ลุงยศ6RPJ

ผู้ดูแล: TheDeathMan

กฏการใช้บอร์ด
ชื่อชมรม Phichit Bike
ผู้ดูแล TheDeathMan / โทร 0846220237
ตอบกลับ
รูปประจำตัวสมาชิก
hs6rpj
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 690
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 21:12
Tel: 0813790703
Bike: trek

ลุงยศ6RPJ

โพสต์ โดย hs6rpj »

รายการอุปกรณ์ทั้งหมดที่พกไปทริปนี้ :

เสื้อผ้า (ส่วนตัว)

เสื้อปั่นจักรยาน (x2)
เสื้อยืดธรรมดา (x2)
เสื้อกันหนาว
กางเกงปั่นจักรยานแบบบ็อกเซอร์ (x2)
กางเกงขายาวแบบถอดขาได้ (x2)
กางเกงนอน (x2)
Base layer (ลองจอห์น)
กางเกงว่ายน้ำ
เสื้อกันฝน
กางเกงกันฝน
ผ้าเช็ดตัวแห้งเร็ว
ผ้า Buff
กางเกงใน (x4)
ถุงมือจักรยาน
ถุงเท้า (x3)
ถุงแขน
รองเท้าแตะ
รองเท้าปั่นจักรยานแบบลำลอง
รองเท้าสำหรับเดินป่า
แว่นตา, เลนส์กันแดด, ถุงเช็ดเลนส์
กระจกมองหลัง Take-a-Look
หมวกกันน็อค
หมวกปีกกว้าง
หมวกไหมพรม
เสื้อกั๊กสะท้อนแสง


แคมปิ้ง (สำหรับ 2 คน)

Ground sheet
เต๊นท์ (ใส่ในถุงกันน้ำ)
แผ่นรองนอน (x2)
ถุงนอน (x2)
หมอน (x2)
เป้ Daypack แบบบางๆ (x2)
อุปกรณ์อาบน้ำ (สบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน ฯลฯ) (x2)
ที่โกนหนวด + ใบมีด
ที่ตัดเล็บ
ปัตตาเลี่ยนพกพา
ฟองน้ำอุดหู (x2)


ทำอาหาร + ซักล้าง (สำหรับ 2 คน)

เครื่องกรองน้ำ Mini Filter
ชุดหม้อแค้มปิ้ง
ชุดจานแค้มปิ้ง
กล่องใส่ไข่กันกระแทก
อ่างน้ำพับได้ Ortlieb
ชุดเตาแค้มปิ้ง + ขวดน้ำมัน
ไฟแช็ค (x2)
สก็อตไบรท์
น้ำยาล้างจาน
แฟ๊บ
ไม้หนีบ
เจลล้างมือ
กระดาษทิชชู่ใหญ่
กระดาษเปียก
ถุงซิป
ถุงถนอมผ้า (x2)


จักรยาน + เครื่องมือ (สำหรับ 2 คน)

จักรยาน (x2)
กระเป๋าแพนเนียร์หลัง 2 คู่
กระเป๋าแพนเนียร์หน้า 1 คู่
กระเป๋า rack pack
กระเป๋าหน้าแฮนด์ (x2)
ถุงกระสอบสีๆลายทาง (x2)
กระบอกน้ำ (x5)
ล็อคจักรยาน (x2)
ยางใน (x4)
อแดปเตอร์วาวล์สูบลม
สูบพกพา
ชุดปะยาง + ที่งัดยาง
น็อต, แหวน สำรอง
สายรัดสัมภาระ (x4)
ตาข่ายรัดของ
เชือกร่ม 10 ม., 20 ม.
หนังยาง
Zip Tile คละไซส์
Duct Tape
ชุดซ่อมแผ่นรองนอน Thermarest
ผ้าขี้ริ้วเช็ดรถ
แปรงสีฟันเก่า
แถบรัดขากางเกง (x2)
ไฟคาดหัว (x2)
ไฟหน้ารถ (x2)
ไฟท้ายรถ (x2)
ข้อต่อโซ่ปลดเร็ว
สายเบรค + สายเกียร์ + ปลอกปิดปลายสาย
ผ้าเบรค (x2)
น้ำมันหยอดโซ่
มีดพับ Victorinox
อุปกรณ์พับ Leatherman
เครื่องมือพับ (แบบมีที่ตัดโซ่)
ประแจ + หกเหลี่ยมเพิ่มเติม
ที่ขันซี่ลวด
เครื่องถอดเฟืองพกพา NBT-2
เข็มกลัด


อิเลคโทรนิค + เอกสาร (สำหรับ 2 คน)

GPS + สาย Mini USB
Micro SD Card + Reader
Notebook + Adapter
Thumb Drive (x2)
โทรศัพท์มือถือ + สายชาร์ต
ที่ชาร์ตถ่าน
ถ่านชาร์ต AA, AAA
ปลั๊กสามตาเล็กๆ
กล้องดิจิตอล + แท่นชาร์ต
ขาตั้งกล้อง
แผนที่ (กระดาษ)
ตารางเวลา (กระดาษ)
ปากกา
สมุดจด + เบอร์โทรฉุกเฉิน
กระเป๋าเก็บเงินและเอกสารแบบคาดเอว (x2)


ยา + เบ็ดเตล็ด (สำหรับ 2 คน)

เบตาดีน
พลาสเตอร์ยา
ผ้าก็อช + เทปกาว
ไดฟีลีน
ยาแก้แพ้
พาราเซ็ตตามอล
แก้ท้องเสีย
ยาธาตุน้ำขาว
แก้เมารถ
ยาดม
Bethazone (ผิวหนังอักเสบ)
ผงเกลือแร่
สเปรย์กันยุง
ครีบกันแดด + ลิปสติก


เขาด่าว่าไม่กี่คำ... ทนไม่ได้..

แต่นำเรื่องที่เขาด่าว่าไปขึ้นโรงขึ้นศาลเป็นปีๆ... ทนได้
บางทีไปทำร้ายเขา ฆ่าเขาจนต้องติดคุกหลายปี ทนได้
นี่คือ...เ รื่ อ ง แ ป ล ก แ ต่ จ ริ ง ข อ ง ม นุ ษ ย์


เด๋วนี้จะหาสุภาพบุรษ สุภาพสตรี ยากเต็มที เหมือนงมเข็ม
ในมหาสมุทรแล้วมั้ง คงเป็นเพราะว่า
[/color]
พระพุทธฎีกา
พระพุทธเจ้าได้ตรัสแก่พระอานนท์ และพระสาวกทั้งหลายก่อนที่จะดับขันธ์ปรินิพพาน ไว้ว่า
๑. ทรงอนุญาตไว้พระศาสนาได้ 5,000 ปี
๒. ล่วง 500 ปี หลังทรงปรินิพพานแล้ว จะไม่มีนางภิกษุณี
๓. ล่วง 1,000 ปี จะไม่มีพระอรหันต์ เหาะเหินเดินอากาศได้
๔. ล่วง 2,000 ปี จะไม่มีนักปราชญ์ เรียนพระไตรปิฎกจนจบ
๕. ล่วง 3,000 ปี จะไม่มีพระสงฆ์ร่วมอุโบสถ
๖. ล่วง4,000 ปีจะหาพระสงฆ์ที่ทรงไตรจีวรไม่มี
๗. ล่วง 5,000 ปี สงฆ์ จะมีแค่ผ้าเหลืองน้อยห้อยไว้ที่หูและผูกคอ

เริ่มเข้าสู่กาลียุคเต็มทีแล้วค่ะ ผ่านมา 2500 กว่า ๆ แล้ว มนุษย์ที่เป็นมนุษย์เริ่มหายากขึ้น
ทุกวันนี้มีแต่คน


:roll: กด http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 6&t=368757 วิธีเลือกซื้อจักรยานเสือหมอบ[/color][/size]?วิธีเลือกซื้อจักรยานเสือหมอบ
1. ต้องถามตัวเองก่อนว่า จะซื้อจักรยานเสือหมอบไปเพื่ออะไร เพื่อขี่ให้ได้สุขภาพดี เพื่อเป็นพื้นฐานของกีฬาอื่น ๆ เพื่อมุ่งมั่นจะเป็นนักกีฬา เพื่อลงแข่งขัน เพื่อความมัน ความสนุก เพื่อแก้เครียด เพื่อความเท่ หรือตามเพื่อน ๆ
2. ถ้าตอบในข้อแรก ได้ก็โอเค ชอบแบบไหน ชอบทางออฟโรด ชอบทางเรียบ ชอบขึ้นเขา ชอบทางราบ ชอบถนนในเมือง ชอบถนนในหมู่บ้าน

ถ้าชอบถนนในเมืองหรือในหมู่บ้าน ก็ไม่ต้องลงทุนมาก รถจ่ายตลาดก็พอ ถ้าชอบทางออฟโรด แบบที่พวกเราชอบกันอยู่ ก็เลือก เมาเท่นไบค์ ชอบทางเรียบก็เลือก โรดไบค์

3. เวลาและความมุ่งมั่น แน่นอน ต้องเจียดเวลามาให้กับจักรยาน บางส่วนก็ต้องเบียดเบียนมาจากเวลาอื่น ๆ เราสามารถจัดการได้และทำใจได้ไหม ถ้าได้ ก็อยู่ที่ความมุ่งมั่น หรือ Commitment เพราะถ้าจะให้ได้ประโยชน์เต็มที่ ต้องอาศัย Strong Commitment และให้เวลาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 วัน วันละประมาณ 1 ชั่วโมง
4. งบประมาณ เรื่องใหญ่มาก ถ้าเลือกซื้อให้ถูกวิธี รถราคาระดับหมื่น ก็ใช้งานได้ทนทาน และดีไม่แพ้รถราคาระดับแสน โดยเฉพาะถ้าเพิ่งเริ่ม จะไม่เห็นความแตกต่าง จนเมื่อกำลังและทักษะ พัฒนาสูงขึ้น ถึงจะแยกแยะออก อย่างน้อยควรมีประมาณหมื่นต้น ๆ ราคารถใกล้ ๆ หมื่น ปัจจุบันราคาลดลงมามากแล้ว เมื่อก่อนรถอย่างเดียวก็ต้องเริ่มต้นที่หมื่นสาม

ที่เหลือเป็น หมวกประมาณ พันต้น ๆ ต่ำกว่าไม่แนะนำ เพราะไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย และน้ำหนักมากทำให้ปวดหัว กางเกงและถุงมือ อีกประมาณพันครึ่ง ถึงเกือบสองพัน แล้วแต่รสนิยม กางเกงจำเป็นเพราะมีแผ่นชามัวร์หรือใยสังเคราะห์รองป้องกันการกระแทกเสียดสี ถุงมือเอาไว้กันกระแทกกับแฮนด์ ถ้าพลาดล้มขึ้นมาก็จะป้องกันมือจากการบาดเจ็บ หรือช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้ เสื้อยังไม่จำเป็น ใช้เสื้อยืดไปก่อนได้

ทั้งสี่ข้อเป็นคำถามให้ถามใจตัวเอง ต่อไปเป็นความเหมาะสมของแต่ละท่าน ว่าสมควรจะใช้รถแบบไหนดี ลองอ่านเกี่ยวกับประเภทรถดูแล้วตัดสินใจเอาเองนะว่าแบบไหนเหมาะที่สุด

เทรคคอร์ปอเรชั่น (TREK Corporation) ซึ่งเปรียบเสมือนโตโยต้าของจักรยาน เพราะผลิตจักรยานตั้งแต่สำหรับเด็กเล็ก ๆ ไปจนถึง Madone จักรยานเสือหมอบซึ่งออกแบบในอุโมงลม ให้แลนซ์ อาร์มสตรอง ปั่นจนเป็นแชมป์ ตูร์ เดอ ฟรอง ถึง 6 สมัยซ้อน ได้ระบุไว้ในเวปไซท์ ( http://www.trekbikes.com ) ของเขา โดยแบ่งรถจักรยานเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ 5 กลุ่ม คือ
1. Road สำหรับทางเรียบ Mountain สำหรับออฟโรด
2. City & Bike Path สำหรับใช้ในเมือง ในหมู่บ้าน หรือในบ้านเมืองที่มีเลนจักรยาน
3. Special Bikes รถที่ออกแบบ สำหรับความต้องการพิเศษ
4. Kids & BMX จักรยานสำหรับเด็ก ๆ
5. WSD Woman Specific Design รถจักรยานที่ออกแบบสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ.....
ที่มา:
:ugeek: ที่สุดขอยคำถามยอดฮิตเรือ่งการเลือกไซส์เฟรมและการเซ็ทอัพรถเสือหมอบสำหรับมือใหม่ มือเก่า มือกลาง มือดี มือแรง มือปลาหมึก

ทุกๆสัปดาห์จะมีคำถามแบบนี้มาเสมอๆ และทุกกระทู้ขายเฟรมเสือหมอบจะต้องมีคำถามควบคู่เสมอๆว่า "ผมสูง 170 จะขี่ได้มั้ย" ต่อไปนี้คือการใช้งานเวปไซท competitivecyclist หนึ่งในเวปที่สร้างระบบการวัดตัวและระยะการเซ็ทอัพรถมาให้เราใช้งานแบบครบวงจรแบบง่ายๆที่บ้าน อาศัยเพียงเครือ่งมือวัดนิดหน่อย คนรู้ใจช่วยวัด และ .... คอมพิวเตอร์ (ซึ่งคงไม่ยากหากคุณกำลังอ่านข้อความนี้อยู่ แสดงว่าคุณมีหนึ่งในสามอุปกรณ์หลักในการวัดตัวแล้ว!!)

เริ่มต้นด้วยการใส่ URL หรือ ที่อยู่เวปไซท์ลงไปในช่องของ browser ของท่าน ไม่ว่าจะเป็น IE, Firefox, Safari ทุกอย่างใช้งานได้ไม่มีปัญหาหครับ เพียง copy ตรงนี้ไป...

http://www.competitivecyclist.com/za/CC ... ATOR_INTRO

อย่าลืมเปิดหน้าต่างใหม่ก่อนนะครับ อย่าใส่บนหน้าต่างนี้ เดี๋ยวจะโบกมือลาหน้าเวป ThaiMTB ไปซะก่อน

จากนั้นจะได้หน้านี้มาครับ ยังไม่ต้องสนอกสนใจอะไรมากมายนัก มองไปที่ด้านขวาล่างจะมีช่องให้เรากรอกข้อมุลเบื้องต้นลงไป ก็จัดการกรอกตามลำดับเสียให้เรียบร้อยครับ อันแรกคือ เพศของผู้ขี่ มีชายและหญิง ไม่มีอีแอบให้เลือกนะครับถ้าจิตใจและร่างกายไม่สามัคคีกันเลือกเพศขอให้เลือกตามร่างกายเป้นหลักครับ อีกอันคือเลือกมาตราวัด เลือกระบบเซ็นติเมตร(เมตริกซ์) หรือระบบนิ้ว-ฟุต(อิมพีเรียล)




เสร็จแล้วกดปุ่ม start ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการวัดตัวอย่างละเอียดครับ คำแนะนำของทางเวปนั้นย้ำว่าแต่ละข้อมุลควรวัดหลายๆรอบแล้วนำค่าที่ได้มาเฉลี่ยกัน ยิ่งละเอียดยิ่งดี ยิ่งแม่นยำยิ่งได้ระยะถูกใจกันได้ ทางเวปพบว่าส่วนมากจะไม่สำเร็จสมใจก็เพราะวัดแล้วคลาดเคลื่อนครับ ดังนั้นหาคนมาช่วยวัดซักคนก็ดีครับ วัดหลายๆรอบเอาชัวร์ใว้ก่อน



เอาล่ะครับ ช่องแรกแรกนี้คือขั้นตอนการวัดระยะ inseam หรือระยะขาด้านใน คำแนะนำก้คือให้ใส่กางเกงปั่นจักรยาน(หรือแก้ผ้าซะ) เท้าเปล่านะครับยืนแยกเท้าซัก 8 นิ้ว(20เซนต์)หันหลังชิดกำแพงมาร์คจุดตำแหน่งส้นเท้าและจุดตรงเป้า(ผมเอาสมุดซักเล่มมาเสียบเข้าหว่างขาซะแล้วมาร์คที่สันสมุดด้านติดเป้าตรงกำแพง) จากนั้นวัดระยะจากจุดแรกถึงจุดที่สอง **ห้ามเอาระยะจากกางเกงขายาวมาวัดนะครับ ระยะพวกนั้นจะสั้นกว่าระยะขาจริงสองนิ้ว!!

กดปุ่ม next step สู้หน้าต่อไปครับ


trunk หรือระยะตัวช่วงบน นั่งบนเก้าอี้(หรือพื้นแต่ต้องนั่งหลังตรงนะครับ) หลังตรงชิดผนัง ต้องให้แน่ใจว่าตั้งแต่ก้นจนถึงตลอดทั้งแผ่นหลังแนบผนังเอาใว้ จากนั้นมาร์คที่ระยะความสุงของกระดูหัวไหล่ช่วงที่ไหปลาร้าเรามาชนกับหัวไหล่นั่นล่ะ วัดตั้งแต่เก้าอี้(หรือพื้น)ดิ่งมาที่ระยะนี้ วัดสองข้างแล้วเฉลี่ยมาใส่นะครับ ใส่แล้วกด next step สู้ช่องต่อไป



forearm หรือแขนท่อนล่าง อันนี้วัดง่ายหน่อยครับ กำปากกาเมจิกซักแท่งเอาใว้ในอุ้งมือ กำให้มันตั้งฉากกับแนวแขนเรานะครับจากนั้นนั่ง(หรือยืนก็ได้)สบายๆงอศอกเป็นมุมแาก วัตถุที่กำควรชี้ชื้นฟ้า วัดจากกุ่งกลางของเจ้าวัตถุถึงกุ่งกลางของข้อต่อข้อศอกเรา นั่นล่ะครับ กรอกลงไปแล้วไปต่อขั้นต่อไปกันเลยดีกว่า



arm หรือความยาวแขน ยังคงกำแท่งปากกาแท่งเดิมนั่นนะครับ แต่ทีนี้ยืดแขนไปด้านหน้าให้สุดแขน อย่าให้ไหล่เอี้ยวไปด้วยนะครับ ถ้านั่งติดผนังก็ให้แผ่นหลังแปะผนังเอาใว้ให้มั่นทั้งสองด้าน วัดจากกุึ่งกลางแท่งเดิมมาที่ตรงรอยต่อกระดูกแขนกับหัวไหล่ วัดสองข้างเฉลี่ยแล้วกรอกลงไปในช่องต่อไป แล้วกด next ครับ



thigh หรือความยาวขาท่อนบน นั่งบนเก้าอี้ที่เมื่อนั่งแล้วขาเราจะห้อยลงมาทำมุมฉาก นั่งให้หลังชิดกำแพงตลอดตั้งแต่บั้นท้ายจนท่อนบนครับ วัดระยะจากผนังจนถึงสะบ้าเข่าด้านหน้าสุด วัดแล้วเฉลี่ยสองข้างมาลงในช่องต่อไปได้เลยครับ



lower leg แปลตรงตัวครับ ขาท่อนล่าง นั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมนะครับ นั่งให้ขางอทำมุมแากสบายๆเอาหนังสือปกแข็งซักเล่มมาวางบนเข่าทั้งสองข้าง(เล่มเดียวนั่นล่ะครับแต่วางบนขาสองข้าง) วัดจากพื้นจนถึงระดับของสมุดเล่นนี้ หาสองข้างแล้วเฉลี่ยนะครับ จากนั้นใส่ลงไปในช่องเลยครับ



sternal nortch หรือระยะช่วงตัวท้งหมด ยืนหลังตรงติดผนังแล้วหาตำแหน่งกุ่งกลางที่ไหปลาร้าสองข้างวิ่งมาชนกัน ตรงนั้นคือยอดของกระดูกหน้าอกพอดีๆครับ วัดจาดตรงนี้ลงไปถึงพื้นดิ่งลงไป นี่คือระยะของความยาวตั้งแต่ขาถึงช่วงตัวเราทั้งหมดครับ กรอกแล้วไปสู่ช่องสุดท้ายกันเลยครับ



อันสุดท้ายไม่ต้องบอกมากครับ ความสูงครับ ความสุงทั้งตัวไม่รวมเส้นผมครับ เมื่อกรอกแล้วกดปุ่มได้เลยครับ เข้าสู่หน้าต่อไปที่เรารอคอย



นี่คือผลสรุปรวมของค่าทั้งหมดที่เราได้มาครับโดยทางระบบจะคำนวนระยะทั้งหลายออกมาในรูปแบบของ frame geometry หรือ มิติของเฟรมที่เราสามารถนำไปใช้งานได้ทันที เพื่อความเข้าใจง่ายๆของคนหมู่มาก ผมจะอธิบายคำต่างๆง่ายๆดังนี้ครับ

seat tube range c-c
ระยะความยาวท่อนั่งวัดจากกุ่งกลางกระโหลก ไปจนถึงกึงกลางของแนวรอยต่อท่อนั่งและท่อบน
seat tube range c-t
ระยะความยาวท่อนั่งวัดจากกุ่งกลางกระโหลกไปจนถึงยอดสุดของท่อนั่ง
top tube range
นี่คือระยะที่สำคัญที่สุดสำหรับขนาดเฟรมครับ !! ค่าที่ได้นี้ไม่ใช่การวัดขากกุ่งกลางท่อคอไปหากึ่งกลางท่อนั่งดื้อๆนะครับมันคือค่า effective top tube หรือ horizental top tube พูดง่ายๆคือค่าท่อบนวัด"ชนาน"พื้นแบบท่อบนเสือหมอบแบบเก่า ไม่ใช่การวัดตามแนวเฟรมโสลปครับ
stem length
ความยาวเสต็ม
bb-saddle position
ระยะจากกึ่งกลางกระโหลกไปจนถึงบนสุดของเบาะนั่ง อย่าลืมว่าบันได คลีท และเบาะต่างๆมีค่าคาดเคลื่อนไม่เหมือนกัน ดังนั้นค่าที่ได้นี้มีระยะคลาดเคลื่อนได้ถึง 2 เซนต์ฯ ครับ ทางออกคือ.... ลองหาตามทฤษฏีท่าปั่นที่ดีอีกครั้งดีกว่าครับ
saddle-handle bar
ระยะจากเบาะถึงแฮนด์ วัดจากจมูกของเบาะไปจนถึงขอบท่อแฮนด์ด้านใกล้ตัว ค่านี้สำหรับการวาง CG หรือจุดศูนย์ถ่วงที่เหมาะสมบนจักรยานคัรบ
saddle set back
เป็นระยะที่สำคัญสำหรับการออกแรงอย่างมีประสิทธิภาพครับ วัดโดยการทิ้งลูกดิ่งจากจมูกของเบาะไปดุว่าเบานั้นอยู่ห่างจากกึ่งกลางของกระโหลกมากน้อยเท่าใด(กติกา UCI มีระบุขอบเขตุนี้ใว้ด้วย!!)
เอาล่ะครับ มาดุคำจำแนกประเภทของการเซ็ทรถกันเป็นสิ่งที่เราต้องรู้ก่อนที่เราจะนำค่าต่างๆพวกนี้ไปใช้งานเพื่อพิจารณาหาเฟรมและเซ็ทรถให้เหมาะสมกับตัวเรากันต่อไปครับ นอกจากเซ็ทรถให้เหมาะกับ"คนขี่"แล้ว ยังต้องเซ็ทรถให้เหมาะกับ"การขี่" อีกด้วยครับ ทางเวปไซท์ได้จำแนกการเซ็ทอัพรถเอาใว้สามแบบดังนี้ครับ

Competitive Fit
คือการเซ็ทรถที่เป็นค่าที่ได้จากประสบการณ์ของเวปไซท์ที่ได้มาจากการสังเกตุและมองดูลูกค้าที่มองหารถที่แรง ก้าวร้าว ดุดัน ซึ่งรถที่เซ็ทมาจากโรงงานในสมัยนี้ระดับบนๆมักจะมากับการเซ็ทรถแบบนี้ทั้งนั้น ท่าทางการขี่ที่ลู่ลม ก้มต่ำ แฮนด์ต่ำทิ้งน้ำหนักลงบนมือมากกว่าบนเบาะคือท่าทางที่ได้จากการเซ็ทอัพรถแบบนี้ครับ บางครั้งระดับเบาะและแฮนด์อยู่ห่างกันถึง 10 เซนต์ฯทีเดียว การเซ็ทอัพแบบนี้เหมาะกับผู้ที่มีความยืดหยุ่นของร่างกายที่ดี สามารถทนต่อการคุดคู้อยู่บนเฟรมเล็กๆได้นาน ดังนั้นในทางกลับกัน หากไม่ใช่นักปั่นระดับเข้มข้น บางครั้งท่าปั่นแบบโปรเช่นนี้ก็คือนรกบนเบาะจักรยานที่ระยะยาวนานกว่า 6 ชั่วโมง !!

The Eddy Fit
ชื่อนี้มาจากท่าปั่นของนักปั่นในตำนานอย่าง Eddy Merckx หรือรู้จักกันดีในฉายา "ฮาร์นิบาล" นักปั่นเลือดเดือดโหดร้ายเกมส์ร้อนแรงจากยุค 70s-80s ดังนั้นไม่เกี่ยวกับความเร็วนะครับ !! คนมักจะเข้าใจว่าการเซ็ทแบบโปรแบบแรกให้ความเร็วสุงที่สุด ทว่าถ้าเป็นแฟนจักรยานรุ่นเก๋ากว่านั้นคงจะพอนึกออกว่าตาเอ็ดดี้แกไม่ได้ปั่นหวานเย็นอืดอาดแต่อย่างใดเลยครับ แต่เพราะกาลเวลาผ่านไป นักแข่งสมัยใหม่ได้รับรถที่สบายขึ้นจึงยอมเสียความสบายในท่าทางการปั่นไปให้กับการออกแรงที่มีประสิทธิผลสูงสุด อย่างไรก็ดี ในการแข่งทัวร์ยาวๆโหดๆ นักแข่งจำนวนหนึ่งฏ็ยังคงพบว่าภาพลักษณ์ท่าปั่นแบบยุค 70s นั้นดูจะเหมาะสมกว่า มีรายละเอียดเชิงลึกที่ทางเวปเค้าอธิบายแต่ขอยกไม่แปลแล้วกันครับ สรุปง่ายๆว่า อาจจะลำบากหากจะหาเฟรมสมัยใหม่ที่สามารถเซ็ทอัพแบบนี้ได้"สมบูรณ์"แบบเหมือนเฟรมยุคนั้น ทว่า ต่างคนต่างมีระยะที่ต่างกันครับ ไม่แน่ว่าเฟรมที่ออกแบบมาสมัยใหม่บางรุ่น บางพวก บางยี่ห้อ อาจไปตกหล่นอยุกับร่งกายของใครซักคนที่เหมาะอย่างไม่น่าเชื่อที่จะนำมาเซ็ทรถแบบนี้ ย้ำนะครับ ไม่ได้แปลว่าขี่ยบายแล้วจะช้า แต่มันคือ"สไตล์การขี่" ในเชิงลึกการออกแรงขี่ในยุค 70s กับสมัยนี้ก็ไม่เหมือนกันด้วยนะครับ

The French Fit
การเซ็ทรถแบบนี้ใช้แนวคิดตรงกันข้ามกับแบบแรกครับ คือมุ่งเน้นที่ความทนทานในการปั่นมากกว่า เฟรมใหญ่ที่สุดเท่าที่จะเหมาะ แต่ก็ไม่ได้แปลว่า"ไปช้า" บนเส้นทางยาวๆขี่กัน 8 ชั่วโมง 10 ชั่วโมง คนที่เซ็ทรถแบบแรกกะว่าจะไปเร็ว สุดท้ายบั้นปลายจะแป้กและแผ่วตรงกันข้ามกับคนที่เซ็ทรถแบบนี้จะรักษาระดับได้ง่ายกว่า เหตุผลง่ายๆก็เพราะการเซ็ทแบบแรกนั้นเซ็ทรถให้สามารถนำไปกระชาก ไปยิง ไปไล่ได้อย่างสนุกสนานมันส์เท้า แต่แบบที่สามนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางแบบ"คงที่" อาจสปรินท์ไม่ดีแต่จะสามารถรักษาความเร็วไปเรื่อยๆบนทางไกลได้ รถอาจดูไม่สวยงามดุดันนัก แต่หากคุณเป็นนักปั่นรถเสือถนนที่ไม่สนใจสายตาคนมอง ไม่สนใจอยากยิงก็ยิงไป เดี๋ยวอีกครึ่งวันเจอกันแถวๆเส้นชัยหรือจุดหมายปลายทาง นี่คือการเซ็ทรถที่เหมาะมากๆครับ อย่าลืมว่า ต่อให้แข็งแรงแค่ใหน แต่ถ้า"ความล้า"มาเยือน ไม่เหนื่อยก็ทรมานไม่หมดแรงก็ไม่อยากออกแรงแล้วนะครับ

อันนี้ผมขอเสริมเองอีกประเด็นว่า .... สมัยนี้บริษัทรถจักรยานออกแบบเฟรมมาหลายหลากเป้าหมาย ทางที่ดีก่อนที่จะนำค่านี้ไปเซ็ทรถล่ะก็ ลเือกเป้าหมายของเฟรมที่เรามองให้เหมาะด้ว เช่น ถ้าอยากเซ็ทรถแบบดุดันแบบ competitive แต่ดันไปเลือกรถในกลุ่มขี่สบายๆมาแทน ผลที่ได้ก็คือต้องเซ็ทรถยากกว่าเดิม ได้อรรถประโยชน์ไม่เต็มที่ ในทางกลับกัน หากไปซื้อรถที่มีมิติแบบโปรเน้นแข่งเน้นแรงแต่มาเซ็ทแบบ French Fit ก็จะพบว่าทำได้ยากยิ่งเหมือนกัน เชื่อว่าหลายๆท่านคงได้ศึกษามิติเฟรมมาดีแล้วว่าออกแบบรุ่นใดมาเพื่ออะไร แล้วจึงมาศึกษาเรื่องการวัดตัวนี้นะครับ

ขอบคุณ คุณ Giro เจ้าของบทความครับ

วิธีเอาหลักอานออก...ขอบคุณพี่aisบอกใว้.ถามกันมาเยอะ ผมจะเฉลยในกระทู้นี้เลย จะได้รู้กันว่าเอาหลักอานออกยังไง ครั้งผมก็ต๊าฟเกลียวที่ปลายหลักอาน หลังจากเอาส่วนหัวสำหรับยึดจับเบาะออก แล้วใช้ยางอุดที่ปลายหลักอานแล้วคว่ำหลักอานลง เอาน้ำมันโซล่าเทเข้าทางกระบอกใส่หัวกระโหลกทิ้งไว้หนึ่งคืน
หลังจากแช่น้ำมันโซล่าหนึึ่่งคืน เอาเพลาที่ปลายเป็นเกลียวขันเข้าไปในหลักอานแลัวใช้ลูกกระทุ้งกระแทกที่ปลายเพลาอีกด้านทำอยู่หลายครั้ง หลักอานไม่ขยับทำหลายๆครั้ง จนท่อยึดกับท่อนนั่งด้านบนร้าวนิดๆ สรุปว่าไม่ได้ผล
เลยต้องใช้ไม้ตายสุดท้ายคือผ่าหลักอาน
อุปกรณ์ที่ใช้ก็มีแค่ใบเลื่อยตัดเหล็กไฮสปีด เศษผ้าสำหรับสำหรับจับใบเลื่อย ไขควงปากแบน ไฟฉายและค้อนกับลวดยาวอย่างน้อย 40 ซมกับปากกาแมจิค. ที่สำคัญต้องใจเย็นๆอย่าใจร้อนและใช้สมาธิมากๆ
ก่อนอื่นหลักอานที่จะผ่า ต้องโผล่จากท่อนั่งอย่างน้อย 1 นิ้วไว้สำหรับเคาะ
เมื่ออุปกรณ์พร้อม ใช้ลวดหักปลายให้งอเป็นตะขอแหย่ปลายลวดด้านเป็นตะขอลงไปในหลักอาน เพื่อหาส่วนปลายหลักอาน เมื่อรู้ความลึึกและปลายหลักอาน ให้ใช้ปากกาขีดที่ท่อนั่งไว้เพื่อเวลาเลื่อยหลักอานจะได้กะความลึึกใบเลื่อยได้
ใช้ใบเลื่อยตัดเหล็กสอดเข้าไปในหลักอาน อย่าให้คลองเลื่อยตรงร่องผ่าของท่อนั่ง เวลาเลื่อยให้วางใบเลื่อยหัวและปลายให้กินหรือเซาะเท่าๆกันและต้องหมั่นดูคลองเลื่อยบ่อยๆเพื่อกันใบเลื่อยกินท่อนั่ง ข้อสังเกตส่วนมากหลักอานจะเป็นอลูเมื่อเลื่อยจนคลองเลื่อยทะลุหลักอานใบเลื่อนจะลื่นเหมือนใบเลื่อยไม่คม ใช้ไฟฉายส่องไปในหลักอานว่าขาดออกจากกันหรือยัง ถ้าขาดออกจากกันแล้ว ให้ใช้ใบเลื่อย เลื่อยตรงกันข้ามกับคลองเลื่อยอันแรก จนท่อนั่งขาดออกจากกัน เมื่อเลื่อยจนขาดเป็น 2 ซีกแล้วใช้ค้อนเคาะปลายหลักอานเบาๆหลักอานจะขยับออกเพราะหลักอานมีช่องว่างของคลองเลื่อย ทำให้หลักอานที่ติดขยับและให้ตัวได้
ในกรณีที่หลักอานจมลึกปลายโผล่น้อย ให้ใช้ปลายไขควงแบนเข้าตรงรอยผ่าของท่อนั่งที่ใส่รัดหลักอาน ใช้ค้อนไขควงให้หลักขับจนหลุดออกจากกัน
ข้อควรระวังอย่าใจร้อนใช้ค้อนเคาะปลายหลักอาน ถ้ายังเลื่อยหลักอานยังไม่ขาดออกจากกัน เพราะจะทำให้คลองเลื่อยบีบเข้าหากันท่านจะเลื่อยซ้ำจะทำไม่ได้ ต้องเริ่มต้นใหม่หมดทำให้เสียเวลา
ข้อความของผมอาจจะทำให้อ่านแล้วสับสน ต้องขออภัยด้วยครับ
ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการเอาหลัดอานออกครับ

แก้ไขล่าสุดโดย hs6rpj เมื่อ 03 มิ.ย. 2014, 10:49, แก้ไขแล้ว 24 ครั้ง
รูปประจำตัวสมาชิก
hs6rpj
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 690
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 21:12
Tel: 0813790703
Bike: trek

@@@

โพสต์ โดย hs6rpj »

http://shop4health.tripod.com/bike.htmข้อกำหนด
- เป็นการปั่นในลักษณะปั่นไปเรื่อยๆ ชิลๆ ควบคุมความเร็วประมาณ 25-33 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (HR 110-140 bpm) ระยะทางระหว่าง 60-120 กิโลแล้วแต่ความต้องการและความสะดวกของผู้ที่มาร่วม จอดเติมน้ำแล้วปั่นต่อ ใช้เวลาในการปั่นตั้งแต่ 2-4 ชั่วโมง


ข้อควรปฏิบัติในการปั่นกับ TAB Endurance Group Ride

1. เทคนิคในการสูบลมยาง ไม่ควรสูบยางแข็งเกินไปเพราะจะทำให้การคอนโทรลรถในทางขรุขระไม่ดี และการยึดเกาะถนนไม่ดี ยิ่งช่วงนี้หน้าฝนยางที่แข็งเกินอาจทำให้ลื่นไถลได้ง่าย และการสูบยางแข็งเกินไปเป็นการเพิ่ม rolling resistance เพราะถนนที่ปั่นนั้นไม่ได้เรียบ 100% ยางที่แข็งไปนั้นจะกระดอนไปมาทำให้สูญเสียพลังงานไปมากกว่ายางที่สูบพอเหมาะ และทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วกว่า ยิ่งอุณหภูมิร้อนๆยางในอาจเกิดการระเบิดได้ แรงดันลมยางของยางงัดหน้า 23 mm ที่เหมาะสมคือ 90-100-110 psi แล้วแต่น้ำหนักตัวของผู้ปั่น ไม่ควรสูบยางแข็งถึง 120 แม้ว่ายางที่ใช้นั้นจะมีค่า maximum pressure สูงกว่านั้นมากก็ตาม

2. เวลาปั่นที่มีการเปลี่ยนแปลงความเร็วของกลุ่มจากการเลี้ยวเข้าออกจากซอย จากทางขรุขระ หรือขึ้นลงสะพาน ผู้ที่ปั่นนำต้องคอยสังเกตุว่ากลุ่มหลังมาทันหรือไม่และคอยชะลอรถเพื่อให้มาพร้อมกันก่อนจึงค่อยๆเพิ่มความเร็ว เพราะถ้ากลุ่มที่อยู่หน้าไม่รอและปั่นตั้งความเร็วในทันที กลุ่มหลังก็จะต้องเร่งปั่นในความเร็วที่สูงกว่าเพื่อให้ตามทันและอาจปั่นแซงไป กลุ่มที่ถูกแซงก็จะต้องเร่งตาม ทำให้ความเร็วในการปั่นมากเกิน และจะลงท้ายด้วยการแข่งขันกันเองในที่สุด ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ของกลุ่ม

3. ผู้ที่มีประสบการณ์ในการปั่นไม่มากและไม่แน่ใจว่าตนเองสามารถปั่นได้ในระยะทางตามที่กำหนดหรือไม่ ควรปั่นแบบถนอมแรงคือปั่นอยู่ในกลุ่มค่อนมาด้านท้าย อาจสลับนำบ้างแต่ไม่ควรอยู่นานขึ้นแล้วรีบออกซ้ายลงไปต่อท้าย หรือถ้าไม่ขึ้นนำเลยก็ให้เว้นระยะให้คนนำที่ถอยลงมาเข้าแทรกด้านหน้าของตนเองกับกลุ่ม และใช้เทคนิคการฟรีขาเป็นระยะเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการตะคริว

4. ผู้ที่มีประสบการณ์ในการปั่นมากและต้องการปั่นเพื่อการฝึกซ้อมให้เน้นปั่นโดยโฟกัสไปที่รอบขา โดยคงรอบขาให้อยู่ที่ประมาณ 95-110 รอบต่อนาทีและปั่นโดยไม่ฟรีขาตลอดเวลาที่ปั่น โดยการปั่นจะเป็นไปในลักษณะการควงขาเป็นวงกลมมีการกด-ปาด-ดึง ซึ่งหากตั้งระยะความสูงของเบาะพอดีลำตัวและสะโพกจะนิ่งไม่ส่ายไปมา การฝึกในลักษณะนี้จะทำให้เกิดความทนทานและสามารถปั่นได้ไกลขึ้นโดยที่ขาไม่ล้า ในการแข่งขันสามารถถนอมขาไว้ใช้ในช่วงที่เป็นวินาทีตัดสินได้ แต่ในการฝึกจะเหนื่อยกว่าการปั่นแบบปกติ


ผู้ที่สนใจมาร่วมปั่นด้วยกันสามารถโทรสอบถามรายละเอียดได้นะครับ

_________________
"Aerobic Endurance Group Ride" กลุ่มผู้รักการปั่นจักรยานแบบแอโรบิคเอนดูรานซ์
viewtopic.php?f=129&t=354876

"Power tends to corrupt and Absolute Power corrupts absolutely". Lord Acton




Democrazy 12 ก.ค. 2011, 16:32



โพสต์: 1761
Tel: 089-149-1849
team: TAB Group
Bike: Lynskey R230

สถิติออนไลน์: 96d 18h 41m 27s ประโยชน์ที่ได้จากการฝึกแบบเอนดูรานซ์ในเชิงทฤษฎี

1.เพิ่มศักยภาพในการเก็บไกลโคเจนในตับและกล้ามเนื้อให้มากขึ้น
2.พัฒนาระบบหายใจ ช่วยให้สามารถนำพาออกซิเจนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อต่างๆได้มากขึ้น
3.ทำให้หัวใจแข็งแรงและมีประสิทธิภาพดีขึ้น สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อต่างๆได้ในปริมาณมากขึ้น
4.ระบบระบายความร้อนของร่างกายดีขึ้น
5.ประสิทธิภาพ ในการปั่นจะดีขึ้นโดยกล้ามเนื้อแดงจะสามารถทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้ในงานเท่าๆกันร่างกายจะใช้กล้ามเนื้อในการปั่นน้อยมัดลงหรือกล้าม เนื้อในการปั่นมัดนั้นๆทำงานน้อยลง
6.เพิ่มความสามารถในการนำไขมันออกมาใช้เป็นพลังงานในการปั่น
7.เพิ่มความทนทานของกล้ามเนื้อในการปั่น โดยในเซลล์กล้ามเนื้อจะมีไมโตคอนเดรียเพิ่มมากขึ้น (เซลล์ที่ให้พลังงานแบบแอโรบิค)
8. กล้ามเนื้อขาวบางส่วนจะเปลี่ยนไปทำงานแบบแอโรบิคเช่นเดียวกันกับกล้ามเนื้อแดงมากขึ้น ทำให้ความทนทานในการปั่นมีมากขึ้น
9. ช่วยในการฟื้นฟูสภาพของร่างกาย โดยเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ล้ามาจากการฝึกหนักในวันก่อนๆ


แต่ถ้าเอาประโยชน์แบบทั่วๆไปก็
1. ทุกๆคนที่ร่วมปั่นสามารถปั่นได้อย่างสนุก ไม่ว่าจะมือใหม่หรือมือเก่า ไม่ต้องกลัวว่าจะตามเพื่อนไม่ทัน
2. อันตรายจากการปั่นแบบนี้มีน้อยกว่าการปั่นแบบอื่น เพราะใช้ความเร็วในการปั่นน้อยกว่า
3. ทุกคนที่มาร่วมปั่นได้ประโยชน์ในด้านสุขภาพเหมือนๆ กัน ไม่ต้องฝืนตะบี้ตะบันให้ร่างกายบอบช้ำ
4. มีเวลาชมนกชมไม้ ชมธรรมชาติ สัมผัสความสุขที่แท้จริงของการปั่นจักรยาน

ข้อ 5... รอไว้มาปั่นแล้วพี่ๆช่วยเสริมให้นะครับ

_________________
"Aerobic Endurance Group Ride" กลุ่มผู้รักการปั่นจักรยานแบบแอโรบิคเอนดูรานซ์
viewtopic.php?f=129&t=354876

"Power tends to corrupt and Absolute Power corrupts absolutely". Lord Acton

ขี่จักรยานบางคนถามว่าไม่เห็นจะได้อะไรเลย เหนื่อยก็เหนื่อย แดดก็ร้อน จักรยานก็แพง ชุดก็แพง
เสียเวลา เอาเวลาไปทำงานดีกว่า ทำงานเหนี่อยก็ได้ออกกำลังเหมือนกัน บางคนสุขภาพก็ไม่ค่อยดี
ชวนให้ขี่จักรยาน กลับบบอกว่าไม่มีเวลาอ้างสารพัดเหตุผลที่จะไม่ทำ ทั้งที่ทุกอย่างที่ว่ามาทำเพื่อตัวเอง
เวลาไปหาหมอ หมอนัด 9 โมงเช้าไปตั้งแต่ 7โมง ตรวจเสร้จกว่าจะได้กลับบ้านก็หมดไปเกือบวัน
แบบนี้มีเวลาครับ คนอะไรไม่รักตัวเอง คอยจะพึ่งแต่คนอื่น เราต้องพึ่งตัวเองก่อน ช่วยเหลีอตัวเอง
ก่อนถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยพึ่งหมอ พึ่งโรงพยาบาล แต่ต้องสำนึกว่าต้องพึ่งพาตนเองก่อนครับ

ลองมาดูขี่จักรยานแค่1 ชม เราได้อะไรบ้าง มาดูครับ ว่าคุ้มไหมกับการเสียเวลา1ชม
ถ้าไม่คุ้มจะได้ตัดใจไม่ขี่เสียเลยครับ เริ่มต้นพิจารณาเลยครับ
-เมื่อนั่งอยู๋บนอาน กล้ามเนื้อขาทุกส่วนได้ออกกำลัง และได้สร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อครับ
แขนจับที่แฮนด์กล้ามเนื้อแขนและไหล่ รวมทั้งกล้ามเนื้อที่ยึดสันหลังได้ทำงานเคลื่อนไหวตลอดเวลาครับ
คอและตาได้เคลื่อนไหวร่วมกันได้บริหารทั้งสองส่วน ระบบการทรงตัวต้องทำงานตลอดเวลาจึงได้
บริหารระบบการทรงตัวไปโดยอัตโนมัตครับ ถ้าระบบการทรงตัวไม่ดีขี่จักรยานไม่ได้ครับ เท่ากับ
เราได้ตรวจสอบระบบการทรงตัวของเราครับ
- ปอดทำงานมาก ปอดก็แข็งแรง เมื่อหายใจมาก การแลกเปลี่ยนออกซิเจนกับเลือดมากขึ้น
ทำให้ร่างกายไม่เป็นกรด เพราะเมื่อเลือดเป็นกรดเราจะป่วยครับ
-หัวใจทำงานมากขึ้น เท่ากับเราได้บริหารหัวใจให้แข็งแรงครับ แล้วยังได้สูบฉีดเลือดอย่างรวดเร็ว
ทำให้หลอดเลือดแข็งแรงครับ
-การสูญเสียพลังงาน ในรูปของไกลโครเจน ทำให้เราได้เผาผลาญไขมันครับ นี่แหละคือเหตุผลที่ทำ
ให้ไขมันในหลอดเลือดลดน้อยลงครับ และยังสูญเสียคาร์โบไฮเดรตในรูปของน้ำตาล ก็เลย
ทำให้น้ำตาลในเส้นเลือดน้อยลงครับ ถ้าท่านป่วยเป็นเบาหวานการกินยาก็ลดน้อยลง
หรือบางท่านแทบไม่ต้องกินยาเลยครับ
-เมื่อเราสูญเสียพลังงาน ร่างกายก็ต้องผลิตขึ้นมาทดแทน โดยผ่านการดูดซึมจากกระเพาะอาหาร
และลำใส้เล็ก เพราะฉะนั้นกระเพาะอาหาร และลำไส้ก็แข็งแรงขึ้นครับ
-เมื่อขี่จักรยานแล้วเกิดการระบายความร้อนผ่านทางเหงื่อ ทำให้ได้ขับของเสียผ่านรูขุมขน
ทำให้ภายในร่างกายเราสะอาตขึ้นครับ
-การขี่จักรยานทำให้ข้อต่อ กระดูก เส้นเอ็นได้เคลื่อนไหวครับ
-การขี่จักรยานต้องนั่งอยู่บนอานทำให้ กระดูก ข้อเท้า ข้อเข่า ไม่ต้องรับน้ำหนักตัวเองครับ
-ขี่จักรยาน ไม่เกินโซน2 ก็คีอประมาณวิ่งมาราธอน เกิน 50 นาที ทำให้เกิดการหลั่งของ แอนโดฟิน
ชึ่งช่วยซ่อมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย และทำให้สดชื่นครับ
-ได้รับแสงแดดในตอนเช้า และ ได้บริหารระบบหายใจ ทำให้นักขี่จักรยานไม่เป็นหวัด
หรือถ้าเป็นหวัดก็หายเลยครับ ภูมิแพ้ก็หายเช่นเดียวกันครับ
-ขี่จักรยานทำให้สมาธิดีครับ
-ขี่จักรยานทำให้รู้สึกคำว่า พอเพียง เพราะขณะปั่นจักรยานเราต้องบริหารแรงที่มีอยู่
พอรู้สึกหิว ก็มองหาของกิน ปั่นไป่เรื่อยๆ ไม่เจอร้านของกินสักที หิวก็หิว
ปั่นต่อไปอีก ก็ยิ่งหิว แรงก็หมด สิ่งที่อยากได้เวลานั้นมีอย่างเดียว คีออาหารครับ
ความพอเพียงเกิดเลยครับ เพราะคนเราที่จริงมันก็แค่นี้จริงๆครับ

ยังมีต่ออีกเยอะครับ


แต่ต้องขี่ภายใต้กฎเกณฑ์ นี้เท่านั้นครับ

ผมขอเตือนนักขี่จักรยานทางไกลทั้งต่อเนื่องติดด่อกันหลายวันหรือวันเดียวก็ตามหรือ
เพื่อออกกำลังกายเพื่อสุขภาพครับ

-ข้อแรกสำคัญที่สุด อย่าผลักดันตัวเอง ตามคนที่มีความสามารถสูงกว่าโดยเด็ดขาด
-ข้อสองเดินทางเป็นกลุ่มเอาคนที่มีความสามารถน้อยสุดมาเป็นตัวตั้ง คือเป็นตัวมาตรฐานการเดินทางครับ
-ข้อสามประชุมหารือกันก่อนออกเดินทาง ให้ทุกคนยอมรับวิธีการตามข้อสองให้ได้
-ข้อสี่ควบคุมการขี่ให้อยู่ไม่ให้เกินโซน2ของการออกกำลังกายคือประมาณ65-75%ของความสามารถสูงสุด
ของคนที่มีความสามารถน้อยที่สุดขณะนั้นครับ
-ข้อห้าห้ามขี่แบบบ้าพลังอัดแข่งกันไปเหนื่อยแล้วพัก หายเหนื่อยแล้วขี่ต่อครับ ซึ่งมีข้อเสียอย่างมากมาย
วิธีนี้ไม่สามารถนำมาขี่ทางไกลได้ครับ แม้แต่ แล้มป์ แชมป์3 สมัยก็ไม่ใช้วิธีขี่แบบนี้ครับ
-ถ้าใช้วิธีตามข้อห้า ผลเสียคือ
1. การหลั่งของกรดแลคติคอย่างรวดเร็วเพราะเข้าสู่โซนอแนโรบิค กรดนี้มีผลทำลายกล้ามเนื้อ
มีอาการดังนี้คือหลังจากหยุดพักแล้วขี่ต่อ จะปวดล้ากล้ามเนื้อทั้งๆที่มีแรงขี่ต่อ กรดนี้ร่างกายสร้าง
เป็นอัตโนมัตืเพื่อหยุดให้เราทรมานร่างกายอีกต่อไป คือคูณต้องหยุดขี่นั่นเอง
2.กรดนี้จะสะสมอยู่ในร่างกายอีก 2-3 วันซึ่งจะมีผลกับการขี่วันต่อไป ถ้ายังใช้การขี่แบบนี้อยู่
กรดก็จะหลั่งสะสมเพื่มอีก ถ้าไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการขี่ ท่านก็จะมีอาการจมกรดในที่สุดครับ
3. เสี่บงต่อการทำงานของหัวใจอยู่ใน MAX HR บ่อยเกินไป หัวใจก็โต ผลเสียเฉียบพลัน
ต่อหัวใจอีกมากมาย
4. การใช้พลังงานไม่สมดุล เพราะโซนนี้เป็นโซนอแนโรบิคซึ่งใช้พลังงานจากคารโบไฮเดรต80-90%
ที่เหลือเป็นไขมัน เมี่อเชื้อเพลิงจากคาร์โบไฮเดรตหมดเราก็ล้าและหมดแรงในที่สุด
ทำให้ขาดความทนทาน ระยะทางการขี่ต่อวันจะน้อยลงไปเรื่อยๆ
แต่ถ้าใช้การขี่โซน2ซึ่งเป็นโซนแอโรบิคร่างกายจะใช้พลังงาน ไขมัน/คาร์โบไฮเดรต 50/50 โดยประมาณ
ซึ่งทำให้การเผาผลาญหมดจด และสมดุล ทำให้ขี่ได้ทนทานและได้ระยะทางต่อวันมาก
และร่างกายไม่เสียหายครับ
5. การหลั่งอะดีนาลีน ทำให้ร่างกายทรุดโทรม แก่ หง่อม
6. เกิดการสูญเสียน้ำอย่างรุนแรง และสูญเสียเกลือแร่มากับเหงื่อซึ่งเหงื่อมีหน้าที่ระบายความร้อน
- ข้อหก ก่อนออกเดินทางดื่มน้ำให้เพียงพอ แล้วดื่มน้ำแบบจิบทุกๆ20นาที
อย่ารอจนกระหายน้ำ ถ้ามีอาการกระหายน้ำแสดงว่าร่างกายเราขาดน้ำแล้วครับ
ข้อระวังการขาดน้ำอย่างรุนแรง จะมีอาการ ดังนี้คือเมื่อหยุดพักเหงื่อจะออกอย่างมาก
จนโชกตัว ตัวจะเย็นอาจเกิดการช์อคหมคสติได้ครับ วัธีแก้ไขคือ นอนราบ สักพักแล้วดื่มน้ำ
อีกสักพักค่อยดื่มเกลือแร่ตาม นอนจนดีชึ้น แล้วไปพักผ่อนต่อ โดยหยุดขี่ต่อทันทีครับ
อาการที่ว่านี้ภาษาออกกำลังกายเรียกว่า เกิดอาการ BONK ครับ
ขี่แล้ววูบ ขี่แล้วหน้ามืด เป็นลม สาเหตุส่วนมากเกิดจากอาการนี้ทั้งนั้นครับ
@ ถ้าขาดน้ำแต่ไม่มากจะปวดหัวครับแล้วปวดมากด้วย แบบนี้เรียกว่า BURN ครับ บางท่าน
เข้าใจผิดนึกว่าความดันขึ้น ตกใจไปกันใหญ่ครับ

การขี่จักรยานแล้วใช้พฤติกรรมแบบที่กล่าวถึงข้อห้าข้างบนนี้ มีค่าเท่ากับ คุณกำลังทำร้ายตัวเอง หรือ
คุณกำลังพยายามฆ่าตัวตายนั่นเองครับ


หนึ่งในความรู้ที่นักจักรยานควรรู้ จากชมรมจักรยานทางไกลนครปฐม


เมี่อรู้ว่ามีข้อดี ขนาดนี้แล้วทำไม ไม่ทำครับ
-บางท่านบอกว่าไม่มีเวลา คุณคิดนะครับสัปดาห์หนึ่งมี 168 ชม คุณขี่จักรยาน สัปดาห์ละ 3วันๆละ
ประมาณ 1ชม แต่งตัวอีก 20 นาที รวม3วันก็ เท่ากับ4 ชมคุณเหลือเวลาทำงาน ประกอบภาระกิจอีก 164 ชม
ที่บอกว่าไม่มีเวลา นั่นก็คือ ขี้เกียจออกกำลังกาย เอาเวลาไปนอนตากแอร์เสียมากกว่าครับ
-บางท่านบอกว่า ชุดแพง จักรยานก็แพง ที่จริงไม่แพงครับ ถ้าเรารู้จักซื้อ รู้จักใช้ เช่น จักรยานก็เอา
ราคาสักไม่เกินหมื่นบาทใช้ได้สัก 10 ปี ตกปีละ พันบาท ถูกกว่าค่ายาของบางท่านแค่ 1เดือนครับ
หมวกก็ 7-8 ร้อยบาทของผมใช้มาอายุเท่ากับท่านที่ออกกำลังกายสัก10ปีครับ ก็ยังใช้งานได้ดีอยู๋
กางเกงก็ 500บาท เสื้อจักรยานแบบตัวที่ผมใส่ตามรูปที่ขี่ทริปจักรยานทางไกล ผมซื้อมาตัวละ290 บาท
ใช้งานแบบโชกโชน ยังไม่ขาดครับ
- บางท่าน บอกว่าตอนนี้ยังเดินได้ ยังสุขภาพดีอยู่ พูดง่ายๆ ใว้รอเดินไม่ได้ค่อยขึ่ ถ้าคิดเช่นนั้น ขี่ไม่ได้
แล้วครับเพราะอะไรๆ ของร่างกายมันเสื่อมหมดแล้วครับ
-บางท่าน บอกว่า กลัวรถยนต์ชน ไม่ต้องกลัวครับ แต่งตัวให้รัดกุม ใส่หมวกให้พร้อม คนขับรถยนต์เขาเห็น
เราออกกำลังกาย เขาจะระวังเราครับ

ที่จริงการออกกำลังกายมีหลายอย่างครับ แต่หลังจากอายุ 30 ปี ขึ้นไป ดีที่สุดมีสองอย่าง คือ ว่ายน้ำ กับ ขี่จักรยาน
แต่ว่ายน้ำ ยังมีข้อเสีย คือ ต้องรอสระว่ายน้ำ จักรยานไม่ต้องรอ ถ้าพร้อม คนเดียวก็ขี่ได้ ว่ายน้ำเสียค่าใช้จ่าย
ทุกครั้งที่ว่าย จักรยานไม่เสียเงินครับ เป็นหวัด เป็นไข้ ว่ายน้ำไม่ได้ครับ ยิ่งว่าย ยิ่งป่วย ถึงจะสุขภาพดี
ก็ว่ายน้ำไม่ได้นานครับ ยิ่งบางคนสุขภาพไม่พร้อม ว่ายน้ำไม่ได้ เพราะ การว่ายน้ำเราต้องสูญเสียพลังงานไปกับ
การรักษาอุณภูมิของร่างกายเอาใว้ที่ 37 องศา ยิ่งน้ำเย็นยิ่งสูญเสียพลังงานในการที่ร่างกายต้องรักษาใว้ที่ 37 องศา
มาก ตะคริวในน้ำก็เกิดจากการรักษาอุณภูมิของร่างกายใว้ที่ 37 องศาครับแต่ร่างกายสูญเสียพลังงานไปเกินกว่าที่
ร่างกายจะสร้างได้ ตะคริวจึงเกิดครับ แต่ที่พูดมาทั้งหมด ขี่จักรยานทำได้หมดครับ เป็นหวัด เป็นไข้ หายเลยครับ
ร่างกายไม่สมบูรณ์ก็ยังขี่ได้ แล้วให้ประโยชน์ครับ ว่ายน้ำนั้นเหมาะกับคนที่มีสุขภาพแข็งแรงแต่ต้องการออกกำลัง
กายครับ แล้วเงินก็ต้องพร้อมจ่าย เริ่มตั้งแต่ขับรถไปสระว่ายน้ำไปจนถึงลงสระว่ายน้ำครับ[/color




การขี่จักรยานไม่ใช่ทำเลียนแบบนักแข่งทีมชาติหรือพวกแชมป์ ตรู เดอร์ ฟรองต์ ครับ เพราะไม่มืเหตุผล
อะไรที่ต้องทำอย่างนั้นเพราะพถติกรรมต่างๆก็ไม่เหมือนกัน ผมถามจริงๆครับ ว่า มีอะไรบ้างที่ทำแล้วเป็น
ประโยชน์แก่เรา ขี่แบบนั้นทำแบบนั้นแล้วเราจะได้เป็นแชมป์ ตรู เดอร์ ฟรองต์หรีอครับ รวมทั้งพวกที่
ชอบแข่งในสนามและนอกสนาม ต้วยครับ มันภูมิใจนักหรือที่เราได้ชนะคนอื่นๆแค่ไม่กี่คนแค่คิดก็แพ้แล้วครับ
เราทำได้ก็แค่เลียนแบบครับ แต่ความเสียหายที่เกิดกับเรา ลองคิดดูนะ นักจักรยานที่ชอบแข่งขันทั้งหลาย
คุณรู้ไหมขี่อัดๆ 40-50 นะกดบันไดที ท่องไว้เลยครับ แลคติค แอนดีนาลีน ครับ นี่ยังไม่รวม หัวใจโต
และความไม่สมดุล ของการใช้พลังงานก็คือ ไขมัน กับ คาร์โบไฮเดรต ซึ่งก่อให้เกิดโรคครับ ยิ่งทำทุกวัน
ยิ่งเปรียบเสมือน การพยายามฆ่าตัวตายครับ ไม่เห็นมันจะน่าสนใจอะไรเลยครับกับการขี่แบบนั้น
ถ้าเป็นเครื่องยนต์มันพังก็ยังพอเปลี่ยนได้ แต่นี่ตัวเรานะ พังแล้วจะโยนทิ้งก็ไม่ได้ อะไหล่ก็ไม่มีครับ
เราต้องพยายามรักษาเครื่องยนต์ตัวนี้ให้ทนทานและอยู่ได้นานที่สุดครับ อย่าทำกันเลยครับผมไม่เห็นจะมีความสุขตรง
ไหน เพราะความสุขที่เราทำสนองใจเรา แต่มันไปทำร้ายร่างกายเราอย่างมหันต์ครับ ตอนขี่นะเหนื่อยก็เหนื่อยแสนจะทรมานถ้าเป็นทำงาน
นะเราหยุดแล้ว แต่นียังทนขี่กันอยู่ได้ คนอะไรไม่รู้หาวิธีทรมานร่างกายได้ดีเหลือเกินครับ
มีสิ่งดีๆที่เราต้องทำกับจักรยานอีกเยอะครับ อย่างเช่น วิธีที่ผมแนะนำ ขี่ก็สนุก มีความสุขกับมัน ร่างกายก็แข็งแรง สมาธิก็ดี
ได้ฝึกจิตใจที่จะไม่ทำอะไรตามใจตัวเอง ได้รับแอนโดฟินทุกวันเพราะหลังการขี่แล้วเราจะรู้สึกสดชื่น เท่ากับเราทำให้ร่างกายแข็งแรงครับ
เพราะเราขี่ในขอบเขตของแอโรบิคร่างกายก้ไม่ขาดออกซิเจน เลือดก็ไม่เป็นกรด ยิ่งขี่ยิ่งแข็งแรง เมื่อขี่ต่อไปเรื่อยๆการขยายขอบเขตทางแอโรบิค
ก็จะสูงมากขึ้นเรื่อยๆครับ ถ้าเรานำทักษะนี้ไปใช้ขี่จักรยานทางไกลแบบความเป็นเลิศเราจะขี่ได้อย่างแข็งแกร่งครับ ไม่ภูมิใจหรือครับ
ถ้าเราขี่จักรยานทางไกล200กม/วัน แต่นักแข่งที่ชอบขี่40-50 เมื่อไปกับเรา ไม่สามารถขี่ได้ดีเท่าเรา หรืออาจทำไม่ได้เลย เพราะร่างกาย
เขาได้เสียหายไปแล้วจากการที่เขาทำร้ายร่างกายตัวเองทุกวันครับ
สำหรับผมภูมิใจครับที่ผมจะก้าวไปสูนักจักรยานทางไกลที่มีความสามารถในการพัฒนาการขี่จักรยานทางไกลได้มากที่สุดคนหนึ่ง
นักจักรยานหลายทีม ที่ได้สัมผัสกับผมในการขี่จักรยานทางไกล ยอมรับในวิธีการขี่จักรยานทางไกลแบบที่ผมพัฒนาขึ้นมาครับ


การชักชวนคนอื่น ทั้งที่ใกล้ชิด และไม่ใกล้ชิด หรือ เราไม่ได้รู้จักเขาคนนั้นเลย
ให้เขามาออกกำลังกาย จะเป็น เล่นกีฬาอะไรก็ตาม หรือมาขี่จักรยาน เท่ากับเราได้
ทำกุศล และประโยชน์ต่อสังคมอันยิ่งใหญ่แม้จะเพืยงแค่ หนึ่งคนก็ตาม ลองดู
ตัวอย่าง สมมุติว่าเราเห็นคนๆหนึ่ง เขาไม่ออกกำลังกาย สุขภาพดูไม่ค่อยดี
ตอนนี้เขาอายุ 50 ปี ถ้าเป็นแบบนี้เขาอยู่อายุ60ปีแล้วตาย แต่ถ้าเราชวนเขามาขี่
จักรยาน สุขภาพเขาแข็งแรงขึ้น เขาอยู่ 70 ปีแล้วตาย การที่เราช่วยเขาให้มีอายุ
ยืนยาวมาอีก10ปี ทำให้เขาสามารถทำประโยชน์ให้แก่ครอบครัว ลูกหลานของเขา
อย่างหาค่าเป็นต้วเงินไม่ได้ครับ แล้วถ้าเราทำได้สัก 1 ล้านคนหรือ 1.6% ของคนไทยทั้ง
หมด เราจะทำประโยชน์แก่สังคมมากขนาดไหนครับ

เราลองมาคิดดูนะครับ ถ้าคนออกกำลังกายโดยการขี่จักรยานแล้วทำให้เขาไม่เป็นโรค
ไม่ต้องไปหาหมอ ทำให้เขาประหยัดเงิน ค่ายา ค่าห้อง ปีละ15000 บาทถ้า 10ปีก็
เท่ากับ 150000 บาท เมื่อเขาไม่ป่วยทำให้เขาเอาเวลาไปทำมาหากินได้เงินเพื่มอีก
ปีละ20000บาท 10 ปีก็ 200000 บาท เมื่อไม่ป่วย ลูก หลาน ไม่ต้อง มาดูแล
เฝ้าไข้ ทำให้ลูกหลานเอาเวลาไปทำมาหากินได้เงินเพิ่มอีกปีละ20000บาท10ปี
ก็ 200000 บาท รวม 500000 บาท ถ้า 1 ล้านคน ก็ 500000 ล้านบาท
นี่ยังไม่รวมค่า ไฟฟ้าที่อยู่บ้านแล้วเปิดแอร์ หรือ เอารถยนต์ออกไปเที่ยวเพราะไม่ได้
ไปขี่จักรยานอีกไม่ต่ำกว่า ปีละ2-3 หมื่นบาทต่อคน ต่อปี เอา10ปี คูณ เอา 1ล้านคน
คูณ เป็นเงินอีก 2-3 แสนล้านต่อ10 ปี เราจะช่วยชาติ ช่วยคัวเอง ได้มากขนาดไหน

นี่ไม่ใช่สิ่งเพ้อฝัน ถ้าทุกคนทำได้จริง ทุกอย่างเป็นจริงแบบนี้ ครับ
ที่บ้านผมแต่ก่อนไม่ได้ขี่จักรยาน วันอาทิตย์เอารถยนต์ออกไปขับเที่ยว
ปีหนึ่งเสียเงินเป็นแสนบาท สุขภาพไม่ค่อยดี เสียค่ายาอีกมากทีเดียว
เพราะที่บ้านมี5คน จะมีกระเป๋ายาติดตัวตลอด รวมยา แก้ไข้ แก้อักเสบ
แก้ปวดท้อง ท้องร่วง แก้หวัด ลดน้ำมูก แก้ภูมิแพ้ เบ็ดเตล็ด ปัจจุบัน
โยนทิ้งไปนานแล้วครับ

นี่แหละคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผม พยายามรณรงค์ให้ทุกๆคนมาขี่จักรยานครับ

โดยผม เริ่มทำทริปแรก ตาม link นี้ครับ ทริปนี้เป็นทริปที่ประสบความสำเร็จ
อย่างสูง ทำให้เกิดนักจักรยานใหม่จำนวนมากหลังจากทริปนี้ได้จบลงครับ
เป็นทริปที่ผมตั้งใจทำมากที่สุด เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกๆคนมาขี่จักรยาน


ส่วนทริปวันอาทิตย์ยินดีต้อนรับทุกๆท่านครับ จะอยู่ทีมไหนเราต้อนรับหมดครับ ขี่แบบท่องเที่ยวครับ
ส่วนขี่แบบแข่งขันมีที่ให้ขี่กันเยอะแยะหมดแล้วครับ ออกมารอหน้าปากซอยเดี๋ยวก็ได้เจอแล้วครับ
ไปไหนๆก็มีแต่แข่งกันครับ
http://www.thaimtb.com/cgi-bin/viewkato ... 31246&st=1[/color



ถ้ากระทู้นี้เป็นประโยชน์ขอให้ทุกๆ ท่านช่วยแสดงความเห็นด้วยครับเพื่อ
ให้กระทู้นี้ยังคงอยู่ให้ท่านอื่นได้อ่านบ้างครับ
ด้วยความปรารถนาดี จาก ทีม จักรยานทางไกล เอ็ม .เจ ไบค์ นครปฐม


ท่องเที่ยวด้วยจักรยานแทนรถยนต์ ตามlink นี้ครับ

viewtopic.php?f=56&t=180373


ไฟล์แนป:

รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ
สนใจสอบถามส่วนลดและสั่งซื้อได้ที่ตัวแทนจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ LYNSKEY ตั้งแต่วันนี้ที่

EN-BIKE SHOP รังสิต โทร. 089-1300961
ราชาจักรยาน ศรีราชา จ.ชลบุรี โทร. 085-1211819
ราชาจักรยาน อ.เมือง จ.ชลบุรี โทร. 082-4754609
Smart Bike จ.ปทุมธานี โทร. 081-0110874
Bike Station พัฒนาการ โทร. 02-7229999 , 02-7229004
Pum MTB จ.ลพบุรี โทร. 084-1131234 , 036-610179
ชัยรัตช์จักรยาน จ.อุดรธานี โทร. 086-2311110
ไบค์เซ็นเตอร์ จ.ขอนแก่น โทร. 089-4222123
Bike Mania Shop จ.หนองคาย โทร. 081-8245612
สุพรรณไบค์ จ.สุพรรณบุรี โทร. 086-3009788 , 035-546685
แจ๊คกี้ไบค์ จ.เชียงใหม่ โทร. 089-7557910 , 053-225278
จ้ำไบค์สตูดิโอ หลักสี่ โทร. 087-8137117
Velocity จ.เชียงใหม่ โทร. 081-5955975
Bok Bok นางเลิ้ง โทร. 02-6299026 , 087-6822236
MTB OUTLET ราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี โทร. 081-4891120
XC-Life ราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี โทร. 080-0885888 , 081-8345974
ไพลินเฟรมแอนด์ไบค์ จ.แพร่ โทร. 087-1768671 , 054-522840
ร้านถลางจักรยาน จ.ภูเก็ต โทร. 081-8919795 , 076-274352
ศรีสุวรรณดีจักรยาน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โทร. 074-364891, 081-8965176
World Bike อ.เมือง จ.ชลบุรี โทร. 081-9223020 , 038287830
แสงเพชร จรัญสนิทวงศ์20 โทร. 02-4110039 , 02-8666734
Velo Thailand บางลำพู โทร. 02-6288628 , 089-2017782
Bike Mart สุขุมวิท24 โทร. 081-8219767 , 02-2603707 , 02-2042732
ร้านสองล้อ จ.นครราชศรีมา โทร. 081-8791318 , 081-5483343
ร้าน Twin Bike จ.จันทรบุรี โทร. 081-8637469
ร้านซ้งจักรยาน จ.เชียงใหม่ โทร. 089-7551489
ร้าน Let's Bike เมืองทองธานี โทร. 081-8093226
ร้าน Big Gear อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี โทร. 081-8380963
ร้านโมเดิร์นไบค์ จ.นครสวรรค์ โทร. 056-222572 , 081-9725970
ร้านแชมป์เปี้ยนไบค์ จ.กระบี่ โทร. 075- 631766 , 083-9873161
ร้านแสงทองไบค์ & พาร์ท จ.นนทบุรี โทร. 02-525-1789 , 02-526-4664 , 085-593-5599
ร้าน Bike-Aholic บางแค โทร. 089-7764982 , 089-7912397
ร้านคลังจักรยาน ถนนพระยาสุเรนทร์ รามอินทรา109 โทร. 081-5544654
ร้าน Mr.Bike จ.นนทบุรี โทร. 086-0644489
ร้านกรุงศรีไบค์แอนด์มิวสิค จ.อยุธยา โทร. 035-742912 , 086-1366766
ร้าน Northern Bike จ.เชียงราย โทร.081-5302269 , 053-702564
ร้าน Sealee Urban ห้วยขวาง โทร. 089 8936072
ร้านนครไทยจักรยาน บางกะปิ โทร. 02-3771701
ร้านต้อ จักรยาน จ.ระยอง โทร. 089-8195819
ร้านคันทรีไบค์ จ.ระยอง โทร. 081-7237401 , 038-622565
ร้าน S.V.Bike Pattaya บางละมุง จ.ชลบุรี โทร. 038-300378 , 087-4861242
ร้าน Cromo Zone บึงกุ่ม กทม. โทร. 083-1786888 , 02-9447285 , 02-9447286
ร้าน Free life sport ถนนรามอินทรา69 กทม. โทร. 02-5103525 , 083-8301010
ร้าน Ritbike อ.บ้านนา จ.นครนายก โทร.086-3285212
ร้าน Roadbike กรุงเทพฯ (โกเหลียง) โทร 02-9484189 , 081-3308947
ร้านไพศาลจักรยาน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ โทร. 043-816977 , 043-816988 , 085-8507999
ร้านนายจันทร์ ไบค์ ช็อป อ.เมือง จ.ขอนแก่น โทร. 043-224284 , 043-227263 , 089-1531594
ร้านวีระพานิช อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ โทร. 045-691299

"เรามุ่งมั่นคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด สำหรับนักปั่นเช่นคุณ"

ขอบคุณครับ

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
Phone: 08-900-800-35
sales@totalaccessbike.comอันตรายจากการดื่มน้ำเย็นหลังมื้ออาหาร

เวลาที่พวกเราอยากดื่มน้ำหลังรับประทานอาหารในแต่ละมื้อ พวกเรา มักจะถูกสังคมรอบตัวเรา ชี้นำผิดๆให้ดื่มน้ำเย็น หรือ ดื่มน้ำอัดลมเย็นๆ กาแฟ เย็น ชาเย็น น้ำผลไม้เย็น ฯลฯ เป็นประจำ และ พวกเราถูกหลอกลวงชักนำว่า เป็นการดื่มล้างปากให้สะอาด หรือ หากได้ดื่มแล้ว จะทำให้รู้สึกชื่นใจ ทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องการถูกสังคมที่ไม่รู้หลักการโภชนาการที่ดี ครอบงำผิดๆ ทำให้เชื่อว่า เป็น เช่นนั้นจริง ฟังบ่อยๆ พูดบ่อยๆ โฆษณาบ่อยๆ ก็ทำให้ร่างกายของคนทั่วไป ปรับให้เป็นไปตามการโฆษณาหลอกให้เชื่อว่าเป็นเช่นนั้นจริง
แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า ตามหลักโภชนาการที่ดี ที่ผ่านการตรวจพิสูจน์ แล้ว ได้ให้ความรู้ที่ถูกต้องว่า หากผู้ใดดื่มน้ำเย็น หรือ เครื่องดื่มเย็นๆทุกชนิด หลังรับประทานอาหาร ในมื้อใดๆ ก็ตาม น้ำเย็นที่ดื่ม หรือ เครื่องดื่มเย็นๆ ทุกชนิด ที่เข้าสู่ร่างกายนั้น จะไปทำให้ไขมันบางส่วน ที่แฝงอยู่ในอาหาร หรือ ขนมหวานต่างๆที่คุณเพิ่งกิน เข้าไปก่อนหน้านี้ มันจะทำการจับตัวเป็นไขขึ้นมาในทันที ซึ่งจะส่งผลให้การย่อยอาหารของคุณช้าลง และ คราบไขมันเหล่านี้ มักจะไปทำปฏิกิริยากับกรด มันจะแตกตัว แล้วจะถูกดูดซึมไปที่ลำไส้ ไขมันที่แตก ตัวนี้ จะดูดซึมได้เร็วกว่าอาหารทั่วไป แล้วก็จะเริ่มเคลือบลำไส้ของคุณไว้ (ด้านใน) ในไม่ช้า มันก็จะแปรสภาพเป็นไขมันเป็นก้อนๆ อันเป็นบ่อเกิดของมะเร็งในที่สุด
ดังนั้น ท่านควรดื่มเครื่องดื่มที่มีความอุ่น หรือ น้ำอุ่น หลังอาหารทุกมื้อ มีผลรับรองในทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ว่าดีกว่า การดื่มเครื่องดื่มเย็น หรือ น้ำ เย็นหลังรับประทานอาหารอย่างแน่นอน
ดังนั้น จึงขอเชิญชวนท่าน ได้โปรดเลิกดื่มเครื่องดื่มเย็นทุกชนิดหลังมื้อ อาหาร นับแต่นี้เป็นต้นไป เพื่อสุขภาพของท่าน และ บุคคลที่ท่านรัก
ที่มา : อ.มงคล กริชติทายาวุธ


การดื่มน้ำนั้น ที่ถูกต้องคือ หลังจากกินอาหารแล้ว 1ชม ครับ ไม่ใช่ข้าวคำ น้ำคำ จะน้ำเย็น
น้ำอุ่น น้ำ ร้อน เป็นโทษทั้งหมด จงปฏิบัติให้เป็นนิสัยครับ ผมทำมานานจนติดเป็นนิสัย
แล้วครับ การดื่มน้ำขณะทานข้าว ข้อเสียอันใหญ่หลวง คือ ทำให้น้ำย่อยเจือจาง
ไม่สามารถย่อยอาหารที่เป็นแป้งและน้ำตาลได้สมบูรณ์ ทำให้อาหารบูด
และขับลงสู่ลำใส้เล็กซึ่งมีหน้าที่ย่อยโปรตีน ทำให้เกิดท็อกซินในลำใส้ใหญ่
ในที่สุดครับ ท็อกซินนี่แหละคือที่มาของมะเร็งครับ

วิธีแก้ไขคือ ไม่กินน้ำขณะกินข้าว แล้วก็ทำดีท็อกโดยการสวนล้างลำใส้
ซึ่งผมทำมาตั้งแต่ปี2545 ทำทุกวันเหมือนเราแปรงฟันนี่แหละครับ พี่ตุ้ม

ปีหน้านี้ ขอให้ทุกๆท่านจงมีความสุขกับการปั่นและใช้จักรยาน ตลอดปีครับ

เทคนิคการหายใจขณะขี่แข่งขันถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่จะนำไปสู่ชัยชนะในการแข่งขัน: ทำได้ดังนี้
1. ถ้าคุณหายใจไม่ทันขณะที่ปล่อยตัวออกไปอย่างรวดเร็ว คุณต้องฝึกการหายใจเข้า - ออกทุกๆ วันก่อนออกฝึกซ้อม
มีวิธีฝึกดังนี้
....1. ฝึกหายใจเข้าทางจมูกให้เต็มปอด และ เป่าลมออกทางปากจนหมดปอด จังหวะการหายใจให้หายใจลึกๆ ( ยาว ) ช้าๆก่อนทั้งเข้า - ออก
....2. ฝึกหายใจเข้า-ออกทั้งทางปากและจมูกพร้อมๆกัน จังหวะการหายใจเหมือนแบบที่ 1.
....3. รวมการหายใจแบบที่ 1+2 เข้าด้วยกันแต่เน้นจังหวะการหายใจที่หนักหน่วงแรงและเร็วเหมือนแข่งขันฯประมาณ 15-20 สะโตก( เข้า - ออก ) แล้วผ่อนการหายใจยาวๆเป็นแบบที่หนึ่งหรือสองจนกว่าจะรู้สึกว่าหายเหนื่อยดีแล้วก็ให้กลับมาเริ่มฝึกหายใจแบบที่สามอีก คือหนักหน่วงแรงและเร็ว ทำสลับกันอย่างนี้ใช้เวลาประมาณ 5 - 10 นาที แล้วก็ออกไปฝึกซ้อม
หมายเหตุ: การฝึกแรกๆระวังหน้ามืดเป็นลม ต้องค่อยเป็นค่อยไป เมื่อร่างกายปรับตัวได้ดีแล้วคุณจะเห็นคุณค่าและประโยชน์ของการหายใจว่า " นี่คือหัวใจของความอึด " ในการปั่นเสือที่คุณชอบครับ การฝึกหายใจเป็นประจำทำให้ปอดขยายใหญ่ขึ้น พร้อมกับฝึกประสาทควบคุมการหายใจให้รับรู้วิธีการหายใจในขณะแข่งขันฯ ทำให้คุณผ่านพ้น " ภาวะอึดอัด " ( หายใจไม่ทัน )ไปได้ ซึ่งจะเป็นผลดีในการปั่นแข่งขัน มากกว่าคนที่ไม่เคยฝึกเทคนิคการหายใจครับ แต่ทุกๆคนต้องหายใจเพื่อชีวิตเพียงแต่ว่าคุณหายใจได้ดีแค่ไหน ? โดยเฉพาะอากาศออกซิเจนที่คุณต้องการน่ะมากพอหรือยังครับ
สาเหตุที่มีอาการมึนๆก็เพราะว่าร่างกายเรายังไม่เคยชินกับการหายใจเร็วแรงอย่างนี้ ถ้าค่อยๆฝึกทำบ่อยๆร่างกายจะเคยชินกับวิธีการหายใจอย่างนี้ครับ แน่นอนเวลาหายใจเข้า ท้องเราต้องป่องออกมาครับเพราะมันเกี่ยวกับกล้ามเนื้อที่เกี่ยวกับการหายใจหลายๆมัดเช่นกล้ามเนื้อหน้าท้อง,กล้ามเนื้อกระบังลม( เวลาที่เราหายใจลึกๆหน้าอกของเราจะยกขึ้น ) ด้วย ) เราจะใช้การหายใจแบบนี้เวลาเราปั่นเร็วๆครับ ( ไม่ว่าจะเป็น Interval หรือ Sprint ครับ ที่สำคัญ: เวลาหายใจออกต้องปั่น( ถีบ ) ให้ได้2-4 สะโตก พูดง่ายๆเมื่อเราออกแรงกดลูกบันไดลงเมื่อใดให้หายใจออกครับส่วนเวลาดึงลูกบันไดขึ้นให้หายใจเข้าครับ ใจเย็นๆ ให้เริ่มฝึกหายใจช้าๆก่อนแล้วค่อยๆเร่งการหายใจให้เร็วขึ้นในตอนท้ายประมาณ 5 -10 ครั้งแล้วก็ต่อด้วยการหายใจยาวๆลึกๆเป็นการผ่อนคลายจนกว่าจะหายเหนื่อยครับ หมายเหตุ : การหายใจที่มีประสิทธิภาพจะยาว - ลึก จะช่วยให้ร่างกายของคุณได้รับออกซิเจนมากขึ้นตามที่ร่างกายต้องการ และทำให้คุณขี่ขึ้นเขาได้ดีขึ้นอีกด้วยครับ จำไว้ว่าเมื่อร่างกาย " พ้นภาวะหายใจไม่ทัน " ไปแล้วจังหวะการหายใจจะเปลี่ยนมาเป็นการหายใจที่ ยาวๆ ลึกๆแทน เสมอ " ครับ โชคดีครับพี่น้องชาวเสือ


รูปภาพ

Miyata เป็นรถในตำนานไปแล้วครับ Probike เอาเข้ามาขายครับ และในสมัยที่เค้ายังโลดแล่นอยู่ในตลาด ราคาค่าตัวก็ไม่ถูกนะครับ ถ้าเป็นรถใหม่ๆสมัยนั้น ตัวถังอย่างเดียวก็น่าจะมีหมื่นขึ้นมั้งครับ ไม่แน่ใจครับ แต่ถ้าจะมองเพียงแค่มันเป็นรถจักรยาน ราคาระดับ 7-8 พันก็ใช้ได้ครับ
ผมยังไม่กล้าที่จะบอกอะไรไป เพราะว่าไม่เห็นภาพครับ ถ้าเห็นภาพ ผมจะพอ Comment ได้ครับผม แต่ที่แน่ๆ Miyata เนี่ย ถ้าคนชอบรถที่เป็นตำนานนะครับ ราคา 7000 ไม่แพงเลยครับ และถ้าสภาพนิ๊งๆนะ..ผมว่าน่าจะแป๊บเดียวครับ ขายไม่ยากครับ
ถ้าจะให้ผมเปรียบเทียบนะ
Miyata ก็จะอยู่ในระดับเดียวกับยี่ห้อดังๆ สมัยนี้ล่ะครับ บริษัทเค้าเจ๊ง ไม่ใช่รถเค้าไม่ดีครับ รถเค้าดีครับ แต่ด้วยภาวะทางการบริหารงานภายในครับ จึงต้องปิดตัวไปครับ


ข้อที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าผมจำไม่ผิดเนี่ย
Powerway ถึงจะมี6เขี้ยว แต่ สปริง จะเป็น สปริง วง 1วง

ดังนั้น ถ้าสปริงขาดเมื่อไหร่ เขี้ยวทั้ง6 จะไร้ค่าทันที


แต่A2Z มีห้าเขี้ยว สปริง แยก 1ตัวต่อ1เขี้ยว

ดังนั้น สปริงขาดไปสัก 1-2ตัว คุณก็ยังสามารถใช้งานได้อยู่

เช่น แข่งจนจบการการ หรือขี่จนจบทริปได้

และดุมa2z ถอดเซอวิสด้วยมือเปล่าได้เลย ยกเว้นจะเปลี่ยนลูกปืน

เมื่อเซอวิสง่าย การสึกหรอก็จะน้อยตาม

ขอบล้อ ถ้าไม่เอาtubeless 317หรือ717 นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีครับ
แม้จะไม่ใช่ขอบที่เบาสุดในท้องตลาด แต่แข็งแรงมั่นใจได้เพราะมีตาไก่ และรับpressureได้เยอะ(ดูสติกเกอบนขอบล้อ)
ส่วนซี่ลวด ขออนุญาตแนะนำว่าอย่าใช้ซี่ไต้หวันครับ เพราะคุณเลือกดุมกับขอบที่คุณภาพจัดว่าค่อนข้าง
ดีในระดับนึงแล้วครับ หากต้องการขายต่อ ราคาจะตกอีกด้วย

ซี่ที่ผมคิดว่าเหมาะกับล้อชุดนี้คงเป็น dt revo ทั้งสองล้อ หากต้องการความเบา
หรือ ล้อหน้าrevo ล้อหลังcomp ก็ได้ครับ จะได้ความstiffที่ล้อหลังมากขึ้น แต่ นน จะมากขึ้นราว50กรัม และทนทานขึ้น

ซี่Sapim ก็น่าสนครับ แต่ผมจำรุ่นไม่ได้

ข้อที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าผมจำไม่ผิดเนี่ย
Powerway ถึงจะมี6เขี้ยว แต่ สปริง จะเป็น สปริง วง 1วง

ดังนั้น ถ้าสปริงขาดเมื่อไหร่ เขี้ยวทั้ง6 จะไร้ค่าทันที


แต่A2Z มีห้าเขี้ยว สปริง แยก 1ตัวต่อ1เขี้ยว

ดังนั้น สปริงขาดไปสัก 1-2ตัว คุณก็ยังสามารถใช้งานได้อยู่

เช่น แข่งจนจบการการ หรือขี่จนจบทริปได้

และดุมa2z ถอดเซอวิสด้วยมือเปล่าได้เลย ยกเว้นจะเปลี่ยนลูกปืน

เมื่อเซอวิสง่าย การสึกหรอก็จะน้อยตาม

:!: เรื่องราคาซี่ลวด


- DT Revo เส้นละประมาณ 28-30 บาท ครับบางร้านจะให้นิปเปิลแบบทองเหลืองให้ด้วยครับ ถ้าเป็นนิปเปิล alu ของ DT เองประมาณ 8-10 บาทต่อหัวครับ น้ำหนักต่อเส้นประมาณ 4.42 กรัมครับ (ไม่รวมหัวนิปเปิล) ส่วนนิปเปิลทองเหลืองหนักประมาณ 1 กรัม ถ้าเป็นอลูประมาณ 0.4 กรัม
- DT Com เส้นละประมาณ 25 บาทพร้อมหัวนิปเปิลครับ น้ำหนักต่อเส้นประมาณ 4.86 กรัมครับ (ไม่รวมหัวนิปเปิล) ส่วนนิปเปิลทองเหลืองหนักประมาณ 1 กรัม ถ้าเป็นอลูประมาณ 0.4 กรัม
- Pillar เส้นละประมาณ 15 บาท พร้อมนิปเปิลครับ (ผมจำรุ่นไม่ได้ครับน่าจะเป็น Tripple Butted) น้ำหนักต่อเส้นประมาณ 5.3 กรัมครับ (ไม่รวมหัวนิปเปิล) ส่วนนิปเปิลทองเหลืองหนักประมาณ 0.9 กรัม ถ้าเป็นอลูประมาณ 0.3 กรัม
- ซี่ไต้หวันพร้อมนิปเปิล ประมาณ 8 บาทครับ น้ำหนักต่อเส้นไม่รวมหัว 8 กรัม หัวหนัก 1 กรัม
น้ำหนักที่บอกไว้ผมเอามาจากใน web แต่ละยี่ห้อที่อ้างอิงไว้นะครับ

ขอบคุณมากครับ



เพิ่มให้ครับ Pillar แบบบาง บางและ ดีเท่า DT Revo แต่ของคนใต้หวัน เอเชียด้วยกัน ต้องช่วยเหลือกัน เส้นละ 25 ครับ ถูกกว่า DT Revo เส้นละ 35 บาท ไป 10 บาทครับ


ออิอิอิ..แล่ะรู้กันมั้ยว่า
อะไหล่ p/w เขามีรองรับหมดตั้งนานแล้ว
สปริงขาดไปขอร้านที่ซื้อดุมได้เลยฟรี
ราคา2,700 แต่ได้ เบอร์ลูกปืนเดียวกันกะ a2z คือ 6902 5ตลับ 6802 1 ตลับลื่นปื๊ดลื่นปุ๊ด
แต่ดุมp/w หนักกว่า a2z
มีตังค์เหลือ2,000 ป๋มไปลงล้อ ztr ครับชอบล้อเบา.ๆ
แก้ไขล่าสุดโดย hs6rpj เมื่อ 28 ก.ค. 2013, 19:24, แก้ไขแล้ว 21 ครั้ง
รูปประจำตัวสมาชิก
bomb
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 661
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ย. 2008, 15:29
Tel: 095-6539009
team: ยังหาไม่ได้
Bike: MINI JAVA

Re: :o ไปห้ามศึกกันหน่อยเร็วๆๆ

โพสต์ โดย bomb »

อยากไปจังเลย แต่คงอดอีกแน่
รูปประจำตัวสมาชิก
dangpichit
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 2185
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 เม.ย. 2010, 13:41
Tel: 0970703952
team: chalawan team
Bike: cannondale

Re: :o ไปห้ามศึกกันหน่อยเร็วๆๆ

โพสต์ โดย dangpichit »

bomb เขียน:อยากไปจังเลย แต่คงอดอีกแน่
:oops: ไม่ต้องอยากเลยเสือบอมบ์ คุณจะไปได้ต้องดื่ม 037 เป็นเชื้อเพลง ขอให้ผู้ที่อยากจริงๆ เค้าไปเถอะ :oops:
รูปประจำตัวสมาชิก
khobut
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 25
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.พ. 2012, 15:11

Re: ลุงยศ6RPJ

โพสต์ โดย khobut »

งง คับ

ออกรถใหม่หรอคับ

ป้ายแดงเชียว
ตอบกลับ

กลับไปยัง “พิจิตร Bike”