????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???

บอร์ดสำหรับ นักปั่นทัวร์ริ่ง นักปั่นระยะทางไกล พูดคุยเรื่องอุปกรณ์ เทคนิตการปั่น ที่พัก หรือการกินอยู่
กฏการใช้บอร์ด
บอร์ดสำหรับ นักปั่นทัวร์ริ่ง นักปั่นระยะทางไกล พูดคุยเรื่องอุปกรณ์ เทคนิตการปั่น ที่พัก หรือการกินอยู่
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4378
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D สุดท้ายจริง ๆ ครับ :lol: :lol:
ไฟล์แนบ
DSC_2064.JPG
S__6938691.jpg
S__6938693.jpg
S__6938694.jpg
S__6938694.jpg (129.42 KiB) เข้าดูแล้ว 486 ครั้ง
S__6938699.jpg
S__6938699.jpg (111.03 KiB) เข้าดูแล้ว 486 ครั้ง
S__6938702_0.jpg
S__6938704.jpg
S__6938704.jpg (138.42 KiB) เข้าดูแล้ว 486 ครั้ง
S__6938705_0.jpg
S__6938709.jpg
S__6938711.jpg
S__6938715.jpg
S__6938716.jpg
S__6938724.jpg
S__6938724.jpg (141.28 KiB) เข้าดูแล้ว 486 ครั้ง
S__6938730.jpg
S__6938731.jpg
S__6938689.jpg
S__6938695.jpg
S__6938706.jpg
S__6938718.jpg
S__6938722.jpg
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
ลุงเนตร
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 19852
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
Tel: 0898133936
team: อิสระ
Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
ติดต่อ:

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย ลุงเนตร »

"..สวัสดี น้องแดง สารภี และสมาชิกทุกท่าน (ปัจจุบันมีใครเข้ามาดูบ้าง ขอเสียงหน่อยครับ)

..ขอบคุณมากสำหรับ แก่นธรรม และดอกไม้สวยๆ

..ภาพนี้สวยที่สุดครับ อัดใส่กรอบแขวนโชว์ได้เลยครับ.
ไฟล์แนบ
S__6938689.jpg
S__6938689.jpg (263.92 KiB) เข้าดูแล้ว 473 ครั้ง
IMG_20200105_084909739.jpg
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4378
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

ลุงเนตร เขียน: 21 ม.ค. 2021, 19:49 "..สวัสดี น้องแดง สารภี และสมาชิกทุกท่าน (ปัจจุบันมีใครเข้ามาดูบ้าง ขอเสียงหน่อยครับ)

..ขอบคุณมากสำหรับ แก่นธรรม และดอกไม้สวยๆ

..ภาพนี้สวยที่สุดครับ อัดใส่กรอบแขวนโชว์ได้เลยครับ.
:) :D อรุณสวัสดิ์ครับท่านพี่และท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ สมาชิกหายเยอะเลยครับท่านพี่ ถ้าไม่ได้แบบอย่างจากท่านพี่ผมคงหยุดไปเมื่อปลายปีแล้วละครับ ขอบคุณแบบอย่างกำลังใจที่ดีครับ สำหรับภาพที่จะอัดกรอบเดี๋ยวขออนุญาตุสอบถามปรึกษาคุณนายก่อนครับ

ที่เชียงรายนับจากเวลานี้ไปยังเหลืออีกงานหนึ่งที่น่าไปชมมาก ๆ เหลือเวลาอีกแค่ครึ่งเดือนงานก็จะเลิกงานนี้คือ เทศกาลประดับไฟฤดูหนาว 2564 งานไฟที่ใหญ่ที่สุดของเอเชีย @สิงห์ปาร์ค เชียงราย ครับ ผมไปมาตั้งแต่เขาปล่อยให้เข้าชมฟรีก่อนงานเริ่ม(ลองไฟ) น่าชมมากครับได้เก็บภาพมาฝากเยอะมาก จะทะยอยนำมาให้ได้ชม เชื่อว่าคงมีหลายคนไม่ได้มีเวลาไปชมแน่นอน แต่ก่อนจะไปชมภาพสวย ๆ เรามาศึกษา ธรรมบท เป็นกำไรชีวิตกันก่อนครับ


:idea: :idea: ๓. ปุตฺตา นตฺถิ ธน มตฺถิ
อิติ พาโล วิหญฺญติ
อตฺตา หิ อตฺตโน นตฺถิ
กุโต ปุตฺตา กุโต ธนํ ฯ ๖๒ ฯ

คนโง่มัวคิดวุ่นวายว่า
เรามีบุตร เรามีทรัพย์
เมื่อตัวเขาเองก็ไม่ใช่ของเขา
บุตรและทรัพย์จะเป็นของเขาได้อย่างไร

'I have some, I have wealth';
So thinks the food and is troubled.
He himeself is not his own.
How then are sons,how wealth?

๔. โย พาดล มญฺญติ พาลยฺยํ
ปณฺฑิโต วาปิ เตน โส
พาโล จ ปณฺฑิตามานี
ส เว พาโลติ วุจฺจติ ฯ ๖๓ ฯ

คนโง่ รุ้ตัวว่าโง่
ยังมีทางเป็นบัณฑิตได้บ้าง
แต่โง่แล้ว อวดฉลาด
นั่นแหละเรียกว่าคนโง่แท้

A fool aware of his stupidity
Is in so far wise,
But the fool thinking himself wise
Is called a fool indeed.
:idea: :idea:
ไฟล์แนบ
สิงห์ปาร์ค เชียงราย ร่วมกับ บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) จัดงาน Village of illumination เทศกาลประดับไฟฤดูหนาว ใหญ่ที่สุดในอาเซียน จัดเต็มทั้งแสง สี เสียง เป็นครั้งแรกในไทย ชวนนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมส่งบรรยากาศแห่งความสุขช่วงต้นปี พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจเมืองเชียงรายให้คึกคัก รับปี 2021<br /><br />โดยงาน “Village Of Illumination Festival” ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก ที่สิงห์ปาร์ค เชียงราย เนรมิตรพื้นที่กว่า 100 ไร่ ให้เป็นงานแสดงแสง สี เสียง ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ด้วยไฟกว่าล้านดวง ผสมผสานเรื่องศิลปะ ดนตรี ดิจิทัล และเทคโนโลยี เข้าไว้ด้วยกัน ภายใต้แนวคิด Falling From The Sky ปรากฎการณ์จากฟากฟ้า พบกับ 7 โซนไฟ ที่จะส่องแสงสว่างไสวพร้อมกับความประทับใจที่ทุกคนจะได้รับที่นี่ที่เดียวเท่านั้น ประกอบด้วย MAYA ต้นไม้อวตารศักดิ์สิทธิ์ ที่จะชวนให้คุณหลงอยู่ในห้วงแห่งมายา, Star Meadow ทุ่งดวงดาวกว่าล้านดวง, Milky Way อุโมงค์มิติเรืองแสง, Galaxy Ocean ห้วงมหาสมุทรแห่งจินตนาการ, Forest Light ป่าลึกลับแห่งความพิศวง, PEA Village หมู่บ้านไฟกับการแสดงไฟในห้องแห่งแสง และThe New World ลูกโลกแห่งมิติใหม่ของฟากฟ้า<br /><br />งาน “Village of illumination” เทศกาลประดับไฟฤดูหนาว จัดที่สิงห์ปาร์คเชียงราย ยาวต่อเนื่องระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ตั้งแต่เวลา 18.00 – 22.00 น. โดยงานนี้ได้จำกัดคนเข้าชมจำนวน 6,500 คนต่อวัน ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญตามมาตรการการเว้นระยะห่าง ทั้งนี้ภายในงานมีมาตรการป้องกันโรคโควิดเต็มรูปแบบ ซึ่งได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐในจังหวัด รวมถึง สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย เตรียมพร้อมดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวทุกคน<br /><br />ท่านใดที่มีเวลาและกำลังหาที่เที่ยว ไปกันได้ครับผมรับรองความผิดหวังครับ อลังการจริง ๆ
สิงห์ปาร์ค เชียงราย ร่วมกับ บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) จัดงาน Village of illumination เทศกาลประดับไฟฤดูหนาว ใหญ่ที่สุดในอาเซียน จัดเต็มทั้งแสง สี เสียง เป็นครั้งแรกในไทย ชวนนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมส่งบรรยากาศแห่งความสุขช่วงต้นปี พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจเมืองเชียงรายให้คึกคัก รับปี 2021

โดยงาน “Village Of Illumination Festival” ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก ที่สิงห์ปาร์ค เชียงราย เนรมิตรพื้นที่กว่า 100 ไร่ ให้เป็นงานแสดงแสง สี เสียง ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ด้วยไฟกว่าล้านดวง ผสมผสานเรื่องศิลปะ ดนตรี ดิจิทัล และเทคโนโลยี เข้าไว้ด้วยกัน ภายใต้แนวคิด Falling From The Sky ปรากฎการณ์จากฟากฟ้า พบกับ 7 โซนไฟ ที่จะส่องแสงสว่างไสวพร้อมกับความประทับใจที่ทุกคนจะได้รับที่นี่ที่เดียวเท่านั้น ประกอบด้วย MAYA ต้นไม้อวตารศักดิ์สิทธิ์ ที่จะชวนให้คุณหลงอยู่ในห้วงแห่งมายา, Star Meadow ทุ่งดวงดาวกว่าล้านดวง, Milky Way อุโมงค์มิติเรืองแสง, Galaxy Ocean ห้วงมหาสมุทรแห่งจินตนาการ, Forest Light ป่าลึกลับแห่งความพิศวง, PEA Village หมู่บ้านไฟกับการแสดงไฟในห้องแห่งแสง และThe New World ลูกโลกแห่งมิติใหม่ของฟากฟ้า

งาน “Village of illumination” เทศกาลประดับไฟฤดูหนาว จัดที่สิงห์ปาร์คเชียงราย ยาวต่อเนื่องระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ตั้งแต่เวลา 18.00 – 22.00 น. โดยงานนี้ได้จำกัดคนเข้าชมจำนวน 6,500 คนต่อวัน ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญตามมาตรการการเว้นระยะห่าง ทั้งนี้ภายในงานมีมาตรการป้องกันโรคโควิดเต็มรูปแบบ ซึ่งได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐในจังหวัด รวมถึง สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย เตรียมพร้อมดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวทุกคน

ท่านใดที่มีเวลาและกำลังหาที่เที่ยว ไปกันได้ครับผมรับรองความผิดหวังครับ อลังการจริง ๆ
214111.jpg
214111.jpg (92.77 KiB) เข้าดูแล้ว 470 ครั้ง
ทั้ง ๓ ภาพข้างต้นนี้ เครดิตภาพจาก Sanook.com ครับ(ขอบคุณมาก)
ทั้ง ๓ ภาพข้างต้นนี้ เครดิตภาพจาก Sanook.com ครับ(ขอบคุณมาก)
214112.jpg (75.42 KiB) เข้าดูแล้ว 470 ครั้ง
เมื่อ ๓๐ ธ.ค.๖๓ ผมและคุณนายได้พาหลานน้อยไปเที่ยวชมไฟที่สิงห์ปาร์คก่อนเขาจะเปิดงาน เรียกว่าไปในคืนลองไฟ (ฟรี) ๕๕๕.ขับรถพอถึงบริเวณงานทางเข้าต้องตลึงกับแสง สี งดงามมากครับ ด้วยความไม่รู้รีบลงเก็บภาพ ตอนหลังพอเอารถไปจอดถึงได้รู้ว่า มีสวยกว่าที่เห็นครั้งแรก ทั้ง แสง สี เสียง ยิ่งใหญ่จริง สมคำโฆษณาครับ
เมื่อ ๓๐ ธ.ค.๖๓ ผมและคุณนายได้พาหลานน้อยไปเที่ยวชมไฟที่สิงห์ปาร์คก่อนเขาจะเปิดงาน เรียกว่าไปในคืนลองไฟ (ฟรี) ๕๕๕.ขับรถพอถึงบริเวณงานทางเข้าต้องตลึงกับแสง สี งดงามมากครับ ด้วยความไม่รู้รีบลงเก็บภาพ ตอนหลังพอเอารถไปจอดถึงได้รู้ว่า มีสวยกว่าที่เห็นครั้งแรก ทั้ง แสง สี เสียง ยิ่งใหญ่จริง สมคำโฆษณาครับ
DSC_1986.JPG (125.89 KiB) เข้าดูแล้ว 470 ครั้ง
DSC_1987.JPG
DSC_1988.JPG
เมื่อปลายปี ๒๕๖๓
เมื่อปลายปี ๒๕๖๓
DSC_1992.JPG
DSC_1993.JPG
DSC_1995.JPG
DSC_1997.JPG
DSC_1999.JPG
209791.jpg
209792.jpg
15 ม.ค.64 ทีมข่าวอีจันประจำจังหวัดอุทัยธานี เผยเกิดเรื่องที่น่าสะเทือนใจคนเป็นพ่อแม่ หลังมีการตั้งป้ายขนาดใหญ่ใส่รูปภาพชายหญิงสูงอายุคู่หนึ่ง ไว้ที่บริเวณหน้าปั๊มน้ำมัน ปตท.สาขา ลานสัก จังหวัดอุทัยธานี พร้อมข้อความว่า &quot;ความยุติธรรมมีจริง ที่ดินและปั๊ม ปตท.ลานสัก เป็นของนายจิว-นางน้อย (พ่อ-แม่) ลูกเนรคุณ-สะใภ้ ไม่มีสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น&quot; สร้างความประหลาดใจกับผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมากว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวนี้<br /><br />หลังจากมีการติดป้ายและเป็นกระแส ทีมข่าวอีจันจึงลงพื้นที่ยังปั๊มน้ำดังกล่าว โดยได้พบกับ นายจิว เฮนคุง อายุ 84 ปี ซึ่งเป็นบุคคลในภาพดังกล่าว เล่าให้ฟังว่า ปั๊มน้ำมันแห่งนี้เป็นของตนเอง เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2522 หรือ 42 ปี แต่เมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ตนเองนั้นได้ทำการยกทรัพย์สินทั้งหมดที่ตนเองมีให้กับลูกทั้ง 3 คนจนหมด โดยที่ดินพร้อมปั๊มน้ำมันแห่งนี้นั้นได้ยกให้กับลูกชายคนโต แต่ตนเองก็ยังอาศัยอยู่และดูแลปั๊มน้ำมันแห่งนี้มาตลอด<br /><br />จนเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา กลับมีหนังสือแจ้งมาว่าตนเองนั้นค้างค่าเช่าที่เป็นระยะเวลา 2 ปี รวมเป็นเงินจำนวน 900,000 บาท หากไม่จ่ายเงินค่าเช่าที่ค้างไว้ดังกล่าวตรงนี้ จะถูกไล่ออกทันที<br /><br />ซึ่งตอนแรกตนเองนั้นก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น พยายามติดต่อกับลูกชายคนโตแต่ก็ติดต่อไม่ได้ จนมาทราบมาลูกชายคนโตนั้นได้โอนยกที่ดินตรงนี้ให้กับภรรยาของตัวเองไปแล้ว ซึ่งตนเองไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน และปัจจุบันลูกชายและลูกสะใภ้ของตนเองก็ยังอยู่ด้วยกัน ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกชายและลูกสะใภ้ถึงได้ทำกับพ่อเช่นนี้<br /><br />ที่ผ่านมาตั้งแต่ยกทรัพย์สินให้ลูกชายก็ไม่เคยมาดูแลเลี้ยงดูพ่อแม่เลย ตนเองพยายามโทรศัพท์ติดต่อพูดคุยแต่ก็ไม่รับสาย เมื่อวันพ่อที่ผ่านมา ตนเองติดต่อของให้ลูกๆ มากินข้าวพูดคุยด้วยกันแต่ลูกชายก็ไม่มา<br /><br />โดยหากปล่อยเรื่องไว้ตนเองและภรรยาก็จะกลายเป็นคนหมดตัว ไม่มีทรัพย์สินอะไรเลย เพราะยกให้กับลูกทั้ง 3 คนไปหมดแล้ว จึงจำใจส่งเรื่องฟ้องต่อศาลขอเรียกคืนทรัพย์สินจากบุตร (ลูกชายคนโต) ซึ่งทางศาลชั้นต้นนั้นได้ตัดสินให้ตนเป็นฝ่ายชนะ แต่ทางลูกสะใภ้ของลูกชายคนโต กลับขอยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอีกครั้ง ซึ่งตนไม่เคยคิดเลยว่า ลูกจะทำกับพ่อแม่ได้ขนาดนี้<br /><br />และก่อนที่จะยกทรัพย์สินให้กับลูกทั้ง 3 คนนั้น ก็ได้มีข้อตกลงกันไว้ว่าลูกทั้ง 3 คนนั้น ต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูตนเองและภรรยาเป็นรายเดือนๆละ 20,000 บาทต่อคน รวมเป็นเดือนละ 40,000 บาท แต่ลูกคนที่ 1 และ 2 นั้นไม่เคยจ่ายค่าเลี้ยงดูตนเองเลย มีเพียงลูกคนที่ 3 เท่านั้น ที่คอยเลี้ยงและดูแลพ่อแม่อยู่<br /><br />วันนี้จึงตัดสินใจตั้งป้ายใส่รูปภาพตัวเองพร้อมภรรยาดังกล่าวขึ้นที่หน้าปั๊ม เพื่อปกป้องตัวเองและพนักงานทุกคนในปั๊ม และเพื่อให้ทุกคนได้รับรู้ว่าที่ตนเองทำไปนั้นเพราะอะไร และไม่เคยคิดที่จะรังแกหรือทำร้ายลูกๆเลย นายจิว กล่าว<br /><br />ไม่ต้องรอชาติหน้า กรรม - เวร ที่ทำกับ พ่อ - แม่ ทันตาเสมอ ๆ ฝากไว้สำหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไป ครับ.
15 ม.ค.64 ทีมข่าวอีจันประจำจังหวัดอุทัยธานี เผยเกิดเรื่องที่น่าสะเทือนใจคนเป็นพ่อแม่ หลังมีการตั้งป้ายขนาดใหญ่ใส่รูปภาพชายหญิงสูงอายุคู่หนึ่ง ไว้ที่บริเวณหน้าปั๊มน้ำมัน ปตท.สาขา ลานสัก จังหวัดอุทัยธานี พร้อมข้อความว่า "ความยุติธรรมมีจริง ที่ดินและปั๊ม ปตท.ลานสัก เป็นของนายจิว-นางน้อย (พ่อ-แม่) ลูกเนรคุณ-สะใภ้ ไม่มีสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น" สร้างความประหลาดใจกับผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมากว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวนี้

หลังจากมีการติดป้ายและเป็นกระแส ทีมข่าวอีจันจึงลงพื้นที่ยังปั๊มน้ำดังกล่าว โดยได้พบกับ นายจิว เฮนคุง อายุ 84 ปี ซึ่งเป็นบุคคลในภาพดังกล่าว เล่าให้ฟังว่า ปั๊มน้ำมันแห่งนี้เป็นของตนเอง เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2522 หรือ 42 ปี แต่เมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ตนเองนั้นได้ทำการยกทรัพย์สินทั้งหมดที่ตนเองมีให้กับลูกทั้ง 3 คนจนหมด โดยที่ดินพร้อมปั๊มน้ำมันแห่งนี้นั้นได้ยกให้กับลูกชายคนโต แต่ตนเองก็ยังอาศัยอยู่และดูแลปั๊มน้ำมันแห่งนี้มาตลอด

จนเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา กลับมีหนังสือแจ้งมาว่าตนเองนั้นค้างค่าเช่าที่เป็นระยะเวลา 2 ปี รวมเป็นเงินจำนวน 900,000 บาท หากไม่จ่ายเงินค่าเช่าที่ค้างไว้ดังกล่าวตรงนี้ จะถูกไล่ออกทันที

ซึ่งตอนแรกตนเองนั้นก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น พยายามติดต่อกับลูกชายคนโตแต่ก็ติดต่อไม่ได้ จนมาทราบมาลูกชายคนโตนั้นได้โอนยกที่ดินตรงนี้ให้กับภรรยาของตัวเองไปแล้ว ซึ่งตนเองไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน และปัจจุบันลูกชายและลูกสะใภ้ของตนเองก็ยังอยู่ด้วยกัน ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกชายและลูกสะใภ้ถึงได้ทำกับพ่อเช่นนี้

ที่ผ่านมาตั้งแต่ยกทรัพย์สินให้ลูกชายก็ไม่เคยมาดูแลเลี้ยงดูพ่อแม่เลย ตนเองพยายามโทรศัพท์ติดต่อพูดคุยแต่ก็ไม่รับสาย เมื่อวันพ่อที่ผ่านมา ตนเองติดต่อของให้ลูกๆ มากินข้าวพูดคุยด้วยกันแต่ลูกชายก็ไม่มา

โดยหากปล่อยเรื่องไว้ตนเองและภรรยาก็จะกลายเป็นคนหมดตัว ไม่มีทรัพย์สินอะไรเลย เพราะยกให้กับลูกทั้ง 3 คนไปหมดแล้ว จึงจำใจส่งเรื่องฟ้องต่อศาลขอเรียกคืนทรัพย์สินจากบุตร (ลูกชายคนโต) ซึ่งทางศาลชั้นต้นนั้นได้ตัดสินให้ตนเป็นฝ่ายชนะ แต่ทางลูกสะใภ้ของลูกชายคนโต กลับขอยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอีกครั้ง ซึ่งตนไม่เคยคิดเลยว่า ลูกจะทำกับพ่อแม่ได้ขนาดนี้

และก่อนที่จะยกทรัพย์สินให้กับลูกทั้ง 3 คนนั้น ก็ได้มีข้อตกลงกันไว้ว่าลูกทั้ง 3 คนนั้น ต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูตนเองและภรรยาเป็นรายเดือนๆละ 20,000 บาทต่อคน รวมเป็นเดือนละ 40,000 บาท แต่ลูกคนที่ 1 และ 2 นั้นไม่เคยจ่ายค่าเลี้ยงดูตนเองเลย มีเพียงลูกคนที่ 3 เท่านั้น ที่คอยเลี้ยงและดูแลพ่อแม่อยู่

วันนี้จึงตัดสินใจตั้งป้ายใส่รูปภาพตัวเองพร้อมภรรยาดังกล่าวขึ้นที่หน้าปั๊ม เพื่อปกป้องตัวเองและพนักงานทุกคนในปั๊ม และเพื่อให้ทุกคนได้รับรู้ว่าที่ตนเองทำไปนั้นเพราะอะไร และไม่เคยคิดที่จะรังแกหรือทำร้ายลูกๆเลย นายจิว กล่าว

ไม่ต้องรอชาติหน้า กรรม - เวร ที่ทำกับ พ่อ - แม่ ทันตาเสมอ ๆ ฝากไว้สำหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไป ครับ.
209793.jpg (141.03 KiB) เข้าดูแล้ว 470 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
ลุงเนตร
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 19852
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
Tel: 0898133936
team: อิสระ
Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
ติดต่อ:

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย ลุงเนตร »

"..สวัสดีครับ..จ.ข.ก.ท. .."
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4378
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

ลุงเนตร เขียน: 25 ม.ค. 2021, 16:47 "..สวัสดีครับ..จ.ข.ก.ท. .."
:) :D อรุณสวัสดิ์ครับท่านพี่และท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ ช่วงนี้เป็นอย่างไรกันบ้างครับ โควิดเขามากวาดล้างทำความสะอาด คาดว่าอีกไม่นานก็คงจะดีขึ้น ระยะนี้การปั่นท่องเที่ยวต้อง งด อดใจไว้ก่อน แต่การปั่นออกกำลังกายยังคงต้องกระทำ ไม่งั้น "เหงา" ครับ มีบางที่บางแห่งที่ไปปั่นมาแล้วน่าสนใจ จะนำมาเสนอนะครับ ขอให้จบเรื่องของ สิงห์ปาร์คก่อน เรียกว่าให้จบไปเป็นเรื่อง ๆ ก่อนไปชมภาพสวยๆ ต่อมาศึกษาธรรมบทกันต่อครับ :) :D

:idea: :idea: ๕. ยาวชีวมฺปิ เจ พาโล
ปณฺฑิตํ ปฏิรุปาสติ
น โส ธมฺมํ วิชานาติ
ทพฺพิ สูปรสํ ยถา ฯ ๖๔ ฯ

ถึงจะอยุ่ใกล้บัณฑิต
เป็นเวลานานชั่วชีวิต
คนโง่ก็หารู้พระธรรมไม่
เหมือนจวักไม่รู้รสแกง

Though through all his life
A fool associates with a wise man,
He yet understands not the Dhamma,
As the spoon the flavour of soup.

๖. มุหุตฺตมฺปิ เจ วิญฺญู
ปณฺฑิตํ ปยิรุปาสติ
ขิปฺปํ ธมฺมํ วิชานาติ
ชิวหา สูปรสํ ยถา ฯ ๖๕ ฯ

ปัญญาชน คบบัณฑิต
แม้เพียงครู่เดียว
ก็พลันรู้แจ้งพระธรรม
เหมือนลิ้นรู้รสแกง

Though,for a moment only,
An intelligent man associates with a wise man,
Quickly he understands the Dhamma,
As the tougue the flavour of soup.
ไฟล์แนบ
628363.jpg
628363.jpg (17.91 KiB) เข้าดูแล้ว 447 ครั้ง
103036.jpg
103036.jpg (62.92 KiB) เข้าดูแล้ว 444 ครั้ง
103037.jpg
103037.jpg (110.84 KiB) เข้าดูแล้ว 444 ครั้ง
85492.jpg
85492.jpg (141.65 KiB) เข้าดูแล้ว 444 ครั้ง
85493.jpg
85493.jpg (110.84 KiB) เข้าดูแล้ว 444 ครั้ง
ถนนที่มาจากทางบ้านร่องส้าน มุ่งสู่ตัวเมืองเชียงรายจะผ่านสิงห์ปาร์ค เมื่อเข้าเขตสิงห์ปาร์ค เราจะพบกับไฟประดับที่ต้นหางนกยูงและไม้ใหญ่ทุกต้น หน้าสิงห์ปาร์ค ยาวเกือบครึ่งกิโล สวยงาม พอเลี้ยวเข้าสิงห์ปาร์คบริเวณซ้ายมือที่เป็นตัวสิงห์ก็จะประดับไฟ สว่างนวลตาด้วยแสงไฟ และมีต้นคริสต์มาสและรูปปั้นกวางสัญญลักษณ์คริสต์มาส ตั้งหน้าสิงห์ ประดับไฟสวยงามเช่นกัน นั่งชมแค่ด้านหน้าก็เพลินตาเพลินใจแล้วละครับ ยิ่งเข้าไปในบริเวณต้องทึ่งและตลึง เขาจัดงานได้ยอดเยี่ยมมาก มาทั้งแสง สี เสียงครบ.
ถนนที่มาจากทางบ้านร่องส้าน มุ่งสู่ตัวเมืองเชียงรายจะผ่านสิงห์ปาร์ค เมื่อเข้าเขตสิงห์ปาร์ค เราจะพบกับไฟประดับที่ต้นหางนกยูงและไม้ใหญ่ทุกต้น หน้าสิงห์ปาร์ค ยาวเกือบครึ่งกิโล สวยงาม พอเลี้ยวเข้าสิงห์ปาร์คบริเวณซ้ายมือที่เป็นตัวสิงห์ก็จะประดับไฟ สว่างนวลตาด้วยแสงไฟ และมีต้นคริสต์มาสและรูปปั้นกวางสัญญลักษณ์คริสต์มาส ตั้งหน้าสิงห์ ประดับไฟสวยงามเช่นกัน นั่งชมแค่ด้านหน้าก็เพลินตาเพลินใจแล้วละครับ ยิ่งเข้าไปในบริเวณต้องทึ่งและตลึง เขาจัดงานได้ยอดเยี่ยมมาก มาทั้งแสง สี เสียงครบ.
85494.jpg (82.54 KiB) เข้าดูแล้ว 444 ครั้ง
85495.jpg
85495.jpg (62.92 KiB) เข้าดูแล้ว 444 ครั้ง
103038.jpg
103038.jpg (51.14 KiB) เข้าดูแล้ว 444 ครั้ง
103039.jpg
103039.jpg (63.01 KiB) เข้าดูแล้ว 444 ครั้ง
103040.jpg
103040.jpg (124 KiB) เข้าดูแล้ว 444 ครั้ง
103041.jpg
103042.jpg
103042.jpg (119.84 KiB) เข้าดูแล้ว 444 ครั้ง
103043.jpg
103043.jpg (94 KiB) เข้าดูแล้ว 444 ครั้ง
103044.jpg
103044.jpg (85.41 KiB) เข้าดูแล้ว 444 ครั้ง
103045.jpg
103045.jpg (65.89 KiB) เข้าดูแล้ว 444 ครั้ง
103046.jpg
103046.jpg (82.98 KiB) เข้าดูแล้ว 444 ครั้ง
มีสติอย่าเผลอ เพราะขาดสติทำให้ภาพอีกหลายๆ ภาพต้องลบไปตามกู้ไม่ได้ จำใจต้องจบงานที่สิงห์ปาร์คแค่นี้ อย่าลืมครับงานจะมีไปถึงวันที่ ๑๔ ก.พ.๖๔ ยังมีเวลาอีกหลายวัน ไปเที่ยวกันนะครับ มีของดี ๙ ข้อคิด &quot;อะไรหรือคือความกล้าหาญ&quot; ของท่าน อ.พศิน อินทรวงค์ มาฝากสำหรับเช้านี้ดังนี้ครับ<br /><br />๑. เมื่อท่านรู้สึกกลัว หวาดหวั่น แล้วท่านยังหยัดยืนเดินต่อ นั่นแหละคือความกล้าหาญ ความกล้าหาญมิใช่ไม่รู้จักกลัวอะไรเลย เพราะแสงไฟ จะมีประโยชน์ต่อเมื่อพบพานความมืดมิดเท่านั้น เปิดใจ ยอมรับ ข้ามผ่านความกลัว เดินไปข้างหน้าทั้ง ๆ ที่กลัว คือความกล้าที่แท้จริง<br /><br />๒. ความกล้าถือกำเนิดไม่ได้ หากไร้ความอ่อนน้อมต่อตนเอง ความกล้ามิใช่ความดุดัน เมื่อท่านดุดัน สิ่งที่ท่านทำคือกดข่ม ท่านแค่ทำเป็นไม่เห็นความกลัว ทั้งที่ความกลัวนั่งอยู่ในเรือนใจ มันคือความโง่เขลา มิใช่ปรีชาญาณ ความกล้าจำเป็นต้องรู้ตัวทั่วพร้อม ความกล้าคือวิปัสสนาญาณชั้นเลิศ เกิดความกลัวก็เห็น เกิดความหวังก็เห็น เห็นการเคลื่อน เกิดและดับของสองสิ่ง สิ่งนี้คือการโอบรับไม่ปฏิเสธ ความกล้าและความกลัวคือเหรีญสองด้าน ไม่อาจตัดขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง<br /><br />๓. สิงโตไล่ลา ส่วนกวางน้อยวิ่งหนี ใครเล่าที่เป็นผู้กล้า มิใช่สิงโตหรอกที่เป็นผู้กล้า ทว่า คือกวางน้อยต่างหากที่กล้าหาญเอาตัวรอด ความกล้าคือสภาวะทางใจ ท่านจะดูเพียงภายนอกมิได้ หนึ่งครั้งที่คนขี้อายลุกขึ้นพูดต่อหน้าฝูงชน เขาใช้ความกล้ามากกว่านักพูดเจนสนามหมื่นเท่าพันทวี<br /><br />๔. ผู้กล้ารับฟังอย่างเปิดใจ ส่วนคนขี้ขลาดติดยึดอัตตาตนเอง แม้พูดว่าเปิดใจแล้ว แต่แท้จริงมิเคยเปิดใจเลย การเปิดใจจำเป็นต้องละวางเหตุผลและสำนึกแห่งตน แล้วเคลื่อนตนเองออกจากศูนย์กลาง ยกศูนย์กลางชีวิตของท่านให้ผู้อื่นครอบครอง นึกคิด รู้สึกในมุมมองของเขา หูและใจจึงทำงานร่วมกัน มีเพียงผู้กล้าเท่านั้นที่ทำเช่นนี้ได้<br /><br />๕. ความรักคือความกล้า ส่วนความหลง และความเกลียดชัง คือผลอันเกิดจากความกล้าหาญถอดถอย เมื่อท่านมีความกล้าหาญ ใจท่านย่อมมีคุณสมบัติแห่งรักไปโดยปริยาย รักคือการมีความสุข ผ่านการทำให้ผู้อื่นมีความสุข ท่านจะทำเช่นนั้นไม่ได้ หากมีความเห็นแก่ตัวกั้นอยู่ ความเกลียดชัง และความหลง คือความกลัวอย่างหนึ่ง ความหลง คือความกลัวเมื่อแรกรัก ความเกลียดชังคือความกลัวเมื่อความสัมพันธ์สิ้นสุด ความกลัวในรัก คือกลัวว่าอัตตาจะไม่ได้รับการสนอง จำเป็นตัวหรือที่อัตตาจะต้องได้รับการตอบสนอง คำถามนี้มีแต่ผู้กล้าเท่านั้นที่กล้าถามตนเอง<br /><br />๖. ท่านได้มาสิบ แต่ให้ไปหนึ่ง สิ่งนี้คือเรื่องธรรมดา คือสามัญสำนึกแห่งคนเดินดิน ท่านได้มาสิบ แต่ให้ไปร้อย สิ่งนี้คือความพิเศษ คือสำนึกแห่งความเป็นโพธิสัตว์ ความเก่งกล้า มิได้ชี้วัดว่าใครกอบโกยได้มากน้อย ทว่า อาจชี้วัดกันที่ใครสละ ละ วาง แบ่งปันได้มากกว่า ศักยภาพแห่งการได้มา วัดได้เพียงความฉลาด ศักยภาพแห่งการแจกจ่าย คือปัญญา คือความกล้าแท้จริง<br /><br />๗. ความโกรธดังสัตว์ร้ายคำราม ความโกรธเกิดขึ้นในใจท่าน สัตว์ร้ายทลายกำแพงออกไล่ลาผู้คน ฉีด ทึ้ง กินซากเป็นอาหาร หากตามใจสัตว์ร้าย ท่านคือคนใจร้าย แม้ท่านรู้จักข่มระงับสัตว์ร้าย มิให้ทำร้ายใคร ท่านคือคนใจดี คนใจดีมิใช่คนไม่รู้จักโกรธ แต่เขาใจดีที่โกรธแล้วไม่คิดร้ายใคร โกรธแต่ไม่เกลียด โกรธแต่ไม่ทำลายน้ำใจ ช่างกล้าหาญยิ่ง<br /><br />๘. ท่านกลัวสิ่งใดหรือ ขอท่านจงตรวจสอบ จงไปในที่ที่ท่านกลัว กินสิ่งที่ท่านไม่อยากกิน ทำสิ่งที่ไม่อยากทำ และช่วยเหลือบุคคลที่ท่านไม่คิดว่าจะช่วยได้ หนทางทวนกระแสคือหนทางอันตราย เป็นหนทางเดียวที่ช่วยให้ท่านเห็นความกลัวเป็นมิตรสหาย<br /><br />๙. ขอท่านจงตระหนักให้มากว่า มนุษย์เรามีทั้งความกล้าและความกลัว สองสิ่งนี้เป็นหนึ่งสิ่ง เป็นหนึ่งสิ่งที่ท่านต้องข้ามผ่าน ความกล้ามิใช่ความกล้า หากคือเงาสะท้อนของความกลัว ความกล้าอาศัยความกลัวจึงถือกำเนินเกิดมา ส่วนความกลัวก็เช่นกัน หนทางเอาชนะความกลัว จึงมิใช่หนทางแห่งการทำลายความกลัวให้สิ้นซาก ทว่า คือการเห็นว่า ทั้งความกล้าและความกลัว คือปรากฏการณ์หนึ่งๆ ที่จะยึดถือครองไว้ไม่ได้ มันผ่านมา แล้วมันจะผ่านไป ทั้งความกล้าและความกลัว ควรเป็นสิ่งที่เห็น มิใช่สิ่งที่เป็น<br /><br />ขอท่านทั้งหลายจงเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ ความกลัวมิใช่ของน่ารังเกียจ มนุษย์เรามีชีวิตอยู่รอดก็เพราะความกลัว ท่านลองนึกดูก็ได้ แม้ท่านไร้ความกลัวแล้ว ท่านจะดำเนินชีวิตอยู่ได้อย่างไร ความกลัวมีอยู่เสมอ พอๆ กับความกล้าหาญ มันคือความเป็นคู่ เหมือนว่าท่านเกิดมาในกองกิเลส ท่านมีกิเลสแต่ท่านก็มีความดีงามเต็มเปี่ยม จงข้ามผ่านความเป็นคู่ อย่ายึดไว้ทั้งความกลัว และความกล้า<br />เพราะทั้งคู่ไม่มีตัวตน ทั้งคู่คือเงาเสมอเท่าเทียมกัน<br />ข้ามผ่านเงาได้ ท่านจะเห็นความจริงแท้ ว่าที่แท้ ไม่มีอะไร ๆ สักอย่าง!
มีสติอย่าเผลอ เพราะขาดสติทำให้ภาพอีกหลายๆ ภาพต้องลบไปตามกู้ไม่ได้ จำใจต้องจบงานที่สิงห์ปาร์คแค่นี้ อย่าลืมครับงานจะมีไปถึงวันที่ ๑๔ ก.พ.๖๔ ยังมีเวลาอีกหลายวัน ไปเที่ยวกันนะครับ มีของดี ๙ ข้อคิด "อะไรหรือคือความกล้าหาญ" ของท่าน อ.พศิน อินทรวงค์ มาฝากสำหรับเช้านี้ดังนี้ครับ

๑. เมื่อท่านรู้สึกกลัว หวาดหวั่น แล้วท่านยังหยัดยืนเดินต่อ นั่นแหละคือความกล้าหาญ ความกล้าหาญมิใช่ไม่รู้จักกลัวอะไรเลย เพราะแสงไฟ จะมีประโยชน์ต่อเมื่อพบพานความมืดมิดเท่านั้น เปิดใจ ยอมรับ ข้ามผ่านความกลัว เดินไปข้างหน้าทั้ง ๆ ที่กลัว คือความกล้าที่แท้จริง

๒. ความกล้าถือกำเนิดไม่ได้ หากไร้ความอ่อนน้อมต่อตนเอง ความกล้ามิใช่ความดุดัน เมื่อท่านดุดัน สิ่งที่ท่านทำคือกดข่ม ท่านแค่ทำเป็นไม่เห็นความกลัว ทั้งที่ความกลัวนั่งอยู่ในเรือนใจ มันคือความโง่เขลา มิใช่ปรีชาญาณ ความกล้าจำเป็นต้องรู้ตัวทั่วพร้อม ความกล้าคือวิปัสสนาญาณชั้นเลิศ เกิดความกลัวก็เห็น เกิดความหวังก็เห็น เห็นการเคลื่อน เกิดและดับของสองสิ่ง สิ่งนี้คือการโอบรับไม่ปฏิเสธ ความกล้าและความกลัวคือเหรีญสองด้าน ไม่อาจตัดขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

๓. สิงโตไล่ลา ส่วนกวางน้อยวิ่งหนี ใครเล่าที่เป็นผู้กล้า มิใช่สิงโตหรอกที่เป็นผู้กล้า ทว่า คือกวางน้อยต่างหากที่กล้าหาญเอาตัวรอด ความกล้าคือสภาวะทางใจ ท่านจะดูเพียงภายนอกมิได้ หนึ่งครั้งที่คนขี้อายลุกขึ้นพูดต่อหน้าฝูงชน เขาใช้ความกล้ามากกว่านักพูดเจนสนามหมื่นเท่าพันทวี

๔. ผู้กล้ารับฟังอย่างเปิดใจ ส่วนคนขี้ขลาดติดยึดอัตตาตนเอง แม้พูดว่าเปิดใจแล้ว แต่แท้จริงมิเคยเปิดใจเลย การเปิดใจจำเป็นต้องละวางเหตุผลและสำนึกแห่งตน แล้วเคลื่อนตนเองออกจากศูนย์กลาง ยกศูนย์กลางชีวิตของท่านให้ผู้อื่นครอบครอง นึกคิด รู้สึกในมุมมองของเขา หูและใจจึงทำงานร่วมกัน มีเพียงผู้กล้าเท่านั้นที่ทำเช่นนี้ได้

๕. ความรักคือความกล้า ส่วนความหลง และความเกลียดชัง คือผลอันเกิดจากความกล้าหาญถอดถอย เมื่อท่านมีความกล้าหาญ ใจท่านย่อมมีคุณสมบัติแห่งรักไปโดยปริยาย รักคือการมีความสุข ผ่านการทำให้ผู้อื่นมีความสุข ท่านจะทำเช่นนั้นไม่ได้ หากมีความเห็นแก่ตัวกั้นอยู่ ความเกลียดชัง และความหลง คือความกลัวอย่างหนึ่ง ความหลง คือความกลัวเมื่อแรกรัก ความเกลียดชังคือความกลัวเมื่อความสัมพันธ์สิ้นสุด ความกลัวในรัก คือกลัวว่าอัตตาจะไม่ได้รับการสนอง จำเป็นตัวหรือที่อัตตาจะต้องได้รับการตอบสนอง คำถามนี้มีแต่ผู้กล้าเท่านั้นที่กล้าถามตนเอง

๖. ท่านได้มาสิบ แต่ให้ไปหนึ่ง สิ่งนี้คือเรื่องธรรมดา คือสามัญสำนึกแห่งคนเดินดิน ท่านได้มาสิบ แต่ให้ไปร้อย สิ่งนี้คือความพิเศษ คือสำนึกแห่งความเป็นโพธิสัตว์ ความเก่งกล้า มิได้ชี้วัดว่าใครกอบโกยได้มากน้อย ทว่า อาจชี้วัดกันที่ใครสละ ละ วาง แบ่งปันได้มากกว่า ศักยภาพแห่งการได้มา วัดได้เพียงความฉลาด ศักยภาพแห่งการแจกจ่าย คือปัญญา คือความกล้าแท้จริง

๗. ความโกรธดังสัตว์ร้ายคำราม ความโกรธเกิดขึ้นในใจท่าน สัตว์ร้ายทลายกำแพงออกไล่ลาผู้คน ฉีด ทึ้ง กินซากเป็นอาหาร หากตามใจสัตว์ร้าย ท่านคือคนใจร้าย แม้ท่านรู้จักข่มระงับสัตว์ร้าย มิให้ทำร้ายใคร ท่านคือคนใจดี คนใจดีมิใช่คนไม่รู้จักโกรธ แต่เขาใจดีที่โกรธแล้วไม่คิดร้ายใคร โกรธแต่ไม่เกลียด โกรธแต่ไม่ทำลายน้ำใจ ช่างกล้าหาญยิ่ง

๘. ท่านกลัวสิ่งใดหรือ ขอท่านจงตรวจสอบ จงไปในที่ที่ท่านกลัว กินสิ่งที่ท่านไม่อยากกิน ทำสิ่งที่ไม่อยากทำ และช่วยเหลือบุคคลที่ท่านไม่คิดว่าจะช่วยได้ หนทางทวนกระแสคือหนทางอันตราย เป็นหนทางเดียวที่ช่วยให้ท่านเห็นความกลัวเป็นมิตรสหาย

๙. ขอท่านจงตระหนักให้มากว่า มนุษย์เรามีทั้งความกล้าและความกลัว สองสิ่งนี้เป็นหนึ่งสิ่ง เป็นหนึ่งสิ่งที่ท่านต้องข้ามผ่าน ความกล้ามิใช่ความกล้า หากคือเงาสะท้อนของความกลัว ความกล้าอาศัยความกลัวจึงถือกำเนินเกิดมา ส่วนความกลัวก็เช่นกัน หนทางเอาชนะความกลัว จึงมิใช่หนทางแห่งการทำลายความกลัวให้สิ้นซาก ทว่า คือการเห็นว่า ทั้งความกล้าและความกลัว คือปรากฏการณ์หนึ่งๆ ที่จะยึดถือครองไว้ไม่ได้ มันผ่านมา แล้วมันจะผ่านไป ทั้งความกล้าและความกลัว ควรเป็นสิ่งที่เห็น มิใช่สิ่งที่เป็น

ขอท่านทั้งหลายจงเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ ความกลัวมิใช่ของน่ารังเกียจ มนุษย์เรามีชีวิตอยู่รอดก็เพราะความกลัว ท่านลองนึกดูก็ได้ แม้ท่านไร้ความกลัวแล้ว ท่านจะดำเนินชีวิตอยู่ได้อย่างไร ความกลัวมีอยู่เสมอ พอๆ กับความกล้าหาญ มันคือความเป็นคู่ เหมือนว่าท่านเกิดมาในกองกิเลส ท่านมีกิเลสแต่ท่านก็มีความดีงามเต็มเปี่ยม จงข้ามผ่านความเป็นคู่ อย่ายึดไว้ทั้งความกลัว และความกล้า
เพราะทั้งคู่ไม่มีตัวตน ทั้งคู่คือเงาเสมอเท่าเทียมกัน
ข้ามผ่านเงาได้ ท่านจะเห็นความจริงแท้ ว่าที่แท้ ไม่มีอะไร ๆ สักอย่าง!
103034.jpg (123.94 KiB) เข้าดูแล้ว 444 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4378
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:idea: :idea: ใครๆก็ฝึกสติในชีวิตประจำวันได้เพราะมันง่ายมาก!!!

1. ขณะที่ไม่ได้ใช้ความคิด ให้พยายามเอาจิตมาจับที่ลมหายใจ ให้รับรู้อยู่ที่โพรงจมูก เหมือนนายทวารเฝ้าประตู ถ้ามีลมเข้า ให้รู้เหมือนคนเฝ้าประตูที่รู้ว่ามีใครเข้ามา ถ้ามีลมออก ให้รู้เหมือนคนเฝ้าประตู รู้ว่ามีคนออกไป ให้ทำเพียงเท่านี้ แค่รู้อยู่ที่โพรงจมูก ไม่ต้องตามไปลมหายใจเข้าไป รู้อยู่ที่โพรงจมูกเท่านั้น รู้ไปเรื่อยๆ เราสามารถทำเช่นนี้ได้ทุกเวลาที่ไม่ได้ใช้ความคิด ว่างๆ ให้ทำ นั่งรออยู่ว่างๆ ให้ทำ เดินไปไหนมาไหน ให้ทำ เพราะนี่คือสิ่งที่เรียกว่า "การภาวนา" และเป็นการภาวนาที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญ การภาวนานี้ทำได้ง่ายมาก และไม่เกี่ยวอะไรกับวัด คนอยู่ในวันอาจไม่ได้ทำ คนอยู่นอกวัดอาจทำมันอยู่ตลอดเวลาก็ได้

2. ขณะที่รู้ลมอยู่ที่โพรงจมูก เมื่อเกิดความคิด พูดง่ายๆ ว่าเมื่อคิด จะคิดอะไรก็ตาม คิดนินทา คิดอิจฉา คิดเบื่อ คิดเซ็ง คิดเรื่องงาน คิดเรื่องบุญ คิดเรื่องบาป คิดถึงสิ่งลามก คิดถึงสิ่งดีงาม ทั้งหมดเรียกรวมๆ ว่าคิด ซึ่งมีค่าเท่ากันทั้งหมดไม่ว่าคิดดีหรือคิดร้าย รวมความแล้วมันคือความคิด ให้กำหนดรู้เพียงผ่านๆ ว่า "จิตไหลไปคิดนะ" หรือจะกำหนดว่า "คิดหนอๆ" ก็ได้ เมื่อรู้สึกตัวว่าคิด ก็ดึงกลับมาที่ลมใหม่ จะคิดอะไรก็ช่างมัน แค่รู้ว่าคิด แล้วดึงกลับมาที่ลม ห้ามไปนั่งจัดการกับความคิดเด็ดขาดเพราะนั้นไม่ใช่หน้าที่ของเรา ไม่ต้องไปตั้งคำถามว่าทำไมฉันจึงคิด ทำไมฉันจึงฟุ้งซ่าน อย่าไปสนใจความคิด แค่รู้ แค่ดู แค่เห็น ไม่ต้องวิเคราะห์ ตัดสินใดๆ แล้วกลับมาอยู่กับลมหายใจตนเองลูกเดียว เกิดอะไรขึ้นก็ตาม กลับมารู้ลมหายใจลูกเดียว

3. เวลาทำงานที่ต้องใช้สมาธิ หรือทำสิ่งใดที่ต้องใช้สมาธิ ให้หยุดภาวนา แล้วอยู่กับสิ่งที่ต้องทำตรงหน้าไป ทำงานให้เต็มที่ ทำหน้าที่ให้เต็มที ไม่ต้องสนใจกับการภาวนา แต่ให้สนใจอยู่กับสิ่งที่ทำตรงหน้า

4. เมื่อทำสิ่งใดที่ไม่ต้องใช้สมาธิมากนัก พูดง่ายๆ ว่าขณะที่ทำสิ่งไร้สาระอยู่ เช่นเดิน รอรถประจำทาง เข้าห้องน้ำ นั่งดูโทรทัศน์ ให้พยายามตามรู้ลมหายใจไปเรื่อยๆ แบบเบาๆ ระหว่างที่ทำสิ่งเหล่านี้ กึ่งหนึ่งให้รู้ลม กึ่งหนึ่งก็ทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไป

5. ช่วงแรกๆ ของการฝึกฝน เราไม่มีวันอยู่กับลมหายใจได้ ย้ำว่าเราจะอยู่กับลมหายใจไม่ได้ทันที และจะไม่มีวันที่จิตสงบได้ง่ายๆ ความฟุ้งซ่านคือเรื่องปกติ ความสงสัยคือเรื่องปกติ ความกังวลต่างๆ คือเรื่องปกติ ดังนั้น เราต้องตัดความลังเลสงสัยให้หมด เมื่อความคิดเหล่านี้เกิดขึ้น แค่เพียงรู้ว่ามันเกิดขึ้น สังเกตว่ามันดับไป เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป สังเกตไปเรื่อยๆ แล้วพยายามดึงจิตกลับมาที่ลมหายใจ ถ้ามันไหลไปคิดอีก ก็สังเกตแล้วดึงกลับมาอีก ทำเพียงเท่านี้ รับรู้ว่าเกิดอารมณ์ หรือความรู้สึกขึ้นมา แล้วดึงจิตกลับมาที่ลมหายใจ มันจะเกิดอาการดึงไปดึงมาอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา คือไหลไปคิด เราดึงกลับ แล้วก็ไหลไปคิดอีก แล้วเราก็ดึงกลับมาอีก ให้ทำไปเรื่อยๆ จนเกิดความชำนาญ ความสงบ ความเข้มแข็งในจิตใจก็จะมีมากขึ้นเป็นลำดับ เมื่อมีความสงบเป็นฐานกำลังของใจแล้ว สติปัญญาจะเกิดขึ้นมาเอง สติปัญญาตัวนี้สามารถรู้ทันกิเลสก็ได้ ตัดกิเลสก็ได้ หรือจะใช้ไปทำงานทำการก็ได้ทั้งนั้น

ป.ล. ขอให้ลองคิดตาม คิดแล้วลองทำตาม จะเห็นได้ว่า การภาวนาเป็นเรื่องที่ทำง่ายมาก และทำได้ตลอดเวลา ใครๆ ก็สามารถภาวนาในชีวิตประจำวันได้ทั้งนั้น สิ่งเหล่านี้ควรทำให้ชำนาญ จนกลายเป็นสัญชาติญาณ แล้วสิ่งดีงามก็จะเกิดขึ้นในชีวิตมากขึ้นๆ ที่สำคัญจะต้องไม่แยกการภาวนาออกจากชีวิต แต่ต้องหลอมทั้งการภาวนาและการใช้ชีวิตให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ทำเองก่อน แล้วสอนคนรอบข้าง ถ่ายทอดแนวความคิดนี้ไปเรื่อยๆ แล้วสังคมของเราก็จะกลายเป็นสังคมที่น่าอยู่ เพราะทุกคนมีกิเลสน้อย มีความเมตตาสูง เป็นคนมีคุณภาพ และเป็นคนดีที่มีสติปัญญาอย่างแท้จริง!!!

***พศิน อินทรวงค์***
:idea: :idea:

:D :) อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ เมื่อ ๒๗-๓๑ ม.ค.๖๔ เรา ๒ คนได้ฤกษ์ออกตระเวนเที่ยว จ.พะเยา เป็นอันดับต่อไป ที่พะเยาซึ่งเป็นถิ่นเก่าของผมเมื่อ ๓๐ ปีที่แล้ว ผมได้รับคำสั่งให้เป็น ผบ.ควบคุมกำลังยกพล ตชด.ไปสร้างค่ายพญางำเมือง เมื่อปี ๒๕๒๘ และก่อนหน้านั้นปี ๒๕๒๑-๒๕๒๗ ก็ประจำอยู่ อ.เชียงคำ สมัยนั้นยังขึ้นอยู่กับ จ.เชียงราย ปัจจุบันนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก

เช้านี้จะนำเสนอการปั่นออกกำลังกายไปยังน้ำตกขุนกรณ์เมื่อ ๒๓ ม.ค.๖๔ ก่อนนะครับ หลังจากนั้นก็จะเริ่มพาเที่ยว จ.พะเยากันต่อ ก่อนไปเรามาว่ากันต่อกับธรรมะดี ๆ ในธรรมบทกันต่อก่อนนะครับ

๗. จรนฺติ พาลา ทุมฺเมธา
อมิตฺเตเนว อติตนา
กโรนฺตา ปาปกํ กมฺมํ
ยํ โหติ กฎุกปฺผลํ ฯ ๖๖ ฯ

เหล่าคนพาล ปัญญาทราม
ทำตัวเองให้เป็นศัตรูของตัวเอง
เที่ยวก่อแต่บาปกรรรมที่มีผลเผ็ดร้อน

Fools of little wit
Behave to themselves as enemies,
Doing evil deeds
The fruits wherof are bitter.

๘. น ตํ กมฺมํ กตํ สาธุ
ยํ กตฺวา อนุตปฺปติ
ยสฺส อสฺสุมุโข โรทํ
วิปากํ ปฏิเสวติ ฯ ๖๗ ฯ

กรรมใดทำแล้วทำให้เดือดร้อนภายหลัง
อีกทั้งทำให้ร้องไห้น้ำตานอง
รับสนองผลของการกระทำ
กรรมนั้นไม่ดี

That deed is not well done,
After doing which one feels remorse
And the fruit whereof is received
With tears and lamentations.
:idea: :idea:
ไฟล์แนบ
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (3).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (3).JPG (144.46 KiB) เข้าดูแล้ว 591 ครั้ง
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (4).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (5).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (9).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (10).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (12).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (13).JPG
วันที่ ๒๓ ม.ค.๖๔ เป็นวันเสาร์หลานน้อยไม่ได้ไป รร.เราสองคน ปู่-ย่า ถือโอกาสออกปั่นเที่ยวซึ่งจุดที่เรายังไม่เคยปั่นไปเลยก็คือ น้ำตกขุนกรณ์ เมื่อ ๒๐-๓๐ ปี ประมาณนั้นเราเคยไปนั่งกินข้าวกลางวัน ฟังเสียงน้ำตกได้อรรถรสมาก ๆ วันนี้จะได้กลับไปเห็นและสัมผัสกับบรรยากาศเดิม ๆ (ฝันนะอาจจะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว) <br /><br />ออกจาภูแสงจันทร์ช่วงสาย ๆ ประมาณ ๐๗.๐๐ น.ปั่นล่องทางทิศใต้ผ่านสิงห์ปาร์คเพื่อมาเข้าเส้นทางไปน้ำตกตรงบริเวณสามแยก(จำบ้านไม่ได้๕๕.) จะมีป้ายปักบอกทางไว้เข้าไปอีก ๑๑-๑๒ กม. เลี้ยวขวาเข้าไปปั่นไปเรื่อย ๆ ก็ไปสดุดใจกับรีสอร์ทใหญ่สวยเชียว ชื่ออย่างกับทำเนียบรัฐบาลอเมริกัน เราจอดชมทัศนียภาพของรีสอร์ท ก็อลังการดี ที่สำคัญเห็นชาวบ้านกำลังปลูกนากัน เดี๋ยวนี้นาทำกันได้ทุกฤดูแล้วครับ
วันที่ ๒๓ ม.ค.๖๔ เป็นวันเสาร์หลานน้อยไม่ได้ไป รร.เราสองคน ปู่-ย่า ถือโอกาสออกปั่นเที่ยวซึ่งจุดที่เรายังไม่เคยปั่นไปเลยก็คือ น้ำตกขุนกรณ์ เมื่อ ๒๐-๓๐ ปี ประมาณนั้นเราเคยไปนั่งกินข้าวกลางวัน ฟังเสียงน้ำตกได้อรรถรสมาก ๆ วันนี้จะได้กลับไปเห็นและสัมผัสกับบรรยากาศเดิม ๆ (ฝันนะอาจจะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว)

ออกจาภูแสงจันทร์ช่วงสาย ๆ ประมาณ ๐๗.๐๐ น.ปั่นล่องทางทิศใต้ผ่านสิงห์ปาร์คเพื่อมาเข้าเส้นทางไปน้ำตกตรงบริเวณสามแยก(จำบ้านไม่ได้๕๕.) จะมีป้ายปักบอกทางไว้เข้าไปอีก ๑๑-๑๒ กม. เลี้ยวขวาเข้าไปปั่นไปเรื่อย ๆ ก็ไปสดุดใจกับรีสอร์ทใหญ่สวยเชียว ชื่ออย่างกับทำเนียบรัฐบาลอเมริกัน เราจอดชมทัศนียภาพของรีสอร์ท ก็อลังการดี ที่สำคัญเห็นชาวบ้านกำลังปลูกนากัน เดี๋ยวนี้นาทำกันได้ทุกฤดูแล้วครับ
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (16).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (17).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (18).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (21).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (22).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (24).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (25).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (29).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (32).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (47).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (37).JPG
จากปากทางเข้า ทางจะเริ่มขึ้นเนินไปเรื่อย ๆ ค่อย ๆ ชันขึ้น ๆ ปั่นสนุกมากครับเรียกว่าได้เหงื่อ ได้กำลัง วิวสองข้างทางก็เป็นใจ รถวิ่งก็ไม่เยอะปลอดโปร่งสบายจริง ๆ เราไม่เร่งรีบปั่นไปชมสองข้างทาง แวะคุยชาวบ้านสอบถามความเป็นอยู่ คำตอบทุกวันนี้ชีวิตอยู่ยากขึ้น ๆ ก็ได้แต่ให้กำลังใจกันไป ตอนนี้ชาวบ้านผวาเรื่องของ covid 19 กันมาก เขาจะถามมาจากไหน ? พอรู้เราสองคนก็อยู่เชียงรายก็แสดงสีหน้าโล่งใจและคุยกับเราต่อ สงสัยถ้ารู้ว่าเราเป็นคนที่อื่นเขาคงไม่พูดแน่ ๆ เลย โอ..เจ้าโควิด เจ้าขวิดคนทั้งโลกเลยนะเนี่ย
จากปากทางเข้า ทางจะเริ่มขึ้นเนินไปเรื่อย ๆ ค่อย ๆ ชันขึ้น ๆ ปั่นสนุกมากครับเรียกว่าได้เหงื่อ ได้กำลัง วิวสองข้างทางก็เป็นใจ รถวิ่งก็ไม่เยอะปลอดโปร่งสบายจริง ๆ เราไม่เร่งรีบปั่นไปชมสองข้างทาง แวะคุยชาวบ้านสอบถามความเป็นอยู่ คำตอบทุกวันนี้ชีวิตอยู่ยากขึ้น ๆ ก็ได้แต่ให้กำลังใจกันไป ตอนนี้ชาวบ้านผวาเรื่องของ covid 19 กันมาก เขาจะถามมาจากไหน ? พอรู้เราสองคนก็อยู่เชียงรายก็แสดงสีหน้าโล่งใจและคุยกับเราต่อ สงสัยถ้ารู้ว่าเราเป็นคนที่อื่นเขาคงไม่พูดแน่ ๆ เลย โอ..เจ้าโควิด เจ้าขวิดคนทั้งโลกเลยนะเนี่ย
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
ลุงเนตร
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 19852
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
Tel: 0898133936
team: อิสระ
Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
ติดต่อ:

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย ลุงเนตร »

"..สวัสดี ท่านน้องแดง และสมาชิกทุกท่าน

..แปลกใจ ที่ชื่อกระทู้นี้ทำไมไม่ขึ้นที่หน้ารายชื่อกระทู้ต่าง ๆ หลังจากเปิดเข้ามาในหน้าคุยเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับจักรยาน มีแต่กระทู้ "ธุดงค์จักรยาน" ขึ้นมาให้เห็น ผมต้องเข้าไปในกระทู้จักรยานธุดงค์" ที่หน้าสุดท้าย แล้วคลิกที่ URL ของกระทู้คุณลุง - คุณป้า พาเที่ยว จึงเข้ามาได้ ท่านน้องแดงเห็นเช่นเดียวกันหรือเปล่าครับ.

..ขอบคุณมากครับ สำหรับสิ่งดีๆที่นำมาโพสท์ให้ไว้เป็นวิทยาทาน สบายดี.
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4378
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

" ใจกล้า เป็นนักรบ "
" ใจสงบ เป็นนักปราชญ์ "
" ใจสะอาด เป็นพระอริยะ "

โอวาทธรรม พ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงปู่หา สุภโร เจ้าอาวาสวัดสักกะวัน ต.โนนบุรี อ.สหัสขันธุ์ จ.กาฬสินธุ์


ลุงเนตร เขียน: 02 ก.พ. 2021, 10:15 "..สวัสดี ท่านน้องแดง และสมาชิกทุกท่าน

..แปลกใจ ที่ชื่อกระทู้นี้ทำไมไม่ขึ้นที่หน้ารายชื่อกระทู้ต่าง ๆ หลังจากเปิดเข้ามาในหน้าคุยเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับจักรยาน มีแต่กระทู้ "ธุดงค์จักรยาน" ขึ้นมาให้เห็น ผมต้องเข้าไปในกระทู้จักรยานธุดงค์" ที่หน้าสุดท้าย แล้วคลิกที่ URL ของกระทู้คุณลุง - คุณป้า พาเที่ยว จึงเข้ามาได้ ท่านน้องแดงเห็นเช่นเดียวกันหรือเปล่าครับ.

..ขอบคุณมากครับ สำหรับสิ่งดีๆที่นำมาโพสท์ให้ไว้เป็นวิทยาทาน สบายดี.
:) :D อรุณสวัสดิ์ท่านพี่และท่านที่เคารพทุกท่าน ที่ท่านพี่เกริ่นมาถูกต้องครับ เดี๋ยวนี้การเข้ากระทู้ของ Thaimtb.เข้ายากขึ้น บุคคลทั่วไปที่ไม่ใช่สมาชิกหายไปเกลี้ยงเลย เพื่อน ๆ ผมที่เขาติดตามมาตลอดตอนนี้เข้ามาอ่านไม่ได้เลยครับ แต่ก่อนแค่พิมพ์ คุณลุง-คุณป้า พาเที่ยวใน Google ก็จะเข้าได้แล้วปัจจุบันเพื่อนเขาบอกไม่ได้แล้ว สรุปคนนอกที่ไม่ใช่สมาชิกหมดสิทธิ์(เข้ายาก) ก็ไม่เป็นไรว่ากันไปนะครับ

:idea: :idea: ๙. ตญฺจ กมฺมํ กตํ สาธุ
ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ
ยส์ส ปตีดต สุมโน
วิปากํ ปฏิเสวติ ฯ ๖๘ ฯ

กรรมใดทำแล้ว ไม่เดือดร้อนภายหลัง
ทั้งผู้กระทำก้เบิกบานสำราญใจ
ได้เสวยผลของการกระทำ
กรรมนั้นดี

Well done is thst deed
which, done, brings no regret;
The fruit whereof is received
The fruit whereof is received
With delight and satisfaction.


๑๐. มธุวา มญฺญตี พาดล
ยาว ปาปํ น ปจฺจติ
ยทา จ ปจฺจตี ปาปํ
อถ พาโล ทุกฺขํ นิคจฺฉติ ฯ ๖๙ ฯ

ตลอดระยะเวลาที่บาปยังไม่ให้ผล
คนพาลสำคัญบาปหวานปานน้ำผึ้ง
เมื่อใดบาปให้ผล
เมื่อนั้นเขาย่อมได้รับทุกข์

An evil deed seems sweet to the fool
so long as it does not bear fruit;
but when it ripens,
The fool comes to grief.
ไฟล์แนบ
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (62).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (64).JPG
ถึงทางเข้าน้ำตกแล้วครับ กว่าจะถึงเรียกว่าถูกนวดมาพอสมควร คุณนายถึงกับต้องถอดเสื้อคลุมกันแดดออก น้ำตกขุนกรณ์ ตั้งอยู่ ต.แม่กรณ์ อ.เมือง จ.เชียงราย เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของ จ.เชียงราย สภาพพื้นที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสลับซับซ้อนมีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 700-1500 เมตรโดยใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 30 นาที เมื่อก้าวลงจากรถจะได้สัมผัสกับความร่มรื่นเย็นสบาย จากธรรมชาติที่คอยต้อนรับผู้มาเยือนตลอดเวลาที่นี่ทุกท่านจะได้พบกัน น้ำตกขุนกรณ์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สูงที่สุด ใน จ.เชียงราย มีความสูงที่น้ำตกลงมาถึงด้านล่างประมาณ 70 เมตร
ถึงทางเข้าน้ำตกแล้วครับ กว่าจะถึงเรียกว่าถูกนวดมาพอสมควร คุณนายถึงกับต้องถอดเสื้อคลุมกันแดดออก น้ำตกขุนกรณ์ ตั้งอยู่ ต.แม่กรณ์ อ.เมือง จ.เชียงราย เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของ จ.เชียงราย สภาพพื้นที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสลับซับซ้อนมีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 700-1500 เมตรโดยใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 30 นาที เมื่อก้าวลงจากรถจะได้สัมผัสกับความร่มรื่นเย็นสบาย จากธรรมชาติที่คอยต้อนรับผู้มาเยือนตลอดเวลาที่นี่ทุกท่านจะได้พบกัน น้ำตกขุนกรณ์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สูงที่สุด ใน จ.เชียงราย มีความสูงที่น้ำตกลงมาถึงด้านล่างประมาณ 70 เมตร
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (78).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (81).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (82).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (84).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (85).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (87).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (89).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (90).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (92).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (94).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (95).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (98).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (123).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (123).JPG (99.82 KiB) เข้าดูแล้ว 572 ครั้ง
๒๓ ม.ค.๖๔ (4).jpg
ป่าทั้งป่ามีเราแค่เพียง ๒ คน สงบ วิเวก วังเวง เหมาะเหลือเกินกับการจะนั่งภาวนา เสียดายเวลาไม่เอื้ออำนวย อีกอย่างคุณนายเจอป้าย &quot;ระวังงูเขียวกัด&quot; แค่นี้ก็ขนหัวลุกกระตุ้นให้รีบกลับ สำหรับผมแล้วยังไม่อยากกลับเลย
ป่าทั้งป่ามีเราแค่เพียง ๒ คน สงบ วิเวก วังเวง เหมาะเหลือเกินกับการจะนั่งภาวนา เสียดายเวลาไม่เอื้ออำนวย อีกอย่างคุณนายเจอป้าย "ระวังงูเขียวกัด" แค่นี้ก็ขนหัวลุกกระตุ้นให้รีบกลับ สำหรับผมแล้วยังไม่อยากกลับเลย
ไม่จำเป็นก็อย่าขัดใจครับ สงสัยคุณนายคงขะเริ่มหิวแล้ว ชมธรรมชาติที่แสนจะมีความสุขแบบยังไม่อิ่มใจ ก็จำต้องกลับ นำความทรงจำดี ๆ ประทับไว้แล้วค่อยกลับมาใหม่ก็ได้ จำได้ว่าเมื่อครั้งมาหนก่อน ๆ ที่นี่คนเยอะะะะ มาก หาความสงบไม่เจอเนื่องจากสถานที่บริเวณที่น้ำตกลงมาแคบ หามุมเก็บภาพโล่ง ๆ ไม่มีครับ หนนี้ covid 19 ทำได้ดีทำให้มีเนื้อที่ว่างโล่ง มุมไหนก็เก็บภาพได้ ธรรมชาติกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง อยากให้เป็นแบบนี้ตลอดไปจัง.
ไม่จำเป็นก็อย่าขัดใจครับ สงสัยคุณนายคงขะเริ่มหิวแล้ว ชมธรรมชาติที่แสนจะมีความสุขแบบยังไม่อิ่มใจ ก็จำต้องกลับ นำความทรงจำดี ๆ ประทับไว้แล้วค่อยกลับมาใหม่ก็ได้ จำได้ว่าเมื่อครั้งมาหนก่อน ๆ ที่นี่คนเยอะะะะ มาก หาความสงบไม่เจอเนื่องจากสถานที่บริเวณที่น้ำตกลงมาแคบ หามุมเก็บภาพโล่ง ๆ ไม่มีครับ หนนี้ covid 19 ทำได้ดีทำให้มีเนื้อที่ว่างโล่ง มุมไหนก็เก็บภาพได้ ธรรมชาติกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง อยากให้เป็นแบบนี้ตลอดไปจัง.
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4378
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D อรุณสวัสดิ์ท่านที่เคารพ ว่าจะจบน้ำตกขุนกรณ์แต่ตรวจสอบภาพแล้วยังเหลืออีกหลายภาพ สังเกตุเราไปน้ำตกที่ไหน ๆ เราจะต้องเจอร้านรวงมากมาย เช่นกันครับแต่ที่น้ำตกขุนกรณ์ ร้านอาหารจะอยู่ด้านนอกริมลำธารวางเรียงยาวไปตลอด และมีที่นั่งให้เราได้นั่งพักสบาย ๆ สั่งอาหารมานั่งทานได้เป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ วันที่เราไปร้านปิดไปหลายร้านเพราะฤทธิ์เจ้าโควิด ๑๙ น่าสงสารบรรดาแม่ค้าทั้งหลาย ขาดรายได้เจ้าที่ยังคงอยู่ขายเล่าว่า ช่วงนี้คนมาเที่ยวน้อยรายได้ขาด แต่ก็ต้องฝืนทนทำไป เพราะไม่รู้จะไปทำอะไร ก็ฝากบอกทุกท่านช่วงนี้หาเวลาไปพักผ่อน อุดหนุนช่วยเหลือคนหาเช้ากินค่ำเอาบุญกันครับ :( :(
ไฟล์แนบ
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (102).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (112).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (113).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (114).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (115).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (116).JPG
101824.jpg
101827.jpg
101828.jpg
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (117).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (119).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (120).JPG
๒๓ ม.ค.๖๔ ไปน้ำตกแม่กรณ์ (122).JPG
ในค่ำคืนนึงหลังจากไมค์ ไทยสันได้ชนะแชมป์โลกเขาและเพื่อนสนิทไม่กี่คนได้ชักชวนกันไปดื่มกินที่ผับไม่ไกลจากที่พักของเขา<br /><br />ดื่มกินกันได้ไม่นานนักขี้เมาเจ้าถิ่น เดินมาที่โต๊ะของไมค์ ไทสัน<br /><br />ขี้เมาได้ประกาศท้าชกกับไมค์ ไทยสัน <br /><br />ไมค์หันไปยิ้มกับขี้เมา แล้วบอกกับเด็กเสิร์ฟว่า เช็คบิล ฉันจะกลับแล้ว<br /><br />เขาวางเงินค่าเหล้าไว้ที่โต๊ะแล้วเดินออกมาจากผับทันที<br /><br />เพื่อนๆของเขาต่างมึนงงสงสัย กับสิ่งที่ไมค์ ไทสันทำ<br /><br />เมื่อถึงลานจอดรถ เพื่อนๆของไมค์ถามเขาว่า<br /><br />นายเป็นแชมป์โลก นายสามารถคว่ำหมอนั่นได้ด้วยหมัดเดียว ทำไมนายไม่สู้?<br /><br />ไมค์ หันมาบอกเพื่อนว่า<br /><br />“เราไม่จำเป็นต้องชนะทุกคน โดยเฉพาะชัยชนะที่ไร้เกียรติและรางวัลใดๆ ชนะขี้เมาคนนึงได้ก็ไม่ได้ทำให้ฉันภูมิใจ ฉันเป็นแชมป์โลกได้สำเร็จแล้ว ไม่มีอะไรต้องพิสูจน์อีกแล้ว”<br /><br />เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เราไม่จำเป็นต้องเอาชนะทุกคนไม่จำเป็นต้องมีเรื่องกับทุกคน<br />ที่เข้ามาพยายามก่อกวนเรา<br /><br />ในชีวิตจริงๆเราทุกคน ล้วนมีคนพยายามทำลายอิจฉาริษยา หาเรื่อง เราไม่จำเป็นต้องลงไปทะเลาะด้วยหรือไม่ต้องไปให้ราคากับทุกคน<br /><br />หากคุณมีชีวิตที่ดีๆแล้วก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจอะไรแบบนี้ และที่สำคัญการได้ชัยชนะที่ไม่มีรางวัลไม่มีเกียรติไม่มีความหมาย  เดินออกมา มาใช้ชีวิตดีๆของคุณ<br /><br />เถียงชนะคนในโซเชี่ยลก็ไม่ทำให้เงินเดือนคุณขึ้น  เถียงชนะคนที่ขับรถปาดหน้าคุณ<br />ก็ไม่ทำให้คุณมีชีวิตที่ดีขึ้น เถียงชนะเพื่อนร่วมงานแย่ๆ ก็ไม่ได้แก้ไขอะไรให้ดีกว่าเดิม<br /><br />ใช้ชีวิตดีๆ กับคนดีๆ กับครอบครัวดีๆของคุณไปเถอะ  อย่าลงจากรถไปกัดกับหมา!<br /><br />เปิดเพลงเพราะๆเปิดแอร์เย็นๆ แล้วไปหาของอร่อยๆกิน แล้วปล่อยให้หมาตัวนั้นโดนรถชนตายไปเอง<br /><br />นั่นแหละที่คุณต้องทำ<br /><br />สิริทัศน์ สมเสงี่ยม เรื่องเล่าในวงธุรกิจ <br />(ขอบคุณผู้เขียนและ ภาพ)
ในค่ำคืนนึงหลังจากไมค์ ไทยสันได้ชนะแชมป์โลกเขาและเพื่อนสนิทไม่กี่คนได้ชักชวนกันไปดื่มกินที่ผับไม่ไกลจากที่พักของเขา

ดื่มกินกันได้ไม่นานนักขี้เมาเจ้าถิ่น เดินมาที่โต๊ะของไมค์ ไทสัน

ขี้เมาได้ประกาศท้าชกกับไมค์ ไทยสัน

ไมค์หันไปยิ้มกับขี้เมา แล้วบอกกับเด็กเสิร์ฟว่า เช็คบิล ฉันจะกลับแล้ว

เขาวางเงินค่าเหล้าไว้ที่โต๊ะแล้วเดินออกมาจากผับทันที

เพื่อนๆของเขาต่างมึนงงสงสัย กับสิ่งที่ไมค์ ไทสันทำ

เมื่อถึงลานจอดรถ เพื่อนๆของไมค์ถามเขาว่า

นายเป็นแชมป์โลก นายสามารถคว่ำหมอนั่นได้ด้วยหมัดเดียว ทำไมนายไม่สู้?

ไมค์ หันมาบอกเพื่อนว่า

“เราไม่จำเป็นต้องชนะทุกคน โดยเฉพาะชัยชนะที่ไร้เกียรติและรางวัลใดๆ ชนะขี้เมาคนนึงได้ก็ไม่ได้ทำให้ฉันภูมิใจ ฉันเป็นแชมป์โลกได้สำเร็จแล้ว ไม่มีอะไรต้องพิสูจน์อีกแล้ว”

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เราไม่จำเป็นต้องเอาชนะทุกคนไม่จำเป็นต้องมีเรื่องกับทุกคน
ที่เข้ามาพยายามก่อกวนเรา

ในชีวิตจริงๆเราทุกคน ล้วนมีคนพยายามทำลายอิจฉาริษยา หาเรื่อง เราไม่จำเป็นต้องลงไปทะเลาะด้วยหรือไม่ต้องไปให้ราคากับทุกคน

หากคุณมีชีวิตที่ดีๆแล้วก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจอะไรแบบนี้ และที่สำคัญการได้ชัยชนะที่ไม่มีรางวัลไม่มีเกียรติไม่มีความหมาย เดินออกมา มาใช้ชีวิตดีๆของคุณ

เถียงชนะคนในโซเชี่ยลก็ไม่ทำให้เงินเดือนคุณขึ้น เถียงชนะคนที่ขับรถปาดหน้าคุณ
ก็ไม่ทำให้คุณมีชีวิตที่ดีขึ้น เถียงชนะเพื่อนร่วมงานแย่ๆ ก็ไม่ได้แก้ไขอะไรให้ดีกว่าเดิม

ใช้ชีวิตดีๆ กับคนดีๆ กับครอบครัวดีๆของคุณไปเถอะ อย่าลงจากรถไปกัดกับหมา!

เปิดเพลงเพราะๆเปิดแอร์เย็นๆ แล้วไปหาของอร่อยๆกิน แล้วปล่อยให้หมาตัวนั้นโดนรถชนตายไปเอง

นั่นแหละที่คุณต้องทำ

สิริทัศน์ สมเสงี่ยม เรื่องเล่าในวงธุรกิจ
(ขอบคุณผู้เขียนและ ภาพ)
219792.jpg (53.03 KiB) เข้าดูแล้ว 563 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4378
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ กระทู้นี้คือกระทู้ท่องเที่ยวทั่วไทยเริ่มจากไปเมืองรองก่อน เราไปได้แค่ ๕ จังหวัดแค่นั้นเองก็มามีเหตุให้ต้องหยุดการเดินทาง (Covid 19) แผนสำรองสำหรับต่างประเทศนั้นเราเตรียมแผนไป Malasia - Singapore ก็ต้องชงักเช่นกัน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ได้แต่ปั่นออกกำลังภายในพื้นที่ คือ เชียงใหม่ กับ เชียงรายแค่นั้น

เมื่อวันที่ ๒๔ ม.ค.๖๔ เรา ๒ คนอยู่กับลูกและหลานที่ภูแสงจันทร์ เชียงราย ลุงป๊อกแกไปอยู่กับลูกชายที่ไปทำงานที่เชียงคำ โทรมาหาบอกให้ไปสมทบแกจะปั่นไปนอนภูลังกา อ.ปง จ.พะเยา ครั้งแรกอยากปฏิเสธเพราะทั้งพาหนะและอุปกรณ์ Touring ต่าง ๆ อยู่ที่เชียงใหม่ แต่ลุงป๊อกยื่น Notice งานนี้ขอร้องห้ามปฏิเสธ เพราะจักรยานที่เราใช้ที่เชียงรายก็ถือว่าไปได้

เพื่อความสุขของลุงป๊อกและเพื่อข้อมูลที่จะได้นำมาเล่าสู่กันฟัง เราสองคนก็ไม่ปฏิเสธเรียกว่า ไปแบบไม่เต็มร้อยถือว่า จ.พะเยา ก็เป็นอีกหนึ่งจังหวัดในเมืองรองที่ต้องไปเที่ยว แต่พะเยาเป็นถิ่นเก่าที่เคยรับราชการ แทบจะทุกที่เราทะลุปรุโปร่ง จ.พะเยาจึงต้องเป็นจังหวัดสุดท้ายที่เราจะไปท่องเที่ยวอีกครั้ง

ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน นี่แหละครับ "ชีวิต" ไม่มีอะไรแน่นอนจริง ๆ เมื่อลุงป๊อกยื่น Notice ผมก็เลยถือโอกาสให้ จ.พะเยา เป็นสถานที่แรกของปี ๒๕๖๔ ที่เราสองคนจะได้ไปท่องเที่ยว ความไม่พร้อมย่อมนำมาซึ่งอุปสรรคต่าง ๆ นา นา ครับ ขอให้ท่านผู้มีเกียรติได้ติดตามผมไปเรื่อย ๆ นะครับ อุปสรรคคืออะไร อย่างไร แก้ไขกันแบบไหน ผมจะนำมาเล่าให้ฟังพร้อมกับนำท่านไปเที่ยว จ.พะเยา เป็นจังหวัดต่อไปครับ.
:) :D
ไฟล์แนบ
พะเยา (คำเมือง: Lanna-Phayao.png พ(ร)ะญาว) เป็นจังหวัดในภาคเหนือ บริเวณที่ตั้งของตัวเมืองพะเยาในปัจจุบันอยู่ติดกับกว๊านพะเยา เดิมเป็นที่ตั้งของเมือง ภูกามยาว หรือ พะยาว ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อพุทธศตวรรษที่ 16 โดยกษัตริย์องค์แรกคือ พญาจอมธรรม ซึ่งเป็นราชบุตรองค์หนึ่งจากเมืองหิรัญนครเงินยางเชียงแสน และเป็นบรรพบุรุษของกษัตริย์เมืองพะยาวอีกหลายองค์ เช่น พญาเจือง วีรบุรุษแห่งเผ่าไท-ลาวในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง และพญางำเมืองซึ่งได้กระทำสัตย์สาบานเป็นไมตรีต่อกันกับพญามังรายแห่งนครพิงค์เชียงใหม่ และพญาร่วงรามคำแหงแห่งสุโขทัย ภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงอำนาจ และตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของอาณาจักรล้านนา ในสมัยพญาคำฟู<br /><br />เมื่อถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ใน พ.ศ. 2386 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 3 เมืองพะเยาถูกตั้งขึ้นใหม่พร้อมเมืองเชียงรายและเมืองงาวเพื่อเป็นเมืองหน้าด่านต่อตีกับกองทัพพม่าที่ตั้งอยู่ที่เมืองเชียงแสน โดยให้เมืองพะเยาขึ้นตรงต่อ นครลำปาง (พื้นที่บางส่วนของจังหวัดพะเยาปัจจุบัน ได้แก่ อำเภอเชียงม่วน อำเภอปง อำเภอเชียงคำ และอำเภอภูซางขึ้นตรงต่อนครน่าน) และในท้ายที่สุดก่อนที่พะเยาจะถูกยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัด พะเยาอยู่ใต้การปกครองของจังหวัดเชียงรายในฐานะ อำเภอพะเยา และเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2520 อำเภอพะเยาได้ยกฐานะขึ้นเป็น จังหวัดพะเยา นับเป็นจังหวัดที่ 72 ของประเทศไทย (เครดิต วิกิพีเดีย)
พะเยา (คำเมือง: Lanna-Phayao.png พ(ร)ะญาว) เป็นจังหวัดในภาคเหนือ บริเวณที่ตั้งของตัวเมืองพะเยาในปัจจุบันอยู่ติดกับกว๊านพะเยา เดิมเป็นที่ตั้งของเมือง ภูกามยาว หรือ พะยาว ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อพุทธศตวรรษที่ 16 โดยกษัตริย์องค์แรกคือ พญาจอมธรรม ซึ่งเป็นราชบุตรองค์หนึ่งจากเมืองหิรัญนครเงินยางเชียงแสน และเป็นบรรพบุรุษของกษัตริย์เมืองพะยาวอีกหลายองค์ เช่น พญาเจือง วีรบุรุษแห่งเผ่าไท-ลาวในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง และพญางำเมืองซึ่งได้กระทำสัตย์สาบานเป็นไมตรีต่อกันกับพญามังรายแห่งนครพิงค์เชียงใหม่ และพญาร่วงรามคำแหงแห่งสุโขทัย ภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงอำนาจ และตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของอาณาจักรล้านนา ในสมัยพญาคำฟู

เมื่อถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ใน พ.ศ. 2386 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 3 เมืองพะเยาถูกตั้งขึ้นใหม่พร้อมเมืองเชียงรายและเมืองงาวเพื่อเป็นเมืองหน้าด่านต่อตีกับกองทัพพม่าที่ตั้งอยู่ที่เมืองเชียงแสน โดยให้เมืองพะเยาขึ้นตรงต่อ นครลำปาง (พื้นที่บางส่วนของจังหวัดพะเยาปัจจุบัน ได้แก่ อำเภอเชียงม่วน อำเภอปง อำเภอเชียงคำ และอำเภอภูซางขึ้นตรงต่อนครน่าน) และในท้ายที่สุดก่อนที่พะเยาจะถูกยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัด พะเยาอยู่ใต้การปกครองของจังหวัดเชียงรายในฐานะ อำเภอพะเยา และเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2520 อำเภอพะเยาได้ยกฐานะขึ้นเป็น จังหวัดพะเยา นับเป็นจังหวัดที่ 72 ของประเทศไทย (เครดิต วิกิพีเดีย)
OIP.jpg (61.59 KiB) เข้าดูแล้ว 556 ครั้ง
223494.jpg
223494.jpg (63.24 KiB) เข้าดูแล้ว 556 ครั้ง
223497.jpg
223497.jpg (53.36 KiB) เข้าดูแล้ว 556 ครั้ง
223498.jpg
ที่ตั้งและอาณาเขต  จังหวัดพะเยา เป็นจังหวัดชายแดน ตั้งอยู่ทางภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย มีเขตระหว่างเส้นรุ้งที่ 18 องศา 44 ลิปดาเหนือ ถึง 19 องศา 44 ลิปดาเหนือ และเส้นแวงที่ 99 องศา 40 ลิปดาตะวันออก ถึง 100 องศา 40 ลิปดาตะวันออก โดยมีอาณาเขตติดต่อดังนี้<br /><br />ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดเชียงราย<br />ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดลำปาง และจังหวัดแพร่<br />ทิศตะวันออก ติดต่อกับจังหวัดน่าน และแขวงไชยบุรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว<br />ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดลำปาง<br /><br />ภูมิประเทศ  สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดพะเยา เป็นที่ราบสูงและภูเขา มีระดับความสูงตั้งแต่ 300-1,500 เมตร จากระดับน้ำทะเล มีเทือกเขาอยู่ทางทิศตะวันตก ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออกเฉียงใต้และตอนกลางของพื้นที่จังหวัด มีเนื้อที่ประมาณ 6,335.06 ตารางกิโลเมตร หรือ 3,959,412 ไร่ มีพื้นที่ขนาดใหญ่ เป็นลำดับที่ 15 ของภาคเหนือ และมีพื้นที่ป่าไม้ (จากภาพถ่ายดาวเทียม ปี 2542) ประมาณ 1,503,174 ไร่ หรือร้อยละ 37.96 ของพื้นที่จังหวัด สภาพเป็นป่าดงดิบและป่าเบญจพรรณ ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ไม้สัก ไม้ประดู่ ไม้มะค่า ไม้ชิงชัน ไม้ยาง ไม้เต็ง ไม้รัง ฯลฯ จังหวัดพะเยามีพื้นอยู่ทั้งในที่ลุ่มแม่น้ำโขงและลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนที่อยู่ในลุ่มน้ำโขง คือพื้นที่อำเภอเมืองพะเยา อำเภอดอกคำใต้ อำเภอจุน อำเภอปง อำเภอเชียงคำ และอำเภอแม่ใจ ส่วนที่อยู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา คือ อำเภอปง และ อำเภอเชียงม่วน ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำยม
ที่ตั้งและอาณาเขต จังหวัดพะเยา เป็นจังหวัดชายแดน ตั้งอยู่ทางภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย มีเขตระหว่างเส้นรุ้งที่ 18 องศา 44 ลิปดาเหนือ ถึง 19 องศา 44 ลิปดาเหนือ และเส้นแวงที่ 99 องศา 40 ลิปดาตะวันออก ถึง 100 องศา 40 ลิปดาตะวันออก โดยมีอาณาเขตติดต่อดังนี้

ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดเชียงราย
ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดลำปาง และจังหวัดแพร่
ทิศตะวันออก ติดต่อกับจังหวัดน่าน และแขวงไชยบุรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดลำปาง

ภูมิประเทศ สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดพะเยา เป็นที่ราบสูงและภูเขา มีระดับความสูงตั้งแต่ 300-1,500 เมตร จากระดับน้ำทะเล มีเทือกเขาอยู่ทางทิศตะวันตก ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออกเฉียงใต้และตอนกลางของพื้นที่จังหวัด มีเนื้อที่ประมาณ 6,335.06 ตารางกิโลเมตร หรือ 3,959,412 ไร่ มีพื้นที่ขนาดใหญ่ เป็นลำดับที่ 15 ของภาคเหนือ และมีพื้นที่ป่าไม้ (จากภาพถ่ายดาวเทียม ปี 2542) ประมาณ 1,503,174 ไร่ หรือร้อยละ 37.96 ของพื้นที่จังหวัด สภาพเป็นป่าดงดิบและป่าเบญจพรรณ ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ไม้สัก ไม้ประดู่ ไม้มะค่า ไม้ชิงชัน ไม้ยาง ไม้เต็ง ไม้รัง ฯลฯ จังหวัดพะเยามีพื้นอยู่ทั้งในที่ลุ่มแม่น้ำโขงและลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนที่อยู่ในลุ่มน้ำโขง คือพื้นที่อำเภอเมืองพะเยา อำเภอดอกคำใต้ อำเภอจุน อำเภอปง อำเภอเชียงคำ และอำเภอแม่ใจ ส่วนที่อยู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา คือ อำเภอปง และ อำเภอเชียงม่วน ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำยม
223503.jpg (133.88 KiB) เข้าดูแล้ว 556 ครั้ง
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (13).JPG
เมื่อเราได้รับ Notice จากท่านพี่ป๊อกให้ไปสมทบที อ.เชียงคำ เพื่อปั่นขึ้นไปเยี่ยมชมดอยภูลังกา ในความไม่พร้อมอย่างที่เกริ่นไว้แต่ด้วยหัวใจเมื่อเป็นโอกาส เราไม่พลาดครับอุปกรณ์จักรยานและสิ่งของบางส่วนเราแบ่งไปไว้ที่เชียงรายด้วย จำพวกที่หมดอายุใช้งานแล้วเป็นต้นแต่ก็ยังใช้ได้เช่นกระเป๋า ฯ ส่วนจักรยานนั้นเป็นจักรยานที่ใช้ออกกำลังกาย (ของคุณนายเป็นจักรยานคู่กายคันแรก ของผมเป็นของลูกชายคันแรก) แต่ก็นำมาปรับเป็น Touring ชั่วคราวได้ <br /><br />เช้าวันที่ ๒๗ ม.ค.๖๔ เราบรรทุกสัมภาระด้วย Toyota กะบะของเจ้าลูกชาย ออกเดินทางจากเชียงรายมุ่งสู่ อ.เชียงคำผ่านไปทาง อ.เทิง เพื่อสมทบกับลุงป๊อกที่ไปนอนรอที่บ้านพักของลูกชายลุงป๊อก ไปถึงเวลาก่อนเที่ยงเรา ๓ คนก็เริ่มออก Tour อ.เชียงคำกันเลยครับ<br /><br />เชียงคำเป็นถิ่นเก่าของผมสมัยรับราชการตั้งแต่ปี ๒๕๒๑ - ๒๕๒๗ รวม ๗ ปีเต็ม ๆ สมัยนั้น ผกค.เต็มบ้านเต็มเมือง เชียงคำถือเป็นเมืองชายแดนที่อันตรายลำดับต้น ๆ เทือกเขาดอยยาวดอยผาหม่น แถวบ้านปางค่า พญาพิภักษ์ เป็นสมรภูมิการต่อสู้ รุ่นผมหลายคนก็ต้องมาจบชีวิตที่นี่เช่นกัน สำหรับผมก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่เพราะมีวาสนาบารมีพระดี หรือว่าพญายมราชยังต้องการให้ลำบากอยู่ชดใช้กรรมเวร หรือ สร้างสมบารมีเพิ่มเติมต่อไป จึงได้รอดปลอดภัยอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ <br /><br />ติดตามเป็นกำลังใจกันไปนะครับ มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดอยากจะสอบถามหรือจะร่วมแสดงความคิดเห็น แนะนำ ติติง เพื่อให้เกิดประโยชน์กับการเสียเวลาเข้ามาอ่านมาชมผมยินดีรับฟัง และพร้อมแก้ไขข้อผิดพลาดต่าง ๆ และขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับผม.
เมื่อเราได้รับ Notice จากท่านพี่ป๊อกให้ไปสมทบที อ.เชียงคำ เพื่อปั่นขึ้นไปเยี่ยมชมดอยภูลังกา ในความไม่พร้อมอย่างที่เกริ่นไว้แต่ด้วยหัวใจเมื่อเป็นโอกาส เราไม่พลาดครับอุปกรณ์จักรยานและสิ่งของบางส่วนเราแบ่งไปไว้ที่เชียงรายด้วย จำพวกที่หมดอายุใช้งานแล้วเป็นต้นแต่ก็ยังใช้ได้เช่นกระเป๋า ฯ ส่วนจักรยานนั้นเป็นจักรยานที่ใช้ออกกำลังกาย (ของคุณนายเป็นจักรยานคู่กายคันแรก ของผมเป็นของลูกชายคันแรก) แต่ก็นำมาปรับเป็น Touring ชั่วคราวได้

เช้าวันที่ ๒๗ ม.ค.๖๔ เราบรรทุกสัมภาระด้วย Toyota กะบะของเจ้าลูกชาย ออกเดินทางจากเชียงรายมุ่งสู่ อ.เชียงคำผ่านไปทาง อ.เทิง เพื่อสมทบกับลุงป๊อกที่ไปนอนรอที่บ้านพักของลูกชายลุงป๊อก ไปถึงเวลาก่อนเที่ยงเรา ๓ คนก็เริ่มออก Tour อ.เชียงคำกันเลยครับ

เชียงคำเป็นถิ่นเก่าของผมสมัยรับราชการตั้งแต่ปี ๒๕๒๑ - ๒๕๒๗ รวม ๗ ปีเต็ม ๆ สมัยนั้น ผกค.เต็มบ้านเต็มเมือง เชียงคำถือเป็นเมืองชายแดนที่อันตรายลำดับต้น ๆ เทือกเขาดอยยาวดอยผาหม่น แถวบ้านปางค่า พญาพิภักษ์ เป็นสมรภูมิการต่อสู้ รุ่นผมหลายคนก็ต้องมาจบชีวิตที่นี่เช่นกัน สำหรับผมก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่เพราะมีวาสนาบารมีพระดี หรือว่าพญายมราชยังต้องการให้ลำบากอยู่ชดใช้กรรมเวร หรือ สร้างสมบารมีเพิ่มเติมต่อไป จึงได้รอดปลอดภัยอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้

ติดตามเป็นกำลังใจกันไปนะครับ มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดอยากจะสอบถามหรือจะร่วมแสดงความคิดเห็น แนะนำ ติติง เพื่อให้เกิดประโยชน์กับการเสียเวลาเข้ามาอ่านมาชมผมยินดีรับฟัง และพร้อมแก้ไขข้อผิดพลาดต่าง ๆ และขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับผม.
มื่อเช้าฟังพระเทศน์ในทีวี ท่านเทศน์ถึงหลวงพ่อคูณ คุยกับโยม<br /><br />โยม - หลวงพ่อว่าพญานาคมีจริงไหมครับ<br /><br />หลวงพ่อคูณ - มี<br /><br />โยม - หลวงพ่อเคยเห็นหรือครับ<br /><br />หลวงพ่อคูณ - เคย<br /><br />โยม - หลวงพ่อเห็นที่ไหน ครับ<br /><br />หลวงพ่อคูณ - กูเคยเห็นที่กล่องไม้ขีดไฟ<br /><br />  55555 55555 555
มื่อเช้าฟังพระเทศน์ในทีวี ท่านเทศน์ถึงหลวงพ่อคูณ คุยกับโยม

โยม - หลวงพ่อว่าพญานาคมีจริงไหมครับ

หลวงพ่อคูณ - มี

โยม - หลวงพ่อเคยเห็นหรือครับ

หลวงพ่อคูณ - เคย

โยม - หลวงพ่อเห็นที่ไหน ครับ

หลวงพ่อคูณ - กูเคยเห็นที่กล่องไม้ขีดไฟ

55555 55555 555
2419186.jpg (34.69 KiB) เข้าดูแล้ว 556 ครั้ง
แก้ไขล่าสุดโดย Deang-sarapee เมื่อ 19 ม.ค. 2023, 07:36, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4378
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D ศรัทธาในทางพระพุทธศาสนามีสี่อย่าง คือ

๑.กัมมสัทธา เชื่อกรรม เชื่อกฎแห่งกรรม เชื่อว่ากรรมมีอยู่จริง คือ เชื่อว่า เมื่อทำอะไรโดยมีเจตนา คือ จงใจทำทั้งรู้ ย่อมเป็นกรรม คือ เป็นความชั่วความดีมีขึ้นในตน เป็นเหตุปัจจัยก่อให้เกิดผลดีผลร้ายสืบเนื่องต่อไป การกระทำไม่ว่างเปล่า และเชื่อว่าผลที่ต้องการ จะสำเร็จได้ด้วยการกระทำ มิใช่ด้วยอ้อนวอนหรือนอนคอยโชค เป็นต้น

๒.วิปากสัทธา เชื่อวิบาก เชื่อผลของกรรม เชื่อว่าผลของกรรมมีจริง คือ เชื่อว่ากรรมที่ทำแล้วย่อมมีผล และผลต้องมีเหตุ ผลดีเกิดจากกรรมดี ผลชั่วเกิดจากกรรมชั่ว

๓.กัมมัสสกตาสัทธา เชื่อความที่สัตว์มีกรรมเป็นของตน เชื่อว่าแต่ละคนเป็นเจ้าของ จะต้องรับผิดชอบเสวยวิบาก เป็นไปตามกรรมของตน

๔.ตถาคตโพธิสัทธา เชื่อความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า มั่นใจในองค์พระตถาคต ว่าเป็นพระสัมมาสัมพุทธะ ทรงพระคุณทั้ง 9 ประการ ตรัสธรรม บัญญัติวินัยไว้ด้วยดี ทรงเป็นผู้นำทางที่แสดงให้เห็นว่า มนุษย์ คือเราทุกคนนี้ หากฝึกตนด้วยดีก็สามารถเข้าถึงภูมิธรรมสูงสุด บริสุทธิ์หลุดพ้นได้ ดังที่พระองค์ทรงบำเพ็ญไว้
:) :D

:idea: :idea: อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพทุกท่าน วันคืนล่วงไป ๆ วันขึ้นปีใหม่จางคลายไป วันแห่งความรักและวันตรุษจีนก็จะเข้ามาแทนที่ อีกไม่นานวันสงกรานต์จะตามมา ผมได้เกริ่นต้นเรื่องไว้เรื่องของศรัทธาในพระพุทธศาสนาของเราเป็นอย่างไรกันบ้าง ท่านผู้มีเกียรติยังคงมั่นคงใน ๔ ข้อดีอยู่หรือ และก่อนที่จะติดตามเรื่องเมืองพะเยา เรามาต่อกันกับ"ธรรมบท"กันต่อนะครับ

๑๑. มาเส มาเส กุสคฺเคน
พาโล ภุญฺเชถ โภชนํ
น โส สงฺขาตธมฺมานํ
กลํ อคฺฆติ โสฬสึ ฯ ๗๐ ฯ

คนพาล ถึงจะบำเพ็ญตบะ
โดยเอาปลายหญ้าคาจิ้มอาหารกิน ทุกมื้อ
การปฏิบัติของเขาไม่เท่าหนึ่งในสิบหกส่วน
ของการปฏิบัติของท่านผู้บรรลุธรรม

Month after month the fool may eat his food
With the tip of Kusa srass;
Nonetheless he is not worth the sixteenth part
Of those who have well understoood the Truth.

๑๒. น หิ ปาปํ กตํ กมฺมํ
สชฺชุ ขีรํว มุจฺจติ
ฑหนฺติ พาลมเนฺวติ
ภสฺมาจฺฉนฺโนว ปาวโก ฯ ๗๑ ฯ

กรรมชั่วที่ทำแล้ว ยังไม่ให้ผลทันทีทันใด
เหมือนนมรีดใหม่ๆ ไม่กลายเป็นนมเปรี้ยวในทันที
แต่มันจะค่อยๆ เผาผลาญผู้กระทำในภายหลัง
หมือนไฟไหม้แกลบ

An evil deed committed
Does not immediately bear fruit,
Just as milk curdles not at once;
Smouldering life covered by ashes,
It follows the fool.
:idea: :idea:
ไฟล์แนบ
ตามที่ตกลงกันเราจะเริ่มตระเวนใน พท.อ.เชียงคำกันก่อน และเพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย เราตั้งใจจะไปกราบพระที่สำคัญใน อ.เชียงคำกันก่อน โดยไม่ชักช้าหลังจากที่กินมื้อกลางวันเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางกันเลย ที่พักเราห่างจากตัวเมืองเชียงคำ ประมาณ ๑๐ กม.เนื่องจากถนนที่เข้าสู่ตัวอำเภอกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง เราจึงอาศัยเส้นทางรอง หลีกหนีทางที่กำลังสร้างปั่นเข้าไปทางหมู่บ้านไปทะลุออก บ.เชียงบานหลบเข้าทางซ้ายออกไปเส้นอ้อมเมือง ไปทะลุออกทางบ้านดอนไชย มุ่งไปกราบนมัสการพระศักดิ์สิทธิ์ของชาวเชียงคำที่วัดนันตาราม ครับ
ตามที่ตกลงกันเราจะเริ่มตระเวนใน พท.อ.เชียงคำกันก่อน และเพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย เราตั้งใจจะไปกราบพระที่สำคัญใน อ.เชียงคำกันก่อน โดยไม่ชักช้าหลังจากที่กินมื้อกลางวันเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางกันเลย ที่พักเราห่างจากตัวเมืองเชียงคำ ประมาณ ๑๐ กม.เนื่องจากถนนที่เข้าสู่ตัวอำเภอกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง เราจึงอาศัยเส้นทางรอง หลีกหนีทางที่กำลังสร้างปั่นเข้าไปทางหมู่บ้านไปทะลุออก บ.เชียงบานหลบเข้าทางซ้ายออกไปเส้นอ้อมเมือง ไปทะลุออกทางบ้านดอนไชย มุ่งไปกราบนมัสการพระศักดิ์สิทธิ์ของชาวเชียงคำที่วัดนันตาราม ครับ
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (20).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (23).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (24).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (25).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (26).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (27).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (30).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (31).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (33).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (34).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (35).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (37).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (38).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (39).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (40).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (41).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (42).JPG
วัดนันตาราม เป็นวัดที่อนุรักษ์วิหารศิลปะแบบไทยใหญ่ตัววิหาร สร้างด้วยไม้สักทั้งหลักตกแต่งลวดลาย ฉลุไม้อย่างสวยงาม ตามส่วนประกอบต่าง ๆ เช่น หน้าบัน หน้าต่าง ระเบียง เป็นต้น ทั้งลวดลายแกะสลัก หลังคาซ้อนชั้นมุงแป้นเกล็ดหรือกระเบื้องไม้ที่ลดหลั่นลงตัว <br /><br />ส่วนภายในวิหารก็ดูขรึมขลังเปี่ยมไปด้วยพลัง แห่งศรัทธา เมื่อเดินเข้าไปจะพบกับองค์พระประธานที่เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย แกะสลักจากไม้สักทองลงรักปิดทองทรงเครื่องแบบ ไทยใหญ่ ประดิษฐานบนฐานไม้ที่ฉลุลวดลายอย่างสวยงาม โดยข้าง องค์พระประธาน มีพระพุทธรูปหินขาว และพระพุทธปฏิมา ประธาน ไม้สักทองที่ต่างเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยทรงเครื่องแบบไทยใหญ่อย่างสมส่วน สวยงามประดิษฐานอยู่  มีเจดีย์แบบไทย ใหญ่ มีพิพิธภัณฑ์ธนบัตรเก่า เครื่องใช้โบราณ ผ้าลายโบราณ และภาพวาดโบราณเกี่ยวกับการเทศน์มหาชาติแต่ละตอน<br /><br />สำหรับผมแล้วผิดหวังนิด ๆ เนื่องจากสมัยที่ผมมาอยู่เชียงคำตั้งแต่ปี ๒๕๒๑-๒๕๒๗ รวม ๗ ปี ที่วัดแห่งนี้มีมนต์ขลัง เพราะความ ขลึม ทะมึน ไม่มีสิ่งก่อสร้างอะไรมากนัก เข้ามาเราจะเห็นวิหารไม้สักทองตั้งเด่นเป็นสง่า วันนี้กลับมาเราเห็นสิ่งก่อสร้างเยอะแยะทำให้ความขลัง ลดลงมาก (ความเห็นส่วนตัวนะครับ)
วัดนันตาราม เป็นวัดที่อนุรักษ์วิหารศิลปะแบบไทยใหญ่ตัววิหาร สร้างด้วยไม้สักทั้งหลักตกแต่งลวดลาย ฉลุไม้อย่างสวยงาม ตามส่วนประกอบต่าง ๆ เช่น หน้าบัน หน้าต่าง ระเบียง เป็นต้น ทั้งลวดลายแกะสลัก หลังคาซ้อนชั้นมุงแป้นเกล็ดหรือกระเบื้องไม้ที่ลดหลั่นลงตัว

ส่วนภายในวิหารก็ดูขรึมขลังเปี่ยมไปด้วยพลัง แห่งศรัทธา เมื่อเดินเข้าไปจะพบกับองค์พระประธานที่เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย แกะสลักจากไม้สักทองลงรักปิดทองทรงเครื่องแบบ ไทยใหญ่ ประดิษฐานบนฐานไม้ที่ฉลุลวดลายอย่างสวยงาม โดยข้าง องค์พระประธาน มีพระพุทธรูปหินขาว และพระพุทธปฏิมา ประธาน ไม้สักทองที่ต่างเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยทรงเครื่องแบบไทยใหญ่อย่างสมส่วน สวยงามประดิษฐานอยู่ มีเจดีย์แบบไทย ใหญ่ มีพิพิธภัณฑ์ธนบัตรเก่า เครื่องใช้โบราณ ผ้าลายโบราณ และภาพวาดโบราณเกี่ยวกับการเทศน์มหาชาติแต่ละตอน

สำหรับผมแล้วผิดหวังนิด ๆ เนื่องจากสมัยที่ผมมาอยู่เชียงคำตั้งแต่ปี ๒๕๒๑-๒๕๒๗ รวม ๗ ปี ที่วัดแห่งนี้มีมนต์ขลัง เพราะความ ขลึม ทะมึน ไม่มีสิ่งก่อสร้างอะไรมากนัก เข้ามาเราจะเห็นวิหารไม้สักทองตั้งเด่นเป็นสง่า วันนี้กลับมาเราเห็นสิ่งก่อสร้างเยอะแยะทำให้ความขลัง ลดลงมาก (ความเห็นส่วนตัวนะครับ)
มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง ไปฟังเทศน์ แต่สามีลืมปิดมือถือ ขณะที่พระท่านกำลังเทศน์ ปรากฏมือถือของสามีมีเสียงเรียกเข้าและเป็นเสียงดังมาก จึงโดนพระ ตำหนิและคนไปฟังเทศน์ก็หันมามองกันเป็นแถว พอเลิกจากการฟังเทศน์ บางคนก็เข้ามาต่อว่าต่อขาน หาว่าไม่มีมารยาทไม่รู้จักกฎเกณฑ์การมาฟังเทศน์ ทำให้ผู้อื่นไม่มีสมาธิและขณะนั่งรถกลับบ้านก็โดนภรรยาต่อว่าต่อขานอย่างหนัก<br /><br />ด้วยความกลุ้มอกกลุ้มใจ จึงเข้าไปในบาร์ ขณะดื่มเบียร์ก็กังวลอยู่กับคำต่อว่าต่อขานของคนรอบข้างเมื่อตอนเช้า เลยทำให้วางขวดเบียร์ พลาดตกโต๊ะ เบียร์กระเด็นถูกเสื้อผ้าและรอบๆข้าง ขวดแตกกระจาย เขาเห็นคน 2-3 คนเดินเข้ามา จึงนึกว่าวันนี้เป็นวันซวยจริงๆ คงจะโดนต่อว่าต่อขานอีก แต่ตรงกันข้าม พวกพนักงานที่เดินเข้ามาต่างถามไถ่ว่า เขาเป็นอะไรหรือเปล่า? โดนแก้วบาดไหม พนักงานบางคน ก็เอาผ้ามาเช็ดโต๊ะ บางคนก็เอาไม้กวาดมากวาดเศษเบียร์ออกให้หมด บางคนก็เอาไม้ม็อบมาถู ส่วนตัวผู้จัดการก็ถือเบียร์มาวางให้อีกขวดพร้อมกล่าวว่า &quot;ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ ต่อไปขอให้ระวังขึ้นแล้วกัน &quot;<br /><br />ตั้งแต่นั้นมา ผู้ชายคนนี้เลิกไปวัดอีกต่อไป แต่หันมาเข้ามาบาร์แทน เพราะเขาได้รับมิตรไมตรี ความเมตตา ความเอื้ออาทรจากคนในบาร์มากกว่าคนเข้าวัด ทั้งที่คนเข้าวัด ควรมีเมตา มีน้ำจิตน้ำใจ และรู้จักการให้อภัย มากกว่าคนในบาร์ แต่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง<br /><br />ฉะนั้นคนเข้าวัด ก็ต้องระวัง อย่ายึดถือกฎเกณฑ์ความถูกต้อง จนเป็นคนแล้งน้ำใจ อย่าลืมว่ามนุษย์เราไม่มีใครที่จะไม่ผิดพลาด ยิ่งความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ ก็ไม่ควรเอามาทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ถึงกับต้องต่อว่าต่อขาน กลายเป็นผลักไสให้คนออกไปจากวัด แทนที่เขาจะมาเข้าวัด ฟังเทศน์ ฟังธรรมเพื่อขัดเกลาจิตใจ กับทำให้ผู้อื่นหันหลังให้วัดโดยเด็ดขาด ความถูกต้อง มิใช่อยู่ที่การรักษากฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัด แต่บางครั้งต้องมีการอะลุ่มอะหล่วย และเข้าใจผู้อื่นบ้าง สังคมถึงจะอยู่ได้อย่างมีความสุข<br /><br />อย่าลืมถ้าเห็นว่าดีถูกใจ บอกต่อนะครับ
มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง ไปฟังเทศน์ แต่สามีลืมปิดมือถือ ขณะที่พระท่านกำลังเทศน์ ปรากฏมือถือของสามีมีเสียงเรียกเข้าและเป็นเสียงดังมาก จึงโดนพระ ตำหนิและคนไปฟังเทศน์ก็หันมามองกันเป็นแถว พอเลิกจากการฟังเทศน์ บางคนก็เข้ามาต่อว่าต่อขาน หาว่าไม่มีมารยาทไม่รู้จักกฎเกณฑ์การมาฟังเทศน์ ทำให้ผู้อื่นไม่มีสมาธิและขณะนั่งรถกลับบ้านก็โดนภรรยาต่อว่าต่อขานอย่างหนัก

ด้วยความกลุ้มอกกลุ้มใจ จึงเข้าไปในบาร์ ขณะดื่มเบียร์ก็กังวลอยู่กับคำต่อว่าต่อขานของคนรอบข้างเมื่อตอนเช้า เลยทำให้วางขวดเบียร์ พลาดตกโต๊ะ เบียร์กระเด็นถูกเสื้อผ้าและรอบๆข้าง ขวดแตกกระจาย เขาเห็นคน 2-3 คนเดินเข้ามา จึงนึกว่าวันนี้เป็นวันซวยจริงๆ คงจะโดนต่อว่าต่อขานอีก แต่ตรงกันข้าม พวกพนักงานที่เดินเข้ามาต่างถามไถ่ว่า เขาเป็นอะไรหรือเปล่า? โดนแก้วบาดไหม พนักงานบางคน ก็เอาผ้ามาเช็ดโต๊ะ บางคนก็เอาไม้กวาดมากวาดเศษเบียร์ออกให้หมด บางคนก็เอาไม้ม็อบมาถู ส่วนตัวผู้จัดการก็ถือเบียร์มาวางให้อีกขวดพร้อมกล่าวว่า "ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ ต่อไปขอให้ระวังขึ้นแล้วกัน "

ตั้งแต่นั้นมา ผู้ชายคนนี้เลิกไปวัดอีกต่อไป แต่หันมาเข้ามาบาร์แทน เพราะเขาได้รับมิตรไมตรี ความเมตตา ความเอื้ออาทรจากคนในบาร์มากกว่าคนเข้าวัด ทั้งที่คนเข้าวัด ควรมีเมตา มีน้ำจิตน้ำใจ และรู้จักการให้อภัย มากกว่าคนในบาร์ แต่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

ฉะนั้นคนเข้าวัด ก็ต้องระวัง อย่ายึดถือกฎเกณฑ์ความถูกต้อง จนเป็นคนแล้งน้ำใจ อย่าลืมว่ามนุษย์เราไม่มีใครที่จะไม่ผิดพลาด ยิ่งความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ ก็ไม่ควรเอามาทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ถึงกับต้องต่อว่าต่อขาน กลายเป็นผลักไสให้คนออกไปจากวัด แทนที่เขาจะมาเข้าวัด ฟังเทศน์ ฟังธรรมเพื่อขัดเกลาจิตใจ กับทำให้ผู้อื่นหันหลังให้วัดโดยเด็ดขาด ความถูกต้อง มิใช่อยู่ที่การรักษากฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัด แต่บางครั้งต้องมีการอะลุ่มอะหล่วย และเข้าใจผู้อื่นบ้าง สังคมถึงจะอยู่ได้อย่างมีความสุข

อย่าลืมถ้าเห็นว่าดีถูกใจ บอกต่อนะครับ
61647.jpg (62.11 KiB) เข้าดูแล้ว 539 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4378
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D ธรรมะวันแห่งความรัก ๑๔.๒.๒๕๖๔ โดยพระเทพพัชรญาณมุนี ( พระอาจารย์ชยสาโร )

เมื่อทุกคนแสดงความชื่นชมผลงานแกะสลักม้าของ Michelangelo ว่าสามารถทำได้อย่างไร Michelangelo ตอบว่า...ไม่ยากหรอก เพราะเป็นการแกะทุกส่วนที่ไม่ใช่ม้าออกมา แล้วสิ่งที่เหลือก็คือตัวม้า เขาไม่ได้สร้างม้าขึ้นมา แต่เอาสิ่งที่ไม่ใช่ม้าออกจากก้อนหิน

ที่นี้เราจะเปรียบเทียบกับการปฏิบัติธรรม พระพุทธองค์กล่าวว่า อวิชชาเป็นสิ่งที่ห่อหุ้มจิตไว้ กิเลสเป็นสิ่งที่จรเข้ามา คือ ไม่มีอะไรสักอย่างที่ตายตัวแน่นอนอยู่ในใจของเรา มีแต่สิ่งที่เกิดตามเหตุตามปัจจัย

ฉะนั้นความสุขซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนานั้น ส่วนมากเราจะหาความสุขนอกตัวเรา ซึ่งก็ไม่ผิดทีเดียว ถ้าหากว่าเราแสวงหาความสุขภายในกรอบของศีลธรรม ไม่เบียดเบียนตน ไม่เบียดเบียนผู้อื่น

แต่พระองค์ยังตรัสถึงสิ่งที่เรียกว่า นิรามิสสุข* สุขที่ไม่มีอามิส สุขที่ไม่ต้องขึ้นอยู่กับสิ่งนอกตัวเรา นิรามิสสุขเกิดขึ้นก็เหมือนกับตัวม้าของ Michelangelo ไม่ต้องสร้างความสุขแบบขึ้นมา แต่ปล่อยวางสิ่งที่ไม่ใช่ ปล่อยวางนิวรณ์ ปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นต่างๆ แล้วความสุขก็จะปรากฏ

อันนี้เป็นสิ่งที่ชาวพุทธเราทุกคนมีสิทธิ์และควรจะได้สัมผัส เราไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหน ไม่ต้องมีอะไรพิเศษ ไม่ต้องมีอะไรเก่งกว่าคนอื่น แค่ปล่อยวางสิ่งที่ไม่ใช่ที่เราสะสมมาอยู่ในใจ และความสุขที่เรียกว่า นิรามิสสุข ก็จะปรากฏ

ฉะนั้น ความรักก็เหมือนกัน ความรักที่ผสมหรือที่แปดเปื้อนเพราะความเห็นแก่ตัว เพราะเงื่อนไขต่างๆ ถ้าเราปล่อยวางสิ่งเหล่านี้ ก็จะรู้ว่าในจิตใจของเรานี้ พร้อมที่จะรับอย่างไม่มีเงื่อนไข รับอย่างเมตตา ความรักที่บริสุทธิ์ก็คือเมตตา แต่ในฐานะที่เราเป็นปุถุชน ความรักของเราก็มีแปดเปื้อน มีมลทิน ไม่มากก็น้อย ฉะนั้นเราจะหาความรักที่ไหน ก็ดูสิ่งที่ไม่ใช่ความรักอยู่ในใจ สิ่งที่ปิดบังความรัก สิ่งที่ทำให้ความรักผิดเพี้ยนไป ให้ขจัดออก ปล่อยวาง แล้วความรักที่บริสุทธิ์ก็จะปรากฏ เมื่อความรักที่บริสุทธิ์ปรากฎแล้ว จะรักคนนั้น จะรักคนนี้ หรือไม่รักใคร ก็พอกัน เพราะว่าเราเจอความรักที่แท้อยู่ในใจของเรา….

*นิรามิสสุข คือสุขที่ไม่ต้องอาศัยเหยื่อล่อ สุขปลอดโปร่งเพราะใจสงบหรือได้รู้แจ้งตามเป็นจริง
:) :D

:idea: :ugeek: อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ ผมไปชาร์ทแบตเตอรี่ชีวิต(ไปนอนวัด)ตั้งแต่ ๑๑-๑๔ ก.พ.๖๔ รวม ๔ วัน ๔ คืน ที่วัดสันติบถ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ และถือโอกาสไปกราบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ มีหลวงปู่เปลี่ยน วัดป่าอรัญญวิเวก (อังคารธาตุ) หลวงปู่สังข์ วัดป่าอาจารย์ตื้อ ปีนี้ท่าน ๙๒ ยังแข็งแรงดีอยู่ หลวงปู่กวง วัดป่านาบุญ องค์นี้ก็ไม่ธรรมดา นอกจากนี้ยังได้ติดตามทำบุญถวายน้ำปานะกับพระธุดงค์สายวัดป่าหลวงพ่อกัณหา ซึ่งขณะนี้เดินดงฝึกตนในเขตภูเขาภาคเหนือ เอาบุญมาฝากทุกท่านทุกคนร่วมอนุโมทนาบุญกันนะครับ

ปีนี้หรือหลาย ๆ ปีผมไม่เคยสนใจหรือให้ค่ากับ "Valentine's day" แต่ก็อดที่จะเข้าไปอ่านข้อความอันเนื่องมาจากวันนี้ ที่มีหลาย ๆ ท่านให้ความสำคัญและส่ง"ความรัก"มาทางไลน์ มากมาย ก็ขอขอบคุณ มีไลน์หนึ่งซึ่งประทับใจมาก เป็นพระฝรั่งพูดถึงความรัก (ขอนำมาฝาก) หวังใจว่าทุกท่านคงได้เห็นและศึกษากันแล้วนะครับ และก่อนจะไปเที่ยวกันต่อเรามาศึกษา "ธรรมบท" ของเราครับ

๑๓. ยาวเทว อนติถาย
ญตฺตํ พาลสฺส ชายติ
หนฺติ พาลสฺส สุกฺกํสํ
มุทฺธมสฺส วิปาตยํ ฯ ๗๒ ฯ

คนพาลได้ความรู้มา
เพื่อการทำลายถ่ายเดียว
ความรู้นั้น ทำลายคุณความดีเขาสิ้น
ทำให้มันสมองของเขาตกต่ำไป

The fool gains knowledge
Only for his ruin;
It destroys his good actions
And cleaves his head.

๑๔. อสนฺตํ ภาวมิจฺเฉยฺย
ปุเรกฺขารญฺจ ภิกฺขุสุ
อาวาเสสุ จ อิสฺสริยํ
ปูชา ปรกุเลสุ จ ฯ ๗๓ ฯ

ภิกษุพาล ปรารถนาชื่อเสียงเกียรติยศที่ไม่เหมาะ
อยากเป็นใหญ่กว่าพระภิกษุทั้งหมด
อยากเป็นเจ้าอาวาส
อยากได้รับบูชาสักการะจากชาวบ้านทั้งหลาย

A foolish monk desires undue reputation,
Precedence among monks,
Authority in the monasterics,
Honour among other families.

:idea: :idea:
ไฟล์แนบ
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (44).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (45).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (46).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (47).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (48).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (51).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (52).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (53).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (54).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (55).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (56).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (57).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (59).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (60).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (61).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (62).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (63).JPG
โชคดีครับที่ภายในอาคารไม้สักของวัด(วิหาร) ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก ไม่เหมือนภายนอก ซึ่งผมได้บอกไปแล้วว่ามีการก่อสร้างเพิ่มเติมมากมาย จนสภาพเปลี่ยนไป เราเดินชมทั้งภายในและภายนอกจนอิ่มอกอิ่มใจกันดีแล้ว ก็ได้เวลาอำลาเป้าหมายต่อไปยังมีอีกหลายที่ ครับ.
โชคดีครับที่ภายในอาคารไม้สักของวัด(วิหาร) ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก ไม่เหมือนภายนอก ซึ่งผมได้บอกไปแล้วว่ามีการก่อสร้างเพิ่มเติมมากมาย จนสภาพเปลี่ยนไป เราเดินชมทั้งภายในและภายนอกจนอิ่มอกอิ่มใจกันดีแล้ว ก็ได้เวลาอำลาเป้าหมายต่อไปยังมีอีกหลายที่ ครับ.
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4378
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D เทวดามาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า

วันหนึ่งขณะที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ เชตวัน ของอนาถบิณฑกะ

เทวดาได้มาเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ โดยแปลงกายเป็นพราหมณ์ที่มีใบหน้าสว่างไสว สวมชุดสีขาวราวหิมะ
เทวดาทูลถามปัญหาต่อพระพุทธเจ้าว่า

“อะไรคือดาบที่คมที่สุด
อะไรคือยาพิษที่ร้ายแรงที่สุด
อะไรคือไฟที่ร้ายที่สุด
อะไรคือคืนที่มืดที่สุด”

พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า :
“วาจาที่กล่าวด้วยความโกรธคือดาบที่คมที่สุด
ความโลภคือยาพิษที่ร้ายแรงที่สุด
ความปรารถนาคือไฟที่ร้ายที่สุด
ความหลงผิดคือคืนที่มืดที่สุด”

เทวดาทูลถามว่า
“ใครคือผู้ที่ได้มากที่สุด
ใครคือผู้ที่เสียมากที่สุด
อะไรเป็นเกราะที่แข็งกร่งที่สุด
อะไรคืออาวุธที่ดีที่สุด”

พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า
“คนที่ให้คือคนที่ได้มากที่สุด
คนที่เอาแต่ได้โดยไม่ตอบแทน
คือคนที่เสียมากที่สุด
ความอดทนคือเกราะที่แข็งแกร่งที่สุด
ปัญญาคืออาวุธที่ดีที่สุด

เทวดาทูลถามว่า
“ใครคือโจรที่อันตรายที่สุด
อะไรคือทรัพย์ที่มีค่าที่สุด
ใครที่สามารถที่สุดในการยึดครอง
ไม่ว่าบนโลกหรือสวรรค์
อะไรคือขุมทรัพย์ที่ปลอดภัยที่สุด

พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า
“ความคิดร้ายคือโจรที่อันตรายที่สุด
คุณธรรมคือทรัพย์อันมีค่าที่สุด
ใจคือผู้ยึดครองทุกสิ่งไม่ว่าบนโลกนี้หรือสวรรค์
อมตะนิพพานคือขุมทรัพย์ที่ปลอดภัยที่สุด

เทวดาทูลถามว่า
“อะไรคือสิ่งที่น่ารัก
อะไรคือสิ่งที่น่ารังเกียจ
อะไรคือความทุกข์ทรมานที่น่ากลัวที่สุด
อะไรคือความสุขที่สุด”

พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า
“ความดีคือสิ่งที่น่ารัก
ความชั่วคือสิ่งที่น่ารังเกียจ
มิจฉาสติคือความทุกข์ทรมานที่น่ากลัวที่สุด
ความหลุดพ้นคือความสุขที่สุด”

เทวดาทูลถามว่า
“อะไรทำให้โลกพินาศ
อะไรที่ทำลายมิตรภาพ
อะไรคือไข้ที่ร้ายแรงที่สุด
ใครคือแพทย์ที่ดีที่สุด”

พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า
“อวิชชา (ความไม่รู้แจ้ง) ทำให้โลกพินาศ
ความริษยาและความเห็นแก่ตัวทำลายมิตรภาพ
ความเกลียดชังคือไข้ที่ร้ายแรงที่สุด และ
พระพุทธเจ้าคือแพทย์ที่ดีที่สุด”

เทวดาจึงทูลว่า “บัดนี้ข้าพเจ้ายังมีข้อสงสัยอีกข้อหนึ่ง ที่ต้องการคำตอบให้แจ่มแจ้ง อะไรที่ไม่ไหม้ด้วยไฟ ไม่สลายด้วยน้ำ ไม่แตกกระจายด้วยลม แต่สามารถเปลี่ยนโลกนี้ได้”

พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ผลแห่งกรรมดี ไม่ว่า ไฟ น้ำ หรือ ลม ก็ทำลายผลแห่งกรรมดีไม่ได้ และผลแห่งกรรมดีสามารถเปลี่ยนโลกได้”

เทวดาเมื่อได้สดับดังนี้ ก็เกิดปิติเป็นล้นพ้น ประณมหัตถ์น้อมลงถวายอภิวาทต่อพระบรมศาสดา และร่างเทวดาก็หายไปจากตรงนั้
:) :D

:idea: :idea: อรุณสวัสดิ์ท่านที่เคารพทุกท่าน เช้าวันนี้ผมต้องเข้า admit ที่ รพ.สวนดอกตามหมอนัด(ซ่อมลูกตาที่เป็นต้อกระจก) และอาจจะหายหน้าไปอีกหลายวันนะครับ มีกูรูด้านอายุศาสตร์ที่ผมอ่านเจอ(เสียดายไม่ได้บันทึกไว้) เขาเก็บสถิติไว้ว่า คนอายุเข้าเลข ๗ จะมีโรคภัยไข้เจ็บเข้ามาราวีเยอะมาก(ผมปีนี้ ๗๑ ครับ) ถ้าสามารถผ่านเลยเข้าสู่เลข ๘ ได้(ไม่ตายก่อน) คน ๆ นั้นจะกลับมาเหมือนคนอายุ ๖๐ อีกครั้งและเมื่อเข้าเลข ๙ ก็ต้องเฝ้าระวังรักษาไปตามอาการ ใครเลยไปถึง ๑๐๐ ปีก็ถือว่าสุดยอด ซึ่งไปตรงกับหลักของพระพุทธศาสนาที่อายุขัยของคนยุคนี้อยู่ที่ ๘๐ เป็นมาตรฐาน (ไม่มีหลักฐานยืนยัน ผิดพลาดเมตตาอภัย) ลำดับต่อไปเราไปศึกษา ธรรมบท กันต่อ ซึ่งจะเป็นตอนสุดท้ายของบทที่ว่าด้วยคนพาลครับ

๑๕. มเมว กต มญฺญนฺตุ
คิหี ปพฺพชิตา อุโภ
มเมว อติวสา อสฺสุ
กิจฺจาจฺเจส กิสฺมิจิ
อิติ พาลสฺส สงฺกปฺโป
อิจฺฉา มาโน จ วฑฺฒติ ฯ ๗๔ ฯ

"ขอให้คฤหัสถ์ และบรรพชิต
จงสำคัญว่า เราเท่านั้นทำกิจนี้
ขอให้เขาเหล่านั้นอยู่ในบังคับบัญชาของเรา
ไม่ว่ากิจการใหญ่หรือเล็ก"
ภิกษุพาล มักจะคิดใฝ่ฝันเช่นนี้
ความทะเยอทะยาน และความหยิ่งก็พลอยเพิ่มขึ้น

'Let both laymen and monks think,
By me only was this done;
In every work,great or small,
Let them refer to me'.
Such is the ambitin of the fool;
His desire and pride increase.

๑๖. อญฺญา หิ ลาภูปนิสา
อญฺญา นิพฺพานคามินี
เอวเมตํ อภิญฺญาย
ภิกฺขุ พุทฺธสฺส สาวโก
สกฺการํ นาภนนฺเทยฺย
วิเวกมนุพฺรูหเย ฯ ๗๕ ฯ

ทางหนึ่งแสวงหาลาภ
ทางหนึ่งไปนิพพาน
รู้อย่างนี้แล้ว ภิกษุพุทธสาวก
ไม่ควรไยดีลาภสักการะ
ควรอยู่อย่างสงบ

One is the way to worldly gain;
To Nibbana another leads.
Clearly realizing this,
The bhikkh,disciple of the Buddha,
Should not delight in worldly favour,
But devote himself to solitude.
:idea: :idea:
ไฟล์แนบ
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (67).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (68).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (69).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (70).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (71).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (72).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (73).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (74).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (75).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (77).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (78).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (79).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (80).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (81).JPG
104050.jpg
104051.jpg
104052.jpg
104054.jpg
เราออกจากวัดนันตารามก็มุ่งตรงไปที่วัดแสนเมืองมาครับ วัดนี้สมัยที่รับราชการอยู่เชียงคำผมชอบมาแวะเวียนเที่ยวเป็นประจำ(สาว ๆ เยอะครับ ๕๕)<br /><br />วัดนี้สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 ราว พ.ศ. 2351อายุ 210 ปี โดยเจ้าผู้ครองเมืองน่าน ได้กวาดต้อนชาวไทลื้อมาจากเมืองมาง สหภาพพม่า มาอยู่หมู่บ้านแห่งใหม่ และเรียกหมู่บ้านนี้ว่า “บ้านมาง” จากนั้นชาวบ้านได้ช่วยกันสร้างวัดขึ้น พร้อมกับตั้งชื่อว่า “วัดมาง” ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดแสนเมืองมา” มาจากชื่อหมู่บ้านมาง ในสิบสองปันนา ประเทศจีน  จุดเด่นของวัดอยู่ที่หลังคาวิหาร ที่สร้างขึ้นตามแบบศิลปะของไทลื้อ ผสมผสานกับศิลปะล้านนาอย่างลงตัว โดยมุงหลังคา 2 ชั้น ลดหลั่นกัน 2 ระดับนั่นเอง นอกจากนี้หลังคาประดับด้วยช่อฟ้า ซึ่งทำเป็นรูปหงส์ หรือตัวนาคคาบแก้ว พร้อมประดับประดาด้วยไม้แกะสลัก ภาพนูน ตกแต่งด้วยสีต่างๆ ดูงดงามตา<br /><br />โดยบานประตูทำด้วยไม้แกะสลักทุกบาน ประตูเข้าสู่พระวิหารทำเป็นสามมุข มุขแต่ละทิศทำเป็นสัตว์ 3 ชนิด เชื่อว่าเพื่อช่วยปกป้องคุ้มครองพระศาสนา ได้แก่ พญานาค เสือ และสิงห์ โดยที่รูปปั้นพญานาคจะมี &quot;เขากวาง&quot; ประดับด้วย อันนี้แปลกมากๆ ซึ่งแตกต่างจากวัดแบบไทลื้ออื่นๆ ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับวิถีชีวิตชาวไทลื้อ และพระประธานเป็นพระพุทธรูปสมัยเชียงแสน นอกจากนี้ภายในวัดยังมีหอพิพิธภัณฑสถานด้วย <br /><br />ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2494 และทางกรมศิลปกรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานไว้ด้วย
เราออกจากวัดนันตารามก็มุ่งตรงไปที่วัดแสนเมืองมาครับ วัดนี้สมัยที่รับราชการอยู่เชียงคำผมชอบมาแวะเวียนเที่ยวเป็นประจำ(สาว ๆ เยอะครับ ๕๕)

วัดนี้สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 ราว พ.ศ. 2351อายุ 210 ปี โดยเจ้าผู้ครองเมืองน่าน ได้กวาดต้อนชาวไทลื้อมาจากเมืองมาง สหภาพพม่า มาอยู่หมู่บ้านแห่งใหม่ และเรียกหมู่บ้านนี้ว่า “บ้านมาง” จากนั้นชาวบ้านได้ช่วยกันสร้างวัดขึ้น พร้อมกับตั้งชื่อว่า “วัดมาง” ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดแสนเมืองมา” มาจากชื่อหมู่บ้านมาง ในสิบสองปันนา ประเทศจีน จุดเด่นของวัดอยู่ที่หลังคาวิหาร ที่สร้างขึ้นตามแบบศิลปะของไทลื้อ ผสมผสานกับศิลปะล้านนาอย่างลงตัว โดยมุงหลังคา 2 ชั้น ลดหลั่นกัน 2 ระดับนั่นเอง นอกจากนี้หลังคาประดับด้วยช่อฟ้า ซึ่งทำเป็นรูปหงส์ หรือตัวนาคคาบแก้ว พร้อมประดับประดาด้วยไม้แกะสลัก ภาพนูน ตกแต่งด้วยสีต่างๆ ดูงดงามตา

โดยบานประตูทำด้วยไม้แกะสลักทุกบาน ประตูเข้าสู่พระวิหารทำเป็นสามมุข มุขแต่ละทิศทำเป็นสัตว์ 3 ชนิด เชื่อว่าเพื่อช่วยปกป้องคุ้มครองพระศาสนา ได้แก่ พญานาค เสือ และสิงห์ โดยที่รูปปั้นพญานาคจะมี "เขากวาง" ประดับด้วย อันนี้แปลกมากๆ ซึ่งแตกต่างจากวัดแบบไทลื้ออื่นๆ ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับวิถีชีวิตชาวไทลื้อ และพระประธานเป็นพระพุทธรูปสมัยเชียงแสน นอกจากนี้ภายในวัดยังมีหอพิพิธภัณฑสถานด้วย

ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2494 และทางกรมศิลปกรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานไว้ด้วย
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4378
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ ผลการผ่าตัดต้อกระจกของผมเป็นไปด้วยดี ตาสว่างขึ้นมองได้ชัด แต่ระยะนี้คงต้องห่างคอมไปอีกสักระยะหนึ่ง เมื่อวานทดลองเข้ามาทำ แสบตาอยู่แต่เช้านี้ต้องมาแก้ตัวเพราะ "คิดถึงทุกท่านครับ"

เมื่อวานสถานการณ์บ้านเมืองเรามีทั้ง ดี-ร้าย ตลอดระยะเวลาที่ปิดตาผมก็พยายามฟังข่าวสารทั้งต่างประเทศและภายในประเทศ สะท้อนใจพอสมควร โลกคงใกล้คำว่า "วินาศ" เข้ามาแล้วสังเกตุว่าคำโบราณที่กล่าวไว้ "คนดีจะเดินตรอก ขี้ครอกจะเดินถนน" หลาย ๆ ปีมานี้มันเริ่มชัดขึ้น ๆ ใช่ไหมครับ?

ผู้ดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน เป็นสำนวนที่ใช้อธิบายยุคหรือสมัยที่คนดีไม่กล้าแสดงตน ไม่กล้าเผยตัว จะสัญจรไปที่แห่งใดก็ต้องหลบไปใช้ตรอกซอกซอยที่คับแคบ ต่างกับคนชั่วซึ่งปกติไม่กล้าออกสู่ที่แจ้ง มาถึงยุคนี้กลับเพ่นพ่านและวางอำนาจบาตรใหญ่ไปทั่วถนนหลวง เป็นที่เหนื่อยหน่ายอิดหนาระอาใจของคนดี (คนดีอยู่ยาก)
:( :(




:idea: :idea: ผมได้นำเสนอไปแล้วทั้งหมด ๕ หมวดดังนี้
๑. หมวดคู่ - The Pairs
๒. หมวดไม่ประมาท - Heedfulness
๓. หมวดจิต - The Mind
๔. หมวดดอกไม้ - The Flowers
๕. หมวดคนพาล - The Fool

ลำดับต่อไปจะเป็นหมวดที่ ๖.ว่าด้วยเรื่องของบัณฑิต (The Wise) เชิญติดตามกัน พยายามค่อย ๆ อ่าน คิด พิจราณาอย่างแยบคายจนกว่าจะ"ซาโตริ"นะครับ

๑. นิธีนํ ว ปวตฺตารํ ยํ ปสฺเส วชฺชทสฺสินํ
นิคฺคยฺหวาทึ เมธาวึ ตาทิสํ ปณฺฑิตํ ภเช
ตาทิสํ ภชมานสฺส เสยฺโย โหติ น ปาปิโย ฯ ๗๖ ฯ

ถ้าพบนักปราชญ์ ที่คอยว่ากล่าวตักเตือนชี้ข้อบกพร่อง
เสมือนผู้บอกขุมทรัพย์ให้ ควรคบหาบัณฑิตเช่นนั้น
เพราะเมื่อคบหาคนเช่นนั้น จะมีแต่ความเจริญไม่มีความเสื่อม

Should one see a wise man,
Who, like a revealer of treasures,
Points out faults and reproves,
Let one associate with such a one,
Well is it, not ill, to associate with such a one.

๒. โอวเทยฺยานุสาเสยฺย
อสพฺภา จ นิวารเย
สตํ หิ โส ปิโย โหติ
อสตํ โหติ อปฺปิโย ฯ ๗๗ ฯ

จงยอมตนให้บัณฑิตตักเตือนพร่ำสอน
และกีดกันจากความชั่ว
คนที่คอยสั่งสอนเช่นนี้
คนดีรัก แต่คนชั่วเกลียด

Let him admonish, exhort,
And shield from wrong.
Truly, pleasing is he to the good,
Displeasing is he to the bad.
ไฟล์แนบ
241289.jpg
241289.jpg (99.4 KiB) เข้าดูแล้ว 409 ครั้ง
อาการยังไม่ดีขึ้นครับ&quot;แพ้แสง&quot;คงต้องอีกระยะหนึ่งใช้ข้างเดียวไม่ถนัด คิดถึงคนตาบอดจัง หมอบอกสักระยะหนึ่ง(เดือน)ทุกอย่างจะปกตินี่แค่ ๗ วันผ่าน ผมก็ฝืนหมอสุดท้าย แสบ จัง ๕๕๕.
อาการยังไม่ดีขึ้นครับ"แพ้แสง"คงต้องอีกระยะหนึ่งใช้ข้างเดียวไม่ถนัด คิดถึงคนตาบอดจัง หมอบอกสักระยะหนึ่ง(เดือน)ทุกอย่างจะปกตินี่แค่ ๗ วันผ่าน ผมก็ฝืนหมอสุดท้าย แสบ จัง ๕๕๕.
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (83).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (84).JPG
เราอยู่กันที่วัดเมืองมางนานพอสมควรเดินชมเพลินครับ เป้าหมายต่อไปของเราคือ &quot;วัดพระนั่งดิน&quot; ซึ่งใคร ๆ มาเชียงคำจะไม่พลาดวัดนี้เด็ดขาด ตามไปครับมีอะไรดีที่วัดบ้าง
เราอยู่กันที่วัดเมืองมางนานพอสมควรเดินชมเพลินครับ เป้าหมายต่อไปของเราคือ "วัดพระนั่งดิน" ซึ่งใคร ๆ มาเชียงคำจะไม่พลาดวัดนี้เด็ดขาด ตามไปครับมีอะไรดีที่วัดบ้าง
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (87).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (88).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (89).JPG
วัดพระนั่งดิน อัศจรรย์อันซีนไทยแลนด์ ตั้งอยู่ ตำบลเวียง อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา เป็นวัดที่องค์พระประธานของวัดไม่มี ฐานรองรับเหมือนกับพระประธานองค์อื่นๆ เคยมีราษฎรสร้างฐานรองรับเพื่ออัญเชิญพระประธานขึ้นประดิษฐานบนฐานรองรับ แต่ปรากฏว่าพยายามยกเท่าไรก็ยกไม่ขึ้น จึงเรียกสืบต่อกันมาว่า พระนั่งดิน นอกจากนี้ ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าขานสืบกันมาว่า เคยมีชาวบ้าน ได้พากันสร้างฐานชุกชีแล้วได้อันเชิญพระเจ้านั่งดินขึ้นประทับ แต่ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ฟ้าได้ผ่าลงมาที่กลางพระวิหารถึง 3 ครา พุทธบริษัททั้งหลายจึงอาราธนาพระเจ้านั่งดินมาประดิษฐานบนพื้นดินดังเดิมตราบจนทุกวันนี้
วัดพระนั่งดิน อัศจรรย์อันซีนไทยแลนด์ ตั้งอยู่ ตำบลเวียง อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา เป็นวัดที่องค์พระประธานของวัดไม่มี ฐานรองรับเหมือนกับพระประธานองค์อื่นๆ เคยมีราษฎรสร้างฐานรองรับเพื่ออัญเชิญพระประธานขึ้นประดิษฐานบนฐานรองรับ แต่ปรากฏว่าพยายามยกเท่าไรก็ยกไม่ขึ้น จึงเรียกสืบต่อกันมาว่า พระนั่งดิน นอกจากนี้ ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าขานสืบกันมาว่า เคยมีชาวบ้าน ได้พากันสร้างฐานชุกชีแล้วได้อันเชิญพระเจ้านั่งดินขึ้นประทับ แต่ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ฟ้าได้ผ่าลงมาที่กลางพระวิหารถึง 3 ครา พุทธบริษัททั้งหลายจึงอาราธนาพระเจ้านั่งดินมาประดิษฐานบนพื้นดินดังเดิมตราบจนทุกวันนี้
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (91).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (92).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (93).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (94).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (95).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (96).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (98).JPG
ไชโย....เรามีวัคซีนกับเขาแล้ว แต่จะถึงเราคงอีกนาน ยินดีกับประเทศไทย กว่าจะได้ประเทศอื่น ๆ เขาไปไกลแล้วแม้แต่ เขมร ลาว เขาก็ได้ก่อนเรา
ไชโย....เรามีวัคซีนกับเขาแล้ว แต่จะถึงเราคงอีกนาน ยินดีกับประเทศไทย กว่าจะได้ประเทศอื่น ๆ เขาไปไกลแล้วแม้แต่ เขมร ลาว เขาก็ได้ก่อนเรา
ปรากฏการณ์ที่ เชียงราย ครับเมื่อวานนี้มีการเผาพริกเกลือไล่&quot;งูเห่า&quot; ก็ว่ากันไปครับ
ปรากฏการณ์ที่ เชียงราย ครับเมื่อวานนี้มีการเผาพริกเกลือไล่"งูเห่า" ก็ว่ากันไปครับ
ระทึกสุด ๆ กับการรอฟังคำพิพากษา สุดท้ายคนละ ๕ ปี ๖ ปี แล้วก็ต้องมาลุ้นกันต่อว่า &quot;จะติดคุกจริง ๆ หรือ ??? &quot;
ระทึกสุด ๆ กับการรอฟังคำพิพากษา สุดท้ายคนละ ๕ ปี ๖ ปี แล้วก็ต้องมาลุ้นกันต่อว่า "จะติดคุกจริง ๆ หรือ ??? "
241784.jpg
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4378
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ เมื่อวาน ๒ มี.ค.๖๔ เป็นวันหมอนัดติดตามผลการผ่าตัดต้อกระจก ปรากฏแผลยังไม่โอเคหมอบอกว่าน่าจะต้องรอให้ครบเดือน ซึ่งก็เป็นไปตามที่เคยบอกไว้ ช่วงนี้หมอก็สั่งห้ามโดนน้ำ ไม่ควรใช้สายตาให้มากนัก ไว้จนกว่าจะครบเดือนแล้วค่อยมาว่ากันอีก

ช่วงรอหมอตรวจก็เจอผู้คนที่เป็นเหมือนเรา มานั่งคอยหมอก็ได้สนทนากัน มีช่วงหนึ่งได้โอกาสคุยธรรมะเกี่ยวกับการรักษาศีล ๕ และการเพิ่มคำว่าอธิศีล ได้แก่ ศีล ๘ ปรากฏว่าคู่สนทนาบอกศีล ๘ คงหมดปัญญาที่จะรักษา บังเอิญว่าผมเคยฟังหลวงพ่อฤาษีลิงดำ จำได้ว่าท่านสอนว่า "นอกจากจะรักษาศีล ๕ อย่างบริสุทธิ์ให้ได้แล้ว ยังต้องรักษากุศลกรรมบถ ๑๐ ให้ได้ " จึงจะเชื่อได้ว่าเมื่อตายไปแล้วก็จะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกอย่างแน่นอน

กุศลกรรมบถ หมายถึง ทางแห่งกรรมดี,ทางทำดี, ทางแห่งกรรมที่เป็นกุศล, กรรมดีอันเป็นทางนำไปสู่ความสุขความเจริญหรือสุคติ (wholesome course of action) เป็นธรรมส่วนสุจริต ๑๐ ประการ จึงเรียกชื่อว่า กุศลกรรมบถ ๑๐

คำว่า กรรมบถ (อ่านว่า กำมะบด) แปลว่า ทางแห่งกรรม คือ การกระทำที่เข้าทางเป็นกรรมหรือที่นับว่าเป็นกรรม หมายถึง ทางแห่งกุศลกรรม คือการกระทำที่นับว่าเป็นความดีได้แก่

ที่เป็นกายกรรม มี ๓ อย่าง คือ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม
ที่เป็นวจีกรรม มี ๔ คือ ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ
ที่เป็นมโนกรรม มี ๓ คือ ไม่โลภอยากได้ของเขา ไม่พยาบาทปองร้าย เห็นชอบตามคลองธรรม (สัมมาทิฐิ)

สรุปกุศลกรรมบถ ก็คือสุจริตทางกาย ทางวาจา และทางใจนั่นเอง ก็จะขอฝากท่านผู้มีเกียรติไว้เป็นข้อคิดว่าหากเราจะเพิ่มศีลให้ยิ่ง ๆ ขึ้นที่เรียกว่า "อธิศีล" คือต้องขยับตัวจากศีล ๕ ไปศีล ๘ แต่ยังไม่สามารถทำได้ ก็ขอให้เริ่มรักษากุศลกรรมบถ ๑๐ ประการก็จะถือได้ว่า ทำได้ยิ่ง ๆ ขึ้นครับ :) :D


:idea: :idea: เรามาต่อกันที่ ธรรมบท นะครับ

๓. น ภเช ปาปเก มิตฺเต
น ภเช ปุริสาธเม
ภเชถ มิตฺเต กลฺยาเณ
ภเชถ ปุริสุตฺตเม ฯ ๗๘ ฯ

ไม่พึงคบมิตรชั่ว
ไม่พึงคบคนเลวทราม
พึงคบกัลยาณมิตร
พึงคบคนที่ดีเยี่ยม

Associate not with evil friends;
Associate not with mean men;
Associate with good friends;
Associate with noble men.

๔. ธมฺมปีติ สุขํ เสติ
วิปฺปสนฺเนน เจตสา
อริยปฺปเวทิเต ธมฺเม
สทา รมติ ปญฺฑิโต ฯ ๗๙ ฯ

ผู้ดื่มรสพระธรรม มีใจสงบ
ย่อมอยู่เป็นสุข
บัณฑิตย่อมยินดีในธรรม
ที่พระอริยเจ้าแสดงไว้เสมอ

He who imbibes the Dharma
Lives happily with the mind at rest.
The wise man ever delights
In the Dharma revealed by the Noble.

:idea: :idea:
ไฟล์แนบ
ห้องตรวจตาที่ รพ.สวนดอกคนเยอะะะะ มาก ๆ ครับ เรานั่งรอกันต้องใช้ความอดทนอย่างยิ่งยวด สงสารคนที่ไม่ได้ฝึกจิตฝึกใจ &quot;บ่นกันอุบ&quot; ฟุ้งซ่านพาลด่าหมอ ด่าพยาบาล ผมสงสารคุณหมอมาก ๆ ครับ ทำงานกันเหนื่อยมาก ยิ่งอาจารย์หมอยิ่งแล้วใหญ่ไหนจะคนไข้ ไหนจะลูกศิษย์ ต้องคอย Consult ลูกศิษย์ เวลาเที่ยงแล้วหมอยังนั่งตรวจคนไข้ ของผมได้ตรวจช่วงเที่ยงครึ่ง ถามคุณหมอ &quot;ทานข้าวแล้วยังครับ&quot; หมอบอก &quot;ยังไม่ได้ทานเลย เห็นใจคนป่วย ต้องเอาให้เสร็จก่อน&quot; นี่คือน้ำใจหมอไทยจริง ๆ ครับ<br /><br />ผมเคยไม่สบายที่เมืองนอก(อเมริกา) กว่าจะได้พบหมอโครตจะยากครับ ต้องผ่านขั้นตอนนั่น นู่น นี่ หมดเงินไปเยอะ โชคดีแล้วครับเมืองไทย &quot;ประเสริฐสุด ๆ&quot; ครับ.
ห้องตรวจตาที่ รพ.สวนดอกคนเยอะะะะ มาก ๆ ครับ เรานั่งรอกันต้องใช้ความอดทนอย่างยิ่งยวด สงสารคนที่ไม่ได้ฝึกจิตฝึกใจ "บ่นกันอุบ" ฟุ้งซ่านพาลด่าหมอ ด่าพยาบาล ผมสงสารคุณหมอมาก ๆ ครับ ทำงานกันเหนื่อยมาก ยิ่งอาจารย์หมอยิ่งแล้วใหญ่ไหนจะคนไข้ ไหนจะลูกศิษย์ ต้องคอย Consult ลูกศิษย์ เวลาเที่ยงแล้วหมอยังนั่งตรวจคนไข้ ของผมได้ตรวจช่วงเที่ยงครึ่ง ถามคุณหมอ "ทานข้าวแล้วยังครับ" หมอบอก "ยังไม่ได้ทานเลย เห็นใจคนป่วย ต้องเอาให้เสร็จก่อน" นี่คือน้ำใจหมอไทยจริง ๆ ครับ

ผมเคยไม่สบายที่เมืองนอก(อเมริกา) กว่าจะได้พบหมอโครตจะยากครับ ต้องผ่านขั้นตอนนั่น นู่น นี่ หมดเงินไปเยอะ โชคดีแล้วครับเมืองไทย "ประเสริฐสุด ๆ" ครับ.
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (99).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (100).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (101).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (102).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (103).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (105).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (106).JPG
ภูลังกา ๒๗-๓๑ ม.ค ๖๔ (107).JPG
พระนั่งดินเปลี่ยนแปลงไปเยอะครับ แต่ก่อนเมื่อ ๔๐ ปีที่แล้ว มันขรึมขลังน่าเกรงขาม มาก ปัจจุบันไม่ใช่แล้วครับ ความสวยงามเข้ามาแทนที่ ซึ่งด้วยหัวใจแล้ว &quot;ผมว่าไม่ใข่&quot; เรารักษาหรืออนุลักษณ์กันไม่ถูกต้อง ผู้ที่เกี่ยวข้องก็เมินเฉย ของเก่า ๆ ดี ๆ ในบ้านเมืองเรามองดูแล้ว &quot;เหมือนจะถูกทำลาย&quot;<br /><br />พระประธานนั่งดินที่เห็น คนเฝ้าบอกไม่ใช่ของจริงนะ &quot;เอ้า..) ของจริงเขาเก็บรักษาไว้กลัวขโมย มีแบบนี้ด้วยว่าง ๆ จะไปค้นภาพเก่า ๆ ที่เคยถ่ายไว้มาดูกัน คงต้องคอยนะครับ
พระนั่งดินเปลี่ยนแปลงไปเยอะครับ แต่ก่อนเมื่อ ๔๐ ปีที่แล้ว มันขรึมขลังน่าเกรงขาม มาก ปัจจุบันไม่ใช่แล้วครับ ความสวยงามเข้ามาแทนที่ ซึ่งด้วยหัวใจแล้ว "ผมว่าไม่ใข่" เรารักษาหรืออนุลักษณ์กันไม่ถูกต้อง ผู้ที่เกี่ยวข้องก็เมินเฉย ของเก่า ๆ ดี ๆ ในบ้านเมืองเรามองดูแล้ว "เหมือนจะถูกทำลาย"

พระประธานนั่งดินที่เห็น คนเฝ้าบอกไม่ใช่ของจริงนะ "เอ้า..) ของจริงเขาเก็บรักษาไว้กลัวขโมย มีแบบนี้ด้วยว่าง ๆ จะไปค้นภาพเก่า ๆ ที่เคยถ่ายไว้มาดูกัน คงต้องคอยนะครับ
3_234.jpg
เคยเป็นเรื่องคาใจผมมานานมาก และผมก็เคยโพสต์เรื่องนี้ไปแล้วด้วย แต่จำได้ว่ายังไม่เคยนำความจริงมาเผยแพร่ ตามที่ตนเองไปค้นคว้ามา เช้านี้ถือโอกาส นำเสนอว่า &quot;นารีขี่ม้าขาวนั้นหลวงพ่อท่านไม่ได้พูด&quot; นะ ๕๕๕.ไปอ่านที่ลูกศิษย์เขาเขียนไว้ครับ ถ้าจะให้ดีไปฟังในยูทูปก็ได้ครับ<br /><br />raponsan:เผยตัวผู้โพสต์อ้างเรื่อง &quot;หนึ่งนารีขี่ม้าขาว&quot; ผู้ปกครองแผ่นดินใหม่                       <br /><br />ในช่วงหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา เราจะได้ยินคำทำนายตอนหนึ่งที่ว่า<br /><br />&quot;จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว ควงคทามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง&quot;<br /><br /> ซึ่งมีการอ้างกันว่า คำกลอนนี้ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านได้ทำนายไว้และแล้ว ความจริงก็ปรากฎดังนี้<br /><br /><br />เรียน คุณเปลว สีเงิน<br /><br />ตามที่ท่านได้ลงข้อความในวันนี้ กล่าวอ้างถึงคำทำนาย &quot;อนาคตของประเทศไทย&quot; ซึ่ง มีการนำไป<br />โพสท์แพร่หลายเว็บไซด์อยู่ในเวลานี้ มีข้อผิดพลาดในการคัดลอกต่อๆ กันมาตลอด ทางเว็บมาสเตอร์<br />เกรงว่า จะเสียหายถึงชื่อเสียง และ เกียรติคุณของ หลวงพ่อวัดท่าซุง ตลอดถึง ความไม่เข้าใจ ของ<br />คณะศิษย์ที่เคารพนับถือในองค์ท่าน บทกลอนที่ต่อเติมไปจากคำพูดของหลวงพ่อฯ มีดังนี้<br /><br /><br />๐ คำทำนายที่เคยมีมาช้านานนัก              เริ่มประจักษ์ให้เห็นเร้นไม่ได้<br />หลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยทำนาย                 เมื่อถึงปลายรัชกาลผ่านเข้ามา<br />ประเทศชาติจะรุ่งเรืองและเฟื่องฟุ้ง          น้ำมันผุดขึ้นมาจนเห็นค่า<br />พวกกาขาวจะบินรี้หนีเข้ามา                    เป็นประชาชนเต็มพระนคร<br /><br />๐ ชนทั่วโลกจะยกพระองค์ท่าน                ชื่อกระฉ่อนร่อนทั่วทุกสิงขร<br />ออกพระนามลือชื่อดั่งทินกร                     องค์อมรเอกบุรุษแห่งแผ่นดิน<br />ชาวประชาจะปีติยิ้มสดใส                        แต่อกไหม้หนอนกินข้างในสิ้น<br />จะมีพวกกาฝากคอยกัดกิน                       เพื่อให้ได้สิ่งถวิลสมจินตนา<br /><br />๐ จะมีการต่อตีกันกลางเมือง                    ขุนนางเขื่องกังฉินกินทั่วหล้า<br />คอรัปชั่นจะกัดกร่อนทั้งพารา                   ประดุจปลวกกินฝานั้นปะไร<br />ข้าราชการตงฉินถูกประณาม                   สามคนหามสี่คนแห่มาลากไส้<br />เกิดวิกฤติผิดเพี้ยนโดยทั่วไป                   โกลาหลหม่นไหม้ไร้ความดี<br /><br />๐ ประชาชีจะสับสนเรื่องดีชั่ว                   ถ้วนทุกทั่วจะมุดขุดรูหนี<br />ไม่แน่ใจสิ่งที่ทำนำความดี                        เกรงเป็นผีตายตกไปตามกัน<br />พุทธศาสน์จะถูกรุกและล้ำ                       มิตรเคยค้ำเป็นศัตรูมุ่งอาสัญ<br />เกิดวิกฤติธรรมชาติอุบาทว์ครัน               พายุลั่นน้ำถล่มดินทลาย<br /><br />๐ แผ่นดินแยกแตกเป็นสองปกครองยาก  เกิดวิบากทุกข์เข็ญระส่ำระสาย<br />เกิดการปราบจลาจลชนล้มตาย               เลือดเป็นสายน้ำตานองสองแผ่นดิน<br />ข้าเป็นนายนายเป็นข้าน่าสมเพช             ผู้มีบุญมีเดชจะสูญสิ้น<br />ทั้งพฤฒาจารย์ลือระบิล                          จะร่วงรินดุจใบไม้ต้องสายลม<br /><br />๐ ความระทมจะถมทับนับเทวศ                ดั่งดวงเนตรมืดบอดสุดขื่นขม<br />คนที่ดีจะก้มหน้าสุดระทม                        ส่วนคนชั่วหัวร่อทำท่าดัง<br />จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว                              ควงคทามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง<br />ผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง                 สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ<br /><br />๐ ศิวิไลซ์จะบังเกิดในสยาม                     หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้<br />จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป                         เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา<br />คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น                  แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา<br />ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา          ยามเมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ<br /><br />   &quot;คณะทีมงานเว็บวัดท่าซุง&quot; จึงขอชี้แจงว่า &quot;บทกลอน&quot; บทนี้ท่านไม่เคยพูดไม่เคยกล่าวไว้ที่ไหนเลย ส่วนข้อความที่กล่าวไว้จริงๆ นั้นได้โพสอยู่ในเว็บวัดท่าซุง เมื่อวันที่ 21/7/08 at 17:44 ดังที่ได้แนบ URL มาให้ตรวจสอบดูต้นฉบับนี้ จะเห็นว่าไม่มีบทกลอนอยู่ในเนื้อหาเลย ซึ่งมีหลักฐานวันเวลาที่โพสอยู่ สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ ดังนี้ http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=680<br /><br />            ฉะนั้น จึงขอความกรุณาช่วยแก้ข่าวในวันพรุ่งนี้ด้วย จะเป็นพระคุณยิ่ง เพื่อความสบายใจแก่คณะศิษย์ฯที่เคารพนับถือท่านทั่วประเทศ จึงเรียนมาเพื่อทราบ.<br /><br />ขอได้รับความนับถือ &quot;คณะทีมงานเว็บวัดท่าซุง&quot; 21 ต.ค. 2551 เวลา 14.52 น.
เคยเป็นเรื่องคาใจผมมานานมาก และผมก็เคยโพสต์เรื่องนี้ไปแล้วด้วย แต่จำได้ว่ายังไม่เคยนำความจริงมาเผยแพร่ ตามที่ตนเองไปค้นคว้ามา เช้านี้ถือโอกาส นำเสนอว่า "นารีขี่ม้าขาวนั้นหลวงพ่อท่านไม่ได้พูด" นะ ๕๕๕.ไปอ่านที่ลูกศิษย์เขาเขียนไว้ครับ ถ้าจะให้ดีไปฟังในยูทูปก็ได้ครับ

raponsan:เผยตัวผู้โพสต์อ้างเรื่อง "หนึ่งนารีขี่ม้าขาว" ผู้ปกครองแผ่นดินใหม่

ในช่วงหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา เราจะได้ยินคำทำนายตอนหนึ่งที่ว่า

"จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว ควงคทามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง"

ซึ่งมีการอ้างกันว่า คำกลอนนี้ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านได้ทำนายไว้และแล้ว ความจริงก็ปรากฎดังนี้


เรียน คุณเปลว สีเงิน

ตามที่ท่านได้ลงข้อความในวันนี้ กล่าวอ้างถึงคำทำนาย "อนาคตของประเทศไทย" ซึ่ง มีการนำไป
โพสท์แพร่หลายเว็บไซด์อยู่ในเวลานี้ มีข้อผิดพลาดในการคัดลอกต่อๆ กันมาตลอด ทางเว็บมาสเตอร์
เกรงว่า จะเสียหายถึงชื่อเสียง และ เกียรติคุณของ หลวงพ่อวัดท่าซุง ตลอดถึง ความไม่เข้าใจ ของ
คณะศิษย์ที่เคารพนับถือในองค์ท่าน บทกลอนที่ต่อเติมไปจากคำพูดของหลวงพ่อฯ มีดังนี้


๐ คำทำนายที่เคยมีมาช้านานนัก เริ่มประจักษ์ให้เห็นเร้นไม่ได้
หลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยทำนาย เมื่อถึงปลายรัชกาลผ่านเข้ามา
ประเทศชาติจะรุ่งเรืองและเฟื่องฟุ้ง น้ำมันผุดขึ้นมาจนเห็นค่า
พวกกาขาวจะบินรี้หนีเข้ามา เป็นประชาชนเต็มพระนคร

๐ ชนทั่วโลกจะยกพระองค์ท่าน ชื่อกระฉ่อนร่อนทั่วทุกสิงขร
ออกพระนามลือชื่อดั่งทินกร องค์อมรเอกบุรุษแห่งแผ่นดิน
ชาวประชาจะปีติยิ้มสดใส แต่อกไหม้หนอนกินข้างในสิ้น
จะมีพวกกาฝากคอยกัดกิน เพื่อให้ได้สิ่งถวิลสมจินตนา

๐ จะมีการต่อตีกันกลางเมือง ขุนนางเขื่องกังฉินกินทั่วหล้า
คอรัปชั่นจะกัดกร่อนทั้งพารา ประดุจปลวกกินฝานั้นปะไร
ข้าราชการตงฉินถูกประณาม สามคนหามสี่คนแห่มาลากไส้
เกิดวิกฤติผิดเพี้ยนโดยทั่วไป โกลาหลหม่นไหม้ไร้ความดี

๐ ประชาชีจะสับสนเรื่องดีชั่ว ถ้วนทุกทั่วจะมุดขุดรูหนี
ไม่แน่ใจสิ่งที่ทำนำความดี เกรงเป็นผีตายตกไปตามกัน
พุทธศาสน์จะถูกรุกและล้ำ มิตรเคยค้ำเป็นศัตรูมุ่งอาสัญ
เกิดวิกฤติธรรมชาติอุบาทว์ครัน พายุลั่นน้ำถล่มดินทลาย

๐ แผ่นดินแยกแตกเป็นสองปกครองยาก เกิดวิบากทุกข์เข็ญระส่ำระสาย
เกิดการปราบจลาจลชนล้มตาย เลือดเป็นสายน้ำตานองสองแผ่นดิน
ข้าเป็นนายนายเป็นข้าน่าสมเพช ผู้มีบุญมีเดชจะสูญสิ้น
ทั้งพฤฒาจารย์ลือระบิล จะร่วงรินดุจใบไม้ต้องสายลม

๐ ความระทมจะถมทับนับเทวศ ดั่งดวงเนตรมืดบอดสุดขื่นขม
คนที่ดีจะก้มหน้าสุดระทม ส่วนคนชั่วหัวร่อทำท่าดัง
จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว ควงคทามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง
ผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ

๐ ศิวิไลซ์จะบังเกิดในสยาม หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้
จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา
คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา
ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา ยามเมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ

"คณะทีมงานเว็บวัดท่าซุง" จึงขอชี้แจงว่า "บทกลอน" บทนี้ท่านไม่เคยพูดไม่เคยกล่าวไว้ที่ไหนเลย ส่วนข้อความที่กล่าวไว้จริงๆ นั้นได้โพสอยู่ในเว็บวัดท่าซุง เมื่อวันที่ 21/7/08 at 17:44 ดังที่ได้แนบ URL มาให้ตรวจสอบดูต้นฉบับนี้ จะเห็นว่าไม่มีบทกลอนอยู่ในเนื้อหาเลย ซึ่งมีหลักฐานวันเวลาที่โพสอยู่ สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ ดังนี้ http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=680

ฉะนั้น จึงขอความกรุณาช่วยแก้ข่าวในวันพรุ่งนี้ด้วย จะเป็นพระคุณยิ่ง เพื่อความสบายใจแก่คณะศิษย์ฯที่เคารพนับถือท่านทั่วประเทศ จึงเรียนมาเพื่อทราบ.

ขอได้รับความนับถือ "คณะทีมงานเว็บวัดท่าซุง" 21 ต.ค. 2551 เวลา 14.52 น.
183694-new-759454.jpg (25.78 KiB) เข้าดูแล้ว 418 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
ตอบกลับ

กลับไปยัง “ทัวร์ริ่ง (Touring)”