ทริปอุ่นเครื่องอินทนนท์-แม่ฮ่องสอน-ท่าตอน-เจียงฮายแบบเบิร์ดๆ

[ทวีศักดิ์ ไชยเขียว]

27 พฤศจิกายน 2561 สามสหายประกอบด้วยน้อม-พรต(พะระตะ)และจขกท.ทุกรถจากเชียงรายไปลงเชียงใหม่ ตุ๋ยเอารถตู้มารับที่สถานีขนส่งไปนอนบ้านที่อำเภอหางดง นี่จะเป็นทริปแรกของตุ๋ยซึ่งอั้พเกรดเสือภูเขาจานหลังเป็น 7 กระโดด เราเริ่มต้นเดินทางกันแต่เช้าในวันรุ่งขึ้นมุ่งหน้าสูถนนหลวงสายเชียงใหม่-จอมทอง ครบทีมตามสูตร 4 คนกลับบ้านสบาย มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก ใกล้เที่ยงวันก็ผ่านอำเภอจอมทองเลี้ยวขวาขึ้นดอยอินทนนท์ แวะกินอาหารข้างทางก็ปั่นต่อ จากสามแยกทางเข้าถึงทางขึ้นน่าจะสัก 10 กม. เริ่มขึ้น 2 กม.แรกชันนิดๆ จากนั้นก็ขึ้นเรื่อยๆเหนื่อยก็หยุดพัก เพื่อเซฟกันเองเราจึงหยุดพักทั้งที่ยังไม่กิโล 30 ซึ่งเป็นจุดพักใหญ๋ ที่ทำการวนอุทยานดอยอินทนนท์ รถตุ๋ยจะมีปัญหาในการเปลี่ยนเกียร์ เราพักกางเต็นท์กันที่สำนักงานป้องกันไฟป่า ได้รับความอนุเคราะห์ด้วยดีและได้ช่วยค่าน้ำค่าไฟไปคนละนิด รุ่งเช้าจึงได้ขึ้นต่อไปถึง กม. 30 หาข้าวเช้ากินกันที่นั้น

[ทวีศักดิ์ ไชยเขียว]

หลังอาหารเช้าเดินทางขึ้นต่อไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามสภาพของวัย จนถึงซุ้มประตูที่ 2 (Check point) ตรงไปขึ้นยอดดอยอินทนนท์ เลี้ยวซ้ายไปอำเภอแม่แจ่ม เป็นทางลัดไปถึงจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ ลักษณะเป็นทางแคบๆรถวิ่งสวนทาง ขึ้นเนินไปเพียงเล็กน้อย สักพักก็เริ่มลงยาวตลอด 20 โลได้ จนเข้าเขตอำเภอแม่แจ่ม ระหว่างทางมีจุดชมวิวด้านขวา แวะจับภาพสวยๆกันนิดนึง แล้วลงไปหาอาหารกลางวันกินที่อำเภอแม่แจ่ม ช่วงนี้เราได้พบเพื่อร่วมทางอีกคนมาจากกทม. คุณจุกหรือออมสิน มารถทัวริ่ง พวกเราเสือภูเขา

[ทวีศักดิ์ ไชยเขียว]

อำเภอแม่แจ่มเป็นเมืองเล็กๆท่ามกลางขุนเขาแต่ก็น่าอยู่ กว่าจะออกจากแม่แจ่มก็บ่ายคล้อยแล้ว จากบ่ายก็เข้าสู่เย็น ทางช่วงนี้เริ่มอืดแล้วมีขึ้นมีลงไม่หมู ใกล้ค่ำเราแวะพักที่บ้านแม่นาจรเป็นเกสต์เฮาส์ ชือ่ Hot coffee คุณจุกซึ่งเคยมาครั้งหนึ่งแล้วได้ล่วงหน้าไปก่อนไปพักที่ปางน้ำอุ่นไม่ใกล้ไม่ไกลกันสักเท่าไร ก็มีเพียง 2 ที่นี้เท่านั้น ซึ่งพวกเราไม่ทราบข้อมูลมาก่อน ไม่งั้นได้อาบน้ำอุ่นสบายไปแล้วแม้จะเป็นห้องเตียงคู่่แต่ก็นอนกัน2 คนอีกคนนอนกับพื้นส่วนผมนอนบนโซฟา

[ทวีศักดิ์ ไชยเขียว]

เช้าวันต่อมาเริ่มปั่นจากแม่นาจรแต่เช้าขึ้นเขาลงเขาไม่รู้กี่ลูกต่อกี่ลูก เหนื่อยก็พักเป็นระยะๆ ประมาณเที่ยงวันขึ้นสู่จุดชมวิวที่หนึ่งแวะถ่ายภาพสวยๆกัน เส้นทางนี้เหมาะกับเสือภูเขาจริงๆ มีขึ้นมีลงเหนื่อยเป็นพักๆ บางทีขึ้นเสียยาวเลย อีกบ่ายแก่ๆ เป็นหมู่บ้านหนึ่งมีเกสต์เฮาส์ที่หนึ่งมี3 ห้องพวกรวมเข้าพักกันก็เต็มแล้วเจอคุณจุกอีกครั้งหนึ่ง เลยพักที่เดียวกัน มี Elephant Homestay อีกที่หนึ่ง บรรยากาศ วิวสวย มีร้านขายของอยู่ 2 ร้านรวมทั้งที่เราพักด้วย

[ทวีศักดิ์ ไชยเขียว]

ออกจากเกสต์เฮาส์เช้าวันรุ่งขึ้น แวะซื้อของที่ร้านค้า เป็นขนมและผลไม้ กว่าจะรู้ว่าลืมกระเป๋าเป้ไว้ที่ร้านก็เมื่อมีมอเตอร์ไซค์ตามมาส่งให้มาไกลเป็นกิโล นับถือความมีน้ำใจจริงๆ นับถือๆ เป้าหมายต่อไปคือทางแยกขุนยวมเลี้ยวขวาขึ้นดอยแม่อูคอชมทุ่งดอกบัวตองบาน และพักนอนที่นั่น ส่วนคุณจุกแยกไปแม่ขุนยวมและไปแม่ฮ่องสอนก่อน เราเลือกศาลาที่พักข้างบนเนินเขากะว่าจะได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ ที่ไหนได้พอหัวค่ำมีวัยรุ่นชายหญิงกลุ่มหนึ่งน่าจะเป็นนักศึกษามหาลัยสักแห่งหนึ่ง หิ้วเหล้ากับแกล้ม กีร์ต้า ส่งเสียงดัง กว่าจะได้หลับก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว โธ่ถังกาละมังแตก

[ทวีศักดิ์ ไชยเขียว]

นอนทุ่งบัวตอง ที่จริงน่าจะเรียกเขาบัวตองมากกว่า คืนหนึ่งก็ซึ้งแล้ว รุ่งเช้าจากที่เราพักก็ขึ้นเนินนิดหนึ่ง บนยอดก็มีลานบริการกางเต็นท์ มีแบบเป็นหลังๆ เล็กๆ แคร่ไม้ยกสูงจากพื้นดูเหมือนจะราคา 2-300บาท เป็นธุรกิจแต่แพงไปนิด หากจะลงไปอีกสักนิดหนึ่ง 2-3โล มีหมู่บ้านเจอร้านกาแฟสด อาหารตามสั่ง เลยแวะที่นี่ครับ จากนั้น มุ่งหน้าไปแม่ฮ่องสอนต่อ มันก็ไม่ลงซะเลยทีเดียว มีขึ้นมีลงเหนื่อยนะงานนี้ ทางแคบด้วยเวลาลงก็สุดๆ เวลาขึ้นก็สุดๆเหมือนกัน จะเร่งส่งก็ไม่ได้ ต้องระวังรถยนต์สวนทางอีก กว่าจะถึงถนนสายแม่สะเรียง-แม่ฮ่องสอน (สายหลัก) ก็บ่ายแล้ว ถึงปากทางต้องพักเหนื่อยโดยหารถยนต์ในหมู่บ้านไปส่งที่แม่ฮ่องสอน 3-40 กม. ย่นระยะทางพักร่างกายไปด้วย ถึงแม่ฮ่องสอนก็ตระเวนหาที่นอนใกล้ๆกับหนองจองคำ ซึ่งเป็นตลาดอาหารในตอนเย็นๆ อาบน้ำแล้วก็มาหาอะไรกินให้หายเหนื่อย เป็นข้อตกลงของแม่ค้าว่าห้ามขายแอลกอฮอล์ แต่ก็มีบางรายที่แอบพกไปด้วย ซึ่งเป็นความสามารถเฉพาะตัวห้ามลอกเลียนแบบ

[ทวีศักดิ์ ไชยเขียว]

เราพักกันที่แมฮ่องสอนแค่คืนเดียว เราเคยมาแล้วจึงไม่ได้ขึ้นไปบนดอยกองมูชมวิวเมือง ทั้งยังไม่ได้ไปเที่ยวบ้านกะเหรี่ยงคอยาวด้วย เช้าวันต่อมาหลังจากซื้อเสบียงตามร้านค้าริมทางก็มุ่งหน้าทางทิศตะวันออกสู่อำเภอปางมะผ้า ออกจากตัวเมืองมาไม่เท่าไรเขาชอบแวะไปกินข้าวขาหมูกันเป็นหมู่บ้านจีนที่แยกออกไป ไปอำเภอปางมะผ้า 66 กม. เป็นอำเภอเล็กๆที่อยู่ท่ามกลางขุนเขา ถึงปางมะผ้าก็ค่ำแล้วเราพักที่นี่ 2 คืน ต้องซ่อมสุขภาพ เป็นหวัดเจ็บคอ น่าเสียดายที่เราไม่ได้แวะเที่ยวน้ำบ่อผีซึ่งมีทางแยกก่อนถึงปางมะผ้าไป 4 กม.มีความลึกเป็นร้อยเมตร เพราะมืดเสียก่อน แต่ที่น่าจะแวะคือถ้ำผีแมนอยู่ริมทาง มาทราบภายหลังว่าปางมะผ้าเป็นดินแดนติดต่อดอยไตแลงของกองทัพไทยใหญ่ เจ้าขุนศึก เผื่อใครอยากจะไปเที่ยวบ้าง

[ทวีศักดิ์ ไชยเขียว]

จากปางมะผ้าก็ไปอำเภอปายอีก 45 กม. ปายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อมานาน ฝรั่งและต่างชาติเยอะ 2 ทุ่มแล้วยังเห็นนักท่องเที่ยวลากกระเป๋าหาที่พัก นอกจากนี้ปายยังมีสนามบินใบพัด ปาย-เชียงใหม่ ฯลฯ บางคนเปรียบว่าเหมือนถนนข้าวสารใน กทม. คึกคักแปลกตาดี โดยเฉพาะยามค่ำคืน พวกเราหาที่พักออกไปนอกๆหน่อย เลยสะพานเลี้ยวขวาจะมีลานกางเต็นท์ ค่าสถานที่หัวละ 100 บาท ตอนนี้เหลือ 2 คน พรตกับตุ๋ยขึ้นรถกลับก่อนตั้งแต่แม่ฮ่องสอนเพราะมีธุระด่วน จุกก็นอนปางมะผ้าคืนเดียว เขามีเวลาน้อยต้องรีบไปเชียงใหม่เพื่อขึ้นรถไฟกลับ กทม. ก็ไม่สงบซะเลยทีเดียวฝรั่งวัยรุ่นขี่รถเร็วเสียงดังบนสะัพาน เอะอะวุ่นวายพอควรแต่เราก็ต้องหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

[ทวีศักดิ์ ไชยเขียว]

จากปายไปแม่แตงอีก 100 กม. แรกๆก็ขึ้นสัก 20 โลได้มั้ง จากนั้นก็ลงเรื่อย ทางแม้จะไม่มีบ้านคนแต่ก็ไม่ว่างจากรถยนต์ มอไซค์ ตลอดเวลา ตอนแรกว่าจะแวะกางเต็นท์ที่ห้วยน้ำดัง ปรากฏว่าอยู่ไกลจากทางไปอีก 6 โล ต้องขึ้น เลยลงไปต่อน่าจะมาสักครึ่งทางได้ แวะกางเต็นท์นอนที่หน่วยป้องกันไฟป่า ขวามือมีลานจอดรรถ เรานอนอยู่บนลานคอนกรีตใกล้ศาลา ด้านล่างเป็นห้องน้ำสาธารณะ ไม่ถึงกับสงบประเดี๋ยวก็มีรถมาจอดเข้าห้องน้ำ เสียงรถเร่งขึ้นเขาดังกึกก้อง พอดึกๆก็ค่อยซาลงบ้าง ใกล้ค่ำมีพระธุดงค์มานอนใต้ศาลา 4 รูป เช้ามาได้จุดเตาต้มน้ำถวายด้วย สะดวกมีไฟฟ้า ได้ไปคุยและขออนุญาตเจ้าหน้าที่ที่ตู้ก่อนแล้ว

[ทวีศักดิ์ ไชยเขียว]

จากจุดนี้ก็ลงยาวเลยครับเข้าเขตอำเภอแม่แตง เราเลี้ยวซ้ายไปเชียงดาว-ฝาง-ไชยปราการ-ท่าตอน หาก เลี้ยวขวาไปแม่ริม-เชียงใหม่ วันนี้ปั่นยาวมากร้อยกว่าโลไปนอนที่อำเภอเชียงดาว ก่อนที่จะไปต่อในวันรุ่งขึ้น แวะเยี่ยมเพื่อนที่อำเภอไชยปราการนิดหนึ่ง แล้วไปนอนที่ท่าตอน การท่องเที่ยวซบเซาทำให้เราได้นอนโรงแรมราคาพันบาทในราคา 200 บาท ก่อนออกโรงแรมต้องติปให้เขาเพราะสงสาร ครับทริปนี้จบลงเมื่อเราลงเรือเร็วโดยสารกลับเชียงราย 3-4 ชั่วโมง ถึงเชียงรายแล้วปั่นต่อไปเชียงของคนเดียวอีก 70 กม. รวมทริปนี้ประมาณ 500 โล แต่รู้สึกเหนื่อยกว่าครั้งไดๆในโลกา...555 ม่วนซื่น สวัสดีคร้าบบบบบบบบ