นานาสาระ...เพื่อ...สุขภาพ

[oui142]

ขออนุญาต เปิด กระทู้ เพื่อ รวมรวม ข้อมูล เกี่ยวกับ การดูแลสุขภาพ และการออกกำลังกาย ก็ แล้วกันนะครับ
หากกระทู้ ซ้ำ รบกวน Mod ลบ ได้เลยนะครับ ... ยินดี

[oui142]

ท่าที่ เหมาะ กับการ นั่ง ถ่าย ครับ



สุขา สถานที่ที่เราทุกคนต้องใช้ แต่สำหรับบางคนกลับ ไม่มีความสุข ถ้าของบางสิ่งไม่มาตามนัด จากปกติที่ควรจะมาทุกวัน หรือสองวันมาที แต่บางคนกลับเก็บไว้เป็นหลายวันจนอาจถึงเป็นอาทิตย์

อาหารที่มีกากใยอย่างผักผลไม้นั้นช่วยให้ขับถ่ายได้ดี นอกจากนี้ยังมีอาหารเสริมมากมายอวดอ้างสรรพคุณมาช่วยได้ แต่วันนี้ผมขอลองเสนออีกทางเลือกนึงให้ท่านได้กลับมามีความสุขอีกครั้ง

โดยปกติมนุษย์เราถูกออกแบบให้เวลาขับถ่ายต้องนั่งยอง เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ไม่มีเผ่าไหนชนใด จะมีท่าพิสดารไปกว่านี้ แต่พอโลกเราทันสมัย มีความสบายมากขึ้น ชักโครกก็เข้ามาแทนที่ ก็เกิดโรคที่ตามมาอย่างเช่น ริดสีดวงทวาร ท้องผูก ลำไส้อักเสบ มะเร็งลำไส้ ไส้ติ่งอักเสบ

[oui142]

คนไข้ที่เข้าใจง่ายและเร็วก็มีอยู่มากครับ ให้โอกาสพวกเขาด้วยการอธิบายให้เกิดความเข้าใจว่าโรคเหล่านี้ไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษา

ในวันแรกที่เจ็บคอ คนไข้ไปบอกอาการที่ร้านขายยา และได้ยาปฏิชีวนะมา 2 แผง ให้กิน 1x3 กินอยู่ 2 วัน อาการไม่ดีขึ้น
วันต่อมาจึงไปขอซื้อ amoxicillin เนื่องจากเคยกินแล้วหาย วันแรกที่ได้ยามา กิน 1 เม็ดวันละครั้ง วันต่อมากิน 2x2 แต่ยังมีอาการเจ็บคอ ซึ่งอาการเริ่มทุเลาลง แต่เห็นว่ายังไม่หายจึงไปพบแพทย์

จากการซักประวัติพบว่าผู้ป่วยมีไข้ในวันแรก กินพาราเซตามอลไป 2 ครั้งไข้หายไป มีอาการไอบ้าง มีเสมหะเล็กน้อย ไม่มีน้ำมูก
ตรวจร่างกายพบว่าคอไม่แดง ไม่มีฝ้าขาวที่ต่อมทอนซิล

เมื่อเห็นว่าคนไข้กำลังอ่านข้อมูลบนปฏิทินอยู่ จึงบอกให้อ่านต่อไปจนจบ แล้วถามคนไข้ว่า อ่านแล้วคิดว่าอาการของตัวเองเหมือนภาพด้านไหน

คนไข้ตอบว่า เหมือนติดเชื้อไวรัส ไม่ใช่แบคทีเรีย

ด้วยความประหลาดใจว่าทำไมสรุปได้เก่งขนาดนั้น จึงซักถามและพบว่าคนไข้ทำงานที่ร้านเครื่องเสียง แต่จบปริญญาตรีด้านเคมี

แพทย์ได้อธิบายต่อว่า amoxicillin ที่ซื้อมานั้นฆ่าได้เฉพาะเชื้อแบคทีเรีย
คนไข้พูดต่อว่า "ที่ผ่านมาทั้งหมดก็กินผิดมาโดยตลอด"
(ได้ยินแล้วดีใจมาก จึงชมคนไข้ว่าฉลาดจริง)

แพทย์ถามคนไข้ต่อว่า คุณมี facebook ไหม เขาตอบว่ามี มีเพื่อนอยู่เป็นพันคน และมี group ของ ป.โท ที่ตอนนี้เขาำกำลังเรียนเพิ่มเติมในสาขาเกี่ยวกับธุรกิจอยู่ที่รามคำแหง แพทย์จึงถามว่า อยากนำความรู้วันนี้ไปบอกเพื่อนๆ ไหม เขาบอกว่าอยาก และยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพปฏิทินดังกล่าว

[V3 ป่าเลา]

สุดยอดเลยหมอ ผมกำลังเป็นอยู่ทั้งสองอาการเลยครับ 1.ทานอาหารไปแล้วย่อยยาก 2.เวลานี้กำลังเจ็บคอและไอ อยู่ครับ เดี๋ยวจะเอาวิธีที่หมอแนะนำมาใช้ ครับ ทานฟ้าทลายโจร อยู่ครับ

[Poonsak]

ขออนุญาติ นำข้อมูลเป็นประโยนช์ไปบอกกล่าวต่อถึงเพื่อนๆน่ะครับ
ขอบคุณมากครับ

[oui142]

สุดยอดเลยหมอ ผมกำลังเป็นอยู่ทั้งสองอาการเลยครับ 1.ทานอาหารไปแล้วย่อยยาก 2.เวลานี้กำลังเจ็บคอและไอ อยู่ครับ เดี๋ยวจะเอาวิธีที่หมอแนะนำมาใช้ ครับ ทานฟ้าทลายโจร อยู่ครับ

อาหารย่อยยาก อาจ อยู่ที่ พฤติกรรม การทานอาหาร และ/หรือ ชนิดหรือประเภท ของอาหาร รวมถึง การทำงานของกระเพราะอาหาร หรือ ระบบขับถ่าย ของร่างกาย ด้วย ก็ได้ นะครับ
อย่างไร ก็ตาม การออกกำลังกาย น่าจะช่วยได้เยอะครับ

ส่วนช่วงนี้ อากาศ เปลี่ยนแปลง บ่อย ดูแลสุขภาพ พักผ่อน กันเยอะๆ นะครับ

ขออนุญาติ นำข้อมูลเป็นประโยนช์ไปบอกกล่าวต่อถึงเพื่อนๆน่ะครับ
ขอบคุณมากครับ

ยินดีครับ ถ้า คิดว่า มีประโยชน์ และ อาจได้ประโยชน์ จาก บทความ ต่างๆ ที่พยายาม หามาลง เพื่อประโยชน์ ในการดูแลสุขภาพ ไปด้วยกันนะครับ
ด้วยความเต็มใจ ครับผม

[oui142]

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ใครชอบทานไส้กรอก แฮม เบคอน บ้างเอ่ย? เรารู้ว่า อาหารประเภทนี้เป็นของโปรดของใครหลาย ๆ คน เพราะหาซื้อง่าย กินง่าย แถมยังอร่อย แต่รู้ไหมว่า ในเนื้อสัตว์แปรรูปแสนอร่อยเหล่านี้มีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "โซเดียมไนไตรท์" ผสมอยู่ ซึ่งสารชนิดนี้มีอันตรายต่อสุขภาพแน่นอน หากรับประทานมากเกินไป ไปติดตามสกู๊ปดี ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ จากทีมข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กันค่ะ

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ได้ไปตรวจสอบไส้กรอกที่วางขายอยู่ตามตลาด และพบว่า มีหลายยี่ห้อที่บนฉลากระบุว่า ใช้วัตถุเจือปนอาหาร แต่ไม่ระบุว่า เป็นสารชนิดใด ผสมอาหารในปริมาณเท่าไหร่ และควรบริโภคแค่ไหนจึงไม่เป็นอันตราย

สำหรับวัตถุเจือปนอาหารที่ระบุไว้นั้น คือ สารโซเดียมไนไตรท์ ที่ผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์จำพวกไส้กรอก แฮม เบคอน แหนม กุนเชียง หรือไส้กรอกเปรี้ยว โดยสารนี้เป็นผลึกสีขาว คล้ายน้ำตาลทราย ใช้สำหรับผสมอาหารประเภทเนื้อสัตว์หมัก เพื่อคงสภาพสีและกลิ่นของไส้กรอก ซึ่งมีกลิ่นเฉพาะไว้ได้นาน แต่หากได้รับสารชนิดนี้ในปริมาณมากเกินไปก็มีอันตรายเช่นกัน เพราะเมื่อสารชนิดนี้ไปทำปฏิกิริยากับสารเคมีในเนื้อสัตว์ อาจก่อให้เกิดโรคชนิดเฉียบพลัน และโรคเรื้อรัง อย่างเช่น โรคมะเร็ง

เมื่อสอบถามไปยัง ภญ.ศรีนวล กรกชกร รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ก็ทราบว่า การบริโภคอาหารประเภทนี้บ่อย ๆ จะทำให้เกิดพิษเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากการที่ไนไตรท์ทำปฏิกิริยาขึ้นในร่างกาย แล้วเกิดเป็นกรดไนตรัสขึ้นมา เมื่อลงไปในกระเพาะอาหาร พอเวลาที่เราทานอาหารประเภทโปรตีนเข้าไป ตัวกรดไนตรัสจะไปทำปฏิกิริยากับโปรตีน เกิดเป็นไนโตรซามีน ซึ่งไนโตรซามีนเป็นสารก่อให้เกิดมะเร็งได้ หากเราทานอาหารที่มีไนไตรท์สะสมเข้าไปนาน ๆ สารนี้จะค่อย ๆ ทำปฏิกิริยาไปเรื่อย ๆ ซึ่งทำให้เรามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็ง

ทั้งนี้ ในหลาย ๆ ประเทศไม่ได้ห้ามการใช้สารไนไตรท์ในอาหาร เพียงแต่ต้องใช้ในปริมาณที่ระบุไว้ตามกฎหมาย เช่น ในประเทศเกาหลี ไม่ให้ใช้ไนไตรท์เกิน 70 มิลลิกรัม ต่อ เนื้อสัตว์ 1 กิโลกรัม ขณะที่ในสหภาพยุโรป ไม่ให้ใช้ไนไตรท์เกิน 150 มิลลิกรัม ต่อ เนื้อสัตว์ 1 กิโลกรัม ส่วนประเทศไทย มีข้อบังคับว่า ไม่ให้ใช้ไนไตรท์เกิน 125 มิลลิกรัม ต่อ เนื้อสัตว์ 1 กิโลกรัม

เพื่อเป็นการตรวจสอบว่า ผลิตภัณฑ์จำพวกไส้กรอกที่วางขายอยู่ในท้องตลาด มีปริมาณไนไตรท์อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ ทีมข่าวไทยพีบีเอส จึงได้ร่วมมือกับคณะอุตสาหกรรมเกษตร สถาบันเทคโนโลยีเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ทดสอบปริมาณสารไนไตรท์ที่ตกค้างอยู่ในไส้กรอก โดยสุ่มตัวอย่างจากไส้กรอกที่วางขายอยู่ตามท้องตลาด และหน้าโรงเรียน

ภายหลังการทดสอบ พบว่า มีปริมาณไนไตรท์ตกค้างอยู่ในไส้กรอกประมาณ 100 มิลลิกรัม ต่อ เนื้อสัตว์ 1 กิโลกรัม ซึ่งแม้ว่าตัวเลขนี้จะไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 125 มิลลิกรัม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะเริ่มกลัวแล้วว่า เราจะยังสามารถทานไส้กรอกได้หรือไม่ ซึ่ง ผศ.ยุพร พีชกมุทร ประธานหลักสูตรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร สจล. ก็ได้ให้คำแนะนำว่า เราสามารถทานอาหารจำพวกนี้ได้ แต่อย่าทานต่อเนื่องทุกวัน เพราะหากไม่ได้รับประทานอาหารประเภทนี้บ่อย ๆ การสะสมของไนไตรท์ก็จะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย



มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะเริ่มกลัวแล้วว่า เราจะยังสามารถทานไส้กรอกได้หรือไม่ ซึ่ง ผศ.ยุพร พีชกมุทร ประธานหลักสูตรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร สจล. ก็ได้ให้คำแนะนำว่า เราสามารถทานอาหารจำพวกนี้ได้ แต่อย่าทานต่อเนื่องทุกวัน เพราะหากไม่ได้รับประทานอาหารประเภทนี้บ่อย ๆ การสะสมของไนไตรท์ก็จะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

[oui142]

[เสือขุนแผน]

เยี่ยมเลยครับหมอ หาวิที่แก้อาการของ Overtraining ให้หน่อยครับ

[oui142]

การออกกำลังกายอย่างหักโหม และอาการ Overtraining Syndrome

ในยุคโลกาภิวัตน์ ความเครียดนั้นรายล้อมตัวเรา แฝงตัวอยู่ทุกหนทุกแห่ง ที่คนเรามักไม่ทราบกันคือ “ความเครียด”นั้นแบ่งออกเป็นความเครียดทางจิตใจ (Mental stress) คือความรู้สึกเครียดที่เรารู้จักกันดี และความเครียดทางกาย (Physical stress) ซึ่งรวมถึงการเจ็บป่วย การอดอาหาร และการออกกำลังกาย กิจกรรมเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดความเครียดทั้งสิ้น แต่ไม่ว่าจะเป็นความเครียดรูปแบบใด ร่างกายมนุษย์ก็จะตอบสนองไปในทางเดียวกัน คือสร้างฮอร์โมนและสารสื่อประสาทซึ่งถูกออกแบบมาอย่างเฉพาะเจาะจงให้รองรับความเครียดนี้ ลดอาการของความเครียดทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ

อวัยวะหลักของร่างกายที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับความเครียดคือต่อมหมวกไต ซึ่งเป็นผู้ผลิตฮอร์โมนที่ชื่อว่า คอร์ติซอล(Cortisol) ฮอร์โมนตัวนี้มีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้เราจัดการกับความเครียดได้ อย่างไรก็ดี หากร่างกายต้องพบกับความเครียดอย่างต่อเนื่องและหนักหน่วง ระดับของคอร์ติซอลจะพุ่งสูงชั่วคราวและลดลงจนขาดแคลนในที่สุด นำไปสู่อาการที่เรียกว่า ต่อมหมวกไตล้า หรือ Adrenal Fatigue

ปัจจุบัน อัตราการเกิดอาการนี้พบได้มากกว่าครึ่งของคนทั่วไป เนื่องด้วยความเครียดรอบตัวที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ แต่หนึ่งในกลุ่มคนที่พบอาการนี้ได้มาก และมักไม่รู้ตัว คือในกลุ่มนักกีฬา ซึ่งจะเรียกอาการนี้เป็นอีกชื่อเฉพาะว่า Overtraining Syndrome ซึ่งเกิดจากการออกกำลังกายที่มากเกินไปนั่นเอง
อาการของ Overtraining Syndrome รวมถึงอาการอ่อนแรงช่วงเช้าหลังตื่นนอน ตื่นลำบาก มีความอยากน้ำตาลมากขึ้น มีอาการเอ็นและถุงน้ำอักเสบ ใช้เวลาฟื้นตัวหลังออกกำลังกายมากขึ้น การซ่อมแซมแผลช้าลง นอนหลับไม่สนิท ไม่เต็มอิ่ม มีความรู้สึกเครียดง่ายกว่าปกติ รู้สึกซึมเศร้าเล็กน้อย สมาธิน้อยลง และอาจมีอาการเจ็บป่วยง่ายกว่าปกติ

อีกหนึ่งอาการสำคัญที่พบมากในคนที่เป็น Overtraining Syndrome คือมวลกล้ามเนื้อที่ลดลงและมวลไขมันสะสมในช่วงกลางลำตัว (Central Obesity) หรืออาจเรียก
ได้ว่า “อ้วนลงพุง” ซึ่งอาการนี้เองที่พบมากในกลุ่มสมาชิกฟิตเนสที่มีความต้องการลดความอ้วน แต่ไม่ทราบหลักการที่ถูกต้องในการปฏิบัติตัว ทำให้เกิดวงจรอุบาทว์ขึ้น คนกลุ่มนี้มักไม่ได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ คือน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่อาจเข้าฟิตเนสเพียงหนึ่งหรือสองวัน แต่ในวันนั้นๆจะหักโหมที่จะออกกำลังกายมากกว่าหนึ่งชั่วโมงขึ้นไป ทำให้ไขมันสะสมในช่วงกลางลำตัวมากขึ้น มวลกล้ามเนื้อลดลง ทั้งนี้เกิดจากระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลที่ผิดปกติไป ยิ่งออกกำลังกายแต่กลับไม่ผอมลง หนำซ้ำไขมันมากขึ้นในช่วงท้องและเอว กล้ามเนื้อก็น้อยลงทำให้ต้องกลับมาออกกำลังให้มากขึ้นอีก เป็นการซ้ำเติมต่อมหมวกไตให้เสื่อมสภาพหนักกว่าเดิม

Adrenal Fatigue โดยรวมนั้นเป็นภาวะที่น่ากลัว เนื่องด้วยเป็นภัยแฝงที่ยังไม่เป็นที่รู้จักกัน และวิธีในการแก้ไขก็กลับซ้ำเติมร่างกายให้แย่ลงอย่างรวดเร็ว เนื่องด้วยกลุ่มคนที่มีอาการนี้มักเลือกแก้อาการเพลียด้วยการทานสารกระตุ้น ได้แก่กาแฟ คือคาเฟอีน หรือสมุนไพรตระกูล Ephedraซึ่งถูกผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชื่อดังมากมายที่กล่าวอ้างถึงการกระตุ้นเพิ่มพลังงานโดยไม่ใช้คาเฟอีน ซึ่งไม่ได้มีประโยชน์อื่นใดนอกจากเร่งอัตราการเผาผลาญของร่างกาย เสมือนเหยียบคันเร่งรถ แต่เป็นรถที่ใกล้หมดน้ำมัน ทำให้ดูมีพลังงานในระยะสั้น แต่เป็นการฝืนบังคับต่อมหมวกไตที่ต้องการพักผ่อนให้ทำงานต่อไป เป็นการเร่งความเสื่อมต่อต่อมหมวกไตและทำให้อาการยิ่งแย่ลงโดยตรง
ผู้ฝึกการออกกำลังกาย รวมถึงครูฝึกนักกีฬา มีหลายคนที่ไม่เข้าใจถึงความเป็นจริง กลับมองเห็นนักกีฬาของตนที่มี Overtraining Syndrome เป็น “พวกขี้เกียจ” หรือ “ไร้ความพยายาม” ทำให้การจัดการสุขภาพของเขาเป็นไปในทางที่ผิด และอาจนำสู่ปัญหาอื่นๆอีกหลายประการ ทั้งนี้ ผู้ที่เข้าใจในหลักการของภาวะต่อมหมวกไตล้าควรให้ความสนใจทุกกิจกรรมประจำวันของนักกีฬาแต่ละคน เพื่อดูถึงลักษณะโภชนาการ การนอนหลับ รวมถึงพฤติกรรมการออกกำลังกายที่อาจสังเกตได้ถึงอาการของการออกกำลังกายที่มากเกินไปนั่นเอง

การแพทย์ยุคใหม่นั้นให้ความสนใจในภาวะนี้มาก เนื่องด้วยหลายฝ่ายมองว่าภาวะนี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของความเสื่อมสภาพของร่างกายในอนาคต แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน anti-aging จะมีความสามารถในการวินิจฉัยอาการนี้อย่างละเอียด ทั้งโดยการตรวจเชิงคลินิกและการตรวจเลือดและปัสสาวะเพื่อดูระดับฮอร์โมนและสารสื่อประสาท ทั้งนี้จะทำให้การวางแผนการรักษาเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ หยุดยั้งการเผาผลาญมวลกล้ามเนื้อ ซ่อมแซมและดูแลต่อมหมวกไตให้แข็งแรง และให้คำแนะนำให้การปฏิบัติตัวให้ห่างไกลจากภาวะนี้ตลอดไป

อาการของ Overtraining ได้แก่

Physical Signs & Symptoms

1. Chronic muscle soreness or joint pain อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ข้อต่อเรื้อรัง **
2. Frequent minor infections ป่วยบ่อยมากขึ้น อาจจะไม่ป่วยมาก แต่มักมีอาการ ปวดหัว เจ็บคอ น้ำมูกไหล เหมือนจะเป็นไข้ เป็นหวัด
3. Exhaustion เหนื่อยล้า ตื่นมาก็รู้สึกเหมือนนอนไม่พอ
4. Weight loss/gain น้ำหนักลด หรือเพิ่มโดยไร้สาเหตุ
5. Appetite loss เบื่ออาหาร
6. Increased thirst or dehydration รู้สึกกระหายน้ำอยู่ตลอดเวลา
7. Intolerance to exercise ไม่สามารถออกกำลังกายได้เสร็จ หรือหยุดออกกลางคัน ****
8. Decreased performance ความแข็งแกร่งร่างกาย กล้ามเนื้อลดลง **
9. Delayed recovery from exercise ร่างกายใช้เวลานานกว่าปรกติในการพักฟื้นระหว่างแต่ละเวิร์คเอาท์
10. Fatigued, tired, drained, lack of energy เหนื่อย ง่วงเหงา หาวนอนตลอดเวลา
11. Reduced ability to concentrate ไม่ค่อยมีสมาธิ **
12. Lack of motivation ความอยากที่จะออกกำลังกายหดหายไป
13. Irritability หงุดหงิดง่าย **
14. Anxiety สับสนกระวนกระวาย **
15. Depression ซึมเศร้า
16. Headaches ปวดหัว **
17. Insomnia นอนไม่หลับ
18. Felling jittery ใจสั่น ****

[oui142]

เยี่ยมเลยครับหมอ หาวิที่แก้อาการของ Overtraining ให้หน่อยครับ

ทางแก้ ..... ผมว่า .... น่าจะ อยู่ ที่ "ความพอดี" ครับผม
ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป ปรับวิธีการออกกำลังดาย ให้สมดุล เหมาะสม กับ ร่างกาย ของแต่ละ คน นะครับ

ยิ่งซ้อมหนัก จะ ยิ่ง ช้ำ นะครับ

[oui142]

[โก๋ปากน้ำโพ]

สงสัยผมจะเป็นนะ ซ้อมหนัก
... โดนไปหลายข้อ....
1. Chronic muscle soreness or joint pain อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ข้อต่อเรื้อรัง
2. Frequent minor infections ป่วยบ่อยมากขึ้น อาจจะไม่ป่วยมาก แต่มักมีอาการ ปวดหัว เจ็บคอ น้ำมูกไหล เหมือนจะเป็นไข้ เป็นหวัด
3. Exhaustion เหนื่อยล้า ตื่นมาก็รู้สึกเหมือนนอนไม่พอ
4. Weight loss/gain น้ำหนักลด หรือเพิ่มโดยไร้สาเหตุ
5. Appetite loss เบื่ออาหาร
6. Increased thirst or dehydration รู้สึกกระหายน้ำอยู่ตลอดเวลา
7. Intolerance to exercise ไม่สามารถออกกำลังกายได้เสร็จ หรือหยุดออกกลางคัน
8. Decreased performance ความแข็งแกร่งร่างกาย กล้ามเนื้อลดลง
9. Delayed recovery from exercise ร่างกายใช้เวลานานกว่าปรกติในการพักฟื้นระหว่างแต่ละเวิร์คเอาท์
10. Fatigued, tired, drained, lack of energy เหนื่อย ง่วงเหงา หาวนอนตลอดเวลา
11. Reduced ability to concentrate ไม่ค่อยมีสมาธิ
12. Lack of motivation ความอยากที่จะออกกำลังกายหดหายไป
13. Irritability หงุดหงิดง่าย
14. Anxiety สับสนกระวนกระวาย
15. Depression ซึมเศร้า
16. Headaches ปวดหัว
17. Insomnia นอนไม่หลับ
18. Felling jittery ใจสั่น

[oui142]

สงสัยผมจะเป็นนะ ซ้อมหนัก
... โดนไปหลายข้อ....
1. Chronic muscle soreness or joint pain อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ข้อต่อเรื้อรัง
2. Frequent minor infections ป่วยบ่อยมากขึ้น อาจจะไม่ป่วยมาก แต่มักมีอาการ ปวดหัว เจ็บคอ น้ำมูกไหล เหมือนจะเป็นไข้ เป็นหวัด
3. Exhaustion เหนื่อยล้า ตื่นมาก็รู้สึกเหมือนนอนไม่พอ
4. Weight loss/gain น้ำหนักลด หรือเพิ่มโดยไร้สาเหตุ
5. Appetite loss เบื่ออาหาร
6. Increased thirst or dehydration รู้สึกกระหายน้ำอยู่ตลอดเวลา
7. Intolerance to exercise ไม่สามารถออกกำลังกายได้เสร็จ หรือหยุดออกกลางคัน
8. Decreased performance ความแข็งแกร่งร่างกาย กล้ามเนื้อลดลง
9. Delayed recovery from exercise ร่างกายใช้เวลานานกว่าปรกติในการพักฟื้นระหว่างแต่ละเวิร์คเอาท์
10. Fatigued, tired, drained, lack of energy เหนื่อย ง่วงเหงา หาวนอนตลอดเวลา
11. Reduced ability to concentrate ไม่ค่อยมีสมาธิ
12. Lack of motivation ความอยากที่จะออกกำลังกายหดหายไป
13. Irritability หงุดหงิดง่าย
14. Anxiety สับสนกระวนกระวาย
15. Depression ซึมเศร้า
16. Headaches ปวดหัว
17. Insomnia นอนไม่หลับ
18. Felling jittery ใจสั่น

[V.4ท่าพล]

เสือโก๋ครับ อันนี้ผมว่ามันเป็น "โรคขี้เกียจ" อ่ะครับ