ึคุยกันสัพเพเหระประจำเดือนธันวาคม
ผู้ดูแล: อู๊ดดี้
กฏการใช้บอร์ด
ชมรมสวนธน Gold City
ที่อยู่ 159/33 ม.2 แขวง ทุ่งครุ เขต ทุ่งครุ กทม 10140
โทร 087-9079494
ชื่อผู้ดูแลบอร์ด อู๊ดดี้
ชมรมสวนธน Gold City
ที่อยู่ 159/33 ม.2 แขวง ทุ่งครุ เขต ทุ่งครุ กทม 10140
โทร 087-9079494
ชื่อผู้ดูแลบอร์ด อู๊ดดี้
- Bee
- ขาประจำ
- โพสต์: 100
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 09:19
- Tel: 0875630007
- team: สวนธน Gold City
- Bike: mosso ti , Bianchi
Re: ึคุยกันสัพเพเหระประจำเดือนธันวาคม
เอิ๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เห็นควรด้วย
- วันชัย
- ขาประจำ
- โพสต์: 344
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 12:19
- Tel: 0895336326
- team: สวนธนGOLD CITY
- Bike: ไจแอ้นท์
Re: ึคุยกันสัพเพเหระประจำเดือนธันวาคม
ประกาศ.....
พรุ่งนี้ วันที่ 15/12/2553 มีนัดประชุมทริปหัวหิน เวลา 18.30
เชิญทุกคนที่ช่วยงานร่วมประชุมกันพร้อมเพรียง ณ.ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ (บางมด)
เน้น...กรุณามาพร้อมเพรียงกันทุกท่าน
พรุ่งนี้ วันที่ 15/12/2553 มีนัดประชุมทริปหัวหิน เวลา 18.30
เชิญทุกคนที่ช่วยงานร่วมประชุมกันพร้อมเพรียง ณ.ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ (บางมด)
เน้น...กรุณามาพร้อมเพรียงกันทุกท่าน
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 342
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 21:19
- team: VEETIRECO.
- Bike: BMC SLR01
- ติดต่อ:
Re: ึคุยกันสัพเพเหระประจำเดือนธันวาคม
เอารุปนักแข่งขี้ร้อนมาฝากเห็นน้ำไม่ได้จาโดดลงเล่นอย่างเดียวเลยอิอิ
- ไฟล์แนบ
-
- 156316_173953125960424_100000372127401_462063_979176_n.jpg (104.45 KiB) เข้าดูแล้ว 489 ครั้ง
- Bee
- ขาประจำ
- โพสต์: 100
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 09:19
- Tel: 0875630007
- team: สวนธน Gold City
- Bike: mosso ti , Bianchi
Re: ึคุยกันสัพเพเหระประจำเดือนธันวาคม
จ่าเคนกลัวรถเปียกหรอ...คนเปียกได้ไม่เป็นไรใช่ป่ะ....
- วันชัย
- ขาประจำ
- โพสต์: 344
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 12:19
- Tel: 0895336326
- team: สวนธนGOLD CITY
- Bike: ไจแอ้นท์
Re: ึคุยกันสัพเพเหระประจำเดือนธันวาคม
ประกาศ...วันอาทิตย์ 19/12/2553 ปั่นไปอัมพวา
นัดรวมตัวกันที่ อมรชัย5 เวลา 7.00น.-7.30น.
นัดรวมตัวกันที่ อมรชัย5 เวลา 7.00น.-7.30น.
- โจ้เหล็กไหล
- ขาประจำ
- โพสต์: 2014
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 17:58
- Bike: KHS BIANCHI
Re: ึคุยกันสัพเพเหระประจำเดือนธันวาคม
สูตรช่วยประหยัดค่าโทรศัพท์
สำหรับ COST DOWN (ประหยัด) ให้ตนเอง
1.หากท่านใช้โทรศัพท์ มือถือ โทรไปหามือถือค่าย AIS ไม่มีคนรับได้ยินเสียงให้ฝากข้อความ ถ้าคุณวางสายก่อนสัญญาณเสียงตู๊ดจะไม่มีการคิดเงิน หากวางสายหลังหรือจนสายตัดไปเอง จะเสียค่าโทรตามเวลา 1นาที
2.หากท่านใช้โทรศัพท์ โทรไปหามือถือค่าย DTAC ไม่มีคนรับได้ยินเสียงให้ฝากข้อความ ไม่ว่าคุณวางสายก่อนหรือหลังสัญญาณเสียงตู๊ด จะเสียค่าโทรตามเวลา 1นาที ดังนั้น หากไม่มีใครรับสายเกิน 4 ตู๊ด ให้กดสายทิ้งทันที ก่อนฝากเสียง จะได้ไม่เสียเงิน
3.หากท่านใช้โทรศัพท์ โทรไปหามือถือค่าย Orange ไม่มีคนรับ ได้ยินเสียงให้ฝากข้อความ ไม่ว่าคุณวางสายก่อนหรือหลังสัญญาณเสียงตู๊ด จะเสียงค่าโทรตามเวลา 1นาที ค่าโทรที่ เกิดขึ้น ทศท. จะแบ่งกับ DTAC,AIS, ORANGE ในอัตราส่วนที่ตกลงกันโดย 70%จะเป็นของ DTAC,AISและ ORANGE เป็นของ ทศท. 30%
4. แต่ที่แย่กว่านั้ นหากใช้โทรศัพท์ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์บ้านหรือมือถือโทรเข้าไปโทรศัพท์ของ TA หากไม่มีคนรับแล้วได้ยินเสียงเรียกตู๊ด เกินกว่า 3ครั้งจะเสียค่าบริการทันที ครับอย่าลืมส่งต่อให้เพื่อนๆด้วย
5. อย่าเกิน 4 ตู๊ด คุณว่าทุกวันนี้คุณจ่ายค่าโทรศัพท์ แพงเกินไปรึป่าว เราเป็นคนนึงที่ใช้โทรศัพท์ขององค์การโทรศัพท์และสงสัยกับค่าโทรศัพท์ที่ ขึ้น มาในบิลแต่ละเดือนว่าทำไมมันมากผิดปกติ ทั้งๆ ที่เรานึกๆ ดูแล้วก็ไม่ได้คุยบ่อยเท่าไหร่
ใน ช่วงเดือนที่ผ่านมาเราก็เริ่มสังเกตดูจากบิลค่าโทรศัพท์ที่บ้านเรา เวลาบิลที่ส่งมาจะมีบอกเบอร์มือถือที่เราโทรออก เราก็เห็นว่าทำไมเราถึงโทรหาเพื่อนคนเดิมเบอร์เดิมติดต่อกันในช่วงเวลาเดียว กัน คือมันจะขึ้นมาเป็นแถบเลยว่าโทรเบอร์นี้เวลานี้อาจจะห่างกันสัก 5นาที แต่ว่ายังเป็นเบอร์เดียวกันอยู่ แล้วแต่ละครั้งก็จะโทรนาน1นาที คิดเป็นเงิน 3บาทเราก็รู้สึกแปลกๆว่าเราจะโทรติดๆกันทำไม โทรติดคุยกันก็เลิกแล้ว
ไม่ต้องโทรติดๆ กันหลายครั้งแล้ว
เวลาเราโทรเราจะรอจนกว่าสายจะตัดตลอด จนมีอยู่วันนึง เราก็บ่นๆเรื่องนี้อยู่
พี่เราเค้าได้ยิน เค้าก็เลยบอกว่า ถ้าโทรไปไม่มีคนรับ แล้วเรารอโทรศัพท์เรียกเกิน 4 ครั้ง
มันก็จะคิดตังค์เรา ไม่ว่าจะมีคนรับหรือไม่รับก็ตามเราก็เฮ้ยจริงเหรอ ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะยังไม่ได้คุยเลยนะ
พอเดือนต่อมาเราก็เลยลอง ?? โทร เข้าเบอร์มือถือเรานี่แหละโทรเข้าไปแล้วรอจนสายตัดเลยหลายๆครั้งติดๆกัน พอบิลค่าโทรมาโอ้โฮ จริงๆ ด้วย เบอร์เราขึ้นมาเป็นแถบเลย เราก็เลยเซ็งๆมากๆว่าทำไมถึงทำกันอย่างนี้เราก็เลยอยากจะมาบอกทุกคนว่าให้ ระวังเอาไว้ อย่าโทรเกิน 4 ตู๊ดแล้วกัน เดี๋ยวเสียตังค์
หมายเหตุ ข้อมูลทั้งหมดที่ทำให้กระจ่าง ก็มาจากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย
สำหรับ COST DOWN (ประหยัด) ให้ตนเอง
1.หากท่านใช้โทรศัพท์ มือถือ โทรไปหามือถือค่าย AIS ไม่มีคนรับได้ยินเสียงให้ฝากข้อความ ถ้าคุณวางสายก่อนสัญญาณเสียงตู๊ดจะไม่มีการคิดเงิน หากวางสายหลังหรือจนสายตัดไปเอง จะเสียค่าโทรตามเวลา 1นาที
2.หากท่านใช้โทรศัพท์ โทรไปหามือถือค่าย DTAC ไม่มีคนรับได้ยินเสียงให้ฝากข้อความ ไม่ว่าคุณวางสายก่อนหรือหลังสัญญาณเสียงตู๊ด จะเสียค่าโทรตามเวลา 1นาที ดังนั้น หากไม่มีใครรับสายเกิน 4 ตู๊ด ให้กดสายทิ้งทันที ก่อนฝากเสียง จะได้ไม่เสียเงิน
3.หากท่านใช้โทรศัพท์ โทรไปหามือถือค่าย Orange ไม่มีคนรับ ได้ยินเสียงให้ฝากข้อความ ไม่ว่าคุณวางสายก่อนหรือหลังสัญญาณเสียงตู๊ด จะเสียงค่าโทรตามเวลา 1นาที ค่าโทรที่ เกิดขึ้น ทศท. จะแบ่งกับ DTAC,AIS, ORANGE ในอัตราส่วนที่ตกลงกันโดย 70%จะเป็นของ DTAC,AISและ ORANGE เป็นของ ทศท. 30%
4. แต่ที่แย่กว่านั้ นหากใช้โทรศัพท์ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์บ้านหรือมือถือโทรเข้าไปโทรศัพท์ของ TA หากไม่มีคนรับแล้วได้ยินเสียงเรียกตู๊ด เกินกว่า 3ครั้งจะเสียค่าบริการทันที ครับอย่าลืมส่งต่อให้เพื่อนๆด้วย
5. อย่าเกิน 4 ตู๊ด คุณว่าทุกวันนี้คุณจ่ายค่าโทรศัพท์ แพงเกินไปรึป่าว เราเป็นคนนึงที่ใช้โทรศัพท์ขององค์การโทรศัพท์และสงสัยกับค่าโทรศัพท์ที่ ขึ้น มาในบิลแต่ละเดือนว่าทำไมมันมากผิดปกติ ทั้งๆ ที่เรานึกๆ ดูแล้วก็ไม่ได้คุยบ่อยเท่าไหร่
ใน ช่วงเดือนที่ผ่านมาเราก็เริ่มสังเกตดูจากบิลค่าโทรศัพท์ที่บ้านเรา เวลาบิลที่ส่งมาจะมีบอกเบอร์มือถือที่เราโทรออก เราก็เห็นว่าทำไมเราถึงโทรหาเพื่อนคนเดิมเบอร์เดิมติดต่อกันในช่วงเวลาเดียว กัน คือมันจะขึ้นมาเป็นแถบเลยว่าโทรเบอร์นี้เวลานี้อาจจะห่างกันสัก 5นาที แต่ว่ายังเป็นเบอร์เดียวกันอยู่ แล้วแต่ละครั้งก็จะโทรนาน1นาที คิดเป็นเงิน 3บาทเราก็รู้สึกแปลกๆว่าเราจะโทรติดๆกันทำไม โทรติดคุยกันก็เลิกแล้ว
ไม่ต้องโทรติดๆ กันหลายครั้งแล้ว
เวลาเราโทรเราจะรอจนกว่าสายจะตัดตลอด จนมีอยู่วันนึง เราก็บ่นๆเรื่องนี้อยู่
พี่เราเค้าได้ยิน เค้าก็เลยบอกว่า ถ้าโทรไปไม่มีคนรับ แล้วเรารอโทรศัพท์เรียกเกิน 4 ครั้ง
มันก็จะคิดตังค์เรา ไม่ว่าจะมีคนรับหรือไม่รับก็ตามเราก็เฮ้ยจริงเหรอ ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะยังไม่ได้คุยเลยนะ
พอเดือนต่อมาเราก็เลยลอง ?? โทร เข้าเบอร์มือถือเรานี่แหละโทรเข้าไปแล้วรอจนสายตัดเลยหลายๆครั้งติดๆกัน พอบิลค่าโทรมาโอ้โฮ จริงๆ ด้วย เบอร์เราขึ้นมาเป็นแถบเลย เราก็เลยเซ็งๆมากๆว่าทำไมถึงทำกันอย่างนี้เราก็เลยอยากจะมาบอกทุกคนว่าให้ ระวังเอาไว้ อย่าโทรเกิน 4 ตู๊ดแล้วกัน เดี๋ยวเสียตังค์
หมายเหตุ ข้อมูลทั้งหมดที่ทำให้กระจ่าง ก็มาจากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย
จากคนขาไม่แรง-----แต่ใจรัก
- โจ้เหล็กไหล
- ขาประจำ
- โพสต์: 2014
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 17:58
- Bike: KHS BIANCHI
Re: ึคุยกันสัพเพเหระประจำเดือนธันวาคม
ในพฤติกรรมที่ผมว่าคนไทยส่วนใหญ่ทำผิดมากที่สุดคือ เรื่องของการดื่มน้ำนี่แหละครับ
ลองทำแบบทดสอบกันสักนิดก่อนอ่านต่อดีไหมครับ
1. คุณมีความเชื่อที่ว่าน้ำยิ่งดื่มเยอะยิ่งดีหรือไม่
2. คุณดื่มน้ำวันละกี่แก้ว
3. น้ำที่ดื่มเป็นน้ำเย็น, น้ำธรรมดา หรือว่าน้ำอุ่น
4. ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนเป็นพิเศษไหม เช่น ดื่มตอนเช้า ดื่มระหว่างทานข้าว ดื่มก่อนนอน เป็นต้น
5. ปกติดื่มอะไร เช่น น้ำเปล่า น้ำอัดลม ชา กาแฟ เป็นต้น
เราเฉลยกันไปทีละข้อๆพร้อมอธิบายละกันครับ พร้อมที่จะรู้ความผิดของ
ตัวเองหรือยังครับ
ข้อหนึ่งนั้น เป็นความเชื่อที่ผิดครับ ทุกอย่างต่างมีทั้งคุณและโทษ ต้องหาจุดสมดุลของมันครับ
น้ำดื่มมากเกินไปกลับไม่ดีเสียอีกครับ เดี๋ยวผมจะมีสูตรให้คำนวณว่าวันหนึ่งเพื่อนๆควรดื่มน้ำแค่ไหน
ข้อสอง คิดว่าทุกคนคงเคยเรียนกันมาอยู่แล้วว่าคนเราวันหนึ่งควรทานน้ำวันละ 8-10 แก้ว ว่าแต่
ทำได้อย่างที่เรียนมาหรือเปล่าครับ ผมจะอธิบายให้ฟังว่า น้ำในร่างกายของเรามีที่มาที่ไปอย่างไรก่อน
น้ำที่เข้าสู่ร่างกายเรามาจากน้ำและอาหารที่ทานเข้าไปเป็นหลัก
ส่วนน้ำจะออกจากร่างกายทางปัสสาวะ อุจจาระ เหงื่อ และทางลมหายใจ
แต่ปัสสาวะเป็นเส้นทางหลักครับ คนเราจำเป็นต้องปัสสาวะออกจากร่างกายอย่างน้อย 500 มิลลิลิตรต่อวัน
ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้หมด
นอกจากนี้อีกสามทางที่เหลือโดยเฉลี่ยก็จำเป็นต้องใช้น้ำอีกราว 1000 มิลลิลิตรหรือ 1 ลิตร ต่อวัน
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว คนเราจึงต้องดื่มน้ำเพื่อชดเชยส่วนที่ออกจากร่างกายทุกวันราว1500 มล. หรือ 7-8 แก้ว
(แก้วละ 200 มล.) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวเลขนี้ก็ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคนครับ
ผมเลยมีสูตรมาให้คิดกันคร่าวๆว่าวันหนึ่งเราต้องทานน้ำปริมาณเท่าไรจึงจะเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
สูตรคือ
(น้ำหนักตัว(กก.) x 2.2 x 30) / 2 หน่วยที่ได้ออกมาเป็นมิลลิลิตรครับ เช่นหนัก 60 กก. เอาเข้าแทนค่าก็จะได้
ควรดื่มน้ำ (60 x 2.2 x 30) / 2 = 1980 มล. หรือประมาณ 10 แก้วต่อวันครับ
ถ้าเราดื่มน้ำน้อยกว่านี้ เลือดซึ่ง 90% ทำมาจากน้ำก็จะไหลเวียนไม่สะดวก ร่างกายก็จะขับของเสียได้ยาก ขณะเดียวกัน
สารอาหารในเลือดก็ส่งไปถึงร่างกายช้า ทางแพทย์จีนถ้าเกิดเลือดลมเดินไม่สะดวกนี่เป็นบ่อเกิดสารพัดโรคเลย
บางคนบอกว่าประจำเดือนมาน้อยหรือไม่มา มาเป็นลิ่มเลือด สีเข้ม หนืด ปวดประจำเดือนก็แหงละครับ
น้ำไม่กินจะเอาที่ไหนไปสร้างเลือดละครับ
แต่ถ้าทานน้ำมากกว่านี้ก็เป็นผลเสียต่อร่างกายอีกเหมือนกัน ทำอะไรก็ต้องพอดีๆครับ
ข้อสาม อย่างที่เคยบอกไปตั้งแต่อาการขี้หนาวนะครับว่าน้ำเย็นเป็นของต้องห้ามสำหรับร่างกาย
กระเพาะเมื่อเจอของเย็นเข้าไปการทำงานจะด้อยลงทันที เกิดเป็นอาหารไม่ย่อยอาหารบูดเน่า หมักหมมอยู่ในกระเพาะ
และลำไส้ลำไส้ก็ดูดซึมของเสียจากกากอาหารพวกนี้กลับเข้าสู่เส้นเลือดต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะถ่ายอุจจาระออกจากร่างกายของเรา
เพราะฉะนั้นเราไม่ควรจะทานของเย็นๆครับ ทานน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นก็ได้
แต่ก่อนผมไม่รู้จุดนี้ก็ทานกันไป โดยเฉพาะไทยเป็นเมืองร้อน ทุกที่ต้องเสริฟน้ำเย็นเสริฟน้ำแข็งกันเป็นกระติกๆ กินกัน
จนเป็นเรื่องธรรมชาติ ก่อนหน้านี้ไม่รู้ก็เฉยๆ แต่พอตอนนี้ เห็นแล้วกลัวไปเลยครับบ้านผมตอนนี้ไม่ทานน้ำแข็งกันแล้ว
ข้อสี่ ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนกัน ที่บอกให้ดื่มวันละ 8-10 แก้วเนี่ยจะแบ่งกินช่วงไหนระหว่างวันบ้างละ ใครที่ชอบทานข้าวไป
จิบน้ำไปประมาณว่ากินข้าวเสร็จหมดน้ำไปสองแก้ว ข้อนี้ผมจัดเป็นหายนะอย่างใหญ่หลวงที่สุดเลยครับ เป็นการกินน้ำที่ผิดที่สุดครับ
คนเรามักทำอะไรเพลินเสียจนลืมทานน้ำ พอถึงเวลาว่างซึ่งมักจะเป็นเวลาทานข้าว
เขาบอกว่าให้ทานน้ำเยอะก็ทานรวดเดียวไปเลย ผิด ผิด ผิด
ผิดแบบไม่น่าให้อภัยเลยครับ เพราะช่วงเวลาที่ทานข้าวนั้น ร่างกายจำเป็นต้องอาศัยน้ำย่อยในการย่อยอาหาร
เมื่อคุณกินน้ำเข้าไปเยอะๆแล้ว น้ำย่อยก็จะเจือจาง ก็เข้าสู่ระบบเดียวกับการกินของเย็นคืออาหารไม่ย่อย หมักหมม พิษถูกดูด
เข้าเส้นเลือด
เพราะฉะนั้นที่คุณควรทำคือ
ตอนเช้าตื่นมาดื่มน้ำก่อนเลยครับ 2-5 แก้ว เพื่อขับพิษออกจากร่างกายทางอุจจาระปัสสาวะ ที่ให้ดื่มทันทีเพื่อให้มีระยะเวลาห่างจากอาหารเช้าพอสมควร
ก่อนอาหาร 15 นาที ระหว่างทานอาหาร และหลังอาหาร 40 นาที ทานน้ำได้ไม่เกินครึ่งแก้วครับ
ในที่นี้หมายรวมถึงซุป น้ำแกง และของเหลวทุกประเภทนะครับ
และอย่าดื่มน้ำครั้งละมากๆ ให้จิบครั้งละ 2-3 อึก แต่จิบถี่ๆ หาขวดน้ำแก้วน้ำมาวางไว้ข้างตัว จิบไปทั้งวันครับ
ถ้ากินน้ำครั้งละมากๆผลก็คือ ร่างกายยังไม่ทันได้ดูดซึมก็ไหลรวดเดียวปัสสาวะออกไปหมดแล้ว
อย่างนี้ดื่มน้ำมากแค่ไหนก็ยังหิวน้ำครับ เหมือนน้ำป่ามาครั้งเดียว ทะลักล้นเขื่อนออกไปหมด แล้วจะเอาอะไร
กักเก็บไว้ในเขื่อนละครับ เหมือนทำยาก แต่จริงๆแล้วพอเริ่มทำมันก็ไม่ยากอะไรครับ
ผมแต่ก่อนทานน้ำ 2-3 แก้วพร้อมทานข้าว ด้วยเหตุผลสารพัดที่เข้าใจผิด เช่น ควรกินข้าวพออิ่มและทานน้ำ
เพื่อให้อิ่มจริง หรือกินล้างปากสักหน่อย (กินกันเป็นแก้วล้างปากเนี่ยนะ)
หรือต้องสั่งชอคโกแลตปั่นใส่วิปครีมมากิน กินแล้วหวานมันเย็นอร่อยแต่ส่งผลเสียต่อกระเพาะโดยไม่รู้ตัว
เบียร์ก็อีกตัวครับ สังสรรค์กันทีกินเข้าไปสิกี่ขวดว่ากันไป ทุกวันนี้เลิกครับ
ได้ข้อดีอีกอย่างคือไม่รู้จะเอาเวลาที่ไหนไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมันควรกินแกล้มอาหาร เลยได้เลิกเหล้า
เลิกเบียร์กันไป
แต่ก่อนหลังทานข้าวเสร็จผมจะเรอตลอด ท้องอืดมาก ก็งง หรือว่าเรากินเยอะไปแต่บางทีกินไม่เยอะก็เรอตลอด
เสียบุคลิกมาก พอมารู้ตรงนี้ถึงได้ถึงบางอ้อ กินน้ำเยอะอย่างนี้แล้วอาหารจะย่อยยังไงมันก็เลยเกิดลมเกิดแก๊สซิ
พอเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มน้ำใหม่ อาการเหล่านี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆครับ
นอกจากนี้หลังอาหารยังไม่ควรทานผลไม้ล้างปากทันทีอีกด้วยครับ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นทั้งหลาย เช่น
ส้ม แก้วมังกร สาลี่ แตงโม เป็นต้น
มีสองเหตุผลครับ
หนึ่ง เพราะว่าผลไม้จะย่อยเร็วกว่าอาหาร อาหารยังย่อยไม่เสร็จ ผลไม้ก็ค้างเติ่งอยู่ในกระเพาะ ร่างกายก็ดูดซึม
สารอาหารจากผลไม้เหล่านี้ไม่ได้ พอไปถึงลำไส้ถึงคิวที่มันจะได้ดูดซึมมันก็เน่าเสียไปหมดแล้วครับ
เพราะฉะนั้นถ้าจะทานผลไม้ควรทานก่อนหรือหลังอาหารสัก 1-2 ชม. ขณะท้องว่างเพื่อให้ร่างกายได้ดูดซึมวิตามิน
สารอาหารและไม่รบกวนระบบการย่อย?าหารด้วย
เหตุผลที่สอง คือ น้ำย่อยในกระเพาะถือว่าเป็นธาตุไฟครับ ถ้าทานผลไม้ฤทธิ์เย็นเข้าไปก็จะส่งผลให้อาหารย่อยไม่ดี
เกิดวงจรอุบาทว์ดังเช่นข้างบนอีกเหมือนกัน
มาถึงข้อสุดท้ายแล้ว เป็นไงบ้างครับ คอตกรับผิดกันเป็นแถวเชียว ยังครับมารับรู้ความผิดของตัวเองกันในข้อนี้ต่อ
ทานน้ำอะไรกันครับ บางคนชอบทานน้ำอัดลมมาก ดื่มทุกวัน ไตก็ต้องทำงานกรองน้ำให้สะอาดหนักกว่าเดิม
เครื่องกรองน้ำยี่ห้อแอมเวย์สามารถกรองโค้กให้กลายเป็นน้ำเปล่าได้อายุการใช้งานไม่ถึงปีก็ต้องเปลี่ยนหัวกรอง
ทว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนไตได้ครับ ถ้ายังอยากให้ไตอยู่คู่กับเรานานๆแล้ว คุณคงรู้ว่าต้องทำอย่างไร
อีกอย่างน้ำอัดลมเป็นน้ำที่ผ่านกรรมวิธีทางเคมี ใส่น้ำตาลจำนวนมาก กินเข้าไปมีแต่ผลเสียครับ
ยิ่งอัดแก๊สอีก กินเข้าไปท้องก็อืด การย่อยอาหารก็ไม่ดี เสียเงินไปทำร้ายร่างกายตัวเองเปล่าๆ
พวกชาพร้อมดื่มบรรจุขวดก็เหมือนกันไม่มีอะไรนอกจากน้ำตาลและคาเฟอีนปริมาณมากผสมน้ำนำมาขาย
แต่ถ้าเป็นชาจีนร้อนๆชงจากกาก็ควรจะเว้นระยะหลังอาหารสักครึ่ง ชม.ครับ เพราะชามีฤทธิ์เย็น ทำให้อาหารไม่ย่อย
รวมทั้งยังส่งผลต่อร่างกายในการดูดซึมธาตุเหล็กและโปรตีนอีกด้วย
กาแฟก็ไม่ควรทานอย่างที่เคยพูดไว้ บางคนเถียงข้างๆคูๆ "กาแฟหอมนะหมอ"หอมครับผมไม่เถียง แต่มันไม่ดีครับ
เดี๋ยวไอเดียบรรเจิดไม่เป็นหมอแล้ว ผลิตยาดมรสกาแฟดีกว่า ท่าจะรุ่ง
อีกอย่างขอแถมนิดนึง คนไทยชอบกินก๋วยเตี๋ยวเติมเครื่องเยอะๆ อร่อยลิ้นแต่ไตทำงานหนักนะครับ
ครบห้าข้อแล้ว โอย เหนื่อย เอนทรี่นี้ยาวเป็นบ้า แต่ก็จำเป็นต้องเขียน เพื่อประโยชน์สุขของมวลชน555 ว่าไปนั่น
ที่เขียนมาให้อ่านนี้เพราะหวังดีจริงๆครับ อยากให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างถูกต้องเพื่อจะได้ห่างจากโรคภัยไข้เจ็บอย่างที่บอกครับ
หมอไม่อยากรักษาคนไข้หรอกครับ และหมอที่ดีที่สุดคือตัวคนไข้เอง
เพราะพวกผมไม่มีทางอยู่กับคุณได้ตลอด ความสำเร็จไม่ใช่ได้มาเพียงชั่ว
ข้ามคืน แต่ต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน
สุขภาพที่ดีไม่ใช่ว่าป่วยแล้วไปหาหมอ ได้ยามาทานแล้วหาย แต่เป็นหน้าที่ของตัวคุณเองที่ต้องดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง
ขอให้พวกเราชนะโดยไม่จำเป็นต้องออกกระบวนท่าครับ
ปล. If you trust me ก็นำไปปฏิบัติตามนะครับ อีกอย่างความรู้ควรแบ่งปันครับ คนไม่รู้เรื่องนี้ยังมีอีกมาก
ลองทำแบบทดสอบกันสักนิดก่อนอ่านต่อดีไหมครับ
1. คุณมีความเชื่อที่ว่าน้ำยิ่งดื่มเยอะยิ่งดีหรือไม่
2. คุณดื่มน้ำวันละกี่แก้ว
3. น้ำที่ดื่มเป็นน้ำเย็น, น้ำธรรมดา หรือว่าน้ำอุ่น
4. ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนเป็นพิเศษไหม เช่น ดื่มตอนเช้า ดื่มระหว่างทานข้าว ดื่มก่อนนอน เป็นต้น
5. ปกติดื่มอะไร เช่น น้ำเปล่า น้ำอัดลม ชา กาแฟ เป็นต้น
เราเฉลยกันไปทีละข้อๆพร้อมอธิบายละกันครับ พร้อมที่จะรู้ความผิดของ
ตัวเองหรือยังครับ
ข้อหนึ่งนั้น เป็นความเชื่อที่ผิดครับ ทุกอย่างต่างมีทั้งคุณและโทษ ต้องหาจุดสมดุลของมันครับ
น้ำดื่มมากเกินไปกลับไม่ดีเสียอีกครับ เดี๋ยวผมจะมีสูตรให้คำนวณว่าวันหนึ่งเพื่อนๆควรดื่มน้ำแค่ไหน
ข้อสอง คิดว่าทุกคนคงเคยเรียนกันมาอยู่แล้วว่าคนเราวันหนึ่งควรทานน้ำวันละ 8-10 แก้ว ว่าแต่
ทำได้อย่างที่เรียนมาหรือเปล่าครับ ผมจะอธิบายให้ฟังว่า น้ำในร่างกายของเรามีที่มาที่ไปอย่างไรก่อน
น้ำที่เข้าสู่ร่างกายเรามาจากน้ำและอาหารที่ทานเข้าไปเป็นหลัก
ส่วนน้ำจะออกจากร่างกายทางปัสสาวะ อุจจาระ เหงื่อ และทางลมหายใจ
แต่ปัสสาวะเป็นเส้นทางหลักครับ คนเราจำเป็นต้องปัสสาวะออกจากร่างกายอย่างน้อย 500 มิลลิลิตรต่อวัน
ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้หมด
นอกจากนี้อีกสามทางที่เหลือโดยเฉลี่ยก็จำเป็นต้องใช้น้ำอีกราว 1000 มิลลิลิตรหรือ 1 ลิตร ต่อวัน
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว คนเราจึงต้องดื่มน้ำเพื่อชดเชยส่วนที่ออกจากร่างกายทุกวันราว1500 มล. หรือ 7-8 แก้ว
(แก้วละ 200 มล.) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวเลขนี้ก็ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคนครับ
ผมเลยมีสูตรมาให้คิดกันคร่าวๆว่าวันหนึ่งเราต้องทานน้ำปริมาณเท่าไรจึงจะเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
สูตรคือ
(น้ำหนักตัว(กก.) x 2.2 x 30) / 2 หน่วยที่ได้ออกมาเป็นมิลลิลิตรครับ เช่นหนัก 60 กก. เอาเข้าแทนค่าก็จะได้
ควรดื่มน้ำ (60 x 2.2 x 30) / 2 = 1980 มล. หรือประมาณ 10 แก้วต่อวันครับ
ถ้าเราดื่มน้ำน้อยกว่านี้ เลือดซึ่ง 90% ทำมาจากน้ำก็จะไหลเวียนไม่สะดวก ร่างกายก็จะขับของเสียได้ยาก ขณะเดียวกัน
สารอาหารในเลือดก็ส่งไปถึงร่างกายช้า ทางแพทย์จีนถ้าเกิดเลือดลมเดินไม่สะดวกนี่เป็นบ่อเกิดสารพัดโรคเลย
บางคนบอกว่าประจำเดือนมาน้อยหรือไม่มา มาเป็นลิ่มเลือด สีเข้ม หนืด ปวดประจำเดือนก็แหงละครับ
น้ำไม่กินจะเอาที่ไหนไปสร้างเลือดละครับ
แต่ถ้าทานน้ำมากกว่านี้ก็เป็นผลเสียต่อร่างกายอีกเหมือนกัน ทำอะไรก็ต้องพอดีๆครับ
ข้อสาม อย่างที่เคยบอกไปตั้งแต่อาการขี้หนาวนะครับว่าน้ำเย็นเป็นของต้องห้ามสำหรับร่างกาย
กระเพาะเมื่อเจอของเย็นเข้าไปการทำงานจะด้อยลงทันที เกิดเป็นอาหารไม่ย่อยอาหารบูดเน่า หมักหมมอยู่ในกระเพาะ
และลำไส้ลำไส้ก็ดูดซึมของเสียจากกากอาหารพวกนี้กลับเข้าสู่เส้นเลือดต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะถ่ายอุจจาระออกจากร่างกายของเรา
เพราะฉะนั้นเราไม่ควรจะทานของเย็นๆครับ ทานน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นก็ได้
แต่ก่อนผมไม่รู้จุดนี้ก็ทานกันไป โดยเฉพาะไทยเป็นเมืองร้อน ทุกที่ต้องเสริฟน้ำเย็นเสริฟน้ำแข็งกันเป็นกระติกๆ กินกัน
จนเป็นเรื่องธรรมชาติ ก่อนหน้านี้ไม่รู้ก็เฉยๆ แต่พอตอนนี้ เห็นแล้วกลัวไปเลยครับบ้านผมตอนนี้ไม่ทานน้ำแข็งกันแล้ว
ข้อสี่ ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนกัน ที่บอกให้ดื่มวันละ 8-10 แก้วเนี่ยจะแบ่งกินช่วงไหนระหว่างวันบ้างละ ใครที่ชอบทานข้าวไป
จิบน้ำไปประมาณว่ากินข้าวเสร็จหมดน้ำไปสองแก้ว ข้อนี้ผมจัดเป็นหายนะอย่างใหญ่หลวงที่สุดเลยครับ เป็นการกินน้ำที่ผิดที่สุดครับ
คนเรามักทำอะไรเพลินเสียจนลืมทานน้ำ พอถึงเวลาว่างซึ่งมักจะเป็นเวลาทานข้าว
เขาบอกว่าให้ทานน้ำเยอะก็ทานรวดเดียวไปเลย ผิด ผิด ผิด
ผิดแบบไม่น่าให้อภัยเลยครับ เพราะช่วงเวลาที่ทานข้าวนั้น ร่างกายจำเป็นต้องอาศัยน้ำย่อยในการย่อยอาหาร
เมื่อคุณกินน้ำเข้าไปเยอะๆแล้ว น้ำย่อยก็จะเจือจาง ก็เข้าสู่ระบบเดียวกับการกินของเย็นคืออาหารไม่ย่อย หมักหมม พิษถูกดูด
เข้าเส้นเลือด
เพราะฉะนั้นที่คุณควรทำคือ
ตอนเช้าตื่นมาดื่มน้ำก่อนเลยครับ 2-5 แก้ว เพื่อขับพิษออกจากร่างกายทางอุจจาระปัสสาวะ ที่ให้ดื่มทันทีเพื่อให้มีระยะเวลาห่างจากอาหารเช้าพอสมควร
ก่อนอาหาร 15 นาที ระหว่างทานอาหาร และหลังอาหาร 40 นาที ทานน้ำได้ไม่เกินครึ่งแก้วครับ
ในที่นี้หมายรวมถึงซุป น้ำแกง และของเหลวทุกประเภทนะครับ
และอย่าดื่มน้ำครั้งละมากๆ ให้จิบครั้งละ 2-3 อึก แต่จิบถี่ๆ หาขวดน้ำแก้วน้ำมาวางไว้ข้างตัว จิบไปทั้งวันครับ
ถ้ากินน้ำครั้งละมากๆผลก็คือ ร่างกายยังไม่ทันได้ดูดซึมก็ไหลรวดเดียวปัสสาวะออกไปหมดแล้ว
อย่างนี้ดื่มน้ำมากแค่ไหนก็ยังหิวน้ำครับ เหมือนน้ำป่ามาครั้งเดียว ทะลักล้นเขื่อนออกไปหมด แล้วจะเอาอะไร
กักเก็บไว้ในเขื่อนละครับ เหมือนทำยาก แต่จริงๆแล้วพอเริ่มทำมันก็ไม่ยากอะไรครับ
ผมแต่ก่อนทานน้ำ 2-3 แก้วพร้อมทานข้าว ด้วยเหตุผลสารพัดที่เข้าใจผิด เช่น ควรกินข้าวพออิ่มและทานน้ำ
เพื่อให้อิ่มจริง หรือกินล้างปากสักหน่อย (กินกันเป็นแก้วล้างปากเนี่ยนะ)
หรือต้องสั่งชอคโกแลตปั่นใส่วิปครีมมากิน กินแล้วหวานมันเย็นอร่อยแต่ส่งผลเสียต่อกระเพาะโดยไม่รู้ตัว
เบียร์ก็อีกตัวครับ สังสรรค์กันทีกินเข้าไปสิกี่ขวดว่ากันไป ทุกวันนี้เลิกครับ
ได้ข้อดีอีกอย่างคือไม่รู้จะเอาเวลาที่ไหนไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมันควรกินแกล้มอาหาร เลยได้เลิกเหล้า
เลิกเบียร์กันไป
แต่ก่อนหลังทานข้าวเสร็จผมจะเรอตลอด ท้องอืดมาก ก็งง หรือว่าเรากินเยอะไปแต่บางทีกินไม่เยอะก็เรอตลอด
เสียบุคลิกมาก พอมารู้ตรงนี้ถึงได้ถึงบางอ้อ กินน้ำเยอะอย่างนี้แล้วอาหารจะย่อยยังไงมันก็เลยเกิดลมเกิดแก๊สซิ
พอเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มน้ำใหม่ อาการเหล่านี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆครับ
นอกจากนี้หลังอาหารยังไม่ควรทานผลไม้ล้างปากทันทีอีกด้วยครับ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นทั้งหลาย เช่น
ส้ม แก้วมังกร สาลี่ แตงโม เป็นต้น
มีสองเหตุผลครับ
หนึ่ง เพราะว่าผลไม้จะย่อยเร็วกว่าอาหาร อาหารยังย่อยไม่เสร็จ ผลไม้ก็ค้างเติ่งอยู่ในกระเพาะ ร่างกายก็ดูดซึม
สารอาหารจากผลไม้เหล่านี้ไม่ได้ พอไปถึงลำไส้ถึงคิวที่มันจะได้ดูดซึมมันก็เน่าเสียไปหมดแล้วครับ
เพราะฉะนั้นถ้าจะทานผลไม้ควรทานก่อนหรือหลังอาหารสัก 1-2 ชม. ขณะท้องว่างเพื่อให้ร่างกายได้ดูดซึมวิตามิน
สารอาหารและไม่รบกวนระบบการย่อย?าหารด้วย
เหตุผลที่สอง คือ น้ำย่อยในกระเพาะถือว่าเป็นธาตุไฟครับ ถ้าทานผลไม้ฤทธิ์เย็นเข้าไปก็จะส่งผลให้อาหารย่อยไม่ดี
เกิดวงจรอุบาทว์ดังเช่นข้างบนอีกเหมือนกัน
มาถึงข้อสุดท้ายแล้ว เป็นไงบ้างครับ คอตกรับผิดกันเป็นแถวเชียว ยังครับมารับรู้ความผิดของตัวเองกันในข้อนี้ต่อ
ทานน้ำอะไรกันครับ บางคนชอบทานน้ำอัดลมมาก ดื่มทุกวัน ไตก็ต้องทำงานกรองน้ำให้สะอาดหนักกว่าเดิม
เครื่องกรองน้ำยี่ห้อแอมเวย์สามารถกรองโค้กให้กลายเป็นน้ำเปล่าได้อายุการใช้งานไม่ถึงปีก็ต้องเปลี่ยนหัวกรอง
ทว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนไตได้ครับ ถ้ายังอยากให้ไตอยู่คู่กับเรานานๆแล้ว คุณคงรู้ว่าต้องทำอย่างไร
อีกอย่างน้ำอัดลมเป็นน้ำที่ผ่านกรรมวิธีทางเคมี ใส่น้ำตาลจำนวนมาก กินเข้าไปมีแต่ผลเสียครับ
ยิ่งอัดแก๊สอีก กินเข้าไปท้องก็อืด การย่อยอาหารก็ไม่ดี เสียเงินไปทำร้ายร่างกายตัวเองเปล่าๆ
พวกชาพร้อมดื่มบรรจุขวดก็เหมือนกันไม่มีอะไรนอกจากน้ำตาลและคาเฟอีนปริมาณมากผสมน้ำนำมาขาย
แต่ถ้าเป็นชาจีนร้อนๆชงจากกาก็ควรจะเว้นระยะหลังอาหารสักครึ่ง ชม.ครับ เพราะชามีฤทธิ์เย็น ทำให้อาหารไม่ย่อย
รวมทั้งยังส่งผลต่อร่างกายในการดูดซึมธาตุเหล็กและโปรตีนอีกด้วย
กาแฟก็ไม่ควรทานอย่างที่เคยพูดไว้ บางคนเถียงข้างๆคูๆ "กาแฟหอมนะหมอ"หอมครับผมไม่เถียง แต่มันไม่ดีครับ
เดี๋ยวไอเดียบรรเจิดไม่เป็นหมอแล้ว ผลิตยาดมรสกาแฟดีกว่า ท่าจะรุ่ง
อีกอย่างขอแถมนิดนึง คนไทยชอบกินก๋วยเตี๋ยวเติมเครื่องเยอะๆ อร่อยลิ้นแต่ไตทำงานหนักนะครับ
ครบห้าข้อแล้ว โอย เหนื่อย เอนทรี่นี้ยาวเป็นบ้า แต่ก็จำเป็นต้องเขียน เพื่อประโยชน์สุขของมวลชน555 ว่าไปนั่น
ที่เขียนมาให้อ่านนี้เพราะหวังดีจริงๆครับ อยากให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างถูกต้องเพื่อจะได้ห่างจากโรคภัยไข้เจ็บอย่างที่บอกครับ
หมอไม่อยากรักษาคนไข้หรอกครับ และหมอที่ดีที่สุดคือตัวคนไข้เอง
เพราะพวกผมไม่มีทางอยู่กับคุณได้ตลอด ความสำเร็จไม่ใช่ได้มาเพียงชั่ว
ข้ามคืน แต่ต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน
สุขภาพที่ดีไม่ใช่ว่าป่วยแล้วไปหาหมอ ได้ยามาทานแล้วหาย แต่เป็นหน้าที่ของตัวคุณเองที่ต้องดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง
ขอให้พวกเราชนะโดยไม่จำเป็นต้องออกกระบวนท่าครับ
ปล. If you trust me ก็นำไปปฏิบัติตามนะครับ อีกอย่างความรู้ควรแบ่งปันครับ คนไม่รู้เรื่องนี้ยังมีอีกมาก
จากคนขาไม่แรง-----แต่ใจรัก
- เมียเสือ tik
- ขาประจำ
- โพสต์: 1220
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 09:29
- Tel: 081-9164298
- team: ชมรมเทศบาลเมืองปากน้ำสมุทรปราการ
- Bike: Fuji SST 1.0,Kestrel Talon
- Bee
- ขาประจำ
- โพสต์: 100
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 09:19
- Tel: 0875630007
- team: สวนธน Gold City
- Bike: mosso ti , Bianchi
Re: ึคุยกันสัพเพเหระประจำเดือนธันวาคม
เมื่อเช้านัดเจอกันวัดบัวผันจร้า...ตกบ่ายก็นัดเจอกันที่ใต้สะพานกรุงเทพใหม่กันอีก แต่ตอนบ่ายทำอะไรนั้นโปรดติดตามตอนต่อไป
- Bee
- ขาประจำ
- โพสต์: 100
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 09:19
- Tel: 0875630007
- team: สวนธน Gold City
- Bike: mosso ti , Bianchi
Re: ึคุยกันสัพเพเหระประจำเดือนธันวาคม
ช่วงเช้าก็มีเท่านี้แหละ....หล่อๆกันทั้งนั้น...
แก้ไขล่าสุดโดย Bee เมื่อ 18 ธ.ค. 2010, 19:56, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
- yab
- ขาประจำ
- โพสต์: 758
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 10:20
- Tel: 0819208107
- team: สวนธน Gold City
- Bike: 7
Re: ึคุยกันสัพเพเหระประจำเดือนธันวาคม
หล่อๆกันทั้งนั้น
ขี่ให้สนุกนะครับวันพรุ่งนี้
ขี่ให้สนุกนะครับวันพรุ่งนี้
- Bee
- ขาประจำ
- โพสต์: 100
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 09:19
- Tel: 0875630007
- team: สวนธน Gold City
- Bike: mosso ti , Bianchi
Re: ึคุยกันสัพเพเหระประจำเดือนธันวาคม
ตกบ่าย..แปลงร่างเป็นแบบนี้กัน....จุดประสงค์ไม่มีอะไรมากอยากรู้แค่ว่าเรื่องยนต์ 20000 รอบต่อนาที มีเสียงแบบไหน
สรุปไปฟังเสียง F1 กัน...เอ้าเดินทาง
เพลงเพราะซะด้วยกับขบวนที่ 1
อนัดดา..หล่อได้อีก...แต่ได้ข่าวว่ามีเรื่องกับน้าตี๋อยู่...เพราะอะไรถามกันเอาเอง
หลังจากนั้นทุกอย่างไม่เห็นภาพใดๆนอกจากเสียง...จนเดินมาพบที่พี่แจนกางแขนอยู่
เขาเอามือดันผนังกันนั้นเองแล้วก็ยืนกันบนราวจับนั้นเอง
งานนี้ได้เห็นกันคนละ 4 แว๊บ สมใจอยาก.....
ตอนกลับมาที่รถ(จอดบริเวณ 4 แยกคอกวัว) คนประมาณนี้เลย
สุดท้ายขากลับรถติดมากแม้บนสะพานพุทธ...แต่ก็ยังอยากถ่ายรูปอยู่..เลยถ่ายมา..แต่ไม่มีเหตุผลว่าถ่ายทำไม
สรุปไปฟังเสียง F1 กัน...เอ้าเดินทาง
เพลงเพราะซะด้วยกับขบวนที่ 1
อนัดดา..หล่อได้อีก...แต่ได้ข่าวว่ามีเรื่องกับน้าตี๋อยู่...เพราะอะไรถามกันเอาเอง
หลังจากนั้นทุกอย่างไม่เห็นภาพใดๆนอกจากเสียง...จนเดินมาพบที่พี่แจนกางแขนอยู่
เขาเอามือดันผนังกันนั้นเองแล้วก็ยืนกันบนราวจับนั้นเอง
งานนี้ได้เห็นกันคนละ 4 แว๊บ สมใจอยาก.....
ตอนกลับมาที่รถ(จอดบริเวณ 4 แยกคอกวัว) คนประมาณนี้เลย
สุดท้ายขากลับรถติดมากแม้บนสะพานพุทธ...แต่ก็ยังอยากถ่ายรูปอยู่..เลยถ่ายมา..แต่ไม่มีเหตุผลว่าถ่ายทำไม
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 342
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 21:19
- team: VEETIRECO.
- Bike: BMC SLR01
- ติดต่อ:
Re: ึคุยกันสัพเพเหระประจำเดือนธันวาคม
เสียงเครื่องF1เพราะมาก(เพราะได้ยินแต่เสียงอิอิ)
- Adler
- ขาประจำ
- โพสต์: 273
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 09:03
- Tel: 0818996223
- team: สวนธน GoldCity
- Bike: Specialize Fuji Bianchi Merckx Kestrel Colnago
- ตำแหน่ง: แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กทม.10140
Re: ึคุยกันสัพเพเหระประจำเดือนธันวาคม
อยากเจอ Bugatti Veron มากกว่า
- Boung-Hybrid
- ขาประจำ
- โพสต์: 1151
- ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 21:14
- Tel: 0814499415
- team: Yupster
- Bike: Bike
Re: ึคุยกันสัพเพเหระประจำเดือนธันวาคม
ป๋านี่ของจริง เล่น บูเก๊ตติ เวรอน
วันนี้ไปขี่ไหนกันบ้างรายงานหน่อย จะได้มีไฟไปขี่คนเดียวตอนดึกๆ
วันนี้ไปขี่ไหนกันบ้างรายงานหน่อย จะได้มีไฟไปขี่คนเดียวตอนดึกๆ
-:-HMC-:-