คุยกันเฮฮาประสา"เด็กโรงกลึง(PBC)พิษณุโลก"@ มกราคม 2553

ผู้ดูแล: จ่าเยิ้ม

กฏการใช้บอร์ด
ชื่อกลุ่ม ...."เสืออู่ทอง พิษณุโลก"
ผู้ดูแล......พ.อ.อ.มานะชัย เดชาสิริบูรณ์ (จ่าเยิ้ม)
ที่อยู่........9/42 ม.4 ต.พลายชุมพล อ.เมือง จ.พิษณุโลก 65000 (โทร. 086-705-1600)
รูปประจำตัวสมาชิก
เสือสองแคว
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 2120
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 11:07
Tel: 096-9488-099
team: อิสระ
Bike: giant xtc team

Re: คุยกันเฮฮาประสา"เด็กโรงกลึง(PBC)พิษณุโลก"@ มกราคม 2553

โพสต์ โดย เสือสองแคว »

จ่าเยิ้ม เขียน:รายงานผลอย่างไม่เป็นทางการ อ.สันกำแพง

-พี่พัน ที่ 1 รุ่น 50-54 B
-พีมอ๊ก ประมาณ ที่ 4-5 รอดูผล

เห็นบอกว่ากรรมการตัดสินไม่ได้เนื่องจากเข้ามาเป็นกลุ่ม ดูลำดับไม่ทันต้องดูกล้อง ซึ่งก็ไม่คอ่ยชัด มีล้มกันหลายราย ข่าวไม่ดีคือพี่ใหญ่บ้านคลอง อาการหนักพอสมควร ยังไงก็ขอให้หายไวๆนะครับ
นี่แหละครับปัญหาของการจัดการแข่งขันทางเรียบ การตัดสินจะลำบาก อุบัติเหตุหน้าเส้นมักจะเกิดขึ้นเสมอ เนื่องจากต้องสปิ้นแข่งกันเข้าหน้าเป็นกลุ่มใหญ่

ยังไงก็แสดงความยินดีกับ พี่พันด้วยครับได้ที่ 1 เลยนะ
รูปประจำตัวสมาชิก
เสือmaity
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1531
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ส.ค. 2008, 15:45
Tel: 0815320394
team: เด็กโรงกลึง พิษณุโลก
Bike: ROAD BIKE TREK 2.1 , MTB. Bianchi Mutt 7000 / KONA

Re: คุยกันเฮฮาประสา"เด็กโรงกลึง(PBC)พิษณุโลก"@ มกราคม 2553

โพสต์ โดย เสือmaity »

สวัสดีวันใหม่วันแรกของเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ครับ...
ทางเรียบสันกำแพง...เรียบจริงๆครับ...อาศัยฝีมือคนสปริ้นเก่งจริงๆครับ....
ผลการตัดสินการแข่งขันต้องใช้กล้องวีดีโอ replay ภาพและให้กลุ่มผู้ที่คิดว่าตนเองติดอันดับเข้ามาดูภาพพร้อมๆกับกรรมการ..ผู้ตัดสินจะชี้ที่หน้าจอโทรทัศน์และถามชื่อผู้ที่เข้าแตะเส้นเป็นรายๆไป...และจะจัดอันดับให้จนครบ 5 อันดับ...จึงดูกลุ่มต่อๆไป...จึงต้องใช้เวลาพอสมควร...เพราะขณะที่ประกาศให้มาดูภาพตนเองพร้อมกรรมการก็มาบ้างไม่มาบ้าง...แต่เวลาจะรับถ้วยกับประท้วงว่าตัวเองทำไมไม่มีชื่อ...เลยวุ่นวายกันน่าดูในเรื่องย้อนกลับมาจัดอันดับใหม่ด้วยภาพในการเข้าแตะเส้นชัยเพราะไม่ใช่เข้าเส้นชัยกลุ่มใครกลุ่มมัน...การปล่อยตัวไม่ห่างกันมากนักจึงไปทันรวบกัน 2-3กลุ่มก็มี...การเช็คอันดับเข้าเส้นด้วยสายตาและการจดหมายเลขจึงทำไม่ได้...
รุ่น50-54ปี ของเสือสัมพันธ์, เสือจ่ายุทธ ปล่อยตัวก่อนและรุ่น 55-59 ปี ของเสือวิสุทธิ์, เสือจ่าท้าว....ทั้งสองรุ่นรวบเข้ามาทันกันและสปริ้นเข้าเส้นชัย เสือวิสุทธิ์เข้าก่อนแบบแบเบอร์...เห็นชัดเจน...ส่วนเสือพันธ์ถ้าไม่ยกมือ-ชูมือขึ้นโดดเด่นตอนเข้าเส้นชัยก็คงสังเกตยาก...ทั้งสีเสื้อและหมวกก็มีส่วนทำให้แยกแยะเป็นรายๆไปได้
ส่วนกลุ่ม A 2 รอบ(33x2=66 กม.)ไม่ต้องพูดถึงต้องลูกเล่น...ชั้นเชิงแพรวพราย
เสือแบงค์ตัวโดดเด่นเป็นที่หมายตาของรุ่น 30-39 ปี...ถูกลูกน้องอ.ตั้ม(เสือชอยตัน)บล็อคจับตายดิ้นไม่หลุด...และถูกกลุ่ม 40-49 ปีกลุ่มเสือม็อคยิ่งมีอ.ตั้มเข้ามาด้วยยิ่งสั่งทัพลูกน้องบดขยี้ได้เต็มที่และ+เสือฝรั่งแก่(50ปีขึ้น)พร้อมเสือ50ปีตัวใหม่สังกัดมช.ควบเข้ามาทัน...แถมเสือแบงค์ยังโดนฝรั่งเอาอะไรมากระทุ้งหลัง...ก็เลยเครียดจัด...อันดับ1-5 จึงหลุดไป
เสือม็อคตอนแรกจัดอันดับก็ประมาณที่ 4-5...แต่เมื่อไล่ลำดับกันใหม่(เพราะมี 30-39 ปีปะปน)
มีคนเข้าเส้นชัยอยู่วงในถูกมองข้ามไปและคนใส่เสื้อแขนยาวสีฟ้าเข้าก่อนแกอีกเป็นอันว่าหลุดมาเป็นที่ 6 ...จน อ.ตั้ม ยอมรับในความเสียสละลำดับที่ 5 ของเสือม็อค
ส่วนเสือเบอร์ A5-9 ไม่ต้องพูดถึง....ทางเรียบล้วนๆ ชั้นเชิงลูกเล่นไม่มีอาศัยแรงล้วนๆละพอได้...จึงต้องหลุดมาเป็นที่ 7...พยามยามจะไปให้ทันกลุ่ม 40 ข้างหน้า(เห็นหลัดๆ แค่ 100 ม.)...แต่ไม่ทัน...เพราะมัวหลบฝรั่งใส่แว่นเริ่มเล่นกล...ส่ายเป็นงูเลื้อยอยู่ต้นๆกลุ่ม...จนล้อรถเริ่มเสียดสีกระทบกระทั่งกันแล้ว...ต่างเริ่มตกใจชลอรถกัน...คงจังหวะนี้...ฝรั่งมันจึงสปริ้นแยกออกไปพร้อมกับ50ปีหน้าใหม่สังกัดมช.ไปรวบเข้ากลุ่ม 40-49 ปีข้างหน้า...
ผลเข้าเส้นชัยคนที่5 ของกลุ่ม2 ผลจึงได้เป็นอันดับ 7 ของรุ่น A5...
รูปภาพ
นำภาพการเข้าเส้นชัยของ ที่ 1 กลุ่ม40-49ปี เบอร์A4-2(อ.ตั้ม) และที่ 1 กลุ่ม 50ปีเบอร์A5-4(50ปีหน้าใหม่สังกัดมช.)
แบงค์กับม็อกยังถูกบล็อกอยู่ในวงในยังดิ้นไม่หลุดออกมาให้เห็นเลย
แก้ไขล่าสุดโดย เสือmaity เมื่อ 02 ก.พ. 2010, 09:38, แก้ไขแล้ว 8 ครั้ง
My Bike
My Bianchi
รูปประจำตัวสมาชิก
เสือสองแคว
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 2120
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 11:07
Tel: 096-9488-099
team: อิสระ
Bike: giant xtc team

Re: คุยกันเฮฮาประสา"เด็กโรงกลึง(PBC)พิษณุโลก"@ มกราคม 2553

โพสต์ โดย เสือสองแคว »

รูปภาพ

มีรูปมาแล้วครับ ก๊อปมาได้นิดหน่อย งานนี้รู้สึกว่าคนเยอะ น่าดู
อาทิตย์นี้ ไปไหนกันแน่ครับ สมต. ระหว่างเขาค้อ กับ สนามชิงแช้มป์ประเทศไทย
รูปประจำตัวสมาชิก
เสือสองแคว
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 2120
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 11:07
Tel: 096-9488-099
team: อิสระ
Bike: giant xtc team

Re: คุยกันเฮฮาประสา"เด็กโรงกลึง(PBC)พิษณุโลก"@ มกราคม 2553

โพสต์ โดย เสือสองแคว »

รูปภาพ

ทางมันเรียบเกินไป มันต้องมีเนินให้ดันกันบ้าง กลุ่มถึงจะแตก ไม่อย่างนั้นก็เป็นอย่างที่เห็น
รูปประจำตัวสมาชิก
เสือmaity
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1531
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ส.ค. 2008, 15:45
Tel: 0815320394
team: เด็กโรงกลึง พิษณุโลก
Bike: ROAD BIKE TREK 2.1 , MTB. Bianchi Mutt 7000 / KONA

Re: คุยกันเฮฮาประสา"เด็กโรงกลึง(PBC)พิษณุโลก"@ มกราคม 2553

โพสต์ โดย เสือmaity »

เสือสองแคว เขียน:รูปภาพ

ทางมันเรียบเกินไป มันต้องมีเนินให้ดันกันบ้าง กลุ่มถึงจะแตก ไม่อย่างนั้นก็เป็นอย่างที่เห็น
มันเป็นเรื่องจริงครับดีดตัวให้แตกจากกลุ่มไม่ได้เลยถ้าไม่มีเนินหรือทางชันขึ้นเขาเป็นตัวแบ่งแยก...
ตามรูปที่เสือสองแควนำมาให้ชมนี่แหละ 2 คน สองเบอร์นี่ละA5-4(น้องใหม่50ปีสังกัดมช.) และ A5-21ฝรั่งที่ใช้วิธีไม่สุภาพของการแข่งขัน...ถ้ามีการล้ม/บาดเจ็บจะต้องถูกฟ้องร้องแน่นอน...
ทางเรียบดีดตัวหนียาก....แต่ใช้วิธีขี่เลื้อยเป็นงูทำทีไม่ชอบให้คนดูดตามหลัง...ขณะขี่เป็นกลุ่มมาด้วยความเร็ว...ผู้ตามก็ชลอและเบรครถตามๆกันล้อก็เสียดสีกันเกือบๆล้มและตกใจกัน...เลยเล่นทีเผอสปริ้นออกขวาหนีกันออกไป 2 คัน...
My Bike
My Bianchi
รูปประจำตัวสมาชิก
เสือเทพ
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 7180
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 2008, 23:35
Tel: 0815969502
team: ชุมเสือบ้านคลองพิษณุโลก
Bike: CANNONDALE F3 + groupset dura ace หมอบTIME RXRS VIP + ZIPP 404 + groupset sram red

Re: คุยกันเฮฮาประสา"เด็กโรงกลึง(PBC)พิษณุโลก"@ มกราคม 2553

โพสต์ โดย เสือเทพ »

นักแข่งแบบที่พี่เสือสมต.ว่า ต้องเจอไม้หน้าสามหรือขวานบินนะครับ... ;)
รูปประจำตัวสมาชิก
จ่าเยิ้ม
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 8698
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2008, 14:15
Tel: 0613635515
team: Cyclemania-Trek-Probike
Bike: TREK Madone 9 / TREK Superfly AL
ตำแหน่ง: 68/2 ถ.วิสุทธิกษัติย์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก 65000
ติดต่อ:

Re: คุยกันเฮฮาประสา"เด็กโรงกลึง(PBC)พิษณุโลก"@ มกราคม 2553

โพสต์ โดย จ่าเยิ้ม »

ทางเรียบตัวแปลมันเยอะ ไม่ได้รางวัลก็ไม่เป็นไร คราวหน้าทางครอสฯค่อยว่ากันใหม่นะ....

เสือภูเขาโอกาศหนีกลุ่มมีน้อย หน้าเส้นจึงสำคัญ ฉนั้นต้องหมั่นฝึก อย่ามัวอาย หรือขี้เกียจ ที่สปิ้นท์กันป้ายเขียวที่เราทำกันนั้นแหละคือการฝึกที่ดีที่สุด จะได้รู้ว่าตัวเองควรอยู่ตำแหน่งไหน ควรยิงกี่เมตร เป็นประสบการณ์ที่ตอ้งเก็บไปเรื่อยๆ จะมัวไปรอประสบการณ์จากการแข่งอย่างเดียวคงไม่ทันละคร้าบบบบบบ

ตอนผมซ้อมอยู่สมัยหนุ่มๆ (ตอนนี้ก็ยังหนุ่มอยู่นะ) กับรุ่นพี่ทอ.โดยเฉพาะพี่ตั้ม สปินไบค์/ซอยตันนี้แหละ (จะเรียก อ.ตั้มแบบสมต.ก็ได้เพราะแกก็เป็นครูผมคนหนึ่งเหมือนกัน) จะต้องสปริ้นท์ทุกวันช่วงสุดท้าย (ประมาณป้ายเขียวเหมือกัน)จากการฝึกฝนเป็นอย่างดี พอมาเจองานแบบนี้แกถึงได้ยืนเข้าเส้นปล่อยมือทิ้งขาดแบบหายห่วงอย่างในรูปไง...
Cyclemania Phitsanulok
รูปประจำตัวสมาชิก
เสือmaity
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1531
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ส.ค. 2008, 15:45
Tel: 0815320394
team: เด็กโรงกลึง พิษณุโลก
Bike: ROAD BIKE TREK 2.1 , MTB. Bianchi Mutt 7000 / KONA

Re: คุยกันเฮฮาประสา"เด็กโรงกลึง(PBC)พิษณุโลก"@ มกราคม 2553

โพสต์ โดย เสือmaity »

เก็บภาพจากล้านนามาให้ได้ชม...
จุดสตาร์ทก่อนปล่อยตัว
รูปภาพ
รอบแรก...
รูปภาพ
รูปภาพ
สปริ้นเข้าเส้นชัย....
รูปภาพ
รูปภาพ
My Bike
My Bianchi
รูปประจำตัวสมาชิก
เสือสองแคว
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 2120
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 11:07
Tel: 096-9488-099
team: อิสระ
Bike: giant xtc team

Re: คุยกันเฮฮาประสา"เด็กโรงกลึง(PBC)พิษณุโลก"@ มกราคม 2553

โพสต์ โดย เสือสองแคว »

สงสัยต้องฝึกสปิ้นเข้าเส้นกันบ่อย ๆ ละครับ คงต้องให้โปรนุ ผู้เชี่ยวชาญมาให้คำแนะนำ

สรุปว่า เสาร์-อาทิตย์นี้ ไปแข่งไหนกันแน่ครับ ส่งข่าวด้วย จองที่นั่ง 2 ที่ล่วงหน้าก่อน ยังไม่ค่อยจะหายเจ็บดีเลย แต่อยากแข่งแล้ว
รูปประจำตัวสมาชิก
เสือสองแคว
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 2120
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 11:07
Tel: 096-9488-099
team: อิสระ
Bike: giant xtc team

Re: คุยกันเฮฮาประสา"เด็กโรงกลึง(PBC)พิษณุโลก"@ มกราคม 2553

โพสต์ โดย เสือสองแคว »

การฝึกสปรินท์

สปรินท์ ว่ากันด้วยความ"แรง" ของการกระชาก และความ"ถี่"ของการรุกและรับ
สปรินท์สำคัญไม่เพียงแค่เข้าเส้นชัย ยังใช้เพื่อไล่เข้ากลุ่มหนี ทำการหนี หรือโจมตีขึ้นเขาระยะทางสั้นๆ หรือ เร่งออกจากมุมในการแข่งแบบเป็นรอบ (criterium)

การเร่งอย่างจรวด
การเร่งอย่างจรวดสามารถหนีคู่แข่งที่เกาะล้อหลังเราอยู่ การฝึกให้ทำเป็นเซทๆ ละ 3 ครั้งต่อการสปรินท์ 15 วินาทีในความหนักของเกียร์ระดับต่างๆ กัน จุดประสงก์เพื่อพัฒนาความคล่อง กำลัง และเทคนิคในการสปรินท์ในทุกสถานที่ คือสามารถที่จะเร่งจากความเร็วช้าในการไต่เขา จากความเร็วสูงในช่วงลงเขา และเร่งเข้าเส้นชัยทางราบ ในการฝึกในวันเดียวกัน มือใหม่ควรฝึก 2 เซท มือเก๋า 3 และมืออาชีพ 4 เซท ให้เว้นเวลาระหว่างสปรินท์ 5 นาทีโดยปั่นเบาๆ และเว้น 10 นาทีปั่นเบาๆ ระหว่างเซท

สปรินท์ครั้งที่ 1 ให้ลงเกียร์ต่ำจานหน้าเล็ก เฟือง 16-17 ปั่นความเร็ว 18-20 กม/ชม แฮนด์จับด้านล่าง จากนั้นยกก้นและสปรินท์ ไม่นานขาก็ฟรี จากนั้นก็นั่งลงและปั่นด้วยรอบขาเร็วๆ ตลอดจนครบ 15 วินาที

สปรินท์ครั้งที่ 2 แบบเดิม แต่จานหน้าใหญ่ เฟือง 16-17

สปรินท์ครั้งที่ 3 แบบเดิม จานหน้าใหญ่ เฟือง 14-15



การสปรินท์ในความเร็วสูง
ในการแข่งบ่อยครั้งความเร็วในกลุ่มจะสูงกว่า 25-30 กม/ชม ดังนั้นจึงจำเป็นต้องฝึกเร่งจากความเร็วที่สูงๆ อยู่แล้วให้สูงขึ้นไปอีก การฝึกให้หาเนินเขาที่ลงมาตรงๆ ปั่นลงมาที่ความเร็ว 35-40 กม/ชมจนเหลืออีกราวๆ 100 เมตรก็เป็นทางราบ จับแฮนด์ล่าง ยกก้นและเริ่มสปรินท์ เมื่อถึงพื้นราบแล้วก็สปรินท์ต่อไปอีก 10-12 วินาที แม้ว่าจะยากที่จะรักษาความเร็วแล้วเพราะทางราบก็ต้องพยายามไม่ให้ตก จากนั้นพักปั่นเบาๆ 5 นาที มือใหม่ควรทำ 1 เซทต่อ 4 สปรินท์ มือเก๋าทำ 2 เซท มืออาชีพ 3 เซท
ควรฝึกสปรินท์สองครั้งต่อสัปดาห์ เสริมการปั่นแบบสร้างฐานความเร็วปกติยาวๆ

ถ้ามี HTM การสปรินท์ HR จะพุ่งจากระดับปั่นปกติ(75-85 %) ไปที่ระดับ 95+% ภายในเวลาไม่ถึง 5 วินาทีด้วยนะครับ กราฟของการฝึกสปรินท์ ขาขึ้นจะชันกว่าขาลง(รีดขึ้นแรง รีดลงช้า) ถ้าอัดไม่พอ หั่วใจพุ่งขึ้นช้าลง นั่นหมายความว่าุคูณปั่นเพิ่มความเร็วจากโมเมนตัมของการไหลด้วยไม่ได้สร้างจากระบบกล้ามเนื้อในร่างกายล้วนๆ
การสปรินท์จะใช้้พลังงานจากกล้ามเนื้อล้วนๆครับไม่มีระบบเผาผลาญออกซิเจนมาเกี่ยวข้อเลย แต่หลัง 10-15 วินาทีไปแล้วร่างกายจะต้องการออกซิเจนอย่างมากมายเพื่อจัดการกับของเสียในกล้ามเนื้อ ดังนั้นสังเกตุ HR ขณะสปรินท์แรกๆจะยังไม่พุ่งครับ ผ่านไป 5 วินาทีจะถ่งพรวดทันทีช่วงนั้นแหละครับที่ทรมาณมากเพราะจาก 90 ไปหา 95+ คุณต้องรีดแรงออกมาจากกล้ามเนื้ออีก อีก อีก อีก ว่ากันว่านักจักรยานที่ฟิตปั๋ง จะชลอความชันของกราฟ HR นี้ได้ทำให้เค้ามีเพดานของขีดจำกัดของการรีดแรงได้อีกไกลนั่นเอง ถ้าฝึกไปเรื่อยๆลองสัดเกตตัวเองว่าเป็นแบบใหนนะครับ

๐ ขายังใหวยังกดได้ยังอัดได้ แต่เหนื่อยแทบขาดใจ
ี่กรณีนี้ พื้นฐานระบบหัวใจและปอดยังไม่แข็งแรงมากนัก เมื่อเจองานหนักเข้าก็รวนหายใจไม่ทัน แต่..... พักแค่ 10 วินาทีก็หายครับไม่ต้องหั่วงว่าจะหัวใจวายหรือเป็นลม

๐ ขาหมดแรงกดแล้ว อยากไปอีกอยากรีดอีกแต่กดไม่ลง
อันนี้แสดงว่า strength ของกล้ามเนื้อไม่พอเพียง หรือ พลังงานหมด เป็นไปได้ว่าก่อนซ้อมเซ็ทนี้ซ้อมอย่างอื่นมาก่อน ขี่มาหนัก ถ้าเป็นแบบนี้ต้องรู้ตัวเองเวลาแข่งว่าถ้าจะรุกตอนใหนเรา พลังงานสะสมน้อยกินพลังงานก่อนซักพักรอเลย แต่ถ้ามันเป็นประจำ แสดงว่ากล้ามเนื้อไม่แข็งแรงพอครับ ไปเวทเทรนนิ่ง ไปขึ้นเขาแบบพื้นฐานเสียก่อนเลยครับ แต่ที่น่าดีใจคือ คุณมีระบบแอโรบิคที่ดีมาก(ไม่แน่เสมอไปนะ บางทีก็แค่ขาอ่อนแรง ไม่ได้แปลว่าปอดกับใจจะดี)
การฝึกสปรินท์ HRM ไม่ได้ช่วยอะไรมากครับเพราะมันคือการรีดแรงสูงในเวลาน้อยมากๆ ตอนนั้นจะหู้อื้อตาลายกันไปคิดไรไม่ออกเลือดมันหายไปหมด แต่มันจะช่วยติดตามผลได้ครับเพราะจะเอา maxHR มาดูว่ารีดขึ้นไปพอหรือยัง ยิ่งรุ่นที่ละเอียดๆติดตามผลกันได้เป็นช่วงๆด้วยล่ะก็ จะเหมาะมาก
นี่คือสปรินท์แบบพื้นฐานมากๆ ยังมีแบบที่อัดรีดกันจาก 85% ระเบิดพลังไป 95% อีกซึ่งใช้กันมากเวลาไต่เขา เวลารุกแบบติดๆกัน คือรุกแบบไม่แรงแต่บ่อย การที่เรารุกบ่อยแบบนี้ทำให้หัวใจเราทำงานหนักช่วง 85-95% แถมระเบิดพลังติดกันนานๆ ข้อเสียคือกรดแลคติคจะลำเลียงออกไม่ทัน วิธีฝึกก็หาเนินยาวๆไม่ต้องชันมากแล้วต่อด้วยทางราบยาวๆหน่อย อัดขึ้นเนินไปเลยครับรอบขาจัดๆ 90+ ใช้เกียร์ที่ค่อนข้างหนักด้วย หัวใจจะพุ่งไปค้างที่ระดับแลคเคทเทรโชล์รอแล้วครับ เมื่อสุดเนินแทนที่จะผ่อนลง กดลงไปอีก รักษางานที่หนักเท่าเดิม(เกียร์หนักอีก รอบขาเท่าเดิม) ไปซัก 2-3 วินาที แ้ล้วรีดแรงให้สุดจนครบ 15 วินาทีจึงผ่อนลงมา หัวใจอยู่ตรงนี้ครับ ผ่อนลงมาแต่ยังปั่นอยู่ที่ 85% หรือระดับแลคเตทเทรโชลด์ครับ ปั่นไปยาวๆค่อยๆผ่อนกลับมาที่ระดับ 75-80% ช้าๆ จิบน้ำซะ แล้วทำใหม่อีกสองสามรอบ แบบนี้จะมีประโยชน์มากสำหรับการหนีกลุ่มครับ เพราะในความเเป็นจริง จรวดทางเรียบส่วนมากจะระเบิดพลังได้แล้วหมดก๊อก ยิงออกมาก็ไม่รอด กุญแจมันอยู่ที่นี่แหละครับ ท่านจะพบกับความทรมานของนรกกรดแลคตคครับ
สุดท้ายฝากอีกนิดครับ ก่อนจะหัดสปรินท์ อย่าลืมหัดโยกรถให้ดี แรง ไม่เกร็งตัวมากไป ก่อนนะครับ เพราะเวลาสปรินท์มันจะต้องโยกแบบนั้นที่ 100rpm ถ้าไม่หัดมาก่อนอาจเป๋ได้ครับ คงไม่ต้องบอกว่าถ้าปั่นในกลุ่มสปรินท์แล้วเป๋จะเกิดอะไรขึ้น ระเนระนาดไงครับ



การซ้อมขึ้นเขาแบบพื้นฐานสุดๆครับ
ถ้าเอาแบบกำปุ้นทุบดินคือ ไปหาเขา ขึ้นซะ แต่ถ้าตอบแบบนี้มันจะกว้างไปหน่อยสิครับ มันมีสองแบบตามตำราทั่วไปครับ
๐ เนินชันๆมากๆ แต่ไม่ยาว ขอให้ควงขาผ่านพ้นไปได้ในเวลาไม่เกินนาที เอาซัก 30-40 วินาทีกำลังเหมาะ ขอให้ชันๆนะครับ การขึ้นใช้เกียร์ที่เบาเพียงพอที่จะทำรอบขาได้ 90rpm ขึ้นไปอย่าเล่นที่รอบต่ำกว่านี้จนกลายเป็น tempo ไป นั่งปั่นนะครับกด ดึง ดัน ปาด อย่าโยกเด็ดขาด การขึ้นแบบนี้ขึ้นไปถึงยอดหัวใจพุ่งไปเลคเตทเทรโชลด์พอดีครับ แต่ความจริงกล้ามเนื้อเราได้ทำงานหนักในเวลาสั้นๆ ได้เรื่องของความแข็งแกร่งและหัวใจไปด้วยพร้อมๆกัน
๐ เนินไม่ชันขอซัก 5% กำลังดีแต่ยาวๆหน่อยครับ เอาแบบเห้นยอดเนินอยู่สุดสายตาโน่นนนน ยิ่งดี กดเกียร์ให้หนักทำรอบขาต่ำลงมาที่ 70-80 rpm จะนั่งกดไปจนสุด หรือจะยืนโยกจนถึงยอดก็ไม่ว่ากันครับเพราะใช้กล้ามเนื้อคนละชุดหัดใว้ทั้งสองแบบจะดีมาก(ยืนโยก เราใช้กล้ามเนื้อดึง ดัน ปาด น้อยกว่านั่งมาก) ขึ้นแบบนี้หัวใจไม่พุ่งปรี๊ดแต่จะค่อยๆขึ้น ยังไม่ทันถึงยอดก็ซัดไปที่ระดับแลคติคเรียบร้อยที่เหลือก็ออกแรงไปพร้อมกำจัดกรด ปั่นแบบนี้ได้ความแข็งแรก่งและความทนทานต่อกรดไปด้วยครับ
นี่คือการฝึกซ้อมแบบง่ายๆสำหรับสร้างความแข็งแกร่งครับ ไม่จำเป็นนะวาซ้อมแบบนี้จะขึ้นเขาเก่ง เพราะการขึ้นเขาจริงๆมันหนักกว่าแ่ค่เนินมากๆ ถ้าได้ไปซ้อมบนเขาจริง แล้วเรามองทางไปอ่านความชันให้ขาดแล้วเลือกสองวิธีนี้มาใช้สลับๆกันไปก็จะยิ่งได้ผลมากกว่าเดิม
เพิ่มเติมเทคนิคการขึ้นแบบควรรู้ก็คือ
๐ ขึ้นเขา รักษารอบขาให้คงที่ที่สุดอย่าควงๆหยุดๆ
๐ ยืนโยกก็ต้องมีจังหวะนะครับ ดูโปรใน TDF จะมี rythm ของแต่ละคนที่รักษาไปเรื่อยๆ
๐ ตำแหน่งก้นนั่งสำคัญมาก ตำแหน่งที่เราถีบได้ดีสุดคือเลื่อนก้นไปด้านหลังของเบาะ ตำแหน่งนี้เวลาเราออกแรงกดบันไดจะเหมือนการถีบเครื่องออกกำลังกายครับ ขาจะเหยียดจนเกือบสุดๆจริงๆครบสโตรคพอดี เวลาดึงก็กระชากขึ้นมาได้ง่าย
๐ ในความเป็นจริงถ้านั่งท่าเดียวขึ้นเชา 6 กิโล ตายแน่ครับ ดังนั้นมันจึงตามมาด้วยเทคนิคการสลับก้นหน้าหลัง ในเนินที่ไม่ชันมาก(บางช่วงของเขาที่ไม่ชันมาก) เลื่อนก้นมาด้านหน้าหน่อย นั่งบนแนวบันได ตำแหน่งนี้เราจะดึงได้อย่างดีมากๆ ขึ้นเข่าไปเรื่อยๆจนรู้สึกว่าต้นขาได้พักแล้วจึงเลือนก้นกลับที่เดิม ทำสลับไปเรื่อยๆ เปลี่ยนชุดกล้ามเนื้อ
๐ ร่างกายท่อนบน อย่าโยกหรือส่าย เขย่า โขยกโดยไม่จำเป็นครับ ทุกๆการเคลื่อนที่มันใช้พลังงาน อย่าเกร็ง เอามือจับบาร์บนห่างจากกึ่งกลางซัก 1-2 นิ้ว ยืดตัวขยายปอดเต็มที่หายใจให้ลึกสม่ำเสมอไปเรื่อย อย่าก้มมากนักเพราะเราจะหายใจได้น้อยลง การบีบหรือยึดจับให้แรง ไม่มีผลกับการขึ้นเขาครับเพราะถ้าเราวางระเบียบร่างกายดีๆมันจะสมดุลย์เองเวลาเราควงขา ถ้ารู้สึกว่าต้องยึดบาร์แน่นๆ แปลว่าออกแรงไม่เป็นวงกลมมีแต่การกดจนตัวส่าย
๐ อันนี้ต่อเนื่องจากข้างบนคือ ตัวขยับแต่น้อย เป็นธรรมชาติเดี๋ยวจะเข้าใจว่าต้องนิ่งสนิท กลายเป็นฝืนไปซะ ดูโปร(อีกเช่นกัน) เค้าจะยักย้ายส่ายไหล่กันบ้างพองาม ทำให้เป้นธรรมชาติกับจังหวะการออกแรงครับ
๐ การยืนโยก ทิ้งน้ำหนักลงบนลูกบันไดตรงๆ อย่าให้ตัวเอนหน้ามากไป น้ำหนักไปลงแขนหมดเสียเปล่าครับ เอนหลังไปปลายอานตีง่ามขาให้รำคาญผสมสยิวเล่น ออกแรงโยกรถไปซ้ายขวาตรงข้ามกับด้านที่กดให้รถขยับไปซัก 5-6 นิ้ว(มองจากแนวคอแฮนด์ที่ส่ายไปมา) เช่นเดียวกับการนั่งครับ อย่าเกร็งอย่าฝืน ให้ร่างกาายยักย้ายส่ายไปตามจังหวะของเรา เรียกกันเท่ๆว่า เต้นระบำบนลูกบันได dancing on the pedals
๐ อันนี้ก็สุดท้าย คือสลับๆกันระหว่านั่งและยืน ข้อดีของการนั่งคือเราเฉลี่ยนแรงไปทั่วทุกส่วนของกล้ามเนื้อขา แต่ข้อดีกว่าของการยืนคือเราใช้น้ำหนักตัวและแรงดึงดูดกดบันได ดังนั้นเพื่อการขึ้นเขาที่รักษาระดับความเร็วจนตามคนอื่นได้ ก็สลับๆกันครับพักกล้ามเนื้อบ้าง ส่วนมากใช้สูตร 12-12 คือนั่งปั่นไป 12 ยืนปั่นไป 12 แล้วแต่คนครับ บางคนถนัดโยกอาจโยกไป 24 นั่งไป 112 บางคนเน้นซอยๆก็นั่งไป 24 ยืนโยก 12

ลองอ่านกันดูครับ แต่เป็นของเสือหมอบ น่าจะพอเอามาใช้กับเสือภูเขาได้
ตอบกลับ

กลับไปยัง “เสืออู่ทอง พิษณุโลก”