@@@ทัวร์ลาวใต้2400กม ออกเดินทางวันนี้ (8 ต.ค) โดย อ. ขวัญใจ @@กับข้อคิดดีๆในการดำเินินชีวิต ที่ทุกท่านควรอ่านจาก พี่แดง สารภี ครับ

จำหน่ายจักรยาน(เก่าญี่ปุ่น) เสือภูเขาโครโมลี-อลูมิเนียมแบบตะเกียบ พร้อมซ่อมและโมดิฟายด์เสือภูเขาทางเรียบ-จักรยานเดินทางไกล โทร. 0814881440

ผู้ดูแล: เอ็ม.เจ.ไบค์ นครปฐม

กฏการใช้บอร์ด
จำหน่ายจักรยาน(เก่าญี่ปุ่น) เสือภูเขาโครโมลี-อลูมิเนียมแบบตะเกียบ พร้อมซ่อมและโมดิฟายด์เสือภูเขาทางเรียบ-จักรยานเดินทางไกล โทร. 0814881440
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

คุนหมิง

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

รูปภาพรูปภาพรูปภาพ

:) :D "ทำดีเริ่มได้ ที่ใจเรา"

รูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพ

รูปภาพรูปภาพ :) :D พระบารมีมากพ้นรำพัน พระเมตตาสุดที่จะประมาณ ชาตินี้ขอจารึกไว้ไม่มีวันลืมไม่ว่าชาติไหน ๆ ขอเป็นรองบาททุกชาติไป "ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ" :) :D
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
ขวัญใจ
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 2562
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 มี.ค. 2011, 17:07
Tel: 0823974409
team: รักรถรักธรรม
Bike: scoot, fuji araya

Re: @@@ทัวร์ลาวใต้2400กม ออกเดินทางวันนี้ (8 ต.ค) โดย อ. ขวัญใจ @@กับข้อคิดดีๆในการดำเินินชีวิต ที่ทุกท่านควรอ่านจาก พี่แดง สารภี ครับ

โพสต์ โดย ขวัญใจ »

หลาย ๆ ท่านคงเห็นภาพจากสื่อต่าง ๆ แล้ว คงเรียนเชิญท่านผู้พันแดงบรรยายภาพหน่อยครับ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

ปั่นเขมร เวียตนาม

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :) สวัสดีครับ ท่าน ผอ.และสมาชิกชาว M.J.ตลอดจนท่านผู้มีคุณูปการ(กำลังใจ)เข้ามาอ่านกระทู้ ที่เคารพทุก ๆ ท่าน ก่อนอื่นต้องเรียนให้ทราบว่าได้ห่างหายไปเป็นนานสองนาน อันเนื่องมาจากภารกิจสำคัญที่ไม่สามารถละเลยได้

ก่อนที่จะไปบรรยายภาพตามที่ท่าน ผอ.ได้ให้เกียรติเรียนเชิญ ขออนุญาตุนำเรียนความเคลื่อนไหวของผมและคณะว่าครั้งสุดท้ายที่ปั่น และจากนั้นก็ไม่ได้ปั่นไปไหนไกล ๆ อีกเลยเกือบจะปีเข้ามานี่แล้ว เพราะอะไรค่อย ๆ ตามไปครับ และต้องขอบพระคุณท่าน ผอ.ที่ให้เกียรติเรียกขวัญและกำลังใจกลับมาอีกครั้ง

ทริปสุดท้ายของผมและคุณนายคือทริป "สำรวจเพื่อนบ้านก่อนการเปิดเป็นสมาพันธ์อาเซียนหรือ AEC." ครับ เราปั่นเข้าทางคลองลึกไปเกาะกง เข้า สีหนุวิลด์ ทะลุ เมืองฮาเตียนเวียตนามใต้ไปดัลลัส รวมระยะเวลา ๒๗ วัน หลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปไหนอีกเลยครับ


รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

:) :D หลังจากที่กลับมาจากทริปนี้ น้องสาว(ม่อย)ต้องเข้าผ่าตัดเนื่องจากมะเร็งตับ และตั้งแต่บัดนั้นเราก็ไม่ได้ออกไปไหนไกล ๆ อีกเลย เราดูแลน้องสาวของเราตั้งแต่วันผ่าตัด จากนั้นเราได้พาคุณน้องของเราออกกำลังปั่นจักรยาน บัดนี้เรียกว่าอาการไม่น่าเป็นห่วงแล้ว แต่ยังคงต้องอยู่ในการควบคุม วันนี้คุณน้องได้หันมาปั่นจักรยานอย่างจริงจังควบคู่กับการทานอาหาร "มังสวิรัติ" อย่างเคร่งครัด (มะเร็งยอมแพ้) ในวันที่ ๒๐ ก.ย.นี้จะเข้าตรวจเช็คเป็นรอบที่ ๒ ถ้าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหมอคงยืดเวลาพบหมอจาก ๓ เดือนครั้งเป็น ๖ เดือน/ครั้ง และอีกไม่นานก็จะเป็น ปี/ครั้ง เหมือนผมที่ขณะนี้ ๑๐ ปีแล้วหมอฟันธงหายขาดแล้ว(ไปพบหมอเมือ ๗ ก.ย.ทุกอย่างปกติดีหมด)

รูปภาพก่อนเข้าทำการผ่าตัดไปปฏิบัติธรรมที่วัด 1 คืน 2 วัน

รูปภาพรูปภาพรูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพเข้าผ่าตัดที่ รพ.ศรีพัฒน์

รูปภาพรูปภาพรูปภาพผ่าตัดเสร็จรักษาตัวเกือบ ๔ เดือนจึงเริ่มปั่นจักรยานได้ ทุก ๆ เช้าออกปั่นเริ่มแต่ ๕ โล ๑๐ โล ๒๐ โล จนปัจจุบันนี้ยืนได้เกือบทั้งวัน เมื่อกลับไปหาหมอตรวจเช็คร่างกาย ปรากฏว่าเข้าสู่ภาวะปกติ ตับที่ตัดไป ๑๐ ซม.ทำงานเป็นปรกติ ร่างกายแข็งแรง หมอชมว่ามาถูกทางแล้ว อีกไม่ช้าคงได้เห็นคุณเธอออกทริปไกล ๆ เหมือนที่เราดำเนินผ่านมา


:o :o จากภาพที่ท่าน ผอ.นำมาให้ชม โดยความคิดผม ผมไม่คิดว่าว่าในภพ-ชาติ ของเราคงไม่มีโอกาสได้เห็น แต่เราก็ได้เห็น ภาพนี้ประทับใจมาก ๆ

รูปภาพรูปภาพ

ผมคอยติดตามข่าวมั่นใจว่าต้องมีข่าวแน่นอน ก็เป็นจริง ต่างคนต่างคิด ได้จับเรื่องนี้มาเป็นข่าว โดยเห็นว่าข่าวนี้ดังมากใน สื่อโซเซียล ครับ :o :o
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

ช้างป่าเลยไลย์

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

รูปภาพรูปภาพรูปภาพ

:) :D เรามาคุยกันต่อกับเรื่องช้างถวายของซึ่งตกเป็นข่าวดังในโซเชียลมีเดียกันต่อนะครับ ตามภาพที่ท่าน ผอ.ได้กรุณานำมาให้ชมความรู้สึกความคิดของคนผมว่านะ คงแบ่งเป็น ๓ กลุ่ม กลุ่มแรกคิดบวกจิตเป็นกุศล(บุญ)ก็จะชื่นชมยินดีดีใจ กลุ่มที่สองคิดลบจิตเป็นอกุศล(บาป) เฮ้ย..เหลือเชื่อ สร้างภาพเปล่าวะ น่าเกลียดเป็นไปได้ไง ฯ กลุ่มที่สามไม่คิดบุญหรือคิดบาปเห็นแล้วก็ เฉย ๆ ผ่านไป

แต่ทีนี้มีข้อสังเกตุอย่างหนึ่งในบ้านเมืองของเรา หรือของโลกก็ว่าได้ถ้าจะเป็นข่าวดังส่วนใหญ่(มาก)มักจะเป็นข่าวที่เป็น ลบ นั่นคือมีเสียงสะท้อนกระหึ่มไปทั้งเมือง พระถูกโจมตีคนที่จัดทำถูกตำหนิติเตียน จนกระทั่งรายการ ต่างคนต่างคิด ต้องนำมาออกรายการ(ถ้าไม่มีการวิจารณ์รับรองไม่ได้เห็นครับ๕๕๕.) เรามาดูกันนะครับในสมัยพุทธกาลได้มีปรากฏการณ์แบบนี้มาแล้วเมื่อพระพุทธองค์ทรงเสด้จหนีเหล่าบรรดาสาวกที่ทะเลาะกัน แม้พระองค์ทรงห้ามเป็นหลายครั้งก็ยังไม่เลิกรากัน พระองค์จึงทรงแบกกรดสะพายบาตรหายเข้าป่าไป เดือดร้อนชาวภาราที่ไม่เห็นพระพุทธองค์พากันหาสาเหตุ จนทราบเหตุที่สุด ปชช.พากันงดใส่บาตรให้อาหารแก่มวลภิกษุที่ตั้งหน้าตั้งตาทะเลาะกันไม่เลิก เรียกว่าอดอยากปากแห้ง กว่าจะรู้สึกตัวก็สายเสียแล้ว ในที่สุดต้องหันกลับมาคืนดีกันและพากันไปกราบเชิญเสด็จ ไปพบช้างปรนนิบัติพระพุทธองค์ งานนี้เรียกว่าอายช้างกันทีเดียวครับ


รูปภาพรูปภาพ

:idea: :idea: พระพุทธรูปปางป่าลิไลยก์
อนุสรณ์เหตุการณ์พระสงฆ์ทะเลาะกัน
ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งแรกในสมัยพุทธกาล


พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าทะเลาะวิวาทกัน ก็คงมีบ่อยๆ เพราะความคิดเห็นไม่ตรงกัน แต่ครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด จนเกิดความแตกแยกเป็นครั้งแรก และเกิดขึ้นในครั้งสมัยพุทธกาลด้วย ที่บันทึกไว้ในพระไตรปิฎก ก็คือ การทะเลาะของภิกษุชาวเมืองโกสัมพี

ในอรรถกถาธรรมบท (ธัมมปทัฏฐกถา) ได้นำมาเล่าต่อ พร้อม “ใส่ไข่” (ผมอยากจะเรียกอย่างนั้น) ทำให้เราอ่านไปมีความมันในอารมณ์ไปด้วย ขอนำมาถ่ายทอดในวันเลือกตั้ง ที่อารมณ์ของคนในสังคมไทยแตกต่างกัน เพราะสนับสนุนนักการเมืองต่างพรรค (มันเกี่ยวกันไหมเนี่ย)

เรื่องมีอยู่ว่า ในวัดแห่งหนึ่ง เมืองโกสัมพี มีพระภิกษุอยู่ร่วมกันจำนวนมาก มีพระเถระสองรูปเป็นที่เคารพของพระภิกษุทั้งหลาย รูปหนึ่งเป็นผู้เคร่งครัดในพระวินัย มีความเชี่ยวชาญในการอธิบายพระวินัย เรียกตามศัพท์ของพระอรรถกถาจารย์ว่า “พระวินัยธร” อีกรูปหนึ่งมีความสามารถในการถ่ายทอดพระธรรม เรียกว่า “พระธรรมกถึก”

ทั้งสองรูปมีลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมากทัดเทียมกัน ถึงในเนื้อหาจะไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวกชัดเจน แต่โดยพฤตินัยก็พอมองเห็นเป็นรูปธรรม รวมไปถึงญาติโยมด้วย พวกที่ชอบพระนักเทศน์ก็ไปหาพระนักเทศน์ พวกที่ชอบพระผู้เชี่ยวชาญพระวินัยก็ไปหาพระวินัยธรบ่อยๆ สมัยนี้เรียกว่า “ขึ้น” ทั้งสองรูป มีญาติโยมขึ้นพอๆ กัน

ท่านเหล่านี้ก็อยู่ด้วยกันมาด้วยดี ไม่มีอะไร อยู่มาวันหนึ่ง พระวินัยธรเข้าห้องน้ำ (สมัยโน้นวัจกุฎีก็คงเป็นส้วมหลุม มากกว่าห้องน้ำในปัจจุบัน) ออกมาเจอพระธรรมกถึก จึงถามว่า “ท่านใช่ไหมที่เข้าห้องน้ำก่อนผม”

พระธรรมกถึกรับว่า “ใช่ มีอะไรหรือ”

“ท่านเหลือน้ำชำระไว้ครึ่งขัน ท่านทำผิดพระวินัย ต้องอาบัติทุกกฎแล้ว รู้หรือเปล่า” พระวินัยธรกล่าว

“โอ ผมไม่รู้ ถ้าอย่างนั้นผมขอปลงอาบัติ” พระธรรมกถึก ยอมรับและยินดี “ปลงอาบัติ” หรือแสดงอาบัติอันเป็นวิธีออกจากอาบัติตามพระวินัย

พระวินัยธรกล่าวว่า ถ้าท่านไม่มีเจตนาก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องอาบัติดอก แล้วก็เดินจากไป เรื่องก็น่าจะแล้วกันไป แต่ไม่แล้วสิครับ พระวินัยธรไปเล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า พระธรรมกถึก ดีแต่เทศน์สอนคนอื่น ตัวเองต้องอาบัติแล้วยังไม่รู้เลย ลูกศิษย์พระวินัยธรก็ไปบอกลูกศิษย์พระธรรมกถึก ทำนองบลั๊ฟกันกลายๆ ว่า พรรคท่านฟ้องแก้เกี้ยว เอ๊ย อาจารย์ของพวกท่านดีแต่สอนคนอื่น ตัวเองต้องอาบัติแล้วยังไม่รู้

เรื่องรู้ถึงหูพระธรรมกถึก ก็หูแดงสิครับ ใครมันจะยอมให้กล่าวหาว่าพิมพ์สติ๊กเกอร์ เอ๊ยจงใจละเมิดพระวินัย จึงศอกกลับพระวินัยธรว่า สับปลับ ทีแรกว่าไม่เป็นไร แต่คราวนี้ว่าต้องอาบัติ พระวินัยธร ก็ต้องอาบัติข้อพูดเท็จเหมือนกัน เอาละสิครับ เมื่ออาจารย์ทะเลาะกัน พวกลูกศิษย์ก็ทะเลาะกันด้วย ขยายวงกว้างออกไปจนถึงญาติโยมผู้ถือหางทั้งสองฝ่ายด้วย เรื่องลุกลามไปใหญ่โต ทราบถึงพระพุทธองค์ พระองค์เสด็จมาห้ามปราบ แต่ทั้งสองฝ่ายต่างก็เลือดเข้าตาแล้ว ไม่ยอมเชื่อฟัง

พระพุทธองค์ทรงระอาพระทัย จึงเสด็จหลีกไปประทับอยู่ ณ ป่าปาลิเลยยกะ (หรือปาลิไลยกะ) ตามลำพัง มีช้างนามเดียวกับป่านี้เฝ้าปรนนิบัติ ทรงจำพรรษาที่นั่น ในคัมภีร์พระไตรปิฎกพูดถึงช้างตัวเดียว ไม่พูดถึงลิง แต่ในอรรถกถาบอกว่ามีลิงด้วยตัวหนึ่ง

หมายเหตุไว้ตรงนี้ ศาสตราจารย์ (พิเศษ) จำนงค์ ทองประเสริฐ ราชบัณฑิต ผู้เป็นนักปราชญ์ท่านบอกว่า ช้างนั้น ถ้าเป็นช้างป่าลักษณนามต้องเรียกว่า “ตัว” แต่ถ้าช้างที่ขึ้นระวางแล้วเรียกว่า “เชือก” ว่าอย่างนั้น ผมเป็นแค่ “นักปาด” ก็ต้องเชื่อท่าน

ว่ากันว่าช้างคอยต้มน้ำให้พระพุทธองค์ทรงสรง ทำอย่างไรหรือครับ แกกลิ้งก้อนหินที่ตากแดดทั้งวันยังอมความร้อนอยู่ ลงในแอ่งน้ำเล็กๆ น้ำนั้นก็อุ่นขึ้นมา แล้วก็ไปหมอบแทบพระบาททำนองอาราธนาให้สรงสนาน พระพุทธองค์เสด็จไปสรงน้ำนั้น อย่างนี้ทุกวัน

เจ้าจ๋อเห็นช้างทำอย่างนั้น ก็อยากทำอะไรแด่พระพุทธองค์บ้าง มองไปมองมาเห็นผึ้งรวงใหญ่ ก็ไปเอามาถวาย พระพุทธองค์ทรงรับแล้วก็วางไว้ ไม่เสวย เจ้าจ๋อสงสัยว่าทำไมพระองค์ไม่เสวย ก็ไปหยิบรวงผึ้งมาพินิจพิเคราะห์ดู เห็นตัวอ่อนเยอะแยะเลย จึงหยิบออกจนหมดแล้วถวายใหม่ คราวนี้พระองค์เสวย ก็เลยกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ที่อีกฝ่ายจะถูก กกต. แบนเรื่องปริญญาปลอม เอ๊ยที่พระพุทธองค์เสวยผึ้งที่ตนถวาย ปล่อยกิ่งนี้จับกิ่งนั้นเพลิน บังเอิญไปจับกิ่งไม้แห้งเข้า กิ่งไม้หักร่วงลงมา ถูกตอไม้ทิ่มตูดตาย คัมภีร์เล่าต่อว่า ลิงตัวนั้นตายไปเกิดเป็นเทพบุตรนามว่า มักกฎเทพบุตร (แปลว่าเทพบุตรจ๋อ) ปานนั้นเชียว

เมื่อพระพุทธองค์เสด็จหลีกไปตามลำพัง พวกอุบาสกอุบาสิกาที่ทรงธรรมไม่เข้าข้างฝ่ายไหนทั้งนั้น ก็พากันแอนตี้พระภิกษุเหล่านั้น ไม่ถวายอาหารบิณฑบาต กล่าวโทษว่าเป็นสาเหตุให้พระพุทธองค์เสด็จหนีไป พวกตนมิได้เฝ้าพระพุทธองค์ พระภิกษุเหล่านั้นรู้สำนึก จึงขอขมา แต่อุบาสกอุบาสิกาทั้งหลายบอกให้ไปกราบขอขมาพระพุทธองค์ ครั้นออกพรรษาแล้วพระภิกษุเหล่านั้นก็พากันไปเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อขอขมา โดยมีพระอานนท์เป็นผู้ประสานงาน (แหม ใช้ภาษาทันสมัยจังเนาะ) พระพุทธองค์ทรงแสดงโทษของการทะเลาะวิวาทและอานิสงส์ (ผลดี) ของความสามัคคีแก่พระสงฆ์สาวกเหล่านั้น ท่านเหล่านั้นก็กลับมาสมัครสมานสามัคคีกันเหมือนเดิม

ชาวพุทธได้สร้างพระพุทธรูปขึ้นปางหนึ่ง เป็นอนุสรณ์เหตุการณ์ครั้งนี้ คือ ปางปาลิไลยกะ (ป่าเลไลยก์, ป่าลิไลยก์) พระพุทธองค์ประทับนั่งห้อยพระบาท มีลิงถือรวงผึ้ง และช้างหมอบแทนพระยุคลบาท อย่าถามว่าสร้างสมัยไหน ผมไม่ทราบ เพราะเกิดไม่ทัน

นี้เป็นการทะเลาะกันของพระสงฆ์ครั้งยิ่งใหญ่ครั้งแรกในประวัติพระพุทธศาสนา แต่การทะเลาะกันเพราะความคิดเห็นต่างกัน ก็ไม่ถึงกับแตกนิกายดังในสมัยหลัง เพราะอย่างไรก็มีพระพุทธเจ้าทรงเป็นจุดศูนย์กลายคอยชี้แจงไกล่เกลี่ยให้กลับคืนดีกัน สมัครสมานสามัคคีกันเหมือนเดิม

ขอบคุณ www. Dhammajak.net ครับ


:lol: :lol: ส่วนตัวผมเองเมื่อเห็นภาพนี้แล้วปลื้มใจครับ เป็นบุญเหลือเกินที่แม้สมัยเรายังมีโอกาสได้เห็นภาพแบบนี้ ยังศรัทธาให้เพิ่มขึ้นกับการประพฤติปฏิบัติธรรมให้มากขึ้น ๆ ต้องขอขอบพระคุณท่าน ผอ.ลือชัย ฯ เป็นอย่างสูงที่เสาะแสวงหาสิ่งดี ๆ มาฝากกัน เป็นบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่ครับ
มาชมความรู้ภาษาของช้างที่เขาใหญ่ครับ แล้วเชื่อเถอะครับช้างเป็นสัตว์แสนรู้คู่บุญบารมีของคนผู้มีบุญ เรามาร่วมกันอนุลักษณ์ช้างกันนะครับ :) :D



.......... https://www.youtube.com/watch?v=L1LfrnePk6g .........



:) :D :) :D :) :D :) :D :) :D :) :D :) :D :) :D :) :D :) :D :)
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

ปาฏิหารย์ ๓

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:idea: :idea: ปาฏิหาริย์ สาม

เกวัฏฏะ ! นี่ปาฏิหาริย์สามอย่าง ที่เราได้ทำให้ แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ได้.

๓ อย่างอะไรเล่า ? ๓ อย่าง คือ :-
๑. อิทธิปาฏิหาริย์
๒. อาเทสนาปาฏิหาริย์
๓. อนุศาสนีปาฏิหาริย์

(๑) เกวัฏฏะ! อิทธิปาฏิหาริย์นั้นเป็นอย่างไรเล่า ?

เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ กระทำอิทธิวิธีมีประการต่าง ๆ :ผู้เดียวแปลงรูปเป็นหลายคน, หลายคนเป็นคนเดียว, ทำที่ กำบังให้เป็นที่แจ้ง ทำที่แจ้งให้เป็นที่กำบัง, ไปได้ไม่ ขัดข้อง ผ่านทะลุฝา ทะลุกำแพง ทะลุภูเขา ดุจไปใน อากาศว่าง ๆ, ผุดขึ้นและดำรงอยู่ในแผ่นดินได้เหมือนในน้ำ,เดินไปได้เหนือน้ำ เหมือนเดินบนแผ่นดิน, ไปได้ใน อากาศเหมือนนกมีปีก ทั้งที่ยังนั่งสมาธิคู้บัลลังก์. ลูบคลำดวงจันทร์และดวงอาทิตย์อันมีฤทธิ์อานุภาพมาก ได้ด้วยฝ่ามือ. และแสดงอำนาจทางกายเป็นไปตลอดถึงพรหม โลกได้. เกวัฏฏะ ! กุลบุตรผู้มีศรัทธาเลื่อมใสได้เห็นการ แสดงนั้นแล้ว เขาบอกเล่าแก่กุลบุตรอื่นบางคน ที่ไม่ศรัทธาเลื่อมใสว่าน่าอัศจรรย์นัก. กุลบุตรผู้ไม่มีศรัทธาเลื่อมใสนั้น ก็จะพึงตอบว่า วิชา ชื่อ คันธารี มีอยู่ ภิกษุ นั้นแสดงอิทธิวิธีด้วยวิชานั่นเท่านั้น. เกวัฏฏะ ! ท่านจะเข้าใจว่าอย่างไร : ก็คนไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส ย่อมกล่าวตอบผู้เชื่อผู้เลื่อมใสได้อย่างนั้น มิใช่หรือ ? “พึงตอบได้ พระเจ้าข้า !” เกวัฏฏะ!เราเห็นโทษในการแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ ดังนี้แล จึงอึดอัด ขยะแขยง เกลียดชัง ต่อ
อิทธิปาฏิหาริย์.

(๒) เกวัฏฏะ ! อาเทสนาปาฏิหาริย์นั้น เป็นอย่างไรเล่า?

เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทายจิต ทายความรู้สึก ของจิต ทายความตรึก ทายความตรอง ของสัตว์เหล่าอื่น ของบุคคลเหล่าอื่นได้ ว่า ใจของท่านเช่นนี้ ใจของท่าน มีประการนี้ ใจของท่านมีด้วยอาการอย่างนี้. ... ฯลฯ ...กุลบุตรผู้ไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส ย่อมค้านกุลบุตรผู้เชื่อผู้เลื่อมใส ว่า วิชา ชื่อ มณิกา มีอยู่ ภิกษุนั้น กล่าวทายใจได้เช่นนั้น ๆ ก็ด้วยวิชานั้น (หาใช่มีปาฏิหาริย์ไม่), เกวัฎฎะ ! ท่านจะ เข้าใจว่าอย่างไร : ก็คนไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส ย่อมกล่าวตอบ ผู้เชื่อผู้เลื่อมใสได้อย่างนั้น มิใช่หรือ? “พึงตอบได้ พระเจ้าข้า !” เกวัฏฏะ ! เราเห็นโทษในการแสดง อาเทสนาปาฏิหาริย์ดังนี้แล จึงอึดอัด ขยะแขยง เกลียดชัง ต่ออาเทสนาปาฏิหาริย์.

(๓) เกวัฏฏะ! อนุศาสนีปาฏิหาริย์ นั้นเป็น อย่างไรเล่า?

เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมสั่งสอนว่า “ท่านจงตรึกอย่างนี้ ๆ อย่าตรึกอย่างนั้น ๆ, จงทำไว้ในใจอย่างนี้ ๆ อย่าทำไว้ในใจอย่างนั้น ๆ, จงละสิ่งนี้ จงเข้าถึงสิ่งนี้ ๆ แล้วแลอยู่” ดังนี้. เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์.

เกวัฏฏะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ตถาคตเกิดขึ้นในโลกนี้ เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบเอง สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ ดำเนินไปดี รู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกคนควรฝึกได้อย่างไม่มี ใครยิ่งกว่า เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ เป็นผู้เบิกบานแล้ว จำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์. ตถาคตนั้น ทำให้แจ้งซึ่งโลกนี้ กับทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมพราหมณ์ เทวดาพร้อมทั้งมนุษย์ ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว สอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตาม. ตถาคตนั้นแสดงธรรมไพเราะในเบื้องต้น – ท่ามกลาง – ที่สุด, ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถะ และพยัญชนะบริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง. คหบดีหรือบุตร คหบดี หรือผู้เกิดในตระกูลใดตระกูลหนึ่งในภายหลังก็ดี ได้ฟังธรรมนั้นแล้ว เกิดศรัทธาในตถาคต. เขาผู้ประกอบ ด้วยศรัทธา ย่อมพิจารณาเห็นว่า “ฆราวาสคับแคบ เป็นทาง มาแห่งธุลี, บรรพชาเป็นโอกาสว่าง; การที่คนอยู่ครองเรือน จะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์โดยส่วนเดียว หมือนสังข์ที่เขาขัดแล้วนั้น ไม่ทำได้โดยง่าย. ถ้ากระไร เราจะปลงผมและหนวด ครองผ้ากาสายะ ออกจากเรือน บวชเป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนเถิด”, ดังนี้. โดยสมัยอื่น ต่อมา เขาละกองสมบัติน้อยใหญ่และวงศ์ญาติน้อยใหญ่ ปลงผมและหนวด ออกจากเรือน บวชเป็นผู้ไม่เกี่ยวข้อง ด้วยเรือนแล้ว. ภิกษุนั้น ผู้บวชแล้วอย่างนี้ สำรวมแล้วด้วย ความสำรวมในปาติโมกข์ ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและ โคจร, มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลาย แม้ว่าเป็นโทษ เล็กน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย, ประกอบแล้วด้วยกายกรรม วจีกรรมอันเป็นกุศล, มีอาชีวะบริสุทธิ์,ถึงพร้อมด้วยศีล, มีทวารอันคุ้มครองแล้วในอินทรีย์ทั้งหลาย,ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ, มีความสันโดษ.เกวัฏฏะ !

ภิกษุถึงพร้อมด้วยศีล เป็นอย่างไรเล่า ? เกวัฏฏะ ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ละการทำสัตว์ มีชีวิตให้ตกล่วงไป เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต วาง ท่อนไม้และศัสตราเสียแล้ว มีความละอาย ถึงความเอ็นดู กรุณา หวังประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงอยู่.เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์.เกวัฏฏะ ! ภิกษุนั้น ครั้นจิตตั้งมั่นบริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีกิเลสปราศจากอุปกิเลส เป็นธรรมชาติอ่อนโยน ควรแก่การงาน ตั้งอยู่ได้อย่างไม่หวั่นไหว เช่นนี้แล้ว,เธอก็น้อมจิตไปเฉพาะต่ออาสวักขยญาณ. เธอย่อมรู้ชัด ตามที่เป็นจริงว่า “นี้ทุกข์, นี้เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์,นี้ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์, นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับ ไม่เหลือแห่งทุกข์”; และรู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า “เหล่านี้ อาสวะ, นี้เหตุเกิดขึ้นแห่งอาสวะ, นี้ความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ, นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ”.เมื่อเธอรู้อยู่อย่างนี้เห็นอยู่อย่างนี้ จิตก็พ้นจากกามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ. ครั้นจิตหลุดพ้นแล้วก็เกิด ญาณหยั่งรู้ ว่า “จิตพ้นแล้ว”. เธอรู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีก” ดังนี้. เกวัฏฏะ ! เปรียบเหมือนห้วงน้ำใสที่ไหล่เขาไม่ขุ่นมัว, คนมีจักษุดียืนอยู่บนฝั่งในที่นั้น, เขาเห็นหอยต่าง ๆ บ้าง กรวดและหินบ้าง ฝูงปลาบ้าง อันหยุดอยู่และว่ายไปในห้วงน้ำนั้น, เขาจะสำเหนียกใจ อย่างนี้ว่า “ห้วงน้ำนี้ใส ไม่ขุ่นเลย หอย ก้อนกรวด ปลาทั้งหลายเหล่านี้หยุดอยู่บ้าง ว่ายไปบ้าง ในห้วงน้ำนั้น” ดังนี้;ฉันใดก็ฉันนั้น. เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์.

เกวัฏฏะ ! เหล่านี้แล ปาฏิหาริย์ ๓ อย่าง ที่เรา ได้ทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ ตามด้วย.

สี. ที. ๙/๒๗๓ – ๒๗๖/ ๓๓๙ – ๒๔๒


:lol: :lol: ยืนยันฟันธง...แต่ก่อนแต่ไรสมัยตีหัวหมาด่าแม่เจ๊ก เมาเช้าเมาเย็น ผมไม่เชื่อเลยเรื่องปาฏิหารย์ทั้งหลายจวบจนผมหันหน้าเข้าวัด ลด ละ เลิก อบายมุขต่าง ๆ แทบหมดสิ้นและหันหน้าเข้าวัดปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง เข้มข้น วันหนึ่งได้เกิดอภินิหารให้ผมได้มีความเชื่อ และเชื่ออย่างสนิทใจว่าปาฏิหารย์ต่าง ๆ มีจริงทั้ง ๓ ประการ สุดท้ายก็ได้ถูกห้ามไว้อย่างชัดเจน เรื่องนี้ยากนักจักเชื่อได้เพราะเป็น "ปัจจัดตัง" คือรู้ได้เฉพาะตนเอง ท่านใดที่อยากจะพบจะเจอพระพุทธองค์ได้บอกทางไว้ให้แล้วแน่จริงก็มาทดลองปฏิบัติดูซิ เริ่มจากรักษาศีล ทำภาวนา ให้ทาน ตามแนวที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ รับรอง "เอาหัวเป็นประกันครับ" ท่านจะตาสว่างแน่นอน พุทธศาสนาไม่ใช่ศาสนาที่บีบบังคับ หรืออ้อนวอน แต่เป็นศาสนาที่กล้าท้าทาย และไม่เคย "ง้อ" ใครให้มานับถือหรือศรัทธา คนไทยโชคดีนะครับ ที่เกิดมาได้พบพระพุทธศาสนา แต่คนไทยโชคร้ายที่ไม่สามารถเข้าถึงศาสนาได้ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ไปหลงความเจริญแบบตะวันตก ชอบสนุกสุขสบาย โปรดจำไว้ครับ พุทธศาสนาเป็นศาสนาของผู้มีปัญญา คนโง่...ยากจะเข้าถึง ถึงเวลาแล้วที่ทุกท่านจะต้องตาสว่าง หันหน้าเข้ามาศึกษาปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์ เพื่อความสุขความสงบและพบทางแห่งพระนิพพานกัน และอย่าลืมว่า "ผู้ประพฤติธรรมเท่านั้นจะอยู่อย่างมีความสุขในสถานการณ์อันเลวร้ายเช่นทุกวันนี้"....? ไม่มีเหตุผลใดที่ผมจะกล่าวมุสาให้ตัวผมเองเศร้าหมอง แต่ตราบใดที่ท่านยังลังเลสงสัย ความเศร้าหมองตกอยู่ที่ตัวท่านนะครับ มาครับ ๆ พระพุทธองค์ทรงท้าให้มาลอง สิ่งแรกที่ท่านจะได้คือ ความสงบ เย็นสบายเย็นใจ ตามด้วยความสุขเล็ก ๆ :lol: :lol:
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

ทัวร์ริ่ง

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

รูปภาพ

:( :( อรุณสวัสดิ์ ทุกท่านครับ ผมไม่ได้หายไปไหนครับ มันเป็นการยากที่จะบอกกล่าวถึงความโศรกเศร้าที่ได้รับกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาตั้งแต่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ จนปัจจุบันนี้ ผมรักษาความเศร้าเสียใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ด้วยการสวดมนต์ภาวนาอุทิศบุญกุศลทั้งหมดทั้งมวลที่ได้สั่งสมมาตลอดชีวิต อุทิศแด่ "พ่อหลวงในดวงใจ" ให้ท่านกลับสู่สวรรคาลัยในทิพย์พิมาน เกิดชาติหน้าฉันท์ใดขอตามเป็นข้ารองบาทจนกว่าจะบรรลุธรรมตามพระองค์ท่านไป หลวงปู่สิมได้อบรมสั่งสอนผมและบอกว่า พ่อหลวงท่านบำเพ็ญบารมีแห่งโพธิสัตว์หวังผลแห่งการเป็นสัพพัญญู ไม่ผิดที่เราจะเป็น"ข้ารองบาท"เพื่อการหลุดพ้นตามพระองค์ท่าน

ผมบอกตามตรงครับผมอยากจะกลับมาขีด ๆ เขียน ๆ เหมือนเดิมแต่ทุกครั้งที่อยู่หน้าคอม ผมพูดอย่างไม่อายไปตรงจุดไหนมีแต่ภาพของพระองค์ท่าน น้ำตามันไหลไม่หยุด(ผมไม่ได้ร้องไห้นะมันไหลออกมาอย่างนั้นจริง ๆ )แล้วคิดอะไรไม่ออกนอกจากความมึนตึ๊บ(เพื่อนหมอมันบอกอาการโรคซึมเศร้า) ทั้ง ๆ ที่เราประพฤติปฏิบัติธรรมมาอย่างดี จวบจนเช้านี้ผมมาเห็นข่าวของกษัตริย์จิกมี่ รู้ได้ว่าความเข้มแข็งกลับมาอีกครั้งผมจึงทดลองรวบรวมสติ สมาธิเข้ามาตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ และตรวจสอบสภาพจิตใจ พอไปได้ก็จะขอเล่าเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตไปตามลำดับ(เรื่อย ๆ นะครับ) เริ่มจากภาพชุดแรกที่ทำให้ผมมีเกิดพลังทางใจครับ


รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

แห่แชร์ภาพประทับใจ’ทำไมคนไทยจึงรักกษัตริย์จิกมีแห่งภูฏาน’

จากเหตุการณ์การสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพียงไม่นาน สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏาน ได้เสด็จฯเยือนประเทศไทย และทรงเข้าร่วมพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในวันที่ 16 ตุลาคมด้วยพระองค์เอง นำความซาบซึ้งมาสู่ชนชาวไทยจำนวนมาก


โลกออนไลน์มีการแชร์ภาพพร้อมข้อความจากเพจ Bhutan Center บอกเล่าเรื่องราวและเปรียบเทียบพระราชกรณียกิจของทั้งสองพระองค์ ว่าคล้ายคลึงกันเพียงใด ในหัวข้อ "ทำไมคนไทยจึงรักกษัตริย์จิกมีแห่งภูฏาน" มีผู้แชร์ต่อเป็นจำนวนมากกว่า 50,000 ครั้ง โดยมีข้อความระบุว่า

"ข้าพเจ้ารัก เคารพ และชื่นชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างมาก พระองค์ท่านทรงเป็นสุดยอดพระมหากษัตริย์" นี่คือส่วนหนึ่งในพระราชดำรัสของกษัตริย์จิกมี พระองค์ทรงศรัทธาและมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเป็นแรงบันดาลใจในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ทรงมีความคล้ายคลึงกันอย่างมากหลายประการ นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้คนไทยรักกษัตริย์จิกมี


:( :( เราคนไทยพูดคำเดียวกันว่า "รักพ่อ" ถาม...เราได้ทำตามที่พ่อสอนกันไหม ถึงเวลาแล้วที่เราควรจะเปลี่ยนใจหันมาปรองดองกัน ตามที่พระองค์ท่านพร่ำสอน พร่ำเตือนเสมอ ๆ ว่า "รู้รักสามัคคี" วันนี้เวลานี้ยังเห็นมีกระแนะกระแหนกันอยู่ (เลวจริง ๆ ) ขอให้เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่พลิกให้บ้านเมืองกลับมาสงบสุขเหมือนที่พระองค์ท่านยังมีชีวิตอยู่กันอีกหน ใครที่มันไม่น้อมนำพระราชดำรัสไปเป็นธงชัยของชีวิต แถมยังมุ่งทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย "ฟ้าดินจงลงโทษ" เอาไปลงนรกให้รู้แล้วรู้รอดไปอย่าอยู่ให้หนักแผ่นดินอีกเลย... :evil: :evil:
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

ในหลวง

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:o :o วันที่ 31 ต.ค. 59 นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารได้จัดงานวันออมแห่งชาติต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2542 และในปีนี้ ได้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “น้อมนำพระราชดำรัส…สู่วิถีการออมอย่างยั่งยืน” โดยน้อมนำพระราชดำรัสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานให้ธนาคารออมสิน เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2559 เนื่องในวาระเฉลิมฉลองครบ 50 ปี ของการเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และเปิดสำนักงานใหญ่ ถ.พหลโยธิน มาเป็นแนวทางสื่อไปถึงประชาชนและผู้ฝากเงิน โดยภายในงานได้จัดนิทรรศการในชื่อ “พระมหากษัตริย์นักออม…สู่วิถีการออมอย่างยั่งยืน”

และในวันที่ 31 ตุลาคม ของทุกปี ถือเป็นวันออมแห่งชาติ เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีนิสัยรักการออม และปลูกฝังให้ตระหนักถึงประโยชน์ของการเก็บออมเงิน ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ได้พระราชทานให้ธนาคารออมสิน เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2559 ว่า “การประหยัดอดออม เป็นรากฐานในการสร้างตัว สร้างฐานะของบุคคล ตลอดจนความเจริญมั่นคงของสังคมและชาติบ้านเมือง.......” ธนาคารออมสิน จัดทำ “กระปุกออมสินเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชครองราชย์ 70 ปี” ทั้งนี้ กระปุกออมสินดังกล่าว จะแจกให้เฉพาะผู้ที่เปิดบัญชีใหม่ หรือฝากเงินด้วยตนเอง ตั้งแต่ 200 บาทขึ้นไป 1 บุคคลต่อ 1 ใบเท่านั้น ณ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ และทุกสาขาทั่วประเทศ.

รูปภาพ

รูปภาพ

และเมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม เช่นกันเรา ๒ คนผู้มีฐานะเป็น ปู่-ย่า ของหลานปุรณ์ ต้องการกระปุกออมสินใบนี้ไว้ให้ ด.ช.ปุรณพัฒน์ เพียนอก อายุ ๗ เดือน ซึ่งถือได้ว่า หลานเป็นคนที่มีบุญมาเกิดเพราะเขายังทันได้มาเกิดในแผ่นดินของรัชการที่ ๙ แม้วันนี้จะไม่มีพระองค์ท่านแล้ว แต่กระปุกออมสินที่ ปู่-ย่า อุตส่าห์ไปอดทนเข้าแถวเพื่อให้ได้มายังของขวัญที่ระลึก ที่เป็นชิ้นแรกในรัชสมัย ร.๙ ของน้องปุรณ์ และจะเป็นชิ้นสุดท้ายของคุณปู่ คุณย่า ที่จะได้เห็นเพราะต่อจากนี้ไปจะไม่มีอีกแล้ว ในอนาคตข้างหน้าจะเป็นหน้าที่ของ ปู่-ย่า ที่จะได้เล่าเหตุการณ์ตลอดจนพระราชประวัติและงานต่าง ๆ ที่ ร.๙ ได้ทรงทำไว้ให้ลูกหลาน เหลนไทย พร้อมนี้ขอตั้งสัตย์อธิษฐานว่า หลานปุรณ์พัฒน์ ฯ จะได้ทราบคุณของพระมหากษัตริย์ไทยโดยเฉพาะ ร.๙ และเมื่อเขาเติบโตขึ้นเราจะสอนเขาให้รักและเทอดทูนพระมหากษัตริย์ที่ทรงคุณความดี นำพาประเทศชาติของเราให้เป็นไทยมาได้จนถึงทุกวันนี้


รูปภาพ

รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย Deang-sarapee เมื่อ 25 พ.ค. 2023, 11:00, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

ดูพระจันทร์

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D สวัสดีครับ ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพทุก ๆ ท่านครับ มีเรื่องดี ๆ นำมาฝากครับ เนื่องจากในวันที่ ๑๔ พ.ย.ตั้งแต่เวลาหกโมงเย็นเป็นต้นไป เราจะเห็นปรากฏการณ์พระจันทร์ที่เข้ามาใกล้โลกที่สุดในรอบ ๖๘ ปี สิ่งที่ปรากฏก็คือพระจันทร์จะดวงกลมโตมาก ๆ เป็นโอกาสดีที่เราจะร่วมจิตร่วมใจกัน จุดเทียนน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของล้นเกล้า ร.๙ ที่ท่านจากเราไปอย่างไม่มีวันกลับและเราจะไม่ได้พบเห็นพระองค์ท่านอีกแล้ว เย็นวันนั้นเราชมพระจันทร์เราสวดมนต์และนั่งภาวนาแผ่อุทิศส่วนกุศลถึงพระองค์ท่าน และน้อมจิตน้อมใจสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านอย่างหามิได้ บุญกุศลก็จะเกิดกับตัวเราอย่าลืมกันนะครับ

สดร.ย้ำคนไทยอย่าพลาด 'ดวงจันทร์เต็มดวง' ใกล้โลกที่สุดในรอบ 68 ปี

สดร.ชวนคนไทยดู ซูปเปอร์ฟูลมูน เมื่อดวงจันทร์เต็มดวงเข้าใกล้โลกมากที่สุดในรอบ 68 ปีที่ระยะห่างประมาณ 356,511 กิโลเมตร โดยขนาดจะใหญ่กว่าเดิม 14% และสว่างกว่าเดิม 30% ในวันที่ที่ 14 พ.ย.2559 ตั้งแต่ 6 โมงเย็นทางทิศตะวันออก...


รูปภาพ

ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า ในคืนวันที่ 14 พ.ย. 2559 ดวงจันทร์เต็มดวงจะปรากฏในตำแหน่งใกล้โลกมากที่สุดในรอบปีนี้ ที่ระยะห่างประมาณ 356,511 กิโลเมตร และยังเป็นการโคจรเข้าใกล้โลกที่สุดในรอบ 68 ปี นับตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2491 ที่ระยะห่างประมาณ 356,462 กิโลเมตร เราจะสังเกตเห็นดวงจันทร์เต็มดวงมีขนาดปรากฏใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีขนาดปรากฏใหญ่กว่าขณะอยู่ไกลโลกมากที่สุดประมาณ 14% และมีความสว่างมากกว่าประมาณ 30% หรือ เรียกว่า “ซูปเปอร์ฟูลมูน (Super Full Moon)” โดยในวันนั้นเราจะสามารถสังเกตเห็น ดวงจันทร์เต็มดวงได้ด้วยตาเปล่าทางทิศตะวันออก หลังดวงอาทิตย์ตก ตั้งแต่เวลาประมาณ 18:00 น.เป็นต้นไป วันดังกล่าวยังตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ซึ่งเป็นวันลอยกระทงของไทยอีกด้วย จึงเป็นโอกาสอันดีที่ ผู้สนใจสามารถเฝ้ารอชม และเก็บภาพความสวยงามของดวงจันทร์เต็มดวงใกล้โลกที่สุดในรอบ 68 ปีในคืนวันลอยกระทงกันได้ทั่วประเทศ

รูปภาพภาพเปรียบเทียบขนาดปรากฏของดวงจันทร์เต็มดวงใกล้โลกมากที่สุดในรอบปี (ซ้าย) กับ ดวงจันทร์เต็มดวงปกติ (ขวา)

รอง ผู้อำนวยการ สดร.กล่าวต่อว่า ปกติแล้วดวงจันทร์มีลักษณะวงโคจรรอบโลกเป็นรูปวงรี โดย 1 รอบใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน ดังนั้นในแต่ละเดือนจะมีตำแหน่งที่ดวงจันทร์ใกล้โลกที่สุดเรียกว่า เปริจี (Perigee) มีระยะทางเฉลี่ย 356,400 กิโลเมตรและตำแหน่งที่ไกลโลกที่สุดเรียกว่า อะโปจี (Apogee) มีระยะทางเฉลี่ยประมาณ 406,700 กิโลเมตร การที่ผู้คนบนโลกสามารถมองเห็นดวงจันทร์เต็มดวงที่โตกว่าปกติเล็กน้อย ในคืนที่ดวงจันทร์โคจรเข้ามาใกล้โลก นับเป็นเหตุการณ์ปกติที่สามารถอธิบายได้ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ และแม้ว่าดวงจันทร์จะมีตำแหน่งโคจรเข้าใกล้โลกทุกเดือน แต่ดวงจันทร์ไม่ได้ปรากฏเต็มดวงทุกครั้ง ดวงจันทร์เต็มดวงจะอยู่ตำแหน่งใกล้โลกมากที่สุดประมาณทุกๆ 13 เดือน สำหรับปรากฏการณ์ดวงจันทร์เต็มดวงใกล้โลกที่สุด ครั้งต่อไปตรงกับวันที่ 2 มกราคม 2561 ที่ระยะห่างประมาณ 356,565 กิโลเมตร

รูปภาพ

สำหรับในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2559 สดร. จัดกิจกรรมสังเกตปรากฏการณ์ดวงจันทร์เต็มดวงใกล้โลกที่สุดในรอบ 68 ปี ซูปเปอร์ฟูลมูนวันลอยกระทง” 3 จุดสังเกตการณ์หลัก ได้แก่ เชียงใหม่ นครราชสีมา ฉะเชิงเทรา พร้อมหน่วยงานดาราศาสตร์เครือข่ายอีกกว่า 160 แห่งทั่วประเทศ เชิญชวนประชาชนร่วมส่องจันทร์ดวงโต และวัตถุท้องฟ้าชัดเต็มตาด้วยกล้องโทรทรรศน์หลายรูปแบบ ตั้งแต่เวลา 17.00-22.00 น. ได้แก่

รูปภาพภาพแสดงตำแหน่งดวงจันทร์ใกล้โลกที่สุด (Perigee) และ ตำแหน่งดวงจันทร์ไกลโลกที่สุด (Apogee)

เชียงใหม่ – ลานกิจกรรมหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ ขอเชิญชวนพสกนิกรชาวเชียงใหม่จุดเทียนแสดงความอาลัยใต้แสงจันทร์ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นหาที่สุดมิได้ เวลา 19.09 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 081-8854353

นครราชสีมา – หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา นครราชสีมา ภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 044-216254


รูปภาพ

ภาพเปรียบเทียบขนาดปรากฏและความสว่างของดวงจันทร์เต็มดวง ขณะอยู่ใกล้โลกมากที่สุด (ซ้าย) กับ ไกลโลกมากที่สุด (ขวา) ดวงจันทร์เต็มดวงขณะอยู่ใกล้โลกมากที่สุดจะมีขนาดปรากฏใหญ่กว่าขณะอยู่ไกลโลกมากที่สุด ประมาณ 14% และมีความสว่างมากกว่าประมาณ 30%

ฉะเชิงเทรา – หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ฉะเชิงเทรา ต.วังเย็น อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 084-0882264.


:) :D เครดิตภาพและรายละเอียดจาก ไทยรัฐออนไลน์ ขอบพระคุณมากครับ :) :D
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

อาลัยพ่อหลวง

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

รูปภาพรูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพรูปภาพรูปภาพ


รูปภาพรูปภาพ

:( :( และแล้ววันที่ประชาชนชาวเชียงใหม่จะได้แสดงพลังถึงความรักความอาลัยที่มีต่อพระมหากษัตริย์ ร.๙ ก็มาถึง (ผมเฝ้ารอฟังอยู่นานว่าเมื่อไหร่จะจัดสักที)เมื่อทราบข่าวยังความปลาบปลื้มใจให้กับเรา ๒ คนเป็นที่สุด เมื่อถึงวันกำหนดเราออกจากบ้านแต่ก่อนเที่ยง เพื่อเข้าไปจับจองสถานที่ให้ใกล้พระบรมฉายาลักษณ์ที่สุด สมหวังครับเราอยู่โซนหน้าสุดครับ มีกลุ่มเพื่อนที่ผิดหวังเข้าไปไม่ถึงบริเวณงานอีกหลายคน ประชาชนให้ความสนใจและไปร่วมกิจกรรมกันล้นหลามจนหาที่ว่างแทบไม่มี หลายคนผิดหวังทั้ง ๆ ที่ตั้งใจก็อยากจะบอกว่า กิจกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวกับ ร.๙ ขอให้ท่านเตรียมตัวไปก่อนเวลาเสมอ ๆ แล้วจะไม่ผิดหวังครับ

ในขณะที่ร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี น้ำตาทุก ๆ คนไหลหลั่งแปดเปื้อนสีหน้ากันทุกผู้ทุกคน ช่วงเวลา ๙๐ วินาทีที่ยืนสงบนิ่งไว้อาลัย มันเงียบบบบบบ เงียบจนได้ได้ยินเสียงสะอื้นของหัวใจตัวเอง เป็นภาพแห่งความทรงจำที่จะไม่มีวันลืม คนไทยหากรักกันร่วมใจกันเหมือนวันนี้ โลกนี้จะมีประเทศไหนจะยิ่งใหญ่กว่าชาติไทยคงหาไม่ได้แน่นอน :( :(


รูปภาพรูปภาพรูปภาพเจอน้อง ๆ ตชด.กลุ่มงาน EOD.(หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด)เป็นธรรมดาที่ไม่เจอหน้ากันเลยตั้งแต่ลาออกจากราชการ วันนี้ได้เจอกันดีใจ หลาย ๆ คนปลีกตัวขอโอกาสได้พูดคุยทักทายถามสารทุกข์สุขดิบ มีบางคนอยากจะขอให้เล่าประสบการณ์กับการถวายความปลอดภัยสมัยที่เคยเป็นผู้บังคับกองร้อย ถปภ.เมื่อครั้งที่พระองค์ท่านมีชีวิตอยู่และแปรพระราชฐานมาพักที่ตำหนักภูพิงค์ ซึ่งเป็นเกียรติประวัติของ ตชด.เขต ๕ ที่ได้มีพระเมตตาให้รักษาวังด้านหลังวังตลอแนว ได้ใกล้ชิดพระองค์ท่านได้ถุงของขวัญจากพระองค์ทุกปี :) :D

รูปภาพรูปภาพ
รูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพ


รูปภาพรูปภาพ

รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย Deang-sarapee เมื่อ 10 ธ.ค. 2016, 08:21, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

ซุปเปอร์มูน

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:o :o อรุณสวัสด์ ทุก ๆ ท่านครับ ปรากฏการณ์ธรรมชาติบนท้องฟ้า เคยสังเกตุบ้างไหมครับเขามักเล่าว่าจะเป็นเหมือนเครื่องเตือนภัย มาบอกให้มวลมนุษย์ทราบถึงภัยพิบัติต่าง ๆ เช่นกัน Super Moon ครั้งนี้ก็มีโหรออกมาทำนายเราไปศึกษากันครับ

รูปภาพ 2 หมอดูดัง เตือนอิทธิพลซุปเปอร์ฟูลมูน ส่งผลร้ายบ้านเมือง-ผู้คน


เมื่อวันที่ 14 พ.ย.59 นายโสรัจจะ นวลอยู่ โหรชื่อดัง เจ้าของฉายานอสตราดามุสเมืองไทย กล่าวถึงปรากฏการณ์ “ซุปเปอร์ฟูลมูน” หรือดวงจันทร์โคจรเข้าใกล้โลกมากที่สุดในรอบ 68 ปี ในวันที่ 14 พ.ย. ว่า ในทางโหราศาสตร์ ปรากฏการณ์ลักษณะนี้ จะส่งผลรอบด้าน เพราะกำลังมีดาว 3 ดวง ที่ส่งผลกับดวงเมือง คือ ดาวมฤตยู ทับลัคนาดวงเมือง ในราศีเมษไปอีกเกือบ 7 ปี ดาวพฤหัส ตกอยู่ในภพอริ ราศีกันย์ ดาวเสาร์ อยู่ที่ราศีพิจิกเป็นภพมรณะดวงเมือง ดาว 3 ดวงทำมุมเป็น 3 เหลี่ยมหักศอก เมื่อดวงจันทร์เข้ามาใกล้มากจะเร่งปฏิกิริยาให้ดาว 3 ดวง มีความแรงเป็น 100 เท่า

ทั้งนี้จะส่งผลกับการเมือง เศรษฐกิจ โดยเฉพาะภัยพิบัติ จะเกิดแผ่นดินไหว สึนามิ น้ำท่วมใหญ่ ฝนตกติดต่อกันหลายวันโดยไม่หยุด จะเกิดข้าวยากหมากแพง เศรษฐกิจฝืดเคือง ต้องระวังการเกิดความเข้าใจผิด ความไม่พอใจ จะเกิดการแบ่งสีชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง ผู้คนจะใจร้อน ผู้นำบ้านเมืองต้องอดทนอดกลั้นมากกว่าทุกครั้งที่เคยทำ เพราะหลังจากวันที่ 14 พ.ย. จะเริ่มมีเหตุร้อนๆ ทางการเมืองทุกวัน ส่วนปีหน้าให้ระวังสงครามใหญ่ ที่อาจจะกลายเป็นสงครามโลก

ด้าน นายทศพร ศรีตุลา หรือ “หมอช้าง” หมอดูชื่อดัง กล่าวว่า วันจันทร์ที่ 14 พ.ย. ดวงจันทร์โคจรเข้าราศีพฤษภ มีตำแหน่งเป็นมหาอุจเล็งกับดาวเสาร์ เป็นมหาอุจและเป็นซุปเปอร์มูน ใกล้โลกมากที่สุดในรอบ 68 ปี มี 3 เหตุการณ์ตรงกัน คือ เป็นวันจันทร์ อยู่ในตำแหน่งมหาอุจ และเป็นซุปเปอร์มูน ที่ไม่ใช่ซุปเปอร์มูนปกติ จึงค่อนข้างแรง

ที่ผ่านมาเคยเกิดซุปเปอร์มูนลักษณะนี้ แม้ไม่ใหญ่เท่านี้ ประเทศญี่ปุ่นได้เกิดสึนามิครั้งใหญ่ เพราะพระจันทร์มีผลกับน้ำโดยตรง อิทธิพลยังจะส่งผลกระทบกับบ้านเมืองและผู้คน ต้องระวังภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหว โดยเฉพาะเกิดตรงกับวันลอยกระทง จึงต้องระมัดระวัง ลอยกระทงปีนี้จะแรงเป็นพิเศษ

ในส่วนของรายบุคคล ให้ระวังด้านอารมณ์แปรปรวน จะหงุดหงิดใจร้อน เกิดความวู่วามง่ายขึ้น แนะนำให้สวดมนต์ไหว้พระ ด้วยบทสวดยันทุนนิมิตตัง ซึ่งเป็นบทสวดแก้เคล็ดเปลี่ยนร้ายกลายเป็นดี ทำจิตใจให้สงบเยือกเย็นลง บูชาพระด้วยดอกไม้สีขาว หรือสีเหลือง ซึ่งเป็นสีของดวงจันทร์ จะช่วยผ่อนหนักเป็นเบา

เครดิตจาก ไทยรัฐ ออนไลน์ ขอบคุณครับ



:) :D เป็นอย่างไรบ้างกับ Super Moon ผมอยู่ที่ภูแสงจันทร์(เชียงราย) ตามประเพณีนิยมของคนภาคเหนือ วันลอยกระทงเราจะมีการจุดเทียน(ผางประทีป) รอบบ้านของเราเพื่อเป็นการบูชาเทพเทวา และขออภัยต่อพระแม่คงคาก่อนที่จะไปลอยกระทง เมื่อคืนนี้เป็น ๒ เรื่องติดต่อกัน ทั้งSuper Moon และลอยกระทง ที่ภูแสงจันทร์เราก็ทำตามประเพณี และถือโอกาสถวายความรำลึกถึง "พ่อหลวงในดวงใจ" ของเราด้วยครับ :) :D

รูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพ

:o :o จากภูแสงจันทร์คราวนี้เรามาชม super moon ที่เขาพากันไปถ่ายภาพเก็บไว้เป็นท้องฟ้าเหนือพระราชวัง สวยสดงดงามจริง ๆ ครับ :) :D

รูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพ

:shock: :shock: ผมเป็นคนที่หนักแน่นใน พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ มีความรุ้สึกเฉย ๆ แต่ในความคิดผมชักจะคล้อยตามคำหมอดู เพราะนิสัยคคนไทย ลืมง่าย อาฆาต จองเวร สังเกตุนะครับ ในยามที่เราต้องสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ประชาชนทั้งประเทศแสดงความรักสมัคสมานสามัคคี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน แต่ก็ยังมีคน ๒ กลุ่มที่ยังคงจ้องจะเข้าห้ำหั่นกัน (รอเวลา) ยุยง เสียดสี ด้วยถ้อยคำวาจาอยู่ตลอดเวลา กระแหนะกระแหนเมือ่เห็นฝ่ายหนึ่งทำดี โจมตีเมื่อพลาดพลั้ง จิตของการให้ อภัย หรือ อโหสิกรรมให้แก่กันและกันไม่มีเลย ต่างกับประเทศที่เขาเจริญทางด้านจิตใจเช่น อเมริกา หลังเลือกตั้งประชาชนบางกลุ่มแสดงความไม่พอใจ แต่ฝ่ายที่แพ้การเลือกตั้งก็รีบออกมาปรามและขอร้องพร้อมบอกว่า "ขอให้โอกาสเขาทำงานก่อน" เรียกว่าเขามีความอดทนสูงมาก

เราในฐานะเจ้าของประเทศ(ไม่ใช่ขี้ข้าของบุคคล ๒ กลุ่มดังกล่าว) ขอให้ไตร่ตรองกันนะครับว่า เราจะพลิกคำทำนายจากร้ายให้กลายเป็นดี โดยเรามาร่วมรักสามัคคีเหมือนที่พวกเรากำลังทำเพื่อ "พ่อหลวง" ของเรา อย่าไปเป็นเครื่องมือของใครครับ มาเดินหน้าประเทศไทยกันต่อดีกว่าครับ(ปล่อยพวกมัน บ้า ของมันเถอะ)
.
:lol: :lol:
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

ลอยกระทง

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D เนื่องในวันนี้ 14 พฤศจิกายน 2559 ตรงกับเทศกาลวันลอยกระทง ซึ่งเป็นประเพณีที่มีมาตั้งแต่โบราณของไทย เพื่อเป็นการขอขมาพระแม่คงคาและเพื่อเป็นการอนุรักษ์ประเพณีที่ดีงามของไทยสืบต่อไป อย่างไรก็ตามในทุกๆปีประชาชนชาวไทยมักจะได้เห็นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯลงมาด้านล่างบริเวณท่าน้ำศิริราช และโปรดเกล้าฯผู้แทนพระองค์ อัญเชิญพระประทีปไปลอยที่ท่าน้ำศิริราช อยู่เป็นประจำทุกปี

รูปภาพ คนโชคดี


อนึ่งย้อนกลับไปเมื่อปี 6 พฤศจิกายน 2557 เวลา 18.11 น. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้โปรดเกล้าฯผู้แทนพระองค์ อัญเชิญพระประทีปไปลอยที่ท่าน้ำศิริราช ซึ่งพระประทีปดังกล่าว เป็นแบบดอกไม้สดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 15 นิ้ว ทำจากกาบต้นพลับพลึงสีขาวนวล จับจีบเป็นรูปกลีบดอกบัวหาย ซ้อนลดหลั่นลงมา 6 ชั้น โดยด้านบนของกระทงเป็นพุ่มเครื่องทองน้อย ที่ทำจากดอกไม้สด เช่นดอกดาวเรือง ดอกบานไม่รู้โรย และดอกกระดุม โดยพระประทีปของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจะเป็นสีเหลือง ซึ่งเป็นสีตามวันพระราชสมภพ ส่วนของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นสีฟ้า
ต่อมาเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2557 ขณะที่นางภัสรา โตมั่นคง เจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความสะอาด สำนักสิ่งแวดล้อม กทม. กำลังดำเนินการเก็บกระทงที่ลอยอยู่เต็มแม่น้ำนั้น ได้สามารถเก็บพระประทีปของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้ในแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งพระประทีปนั้นลอยไม่ไกลจากโรงพยาบาลศิริราชมากนัก เมื่อเก็บพระประทีปของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้จึงดีใจมากและสร้างความปลื้มปิติให้แก่ตนเองและครอบครัวอย่างยิ่ง ทั้งนี้จะนำพระประทีปไปเก็บรักษาไว้เคารพบูชาต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก : pr_bangkok ,up2youha เรียบเรียงโดย รัตติยา ทีมข่าวภูมิภาคทีนิวส์


:) :D อรุณสวัสดิ์ครับ ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพทุกท่าน ลอยกระทงปีนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ หวังว่าคงลอยทุกข์ลอยโศรกไปกับพระแม่คงคา ขอความสุข สดชื่น สมหวัง กลับคืนมาสู่ชีวิตกันต่อไปนะครับ ช่วงนี้ภาพประทับใจของพ่อหลวงเรา ได้ถูกนำมาเผยแพร่ให้ได้ชมกันมากมาย สำหรับในวันลอยกระทงปีนี้เช่นกัน ภาพเก่า ๆ ที่พระองค์ท่านทรงสืบสานประเพณี วัฒนธรรมอันดีงามเป็นแบบอย่างให้คนไทยได้ประพฤติปฏิบัติตามจารีตประเพณี และจากนี้ต่อไปภาพเหล่านี้จะเลือนหายไปตามกาลเวลา เรามาชื่นชมกันกับพระจริยวัตรอันงดงามของพระองค์ท่านกับประเพณีลอยกระทงกันครับ :) :D

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ




รูปภาพ
:) :) รูปภาพ :D :D
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

เศรษฐกิจพอเพียง

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

รูปภาพ

รูปภาพ แถลงการณ์สำนักพระราชวัง สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พระปรอทลดลง

คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้รายงานว่า เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ มีพระปรอท (ไข้) สูง แต่ทรงรู้พระองค์ดี ผลการตรวจพระโลหิต พบว่าระดับเม็ดพระโลหิตขาวสูงขึ้น บ่งว่ามีการอักเสบ คณะแพทย์ ฯ จึงได้กราบบังคมทูลเชิญเสด็จ ฯ ไปประทับ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ผลการตรวจทางรังสีวิทยา พบมีการอักเสบของพระปัปผาสะ (ปอด) คณะแพทย์จึงถวายพระโอสถปฏิชีวนะ

ในวันนี้ พระปรอทลดลง หายพระทัยได้ดี เสวยพระกระยาหารได้ดี คณะแพทย์ฯ จะได้ถวายการรักษาด้วยพระโอสถปฏิชีวนะอีกระยะหนึ่ง และถวายการรักษาทางเวชศาสตร์ฟื้นฟูต่อไป

จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน สำนักพระราชวัง ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙


:lol: :lol: “...ฉันพูดเศรษฐกิจพอเพียงความหมายคือ ทำอะไรให้เหมาะสมกับฐานะของตัวเอง คือทำจากรายได้ ๒๐๐-๓๐๐ บาท ขึ้นไปเป็นสองหมื่น สามหมื่นบาท คนชอบเอาคำพูดของฉัน เศรษฐกิจพอเพียงไปพูดกันเลอะเทอะ เศรษฐกิจพอเพียง คือทำเป็น Self-Sufficiency มันไม่ใช่ความหมายไม่ใช่แบบที่ฉันคิด ที่ฉันคิดคือเป็น Self-Sufficiency of Economy เช่น ถ้าเขาต้องการดูทีวี ก็ควรให้เขามีดู ไม่ใช่ไปจำกัดเขาไม่ให้ซื้อทีวีดู เขาต้องการดูเพื่อความสนุกสนาน ในหมู่บ้านไกลๆ ที่ฉันไป เขามีทีวีดูแต่ใช้แบตเตอรี่ เขาไม่มีไฟฟ้า แต่ถ้า Sufficiency นั้น มีทีวีเขาฟุ่มเฟือย เปรียบเสมือนคนไม่มีสตางค์ไปตัดสูทใส่ และยังใส่เนคไทเวอร์ซาเช่ อันนี้ก็เกินไป...”

พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล
๑๗ มกราคม ๒๕๔๔


ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง จึงประกอบด้วยคุณสมบัติ ดังนี้
๑. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ
๒. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้นๆ อย่างรอบคอบ
๓. ภูมิคุ้มกัน หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต

โดยมี เงื่อนไข ของการตัดสินใจและดำเนินกิจกรรมต่างๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียง ๒ ประการ ดังนี้
๑. เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวังในการปฏิบัติ
๒. เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วย มีความตระหนักใน คุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต



:) :D มาฟังเด็กรุ่นใหม่ที่เขาเข้าใจและสามารถอธิบายแบบง่าย ๆ ให้เราฟัง ฟังให้จบนะ :lol: :lol:


http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

ซ้อมใหญ่

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

[youtube]=vs9LL8WJRU0&t=826s[/youtube]

https://www.youtube.com/watch?v=vs9LL8WJRU0&t=826s

:) :D ฟังจบแล้วทำให้สบายใจมาก ๆ เราจะได้มีความสุขกันเสียที ประเทศเราระทมทุกข์กันมานานกับการทะเลาะเบาะแว้ง แย่งชิงอำนาจแบบไร้สาระ ผู้ใหญ่ทำตัวเป็นเด็กไม่มีการอลุ้มอล่วย ให้อภัยซึ่งกันและกันที่สำคัญ "ไม่ได้เห็นแก่ประเทศชาติเลย ไม่ว่าฝ่ายไหน"

ช่วงปี ๒๕๕๙ ผมและคุณนายก็ไม่มีโอกาสออกปั่นไปไหนไกล ๆ เหมือนที่เคยทำเพราะเราก็มีภารกิจในการดูแลคนป่วย น้องสาวของเราที่ป่วยเป็นมะเร็ง ขณะนี้อาการดีขึ้นมาก ๆ ก็อยากจะบอกว่าอานิสงค์ของการมาปั่นจักรยานนั่นแหละ คือหลังจากที่ผ่าตัดพอค่อยยังชั่ว เราก็พาออกปั่น เบา เบา แถว ๆ บริเวณรอบบ้านยืดยาวไปเรื่อย ๆ จนเป็น ๑๐ - ๒๐ - ๓๐ กม.ร่างกายแข็งแรงขึ้นรวดเร็ว สุดท้ายเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้ หมอยืดเวลาพบหมอไปอีก ๓ เดือน และบอกว่าอาการดีขึ้นมาก ถ้าผ่าน ๒ ปีก็จะวินิจฉัย

เมื่อหมอให้สัญญาณที่ดี เราก็มีพอเวลาจึงได้ออกซ้อมกันใหญ่กันบ้างเพื่อเตรียมตัว "ปั่นทั่วไทย" ในเร็ว ๆ นี้ ทริปแรกเป็นการวัดความแข็งแกร่ง วันเดียวไปกลับในระยะทางร้อยกว่ากิโล ก็สามารถทำได้ และครั้งที่ ๒ เป็นการแรมคืน ๒ คืน ๓ วัน ในเส้นทางทาง โหด พอสมควร ก็สามารถผ่านได้ สรุปว่าจักรยานเข้าสู่กระแสเลือดแล้ว แม้จะขาดการฝึกซ้อมไปบ้างแต่เมื่อถึงเวลาเราก็สามารถออกรอบตลุยไปได้ :) :D


ครั้งที่ ๑ เอาระยะทาง

รูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพ

:) :D ครั้งที่ ๒ เป้าหมายนี้ไปนอน ๒ คืน โหด มันส์ ฮา ครับ :) :D

รูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพ

:) :D วันจริงคงไม่นานนี้แน่นอน เป้าหมาย "ทั่วไทยไปกับจักรยาน" ต้องรอดูสถานการณ์ก่อนครับ :) :D

รูปภาพ
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

หนาวแล้วเชียงราย

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

รูปภาพที่ภูแสงจันทร์ ได้เห็นปรากฏการณ์ท้องฟ้าแปลกตาคือ เมฆฟุ้งกระจายบางส่วนก็พาดผ่านท้องฟ้า ยืนสังเกตุเป็นนานจนอดไม่ไหวขอเก็บภาพมาเล่าสู่กันฟัง แต่ไหนแต่ไรคนโบราณ(พ่อ-แม่)เคยเล่าให้ฟังว่าถ้าเห็นท้องฟ้าปรากฏการณ์เช่นที่ว่า ระวังไว้ปีนี้จะหนาวหนัก สมัยเป็นเด็กบอกได้เลยครับอากาศภาคเหนือหนาวมาก ๆ ครับ ผมกับพี่สาวต้องนั่งผิงไฟทุกเช้าเสมอ ๆ ครอบครัวเราไม่ถึงกับยากจนนักแต่ก็ไม่ร่ำรวยพอที่จะหาเสื้อผ้าสวย ๆ หนา ๆ ใส่ กองไฟจึงดีที่สุดให้ความอบอุ่นได้ดี :lol: :lol:

รูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพ

รูปภาพรูปภาพรูปภาพและเช้าวันนี้ที่ภูแสงจันทร์อุณภูมิ์ที่ ๑๔ องศาเซลเซียส เรียกว่าเย็น ๆ ครับ แต่ถ้าคนภาคอื่นก็เรียกว่าหนาวทีเดียว หนาวนี้ภาคเหนือน่าท่องเที่ยวมาก ๆ นะครับ ใครที่มีเวลาโปรดให้การสนับสนุนภาครัฐบาลที่รณรงค์เชิญชวนให้หันมาท่องเที่ยวเมืองไทย เชียงใหม่-เชียงราย ยินดีต้อนรับ เรามีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่สุดจะประทับใจ ยิ่งเดินทางด้วยจักรยานยิ่งมีความสุข หาเวลาให้กำไรกับชีวิตมาฝึกใช้ชีวิตแบบ Slow Life ท่านจะได้สัจธรรมนำมาสอนใจให้ชีวิตเต็มเปี่ยมกับคำว่า "มนุษย์" เรียนเชิญกันนะครับ :) :D

:shock: :shock:
อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 14-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 7-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ออกประกาศ 10 ธันวาคม 2559 05:00 น


คาดหมาย : ในช่วงวันที่ 10-14 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 15-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม. /ชม. ในวันที่ 15 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 14-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 7-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

รูปภาพรูปภาพ
ภาพสองภาพที่แพร่หลายในโซเชียลมีเดีย เห็นแล้วทำให้นึกถึงชีวิตเมื่อวัยเด็กที่เล่าให้ฟัง แต่วันนี้เวลานี้ครอบครัวผมมีความสุขกว่าเมื่อวัยเด็ก ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อันเนื่องมาจาก การที่ผมสามารถหันหลังให้กับอบายมุขได้ทั้งหมดทั้งสิ้น ขอย้อนหลังไปในอดีตที่หลังจากเรียนจบและเข้าทำงาน ผมเกเรมาก ๆ ถึงขั้นเกือบถูกไล่ออกจากราชการ โชคดีเป็นของผมที่สมัยเด็ก ๆ ครอบครัวยังไม่ร่ำรวยคุณแม่เป็นคนธรรมะมาก ทุกวันพระคุณแม่จะพาผมกับพี่สาวไปวัดเสมอ ๆ สุดท้ายเมื่ออยู่ชั้น ป.๓ - ๔ ผมก็ได้ไปเป็นเด็กวัดอยู่วัดมาตลอดได้ถูกพระอาจารย์เคี่ยวเข็ญให้เรียนสวดมนต์ ฝึกนั่งภาวนาท่านสอนเรื่องบาปบุญคุณโทษเยอะครับ จนจบชั้น ป.๔ ผมอยากจะบวชแต่พ่อส่งเข้าไปเรียนใน อ.เมืองเชียงใหม่ ก็เริ่มห่างวัดคบเพื่อนใหม่เจอะเจอหลาย ๆ รูปแบบ ส่วนใหญ่แล้วคนรวย ๆ ทั้งนั้น

อาจจะด้วยวิบากกรรมที่ตามมาแต่อดีตชาติก็ไม่ว่ากัน แต่กรรมปัจจุบันนี่มันยิ่งรุนแรงร้ายกาจมากกว่า ช่วงรับราชการต้องเข้าสู่สนามรบการเข่นฆ่าถือเป็นเรื่องธรรมดา เราไม่ฆ่าเขาเขาก็ฆ่าเรา ตชด.เป็นชีวิตที่แสนจะรันทดมาก ๆ อยู่ฐานกันแค่ไม่เกิน ๑๐ กว่าคน ตกอยู่ในวงล้อมของข้าศึกตลอดเวลา ช่วงนั้นใครตายก่อนถือว่าโชคดีใครไม่ตายก็เตรียมตัวไม่วันใดก็วันหนึ่ง ช่วงนั้นถ้ามองย้อนอดีตก็สุด ๆ ของความห่างจากศีลธรรม สุรายาเมาคือเพื่อน นารีพาชีกีฬาบัตรคือความสนุกสนาน ผมเลวร้ายนับสิบ ๆ ปี จวบจนเจอพระอริยเจ้าท่านได้เมตตาช่วยมาดึงผมขึ้นจากนรกได้ จนกระทั่งกล้าประกาศตัวเองเกิดใหม่อีกครั้งเมื่อ ๑ มกราคม ๒๕๓๒ โดย เลิก ละอบายมุขทั้งหมดทั้งสิ้น หันหน้าเดินทางธรรมอย่างเร่งรีบ วิบากกรรมตามมาทวงคืนติด ๆ แทบเลือดตากระเด็น วันนี้เวลานี้ผมถือได้ว่าวิ่งหนีวิบากกรรมจนถึงที่สุด ประธานเอ็มเจไบค์(คุณเมธา) เป็นส่วนหนึ่งที่จุดประกายให้ผมได้สร้างผลบุญอันยิ่งใหญ่สร้างหนังสือเล่มใหญ่ได้สำเร็จ และสามารถทำให้ผมได้ทำตามคำสอนของครูบาอาจารย์ ที่ว่าให้นำธรรมะมาเผยแพร่เพื่อร่ำร้องให้ศีลธรรมกลับมาก่อนโลกาจะวินาศ นับได้เกือบ ๖ ปีที่บางส่วนของธรรมะได้ปรากฏในกระทู้ของ เอ็มเจไบค์ นี้ ขอบคุณ คุณ เมธา ครับ

บุญใดที่ผมสร้างไว้ ณ จุดนี้ก็ขออุทิศมอบให้กับทุกท่านให้อยู่เย็นเป็นสุขกันถ้วนหน้า และเรียนเชิญให้หาเวลามาใช้ชีวิตแบบ Slow Life (มาปั่นจักรยานทางไกล)ปฏิบัติธรรมไปด้วยแล้วท่านจะพบกับสิ่งมหัศจรรย์เหมือนที่ผมได้เล่าให้ฟัง :) :D


:idea: :idea: “กมฺมุนา วตฺตติ โลโก กมฺมุนา วตฺตติ ปชา กมฺมนิ พนฺธนา สตฺตา รถสฺสาณีว ยายโต”

“โลกย่อมเป็นไปเพราะกรรมหมู่สัตว์ย่อมเป็นไปเพราะกรรมสัตว์ทั้งหลายถูกผูกไว้ในกรรมเหมือนลิ่มสลักของรถที่กำลังแล่นไปฉะนั้น” คำกล่าวขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ สัตว์โลกทำสิ่งใดไว้สิ่งนั้นก็จะมีผลตามเสมอไม่ช้าก็เร็วเป็นดังกงกรรมกงเวียนวนอยู่เรื่อยเรื่อย

“กรรม” ตามหลักทางพระพุทธศาสนาก็คือการกระทำที่เกิดมาจากเหตุแห่งเจตนา และคำว่า “วิบาก”ผลที่เกิดขึ้นจากเหตุแห่งการกระทำกรรมนั้น เมื่อมีเหตุแห่งกรรมก็ต้องมีผลแห่งกรรมตามมาเช่นกันเพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นกรรมดี หรือ กรรมชั่วจะอยู่ติดตัวเราตลอดไป เพราะทั้งกรรมดีและกรรมชั่วจะคอยอยู่เคียงข้างเราไปตลอดโดยไม่แยกไปไหน แต่ก็ไม่มีวันที่กุศลจะล้างบาปออกไป

“ ดูก่อนปุณณะ กรรม ๔ ประการนี้… กรรมดำ มีวิบากดำมีอยู่ กรรมขาว มีวิบากขาว มีอยู่” กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาวมีอยู่ กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาวเป็นไปเพื่อความสิ้นกรรมมีอยู่” นั่นหมายถึงทั้งกรรมดำ กรรมขาวก็มีวิบากกรรมของตนเอง โดยสามารถแบ่งเป็นสองแบบได้คือ

กรรมดำ ก็คือแนวทางผลและการกระทำออกมาในด้านบวกร่วมถึงการเสนอตนเองให้กับผู้อื่นได้ชื่นชม
กรรมขาว เป็นแนวสองแนวทาง ทุกสิ่งในกรรมขาวล้วนมาจากการไม่เบียดเบียนผู้ใด ผลกระทำดังกล่าวทำให้ตนมีสุขและสังคมก็มีสุข
๓ กรรมทั้งดำทั้งขาว เป็นผลแห่งการกระทำที่มีทั้งเบียดเบียนและไม่เบียดเบียนบ้างทำให้ผลกรรมออกผลลัพธ์มากลางกลาง มีทั้งสุขและทุกข์ปนกันไป
๔ กรรมไม่ดำไม่ขาว เป็นกรรมของพระอรหันต์ผู้ซึ่งละแล้วด้วยกรรมทั้งปวง

วิบากกรรมนั้น ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว ไม่ว่าจะเป็นกุศลหรืออกุศล การฝึกฝนให้ข่มจิตใจละทิ้งวิบากกรรมในอดีตไม่ว่าชาติก่อนหน้าหรือชาตินี้ไม่ว่าผลอะไรจะเกิดตามมาก็ต้องรับมือให้จงได้เพราะเป็นสิ่งที่เราสร้างสะสมมา โดยมีส่วนประกอบมาจากเหตุและผลทั้งสิ้น ในเมื่อมีเหตุแห่งการกระทำย่อมมีผลลัพธ์แห่งการกระทำเช่นกัน

แต่เท่าที่หลายคนทราบและพอจะเข้าใจกับคำว่า “วิบากกรรม” นั้นก็คือการเจอแต่สิ่งร้ายร้ายสิ่งแย่ๆ ไม่ว่าจะเป็นความยากจน ตกงาน อุบัติเหตุซ้ำแล้วซ้ำเล่าอาจจะเกิดมาจากวิบากกรรมที่เคยสะสมมาหรือไม่นั้นไม่สำคัญ เพราะไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก มีเพียงกลับมามองที่ปลายทางว่าทำไมถึงเกิดเหตุนี้ และนำมาวิเคราะห์หาข้อแก้ไขจะดีกว่าทนทุกข์ทรมานกับการนั่งจมอยู่กับผลกรรมนั้น การที่ได้แก้ปัญหาที่เป็นเหตุแห่งกรรมอาจจะช่วยให้วิบากกรรมที่เจอค่อยค่อยคลายไปที่ละน้อยก็เป็นไปได้ :) :D


:) :D การแก้กรรมที่ดีที่สุดคือสร้างกุศล(ความดี)ด้วยบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ อันเริ่มแต่ ทาน ศีล ภาวนา ดังเช่นที่ผมได้กระทำมาโดยตลอด การไปรดน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์กับเกจิอาจารย์ แต่ตนเองไม่สร้าง กรรมดี เลย บอกได้คำเดียวว่า "เปล่าประโยชน์ครับ" จงสร้างแต่กรรมดีเพื่อหนีวิบากกรรม และเป็นทุนหนุนนำอนาคต อย่าไปหลงงมงายกับการสะเดาะเคราะห์แก้กรรมแบบคนปัญญาอ่อนกันเลยดีกว่าครับ ผิดพลาดกราบอภัยครับ :) :D
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4352
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

พระโฆษาจารย์

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

ฟังข้อคิดจากสุดยอดนักปราชญ์ในปัจจุบัน สาธุ สาธุ สาธุ
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
ตอบกลับ

กลับไปยัง “เอ็ม.เจ.ไบค์-นครปฐม”