***กลุ่มสากเหล็ก***
ผู้ดูแล: TheDeathMan
กฏการใช้บอร์ด
ชื่อชมรม Phichit Bike
ผู้ดูแล TheDeathMan / โทร 0846220237
ชื่อชมรม Phichit Bike
ผู้ดูแล TheDeathMan / โทร 0846220237
- hs6rpj
- ขาประจำ
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 21:12
- Tel: 0813790703
- Bike: trek
Re: ***กลุ่มสากเหล็ก***
เทคนิคการหายใจขณะขี่แข่งขันถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่จะนำไปสู่ชัยชนะในการแข่งขัน: ทำได้ดังนี้
1. ถ้าคุณหายใจไม่ทันขณะที่ปล่อยตัวออกไปอย่างรวดเร็ว คุณต้องฝึกการหายใจเข้า - ออกทุกๆ วันก่อนออกฝึกซ้อม
มีวิธีฝึกดังนี้
....1. ฝึกหายใจเข้าทางจมูกให้เต็มปอด และ เป่าลมออกทางปากจนหมดปอด จังหวะการหายใจให้หายใจลึกๆ ( ยาว ) ช้าๆก่อนทั้งเข้า - ออก
....2. ฝึกหายใจเข้า-ออกทั้งทางปากและจมูกพร้อมๆกัน จังหวะการหายใจเหมือนแบบที่ 1.
....3. รวมการหายใจแบบที่ 1+2 เข้าด้วยกันแต่เน้นจังหวะการหายใจที่หนักหน่วงแรงและเร็วเหมือนแข่งขันฯประมาณ 15-20 สะโตก( เข้า - ออก ) แล้วผ่อนการหายใจยาวๆเป็นแบบที่หนึ่งหรือสองจนกว่าจะรู้สึกว่าหายเหนื่อยดีแล้วก็ให้กลับมาเริ่มฝึกหายใจแบบที่สามอีก คือหนักหน่วงแรงและเร็ว ทำสลับกันอย่างนี้ใช้เวลาประมาณ 5 - 10 นาที แล้วก็ออกไปฝึกซ้อม
หมายเหตุ: การฝึกแรกๆระวังหน้ามืดเป็นลม ต้องค่อยเป็นค่อยไป เมื่อร่างกายปรับตัวได้ดีแล้วคุณจะเห็นคุณค่าและประโยชน์ของการหายใจว่า " นี่คือหัวใจของความอึด " ในการปั่นเสือที่คุณชอบครับ การฝึกหายใจเป็นประจำทำให้ปอดขยายใหญ่ขึ้น พร้อมกับฝึกประสาทควบคุมการหายใจให้รับรู้วิธีการหายใจในขณะแข่งขันฯ ทำให้คุณผ่านพ้น " ภาวะอึดอัด " ( หายใจไม่ทัน )ไปได้ ซึ่งจะเป็นผลดีในการปั่นแข่งขัน มากกว่าคนที่ไม่เคยฝึกเทคนิคการหายใจครับ แต่ทุกๆคนต้องหายใจเพื่อชีวิตเพียงแต่ว่าคุณหายใจได้ดีแค่ไหน ? โดยเฉพาะอากาศออกซิเจนที่คุณต้องการน่ะมากพอหรือยังครับ
สาเหตุที่มีอาการมึนๆก็เพราะว่าร่างกายเรายังไม่เคยชินกับการหายใจเร็วแรงอย่างนี้ ถ้าค่อยๆฝึกทำบ่อยๆร่างกายจะเคยชินกับวิธีการหายใจอย่างนี้ครับ แน่นอนเวลาหายใจเข้า ท้องเราต้องป่องออกมาครับเพราะมันเกี่ยวกับกล้ามเนื้อที่เกี่ยวกับการหายใจหลายๆมัดเช่นกล้ามเนื้อหน้าท้อง,กล้ามเนื้อกระบังลม( เวลาที่เราหายใจลึกๆหน้าอกของเราจะยกขึ้น ) ด้วย ) เราจะใช้การหายใจแบบนี้เวลาเราปั่นเร็วๆครับ ( ไม่ว่าจะเป็น Interval หรือ Sprint ครับ ที่สำคัญ: เวลาหายใจออกต้องปั่น( ถีบ ) ให้ได้2-4 สะโตก พูดง่ายๆเมื่อเราออกแรงกดลูกบันไดลงเมื่อใดให้หายใจออกครับส่วนเวลาดึงลูกบันไดขึ้นให้หายใจเข้าครับ ใจเย็นๆ ให้เริ่มฝึกหายใจช้าๆก่อนแล้วค่อยๆเร่งการหายใจให้เร็วขึ้นในตอนท้ายประมาณ 5 -10 ครั้งแล้วก็ต่อด้วยการหายใจยาวๆลึกๆเป็นการผ่อนคลายจนกว่าจะหายเหนื่อยครับ หมายเหตุ : การหายใจที่มีประสิทธิภาพจะยาว - ลึก จะช่วยให้ร่างกายของคุณได้รับออกซิเจนมากขึ้นตามที่ร่างกายต้องการ และทำให้คุณขี่ขึ้นเขาได้ดีขึ้นอีกด้วยครับ จำไว้ว่าเมื่อร่างกาย " พ้นภาวะหายใจไม่ทัน " ไปแล้วจังหวะการหายใจจะเปลี่ยนมาเป็นการหายใจที่ ยาวๆ ลึกๆแทน เสมอ " ครับ โชคดีครับพี่น้องชาวเสือ
- hs6rpj
- ขาประจำ
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 21:12
- Tel: 0813790703
- Bike: trek
- hs6rpj
- ขาประจำ
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 21:12
- Tel: 0813790703
- Bike: trek
- hs6rpj
- ขาประจำ
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 21:12
- Tel: 0813790703
- Bike: trek
Re: ***กลุ่มสากเหล็ก***
ของที่ระลึก
รับเสื้อจักรยานของ forz จำนวน 1 ตัวนายอำเภอ ยอดนักปั่น..
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 4&t=954267
รับเสื้อจักรยานของ forz จำนวน 1 ตัวนายอำเภอ ยอดนักปั่น..
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 4&t=954267
- ไฟล์แนบ
-
- aYirup[1].jpg (79.6 KiB) เข้าดูแล้ว 728 ครั้ง
- hs6rpj
- ขาประจำ
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 21:12
- Tel: 0813790703
- Bike: trek
- hs6rpj
- ขาประจำ
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 21:12
- Tel: 0813790703
- Bike: trek
- hs6rpj
- ขาประจำ
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 21:12
- Tel: 0813790703
- Bike: trek
Re: ***กลุ่มสากเหล็ก***
ราชบุรี http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 4&t=970025
ลุงเนตร http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... start=8475
ทริปชัยนาท 3สิงหา http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 4&t=977309
ถ้าดูจากการแข่งขันในรายการต่างๆ แล้ว เรามักจะพบว่าบรรดาเหล่านักปั่นอาชีพเหล่านี้จะขึ้นยืนโยกโชว์บั้นท้ายเมื่อ เจอเนินหรือภูเขา ซึ่งความจริงแล้ว การยืนปั่นนั้นจะเป็นการออกแรงเหยียบลูกบันไดพร้อมกับดึงแฮนด์สลับกัน การกดลูกบันไดซ้ายทีขวาที จะได้ประสิทธิภาพดีกว่าการนั่งปั่นแต่ใช้พลังงานมากกว่า และเหนื่อยเร็วกว่า และที่สำคัญรักษารอบขาได้ยากกว่า เพราะฉะนั้นการยืนปั่นจึงเหมาะกับการเร่งความเร็วเพื่อโจมตีหรือหนึคู่แข่ง สำหรับเราๆ ท่านๆ แล้วการนั่งปั่นดูจะเหมาะสมและยังเป็นวิธีที่ค่อยๆ พาเราไปพิชิตยอดเขาก่อนที่จะต้องเดินลงมาเข็นเพราะเสียแรงก่อนที่จะต้องเดิน ลงมาเข็นเพราะเสียแรงไปโดยใช่เหตุ แต่สำหรับเพื่อนๆ นักกีฬาที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างพอสมควร การยืนนอกจากจะช่วยเร่งความเร็วได้แล้ว ยังเป็นการช่วยแก้อาการเมื่อยโดยเฉพาะหัวไหล่และต้นคอ และที่สำคัญที่สุดก็คือบั้นท้ายของเรานั่นเอง
อยากจะขึ้นเขาแต่ไม่สนใจเรื่องน้ำหนักตัวเห็นทีจะเป็นไปได้ยาก อยากทราบไหมครับว่าน้ำหนักตัวมีผลต่อการปั่นจักรยานขึ้นเขามากแค่ไหน หากเป็นพื้นที่ราบน้ำหนักตัวคงไม่มีผลมากมายต่อการสูญเสียแรงปั่น แต่กับการขึ้นเขาแล้วเป็นการได้เปรียบเสียเปรียบกันเลยทีเดียว เอาเป็นว่าต่อให้รถที่คุณใช้เบาแค่ไหน หากเราแบกน้ำหนักตัวที่เกินพิกัดไปด้วย รถที่เบาก็แทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย แล้วสูตรของการคำนวนน้ำหนักตัวที่เหมาะสมกับส่วนสูง มีไหมละ และพอจะมีสูตรไหนที่พอจะนำมาใช้ได้บ้าง วิธีที่มักจะใช้กันก็คือ เอาส่วนสูง แล้ว ลบด้วย 100 ก็จะได้น้ำหนักตัวที่เหมาะสม ส่วนผู้หญิงให้ลบด้วย 110 แต่สำหรับนักปั่นที่ต้องการจะทำการปั่นขึ้นเขาได้ดีแล้ว สูตรการคำนวนนี้ยังไม่เพียงพอ เพราะอย่างคอนทาดอร์ สูง 177 แต่น้ำหนักตัวเพียง 62 กิโลกรัมเท่านั้น หรือแม้แต่รองแชมป์อย่าง เชร็ก ก็มีส่วนสูงถึง 186 แต่น้ำหนักตัวเพียง 67 กิโลกรับเท่านั้น จะเห็นได้ว่าทั้งสองคนมีน้ำหนักที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยค่อนข้างมากหากน้ำหนัก ตัวของทั้ง 2 คนมาลบด้วย 100 สรุปแล้วหากคุณอยากที่จะปราดเปรียวดุจพญาอินทรีย์และพร้อมทะยานขึ้นภูเขา ก็ต้องหันมาดูแลเรื่องโภชนาการกันหน่อย
การปั่นจักรยานไม่ได้ใช้แค่กล้ามเนื้อขาเท่านั้นที่ออกแรงกดลูกบันไดให้ จักรยานพุ่งออกไปข้างหน้า แรงดึงจากข้อเท้า แขนและหัวไหล่ล้วนแต่เป็นเทคนิคชั้นสูง แต่หัวใจสำคัญที่ไม่แพ้ 2 ขาที่ต้องคอยส่งพลังอยู่อย่างต่อเนื่องนั่นก็คือ “การหายใจ” ทั้งสองสิ่งนี้จะต้องทำงานร่วมกันเพราะการหายใจจะเป็นการนำเอาออกซิเจนไปให้ กับกล้ามเนื้อ และเผาผลาญอาหารทำให้เกิดพลังงานแก่กล้ามเนื้อ แต่นักจักรยานส่วนใหญ่ยังหายใจกันไม่ถูกต้อง ทำให้ต้องสูญเสียพลังงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องอยู่บนภูเขาสูงๆ จะทำให้เหนื่อยได้ง่ายกว่าปรกติ การหายใจที่ถูกต้องจะเห็นผลอย่างชัดเจนเมื่อปั่นอยู่บนที่สูงกว่าระดับน้ำ ทะเล โค้ชทีมชาติสหรัฐอเมริกาและนักปั่นมืออาชีพอย่าง Skip Hamilton มีเทคนิคการหายใจที่เรียกว่า การหายใจสลับข้าง (Switch Side Breathing) อธิบายง่ายๆ ก็คือ พยายามหายใจข้างที่เราไม่ถนัด ซึ่งปรกตินักปั่นจักรยานส่วนมากจะหายใจโดยหันหน้าไปทางขวา วิธีนี้แค่ลองฝึกหันไปทางซ้ายแล้วฝึกหายใจเข้าออกยาวๆ กับการปั่น 5-10 รอบและพยายามใช้วิธีนี้บนภูเขาด้วยนะครับ มีอีก 2 วิธีที่สามารถนำไปฝึกบนภูเขา
วิธีแรก จะใช้การปั่นแบบ 4 สโตร๊ค คือ เมื่อหายใจออกให้ถึบลูกบันไดให้ได้ 2 ครั้ง และ เมื่อหายใจเข้า ให้ดึงหัวเข่าขึ้นให้ได้ 2 ครั้งเช่นกัน จังหวะหายใจ (1 2 – 3 4)
วิธีที่สอง เหมาะกับระดับความชันที่เพิ่มมากขึ้น ใช้การปั่นแบบ 2 สะโพก คือ เมื่อหายใจออกเร็วขึ้น ให้ถึบลูกบันไดลง 1 ครั้ง และ ดึงหัวเข่าขึ้นอีก 1 ครั้ง เมื่อหายใจเข้าเร็วขึ้น จังหวะการหายใจ (1 – 2)
เมื่อคุณได้รู้เทคนิคต่างๆ มาเป็นแนวทางแล้ว แต่หากไม่รู้จักวิธีใช้มันหรือไม่มั่นใจว่ามันควรจะใช้ในเวลาใด ความรุ้เหล่านั้นก็ไม่มีความหมาย ซึ่งเทคนิคอันสุดท้ายก็คือ การใช้ความรู้ที่จะเลือกเทคนิคต่างๆ ให้เหมาะสมกับตนเอง การจะเป็นนักจักรยานที่ดีนั้น คุณต้องเป็นคนช่างสังเกตุและใส่ใจในข้อมูลต่างๆ เช่นความชันประมาณนี้ เราเหมาะที่จะใช้รอบขาประมาณเท่าไหร่ หัวใจทนได้ไหม จังหวะไหนที่ควรจะจิบน้ำหรือจังหวะไหนที่ควรยืนปั่น ตรงไหนควรนั่งปั่น บางครั้งการได้อยู่ในสถานการณ์จริงๆ คุณไม่สามารถที่จะทำตามตำราหรือเทคนิคใดๆ ได้ แต่ทุกสิ่งจะขึ้นอยู่กับสติปัญญาของคุณว่าจะแก้ปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่อย่างไ
ลุงเนตร http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... start=8475
ทริปชัยนาท 3สิงหา http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 4&t=977309
ถ้าดูจากการแข่งขันในรายการต่างๆ แล้ว เรามักจะพบว่าบรรดาเหล่านักปั่นอาชีพเหล่านี้จะขึ้นยืนโยกโชว์บั้นท้ายเมื่อ เจอเนินหรือภูเขา ซึ่งความจริงแล้ว การยืนปั่นนั้นจะเป็นการออกแรงเหยียบลูกบันไดพร้อมกับดึงแฮนด์สลับกัน การกดลูกบันไดซ้ายทีขวาที จะได้ประสิทธิภาพดีกว่าการนั่งปั่นแต่ใช้พลังงานมากกว่า และเหนื่อยเร็วกว่า และที่สำคัญรักษารอบขาได้ยากกว่า เพราะฉะนั้นการยืนปั่นจึงเหมาะกับการเร่งความเร็วเพื่อโจมตีหรือหนึคู่แข่ง สำหรับเราๆ ท่านๆ แล้วการนั่งปั่นดูจะเหมาะสมและยังเป็นวิธีที่ค่อยๆ พาเราไปพิชิตยอดเขาก่อนที่จะต้องเดินลงมาเข็นเพราะเสียแรงก่อนที่จะต้องเดิน ลงมาเข็นเพราะเสียแรงไปโดยใช่เหตุ แต่สำหรับเพื่อนๆ นักกีฬาที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างพอสมควร การยืนนอกจากจะช่วยเร่งความเร็วได้แล้ว ยังเป็นการช่วยแก้อาการเมื่อยโดยเฉพาะหัวไหล่และต้นคอ และที่สำคัญที่สุดก็คือบั้นท้ายของเรานั่นเอง
อยากจะขึ้นเขาแต่ไม่สนใจเรื่องน้ำหนักตัวเห็นทีจะเป็นไปได้ยาก อยากทราบไหมครับว่าน้ำหนักตัวมีผลต่อการปั่นจักรยานขึ้นเขามากแค่ไหน หากเป็นพื้นที่ราบน้ำหนักตัวคงไม่มีผลมากมายต่อการสูญเสียแรงปั่น แต่กับการขึ้นเขาแล้วเป็นการได้เปรียบเสียเปรียบกันเลยทีเดียว เอาเป็นว่าต่อให้รถที่คุณใช้เบาแค่ไหน หากเราแบกน้ำหนักตัวที่เกินพิกัดไปด้วย รถที่เบาก็แทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย แล้วสูตรของการคำนวนน้ำหนักตัวที่เหมาะสมกับส่วนสูง มีไหมละ และพอจะมีสูตรไหนที่พอจะนำมาใช้ได้บ้าง วิธีที่มักจะใช้กันก็คือ เอาส่วนสูง แล้ว ลบด้วย 100 ก็จะได้น้ำหนักตัวที่เหมาะสม ส่วนผู้หญิงให้ลบด้วย 110 แต่สำหรับนักปั่นที่ต้องการจะทำการปั่นขึ้นเขาได้ดีแล้ว สูตรการคำนวนนี้ยังไม่เพียงพอ เพราะอย่างคอนทาดอร์ สูง 177 แต่น้ำหนักตัวเพียง 62 กิโลกรัมเท่านั้น หรือแม้แต่รองแชมป์อย่าง เชร็ก ก็มีส่วนสูงถึง 186 แต่น้ำหนักตัวเพียง 67 กิโลกรับเท่านั้น จะเห็นได้ว่าทั้งสองคนมีน้ำหนักที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยค่อนข้างมากหากน้ำหนัก ตัวของทั้ง 2 คนมาลบด้วย 100 สรุปแล้วหากคุณอยากที่จะปราดเปรียวดุจพญาอินทรีย์และพร้อมทะยานขึ้นภูเขา ก็ต้องหันมาดูแลเรื่องโภชนาการกันหน่อย
การปั่นจักรยานไม่ได้ใช้แค่กล้ามเนื้อขาเท่านั้นที่ออกแรงกดลูกบันไดให้ จักรยานพุ่งออกไปข้างหน้า แรงดึงจากข้อเท้า แขนและหัวไหล่ล้วนแต่เป็นเทคนิคชั้นสูง แต่หัวใจสำคัญที่ไม่แพ้ 2 ขาที่ต้องคอยส่งพลังอยู่อย่างต่อเนื่องนั่นก็คือ “การหายใจ” ทั้งสองสิ่งนี้จะต้องทำงานร่วมกันเพราะการหายใจจะเป็นการนำเอาออกซิเจนไปให้ กับกล้ามเนื้อ และเผาผลาญอาหารทำให้เกิดพลังงานแก่กล้ามเนื้อ แต่นักจักรยานส่วนใหญ่ยังหายใจกันไม่ถูกต้อง ทำให้ต้องสูญเสียพลังงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องอยู่บนภูเขาสูงๆ จะทำให้เหนื่อยได้ง่ายกว่าปรกติ การหายใจที่ถูกต้องจะเห็นผลอย่างชัดเจนเมื่อปั่นอยู่บนที่สูงกว่าระดับน้ำ ทะเล โค้ชทีมชาติสหรัฐอเมริกาและนักปั่นมืออาชีพอย่าง Skip Hamilton มีเทคนิคการหายใจที่เรียกว่า การหายใจสลับข้าง (Switch Side Breathing) อธิบายง่ายๆ ก็คือ พยายามหายใจข้างที่เราไม่ถนัด ซึ่งปรกตินักปั่นจักรยานส่วนมากจะหายใจโดยหันหน้าไปทางขวา วิธีนี้แค่ลองฝึกหันไปทางซ้ายแล้วฝึกหายใจเข้าออกยาวๆ กับการปั่น 5-10 รอบและพยายามใช้วิธีนี้บนภูเขาด้วยนะครับ มีอีก 2 วิธีที่สามารถนำไปฝึกบนภูเขา
วิธีแรก จะใช้การปั่นแบบ 4 สโตร๊ค คือ เมื่อหายใจออกให้ถึบลูกบันไดให้ได้ 2 ครั้ง และ เมื่อหายใจเข้า ให้ดึงหัวเข่าขึ้นให้ได้ 2 ครั้งเช่นกัน จังหวะหายใจ (1 2 – 3 4)
วิธีที่สอง เหมาะกับระดับความชันที่เพิ่มมากขึ้น ใช้การปั่นแบบ 2 สะโพก คือ เมื่อหายใจออกเร็วขึ้น ให้ถึบลูกบันไดลง 1 ครั้ง และ ดึงหัวเข่าขึ้นอีก 1 ครั้ง เมื่อหายใจเข้าเร็วขึ้น จังหวะการหายใจ (1 – 2)
เมื่อคุณได้รู้เทคนิคต่างๆ มาเป็นแนวทางแล้ว แต่หากไม่รู้จักวิธีใช้มันหรือไม่มั่นใจว่ามันควรจะใช้ในเวลาใด ความรุ้เหล่านั้นก็ไม่มีความหมาย ซึ่งเทคนิคอันสุดท้ายก็คือ การใช้ความรู้ที่จะเลือกเทคนิคต่างๆ ให้เหมาะสมกับตนเอง การจะเป็นนักจักรยานที่ดีนั้น คุณต้องเป็นคนช่างสังเกตุและใส่ใจในข้อมูลต่างๆ เช่นความชันประมาณนี้ เราเหมาะที่จะใช้รอบขาประมาณเท่าไหร่ หัวใจทนได้ไหม จังหวะไหนที่ควรจะจิบน้ำหรือจังหวะไหนที่ควรยืนปั่น ตรงไหนควรนั่งปั่น บางครั้งการได้อยู่ในสถานการณ์จริงๆ คุณไม่สามารถที่จะทำตามตำราหรือเทคนิคใดๆ ได้ แต่ทุกสิ่งจะขึ้นอยู่กับสติปัญญาของคุณว่าจะแก้ปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่อย่างไ
- hs6rpj
- ขาประจำ
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 21:12
- Tel: 0813790703
- Bike: trek
- hs6rpj
- ขาประจำ
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 21:12
- Tel: 0813790703
- Bike: trek
- hs6rpj
- ขาประจำ
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 21:12
- Tel: 0813790703
- Bike: trek
Re: ***กลุ่มสากเหล็ก***
@@ปั่นเดี่ยวเมษายน57ขุนหาญ-วังทรายพูน 4วัน 650กม.""
จากนางรอง มีดอกไม้ไห้ชม ตลอดเส้นทาง ทั้งรังผึ่ง
[/url
] [url=http://image.ohozaa.com/view2/xHGHMgBSU0u3mTGz]
จากนางรอง มีดอกไม้ไห้ชม ตลอดเส้นทาง ทั้งรังผึ่ง
[/url
] [url=http://image.ohozaa.com/view2/xHGHMgBSU0u3mTGz]
แก้ไขล่าสุดโดย hs6rpj เมื่อ 09 ก.ค. 2014, 17:24, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง
- hs6rpj
- ขาประจำ
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 21:12
- Tel: 0813790703
- Bike: trek
Re: ***กลุ่มสากเหล็ก***
18-22 มิถุนา57 .http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 7&t=969115
แก้ไขล่าสุดโดย hs6rpj เมื่อ 07 มิ.ย. 2014, 11:55, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
- hs6rpj
- ขาประจำ
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 21:12
- Tel: 0813790703
- Bike: trek
Re: ***กลุ่มสากเหล็ก***
สมัค ใจเกินร้อย ชัยนาท
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 4&t=977309
ลงรายชื่อ http://www.chainatcity.go.th/bike/bike.php
ปั่นวันเดียว300กม. http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 4&t=964000
เมื่อต้นปี2013 มีการติดต่อจากประเทศไทยไปยัง Audax Club Parisien (ACP) เพื่อขอสิทธิในการจัดขี่(แข่ง)จักรยานแบบAudax หรือ Randonneur ขึ้นในประเทศไทย ตลอดปี2013 มีการพัฒนาเส้นทาง, พัฒนาเครือข่ายนักปั่นและผู้จัด, ศึกษาดูงาน, ทำความเข้าใจในแนวคิด กฎ และกติกาของการขี่(แข่ง) ขณะนี้เป็นช่วงปลายปี2013 เรากำลังเริ่มทดสอบเส้นทาง200กิโลเมตรเป็นครั้งแรก กำลังจะตามมาด้วย300กิโลเมตร เพื่อจะจัดขี่(แข่ง)ตามปฏิทินการแข่งขันปี2014พร้อมๆกับประเทศอื่นๆทั่วโลก จึงขอเปิดกระทู้นี้เพื่อต้อนรับทุกๆท่าน มาแลกเปลี่ยนความรู้ ตั้งคำถาม ตอบข้อสงสัย และเสนอแนะความคิดเห็น เพื่อเผยแพร่รูปแบบการขี่(แข่ง) Audax Randonneur ให้แพร่หลายมากขึ้นในวงกว้าง
ถาม: Audax Randonneur อ่านว่าอะไร
ตอบ: ออ-แดก__แรน-โดน-เนอ
ถาม: ตกลง Audax หรือ Randonneur
ตอบ: ได้ทั้ง2อย่าง ที่ประเทศอเมริกาจะเรียก Randonneur อังกฤษ, ออสเตเรีย, ญี่ปุ่น เรียก Audax ฝรั่งเศสเรียก Randonneur แต่Clubใหญ่ที่ควบคุมกฎและการแข่งขันทั้งหมด เรียก Audax Club Parisien ซะงั้น เป็นความสับสนของการใช้ภาษา ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ส่วนใหญ่จึงเรียกรวม เป็น Audax Randonneur ซะเลย
คนที่ขี่เสือหมอบมาก่อนจะมักเรียกว่าAudax ส่วนคนที่ขี่Touring สะสมจักรยานวินเทจ จะรู้จักในชื่อ Randonneur
ถาม: แล้วตกลงการขี่(แข่ง) Audax Randonneur คืออะไร
ตอบ: ทีมงานผู้ก่อตั้งคนไทยพยายามจะหาคำจำกัดความที่ง่ายที่สุดในการอธิบาย Audax Randonneur และคิดว่า "แรลลี่จักรยานทางไกล" น่าจะเป็นคำจำกัดความที่ใกล้ที่สุด กล่าวคือ
- เป็นการขี่จักรยานที่ต้องพึ่งการใช้แผนที่ และทำความเข้าใจเส้นทางเอง
- เส้นทางการขี่เป็นวงกลมย้อนกลับมาจุดเริ่มต้น
- ต้องขี่ไปพร้อมใบประทับตรา แล้วนำไปประทับตามจุด และ ภายในเวลาที่กำหนด ไม่มีการติดป้ายเลยหมาย
- มีกรอบเวลากำหนดในการขี่(แข่ง) คือ
--- 200กม. ไม่เกิน 13ชั่วโมงครึ่ง
--- 300กม. ไม่เกิน20ชั่วโมง
--- 400กม. ไม่เกิน27ชั่วโมง
--- 600กม. ไม่เกิน40ชั่วโมง
- นอกจากกำหนดกรอบเวลาต่ำสุดแล้ว ยังมีการกำหนดเวลาสูงสุดไม่ให้ขี่เร็วเกินด้วย จุดควบคุมจะเปิดตามเวลาเท่านั้น ถ้าขาแรงมาถึงก่อนเวลาเปิด ต้องรอจุดเปิดถึงจะได้รับการประทับตรา
- เป็นการขี่แบบกึ่งพึ่งตนเอง ต้องพาตัวเองไปยังจุดประทับตราให้ได้ ระหว่างทางไม่มีการให้น้ำให้อาหาร ไม่มีการบำรุงรักษา ห้ามไม่ให้มีรถตามโดยเด็ดขาด รถของทีม หรือรถส่วนตัวสามารถให้การสนับสนุนน้ำและอาหารตามจุดควบคุมได้เท่านั้น
- เป็นการขี่แบบไม่จำกัดรูปแบบ ใครจะใช้เสือภูเขา รถTandem รถนอน เสือหมอบ รถพับ ขี่เดี่ยว ขี่กลุ่ม(ในกรณีที่ขี่กลุ่มห้ามมีการติดป้ายหรือทำสัญลักษณ์ว่าเป็นหัวหน้ากลุ่ม) ตราบใดที่ใช้แรงคนถีบ ได้หมด
- ระหว่างทาง ใครใคร่พัก พัก, ใครอยากหยุดทานข้าวข้างทาง เชิญ, หยุดนวดเท้าก็ได้ หยุดช่วยเพื่อนที่ยางแตกก็ได้ ทำได้ทุกอย่าง แต่ห้ามรับการช่วยเหลือจัดตั้งที่เตรียมมาเป็นอันขาด
- ความปลอดภัย และ การเคารพกฎจราจรเป็นเรื่องสำคัญมาก ห้ามขี่สวนเลนจราจร ต้องมีไฟส่องสว่างในเวลากลางคืน
- การขี่ตอนกลางคืน ขอเน้นย้ำอีกทีว่า ระบบไฟส่องสว่างสำคัญมากถ้าอุปกรณ์ไม่ครบ ผู้จัดมีสิทธิ์ไม่อนุญาติให้ลงแข่ง
- การลงโทษการทำผิดกติกา ถ้าไม่รุนแรงจะลงโทษด้วยการเพิ่มเวลาการขี่ 1-2 ชั่วโมงแล้วแต่ทีมงานจะพิจารณา ถ้ารุนแรง อาจถึงปรับให้ออกจากการแข่งขัน
- ผลการแข่งขันจะบันทึกเวลาที่เข้าเส้นชัยด้วย แต่จะไม่ประกาศผลตามเวลา ประกาศผลตามลำดับอักษร
ถาม: Audax Randonneur คือใคร
ตอบ: ก่อตั้งโดยคุณ Bob Usher นักปั่นจักรยานอาวุโสอายุ 85 พื้นเพเป็นชาวอังกฤษ แต่อยู่เมืองไทยมากว่า30ปีจนได้ชื่อพระราชทานเป็นภาษาไทยว่า นาย เกตุ วรกำธร ร่วมกับนักจักรยานสมัครเล่นวัยกลางคนรุ่นลูกอีกท่านหนึ่งที่แค่อยากจะปั่นจักรยานแบบAudax Randonneur ในเมืองไทย แต่ไม่มีสนามแข่ง จึงเขียนจดหมายไปคุยกับACP ในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้ง2คนชื่นชอบการปั่นจักรยานทางไกล และมีเจตนาที่จะโปรโมทการขี่จักรยานทางไกลโดยไม่ใช้ประกอบเป็นอาชีพ ผู้ก่อตั้งได้รับสิทธิในการเป็นตัวแทนของACPอย่างเป็นทางการในประเทศไทย มีชื่อว่า Randonneurs Thailand
ภายใต้สิทธิ์การเป็นตัวแทนของACP, Randonneurs Thailand เปิดรับผู้จัดทุกๆท่านที่สามารถทำตามเงื่อนไขที่กำหนดของทางAPC, ผู้จัดการแข่งขันครั้งแรกที่ Randonneurs Thailand ขึ้นทะเบียนกับทางACPคือกลุ่มCentral ฝึกปั่นทางไกล โดยเฮียฮ้อ ที่ร่วมพัฒนาและทำความเข้าใจการจัดขี่(แข่ง)ร่วมกันกับ Randonneurs Thailand มาตั้งแต่ต้น
----------------------------------------
ตอนนี้ขอแจ้งข้อมูลเบื้องต้นเท่านี้ก่อน เดี๋ยวจะยาวเกินไป จะค่อยๆทยอยลงข้อมูล พูดคุยและตอบคำถามไปเรื่อยๆนะครับ
Audax Randonneurs Thailand มี Facebookเป็นของตัวเองคือ
facebook.com/AudaxThailand
มีข้อมูลในPageดังกล่าวมากพอสมควร ทีมงานจะค่อยๆทยอยถ่ายข้อมูลมาลงในกระทู้นี้ให้ทันๆกันครับ
Facebook ของ กลุ่ม Central ฝึกปั่นทางไกล โดยเฮียฮ้อ
facebook.com/Audaxtraining
และแน่นอนว่าติดตามกระทู้ชวนปั่นได้แทบทุกอาทิตย์ในThaiMTB โหดบ้าง เบาบ้าง คละเคล้ากันไป
สรุปว่ามีศูนย์กลางข้อมูล2ที่ คือกระทู้นี้ และในFacebookนะครับ
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 4&t=977309
ลงรายชื่อ http://www.chainatcity.go.th/bike/bike.php
ปั่นวันเดียว300กม. http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 4&t=964000
เมื่อต้นปี2013 มีการติดต่อจากประเทศไทยไปยัง Audax Club Parisien (ACP) เพื่อขอสิทธิในการจัดขี่(แข่ง)จักรยานแบบAudax หรือ Randonneur ขึ้นในประเทศไทย ตลอดปี2013 มีการพัฒนาเส้นทาง, พัฒนาเครือข่ายนักปั่นและผู้จัด, ศึกษาดูงาน, ทำความเข้าใจในแนวคิด กฎ และกติกาของการขี่(แข่ง) ขณะนี้เป็นช่วงปลายปี2013 เรากำลังเริ่มทดสอบเส้นทาง200กิโลเมตรเป็นครั้งแรก กำลังจะตามมาด้วย300กิโลเมตร เพื่อจะจัดขี่(แข่ง)ตามปฏิทินการแข่งขันปี2014พร้อมๆกับประเทศอื่นๆทั่วโลก จึงขอเปิดกระทู้นี้เพื่อต้อนรับทุกๆท่าน มาแลกเปลี่ยนความรู้ ตั้งคำถาม ตอบข้อสงสัย และเสนอแนะความคิดเห็น เพื่อเผยแพร่รูปแบบการขี่(แข่ง) Audax Randonneur ให้แพร่หลายมากขึ้นในวงกว้าง
ถาม: Audax Randonneur อ่านว่าอะไร
ตอบ: ออ-แดก__แรน-โดน-เนอ
ถาม: ตกลง Audax หรือ Randonneur
ตอบ: ได้ทั้ง2อย่าง ที่ประเทศอเมริกาจะเรียก Randonneur อังกฤษ, ออสเตเรีย, ญี่ปุ่น เรียก Audax ฝรั่งเศสเรียก Randonneur แต่Clubใหญ่ที่ควบคุมกฎและการแข่งขันทั้งหมด เรียก Audax Club Parisien ซะงั้น เป็นความสับสนของการใช้ภาษา ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ส่วนใหญ่จึงเรียกรวม เป็น Audax Randonneur ซะเลย
คนที่ขี่เสือหมอบมาก่อนจะมักเรียกว่าAudax ส่วนคนที่ขี่Touring สะสมจักรยานวินเทจ จะรู้จักในชื่อ Randonneur
ถาม: แล้วตกลงการขี่(แข่ง) Audax Randonneur คืออะไร
ตอบ: ทีมงานผู้ก่อตั้งคนไทยพยายามจะหาคำจำกัดความที่ง่ายที่สุดในการอธิบาย Audax Randonneur และคิดว่า "แรลลี่จักรยานทางไกล" น่าจะเป็นคำจำกัดความที่ใกล้ที่สุด กล่าวคือ
- เป็นการขี่จักรยานที่ต้องพึ่งการใช้แผนที่ และทำความเข้าใจเส้นทางเอง
- เส้นทางการขี่เป็นวงกลมย้อนกลับมาจุดเริ่มต้น
- ต้องขี่ไปพร้อมใบประทับตรา แล้วนำไปประทับตามจุด และ ภายในเวลาที่กำหนด ไม่มีการติดป้ายเลยหมาย
- มีกรอบเวลากำหนดในการขี่(แข่ง) คือ
--- 200กม. ไม่เกิน 13ชั่วโมงครึ่ง
--- 300กม. ไม่เกิน20ชั่วโมง
--- 400กม. ไม่เกิน27ชั่วโมง
--- 600กม. ไม่เกิน40ชั่วโมง
- นอกจากกำหนดกรอบเวลาต่ำสุดแล้ว ยังมีการกำหนดเวลาสูงสุดไม่ให้ขี่เร็วเกินด้วย จุดควบคุมจะเปิดตามเวลาเท่านั้น ถ้าขาแรงมาถึงก่อนเวลาเปิด ต้องรอจุดเปิดถึงจะได้รับการประทับตรา
- เป็นการขี่แบบกึ่งพึ่งตนเอง ต้องพาตัวเองไปยังจุดประทับตราให้ได้ ระหว่างทางไม่มีการให้น้ำให้อาหาร ไม่มีการบำรุงรักษา ห้ามไม่ให้มีรถตามโดยเด็ดขาด รถของทีม หรือรถส่วนตัวสามารถให้การสนับสนุนน้ำและอาหารตามจุดควบคุมได้เท่านั้น
- เป็นการขี่แบบไม่จำกัดรูปแบบ ใครจะใช้เสือภูเขา รถTandem รถนอน เสือหมอบ รถพับ ขี่เดี่ยว ขี่กลุ่ม(ในกรณีที่ขี่กลุ่มห้ามมีการติดป้ายหรือทำสัญลักษณ์ว่าเป็นหัวหน้ากลุ่ม) ตราบใดที่ใช้แรงคนถีบ ได้หมด
- ระหว่างทาง ใครใคร่พัก พัก, ใครอยากหยุดทานข้าวข้างทาง เชิญ, หยุดนวดเท้าก็ได้ หยุดช่วยเพื่อนที่ยางแตกก็ได้ ทำได้ทุกอย่าง แต่ห้ามรับการช่วยเหลือจัดตั้งที่เตรียมมาเป็นอันขาด
- ความปลอดภัย และ การเคารพกฎจราจรเป็นเรื่องสำคัญมาก ห้ามขี่สวนเลนจราจร ต้องมีไฟส่องสว่างในเวลากลางคืน
- การขี่ตอนกลางคืน ขอเน้นย้ำอีกทีว่า ระบบไฟส่องสว่างสำคัญมากถ้าอุปกรณ์ไม่ครบ ผู้จัดมีสิทธิ์ไม่อนุญาติให้ลงแข่ง
- การลงโทษการทำผิดกติกา ถ้าไม่รุนแรงจะลงโทษด้วยการเพิ่มเวลาการขี่ 1-2 ชั่วโมงแล้วแต่ทีมงานจะพิจารณา ถ้ารุนแรง อาจถึงปรับให้ออกจากการแข่งขัน
- ผลการแข่งขันจะบันทึกเวลาที่เข้าเส้นชัยด้วย แต่จะไม่ประกาศผลตามเวลา ประกาศผลตามลำดับอักษร
ถาม: Audax Randonneur คือใคร
ตอบ: ก่อตั้งโดยคุณ Bob Usher นักปั่นจักรยานอาวุโสอายุ 85 พื้นเพเป็นชาวอังกฤษ แต่อยู่เมืองไทยมากว่า30ปีจนได้ชื่อพระราชทานเป็นภาษาไทยว่า นาย เกตุ วรกำธร ร่วมกับนักจักรยานสมัครเล่นวัยกลางคนรุ่นลูกอีกท่านหนึ่งที่แค่อยากจะปั่นจักรยานแบบAudax Randonneur ในเมืองไทย แต่ไม่มีสนามแข่ง จึงเขียนจดหมายไปคุยกับACP ในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้ง2คนชื่นชอบการปั่นจักรยานทางไกล และมีเจตนาที่จะโปรโมทการขี่จักรยานทางไกลโดยไม่ใช้ประกอบเป็นอาชีพ ผู้ก่อตั้งได้รับสิทธิในการเป็นตัวแทนของACPอย่างเป็นทางการในประเทศไทย มีชื่อว่า Randonneurs Thailand
ภายใต้สิทธิ์การเป็นตัวแทนของACP, Randonneurs Thailand เปิดรับผู้จัดทุกๆท่านที่สามารถทำตามเงื่อนไขที่กำหนดของทางAPC, ผู้จัดการแข่งขันครั้งแรกที่ Randonneurs Thailand ขึ้นทะเบียนกับทางACPคือกลุ่มCentral ฝึกปั่นทางไกล โดยเฮียฮ้อ ที่ร่วมพัฒนาและทำความเข้าใจการจัดขี่(แข่ง)ร่วมกันกับ Randonneurs Thailand มาตั้งแต่ต้น
----------------------------------------
ตอนนี้ขอแจ้งข้อมูลเบื้องต้นเท่านี้ก่อน เดี๋ยวจะยาวเกินไป จะค่อยๆทยอยลงข้อมูล พูดคุยและตอบคำถามไปเรื่อยๆนะครับ
Audax Randonneurs Thailand มี Facebookเป็นของตัวเองคือ
facebook.com/AudaxThailand
มีข้อมูลในPageดังกล่าวมากพอสมควร ทีมงานจะค่อยๆทยอยถ่ายข้อมูลมาลงในกระทู้นี้ให้ทันๆกันครับ
Facebook ของ กลุ่ม Central ฝึกปั่นทางไกล โดยเฮียฮ้อ
facebook.com/Audaxtraining
และแน่นอนว่าติดตามกระทู้ชวนปั่นได้แทบทุกอาทิตย์ในThaiMTB โหดบ้าง เบาบ้าง คละเคล้ากันไป
สรุปว่ามีศูนย์กลางข้อมูล2ที่ คือกระทู้นี้ และในFacebookนะครับ
- hs6rpj
- ขาประจำ
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 21:12
- Tel: 0813790703
- Bike: trek
Re: ***มิถุนายน 57***
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 4&t=964000
ลองมาดูว่า การเตียมตัว ปั่น300โลวันเดียวไห้เวลา20ชั่วโมง
ซ้อมเท่าระยะจิงมัมโหดมากสำหรับ100โลหลัง
เริ่ม05.30ล้อหมุน
ภาพถ่ายเมื่อได้50โล ที่วังทอง
วังทรายพูน วังทอง จอดพักทานข้าววัดตายม จุด2ห้องน้ำอบต.หนองพระ
ลองมาดูว่า การเตียมตัว ปั่น300โลวันเดียวไห้เวลา20ชั่วโมง
ซ้อมเท่าระยะจิงมัมโหดมากสำหรับ100โลหลัง
เริ่ม05.30ล้อหมุน
ภาพถ่ายเมื่อได้50โล ที่วังทอง
วังทรายพูน วังทอง จอดพักทานข้าววัดตายม จุด2ห้องน้ำอบต.หนองพระ
แก้ไขล่าสุดโดย hs6rpj เมื่อ 23 มิ.ย. 2014, 10:53, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
- hs6rpj
- ขาประจำ
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 21:12
- Tel: 0813790703
- Bike: trek
มีไรกันเดือน มิถุนายน 57**
:Phttp://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=54&t=964000
พักเข้าห้องน้ำ ครั้งที่2ปั่มปท.หน้าค่ายสลิต
อาหารอีกครั้ง ที่วัดตายม (โจ๊ก)ตรงนี้ขาวลาดแกง55
ละยะทางตรงนี้63.49กม.
สังเกตุตรงนี้
ห่างกัน1ชั่วโมง
พักเข้าห้องน้ำ ครั้งที่2ปั่มปท.หน้าค่ายสลิต
อาหารอีกครั้ง ที่วัดตายม (โจ๊ก)ตรงนี้ขาวลาดแกง55
ละยะทางตรงนี้63.49กม.
สังเกตุตรงนี้
ห่างกัน1ชั่วโมง
- hs6rpj
- ขาประจำ
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 21:12
- Tel: 0813790703
- Bike: trek