รายงานทริป เชียงใหม่ - อรัญประเทศ - ปอยเปต - เสียมราฐ - นครวัด- นครธม
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 846
- ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2008, 16:09
- Tel: 029220957
- team: กลุ่มรวมมิตร
- Bike: ทัวร์ริ่ง
- ติดต่อ:
Re: รายงานทริป เชียงใหม่ - อรัญประเทศ - ปอยเปต - เสียมราฐ - นครวัด- นครธม
สวัสดี พี่หนูเบนท์ พี่เสือเมืองหนาว คุณหนึ่งอรัญไบค์
ตามลายแท่งมาค่ะ ...
มองหาทองอยู่นะคะ
ตามลายแท่งมาค่ะ ...
มองหาทองอยู่นะคะ
- หนูเบนท์
- ขาประจำ
- โพสต์: 1773
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 08:27
- team: ชมรมจักรยานวันอาทิตย์ เชียงใหม่
- Bike: Jamis Dragon
- ติดต่อ:
Re: รายงานทริป เชียงใหม่ - อรัญประเทศ - ปอยเปต - เสียมราฐ - นครวัด- นครธม
ปั่นไปตามถนนที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้ได้แป๊บหนึ่งก็ถึง บริเวณที่จำหน่ายตั๋วเข้าชม Angkor (เมืองพระนคร)
ราคาค่าเข้าชม แบบดูวันเดียว 20 ดอลล่า แบบดูสัปดาห์ 40 ดอลล่า และทุกคนต้องเข้าไปถ่ายรูป เพื่อติดบัตร
เข้าชม น่าจะกันการเวียนตั๋วให้คนอื่นไปชมแทน
ระหว่างรอ ก็ขอถ่ายรูปกับเจ้าหน้าที่ ที่อำนวยการถ่ายรูป รับเงิน แจกบัตร
ราคาค่าเข้าชม แบบดูวันเดียว 20 ดอลล่า แบบดูสัปดาห์ 40 ดอลล่า และทุกคนต้องเข้าไปถ่ายรูป เพื่อติดบัตร
เข้าชม น่าจะกันการเวียนตั๋วให้คนอื่นไปชมแทน
ระหว่างรอ ก็ขอถ่ายรูปกับเจ้าหน้าที่ ที่อำนวยการถ่ายรูป รับเงิน แจกบัตร
- หนูเบนท์
- ขาประจำ
- โพสต์: 1773
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 08:27
- team: ชมรมจักรยานวันอาทิตย์ เชียงใหม่
- Bike: Jamis Dragon
- ติดต่อ:
Re: รายงานทริป เชียงใหม่ - อรัญประเทศ - ปอยเปต - เสียมราฐ - นครวัด- นครธม
สวัสดีกะปิkapi เขียน:สวัสดี พี่หนูเบนท์ พี่เสือเมืองหนาว คุณหนึ่งอรัญไบค์
ตามลายแท่งมาค่ะ ...
มองหาทองอยู่นะคะ
เด๋วจะถึง นครวัด และต่อไปนครธม ที่ห่างกันเพียง 1.5 กม. รอแป๊บนะ..
- หนูเบนท์
- ขาประจำ
- โพสต์: 1773
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 08:27
- team: ชมรมจักรยานวันอาทิตย์ เชียงใหม่
- Bike: Jamis Dragon
- ติดต่อ:
Re: รายงานทริป เชียงใหม่ - อรัญประเทศ - ปอยเปต - เสียมราฐ - นครวัด- นครธม
เรียงแถวเข้าไปถ่ายรูปแล้ว รอแป๊บเดียวก็จะได้บัตรเข้าชมที่มีรูปเราติดอยู่ออกมาแจกจ่ายกัน
เราปั่นออกไปผ่านการตรวจบัตรแล้วปั่นกันไป โดยไม่ต้องกลัวหลง เพราะคนเยอะมากทั้งรถยนต์ รถบัส
รถจักรยาน รถจักรยานยนต์พ่วงรับจ้าง
ปั่นๆ ไปจนชนกับสระน้ำขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบ นครวัด เราเลี้ยวซ้ายตามรถอื่นๆ ไปทางเข้าด้านหน้า
เราปั่นออกไปผ่านการตรวจบัตรแล้วปั่นกันไป โดยไม่ต้องกลัวหลง เพราะคนเยอะมากทั้งรถยนต์ รถบัส
รถจักรยาน รถจักรยานยนต์พ่วงรับจ้าง
ปั่นๆ ไปจนชนกับสระน้ำขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบ นครวัด เราเลี้ยวซ้ายตามรถอื่นๆ ไปทางเข้าด้านหน้า
- หนูเบนท์
- ขาประจำ
- โพสต์: 1773
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 08:27
- team: ชมรมจักรยานวันอาทิตย์ เชียงใหม่
- Bike: Jamis Dragon
- ติดต่อ:
Re: รายงานทริป เชียงใหม่ - อรัญประเทศ - ปอยเปต - เสียมราฐ - นครวัด- นครธม
- หนูเบนท์
- ขาประจำ
- โพสต์: 1773
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 08:27
- team: ชมรมจักรยานวันอาทิตย์ เชียงใหม่
- Bike: Jamis Dragon
- ติดต่อ:
Re: รายงานทริป เชียงใหม่ - อรัญประเทศ - ปอยเปต - เสียมราฐ - นครวัด- นครธม
- หนูเบนท์
- ขาประจำ
- โพสต์: 1773
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 08:27
- team: ชมรมจักรยานวันอาทิตย์ เชียงใหม่
- Bike: Jamis Dragon
- ติดต่อ:
Re: รายงานทริป เชียงใหม่ - อรัญประเทศ - ปอยเปต - เสียมราฐ - นครวัด- นครธม
ชมภาพสดๆ มาแล้ว มาฟังประวัติ และที่มาของนครวัดหน่อยเน้อ...
..."นครวัด
ผู้สร้าง : พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2
ศิลปะ : นครวัด
:
ความยิ่งใหญ่อลังการของปราสาท นครวัด นั้น ไม่ได้มาจากเพียงแค่ขนาดอันใหญ่โตมโหฬาร ของตัวปราสาทเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประวัติศาสตร์ และตำนานที่ซ่อนตัวภายในด้วย
การเที่ยวนครวัด ควรที่จะมีข้อมูลกันก่อนครับ ว่าภาพแกะสลักแต่ละภาพมีความเป็นมาอย่างไร
มีตำนานไหนที่เกี่ยวข้องบ้าง อย่างเช่น ภาพสลักราหูอมจันทร์ ซึ่งไปเกี่ยวเนื่องกับ ตำนานการกวนเกษียรสมุทร ที่จะทำให้รู้ว่า ทำไมราหูซึ่งร่างกายขาดเป็นสองท่อนแล้วถึงยังไม่ตาย ทำไมถึงได้เคียดแค้น พระอาทิตย์ กับพระจันทร์ จนถึงกับต้องจับกินทุกครั้งที่พบกัน
การเที่ยวปราสาทต่าง ๆ ในนครวัดนั้น จะสนุกสนาน ทำให้เรารู้สึกว่านครวัดนั้นมีคุณค่า่ จากเรื่องราวที่อยู่ภายในเหล่านี้ มากกว่าเป็นแค่กองหินขนาดใหญ่ ซึ่งนำมาซ้อนกัน อย่างที่ี่เทคโนโลยี ปัจจุบันสามารถสร้างให้แล้วเสร็จในเวลาแค่ไม่กี่ปี
..."นครวัด
ผู้สร้าง : พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2
ศิลปะ : นครวัด
:
ความยิ่งใหญ่อลังการของปราสาท นครวัด นั้น ไม่ได้มาจากเพียงแค่ขนาดอันใหญ่โตมโหฬาร ของตัวปราสาทเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประวัติศาสตร์ และตำนานที่ซ่อนตัวภายในด้วย
การเที่ยวนครวัด ควรที่จะมีข้อมูลกันก่อนครับ ว่าภาพแกะสลักแต่ละภาพมีความเป็นมาอย่างไร
มีตำนานไหนที่เกี่ยวข้องบ้าง อย่างเช่น ภาพสลักราหูอมจันทร์ ซึ่งไปเกี่ยวเนื่องกับ ตำนานการกวนเกษียรสมุทร ที่จะทำให้รู้ว่า ทำไมราหูซึ่งร่างกายขาดเป็นสองท่อนแล้วถึงยังไม่ตาย ทำไมถึงได้เคียดแค้น พระอาทิตย์ กับพระจันทร์ จนถึงกับต้องจับกินทุกครั้งที่พบกัน
การเที่ยวปราสาทต่าง ๆ ในนครวัดนั้น จะสนุกสนาน ทำให้เรารู้สึกว่านครวัดนั้นมีคุณค่า่ จากเรื่องราวที่อยู่ภายในเหล่านี้ มากกว่าเป็นแค่กองหินขนาดใหญ่ ซึ่งนำมาซ้อนกัน อย่างที่ี่เทคโนโลยี ปัจจุบันสามารถสร้างให้แล้วเสร็จในเวลาแค่ไม่กี่ปี
- หนูเบนท์
- ขาประจำ
- โพสต์: 1773
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 08:27
- team: ชมรมจักรยานวันอาทิตย์ เชียงใหม่
- Bike: Jamis Dragon
- ติดต่อ:
Re: รายงานทริป เชียงใหม่ - อรัญประเทศ - ปอยเปต - เสียมราฐ - นครวัด- นครธม
ประวัติ :
นครวัด สร้างขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในรัชสมัย พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ซึ่งครองราชย์อยู่ในช่วง พ.ศ. 1650-1693 ซึ่งขณะนั้นศาสนาพราหมณ์ นิกายไวษณพนิกาย (นับถือ พระวิษณุเป็นใหญ่) กำลัง รุ่งเรืองอยู่ในอาณาจักรขอม พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 จึงโปรดให้สร้างนครวัด เพื่อบูชาพระวิษณุ และนอกจากนั้นแล้ว ก็เพื่อให้เป็นที่ เก็บพระศพของพระองค์ เมื่อยามสิ้นพระชนม์แล้วด้วย ดังนั้น นครวัด จึงแตกต่างกับปราสาทอื่นๆ ตรงที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นทิศของผู้ตาย แทนทิศตะวันออก
ตามธรรมเนียมของขอม
จะมีการตั้งพระนามใหม่ ถวายกับกษัตริย์ที่สิ้นพระชนม์แล้ว พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 นั้นมีพระนามหลังสิ้นพระชนม์ว่า "บรมวิษณุ" นครวัด จึงมีอีกชื่อว่า "บรมวิษณุมหาปราสาท"
ในการสร้างปราสาทนครวัด ต้องใช้หินปริมาตรหลายล้าน ลูกบาศก์เมตร ที่นำมา จากเทือกเขาพนมกุเลน ซึ่งอยู่ห่าง จากนครวัดกว่า 50 กม. โดยใช้ช้างนับพันเชือก ในการขนย้าย ใช้แรงงานนับแสนคนในการก่อสร้างตบแต่ง ใช้เวลา สร้างกว่า 30 ปี จนสิ้นรัชสมัยของ พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ก็ยังไม่แล้วเสร็จ
แม้จะมีการสร้างต่อในสมัย พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และสมัย นักองค์จันทร์ ถึงกระนั้น ก็ยังไม่เสร็จ สมบูรณ์ดี
นครวัดนั้น
ไม่ได้เป็นเพียงศาสนสถานเท่านั้น แต่ยังเป็นราชธานีของอาณาจักรขอมด้วย ภายในนครวัด จึงมีพื้นที่กว้างใหญ่มาก มีความยาวถึง 1.5 กม. และกว้าง 1.3 กม. รวมเป็นพื้นที่ประมาณ 1,219 ไร่ (2 ตารางกม.)
นครวัดถูกล้อมรอบด้วยบึงน้ำขนาดใหญ่ มีสะพานเชื่อมสู่ภายนอก เฉพาะประตูทิศตะวันตก และประตูทิศตะวันออกเท่านั้น
ขณะที่ พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ยังทรงพระชนม์
ชาวขอมยังคงนับถือศาสนาพราหมณ์ นิกายไวษณพนิกายศาสนาประจำชาติของอาณาจักรขอมนั้น สลับสับเปลี่ยนไปมา ระหว่าง ศาสนาพราหมณ์ นิกายไวษณพนิกาย, ศาสนาพราหมณ์ นิกายไศวนิกาย และศาสนาพุทธ ขึ้นอยู่กับว่า กษัตริย์ผู้ครองราชย์ขณะนั้น จะทรงนับถือศาสนาใด
เมื่อ นักองค์จันทร์ ทรงขึ้นครองราชย์
พระองค์ทรงนับถือศาสนาพุทธ เทวาลัยแห่งนี้จึงกลายเป็นวัด ในศาสนาพุทธ คำว่า "นอกอร์" นั้น หมายถึง นคร "นอกอร์วัด" ที่ชาวเขมรเรียก จึงหมายความว่า "นครวัด " นั่นเอง
เมื่อชาวฝรั่งเศสเข้ามาพบนครวัด
ได้เรียกชื่อของนครวัดเพี้ยนไปจาก "นอกอร์วัด" เป็น "อังกอร์วัด" และใช้มาว่า อังกอร์วัด มาจนทุกวันนี้ ".....
เข้าคิวเพื่อขึ้นไปชมยอดปราสาท ยอดนี้ห้ามกางเกง และกระโปร่งสั้น เสื้อแขนกุด ห้ามสวมหมวก ห้ามสวมแว่น อะไรทำนองนี้แหละ ห้ามขึ้น
นครวัด สร้างขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในรัชสมัย พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ซึ่งครองราชย์อยู่ในช่วง พ.ศ. 1650-1693 ซึ่งขณะนั้นศาสนาพราหมณ์ นิกายไวษณพนิกาย (นับถือ พระวิษณุเป็นใหญ่) กำลัง รุ่งเรืองอยู่ในอาณาจักรขอม พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 จึงโปรดให้สร้างนครวัด เพื่อบูชาพระวิษณุ และนอกจากนั้นแล้ว ก็เพื่อให้เป็นที่ เก็บพระศพของพระองค์ เมื่อยามสิ้นพระชนม์แล้วด้วย ดังนั้น นครวัด จึงแตกต่างกับปราสาทอื่นๆ ตรงที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นทิศของผู้ตาย แทนทิศตะวันออก
ตามธรรมเนียมของขอม
จะมีการตั้งพระนามใหม่ ถวายกับกษัตริย์ที่สิ้นพระชนม์แล้ว พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 นั้นมีพระนามหลังสิ้นพระชนม์ว่า "บรมวิษณุ" นครวัด จึงมีอีกชื่อว่า "บรมวิษณุมหาปราสาท"
ในการสร้างปราสาทนครวัด ต้องใช้หินปริมาตรหลายล้าน ลูกบาศก์เมตร ที่นำมา จากเทือกเขาพนมกุเลน ซึ่งอยู่ห่าง จากนครวัดกว่า 50 กม. โดยใช้ช้างนับพันเชือก ในการขนย้าย ใช้แรงงานนับแสนคนในการก่อสร้างตบแต่ง ใช้เวลา สร้างกว่า 30 ปี จนสิ้นรัชสมัยของ พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ก็ยังไม่แล้วเสร็จ
แม้จะมีการสร้างต่อในสมัย พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และสมัย นักองค์จันทร์ ถึงกระนั้น ก็ยังไม่เสร็จ สมบูรณ์ดี
นครวัดนั้น
ไม่ได้เป็นเพียงศาสนสถานเท่านั้น แต่ยังเป็นราชธานีของอาณาจักรขอมด้วย ภายในนครวัด จึงมีพื้นที่กว้างใหญ่มาก มีความยาวถึง 1.5 กม. และกว้าง 1.3 กม. รวมเป็นพื้นที่ประมาณ 1,219 ไร่ (2 ตารางกม.)
นครวัดถูกล้อมรอบด้วยบึงน้ำขนาดใหญ่ มีสะพานเชื่อมสู่ภายนอก เฉพาะประตูทิศตะวันตก และประตูทิศตะวันออกเท่านั้น
ขณะที่ พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ยังทรงพระชนม์
ชาวขอมยังคงนับถือศาสนาพราหมณ์ นิกายไวษณพนิกายศาสนาประจำชาติของอาณาจักรขอมนั้น สลับสับเปลี่ยนไปมา ระหว่าง ศาสนาพราหมณ์ นิกายไวษณพนิกาย, ศาสนาพราหมณ์ นิกายไศวนิกาย และศาสนาพุทธ ขึ้นอยู่กับว่า กษัตริย์ผู้ครองราชย์ขณะนั้น จะทรงนับถือศาสนาใด
เมื่อ นักองค์จันทร์ ทรงขึ้นครองราชย์
พระองค์ทรงนับถือศาสนาพุทธ เทวาลัยแห่งนี้จึงกลายเป็นวัด ในศาสนาพุทธ คำว่า "นอกอร์" นั้น หมายถึง นคร "นอกอร์วัด" ที่ชาวเขมรเรียก จึงหมายความว่า "นครวัด " นั่นเอง
เมื่อชาวฝรั่งเศสเข้ามาพบนครวัด
ได้เรียกชื่อของนครวัดเพี้ยนไปจาก "นอกอร์วัด" เป็น "อังกอร์วัด" และใช้มาว่า อังกอร์วัด มาจนทุกวันนี้ ".....
เข้าคิวเพื่อขึ้นไปชมยอดปราสาท ยอดนี้ห้ามกางเกง และกระโปร่งสั้น เสื้อแขนกุด ห้ามสวมหมวก ห้ามสวมแว่น อะไรทำนองนี้แหละ ห้ามขึ้น
- หนูเบนท์
- ขาประจำ
- โพสต์: 1773
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 08:27
- team: ชมรมจักรยานวันอาทิตย์ เชียงใหม่
- Bike: Jamis Dragon
- ติดต่อ:
- หนูเบนท์
- ขาประจำ
- โพสต์: 1773
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 08:27
- team: ชมรมจักรยานวันอาทิตย์ เชียงใหม่
- Bike: Jamis Dragon
- ติดต่อ:
- หนูเบนท์
- ขาประจำ
- โพสต์: 1773
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 08:27
- team: ชมรมจักรยานวันอาทิตย์ เชียงใหม่
- Bike: Jamis Dragon
- ติดต่อ:
Re: รายงานทริป เชียงใหม่ - อรัญประเทศ - ปอยเปต - เสียมราฐ - นครวัด- นครธม
- หนูเบนท์
- ขาประจำ
- โพสต์: 1773
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 08:27
- team: ชมรมจักรยานวันอาทิตย์ เชียงใหม่
- Bike: Jamis Dragon
- ติดต่อ:
- หนูเบนท์
- ขาประจำ
- โพสต์: 1773
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 08:27
- team: ชมรมจักรยานวันอาทิตย์ เชียงใหม่
- Bike: Jamis Dragon
- ติดต่อ:
Re: รายงานทริป เชียงใหม่ - อรัญประเทศ - ปอยเปต - เสียมราฐ - นครวัด- นครธม
- หนูเบนท์
- ขาประจำ
- โพสต์: 1773
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 08:27
- team: ชมรมจักรยานวันอาทิตย์ เชียงใหม่
- Bike: Jamis Dragon
- ติดต่อ:
Re: รายงานทริป เชียงใหม่ - อรัญประเทศ - ปอยเปต - เสียมราฐ - นครวัด- นครธม
เมื่อออกมาครบแล้ว ก็ปั่นต่อไปทางเหนือตามขอบบึงไปอีกประมาณ 1.5 กม.
ก็ถึงนครธม หรือปราสาทบายน
ปราสาทบายน เป็นปราสาทหินของอาณาจักรขอม อยู่ในบริเวณของใจกลางนครธม สร้างขึ้นเป็นวัดประจำสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7-8 ก่อสร้างในราวปี พ.ศ. 1200 ในช่วงราว 2 ศตวรรษ
นับเป็นศาสนสถานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีความซับซ้อนทั้งในแง่โครงสร้างและความหมาย เนื่องจากผ่านความเปลี่ยนแปลงด้านศาสนาและความเชื่อมาตั้งแต่คราวนับถือเทพเจ้าฮินดู และพุทธศาสนา อาคารมีลักษณะพิเศษ เนื่องจากส่วนของหอเป็นรูปหน้าหันสี่ทิศ จำนวน 49 หอ
ปัจจุบันคงเหลือเพียง 37 หอ ลักษณะโดยทั่วไปจะมี 4 หน้า 4 ทิศ แต่บางหออาจมี 3 หรือ 2 แต่บริเวณศูนย์กลางของกลุ่มอาคาร จะมีหลายหน้า ซึ่งนักท่องเที่ยวมักจะพยายามนับว่ามีกี่หน้า
ลักษณทางสถาปัตยกรรมของบายนก็เช่นเดียวกับเรื่องความเชื่อ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงมาในหลายๆ สมัย กษัตริย์ในยุคหลังๆ พบว่าเป็นการง่ายกว่าที่จะปรับปรุงวัดแห่งนี้ แทนที่จะรื้อสร้างใหม่เช่นที่ทำกัน และใช้เป็นวัดประจำสมัยต่อเนื่องกันมา
ก็ถึงนครธม หรือปราสาทบายน
ปราสาทบายน เป็นปราสาทหินของอาณาจักรขอม อยู่ในบริเวณของใจกลางนครธม สร้างขึ้นเป็นวัดประจำสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7-8 ก่อสร้างในราวปี พ.ศ. 1200 ในช่วงราว 2 ศตวรรษ
นับเป็นศาสนสถานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีความซับซ้อนทั้งในแง่โครงสร้างและความหมาย เนื่องจากผ่านความเปลี่ยนแปลงด้านศาสนาและความเชื่อมาตั้งแต่คราวนับถือเทพเจ้าฮินดู และพุทธศาสนา อาคารมีลักษณะพิเศษ เนื่องจากส่วนของหอเป็นรูปหน้าหันสี่ทิศ จำนวน 49 หอ
ปัจจุบันคงเหลือเพียง 37 หอ ลักษณะโดยทั่วไปจะมี 4 หน้า 4 ทิศ แต่บางหออาจมี 3 หรือ 2 แต่บริเวณศูนย์กลางของกลุ่มอาคาร จะมีหลายหน้า ซึ่งนักท่องเที่ยวมักจะพยายามนับว่ามีกี่หน้า
ลักษณทางสถาปัตยกรรมของบายนก็เช่นเดียวกับเรื่องความเชื่อ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงมาในหลายๆ สมัย กษัตริย์ในยุคหลังๆ พบว่าเป็นการง่ายกว่าที่จะปรับปรุงวัดแห่งนี้ แทนที่จะรื้อสร้างใหม่เช่นที่ทำกัน และใช้เป็นวัดประจำสมัยต่อเนื่องกันมา
- หนูเบนท์
- ขาประจำ
- โพสต์: 1773
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 08:27
- team: ชมรมจักรยานวันอาทิตย์ เชียงใหม่
- Bike: Jamis Dragon
- ติดต่อ:
Re: รายงานทริป เชียงใหม่ - อรัญประเทศ - ปอยเปต - เสียมราฐ - นครวัด- นครธม
ปราสาทบายน
สัณฐานของกลุ่มอาคารประกอบด้วยระเบียงคต (gallery) ล้อมรอบอยู่ 2 ชั้น เรียกว่าชั้นในและชั้นนอก ชั้นนอกจะสร้างก่อนชั้นใน ระเบียงจะมีเสาหินเรียงรายสองข้าง และมักมีรูปสลักนูนต่ำของนางอัปสรอยู่ รวมทั้งรูปสลักภาพประวัติความเป็นมาและสังคมในสมัยนั้น
เช่น การรบระหว่างขอมกับจาม เป็นต้นระเบียงชั้นนอกจะเข้าถึงที่ตั้งของบรรณาลัย หรือหอหนังสือ (Library) 2 จุด คือหอเหนือ และหอใต้ ส่วนระเบียงชั้นในซึ่งสร้างในยุคหลัง จะเห็นการเปลี่ยนแปลงรูปสลักจากรูปชีวิตประจำวัน เป็นรูปสลักทางศาสนามากขึ้น
สัณฐานของกลุ่มอาคารประกอบด้วยระเบียงคต (gallery) ล้อมรอบอยู่ 2 ชั้น เรียกว่าชั้นในและชั้นนอก ชั้นนอกจะสร้างก่อนชั้นใน ระเบียงจะมีเสาหินเรียงรายสองข้าง และมักมีรูปสลักนูนต่ำของนางอัปสรอยู่ รวมทั้งรูปสลักภาพประวัติความเป็นมาและสังคมในสมัยนั้น
เช่น การรบระหว่างขอมกับจาม เป็นต้นระเบียงชั้นนอกจะเข้าถึงที่ตั้งของบรรณาลัย หรือหอหนังสือ (Library) 2 จุด คือหอเหนือ และหอใต้ ส่วนระเบียงชั้นในซึ่งสร้างในยุคหลัง จะเห็นการเปลี่ยนแปลงรูปสลักจากรูปชีวิตประจำวัน เป็นรูปสลักทางศาสนามากขึ้น