นานาสาระ...เพื่อ...สุขภาพ

ผู้ดูแล: เสือเพชรบูรณ์, V3 ป่าเลา

กฏการใช้บอร์ด
ที่อยู่ มหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบูรณ์ อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ 67000
รูปประจำตัวสมาชิก
V3 ป่าเลา
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 8926
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ส.ค. 2008, 22:34
Tel: 0819538554
team: PHETCHABUN TEAM
Bike: Cannondale Taurine SL 09 Super six hi-mod 09 Fash factory team
ตำแหน่ง: 44/2 หมู่ 8 ต.สะเดียง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ 67000

Re: นานาสาระ...เพื่อ...สุขภาพ

โพสต์ โดย V3 ป่าเลา »

ได้ประโยชน์ ขอบคุณสำหรับความรู้ดี ๆ ครับ
ชนะอื่นใดไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับชนะใจตนเอง
แม้จะมีเพียงแค่ภาพเดียวแต่สามารถแทนคำพูดได้มากกว่าพันคำ
oui142
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 2350
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2011, 22:05
Tel: 0832150005
team: เพชรบูรณ์
Bike: Bianchi Sempre, Bianchi Methanol SX2
ตำแหน่ง: แผนกเภสัชกรรม รพ.ค่ายพ่อขุนผาเมือง
ติดต่อ:

Re: นานาสาระ...เพื่อ...สุขภาพ

โพสต์ โดย oui142 »

รูปภาพ
“คนเราควรจะให้ แต่ไม่ควรขออะไรจากคนอื่น
ควรจะกินพอประมาณ ไม่ควรจะมากเกินไป ถึงกับท้องกาง
ควรช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ใช่เหยียบย่ำ
ควรจะรับใช้ ไม่ควรคิดเป็นนายคน”
รพี พัฒนศักดิ์



"พรุ่งนี้...ก็ สายเสียแล้ว" ศ.ศิลป์ พีระศรี
oui142
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 2350
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2011, 22:05
Tel: 0832150005
team: เพชรบูรณ์
Bike: Bianchi Sempre, Bianchi Methanol SX2
ตำแหน่ง: แผนกเภสัชกรรม รพ.ค่ายพ่อขุนผาเมือง
ติดต่อ:

Re: นานาสาระ...เพื่อ...สุขภาพ

โพสต์ โดย oui142 »

วิธีติดตั้ง คลีทรองเท้าจักรยาน
เพื่อนๆ หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าหากเราปรับตำแหน่งการวางเท้าสำหรับ ปั่นจักรยาน ได้ถูกต้องแล้วมันจะส่งผลดีอย่างไร ต่อประสิทธิภาพในการปั่นจักรยานของเรา วันนี้ผมจึงอยากจะขอแนะนำวิธีติดตั้งคลีทรองเท้าจักรยาน ให้เพื่อนๆ ที่ยังไม่ทราบ หรืออาจจะติดตั้งแล้ว แต่ยังไม่แน่ใจว่าถูกต้องหรือเปล่า จะได้สามารถนำความรู้ดังกล่าวไปปรับตั้งคลีทรองเท้าของตนเองได้ครับ

ขั้นตอนการปรับตั้งคลีทรองเท้าจักรยาน

1. อันดับแรก เรามาดูการวางเท้าที่ถูกต้องกันก่อนนะครับ ซึ่งในภาพข้างบน เป็นจุดที่ถูกต้องในการวางเท้าของเรา บนบันไดจักรยานครับ ซึ่งเป็นจุดที่เราสามารถส่งกำลังจากการออกแรงปั่นได้ดีที่สุดด้วยครับ

รูปภาพ

2. พอเราทราบจุดวางเท้าแล้ว เราก็มากำหนดจุดวางเท้าของ คลีทบันไดจักรยานกันครับ ในที่นี้ผมขอยกตัวอย่าง ของยี่ห้อ Shimano นะครับ เพราะผมใช้ยี่ห้อนี้อยู่ครับ ผมได้ลองทาบดูแล้ว แกนของบันไดจักรยานจะพาดตรงจุดที่ผมขีด เส้นสีแดงไว้ครับพอดีครับ

รูปภาพ

3. คราวนี้เรามาหาจุดที่เราจะต้องเอาคลีทไปติดที่รองเท้าจักรยานกันครับ (ผมต้องขออภัยที่ถ่ายรูปเท้า ลงบล็อก หารูปไม่ได้จริงๆ ครับ ^-^!!) เมื่อหาจุดที่เราจะติดตั้งคลีทได้แล้ว ให้เราทำเครื่องหมายที่รองเท้าไว้ด้วยครับ

รูปภาพ

4. คราวนี้ก็ถึงเวลาที่ เราจะนำคลีทไปติดตั้งที่รองเท้าจักรยานกันแล้วนะครับ โดยนำคลีทที่เราได้ทำเครื่องหมายไว้แล้วตามข้อ 2 ไปทาบให้ตรงกับที่เราได้ทำเครื่องหมายไว้ที่รองเท้า ในข้อ 3 ครับ แล้วจึงหมุนน๊อต ตัวข้างบนสุดเข้าไป แต่ไม่ต้องหมุนแน่น นะครับแค่หลวมๆ พอครับ เพราะเราจะต้องปรับคลีทให้ตรงกับเส้นแบ่งกลางของรองเท้าอีกทีครับ (เส้นแบ่งกึ่งกลางของรองเท้า ในรองเท้าจักรยานรุ่นใหม่ๆ เกือบทุกยี่ห้อเขาจะทำ เครื่องหมายมาให้เราแล้วครับ จะสังเกตุเห็นเป็นขีดๆ แล้วมีตัวเลขกำกับ เพื่ออำนวยความสะดวกในการปรับตั้งคลีทรองเท้า) พอเราปรับให้ตรงได้ที่แล้วก็หมุนน๊อต ทุกตัวให้แน่นพอดีอย่าออกแรงหมุนมากเกินไปนะครับ เดี๋ยวเกลียวที่รองเท้าจะพังได้ครับ

รูปภาพ

เห็นไหมละครับไม่ยากเลยใช่ไหมครับในการปรับ และติดตั้งคลีทรองเท้าจักรยาน ทุกคนสามารถทำได้เอง หรือหากใครไม่มั่นใจว่า รองเท้าที่ใส่อยู่ติดตั้งคลีทถูกต้องหรือเปล่า ก็ลองตรวจเช็คดูอีกทีครับ หากเราปรับได้ถูกต้องแล้ว จะทำให้เราปั่นได้สบายขึ้น และลดอาการปวดเท้าได้ด้วยครับ

http://thbike.blogspot.com/2013/05/blog-post.html?m=1
“คนเราควรจะให้ แต่ไม่ควรขออะไรจากคนอื่น
ควรจะกินพอประมาณ ไม่ควรจะมากเกินไป ถึงกับท้องกาง
ควรช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ใช่เหยียบย่ำ
ควรจะรับใช้ ไม่ควรคิดเป็นนายคน”
รพี พัฒนศักดิ์



"พรุ่งนี้...ก็ สายเสียแล้ว" ศ.ศิลป์ พีระศรี
oui142
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 2350
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2011, 22:05
Tel: 0832150005
team: เพชรบูรณ์
Bike: Bianchi Sempre, Bianchi Methanol SX2
ตำแหน่ง: แผนกเภสัชกรรม รพ.ค่ายพ่อขุนผาเมือง
ติดต่อ:

Re: นานาสาระ...เพื่อ...สุขภาพ

โพสต์ โดย oui142 »

เลือกตาม ค่ายที่ชอบ และ สตางค์ ในกระเป๋า นะครับ

รูปภาพ

รูปภาพ
“คนเราควรจะให้ แต่ไม่ควรขออะไรจากคนอื่น
ควรจะกินพอประมาณ ไม่ควรจะมากเกินไป ถึงกับท้องกาง
ควรช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ใช่เหยียบย่ำ
ควรจะรับใช้ ไม่ควรคิดเป็นนายคน”
รพี พัฒนศักดิ์



"พรุ่งนี้...ก็ สายเสียแล้ว" ศ.ศิลป์ พีระศรี
oui142
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 2350
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2011, 22:05
Tel: 0832150005
team: เพชรบูรณ์
Bike: Bianchi Sempre, Bianchi Methanol SX2
ตำแหน่ง: แผนกเภสัชกรรม รพ.ค่ายพ่อขุนผาเมือง
ติดต่อ:

Re: นานาสาระ...เพื่อ...สุขภาพ

โพสต์ โดย oui142 »

รูปภาพ

* นํ้ามันหมูทำอาหาร กับ พืชผักสวนครัวที่ปลูกเอง อร่อยมั๊กมาก *

ที่บ้านผมทานนํ้ามันหมู ตั้งแต่รุ่นอากง อาม่า ... แล้วก็เปลี่ยนมาทานนํ้ามันพืช เมื่อ 35 ปีที่แล้ว ทานต่อเนื่องกัน 30 ปี --- ระหว่างทาน ก็เห็นสมาชิกในครอบครัวส่วนใหญ่ เป็นเบาหวาน โคเรสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ หัวใจ ความดัน .. ส่วนคนที่ร่างกายปรกติไม่เป็นอะไรก็มี .. จึงคิดว่านํ้ามันพืช ที่โฆษณาว่าทานแล้วจะดีโน่นดีนี่ จะไม่เป็นอะไร จริงๆแล้วน่าจะไม่เป็นเช่นโฆษณา ... ผมก็คิดว่าคนไทยส่วนใหญ่ ก็คงเชื่อตามโฆษณานี้ .. ที่ยิงโฆษณาถี่มากในสมัยที่พยายามชักจูงให้ผู้คนหันมาทานนํ้ามันพืชแทนนํ้ามันหมู ( ผลกระทบนี้ยังส่งผลต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ที่อุสาหกรรมการเลี้ยงหมู ต้องมีการใส่สารต่างๆลงไปมากมายหลายอย่าง ทั้งสารเร่งเนื้อแดง สารเร่งโต พรีมิค ฮอร์โมนต่างๆ เพื่อให้หมูที่เลี้ยงมามีไขมันน้อย เพราะคนทานหมู ถูกหลอกให้กลัวไขมัน ) การโฆษณาในสมัยนั้นจะใช้นํ้ามันพืชและนํ้ามันหมูแช่ใส่ตู้เย็น ทำให้เห็นว่านํ้ามันพืชไม่เป็นไข ส่วนนํ้ามันหมูจะเป็นไข แล้วก็จะชักจูงต่อเนื่องด้วยวารสารทางการแพทย์ บทวิจัยทางการแพทย์ การออกสื่อต่างๆโดยแพทย์และนักวิชาการที่น่าเชื่อถือ .. แต่โดยความจริงคนเหล่านั้นน่าจะไม่ได้วิจัยหรือทราบอะไรจริง แค่ทราบมาจากในสถาบันการเรียน จากตำราฝรั่ง จากการวิจัย ( หลอกลวง )ของฝรั่ง ...
* โดยความจริงแล้ว เพิ่งจะมาทราบภายหลังว่า วงการแพทย์ของอเมริกา ใช้การล่อลวงนี้ เพื่อจะทำให้อุตสาหกรรมถั่วเหลืองของอเมริกาเติบโตขึ้นลำดับโลก ทำเพื่อคนอเมริกา .. .. วงการแพทย์อเมริกาเพิ่งออกมายอมรับ ออกบทความว่า ขอโทษที่หลอกพลโลกให้หลงเชื่อเปลี่ยนมาทานนํ้ามันถั่วเหลืองมากว่า 60 ปี ... ( จริงๆแล้ว ก็ไม่ใช่นํ้ามันถั่วเหลืองเพียงอย่างเดียว หากยังรวมถึง "" นํ้ามันพืชทุกชนิด "" เช่น นํ้ามันรำข้าว นํ้ามันทานตะวัน นํ้ามันข้าวโพด ฯลฯ ที่ผ่านกระบวนการอุตสาหกรรม แล้วมีการเติมไฮโดรเจนลงไป .. ที่ข้างขวดมักจะเขียนว่า "นํ้ามันพืชผ่านกรรมวิธี " )
... ที่บ้านผมจึงเปลี่ยนกลับมาซื้อมันหมูมาเจียวเป็นนํ้ามันหมู เพื่อทำอาหาร เมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมา ... ก็สังเกตุว่าคนในบ้าน ไม่เห็นมีใครเป็นอะไรมากมาย อาการโรคผิดปรกติทางกายที่หลายคนเคยเป็น ก็ดูดีขึ้น จากการตรวจร่างกายเป็นระยะ .. ( ข้อนี้น่าจะเกี่ยวกับใช้นํ้ามันหมูแล้วใช้น้อยลง .. ทานของทอดน้อยลงด้วย )
.. ข้อสังเกตุ เวลาทำกับข้าว การใช้นํ้ามันหมู จะใช้น้อยกว่านํ้ามันพืชครึ่งหนึ่ง แต่กับข้าวที่ทำก็ดูน่าทานกว่า .. นํ้ามันหมูทำกับข้าวก็หอมมม อร่อยกว่าทำกับข้าวจากนํ้ามันพืชมาก
.. * ส่วนนํ้ามันพืช ปัจจุบันนี้ที่บ้านผมก็มีใช้อยู่บ้างเป็นบางครั้ง ส่วนใหญ่จะใช้ทำสลัดผัก และ ใช้หมักหมูเวลาจะย่างหมูแดง ... **** "แต่นํ้ามันพืชที่ผมใช้ผมจะใช้ นํ้ามันพืช " " สกัดเย็นเท่านั้น " เช่น นํ้ามันงา นํ้ามันรำข้าว
..............................
ปล.
-เป็นความเชื่อส่วนตัว
- นํ้ามันหมูเข้าใช้ประโยชน์ในร่างกาย ในอุณภูมิร่างกาย 37.5 องศา
- นํ้ามันพืชใช้ในสภาวะความร้อนในร่างกายไม่เหมาะสม
- การสกัดนํ้ามันพืชต้องใช้สารเคมี ในหลายขั้นตอน
- การเจียวนํ้ามันหมู ใช้วิธีแบบบ้านๆ ไม่ต้องใช้สารเคมี ไม่ต้องผ่านขบวนการอุสาหกรรม .. คือเหตุผลที่ผมใช้นํ้ามันหมู
- เตี่ยผม ทานนํ้ามันพืช และ นํ้ามันหมู มาตลอดกว่า 90 ปี ก็ ไม่มีโรคอะไรสักอย่าง
- การเกิดโรค นํ้ามันน่าจะเป็นแค่องค์ประกอบหนึ่งเท่านั้น
“คนเราควรจะให้ แต่ไม่ควรขออะไรจากคนอื่น
ควรจะกินพอประมาณ ไม่ควรจะมากเกินไป ถึงกับท้องกาง
ควรช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ใช่เหยียบย่ำ
ควรจะรับใช้ ไม่ควรคิดเป็นนายคน”
รพี พัฒนศักดิ์



"พรุ่งนี้...ก็ สายเสียแล้ว" ศ.ศิลป์ พีระศรี
รูปประจำตัวสมาชิก
วิทยาธรณ์
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1394
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2008, 20:47
Tel: 0899601801
team: เพชรบูรณ์
Bike: terk

Re: นานาสาระ...เพื่อ...สุขภาพ

โพสต์ โดย วิทยาธรณ์ »

+100 ครับหมอ ผมทานน้ำมันหมูนานแล้ว ร่างกายของเรามีความร้อนจึงสามารถขับไขมันน้ำมันหมูออกได้แต่ไม่สามารถขับไขมันน้ำมันพืชออกได้จึงเกิดการตกค้างในร่างกายทำให้เกิดโรคต่างเพราะมันเหนียวมากผมไม่กล้าที่จะบอกใคร ผมเป็นแค่นักวิชาเกิน :lol: :lol:
"พกกายพกใจไปกับจักรยาน ไกล้ไกลก็ปั่นได้ทุกเส้นทาง"
หนุ่มใหญ่วัยฉะกันแห่ง "บ้านนิรนาม"
oui142
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 2350
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2011, 22:05
Tel: 0832150005
team: เพชรบูรณ์
Bike: Bianchi Sempre, Bianchi Methanol SX2
ตำแหน่ง: แผนกเภสัชกรรม รพ.ค่ายพ่อขุนผาเมือง
ติดต่อ:

Re: นานาสาระ...เพื่อ...สุขภาพ

โพสต์ โดย oui142 »

รูปภาพ

อ่านเป็นความรู้ค่ะ. ไข่ กับ คอเรสเตอรอล

โดนฝรั่งหลอกว่าไข่ไก่กินไม่ดี ไขมันสูง ลองมาอ่านของจริงบ้างเป็นอย่างไร เราโง่มานานแล้ว

คลอเรสเตอร์รอลมันเกิดจากการกินอาหารเพียง 20 %แต่มันสร้างโดยตับเราเองถึง 80% แล้วการสร้างอนุมูลอิสระตัว HDL ซึ่งเป็นตัวมีประโยชน์ต่อร่างกายได้ดีที่สุดคือ การกินไข่ จะได้เพิ่มถึง 48% เชียวนะ

ภาวะสมองเสื่อม..กับไข่ไก่ มีประโยชน์มาก...โปรดอ่านและเผยแพร่แก่ผู้ใกล้ชิดด้วย เห็นว่ามีคุณค่าและเป็นประโยชน์ จึงอยากเผยแพร่ต่อ.... หากใครได้ดูรายการ 'ข้อเท็จจริง..วันนี้' ทางช่องยูบีซี 7 ที่มีการการพูดคุยกับ ศ.นพ.รุ่งธรรม ลัดพลี เกี่ยวกับ เรื่อง 'ภาวะสมองเสื่อม..กับไข่ไก่ ' เรื่องที่มีการการสนทนากันนั้น พอจับใจความหลักๆ ได้ว่า ... จากค่านิยมเดิมๆที่ทราบกันว่า การบริโภคไข่ทุกวัน นั้น จะไปเพิ่มระดับคลอเลสเตอรอลในเลือด

คุณหมอบอกว่า อยากให้เลิกค่านิยมดังกล่าวเสียเพราะข้อเท็จจริงในปัจจุบันนั้น ไข่นับว่าเป็นอาหารราคาถูก ปรุงง่าย แต่ มากด้วยคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุดการที่หลายๆคนมีระดับคลอเสลเตอรอลในเลือดสูงนั้น เป็นเพราะตับทำงานไม่มีประสิทธิภาพเอง คุณหมอยังกล่าวอีกว่า สำหรับคนที่มีระดับคลอเลสเตอรอลสูงในระดับ 200 นั้น หากทานไข่แล้ว มันไปเพิ่มอีกเพียง 20 แต่ตรงกันข้ามประโยชน์ที่ได้จากการทานไข่ มันมากกว่าไอ้ส่วนที่ไป เพิ่มระดับคลอเลสเตอรอลในเลือด เป็นเพราะอาการเลือดในสมองน้อยหรือเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ การ รับประทานไข่ ทุกวันๆละอย่างน้อย 2 ฟอง จะช่วยได้มาก

คุณหมอยังอ้างถึงและพูดถึงผู้สูงอายุว่าการบริโภคไข่ทุกวันนั้น ไม่มีปัญหาดังที่เราๆเข้าใจกันแบบผิดๆ คุณหมอรักษาผู้สูงอายุหลายๆคนที่มาให้การรักษาในหลายๆโรค ขนาดอายุ 80 กว่า คุณหมอยังแนะนำให้ทานไข่วันละ 2 ฟอง
ผลก็คืออาการของโรคที่รักษาบรรเทาลง คนไข้มีอาการดีขึ้นกว่าเดิมมาก จากที่เดินไม่ค่อยได้ก็กลับมาเดินได้.......นี่เป็นตัวอย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ไข่มีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นไข่ไก่,ไข่เป็ด,ไข่นกกระทา, และอีกหลายๆชนิด แต่ไข่ไก่ดีที่สุดในกลุ่ม ส่วนการนำมาประกอบอาหารนั้นแล้วแต่ใจชอบ ประกอบอาหารแบบไหนได้ทั้งนั้น คุณหมอเสริมว่า ส่วนของไข่ที่ดีที่สุดนั้น อยู่ที่จุดๆหนึ่งในไข่แดงที่มีลักษณะคล้ายๆเส้นใยยึดส่วนอื่นๆไว้ (หากไม่เคยสังเกต ก็ลองเตาะไข่ดิบดู) พร้อมกันนี้ ได้มีการยกแผนภูมินำมาประกอบว่าประเทศไทยมีการบริโภคไข่ต่อคนมากน้อยเพียงใด ปรากฎว่า ต่ำกว่าหลายๆประเทศที่เจริญแล้ว โดยประเทศที่บริโภคไข่ต่อคนสูงสุดก็คือญี่ปุ่น รองๆลงมาก็มีจีนแดง, สหรัฐอเมริกา, ฯลฯ คุณหมอยังให้ข้อคิดว่า ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ประชาชนส่วนใหญ่มีสติปัญญาที่ดี ทำไมอาหารมื้อเช้าทุกวัน ยังมีไข่เป็นส่วนประกอบเสมอ และทานกันทุกวัน แต่เรากลับยึดถือแต่ค่านิยมเรื่องคลอเลสเตอรอล.... การบริโภคไข่จะช่วยบำรุงสมองเป็นอย่างดี

อย่าไปสนใจพวกอาหารเสริมที่โฆษณากันเลย ไข่นี่แหละสุดยอดของอาหารแล้ว หากอยากฉลาด ต้องทานไข่ คุณหมอยังเสริมว่าภาวะเลือดที่ข้นเกินไป จะไม่เป็นผลดี เพราะการนำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงร่างกายจะไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นควรดื่มน้ำสะอาดให้มากๆในแต่ละวัน .....
“คนเราควรจะให้ แต่ไม่ควรขออะไรจากคนอื่น
ควรจะกินพอประมาณ ไม่ควรจะมากเกินไป ถึงกับท้องกาง
ควรช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ใช่เหยียบย่ำ
ควรจะรับใช้ ไม่ควรคิดเป็นนายคน”
รพี พัฒนศักดิ์



"พรุ่งนี้...ก็ สายเสียแล้ว" ศ.ศิลป์ พีระศรี
oui142
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 2350
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2011, 22:05
Tel: 0832150005
team: เพชรบูรณ์
Bike: Bianchi Sempre, Bianchi Methanol SX2
ตำแหน่ง: แผนกเภสัชกรรม รพ.ค่ายพ่อขุนผาเมือง
ติดต่อ:

Re: นานาสาระ...เพื่อ...สุขภาพ

โพสต์ โดย oui142 »

Heat Stroke หรือ โรคลมแดด

รูปภาพ
“คนเราควรจะให้ แต่ไม่ควรขออะไรจากคนอื่น
ควรจะกินพอประมาณ ไม่ควรจะมากเกินไป ถึงกับท้องกาง
ควรช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ใช่เหยียบย่ำ
ควรจะรับใช้ ไม่ควรคิดเป็นนายคน”
รพี พัฒนศักดิ์



"พรุ่งนี้...ก็ สายเสียแล้ว" ศ.ศิลป์ พีระศรี
oui142
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 2350
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2011, 22:05
Tel: 0832150005
team: เพชรบูรณ์
Bike: Bianchi Sempre, Bianchi Methanol SX2
ตำแหน่ง: แผนกเภสัชกรรม รพ.ค่ายพ่อขุนผาเมือง
ติดต่อ:

Re: นานาสาระ...เพื่อ...สุขภาพ

โพสต์ โดย oui142 »

ดื่มกาแฟ ช่วยลดความเสี่ยง ของการเกิดโรคสมองฝ่อ หรืออัลไซเมอร์ เมื่อย่างเข้าวัยชราได้

รูปภาพ

ดื่มกาแฟ ช่วยลดความเสี่ยง ของการเกิดโรคสมองฝ่อ หรืออัลไซเมอร์ เมื่อย่างเข้าวัยชราได้

รายงาน วิจัยโดยนักวิจัยชาวฟินแลนด์และสวีเดนระบุว่า ผู้ใหญ่วัยกลางคนที่ดื่มกาแฟ วันละ 3 - 5 ถ้วย จะช่วยลดความเสี่ยง ของการเกิดโรคสมองฝ่อ หรืออัลไซเมอร์ เมื่อย่างเข้าวัยชราได้ ศาสตราจารย์ Miia Kivipelto แห่งมหาวิทยาลัย Kuopio ในฟินแลนด์ และสถาบัน Karolinska ในสวีเดน หัวหน้าคณะนักวิจัย เรื่องประโยชน์ของกาแฟ ในการช่วยลดความเสี่ยง ของการเกิดโรคอัลไซเมอร์บอกว่า ผู้ใหญ่วัยกลางคนที่ดื่มกาแฟ วันละ 3 - 5 ถ้วย จะช่วยลดความเสี่ยงของ การเกิดโรคความจำเสื่อม และ โรคอัลไซเมอร์เมื่อเข้าสู่วัยชรา ได้ประมาณ 60-65% รายงานชิ้นนี้ ซึ่งตีพิมพ์อยู่ในวารสาร

โรคอัลไซเมอร์ ฉบับเดือนมกราคม รวบรวมผลจากการสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง 1409 คนในฟินแลนด์ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา คำถามที่ใช้สัมภาษณ์ คือพฤติกรรมการดื่มกาแฟของกลุ่มตัวอย่าง ในขณะที่อายุประมาณ 50 กว่าปี ต่อมาจึงทดสอบการใช้งานของสมองในช่วงที่กลุ่มตัวอย่างเหล่านั้น มีอายุระหว่าง 65-79 ปี ผลการวิจัยพบว่า มีกลุ่มตัวอย่างที่มีอาการของโรคความจำเสื่อม 61 คน ในจำนวนนั้นมีคนเป็นโรคอัลไซเมอร์ 48 คน ศาสตราจารย์ Kivipelto บอกว่าก่อนหน้านี้เคยมีรายงาน 1-2 ชิ้น ที่แสดงให้เห็นว่าการดื่มกาแฟ ช่วยในการพัฒนาการทำงานของสมองได้จริง แต่รายงานชิ้นนี้ นับเป็นชิ้นแรกที่ศึกษาถึงประโยชน์ของกาแฟในการลดความเสี่ยงของโรคความจำเสื่อม และโรคอัลไซเมอร์โดยตรง อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์ผู้นี้กล่าวว่า ยังคงไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนว่า ทำไมการดื่มกาแฟวันละ 3-5 แก้วจึงช่วยชะลอ หรือลดความเสี่ยงของการเกิดโรคดังกล่าวได้ แต่เชื่อกันว่าเป็นเพราะกาแฟมี สารต้านอนุมูลอิสระประกอบอยู่จำนวนมาก ซึ่งทราบกันดีว่าสารดังกล่าว ช่วยชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้

รายงานบางชิ้นระบุว่า กาแฟยังช่วยปกป้องระบบประสาท และ ป้องกันการเกิดโรคความจำเสื่อม นอกจากนี้ยังป้องกันโรคเบาหวานได้อีกด้วย ถ้าไม่ใส่น้ำตาลมากจนเกินไป อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์ Kivipelto ยืนยันว่าต้องมีการศึกษาอย่างละเอียดต่อไปว่า ส่วนผสมใดในกาแฟที่สร้างประโยชน์ในด้านนี้ เมื่อ2วันที่แล้วเพิ่งจะมีรายงานจากมหาวิทยาลัย Durham ในอังกฤษ ที่แสดงให้เห็นถึงความเกี่ยวข้องระหว่างการดื่มกาแฟมากๆ กับอาการประสาทหลอน ซึ่งศาสตราจารย์ Kivipelto กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า รายงานของเธอชี้ชัดว่าการดื่มกาแฟแต่พอเหมาะคือประมาณ 3-5 แก้วต่อวัน สามารถเกิดประโยชน์ในการชะลอโรคอัลไซเมอร์ได้จริง แต่หากดื่มมากเกินไป ก็อาจเป็นโทษ อย่างเช่นอาการประสาทหลอนได้เรียกว่ามากเกินไปก็ไม่ดี

การดื่มกาแฟเป็นประจำลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน

การดื่มกาแฟนอกจากจะช่วยให้คนดื่มรู้สึกกระชุ่มกระชวยแล้ว ผลการศึกษาล่าสุดยังระบุว่า การดื่มกาแฟเป็นประจำสามารถลดความเสี่ยง การเป็นโรคเบาหวานในผู้ใหญ่ได้ จากการศึกษาระยะยาวกับชาวฟินแลนด์ 16,000 คน พบว่า การดื่มกาแฟ 2-3 ถ้วยต่อวันช่วยลดความเสี่ยง ในการเป็นเบาหวานแบบที่ 2 หรือ เบาหวานในผู้ใหญ่ได้ ขณะที่ผู้ที่ดื่มมากกว่า 2-3 แก้วต่อวันก็จะมีโอกาสเสี่ยง ต่อการเป็นโรคเบาหวานลดลงตามไปด้วย
ชาวฟินแลนด์นั้นเป็นชนชาติที่ดื่มกาแฟมากที่สุดในโลก เมื่อเทียบปริมาณการบริโภคกาแฟต่อจำนวนประชากรต่อหัว และจากการข้อมูลของสถาบันทรัพยากรโลก ก็ระบุว่าในปี 2000 ชาวฟินแลนด์ดื่มกาแฟโดยเฉลี่ย 11.3 กิโลกรัมต่อคน การศึกษาชิ้นนี้ตีพิมพ์ในวารสารของสมาคมแพทย์อเมริกัน ซึ่งชี้ว่า การที่ผู้หญิงที่ดื่มกาแฟ 3-4 ถ้วยต่อวันจะช่วย ลดความเสี่ยง ในการเป็นเบาหวานได้ 29 เปอร์เซ็นต์ และ ความเสี่ยงจะลดลงถึง 79 เปอร์เซ็นต์ ถ้าดื่ม 10 ถ้วยต่อวันหรือมากกว่า สำหรับผู้ชาย การดื่มกาแฟ 3-4 ถ้วยจะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นเบาหวานได้ 27 เปอร์เซ็นต์ และหากดื่ม 10 ถ้วยต่อวัน หรือ มากกว่า ความเสี่ยงจะลดลงราว 55 เปอร์เซ็นต์ การค้นพบนี้ไม่ได้ระบุความสัมพันธ์ที่ชัดเจน ระหว่างการดื่มกาแฟกับการเป็น โรคเบาหวานแบบที่ 2 ทีมนักวิจัยจากสถาบันสาธารณสุขแห่งชาติ ในกรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ระบุ ถึงแม้จะไม่มีอะไรบอกชัดเจน ว่าทำไมการดื่มกาแฟจึงช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบา หวานได้ แต่ทีมนักวิจัยก็เดาว่าอาจเป็นไปได้ที่สารประกอบในกาแฟไปขัดขวางการลำเลียง กลูโคส นอกจากนี้ ทีมนักวิจัยยังระบุด้วยว่า กาแฟช่วยให้การขับสารประกอบโมเลกุลต่ำที่ให้กรดอะมิโนในกระเพาะอาหารและลำ ไส้ดีขึ้น ซึ่งสารประกอบชนิดนี้ทราบกันดีว่าช่วยลดกลูโคสได้ และในกาแฟยังมีแมกนีเซียม ที่เชื่อกันว่าส่งผลด้านบวกต่อการต้านทานกลูโคส โรคเบาหวานแบบที่ 2 เป็นโรคเบาหวาน ที่เป็นในผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป และพบว่าการเป็นโรคเบาหวานชนิดนี้ เชื่อมโยงกับความอ้วน และ โภชนาการ รายงานผลการศึกษาวิจัย เรื่องใหม่ในแคนาดาระบุว่า การดื่มกาแฟอาจทำให้ผู้ชายล่อแหลมกับการเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะมากขึ้น และยิ่งดื่มมากเท่าใด โอกาสเสี่ยงก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น การศึกษาทำโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของแคนาดา รายงานว่า คอกาแฟชายที่ดื่มจัดถึงวันละ 4 ถ้วย จะล่อแหลมกับการเป็นมะเร็งชนิดนี้ มากกว่าเพื่อนที่ไม่ได้ดื่มกาแฟถึง 2 เท่า

รายงานการศึกษาซึ่งเสนออยู่ในวารสารการแพทย์ "โรคเรื้อรัง" ของแคนาดาเปิดเผยว่า โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ เป็นโรคมะเร็งที่ผู้ชายแคนาดา เป็นกันมากโรคหนึ่ง อย่างเช่นเป็นที่คาดว่าจะมีผู้ป่วยในปีนี้ ประมาณ 3,700 ราย แอนน์ แมรี่ อักนาต นักวิจัยคนหนึ่ง กล่าวว่า "การศึกษาส่อว่าโรคมะเร็งชนิดนี้อาจมีความเกี่ยวเนื่องกับกาแฟ แต่ก็ยังไม่แน่นอนนัก"

ที่มา
http://www.voanews.com/thai/2009-01-17-voa2.cfm
สำนักข่าวเอเอฟพี
http://ogcoffee.gagto.com/?cid=415781

ข่าวดีสำหรับคนชอบดื่มกาแฟ
Increased coffee consumption may reduce risk of type 2 diabetes
http://www.medicalnewstoday.com/articles/275979.php
“คนเราควรจะให้ แต่ไม่ควรขออะไรจากคนอื่น
ควรจะกินพอประมาณ ไม่ควรจะมากเกินไป ถึงกับท้องกาง
ควรช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ใช่เหยียบย่ำ
ควรจะรับใช้ ไม่ควรคิดเป็นนายคน”
รพี พัฒนศักดิ์



"พรุ่งนี้...ก็ สายเสียแล้ว" ศ.ศิลป์ พีระศรี
oui142
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 2350
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2011, 22:05
Tel: 0832150005
team: เพชรบูรณ์
Bike: Bianchi Sempre, Bianchi Methanol SX2
ตำแหน่ง: แผนกเภสัชกรรม รพ.ค่ายพ่อขุนผาเมือง
ติดต่อ:

Re: นานาสาระ...เพื่อ...สุขภาพ

โพสต์ โดย oui142 »

กินอย่างไรเมื่อต้องอดนอน

รูปภาพ

ทุกคนคงทราบกันดีว่า การอดนอน หรือการนอนหลับไม่เพียงพอนั้น ถือเป็นพฤติกรรมหนึ่งที่มีผลลบต่อสุขภาพ
แต่หากมีความจำเป็นต้องอดนอนก็ควรทราบวิธีดูแลตัวเองเพื่อช่วยชดเชยพลังงานที่สูญเสียไป
ให้ร่างกายได้กระปรี้กระเปร่าสดชื่นกับการเริ่มต้นทำงานในเช้าวันใหม่

จากการวิจัยล่าสุดพบว่า การนอนที่ดีควรใช้เวลาในการนอนหลับอย่างน้อย 8 ชั่วโมง แพทย์หญิงลลิตา ธีระสิริ แพทย์ธรรมชาติบำบัดศูนย์ธรรมชาติบำบัด บัลวี ให้ความรู้ว่า สมองเราทำงานเหมือนคอมพิวเตอร์ ถ้าเรานอนหลับสมองจะลบ เรื่องราวต่าง ๆ ในหัวทิ้ง เช่น ฝันถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ไร้สาระ พิสดารเกินจริง และถ้าเราเครียดมาก ๆ จะฝันประมาณว่ากำลังวิ่งหนีหรือเหนื่อยหอบ
ดังนั้นเราจึงควรนอนหลับ พักผ่อนสมองเพื่อลบเรื่องราวต่าง ๆ ที่รกสมองทิ้งไป


โดยธรรมชาติแล้วฮอร์โมนในร่างกายถูกจัดระบบให้นอนหลับในเวลากลางคืนและตื่นในเวลากลางวัน
เพราะในเวลากลางวันเมื่อมีแสงสว่าง ต่อมไพเนียล หรือต่อมเหนือสมองจะหลั่งฮอร์โมนซีโรโตนินออกมาเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายดำเนินกิจกรรมช่วงกลางวัน ส่วนในเวลากลางคืนซีโรโตนินจะลดระดับลงเพื่อให้ร่างกายพักผ่อน รวมทั้งต่อมไพเนียลจะหลั่งฮอร์โมน "เมลาโตนิน" ออกมาเพื่อให้ร่างกายง่วงนอนจนกระทั่งใกล้เช้าก็จะลดลงทำให้เราตื่นมาพอดี หากว่าเราอดนอนถือว่าเป็นการฝืนธรรมชาติอาจทำให้ร่างกายเสียสมดุลและทำให้เจ็บป่วยได้

อาการเจ็บป่วยจากการอดนอนที่ทำให้ภูมิต้านทานต่ำลง ได้แก่ เหนื่อย อ่อนเพลีย ปวดศีรษะและเวียนศีรษะ
ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ เกิดอาการท้องผูก ความดันสูง-ต่ำ ซึมเศร้า ท้อแท้ และหากอดนอนสะสมมาก ๆ อาจทำให้ระบบประสาททำงานผิดปกติจนเกิดอาการประสาทหลอนได้


ดังนั้นถ้าเราจำเป็นต้องอดนอน และในคืนนั้นรู้สึกหิว หากเกินเวลาเที่ยงคืนไปแล้วไม่แนะนำให้ดื่มกาแฟ เพราะจะกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวนอนไม่หลับ วิงเวียนศีรษะ หรือดื่มนมวัว เพราะมีไขมันสูงย่อยยากใช้เวลาในการย่อย 3-4 ชั่วโมง จะเป็นการรบกวนกระเพาะอาหาร ทางที่ดีควรรับประทานอาหารที่อุ่น ๆ ย่อยง่าย ๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก น้ำข้าว หรือจะเป็นอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตที่ทำให้หลับง่ายกว่า เช่น ข้าวเหนียวเปียกร้อน ๆ หรือกล้วยนำไปอุ่นให้ร้อน ๆ

ขณะเดียวกัน หากเราตื่นเช้ามาหลังจากการนอนดึกแล้วรู้สึกเพลีย ไม่สดชื่นให้ใช้วิธีอาบน้ำหรือแช่น้ำอุ่นจัด ๆ ประมาณ 3 นาที
และอาบน้ำเย็น ๆ อีก 2 นาทีสลับไปมา 3 รอบ จะทำให้ร่างกาย กระฉับกระเฉงขึ้นมากกว่าการดื่มกาแฟ 1 แก้วเสียอีก นอกจากนี้ ควรรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซีและบี เพราะการอดนอนจะทำให้ระดับฮอร์โมนจากต่อมไพเนียลปั่นป่วนทำให้เกิดความเครียดได้ จึงต้องรับประทานวิตามินคลายเครียด อาหารกลุ่มดังกล่าวก็ได้แก่ ข้าวกล้อง ผัก ผลไม้ โดยเฉพาะน้ำส้มคั้นสด ๆ
แต่ถ้าจะให้ดีควรรับประทานองุ่นแดงทั้งเปลือกและเมล็ด เพราะมีโอพีซี ซึ่งมีประสิทธิภาพดีกว่าวิตามินซี 20 เท่าและวิตามินอี 50 เท่า

หากรู้จักวิธีดูแลสุขภาพตัวเองในยามที่ต้องอดนอนแล้วอย่าลืมนำไปปฏิบัติเพื่อเป็นการชดเชยสุขภาพที่เสียไป แต่ถ้าไม่จำเป็น
จริง ๆ ก็อย่าอดนอนกันดีกว่าเพราะเป็นการทำลายสุขภาพให้เสื่อมโทรมลงไม่เป็นผลดี กับเราแน่ ๆ ที่สำคัญสุขภาพร่างกายไม่ได้หาอะไหล่เปลี่ยนง่าย ๆ เหมือนเครื่องยนต์


http://www.baanmaha.com/community/thread26974.htm
“คนเราควรจะให้ แต่ไม่ควรขออะไรจากคนอื่น
ควรจะกินพอประมาณ ไม่ควรจะมากเกินไป ถึงกับท้องกาง
ควรช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ใช่เหยียบย่ำ
ควรจะรับใช้ ไม่ควรคิดเป็นนายคน”
รพี พัฒนศักดิ์



"พรุ่งนี้...ก็ สายเสียแล้ว" ศ.ศิลป์ พีระศรี
รูปประจำตัวสมาชิก
V3 ป่าเลา
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 8926
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ส.ค. 2008, 22:34
Tel: 0819538554
team: PHETCHABUN TEAM
Bike: Cannondale Taurine SL 09 Super six hi-mod 09 Fash factory team
ตำแหน่ง: 44/2 หมู่ 8 ต.สะเดียง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ 67000

Re: นานาสาระ...เพื่อ...สุขภาพ

โพสต์ โดย V3 ป่าเลา »

ขอบคุณครับหมอ
ชนะอื่นใดไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับชนะใจตนเอง
แม้จะมีเพียงแค่ภาพเดียวแต่สามารถแทนคำพูดได้มากกว่าพันคำ
รูปประจำตัวสมาชิก
วิทยาธรณ์
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1394
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2008, 20:47
Tel: 0899601801
team: เพชรบูรณ์
Bike: terk

Re: นานาสาระ...เพื่อ...สุขภาพ

โพสต์ โดย วิทยาธรณ์ »

หมอครับ ผมอยากได้ข้อมูลล้างพิษตับได้ผลจริงหรือ
"พกกายพกใจไปกับจักรยาน ไกล้ไกลก็ปั่นได้ทุกเส้นทาง"
หนุ่มใหญ่วัยฉะกันแห่ง "บ้านนิรนาม"
oui142
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 2350
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2011, 22:05
Tel: 0832150005
team: เพชรบูรณ์
Bike: Bianchi Sempre, Bianchi Methanol SX2
ตำแหน่ง: แผนกเภสัชกรรม รพ.ค่ายพ่อขุนผาเมือง
ติดต่อ:

Re: นานาสาระ...เพื่อ...สุขภาพ

โพสต์ โดย oui142 »

วิทยาธรณ์ เขียน:หมอครับ ผมอยากได้ข้อมูลล้างพิษตับได้ผลจริงหรือ
จัดให้ ครับ

ศิริราช360º : รู้ไว้ไม่ปวดตับ ตีแผ่กระบวนการล้างพิษตับ


“คนเราควรจะให้ แต่ไม่ควรขออะไรจากคนอื่น
ควรจะกินพอประมาณ ไม่ควรจะมากเกินไป ถึงกับท้องกาง
ควรช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ใช่เหยียบย่ำ
ควรจะรับใช้ ไม่ควรคิดเป็นนายคน”
รพี พัฒนศักดิ์



"พรุ่งนี้...ก็ สายเสียแล้ว" ศ.ศิลป์ พีระศรี
รูปประจำตัวสมาชิก
วิทยาธรณ์
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1394
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2008, 20:47
Tel: 0899601801
team: เพชรบูรณ์
Bike: terk

Re: นานาสาระ...เพื่อ...สุขภาพ

โพสต์ โดย วิทยาธรณ์ »

ขอบคุณมากครับหมอ ตาสว่างแล้วครับหลงตาบอดไปสามวัน ได้อดข้าวอดเหล้าแบบโดนบังคับ :lol: :lol: น้ำหนักหายไป 4 กิโลปั่นจักรยานเมื่อเช้าสงสัยว่าทำมัยพุ่งดีจัง :lol: โหก็มันเบาตั้ง 4 โล เมื่อก่อน 74ลดเหลือ 70 ภายในสามวัน :lol: ใครอยากลดน้ำหนักแบบผม หลังไมล์ครับ :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
"พกกายพกใจไปกับจักรยาน ไกล้ไกลก็ปั่นได้ทุกเส้นทาง"
หนุ่มใหญ่วัยฉะกันแห่ง "บ้านนิรนาม"
oui142
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 2350
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2011, 22:05
Tel: 0832150005
team: เพชรบูรณ์
Bike: Bianchi Sempre, Bianchi Methanol SX2
ตำแหน่ง: แผนกเภสัชกรรม รพ.ค่ายพ่อขุนผาเมือง
ติดต่อ:

Re: นานาสาระ...เพื่อ...สุขภาพ

โพสต์ โดย oui142 »

วิทยาธรณ์ เขียน:ขอบคุณมากครับหมอ ตาสว่างแล้วครับหลงตาบอดไปสามวัน ได้อดข้าวอดเหล้าแบบโดนบังคับ :lol: :lol: น้ำหนักหายไป 4 กิโลปั่นจักรยานเมื่อเช้าสงสัยว่าทำมัยพุ่งดีจัง :lol: โหก็มันเบาตั้ง 4 โล เมื่อก่อน 74ลดเหลือ 70 ภายในสามวัน :lol: ใครอยากลดน้ำหนักแบบผม หลังไมล์ครับ :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:

ไม่กินข้าว กินแต่ ผลไม้ 5555555
“คนเราควรจะให้ แต่ไม่ควรขออะไรจากคนอื่น
ควรจะกินพอประมาณ ไม่ควรจะมากเกินไป ถึงกับท้องกาง
ควรช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ใช่เหยียบย่ำ
ควรจะรับใช้ ไม่ควรคิดเป็นนายคน”
รพี พัฒนศักดิ์



"พรุ่งนี้...ก็ สายเสียแล้ว" ศ.ศิลป์ พีระศรี
ตอบกลับ

กลับไปยัง “เสือเพชรบูรณ์”