ อีกหลายอย่าง หยุดยืนอ่านประตูบานใหญ่ที่เตือนสติคนผ่านไปมา ให้รู้จักการอ่าน สุดยอด ไม่เคยเจอที่ใดมาก่อนครับ
ที่อ.บางมูลนาก ช่วงค่ำอาศัย GPS กลับที่ตั้ง มันพาหลงวนปั่นเข้าไปในตลาดไปเจอเข้ากับหลาย ๆ สิ่งที่เหมือนจะซ่อนของดีไว้ในสลัม เราปั่นเข้าไปวนไปวนมาไม่อยากออกเลย นี่ถ้าไม่มืดเสียก่อนคงได้เห็นของดี ๆ อีกหลายอย่าง หยุดยืนอ่านประตูบานใหญ่ที่เตือนสติคนผ่านไปมา ให้รู้จักการอ่าน สุดยอด ไม่เคยเจอที่ใดมาก่อนครับ
439424.jpg (92.06 KiB) เข้าดูแล้ว 1207 ครั้ง
พิจิตร มีพระดังระดับประเทศและระดับโลกคือหลวงพ่อเงิน เราได้เห็นหลวงพ่อเงินองค์ใหญ่ที่สุด ได้ไปพิสูจน์วัดหลวงพ่อที่กำลังมีปัญหา และที่สุดของที่สุดเราได้เห็นหลวงพ่อเงิน ที่ทักทอสานด้วยลวดทองเหลืองทั้งองค์หนึ่งเดียวในโลก ประทับใจมากครับ
พิจิตร มีพระดังระดับประเทศและระดับโลกคือหลวงพ่อเงิน เราได้เห็นหลวงพ่อเงินองค์ใหญ่ที่สุด ได้ไปพิสูจน์วัดหลวงพ่อที่กำลังมีปัญหา และที่สุดของที่สุดเราได้เห็นหลวงพ่อเงิน ที่ทักทอสานด้วยลวดทองเหลืองทั้งองค์หนึ่งเดียวในโลก ประทับใจมากครับ
439411.jpg (145.54 KiB) เข้าดูแล้ว 1207 ครั้ง
ที่วัดท้ายน้ำ อ.โพทะเล วัดหลวงพ่อเงิน ไปกราบอุทยานของหลวงพ่อท่าน และได้ลอดต้นโพธิ์ที่โค่นล้มแต่ยังไม่ตาย ได้อธิษฐานจิตขอ ใบโพธิ์เป็นที่ระลึก ๔ ใบ กลับถึงบ้าน เอ้า...มี ๕ ใบ งง !!!!!!!
ที่วัดท้ายน้ำ อ.โพทะเล วัดหลวงพ่อเงิน ไปกราบอุทยานของหลวงพ่อท่าน และได้ลอดต้นโพธิ์ที่โค่นล้มแต่ยังไม่ตาย ได้อธิษฐานจิตขอ ใบโพธิ์เป็นที่ระลึก ๔ ใบ กลับถึงบ้าน เอ้า...มี ๕ ใบ งง !!!!!!!
cats๑๖๖.๑.jpg (88.04 KiB) เข้าดูแล้ว 1207 ครั้ง
คุณยายอายุ ๘๐ กว่า นั่งขายของมานานนมให้ข้อคิด &quot;ชีวิตต้องสู้ ต้องอดทน ไม่อย่างงั้นก็ตาย&quot; จริง ๆ ครับ
คุณยายอายุ ๘๐ กว่า นั่งขายของมานานนมให้ข้อคิด "ชีวิตต้องสู้ ต้องอดทน ไม่อย่างงั้นก็ตาย" จริง ๆ ครับ
cats๙๗.jpg (158.65 KiB) เข้าดูแล้ว 1207 ครั้ง
คุณนายบอก &quot;ครั้งนี้ได้ความเพียร ความอดทน อดกลั้น เห็นความทุกข์ของแต่ละคนที่ผ่านพบ มีความสุขกับการเดินทางกว่าหลาย ๆ ครั้ง&quot; <br /><br />ผมก็ว่า &quot;แน่..ละซิ..หนนี้ มาแบบสบาย ๆ ทัวร์นี่ ๕๕๕&quot; สงสัยขอกลับไปแบบธุดงค์คงไม่แน่นอน<br /><br />ทริปต่อไปจะเป็นที่ใดโปรดรอครับ ตอนนี้กำลังเล็ง ๆ อยู่  แต่ที่รู้ ๆ ผมว่าคุณนายจัดแจงแล้วครับ ทุกอย่างมันไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงได้ยังไม่ฟันธง สวัสดีมีความสุขและโชคดีกันทุกท่านทุกคนนะครับ.
คุณนายบอก "ครั้งนี้ได้ความเพียร ความอดทน อดกลั้น เห็นความทุกข์ของแต่ละคนที่ผ่านพบ มีความสุขกับการเดินทางกว่าหลาย ๆ ครั้ง"

ผมก็ว่า "แน่..ละซิ..หนนี้ มาแบบสบาย ๆ ทัวร์นี่ ๕๕๕" สงสัยขอกลับไปแบบธุดงค์คงไม่แน่นอน

ทริปต่อไปจะเป็นที่ใดโปรดรอครับ ตอนนี้กำลังเล็ง ๆ อยู่ แต่ที่รู้ ๆ ผมว่าคุณนายจัดแจงแล้วครับ ทุกอย่างมันไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงได้ยังไม่ฟันธง สวัสดีมีความสุขและโชคดีกันทุกท่านทุกคนนะครับ.
cat๙๘.๑.jpg (149.38 KiB) เข้าดูแล้ว 1207 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4378
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:lol: :lol: รถไฟสายชีวิต ชอบมาก !!!! อ่านแล้วอ่านอีกไม่เบื่อ

ชีวิตเหมือนกับการเดินทางโดยสารรถไฟ... มีสถานีต่างๆ... มีการเปลี่ยนเส้นทาง... มีกระทั่งอุบัติเหตุ......

เราขึ้นรถไฟขบวนนี้ตอนเราถือกำเนิด.... พ่อแม่ คือคนที่ตีตั๋วให้เรา...เราเชื่อว่าท่านจะเดินทางด้วยรถขบวนนี้ กับเราตลอดไป....แต่แล้ว..ที่สถานีใด สถานีหนึ่งท่านทั้งสองก็ต้องลงรถจากไป... ปล่อยเราไว้เพียงลำพังกับการเดินทางนี้....

วันเวลาผ่านไป... จะมีผู้โดยสารอื่นๆขึ้นรถ มาเรื่อยๆ... หลายคนจะเป็นคนที่เรารัก และผูกพัน.. เป็นพี่เป็นน้อง.. เป็นเพื่อน.. เป็นลูกเป็นหลาน หรือกระทั่งเป็นที่รัก แห่งชีวิตของเรา....

หลายคนลงรถไปกลางทาง... ทิ้งไว้แค่ความทรงจำความอ้างว้างและคิดถึงอันถาวรในชีวิตเรา..หลายคนจากไป... อย่างที่เราไม่ทันได้ สังเกตด้วยซ้ำว่า... เขาลุกจากที่นั่ง และลงรถไฟไปแล้ว !

การเดินทางโดยรถไฟชีวิตขบวนนี้ จึงเต็มไป ด้วยความรื่นรมย์... ความโศกเศร้า... ความมหัศจรรย์...ความสมหวัง... คำสวัสดี...คำอำลา... และคำอวยพรให้โชคดี

การเดินทางที่ดีที่สุด คือ การได้ช่วยเหลือ... ได้รัก...ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อน ผู้โดยสารทุกคน ...จงแน่ใจว่าเราได้ให้ สิ่งที่ดีที่สุด เพื่อให้การเดินทางของพวกเขา มีความราบรื่นและสะดวกสบาย

ความน่าพิศวงของการเดินทางอันวิเศษยอดเยี่ยมนี้คือ... ตัวเราเองก็ไม่รู้ล่วงหน้า ว่าเราจะต้องลงจากรถไฟที่สถานีไหน.....ฉะนั้น...เราต้องมีชีวิตให้แจ๋วที่สุด...ปรับปรุงตัวเอง...รู้จักลืม...รู้จักอภัย...ให้สิ่งดีที่สุด ที่เรามีแก่คนรอบข้าง

สำคัญเหลือเกิน ที่เราควรทำอย่างนี้...เพราะเมื่อถึงเวลาที่เราต้องลุกจากที่นั่ง..เพื่อลงจากรถไฟไป เราจะได้ทิ้งความทรงจำ ที่สวยงามไว้แก่ผู้คน ที่ต้องเดินทาง โดยสาร รถไฟขบวนชีวิตนี้ต่อไป

ขอบคุณมากๆ ที่มาเป็นผู้โดยสารคนหนึ่ง ในขบวนรถไฟชีวิต ของกันและกัน ขอให้ผู้ร่วมทางทุกท่านพบพานแต่ความรื่นรมย์ในการเดินทางบนขบวนรถไฟสายชีวิต... ที่ครั้งหนึ่ง ช่วงเวลาหนึ่ง ณ สถานีใด สถานีหนึ่ง เรามีโอกาสได้เดินทาง ร่วมกัน

ขอบคุณบทความดี ๆ กินใจ ชอบใจ เก็บไว้อ่านทบทวนยามเหงาได้ดีครับ
:) :D

:!: :!: ผมหายไปหลายวันแล้วนะครับ ไปท่องเที่ยวเก็บเกี่ยวประสบการณ์และสานฝัน "ท่องทั่วไทยไปเมืองรอง" เที่ยวนี้เราพากันไปภาคกลางครับ ซึ่งภาคกลางและภาคใต้ไม่เคยไปเลยสักเมือง ทั้งๆ ที่ภาคกลางและภาคใต้มีไม่กี่จังหวัด ไปแต่เหนือกะอีสาน เที่ยวนี้จึงขอเก็บภาคกลางเริ่มต้นที่ จ.ชัยนาทเลยนะครับ
:lol: :lol:
ไฟล์แนบ
cat๑.jpg
cat๑.jpg (78.41 KiB) เข้าดูแล้ว 987 ครั้ง
จังหวัดชัยนาท (จากวิกิพีเดีย สารานุกรมสรี)<br /><br />ชัยนาท เดิมสะกดว่า ไชยนาท เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางของประเทศไทยมีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดต่าง ๆ ตามเข็มนาฬิกาจากทิศเหนือ ได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดอุทัยธานี<br /><br />ชัยนาทแปลตามศัพท์มีความหมายว่า &quot;เสียงบันลือแห่งชัยชนะ&quot; เป็นเมืองโบราณเมืองหนึ่ง ตัวเมืองเดิมอยู่บริเวณฝั่งขวาแม่น้ำเจ้าพระยาที่ปากคลองแพรกศรีราชา ใต้ปากน้ำเก่า สันนิษฐานว่าคงจะสร้างขึ้นในสมัยพญาเลอไทครองกรุงสุโขทัยระหว่าง พ.ศ. 1860–1879 เมืองแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า เมืองแพรกหรือเมืองสรรค์ มีฐานะเป็นเมืองหน้าด่านทางใต้ เมื่อกรุงสุโขทัยเสื่อมอำนาจลง เมืองแพรกได้กลายเป็นเมืองหน้าด่านทางตอนเหนือของกรุงศรีอยุธยา ต่อมาได้เกิดชุมชนใหม่ไม่ไกลจากเมืองสรรค์ เมืองที่เกิดขึ้นใหม่นี้เป็นเมืองใหญ่ มีชื่อว่า ชัยนาท ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ย้ายตัวเมืองจากบริเวณแหลมยาง มาตั้งตรงฝั่งซ้ายแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนเมืองสรรค์นั้นเสื่อมลงเรื่อย ๆ เพราะผู้คนอพยพมาอยู่ที่ชัยนาทเป็นส่วนใหญ่ ในที่สุดก็กลายเป็นเพียงอำเภอหนึ่งของชัยนาทเท่านั้น ชัยนาทเป็นเมืองยุทธศาสตร์ที่สำคัญ เคยใช้เป็นที่ตั้งทัพรับศึกพม่าหลายครั้งและมีชัยทุกครั้งไป จึงเป็นที่มาของชื่อเมืองชัยนาทแห่งนี้<br /><br />ภูมิศาสตร์  จังหวัดชัยนาทมีลักษณะภูมิประเทศ โดยทั่วไปเป็นพื้นที่ราบลุ่มมีพื้นที่ประมาณ 99.06 ของพื้นที่ทั้งหมด ได้แก่ พื้นที่ตอนกลางตอนใต้และตะวันออกของจังหวัดมีลักษณะเป็นที่ราบจนถึงพื้นที่ลูกคลื่นลอนลาดมีแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำน้อย ไหลผ่านพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วทุกอำเภอ เช่น<br /><br />แม่น้ำเจ้าพระยา ไหลผ่านอำเภอมโนรมย์ วัดสิงห์ เมืองชัยนาท และสรรพยา<br />แม่น้ำท่าจีน หรือแม่น้ำมะขามเฒ่า ไหลผ่านอำเภอวัดสิงห์ และหันคา<br />แม่น้ำน้อย ไหลผ่านอำเภอสรรคบุรี<br />คลองชลประทาน ซึ่งมีหลายสายไหลผ่านพื้นที่ต่าง ๆ ได้แก่ คลองอนุศาสนนันท์ คลองมหาราช คลองพลเทพ เป็นต้น ล้วนเป็นแหล่งน้ำสำคัญสำหรับการเกษตรกรรมตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วไป<br />นอกจากลักษณะภูมิประเทศเป็นพื้นที่ราบแล้ว ยังมีเนินเขาเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 1 – 3 กิโลเมตร กระจ่ายอยู่ทั่วไปที่สำคัญได้แก่ เขาธรรมามูล ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของจังหวัดชัยนาท เขาพลอง เขาขยาย เขากระดี่ เขาใหญ่เขารัก เขาดิน เขาหลัก เขาไก่ห้อย เขาสารพัดดี เขาราวเทียน เขาสรรพยา และเขาแก้ว เป็นต้น<br /><br />จังหวัดชัยนาทเป็นจังหวัดหนึ่งของภาคกลางตอนบน ซึ่งประกอบด้วยจังหวัด พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ลพบุรี สระบุรี และชัยนาท ตั้งอยู่บริเวณริมฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยาและเป็นตอนเหนือสุดของภาคกลาง บนเส้นรุ้งที่ 15 องศาเหนือ และเส้นแวงที่ 100 องศาตะวันออก สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 16.854 เมตร มีพื้นที่ประมาณ 2,469.746 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 1,543,591 ไร่หรือเท่ากับร้อยละ 15.5 ของพื้นที่ในภาคกลางตอนบนเป็นพื้นที่เกษตรกรรม 1,219,669 ไร่ หรือประมาณร้อยละ 79.02 ของพื้นที่ทั้งหมด ห่างจากกรุงเทพมหานคร ประมาณ 195 กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียงคือ<br /><br />-ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดอุทัยธานี และจังหวัดนครสวรรค์<br />-ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดสิงห์บุรี และจังหวัดสุพรรณบุรี<br />-ทิศตะวันออก ติดต่อกับจังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดสิงห์บุรี<br />-ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดอุทัยธานี<br /><br />ค่ารถ คุณนาย ราคาเต็ม ๖๒๕ บ.<br />ส่วนผมครึ่งราคา บัตรเหรียญชายแดน ๔๕๒ บ.ความจริงผู้สูงอายุเขาบอกลดครึ่งนะ แต่บริษัทบอกว่าต้องรถของ บขส.ไม่ว่ากันก็เราอยากไป ๕๕.
จังหวัดชัยนาท (จากวิกิพีเดีย สารานุกรมสรี)

ชัยนาท เดิมสะกดว่า ไชยนาท เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางของประเทศไทยมีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดต่าง ๆ ตามเข็มนาฬิกาจากทิศเหนือ ได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดอุทัยธานี

ชัยนาทแปลตามศัพท์มีความหมายว่า "เสียงบันลือแห่งชัยชนะ" เป็นเมืองโบราณเมืองหนึ่ง ตัวเมืองเดิมอยู่บริเวณฝั่งขวาแม่น้ำเจ้าพระยาที่ปากคลองแพรกศรีราชา ใต้ปากน้ำเก่า สันนิษฐานว่าคงจะสร้างขึ้นในสมัยพญาเลอไทครองกรุงสุโขทัยระหว่าง พ.ศ. 1860–1879 เมืองแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า เมืองแพรกหรือเมืองสรรค์ มีฐานะเป็นเมืองหน้าด่านทางใต้ เมื่อกรุงสุโขทัยเสื่อมอำนาจลง เมืองแพรกได้กลายเป็นเมืองหน้าด่านทางตอนเหนือของกรุงศรีอยุธยา ต่อมาได้เกิดชุมชนใหม่ไม่ไกลจากเมืองสรรค์ เมืองที่เกิดขึ้นใหม่นี้เป็นเมืองใหญ่ มีชื่อว่า ชัยนาท ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ย้ายตัวเมืองจากบริเวณแหลมยาง มาตั้งตรงฝั่งซ้ายแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนเมืองสรรค์นั้นเสื่อมลงเรื่อย ๆ เพราะผู้คนอพยพมาอยู่ที่ชัยนาทเป็นส่วนใหญ่ ในที่สุดก็กลายเป็นเพียงอำเภอหนึ่งของชัยนาทเท่านั้น ชัยนาทเป็นเมืองยุทธศาสตร์ที่สำคัญ เคยใช้เป็นที่ตั้งทัพรับศึกพม่าหลายครั้งและมีชัยทุกครั้งไป จึงเป็นที่มาของชื่อเมืองชัยนาทแห่งนี้

ภูมิศาสตร์ จังหวัดชัยนาทมีลักษณะภูมิประเทศ โดยทั่วไปเป็นพื้นที่ราบลุ่มมีพื้นที่ประมาณ 99.06 ของพื้นที่ทั้งหมด ได้แก่ พื้นที่ตอนกลางตอนใต้และตะวันออกของจังหวัดมีลักษณะเป็นที่ราบจนถึงพื้นที่ลูกคลื่นลอนลาดมีแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำน้อย ไหลผ่านพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วทุกอำเภอ เช่น

แม่น้ำเจ้าพระยา ไหลผ่านอำเภอมโนรมย์ วัดสิงห์ เมืองชัยนาท และสรรพยา
แม่น้ำท่าจีน หรือแม่น้ำมะขามเฒ่า ไหลผ่านอำเภอวัดสิงห์ และหันคา
แม่น้ำน้อย ไหลผ่านอำเภอสรรคบุรี
คลองชลประทาน ซึ่งมีหลายสายไหลผ่านพื้นที่ต่าง ๆ ได้แก่ คลองอนุศาสนนันท์ คลองมหาราช คลองพลเทพ เป็นต้น ล้วนเป็นแหล่งน้ำสำคัญสำหรับการเกษตรกรรมตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วไป
นอกจากลักษณะภูมิประเทศเป็นพื้นที่ราบแล้ว ยังมีเนินเขาเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 1 – 3 กิโลเมตร กระจ่ายอยู่ทั่วไปที่สำคัญได้แก่ เขาธรรมามูล ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของจังหวัดชัยนาท เขาพลอง เขาขยาย เขากระดี่ เขาใหญ่เขารัก เขาดิน เขาหลัก เขาไก่ห้อย เขาสารพัดดี เขาราวเทียน เขาสรรพยา และเขาแก้ว เป็นต้น

จังหวัดชัยนาทเป็นจังหวัดหนึ่งของภาคกลางตอนบน ซึ่งประกอบด้วยจังหวัด พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ลพบุรี สระบุรี และชัยนาท ตั้งอยู่บริเวณริมฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยาและเป็นตอนเหนือสุดของภาคกลาง บนเส้นรุ้งที่ 15 องศาเหนือ และเส้นแวงที่ 100 องศาตะวันออก สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 16.854 เมตร มีพื้นที่ประมาณ 2,469.746 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 1,543,591 ไร่หรือเท่ากับร้อยละ 15.5 ของพื้นที่ในภาคกลางตอนบนเป็นพื้นที่เกษตรกรรม 1,219,669 ไร่ หรือประมาณร้อยละ 79.02 ของพื้นที่ทั้งหมด ห่างจากกรุงเทพมหานคร ประมาณ 195 กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียงคือ

-ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดอุทัยธานี และจังหวัดนครสวรรค์
-ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดสิงห์บุรี และจังหวัดสุพรรณบุรี
-ทิศตะวันออก ติดต่อกับจังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดสิงห์บุรี
-ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดอุทัยธานี

ค่ารถ คุณนาย ราคาเต็ม ๖๒๕ บ.
ส่วนผมครึ่งราคา บัตรเหรียญชายแดน ๔๕๒ บ.ความจริงผู้สูงอายุเขาบอกลดครึ่งนะ แต่บริษัทบอกว่าต้องรถของ บขส.ไม่ว่ากันก็เราอยากไป ๕๕.
cat๑.jpg (68.13 KiB) เข้าดูแล้ว 987 ครั้ง
cat๒.jpg
cat๒.jpg (149.38 KiB) เข้าดูแล้ว 987 ครั้ง
cats๓.๑.jpg
cats๓.๑.jpg (134.81 KiB) เข้าดูแล้ว 987 ครั้ง
cats๓.๒.jpg
cats๓.๒.jpg (144.51 KiB) เข้าดูแล้ว 987 ครั้ง
cats๓.jpg
cats๓.jpg (144.94 KiB) เข้าดูแล้ว 987 ครั้ง
cats๔.jpg
cats๔.jpg (132.28 KiB) เข้าดูแล้ว 987 ครั้ง
รถออกจากเชียงใหม่เวลา ๐๗.๐๐ น.ถึงนครสวรรค์บ่ายโมงกว่า ๆ แต่เราห่อข้าวไปนั่งทานบนรถ เพราะร้านที่รถไปจอดมักหาเจทานยากไม่เหมือนแต่ก่อน
รถออกจากเชียงใหม่เวลา ๐๗.๐๐ น.ถึงนครสวรรค์บ่ายโมงกว่า ๆ แต่เราห่อข้าวไปนั่งทานบนรถ เพราะร้านที่รถไปจอดมักหาเจทานยากไม่เหมือนแต่ก่อน
cats๕.jpg (87.53 KiB) เข้าดูแล้ว 987 ครั้ง
cats๗.jpg
cats๗.jpg (134.96 KiB) เข้าดูแล้ว 987 ครั้ง
ชัยนาทเป็นจังหวัดที่สามารถปลูกส้มโอทุกพันธุ์ได้ผลดี ส้มโอสายพันธุ์ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดชัยนาทคือ ส้มโอพันธุ์ขาวแตงกวา ซึ่งมีลักษณะพิเศษดังนี้คือ ผลกลม ผิวเรียบ เปลือกบาง รสหวานกรอบอมเปรี้ยว ไม่มีรสขม ปัจจุบันจังหวัดเร่งส่งเสริมให้เกษตรกรชาวสวนปลูกกันเป็นอาชีพและจัดงานส้มโอชัยนาทเป็นประจำทุกปี ช่วงระหว่างปลายเดือนสิงหาคมหรือต้นเดือนกันยายนที่บริเวณหน้าศาลากลาง จังหวัดชัยนาท มีกิจกรรมที่น่าสนใจคือการประกวดส้มโอ การจัดนิทรรศการให้ความรู้ จากหน่วยงานทางราชการ การออกร้านจำหน่ายกิ่งพันธุ์และผลส้มโอของเกษตรกรชาวชัยนาท
ชัยนาทเป็นจังหวัดที่สามารถปลูกส้มโอทุกพันธุ์ได้ผลดี ส้มโอสายพันธุ์ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดชัยนาทคือ ส้มโอพันธุ์ขาวแตงกวา ซึ่งมีลักษณะพิเศษดังนี้คือ ผลกลม ผิวเรียบ เปลือกบาง รสหวานกรอบอมเปรี้ยว ไม่มีรสขม ปัจจุบันจังหวัดเร่งส่งเสริมให้เกษตรกรชาวสวนปลูกกันเป็นอาชีพและจัดงานส้มโอชัยนาทเป็นประจำทุกปี ช่วงระหว่างปลายเดือนสิงหาคมหรือต้นเดือนกันยายนที่บริเวณหน้าศาลากลาง จังหวัดชัยนาท มีกิจกรรมที่น่าสนใจคือการประกวดส้มโอ การจัดนิทรรศการให้ความรู้ จากหน่วยงานทางราชการ การออกร้านจำหน่ายกิ่งพันธุ์และผลส้มโอของเกษตรกรชาวชัยนาท
ตามที่เราสองคนได้ทำการบ้านร่วมกันถึงแนวทางการท่องเที่ยว ครั้งแรกเราจะลงที่ในตัวจังหวัดแล้วค่อยปั่นเที่ยวโดยใช้ รร.ในจังหวัดเป็นจุดศูนย์กลาง พอเราได้คุยกับคนรถ เขาก็แนนะนำให้ไปเริ่มต้นที่ อ.หันคา แล้วค่อยปั่นย้อนขึ้นเที่ยวมาเรื่อย ๆ มาจบที่ตัวจังหวัดจะประหยัดเวลาได้ดีกว่า <br /><br />เมื่อพิจารณาตามแผนที่และคำอธิบายของโชเฟอร์รถทัวร์ เราก็เห็นดีและคล้อยตาม รถก็พาเรามาส่งลงที่สามแยกวังกระชาย(ที่ป้อมตำรวจ) ปั่นเข้า อ.หันคาอีก ๙ กม.
ตามที่เราสองคนได้ทำการบ้านร่วมกันถึงแนวทางการท่องเที่ยว ครั้งแรกเราจะลงที่ในตัวจังหวัดแล้วค่อยปั่นเที่ยวโดยใช้ รร.ในจังหวัดเป็นจุดศูนย์กลาง พอเราได้คุยกับคนรถ เขาก็แนนะนำให้ไปเริ่มต้นที่ อ.หันคา แล้วค่อยปั่นย้อนขึ้นเที่ยวมาเรื่อย ๆ มาจบที่ตัวจังหวัดจะประหยัดเวลาได้ดีกว่า

เมื่อพิจารณาตามแผนที่และคำอธิบายของโชเฟอร์รถทัวร์ เราก็เห็นดีและคล้อยตาม รถก็พาเรามาส่งลงที่สามแยกวังกระชาย(ที่ป้อมตำรวจ) ปั่นเข้า อ.หันคาอีก ๙ กม.
cats๙.jpg (166.45 KiB) เข้าดูแล้ว 987 ครั้ง
cats๑๐.jpg
cats๑๐.jpg (136.76 KiB) เข้าดูแล้ว 987 ครั้ง
cats๑๑.jpg
cats๑๑.jpg (138.33 KiB) เข้าดูแล้ว 987 ครั้ง
เข้าตัวเมืองหันคาเราก็หาที่พัก แห่งแรกดูข้างนอกโอเคเลย..แต่พอเข้าไปข้างในเมื่อคิดสาระตะแล้วไม่น่าจะโอเค..เราก็ขอไปดูที่อื่นก่อนถ้าอย่างไรจะกลับมาใหม่ เจ้าของก็ดีใจหาย แนะนำรีสอร์ทให้เราด้วย เขาคงสังเกตุเห็นเราว่าน่าจะพิถีพิถันพอควร คงไม่น่าจะนอนรีสอร์ทได้ต้องกลับมาแน่ ๆ พอเราไปที่รีสอร์ทดูสสภาพแล้ว สงสารจังคนคงหายไปทิ้งร่องรอยความอลังการไว้ให้ได้ชม แต่สภาพปัจจุบันก็ไม่ได้เลวร้าย ราคาคืนละ ๕๐๐ บ.บวก ลบ กับ รร.แรกที่ราคา ๘๐๐ บ.เราว่าเรารับได้ เป็นอันว่าเราเลือกรีสอร์ทครับ
เข้าตัวเมืองหันคาเราก็หาที่พัก แห่งแรกดูข้างนอกโอเคเลย..แต่พอเข้าไปข้างในเมื่อคิดสาระตะแล้วไม่น่าจะโอเค..เราก็ขอไปดูที่อื่นก่อนถ้าอย่างไรจะกลับมาใหม่ เจ้าของก็ดีใจหาย แนะนำรีสอร์ทให้เราด้วย เขาคงสังเกตุเห็นเราว่าน่าจะพิถีพิถันพอควร คงไม่น่าจะนอนรีสอร์ทได้ต้องกลับมาแน่ ๆ พอเราไปที่รีสอร์ทดูสสภาพแล้ว สงสารจังคนคงหายไปทิ้งร่องรอยความอลังการไว้ให้ได้ชม แต่สภาพปัจจุบันก็ไม่ได้เลวร้าย ราคาคืนละ ๕๐๐ บ.บวก ลบ กับ รร.แรกที่ราคา ๘๐๐ บ.เราว่าเรารับได้ เป็นอันว่าเราเลือกรีสอร์ทครับ
cats๑๒.jpg (162 KiB) เข้าดูแล้ว 987 ครั้ง
cats๑๓.jpg
cats๑๓.jpg (149.23 KiB) เข้าดูแล้ว 987 ครั้ง
cats๑๔.jpg
cats๑๔.jpg (136.4 KiB) เข้าดูแล้ว 987 ครั้ง
cats๑๕.jpg
cats๑๕.jpg (75.98 KiB) เข้าดูแล้ว 987 ครั้ง
cats๑๖.jpg
cats๑๖.jpg (84.77 KiB) เข้าดูแล้ว 987 ครั้ง
cats๑๗.jpg
cats๑๗.jpg (92.12 KiB) เข้าดูแล้ว 987 ครั้ง
หลังจากที่เจรจากันเป็นที่เรียบร้อยเราก็เก็บเข้าของเข้าไว้ แล้วพากันออกไปตลาดไปหาอะไรกินยามเย็นและซื้อกลับที่พักไว้พรุ่งนี้เช้าจะได้มีของกิน เพราะที่รีสอร์ทไม่มีเลี้ยงใด ๆ  ขากลับเราแสนจะลิงโลดใจเพราะเราได้เจอเข้ากับ ริมไลท์ ตอนพระอาทิตย์ตกดินเป็นเวลานานมากแล้วที่เราไม่เจอภาพแบบนี้ นักทัวร์ริ่งมักโหยหากันมาก สมใจ ถูกใจ ตัดสินใจดีเยี่ยมวันนี้ ไม่รู้ดูแล้วมันจะริมไลท์ตรงไหน อย่างไร แต่เราก็ยังดีใจ เสียดายที่ไม่ได้พกพากล้อง Nikkon ตัวใหญ่มาด้วยจะได้เห็น  Rim Light จะจะ นะครับ
หลังจากที่เจรจากันเป็นที่เรียบร้อยเราก็เก็บเข้าของเข้าไว้ แล้วพากันออกไปตลาดไปหาอะไรกินยามเย็นและซื้อกลับที่พักไว้พรุ่งนี้เช้าจะได้มีของกิน เพราะที่รีสอร์ทไม่มีเลี้ยงใด ๆ ขากลับเราแสนจะลิงโลดใจเพราะเราได้เจอเข้ากับ ริมไลท์ ตอนพระอาทิตย์ตกดินเป็นเวลานานมากแล้วที่เราไม่เจอภาพแบบนี้ นักทัวร์ริ่งมักโหยหากันมาก สมใจ ถูกใจ ตัดสินใจดีเยี่ยมวันนี้ ไม่รู้ดูแล้วมันจะริมไลท์ตรงไหน อย่างไร แต่เราก็ยังดีใจ เสียดายที่ไม่ได้พกพากล้อง Nikkon ตัวใหญ่มาด้วยจะได้เห็น Rim Light จะจะ นะครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Deang-sarapee เมื่อ 16 ก.ย. 2023, 01:01, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4378
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:idea: :idea: #สูงวัย..ต้องรีบทำ

1.คิดอะไรได้..ให้รีบจด เพราะถ้าไม่รีบจดจะลืม

2.ถ้ายังเดินได้..ให้รีบเดิน เพราะยิ่งเดิน ยิ่งอายุยืน อย่างน้อยวันละ 20-30 นาที

3.นัดเจอเพื่อนได้..ให้รีบนัด เพราะ เวลาพวกเรา เหลือน้อยลงทุกที

4.กินอะไรได้..ให้รีบกิน ในขณะลิ้นยังรู้รสอร่อย

5.แบ่งสมบัติให้ทายาทได้ ให้รีบแบ่งไว้ให้เรียบร้อย

6.นอนได้..ให้รีบนอน อย่านอนเกินสี่ทุ่ม เพราะยิ่งนอนดึก ยิ่งอายุสั้น

:) 7.ไปเที่ยวได้..ให้รีบไป อย่าหาเหตุ ผลัดวันประกันพรุ่งอยู่ร่ำไป :)

8.หัวเราะได้..ให้รีบหัวเราะ และหัวเราะดังๆ จะทำให้เราอายุยืนยาวมากยิ่งขึ้น

9.ให้อะไรได้..ให้รีบให้ โดยเฉพาะการ "ให้อภัย" อย่าเอาความแค้น ความเกลียดชังความโกรธ มาแบกไว้ตลอดเวลา เพราะมันจะเผาไหม้ตัวเราเอง

10.บอกได้..ให้รีบบอก โดยเฉพาะ บอกความในใจดีๆ ที่อยากบอกกับคนใกล้ตัวที่เราเก็บซ่อนไว้นาน เพราะถ้าไม่บอกวันนี้ วันนั้น..เราอาจไม่มีโอกาสได้บอกเขาไปตลอดเลยก็ได้

Cr.ดร.พนม ปีย์เจริญ
:idea: :idea:
ไฟล์แนบ
cats๒๐.jpg
cats๒๐.jpg (72.61 KiB) เข้าดูแล้ว 949 ครั้ง
ตำรวจงานเข้าฉาวโฉ่มาเป็นอาทิตย์เลยนะ นับวันยิ่งตกต่ำไปเรื่อยๆ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีทางออก (น้อง ๆ ที่เบื่อทนไม่ไหว รีบเลยนะ) ครับ คือ:<br /><br />ทางเลือกใหม่<br /><br /> เสียงสะท้อนความ “เบื่อหน่าย” ในอาชีพผู้พิทักษ์สันติราษฎร์มาเป็นระยะ<br /><br />โครงการปรับเปลี่ยนกำลังพลรุ่น 24 ประจำปีงบประมาณ 2567 ถึงมีหลายคนสมัครใจเข้าคิวขอเกษียณก่อนกำหนดกันยาวเหยียด<br /><br />ว่อนโลกโซเชียลเป็นคำถามเกิดอะไรขึ้นกับตำรวจโรงพัก<br /><br />รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สถานีตำรวจนครบาลพระโขนง พร้อมใจพาเหรดกัน “ไขก๊อก”บอกลาเครื่องแบบสีกากี<br /><br />มีนายตำรวจคนหนึ่งแสดงทัศนะไว้น่าสนใจขออนุญาตแชร์เป็นข้อคิด<br /><br />เขาบอกว่า โครงการเกษียณก่อนกำหนดมาแล้ว ใครพร้อมแล้วจัดไปนะครับ<br /><br />“เมื่อคุณออกจากระบบตำรวจ คุณจะรู้ว่าโลกกว้างใหญ่ภายนอกนั้น น่าอยู่เพียงใด โอกาสมากมายรอท่านอยู่ให้ท่านเลือกเดินต่อไป”<br /><br />ที่สำคัญ ท่านไม่ต้องปวดหัว ไม่ต้องรอรับฟังคำสั่งรายวันจากศูนย์ปฏิบัติการตำรวจแห่งชาติ และผู้บริหารต่างๆ ที่อยาก “โชว์สมอง” ว่า “เก่ง” แย่งกันสั่งงานกับโครงการใหม่ที่สั่งมาแบบ “แห้ง ๆ” ไร้งบประมาณสนับสนุน<br /><br />ส่วนศูนย์ปฏิบัติการตำรวจแห่งชาตินะหรือ มันดีนะ แต่ใช้อย่างผิดๆ แทนที่จะใช้บริหารเหตุการณ์วิกฤติแต่เอามานั่งให้ฝ่ายต่างๆไปหาข่าวมาอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ให้ฟัง อ่านกันเองไม่เป็น แค่หลังเกษียณนะ คนเหล่านี้ ทำเองได้หมด<br /><br />สำหรับผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็คอยคิดหาคำสั่งหรูๆ มาสั่งมา “อวดภูมิกัน” โดยมีลูกน้องประจำสำนักงานนั่งหน้าใสๆ เป็น “นกเอี้ยง” เกาะสายไฟ<br /><br />เสนอหน้ากันสลอน<br /><br />อันที่จริงสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีทั้งแผน 20 ปี แผน 5 ปี มีนโยบายอยู่แล้ว “จะสั่งอะไรนักหนา” แค่สั่งว่า ต้องยึดนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็พอแล้ว<br /><br />ไม่ใช่สั่งรายวัน บ้าๆบอๆ พอมีเรื่องทีไร บินกันไปที่เกิดเหตุทุกที สร้างภาระให้เจ้าหน้าที่ต้องต้อนรับดูแล แล้วจะมีศูนย์ปฏิบัติการตำรวจแห่งชาติไปเพื่อ<br /><br />“บางคนถามว่า ทำไมผมไม่รอโครงการนี้ ผมก็เช่นกัน ผมถามตัวเองอยู่ราว 1-2 ชั่วโมง ระหว่างขับรถกลับไปยื่นใบลาออกว่าจะรอยศไหม แต่ก็ได้คำตอบในเชิงธรรมดาว่า ไม่ต้องรอ ได้ยศนายพลมา เวลาใส่ซองก็ต้องหนา ได้สายสะพายมาเกิดสะเพร่าทำหาย ต้องจ่ายสองแสนอีก”<br /><br />เอาเท่าที่ได้นี่แหละ แล้วลองหาสิ่งใหม่ๆดูดีกว่า<br /><br />ตอนนี้มองกลับมาที่ตำรวจ รู้สึกว่าตำรวจขาดแคลนสิ่งต่างๆมาก รวมทั้งค่าตอบแทนที่ต่ำ ทั้งๆที่ได้งบประมาณมหาศาลกว่าแสนล้านบาท แต่ด้วยขนาดองค์กรใหญ่มาก คนเยอะมาก ตำรวจที่เสี่ยงและเครียด เงินเดือนกะจึ้งนึง<br /><br />ขณะที่องค์กรใหม่ๆ ได้เงินเดือนสูงกว่าตำรวจมากๆ งานก็เบากว่ามาก แต่เราเพิ่มเงินเดือนตำรวจไม่ได้ และดูเหมือนระดับผู้ใหญ่ก็ไม่ได้สนใจอะไรพวกนี้มาก ไม่ทราบสาเหตุ<br /><br />“หรือท่านอิ่มแล้วลืมหิว หรือว่าท่านไม่ต้องคิดถึงเงินเดือนเลย”<br /><br />ถ้าตำรวจใช้เทคโนโลยีแล้วลดกำลังพล ทำงานให้มีประสิทธิภาพประสิทธิผลคุ้มค่า unit cost รับรองใครก็ต้องให้งบประมาณ<br /><br />เพราะเรามันเจ๋ง
ตำรวจงานเข้าฉาวโฉ่มาเป็นอาทิตย์เลยนะ นับวันยิ่งตกต่ำไปเรื่อยๆ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีทางออก (น้อง ๆ ที่เบื่อทนไม่ไหว รีบเลยนะ) ครับ คือ:

ทางเลือกใหม่

เสียงสะท้อนความ “เบื่อหน่าย” ในอาชีพผู้พิทักษ์สันติราษฎร์มาเป็นระยะ

โครงการปรับเปลี่ยนกำลังพลรุ่น 24 ประจำปีงบประมาณ 2567 ถึงมีหลายคนสมัครใจเข้าคิวขอเกษียณก่อนกำหนดกันยาวเหยียด

ว่อนโลกโซเชียลเป็นคำถามเกิดอะไรขึ้นกับตำรวจโรงพัก

รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สถานีตำรวจนครบาลพระโขนง พร้อมใจพาเหรดกัน “ไขก๊อก”บอกลาเครื่องแบบสีกากี

มีนายตำรวจคนหนึ่งแสดงทัศนะไว้น่าสนใจขออนุญาตแชร์เป็นข้อคิด

เขาบอกว่า โครงการเกษียณก่อนกำหนดมาแล้ว ใครพร้อมแล้วจัดไปนะครับ

“เมื่อคุณออกจากระบบตำรวจ คุณจะรู้ว่าโลกกว้างใหญ่ภายนอกนั้น น่าอยู่เพียงใด โอกาสมากมายรอท่านอยู่ให้ท่านเลือกเดินต่อไป”

ที่สำคัญ ท่านไม่ต้องปวดหัว ไม่ต้องรอรับฟังคำสั่งรายวันจากศูนย์ปฏิบัติการตำรวจแห่งชาติ และผู้บริหารต่างๆ ที่อยาก “โชว์สมอง” ว่า “เก่ง” แย่งกันสั่งงานกับโครงการใหม่ที่สั่งมาแบบ “แห้ง ๆ” ไร้งบประมาณสนับสนุน

ส่วนศูนย์ปฏิบัติการตำรวจแห่งชาตินะหรือ มันดีนะ แต่ใช้อย่างผิดๆ แทนที่จะใช้บริหารเหตุการณ์วิกฤติแต่เอามานั่งให้ฝ่ายต่างๆไปหาข่าวมาอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ให้ฟัง อ่านกันเองไม่เป็น แค่หลังเกษียณนะ คนเหล่านี้ ทำเองได้หมด

สำหรับผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็คอยคิดหาคำสั่งหรูๆ มาสั่งมา “อวดภูมิกัน” โดยมีลูกน้องประจำสำนักงานนั่งหน้าใสๆ เป็น “นกเอี้ยง” เกาะสายไฟ

เสนอหน้ากันสลอน

อันที่จริงสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีทั้งแผน 20 ปี แผน 5 ปี มีนโยบายอยู่แล้ว “จะสั่งอะไรนักหนา” แค่สั่งว่า ต้องยึดนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็พอแล้ว

ไม่ใช่สั่งรายวัน บ้าๆบอๆ พอมีเรื่องทีไร บินกันไปที่เกิดเหตุทุกที สร้างภาระให้เจ้าหน้าที่ต้องต้อนรับดูแล แล้วจะมีศูนย์ปฏิบัติการตำรวจแห่งชาติไปเพื่อ

“บางคนถามว่า ทำไมผมไม่รอโครงการนี้ ผมก็เช่นกัน ผมถามตัวเองอยู่ราว 1-2 ชั่วโมง ระหว่างขับรถกลับไปยื่นใบลาออกว่าจะรอยศไหม แต่ก็ได้คำตอบในเชิงธรรมดาว่า ไม่ต้องรอ ได้ยศนายพลมา เวลาใส่ซองก็ต้องหนา ได้สายสะพายมาเกิดสะเพร่าทำหาย ต้องจ่ายสองแสนอีก”

เอาเท่าที่ได้นี่แหละ แล้วลองหาสิ่งใหม่ๆดูดีกว่า

ตอนนี้มองกลับมาที่ตำรวจ รู้สึกว่าตำรวจขาดแคลนสิ่งต่างๆมาก รวมทั้งค่าตอบแทนที่ต่ำ ทั้งๆที่ได้งบประมาณมหาศาลกว่าแสนล้านบาท แต่ด้วยขนาดองค์กรใหญ่มาก คนเยอะมาก ตำรวจที่เสี่ยงและเครียด เงินเดือนกะจึ้งนึง

ขณะที่องค์กรใหม่ๆ ได้เงินเดือนสูงกว่าตำรวจมากๆ งานก็เบากว่ามาก แต่เราเพิ่มเงินเดือนตำรวจไม่ได้ และดูเหมือนระดับผู้ใหญ่ก็ไม่ได้สนใจอะไรพวกนี้มาก ไม่ทราบสาเหตุ

“หรือท่านอิ่มแล้วลืมหิว หรือว่าท่านไม่ต้องคิดถึงเงินเดือนเลย”

ถ้าตำรวจใช้เทคโนโลยีแล้วลดกำลังพล ทำงานให้มีประสิทธิภาพประสิทธิผลคุ้มค่า unit cost รับรองใครก็ต้องให้งบประมาณ

เพราะเรามันเจ๋ง
cats๑๙.jpg (94.06 KiB) เข้าดูแล้ว 949 ครั้ง
cats๑๙.๓.jpg
cats๑๙.๓.jpg (66.75 KiB) เข้าดูแล้ว 949 ครั้ง
คำขวัญ จังหวัดชัยนาท หลวงปู่ศุขลือชา เขื่อนเจ้าพระยาลือชื่อ นามระบือสวนนก ส้มโอดกขาวแตงกวา
คำขวัญ จังหวัดชัยนาท หลวงปู่ศุขลือชา เขื่อนเจ้าพระยาลือชื่อ นามระบือสวนนก ส้มโอดกขาวแตงกวา
cats๑๙.๒.jpg (42.54 KiB) เข้าดูแล้ว 949 ครั้ง
เมื่อครั้งที่ผมถูกอัปเปหิลงใต้ ผมต้องขับรถผ่านชัยนาทเป็นประจำทุกเดือน เพราะต้องมาดูแลลูกชายที่สอบติดสาธิต มช.(เป็นห่วง เขาไม่เคยห่างพ่อแม่เลย) เวลานั้นไม่ได้คิดเรื่องการท่องเที่ยวแต่อย่างใด คงผ่านแล้วผ่านเลยสังเกตุ &quot;ก็ไม่มีอะไร งั้น ๆ ละ&quot; แต่มาครั้งนี้บอกได้เลย &quot;คิดผิดนะ&quot; ในความไม่มีอะไรมักจะมีอะไรแฝงอยู่ ผมมาครั้งนี้ประทับใจมาก ๆ ไม่ผิดหวัง เราแบ่งการท่องเที่ยวของเราเป็น ๔ โซน ดังในภาพ ติดตามไปเรื่อย ๆ มีอะไรก็จะนำมาเล่าให้ฟัง เพื่อเป็นแรงใจให้ได้ออกไปเที่ยวกัน &quot;แก่แล้ว..อย่าอยู่บ้านครับ ออกไปท่องโลกครับ ไม่นานเราก็จะได้เฝ้าบ้านแบบถาวรอยู่แล้ว มีแรงก็ให้รีบไปอย่าโอ้เอ้นะ&quot;<br /><br />ชัยนาทที่ประทับใจสิ่งแรกเลย &quot;ทางจักรยานครับ&quot; พอรถขับเข้าเขตชัยนาท เห็นสองข้างทางปลูกดอกเฟื่องฟ้าแต่ตัดให้สั้นเรียบเป็นแนวยาวสุดลูกตา ซ้ายขวาถนนเป็น เลน สำหรับจักรยาน อย่างนี้ซิครับ สุดยอด ยกนิ้วให้แต่ก่อนไม่มีนะครับ เยี่ยมจริง ๆ
เมื่อครั้งที่ผมถูกอัปเปหิลงใต้ ผมต้องขับรถผ่านชัยนาทเป็นประจำทุกเดือน เพราะต้องมาดูแลลูกชายที่สอบติดสาธิต มช.(เป็นห่วง เขาไม่เคยห่างพ่อแม่เลย) เวลานั้นไม่ได้คิดเรื่องการท่องเที่ยวแต่อย่างใด คงผ่านแล้วผ่านเลยสังเกตุ "ก็ไม่มีอะไร งั้น ๆ ละ" แต่มาครั้งนี้บอกได้เลย "คิดผิดนะ" ในความไม่มีอะไรมักจะมีอะไรแฝงอยู่ ผมมาครั้งนี้ประทับใจมาก ๆ ไม่ผิดหวัง เราแบ่งการท่องเที่ยวของเราเป็น ๔ โซน ดังในภาพ ติดตามไปเรื่อย ๆ มีอะไรก็จะนำมาเล่าให้ฟัง เพื่อเป็นแรงใจให้ได้ออกไปเที่ยวกัน "แก่แล้ว..อย่าอยู่บ้านครับ ออกไปท่องโลกครับ ไม่นานเราก็จะได้เฝ้าบ้านแบบถาวรอยู่แล้ว มีแรงก็ให้รีบไปอย่าโอ้เอ้นะ"

ชัยนาทที่ประทับใจสิ่งแรกเลย "ทางจักรยานครับ" พอรถขับเข้าเขตชัยนาท เห็นสองข้างทางปลูกดอกเฟื่องฟ้าแต่ตัดให้สั้นเรียบเป็นแนวยาวสุดลูกตา ซ้ายขวาถนนเป็น เลน สำหรับจักรยาน อย่างนี้ซิครับ สุดยอด ยกนิ้วให้แต่ก่อนไม่มีนะครับ เยี่ยมจริง ๆ
cats๑๙.๑.jpg (74.94 KiB) เข้าดูแล้ว 949 ครั้ง
cats๒๑.jpg
cats๒๑.jpg (163.97 KiB) เข้าดูแล้ว 949 ครั้ง
cats๒๒.jpg
cats๒๓.jpg
cats๒๓.jpg (157.47 KiB) เข้าดูแล้ว 949 ครั้ง
cats๒๔.jpg
cats๒๔.jpg (158.87 KiB) เข้าดูแล้ว 949 ครั้ง
เช้าวันแรกที่ อ.หันคา เราปั่นไปกราบพระที่วัดพิชัยนาวาส (วัดบ้านเชี่ยน)ซึ่งทราบว่าที่วัดนี้ชาวบ้านศรัทธาและมีของดีให้ชมเยอะแยะมากมาย ที่ชอบก็ศาลากลางน้ำ ผมนั่งมองปล่อยจิตปล่อยใจให้ไปกับปลาที่ว่ายวนในสระ สนุกมากครับ<br /><br />วัดแห่งนี้มีอายุเก่าแก่ไม่ต่ำกว่า ๓๐๐ ปี สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยอยุธยาตอนกลาง ภายในพระอุโบสถให้ความสงบร่มเย็นเนื่องจากสร้างอยู่กลางสระน้ำ มีพระประธาน คือ &quot;หลวงพ่อโต&quot; เป็นพระพุทธรูปปางป่าเลไลย์ ปั้นด้วยปูนสอ ประทับนั่งห้อยพระบาท สูง ๔ เมตร ๕๔ ซม.ว่ากันว่าระหว่างสร้างพระประธานองค์นี้ บ้านเมืองได้เกิดระส่ำระส่ายจากสงครามเพราะเป็นพื้นที่ซึ่งกองทัพจากพม่าเดินทางผ่าน <br /><br />ทุก ๆ ปีทางวัดได้จัดงานนมัสการปิดทองสมโภชระหว่างเทศกาลวันเพ็ญเดือนสามและเทศกาลวันเพ็ญเดือนสิบสอง มรรคนายกเล่าว่า เป็นบรรยากาศที่ครึกครื้นและผู้คนอิ่มเอมไปกับการทำบุญโดยถ้วนหน้า
เช้าวันแรกที่ อ.หันคา เราปั่นไปกราบพระที่วัดพิชัยนาวาส (วัดบ้านเชี่ยน)ซึ่งทราบว่าที่วัดนี้ชาวบ้านศรัทธาและมีของดีให้ชมเยอะแยะมากมาย ที่ชอบก็ศาลากลางน้ำ ผมนั่งมองปล่อยจิตปล่อยใจให้ไปกับปลาที่ว่ายวนในสระ สนุกมากครับ

วัดแห่งนี้มีอายุเก่าแก่ไม่ต่ำกว่า ๓๐๐ ปี สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยอยุธยาตอนกลาง ภายในพระอุโบสถให้ความสงบร่มเย็นเนื่องจากสร้างอยู่กลางสระน้ำ มีพระประธาน คือ "หลวงพ่อโต" เป็นพระพุทธรูปปางป่าเลไลย์ ปั้นด้วยปูนสอ ประทับนั่งห้อยพระบาท สูง ๔ เมตร ๕๔ ซม.ว่ากันว่าระหว่างสร้างพระประธานองค์นี้ บ้านเมืองได้เกิดระส่ำระส่ายจากสงครามเพราะเป็นพื้นที่ซึ่งกองทัพจากพม่าเดินทางผ่าน

ทุก ๆ ปีทางวัดได้จัดงานนมัสการปิดทองสมโภชระหว่างเทศกาลวันเพ็ญเดือนสามและเทศกาลวันเพ็ญเดือนสิบสอง มรรคนายกเล่าว่า เป็นบรรยากาศที่ครึกครื้นและผู้คนอิ่มเอมไปกับการทำบุญโดยถ้วนหน้า
cats๒๕.JPG (134.3 KiB) เข้าดูแล้ว 949 ครั้ง
cats๒๖.jpg
cats๒๖.jpg (195.39 KiB) เข้าดูแล้ว 949 ครั้ง
cats๒๗.jpg
cats๒๗.jpg (153.4 KiB) เข้าดูแล้ว 949 ครั้ง
คุณนายสนุกสนากับการให้อาหารปลา(ถุงแล้วถุงเล่า) แถมบังคับให้ผมมาร่วมบุญโดยการให้อาหารด้วย ขัดไม่ได้ผมก็โปรยไปถุงหนึ่ง หว่านกว้างกลางสระ ดูปลาแย่งโฉบกันก็สนุกดีครับ<br /><br />นอกจากให้อาหารปลาแล้วเรายังร่วมบุญกับทางวัดเพื่อไว้เป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ตามสมควร ก่อนที่จะอำลาเดินทางไปยังวัดวังไกลกังวลต่อ ซึ่งที่วัดนี้เขาเล่าว่า ไม่ธรรมดา อย่าลืมติดตามเป็นกำลังใจกันนะครับ
คุณนายสนุกสนากับการให้อาหารปลา(ถุงแล้วถุงเล่า) แถมบังคับให้ผมมาร่วมบุญโดยการให้อาหารด้วย ขัดไม่ได้ผมก็โปรยไปถุงหนึ่ง หว่านกว้างกลางสระ ดูปลาแย่งโฉบกันก็สนุกดีครับ

นอกจากให้อาหารปลาแล้วเรายังร่วมบุญกับทางวัดเพื่อไว้เป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ตามสมควร ก่อนที่จะอำลาเดินทางไปยังวัดวังไกลกังวลต่อ ซึ่งที่วัดนี้เขาเล่าว่า ไม่ธรรมดา อย่าลืมติดตามเป็นกำลังใจกันนะครับ
cats๒๘.๑.jpg (159.81 KiB) เข้าดูแล้ว 949 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4378
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D "วัดไกลกังวล" สัมผัสความสงบ กับวัดสุดอลังกาล ณ จังหวัดชัยนาท :) :D

:o :o ออกจากวัดพิชัยนาวาส เรามุ่งหน้าสู่วัดไกลกังวล (ไกลกังวล ชื่อนี้ พลร่มทุกคนทราบซึ้ง"วังไกลกังวล"ครับ) อยู่ไม่ไกลปั่นไปแค่ยี่สิบนาทีก็ถึง เมื่อเข้าไปในวัดมีสิ่งสวยงามให้ได้ชม ตลอดจนได้กราบสรีระหลวงพ่อท่านเจ้าอาวาสผู้ก่อสร้างสถานที่แห่งนี้และท่านได้มรณภาพไปแล้ว แต่สรีระของท่านยังคงถูกเก็บไว้ให้สาธุชนได้กราบไหว้บูชา

หลังจากที่เราได้กราบสักการะสิ่งที่ควรบูชา และไม่ลืมที่จะร่วมบริจาคทรัพย์เพื่อร่วมทำนุบำรุงวัดตามกำลัง แล้วเราก็พากันเดินขึ้นดอยเพื่อไปชมภูเขาจำรองกับพระพุทธบาทสี่รอย และวิวทิวทัศน์รัศมี ๓๖๐ องศา

น่าจะเป็นสิ่งอัศจรรย์อีกครั้งที่วัดแห่งนี้ คือ "รปภ.ที่ดูแลไม่เอ่ยปากให้เราสองคน รอรถศรัทธาสาธุชนให้ติดรถขึ้นไปข้างบน เราขอเอาจักรยานปั่นขึ้นก็ไม่ได้ สำหรับการเดินผมจะมีปัญหามาก (หัวเข่าที่ไม่รองรับการเดินแต่ถ้าปั่นถึงไหนถึงกัน) วันนั้นพอรู้ว่าต้องเดิน ผมก็เลยยกมือวันทาอธิษฐานจิตขอให้การเดินครั้งนี้เป็นการเดินเพื่อ "รักษาหัวเข่า" ขออย่าให้มีอะไร(ความเจ็บ ปวดเกิดขึ้นเลย)

ขึ้นจนถึงยอดไม่มีอาการใด ๆ เลย ถึงยอดแล้วก้มกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอบคุณเหลือเกินที่ให้บรรลุผลสมดังตั้งใจ ขากลับติดรถญาติธรรมที่เขาขึ้นไปเที่ยว เอาบุญมาฝากทุกท่านทุกคนครับ :) :D
ไฟล์แนบ
cats๒๘.๒.jpg
วัดไกลกังวลเป็นวัดโบราณสมัยลพบุรี แต่ต่อมาตกอยู่ในสภาพร้าง ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่ เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2510<br /><br />ด้วยทำเลที่ตั้งวัดโอบล้อมรอบไปด้วยภูเขาและสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สวยงามทั้งสี่ด้าน โดยด้านทิศตะวันตกติดกับเขาดินสอ ถัดมาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเป็นเขาหนองสอด ด้านเหนือเป็นหมู่บ้านบ้านไร่สวนลาว ส่วนทิศตะวันออกเป็นหมู่บ้านหนองทาระกูและคลองชลประทานอู่ทอง-มะขามเฒ่า บรรยากาศอันแสนร่มรื่นไปด้วยภูเขา สงบเงียบและห่างไกลจากความวุ่นวายจึงกลายเป็นที่มาของชื่อวัดไกลกังวลแห่งนี้ ซึ่งเป็นวัดราษฎร์ สังกัดนิกาย มหานิกาย โดยวัดล้อมรอบไปด้วยกำแพงคอนกรีตถาวรสูง 3.70 เมตร ยาวรอบภูเขา 5 กิโลเมตร จึงได้ชื่อว่าเป็นกำแพงวัดที่ยาวที่สุดและล้อมป่าปลูกด้านทิศเหนือไว้ราว 2 กิโลเมตร <br /><br />ตามกองโบราณคดี กรมศิลปากร พิสูจน์พบว่าวัดไกลกังวลสร้างขึ้นในสมัยลพบุรีหรือประมาณ พ.ศ. 1002 หรือ 1,500 กว่าปีก่อน ละแวกใกล้เคียงของวัดทางด้านทิศเหนือของเชิงเขาใกล้บ้านสวนลาวมีวัดวิหารเก้าห้องซึ่งมีเจดีย์เก่าเป็นหลักฐานและบนยอดเขาหนองสอดก็มีเจดีย์เช่นเดียวกัน ด้านทิศตะวันออกบนพื้นราบของตีนเขามีวัดเก่าชื่อวัดไกรลาศหรือปัจจุบันคือ วัดเทพหิรัณย์ <br /><br />โบราณสถานเหล่านี้ ปลูกสร้างในสมัยลพบุรี สันนิษฐานได้จากวัสดุก่อสร้างที่เหลือให้เห็น เป็นซากเจดีย์ซึ่งก่อด้วยอิฐหนาใหญ่ยาว ส่วนเศษกระเบื้องดินเผาที่เหลือคือตะขอกระเบื้องซึ่งมีลักษณะงอแหลมยาวราวนิ้วชี้ ส่วนอื่น ๆ ที่เหลือเป็นส่วนองค์พระพุทธรูปแกะด้วยหินทรายแดง เช่น เศียร แขน และหน้าตัก ฯลฯ <br /><br />เล่ากันสืบมาว่า เมื่อวัดไกลกังวลตกอยู่ในสภาพรกร้าง ทายกทายิกาบ้านใกล้เรือนเคียงได้ช่วยกันนำพระพุทธรูปและโบราณวัตถุที่มีอยู่ไปไว้วัดที่มีพระสงฆ์ เช่น หลวงพ่อแดง อยู่ที่วัดประชุมธรรม หลวงพ่อดำ วัดหนองทาระภู พระพุทธมาลีศรีเนินขาม วัดเนินขามและระฆังอยู่ที่วัดหนอง พระพุทธรูปและโบราณวัตถุเหล่านี้ล้วนศักดิ์สิทธิ์และมีผู้เคารพนับถือกันมากจนกลายเป็นสมบัติคู่วัดคู่บ้านตราบจนถึงปัจจุบัน<br /><br />Cr.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
วัดไกลกังวลเป็นวัดโบราณสมัยลพบุรี แต่ต่อมาตกอยู่ในสภาพร้าง ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่ เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2510

ด้วยทำเลที่ตั้งวัดโอบล้อมรอบไปด้วยภูเขาและสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สวยงามทั้งสี่ด้าน โดยด้านทิศตะวันตกติดกับเขาดินสอ ถัดมาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเป็นเขาหนองสอด ด้านเหนือเป็นหมู่บ้านบ้านไร่สวนลาว ส่วนทิศตะวันออกเป็นหมู่บ้านหนองทาระกูและคลองชลประทานอู่ทอง-มะขามเฒ่า บรรยากาศอันแสนร่มรื่นไปด้วยภูเขา สงบเงียบและห่างไกลจากความวุ่นวายจึงกลายเป็นที่มาของชื่อวัดไกลกังวลแห่งนี้ ซึ่งเป็นวัดราษฎร์ สังกัดนิกาย มหานิกาย โดยวัดล้อมรอบไปด้วยกำแพงคอนกรีตถาวรสูง 3.70 เมตร ยาวรอบภูเขา 5 กิโลเมตร จึงได้ชื่อว่าเป็นกำแพงวัดที่ยาวที่สุดและล้อมป่าปลูกด้านทิศเหนือไว้ราว 2 กิโลเมตร

ตามกองโบราณคดี กรมศิลปากร พิสูจน์พบว่าวัดไกลกังวลสร้างขึ้นในสมัยลพบุรีหรือประมาณ พ.ศ. 1002 หรือ 1,500 กว่าปีก่อน ละแวกใกล้เคียงของวัดทางด้านทิศเหนือของเชิงเขาใกล้บ้านสวนลาวมีวัดวิหารเก้าห้องซึ่งมีเจดีย์เก่าเป็นหลักฐานและบนยอดเขาหนองสอดก็มีเจดีย์เช่นเดียวกัน ด้านทิศตะวันออกบนพื้นราบของตีนเขามีวัดเก่าชื่อวัดไกรลาศหรือปัจจุบันคือ วัดเทพหิรัณย์

โบราณสถานเหล่านี้ ปลูกสร้างในสมัยลพบุรี สันนิษฐานได้จากวัสดุก่อสร้างที่เหลือให้เห็น เป็นซากเจดีย์ซึ่งก่อด้วยอิฐหนาใหญ่ยาว ส่วนเศษกระเบื้องดินเผาที่เหลือคือตะขอกระเบื้องซึ่งมีลักษณะงอแหลมยาวราวนิ้วชี้ ส่วนอื่น ๆ ที่เหลือเป็นส่วนองค์พระพุทธรูปแกะด้วยหินทรายแดง เช่น เศียร แขน และหน้าตัก ฯลฯ

เล่ากันสืบมาว่า เมื่อวัดไกลกังวลตกอยู่ในสภาพรกร้าง ทายกทายิกาบ้านใกล้เรือนเคียงได้ช่วยกันนำพระพุทธรูปและโบราณวัตถุที่มีอยู่ไปไว้วัดที่มีพระสงฆ์ เช่น หลวงพ่อแดง อยู่ที่วัดประชุมธรรม หลวงพ่อดำ วัดหนองทาระภู พระพุทธมาลีศรีเนินขาม วัดเนินขามและระฆังอยู่ที่วัดหนอง พระพุทธรูปและโบราณวัตถุเหล่านี้ล้วนศักดิ์สิทธิ์และมีผู้เคารพนับถือกันมากจนกลายเป็นสมบัติคู่วัดคู่บ้านตราบจนถึงปัจจุบัน

Cr.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
cats๒๙.jpg
cats๒๙.jpg (148.26 KiB) เข้าดูแล้ว 895 ครั้ง
cats๓๐.jpg
cats๓๐.jpg (187.84 KiB) เข้าดูแล้ว 895 ครั้ง
พระอาจารย์สังวาลย์ เขมโก (หลวงพ่อใหญ่) เป็นผู้ถ่ายทอดการปฏิบัติธรรม ให้หลวงพ่อสำรวมได้เพียง ๑๐ เดือน เมื่อไปถึงวัดไกลกังวล ท่านก็กราบถวายตัวขอเป็นศิษย์ ของหลวงพ่อสังวาลย์ มอบกายถวายชีวิตให้ท่านและปวารณาตัวว่า ” เกล้ากระผมจะขอเชื่อฟังแต่คำสั่งสอนของครูบาอาจารย์อย่างเดียว เกล้ากระผมจะไม่ขอเชื่อใจตัวเองเลย ” <br /><br />เมื่อได้ฟังเช่นนี้หลวงพ่อสังวาลย์ก็ยกมือขึ้นสาธุ และกล่าวว่า ” ไม่เคยมีใครมาปวารณาตัวกับผมเช่นนี้เลย ” และสิ่งนี้ก็เป็นหลักให้หลวงพ่อสำรวม สิริภัทโท ยึดถือมาตลอด ถ้าท่านคิดอะไรทำอะไรที่ไม่ตรงกับคำสอนของครูบาอาจารย์ ท่านก็จะไม่เชื่อใจตนเอง หลวงพ่อสังวาลย์ ได้เทศน์ให้ท่านฟังสั้น ๆ เพียง ๓ ประโยค คือ<br /><br />๑. ปฏิบัติให้เห็นทุกข์ ในทุก ๆ อิริยาบถ<br />๒. กำหนดให้ได้ปัจจุบัน<br />๓. อิริยาบถทั้งสี่(ยืน เดิน นั่ง นอน) และอิริยาบถปลีกย่อย ล้วนแต่เป็นเครื่องปิดบังทุกข์ ไม่ให้ผู้ปฏิบัติเห็น หรือรู้จักทุกข์<br /><br />หลวงพ่อสำรวม สิริภทฺโท อดีตเจ้าอาวาสวัดไกลกังวล จ.ชัยนาท ท่านเรียนจบชั้น ป.๔ (ร.ร.สว่างศรีราษฎร์อุทิศ) ปี พ.ศ.๒๔๙๕ ส่วนในทางธรรม นักธรรมโท ปี พ.ศ.๒๕๑๙<br />ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาส วัดไกลกังวล ตั้งแต่ วันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๓ จนกระทั่งมรณภาพและได้จากไปอย่างสงบ ด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือด เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เวลา ๐๘.๓๔ น. สิริอายุ ๗๗ ปี ๒๔ วัน พรรษา ๕๑<br /><br />◎ โอวาทธรรม หลวงพ่อสำรวม สิริภัทโท วัดไกลกังวล (เขาสารพัดดีฯ) อ.หันคา จ.ชัยนาท<br /><br />“..ทุกคนเลือกเกิดได้ แต่ไม่ใช่ไปเกิดแล้ว จึงจะมาเลือกกัน จะเลือกกันก็คือ เลือกสร้างกรรมก่อน ณ เวลานี้ขณะนี้<br /><br />เราอยากได้อะไร เราก็สร้างอันนั้น ทำอย่างนั้นขึ้น ให้มีอยู่ในใจของเราเสียก่อน แล้วพอเราแตกกายทำลายขันธ์ กรรมอันนี้ก็นำเราไป นำพาเราไปสู่ภพภูมิที่เราสร้างไว้แล้วในจิตใจของเรา เหมือนลูกศรชี้บอกจุดหมายปลายทางของชีวิตของเรา..”
พระอาจารย์สังวาลย์ เขมโก (หลวงพ่อใหญ่) เป็นผู้ถ่ายทอดการปฏิบัติธรรม ให้หลวงพ่อสำรวมได้เพียง ๑๐ เดือน เมื่อไปถึงวัดไกลกังวล ท่านก็กราบถวายตัวขอเป็นศิษย์ ของหลวงพ่อสังวาลย์ มอบกายถวายชีวิตให้ท่านและปวารณาตัวว่า ” เกล้ากระผมจะขอเชื่อฟังแต่คำสั่งสอนของครูบาอาจารย์อย่างเดียว เกล้ากระผมจะไม่ขอเชื่อใจตัวเองเลย ”

เมื่อได้ฟังเช่นนี้หลวงพ่อสังวาลย์ก็ยกมือขึ้นสาธุ และกล่าวว่า ” ไม่เคยมีใครมาปวารณาตัวกับผมเช่นนี้เลย ” และสิ่งนี้ก็เป็นหลักให้หลวงพ่อสำรวม สิริภัทโท ยึดถือมาตลอด ถ้าท่านคิดอะไรทำอะไรที่ไม่ตรงกับคำสอนของครูบาอาจารย์ ท่านก็จะไม่เชื่อใจตนเอง หลวงพ่อสังวาลย์ ได้เทศน์ให้ท่านฟังสั้น ๆ เพียง ๓ ประโยค คือ

๑. ปฏิบัติให้เห็นทุกข์ ในทุก ๆ อิริยาบถ
๒. กำหนดให้ได้ปัจจุบัน
๓. อิริยาบถทั้งสี่(ยืน เดิน นั่ง นอน) และอิริยาบถปลีกย่อย ล้วนแต่เป็นเครื่องปิดบังทุกข์ ไม่ให้ผู้ปฏิบัติเห็น หรือรู้จักทุกข์

หลวงพ่อสำรวม สิริภทฺโท อดีตเจ้าอาวาสวัดไกลกังวล จ.ชัยนาท ท่านเรียนจบชั้น ป.๔ (ร.ร.สว่างศรีราษฎร์อุทิศ) ปี พ.ศ.๒๔๙๕ ส่วนในทางธรรม นักธรรมโท ปี พ.ศ.๒๕๑๙
ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาส วัดไกลกังวล ตั้งแต่ วันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๓ จนกระทั่งมรณภาพและได้จากไปอย่างสงบ ด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือด เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เวลา ๐๘.๓๔ น. สิริอายุ ๗๗ ปี ๒๔ วัน พรรษา ๕๑

◎ โอวาทธรรม หลวงพ่อสำรวม สิริภัทโท วัดไกลกังวล (เขาสารพัดดีฯ) อ.หันคา จ.ชัยนาท

“..ทุกคนเลือกเกิดได้ แต่ไม่ใช่ไปเกิดแล้ว จึงจะมาเลือกกัน จะเลือกกันก็คือ เลือกสร้างกรรมก่อน ณ เวลานี้ขณะนี้

เราอยากได้อะไร เราก็สร้างอันนั้น ทำอย่างนั้นขึ้น ให้มีอยู่ในใจของเราเสียก่อน แล้วพอเราแตกกายทำลายขันธ์ กรรมอันนี้ก็นำเราไป นำพาเราไปสู่ภพภูมิที่เราสร้างไว้แล้วในจิตใจของเรา เหมือนลูกศรชี้บอกจุดหมายปลายทางของชีวิตของเรา..”
cats๓๑.jpg (178.74 KiB) เข้าดูแล้ว 895 ครั้ง
cats๓๒.jpg
cats๓๒.jpg (217.64 KiB) เข้าดูแล้ว 895 ครั้ง
cats๓๓.JPG
cats๓๔.jpg
cats๓๔.jpg (221.3 KiB) เข้าดูแล้ว 895 ครั้ง
cats๓๕.jpg
cats๓๕.jpg (125.59 KiB) เข้าดูแล้ว 895 ครั้ง
cats๓๖.jpg
cats๓๖.jpg (165.17 KiB) เข้าดูแล้ว 895 ครั้ง
“พระพุทธเจ้าน้อย” หรือ “พระมหาโพธิสัตว์สิทธัตถะราชกุมาร” ปางประสูติชี้ฟ้าชี้ดิน พุทธสัญลักษณ์รูปแทนของเจ้าชายสิทธัตถะเมื่อครั้งประสูติจากพระครรภ์มารดา โดยทรงมีสติระลึกทบทวนถึง “เป้าหมายของชีวิต” ที่อุบัติมาเป็นมนุษย์ในชาติสุดท้ายนั้น แล้วทรงประทับยืน ยกพระหัตถ์ขวานิ้วชี้ ชี้ขึ้นฟ้า พระหัตถ์ซ้ายนิ้วชี้ ชี้ลงดิน กล่าวเปล่งอาสภิวาจาว่า “เราคือมหาบุรุษ และนี่จะเป็นพระชาติสุดท้ายของเรา!!!”
“พระพุทธเจ้าน้อย” หรือ “พระมหาโพธิสัตว์สิทธัตถะราชกุมาร” ปางประสูติชี้ฟ้าชี้ดิน พุทธสัญลักษณ์รูปแทนของเจ้าชายสิทธัตถะเมื่อครั้งประสูติจากพระครรภ์มารดา โดยทรงมีสติระลึกทบทวนถึง “เป้าหมายของชีวิต” ที่อุบัติมาเป็นมนุษย์ในชาติสุดท้ายนั้น แล้วทรงประทับยืน ยกพระหัตถ์ขวานิ้วชี้ ชี้ขึ้นฟ้า พระหัตถ์ซ้ายนิ้วชี้ ชี้ลงดิน กล่าวเปล่งอาสภิวาจาว่า “เราคือมหาบุรุษ และนี่จะเป็นพระชาติสุดท้ายของเรา!!!”
cats๓๗.๑.jpg (107.36 KiB) เข้าดูแล้ว 895 ครั้ง
cats๓๗.jpg
cats๓๗.jpg (164.81 KiB) เข้าดูแล้ว 895 ครั้ง
cats๓๘.๑.jpg
cats๓๘.๑.jpg (153.19 KiB) เข้าดูแล้ว 895 ครั้ง
cats๓๘.jpg
cats๓๘.jpg (113.22 KiB) เข้าดูแล้ว 895 ครั้ง
cats๓๙.jpg
cats๓๙.jpg (144.83 KiB) เข้าดูแล้ว 895 ครั้ง
เราได้ร่วมบุญด้วยการบริจาคทรัพย์และเขียนชื่อลงในแผ่นทองเพื่อนำไปก่อสร้าง &quot;พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์&quot; ซึ่งกำลังก่อสร้าง ถ้าเราอยู่บนยอดเจดีย์จำรองเราจะมองเห็นศาลาพระเจ้า ๕ พระองค์สวยงามชัดเจน ไว้แล้วเสร็จไม่แน่เราอาจจะกลับมาอีก
เราได้ร่วมบุญด้วยการบริจาคทรัพย์และเขียนชื่อลงในแผ่นทองเพื่อนำไปก่อสร้าง "พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์" ซึ่งกำลังก่อสร้าง ถ้าเราอยู่บนยอดเจดีย์จำรองเราจะมองเห็นศาลาพระเจ้า ๕ พระองค์สวยงามชัดเจน ไว้แล้วเสร็จไม่แน่เราอาจจะกลับมาอีก
cats๔๐.jpg (142.06 KiB) เข้าดูแล้ว 895 ครั้ง
แก้ไขล่าสุดโดย Deang-sarapee เมื่อ 16 ก.ย. 2023, 15:16, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4378
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D ชวนเที่ยวเขาสารพัดดี วัดไกลกังวล​ อ.หันคา​ จ.ชัยนาท :) :D

:lol: :lol: ในภาพวีดีโออยากจะเชิญชวนให้ดูนาทีที่ ๒ เป็นต้นไป เป็นการปีนขึ้นเขาจำรองที่สร้างขึ้นเพื่อครอบเจดีย์และรอยพระพุทธบาท ทางขึ้นสูงชัน แคบและลื่นต้องระมัดระวังด้วยนะครับ พอขึ้นถึงจุดสูงสุดก็จะเห็นวิวทิวทัศน์ท้องที่แบบ ๓๖๐ องศา และมองเห็นศาลาพระพุทธรูป ๕ พระองค์ที่กำลังก่อสร้าง อากาศดีมาก สบายตาสบายใจ ถ้าคนไม่เยอะ น่าจะลองสมาธิบนนั้นบ้างคงดีแน่ ๆ :lol: :lol:
ไฟล์แนบ
cats๔๑.jpg
cats๔๑.jpg (148.69 KiB) เข้าดูแล้ว 888 ครั้ง
cats๔๒.jpg
cats๔๒.jpg (91.92 KiB) เข้าดูแล้ว 888 ครั้ง
cats๔๓.jpg
cats๔๓.jpg (68.01 KiB) เข้าดูแล้ว 888 ครั้ง
cats๔๔.jpg
cats๔๔.jpg (113.5 KiB) เข้าดูแล้ว 888 ครั้ง
cats๔๕.jpg
cats๔๕.jpg (135.69 KiB) เข้าดูแล้ว 888 ครั้ง
cats๔๖.๑.jpg
cats๔๖.๑.jpg (175.79 KiB) เข้าดูแล้ว 888 ครั้ง
cats๔๖.jpg
cats๔๖.jpg (144.72 KiB) เข้าดูแล้ว 888 ครั้ง
บทส่งท้ายวัดไกลกังวล ตั้งอยู่บนเขาสารพัดดี ตำบลบ้านเชี่ยน อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท มีบรรยากาศร่มรื่นไปทั้งภูเขามีต้นไม้นานาพันธุ์ ทั้งที่ขึ้นโดยธรรมชาติและปลูกขึ้นภายหลัง มี รั้วรอบขอบชิดด้วยกำแพงถาวรสูง ๓.๗๐ เมตร ยาวรอบภูเขา ๕ กิโลเมตร ซึ่งนับว่า เป็นกำแพงวัด ที่ยาวที่สุดในโลก และมีกำแพงล้อมป่าปลูกด้านทิศเหนืออีกราว ๒ กิโลเมตร เพื่อใช้เป็นพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์ป่าหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น เก้ง กวาง นกยูง เป็นต้น โดยมีการเลี้ยงในลักษณะสวนสัตว์เปิด ไม่มีกรง ปัจจุบันเปิดให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม
บทส่งท้ายวัดไกลกังวล ตั้งอยู่บนเขาสารพัดดี ตำบลบ้านเชี่ยน อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท มีบรรยากาศร่มรื่นไปทั้งภูเขามีต้นไม้นานาพันธุ์ ทั้งที่ขึ้นโดยธรรมชาติและปลูกขึ้นภายหลัง มี รั้วรอบขอบชิดด้วยกำแพงถาวรสูง ๓.๗๐ เมตร ยาวรอบภูเขา ๕ กิโลเมตร ซึ่งนับว่า เป็นกำแพงวัด ที่ยาวที่สุดในโลก และมีกำแพงล้อมป่าปลูกด้านทิศเหนืออีกราว ๒ กิโลเมตร เพื่อใช้เป็นพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์ป่าหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น เก้ง กวาง นกยูง เป็นต้น โดยมีการเลี้ยงในลักษณะสวนสัตว์เปิด ไม่มีกรง ปัจจุบันเปิดให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม
cats๔๗.๑.jpg (186.2 KiB) เข้าดูแล้ว 888 ครั้ง
cats๔๗.jpg
cats๔๗.jpg (118.8 KiB) เข้าดูแล้ว 888 ครั้ง
cats๔๘.jpg
cats๔๘.jpg (138.14 KiB) เข้าดูแล้ว 888 ครั้ง
cats๔๙.JPG
cats๔๙.JPG (139.87 KiB) เข้าดูแล้ว 888 ครั้ง
ออกจากวัดได้เวลาเติมพลัง เราปั่นออกมาปากทางเจอเข้ากับร้านครัววันดี ดูแล้วน่าจะทำมัง ฯ ให้เราทานได้จึงแวะเข้าไป ปรากฏว่าเจ้าของร้านพาแม่ไป รพ.โชคดีที่คนในร้านมีเบอร์โทร ฯ จึงอาสาโทร ฯ ถาม... &quot;กลับร้านละยัง&quot; เจ้าของร้านบอกมาทาง โทร ฯ... &quot;รอแป๊บจะถึงแล้ว&quot; เป็นอันว่าเราได้ผัดไทยมังสวิรัติที่แสนอร่อย โชคดีมันเป็นแบบนี้ไง ๕๕๕.
ออกจากวัดได้เวลาเติมพลัง เราปั่นออกมาปากทางเจอเข้ากับร้านครัววันดี ดูแล้วน่าจะทำมัง ฯ ให้เราทานได้จึงแวะเข้าไป ปรากฏว่าเจ้าของร้านพาแม่ไป รพ.โชคดีที่คนในร้านมีเบอร์โทร ฯ จึงอาสาโทร ฯ ถาม... "กลับร้านละยัง" เจ้าของร้านบอกมาทาง โทร ฯ... "รอแป๊บจะถึงแล้ว" เป็นอันว่าเราได้ผัดไทยมังสวิรัติที่แสนอร่อย โชคดีมันเป็นแบบนี้ไง ๕๕๕.
cats๕๐.jpg (156.16 KiB) เข้าดูแล้ว 888 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4378
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D คุณไสย ความรู้และเครื่องมือกำจัดศัตรคู่อาฆาตสมัยโบราณ

ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เป็นต้นมาที่สังคมเริ่มมี “พระเครื่อง” เกิดขึ้น พระเครื่องนี้เข้ามาแทนที่บรรดาเครื่องรางของขลังที่ผู้คนในสังคมใช้ก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็น ผ้าประเจียด, ตะกรุด, ผ้ายันต์ และวัตถุไสยศาสตร์อื่นๆ เพราะพระเครื่องนำเอาพุทธคุณมาผสมผสานกับความเชื่อที่เป็นไสยขาว ทำให้กลายเป็นวัตถุสำเร็จรูปที่รวมของบรรดาของขลังที่พกพาสะดวก, ง่ายต่อการเอาใจใส่ และร่วมสมัยมากขึ้น

อีกด้านที่เป็นไสยดำ ที่มีไว้กำจัดศัตรูคู่แค้น

ดังที่เรามักได้ยินคำว่า “โดนของ” ด้วยการเสกสิ่งต่างๆ เข้าร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ตะปู, เข็ม, หนัง (ควาย) เข้าท้อง ฯลฯ ในภาพยนตร์, ข่าว, ในชีวิตจริงสำหรับบางคน เพราะในสังคมเก่า “คุณไสย” เป็นทั้งความรู้ เป็นเครื่องมือการป้องกันตนเอง และจัดการฝ่ายตรงข้ามในเวลาเดียวกัน ของผู้คนในหลากหลายเชื้อชาติ

ซึ่งหนึ่งผู้ที่ขึ้นชื่อว่ามีความสามารถในด้านนี้คือ เขมร หรือ ส่วย

คนเขมรเรียกคุณไสยว่า “อำเปอ” หรือ วัตถุที่อยู่ในอำนาจเวทมนตร์สามารถสั่งให้ไปทำอะไรได้ตามที่ใจต้องการ เช่น หนังควาย, ตะปู, ขี้ผึ้ง, ว่าน, กระดูก, เส้นผม ฯลฯ

แต่สิ่งที่นำเข้าร่างกายที่ร้ายกาจและมีผลรุนแรงที่สุดได้แก่ “อำเปอ กรรไตร-เสกกรรไกรเข้าท้อง” ผู้ถูกกระทำจะเสียชีวิตภายในเวลาไม่เกิน 3 วัน เพราะกรรไกรจะเข้าไปตัดลำไส้ภายในร่างกาย

แต่ที่รู้กันกว้างขวางคงเป็น “อำเปอ สะแบก-เสกหนัง (ควาย) เข้าท้อง” การเสกหนังเข้าท้องนั้น จะเอาหนังควายทั้งตัวมาวางตรงหน้า แล้วใช้ต้นหวายขนาดเท่านิ้วมือร่ายมนต์เคาะหนังนั้น ที่จะค่อยๆ หดตัวเล็กลงๆ จนเท่านิ้วก้อย แล้วจึงสั่งให้ลอยไปเข้าท้องผู้เป็นเป้าหมาย แล้วเสกขยายให้ใหญ่ขึ้นๆ เท่าเดิม ทำให้คับท้องและอึดอัดตายในที่สุด

นอกจากนี้ยังมีคุณไสยประเภทอื่นๆ เช่น คุณไสยที่ทำจากขี้ผึ้ง เส้นผม ว่าน ฯลฯ ที่ทำให้คนที่ถูกคุณไสยมีอาการฟั่นเฟือน บ้าคลั่ง, การฝังรูปฝังรอย ก็อาจทำให้เจ็บป่วยเรื้อรัง ฯลฯ

เมื่อมีการใช้ก็ต้องมีการแก้ไขป้องกัน

การถอนคุณไสย มีตั้งแต่การรดหรืออาบน้ำมนต์ คุณไสยที่โดนก็จะออกจากร่างกายออกมา, การกินยาสมุนไพร เช่น ยาแก้คุณไสยที่ทำให้เป็นบ้า จะใช้รากชะอม ส้มป่อย รากกระถินพิมาน ตะปูที่ตอกโรงศพ และถ่านที่เขาเผาผี 7 ชิ้นมาผูกรวมกันด้วยด้ายดำต้มดื่ม, การสวดมนต์ถอน ฯลฯ

ส่วนการป้องกันด้วยการพกพาพระเครื่อง แต่ก่อนหน้าที่ยังไม่มีก็ใช้ตะกรุด, ผ้ายันต์, รากไม้บางชนิด, มนต์บังตัวไม่ให้ถูกทำของ ฯลฯ แน่นอนว่าไสยศาสตร์ก็มีจุดอ่อน และบางครั้งก็ทำอะไรบางคนไม่ได้ นั่นก็คือคนที่มีผิวสีทองแดง (คือร่างกายสดชื่น จิตใจสงบดี สุขภาพกายใจดี)

แต่ทุกวันนี้การใช้ไสยศาสตร์ทำลายศัตรูคู่อาฆาต ไม่ค่อยมีให้เห็น เพราะเป็นเรื่องที่ต้องแอบทำด้วยความผิดและการแก้แค้น แต่ที่สำคัญคนที่มีวิชาจริงลดน้อยลง และยังมีอาวุธอย่างปืน รวมถึงมือปืนรับจ้าง ที่เร็วทันใจ ไม่ต้องรอผลนานอีกต่อไป

Cr.ผู้เขียน เสมียนนารี เผยแพร่ วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 :idea: :idea:


:D :) ช่วงที่เรานั่งทานผัดไทยแสนอร่อยปากทางเข้าวัดไกลกังวล เราก็คุยกันจะไปต่อที่ไหน งัดโพยออกมาดูแถบนี้เหมือนจะหมดแล้ว โชคดีมีคนวัดสองคนผัวเมียที่มาช่วยงานวัดได้ขี่มอไซค์ มากินข้าวเที่ยงที่ร้านด้วย เจอเราก็เข้ามาคุยและสอบถามจะไปไหนต่อ เราก็เลยสอบถามแถบนี้ยังมีที่ใดอีกไหมที่ควรไปเที่ยว ก็เลยได้รับคำแนะนำให้ไปวัดเทพหิรัณย์ ที่วัดนี้เขาบอกสวยงามมาก ๆ ที่สำคัญมีหลวงปู่ฤาษีตาไฟ ที่คนละแวกนี้และคนชัยนาทให้ความเคารพบูชามาก ( :o :o
ไฟล์แนบ
cats๕๒.jpg
cats๕๒.jpg (147.77 KiB) เข้าดูแล้ว 1127 ครั้ง
cats๕๓.jpg
cats๕๓.jpg (155.34 KiB) เข้าดูแล้ว 1127 ครั้ง
วัดเทพหิรัณย์ (วัดหนองทาระภู) เป็นวัดที่มืชื่อเสียงทางด้านพระเครื่องและความศักดิ์สิทธิ์ของ “หลวงปู่ฤาษีตาไฟ” โดยเชื่อกันว่าหากใครได้มาจุดธูปอธิษฐานของพระสิ่งใดต่อหน้าองค์ฤาษีตาไฟก็จะสัมฤทธิ์ผล สมดั่งปรารถนา ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชาวบ้าน ผู้ศรัทธา นักท่องเที่ยวเดินทางมากราบไหว้สักการะขอพรเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงวันสำคัญทางศาสนา <br /><br />ประวัติ<br /><br />วัดเทพหิรัณย์ เดิมชื่อว่า วัดหนองทาระภู เริ่มก่อสร้างเป็นที่พักสงฆ์ เมื่อปี พ.ศ. 2509 ใช้ชื่อว่าที่พักสงฆ์ “หนองทาระภู” (ชื่อของหมู่บ้าน) ตั้งอยู่ หมู่ที่ 11 ตำบลบ้านเชี่ยน อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท โดยมี พระภิกษุแสวง สุจิณฺโณ เป็นประธารสงฆ์ร่วมกับญาติโยม คือ นายน้อย เบ็ญจวรรณ นายเทศ เข็มเงิน นายสุด สุขโข และนายบางโฉมเชิด <br /><br />ต่อมาพระภิกษุแสวง สุจินณฺโณ ได้ย้ายไปอยู่อารามอื่น จึงว่างไม่มีพระที่จะเป็นประธานสงฆ์ ญาติโยมจึงได้นิมนต์ พระภิกษุนาค (หลวงพ่อนาค) วัดปากน้ำ ตำบลปากน้ำ อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ทำเป็นประธานสงฆ์ พ.ศ. 2520 หลวงพ่อนาค ได้มรณภาพลง ได้มีพระผู้เฒ่าดูแลวัดเรื่อยมา พ.ศ. 2521 ได้ขออนุญาตสร้างวัด โดยนายสุมนต์ เบ็ญจวรรณ เป็นผู้ได้รับอรุญาตให้สร้างวัดหนองทาระภูขึ้นที่หมู่ที่ 11 ตำบลบ้านเชี่ยน อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท ตามประกาศเมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2521 <br /><br />โดยที่ดินที่ขออนุญาตสร้างวัดมีเนื้อที่ 2 แปลง 8 ไร่ 2 งาน ของนายสุมนต์ เบ็ญจวรรณ และนายถนอม เปี่ยมสิน พ.ศ. 2522 ได้รับประกาศตั้งวัดขึ้นในพระพุทธศาสนา มีนามว่า “วัดหนองทาระภู” เมื่อวันที่ 22 มกราคม <br /><br />เมื่อเป็นวัดที่ถูกต้องตามกฎกระทรวงและกฎมหาเถรสมาคมแล้ว ยังหาพระที่มีคุณสมบัติเป็นเจ้าอาวาสไม่ได้ จวบจนกระทั่งในต้นปี พ.ศ. 2532 เจ้าคณะจังหวัดชัยนาทจึงได้แต่งตั้งพระสุทร สิริจนฺโท เป็นเจ้าอาวาสและในปลายปีนั้นเอง พระอธิการสุนทร สิริจนฺโท ได้ลาออกจากเจ้าอาวาส ทำให้ตำแหน่งเจ้าอาวาสว่างลงประชาชนหมู่ที่ 11 และใกล้เคียงจึงได้อาราธนาหลวงปู่ (พระครูไพศาลชัยกิจ) มาจำพรรษาที่วัดและได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสในปี พ.ศ. 2533 <br /><br />ตั้งแต่หลวงปู่ (พระครูไพศาลชัยกิจ) ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองทาระภูได้พัฒนาวัดขึ้นมาเป็นลำดับ โดยได้ดำเนินการก่อสร้าง กุฏิสงฆ์ บูรณะหอสวดมนต์ ฌาปนสถาน ศาลการเปรียญ อุโบสถ โรงเรียน พระปริยัติธรรม กุฏิทรงไทย ศูนย์ปฏิบัติธรรม ก่อตั้งมูลนิธิเทพหิรัณย์ มหามงคลรัฐ ปรับภูมิทัศน์ ซื้อที่ดินเพิ่มจากเดิม 8 ไร่ 2 งาน ปัจจุบันมีที่ดินเป็นของวัดเทพหิรัณย์ทั้งหมด 80 ไร่ และได้สนองงานคณะสงฆ์อย่างเต็มความสามารถ<br /><br />Cr.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
วัดเทพหิรัณย์ (วัดหนองทาระภู) เป็นวัดที่มืชื่อเสียงทางด้านพระเครื่องและความศักดิ์สิทธิ์ของ “หลวงปู่ฤาษีตาไฟ” โดยเชื่อกันว่าหากใครได้มาจุดธูปอธิษฐานของพระสิ่งใดต่อหน้าองค์ฤาษีตาไฟก็จะสัมฤทธิ์ผล สมดั่งปรารถนา ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชาวบ้าน ผู้ศรัทธา นักท่องเที่ยวเดินทางมากราบไหว้สักการะขอพรเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงวันสำคัญทางศาสนา

ประวัติ

วัดเทพหิรัณย์ เดิมชื่อว่า วัดหนองทาระภู เริ่มก่อสร้างเป็นที่พักสงฆ์ เมื่อปี พ.ศ. 2509 ใช้ชื่อว่าที่พักสงฆ์ “หนองทาระภู” (ชื่อของหมู่บ้าน) ตั้งอยู่ หมู่ที่ 11 ตำบลบ้านเชี่ยน อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท โดยมี พระภิกษุแสวง สุจิณฺโณ เป็นประธารสงฆ์ร่วมกับญาติโยม คือ นายน้อย เบ็ญจวรรณ นายเทศ เข็มเงิน นายสุด สุขโข และนายบางโฉมเชิด

ต่อมาพระภิกษุแสวง สุจินณฺโณ ได้ย้ายไปอยู่อารามอื่น จึงว่างไม่มีพระที่จะเป็นประธานสงฆ์ ญาติโยมจึงได้นิมนต์ พระภิกษุนาค (หลวงพ่อนาค) วัดปากน้ำ ตำบลปากน้ำ อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ทำเป็นประธานสงฆ์ พ.ศ. 2520 หลวงพ่อนาค ได้มรณภาพลง ได้มีพระผู้เฒ่าดูแลวัดเรื่อยมา พ.ศ. 2521 ได้ขออนุญาตสร้างวัด โดยนายสุมนต์ เบ็ญจวรรณ เป็นผู้ได้รับอรุญาตให้สร้างวัดหนองทาระภูขึ้นที่หมู่ที่ 11 ตำบลบ้านเชี่ยน อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท ตามประกาศเมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2521

โดยที่ดินที่ขออนุญาตสร้างวัดมีเนื้อที่ 2 แปลง 8 ไร่ 2 งาน ของนายสุมนต์ เบ็ญจวรรณ และนายถนอม เปี่ยมสิน พ.ศ. 2522 ได้รับประกาศตั้งวัดขึ้นในพระพุทธศาสนา มีนามว่า “วัดหนองทาระภู” เมื่อวันที่ 22 มกราคม

เมื่อเป็นวัดที่ถูกต้องตามกฎกระทรวงและกฎมหาเถรสมาคมแล้ว ยังหาพระที่มีคุณสมบัติเป็นเจ้าอาวาสไม่ได้ จวบจนกระทั่งในต้นปี พ.ศ. 2532 เจ้าคณะจังหวัดชัยนาทจึงได้แต่งตั้งพระสุทร สิริจนฺโท เป็นเจ้าอาวาสและในปลายปีนั้นเอง พระอธิการสุนทร สิริจนฺโท ได้ลาออกจากเจ้าอาวาส ทำให้ตำแหน่งเจ้าอาวาสว่างลงประชาชนหมู่ที่ 11 และใกล้เคียงจึงได้อาราธนาหลวงปู่ (พระครูไพศาลชัยกิจ) มาจำพรรษาที่วัดและได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสในปี พ.ศ. 2533

ตั้งแต่หลวงปู่ (พระครูไพศาลชัยกิจ) ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองทาระภูได้พัฒนาวัดขึ้นมาเป็นลำดับ โดยได้ดำเนินการก่อสร้าง กุฏิสงฆ์ บูรณะหอสวดมนต์ ฌาปนสถาน ศาลการเปรียญ อุโบสถ โรงเรียน พระปริยัติธรรม กุฏิทรงไทย ศูนย์ปฏิบัติธรรม ก่อตั้งมูลนิธิเทพหิรัณย์ มหามงคลรัฐ ปรับภูมิทัศน์ ซื้อที่ดินเพิ่มจากเดิม 8 ไร่ 2 งาน ปัจจุบันมีที่ดินเป็นของวัดเทพหิรัณย์ทั้งหมด 80 ไร่ และได้สนองงานคณะสงฆ์อย่างเต็มความสามารถ

Cr.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
cats๕๔.JPG (106.18 KiB) เข้าดูแล้ว 1127 ครั้ง
cats๕๕.jpg
cats๕๕.jpg (146.94 KiB) เข้าดูแล้ว 1127 ครั้ง
cats๕๖.jpg
cats๕๖.jpg (151.57 KiB) เข้าดูแล้ว 1127 ครั้ง
cats๕๗.JPG
cats๕๗.JPG (73.69 KiB) เข้าดูแล้ว 1127 ครั้ง
cats๕๘.JPG
cats๕๘.JPG (110.01 KiB) เข้าดูแล้ว 1127 ครั้ง
cats๕๙.jpg
cats๖๐.jpg
cats๖๐.jpg (180.83 KiB) เข้าดูแล้ว 1127 ครั้ง
cats๖๑.JPG
cats๖๑.JPG (100.19 KiB) เข้าดูแล้ว 1127 ครั้ง
cats๖๒.JPG
cats๖๒.JPG (119.22 KiB) เข้าดูแล้ว 1127 ครั้ง
cats๖๓.JPG
cats๖๓.JPG (95.13 KiB) เข้าดูแล้ว 1127 ครั้ง
cats๖๔.๑.JPG
cats๖๔.๑.JPG (104.14 KiB) เข้าดูแล้ว 1127 ครั้ง
cats๖๔.jpg
cats๖๔.jpg (130.61 KiB) เข้าดูแล้ว 1127 ครั้ง
cats๖๕.๑.JPG
cats๖๕.jpg
cats๖๕.jpg (105.34 KiB) เข้าดูแล้ว 1127 ครั้ง
(เกือบพลาดไปแล้ว) เนื่องจากตัวผมนั้นเลิกเล่นคุณไสย ห้อยพระ คาถาอาคม ต่าง ๆ ตั้งแต่ ปี พ.ศ.๒๕๓๒ เด็ดขาด มุ่งหน้าสู่ทางหลุดพ้นทางเดียว เชื่อในคำสอนของพระพุทธองค์ &quot;การเกิดเป็นทุกข์&quot; ภาวนาขอให้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นสูง ๆ แล้วไม่ต้องกลับมาเกิดในโลกที่มีแต่ความทุกข์นี้เถิด<br /><br />วัดเทพหิรัณย์ สวยงามมากกกกกก นี่ถ้าไม่ไปถือว่าพลาดอย่างแรง คำที่เล่ากันเรื่อง ฤาษี ก็เป็นเรื่องของทางโลกไม่ควรตัดสินในแบบของตัวเองเรียกว่า &quot;โง่ ๆ &quot; ๕๕๕ ขอบคุณญาติธรรมที่แนะนำ เราเก็บภาพความประทับใจ เดินชมรอบวัดเรียกว่านานพอสมควร ได้เห็นการทำพิธีกรรมตามความเชื่อ จนได้เวลาพอสมควร(บ่ายแล้ว) เรารีบเดินทางกลับ ต้องย้อนกลับทางเดิมเข้าหันคา เพื่อต่อไปยังสรรคบุรีครับ
(เกือบพลาดไปแล้ว) เนื่องจากตัวผมนั้นเลิกเล่นคุณไสย ห้อยพระ คาถาอาคม ต่าง ๆ ตั้งแต่ ปี พ.ศ.๒๕๓๒ เด็ดขาด มุ่งหน้าสู่ทางหลุดพ้นทางเดียว เชื่อในคำสอนของพระพุทธองค์ "การเกิดเป็นทุกข์" ภาวนาขอให้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นสูง ๆ แล้วไม่ต้องกลับมาเกิดในโลกที่มีแต่ความทุกข์นี้เถิด

วัดเทพหิรัณย์ สวยงามมากกกกกก นี่ถ้าไม่ไปถือว่าพลาดอย่างแรง คำที่เล่ากันเรื่อง ฤาษี ก็เป็นเรื่องของทางโลกไม่ควรตัดสินในแบบของตัวเองเรียกว่า "โง่ ๆ " ๕๕๕ ขอบคุณญาติธรรมที่แนะนำ เราเก็บภาพความประทับใจ เดินชมรอบวัดเรียกว่านานพอสมควร ได้เห็นการทำพิธีกรรมตามความเชื่อ จนได้เวลาพอสมควร(บ่ายแล้ว) เรารีบเดินทางกลับ ต้องย้อนกลับทางเดิมเข้าหันคา เพื่อต่อไปยังสรรคบุรีครับ
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
ตอบกลับ

กลับไปยัง “ทัวร์ริ่ง (Touring)”