......คลินิก(Clinic)เสือ.....

ผู้ดูแล: เสือเพชรบูรณ์, V3 ป่าเลา

กฏการใช้บอร์ด
ที่อยู่ มหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบูรณ์ อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ 67000
เสือขุนแผน
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1320
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2010, 21:55
Tel: 0993826888
team: เสือเพชรบูรณ์,PCS.Cannondale Cycling team
Bike: LA Blue Line , Cannondale F3 lefty osho Caad12, LAPIERRE,specialized epic
ตำแหน่ง: เพชรบูรณ์
ติดต่อ:

Re: ......คลินิก(Clinic)เสือ.....

โพสต์ โดย เสือขุนแผน »

ฝึกซ้อมหนัก อาจจะทำร้ายตัวเองพักบ้างดีกว่า
"บ่อยครั้งที่นักจักรยานต้องฝึกซ้อมเป็นประจำจะพบกับอาการผิดปกติของร่างกายซึ่งเกิดจากการติดเชื้อ เช่น เชื้อหวัดใหญ่ การฝึกซ้อมตามโปรแกรมก็ต้องดำเนินการต่อไปจะหยุดพักผ่อนก็ไม่แน่ใจว่ามีผลข้างเคียงหรือไม่ ? จะสูญเสียระดับความฟิตหรือเปล่า ? อาการหนักแค่ไหนถึงจะต้องหยุดพัก นี่คือปัญหาใหญ่ที่ไม่ค่อยมีคำตอบที่ชัดเจนหากท่านเคยประสบกับเหตุการณ์ทำนองดังกล่าว ลองอ่านบทความเรื่องนี้"
ปั่นจักรยานทำให้ป่วยได้เหมือนกัน
จากการศึกษานักจักรยานที่มีความฟิตระดับ "แข่งขัน" ซึ่งต้องฝึกซ้อมอย่างหนักนั้น มีโอกาสเป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปวดระคายเคืองกล้ามเนื้อ ดังนั้นการรับรู้อาการผิดปกติของร่างกาย และหยุดพักผ่อนหรือแก้ไขอย่างทันท่วงที ก็จะมีผลกระทบกับการฝึกซ้อมน้อย แต่ถ้าปฏิบัติตัวไม่ถูกหรือทนฝืนฝึกซ้อมทั้ง ๆ ที่เจ็บไข้ เรื่องเลวร้ายอีกหลายอย่างอาจจะตามมา

ข้อสังเกตุ 6 ประการ
1.นอนไม่หลับ
พักผ่อนด้วยการนอนหลับเป็นการเปิดโอกาสให้ร่างกายได้พักฟื้น และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ดีที่สุด โดยทั่วไปแล้วนักปั่นที่มีร่างกายแข็งแรงอยู่แล้วจะไม่มีปัญหาเรื่องการนอนหลับ แต่บางครั้งหลังจากการฝึกซ้อม หรือแข่งขันอย่างเหน็ดเหนื่อยตลอดทั้งวัน อาจทำให้ประสบปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับ แต่ถ้าอาการนอนไม่หลับ (แบบไม่ปกติ) เกิดขึ้นติดต่อกันเป็นคืนที่สองนั้น เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเราอาจจะป่วย หรือฝึกซ้อมหนักเกินไป จนไม่มีเวลาเพียงพอให้ร่างกายได้พื้นตัวนักแข่งจักรยานระดับอาชีพ จะใช้เวลานอนแต่ละวัน ไม่น้อยกว่า 10 ชั่วโมง และการนอนหลับอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง จึงจะเพียงพอสำหรับการพักผ่อนที่ทำให้เราตื่นขึ้นมาพบเช้าวันใหม่ เตรียมพร้อมกับการฝึกซ้อมอย่างหนักเป็นนิสัย และมีเวลานอนแค่ 8 ชั่วโมง ละก็ใส่การนอนพักผ่อนในช่วงบ่าย ๆ ไว้ในตารางการฝึกซ้อมด้วย
2. เช็คชีพจร
เช็คอัตราการเต้นของหัวใจขณะพักผ่อนในช่วงเช้า ๆ ตลอดช่วงโปรแกรมการฝึกซ้อม เพื่อเก็บสถิติไว้เปรียบเทียบว่า อัตราการเต้นของหัวใจขณะผ่อนคลายนั้น ได้รับผลจากการฝึกทั้งหนักและเบาในวันก่อน ๆ นั้นแตกต่างกันอย่างไร ? เพราะอัตราการเต้นของหัวใจช่วงเวลานี้ สามารถบ่งชี้ได้ว่า เราต้องหยุดพักผ่อนสักวัน ก่อนที่จะเข้าโปรแกรมฝึกซ้อมต่อไปหรือไม่ ? เมื่อเราได้สถิติการเต้นของหัวใจช่วงพักผ่อน (ควรวัดตอนเช้า ๆ ) ที่คงพอจะเป็นจุดอ้างอิงได้ วันใดที่อัตราการเต้นของหัวใจเร็วกว่าปกติ 5 ครั้งต่อนาที ก็พอบ่งชี้ได้ว่าร่างกายอาจจะมีปัญหา แต่ถ้าเต้นเร็วกว่าจุดอ้างอิง ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยเกิน 10 ครั้งต่อนาที ขึ้นไปก็ควรที่จะหยุดพักผ่อนในวันนั้น วิธีวัดอัตราการเต้นของหัวใจนั้น หลายคนอาจปฏิบัติแตกต่างกันไป บางคนอาจนอนหลับไปพร้อม ๆ คาดสายวัดไว้ที่หน้าอกเลย บางคนอาจใช้วิธีจับชีพจรและคำนวณกับเวลาแบบเดียวกับที่พยาบาลหรือหมอใช้วัดคนไข้ คือจับข้อมือนับอัตราการเต้นของหัวใจสัก 15 วินาที ได้กี่ครั้งก็คูณด้วย 4 ผลจะออกมาเป็นครั้งต่อนาที ข้อควรระวัง ก็คือก่อนวัดอัตราการเต้นของหัวใจนั้นไม่ควรมีกิจกรรมใด ๆ ที่อาจะทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น เก็บการเก็บที่นอน รดน้ำต้นไม้ หรือแม้แต่เดินหานาฬิกาเพื่อใช้ร่วมกับการจับชีพจร ฯลฯ
3.หมั่นชั่งน้ำหนัก
ชั่งน้ำหนักตัวเองอย่างสม่ำเสมอ หากพบว่าน้ำหนักตัวลดลงมากเกินกว่า 1 กก.ขึ้นไป นั้นก็เป็นสิ่งบ่งชี้ว่าร่างกายอาจสูญเสียน้ำจากการออกกำลังกาย หรือแข่งขันเมื่อวันก่อน โดยเราดื่มน้ำชดเชยเข้าไปไม่เพียงพอ หรือตื่นขึ้นมาฉี่มีสีเหลืองเข้ม วันนั้นควรหยุดพักผ่อน และดื่มน้ำให้เพียงพอซึ่งสังเกตได้ง่าย ๆ จากสีของฉี่ที่ต้องเป็นสีเหลืองอ่อน ๆ แบบปกติ
4.ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้ออาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า เราอาจกำลังเจ็บป่วยซึ่งมีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัส แต่อย่าสับสนกับอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อที่เกิดจากการใช้งานอย่างรุนแรง หรือเป็นเวลานาน เช่นการฝึกซ้อม การแข่งขัน หรือกิจกรรมที่ใช้กำลังชนิดอื่น ๆ
5.ระคายเคืองลำคอ
หากรู้สึกระคายเคืองในลำคอ ร่างกายอาจเกิดการติดเชื้ออย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ถึงกับต้องหยุดซ้อม แต่ควรระมัดระวังและเฝ้าดูแลอาการอย่างใกล้ชิดสักนิด
6.อารมณ์
ถ้าท่านตื่นเช้าตามปกติพร้อม ๆ กับอารมณ์หงุดหงิด สิงของหรือผู้คนในบ้าน แลดูขวางหูขวางตาไปหมด ทั้ง ๆ ที่ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากทุก ๆ เช้า ไม่ใส่ใจกับจักรยานและอุปกรณ์การขับขี่อื่น ๆ เหมือนทุกวัน ไม่ควรใส่ใจเฉพาะข้อใดข้อหนึ่งควรสังเกตอาการและข้อบ่งชี้ทั้งหกในทุกเช้า เช่น นอนไม่ค่อยหลับ ตื่นขึ้นมารู้สึกอ่อนเพีลย อัตราการเต้นของหัวใจเกินกว่าปกติ แต่ก็เกินไปแค่ 4-5 ครั้งต่อนาที น้ำหนักลดกว่าปกติ ฉี่เหลือง เกิดการเมื่อยล้ากล้ามเนื้อ และตามข้อต่อต่าง ๆ อารมณ์ไม่ดี ถึงแม้จะไม่เกินข้อบ่งชี้ในแต่ละข้อ แต่ถ้าเกิดอาการผิดปกติขึ้นถึง 4 ใน 6 ข้อ ควรหยุดฝึกซ้อม แต่ถ้าหยุดไม่ได้ก็ให้ฝึกซ้อมเบา ๆ หรือฝึกซ้อมอย่างระมัดระวังด้วยการสังเกตความผิดปกติของร่างกายตลอดเวลา
ผิดปกติตรงไหน
การตัดสินใจที่จะหยุฝึกซ้อมหรือไม่นั้น ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับอาการผิดปกติของส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ถ้าเกิดขึ้นบริเวณลำคอขึ้นไป อาทิ คัดจมูก จามฟึดฟัดบ้าง ระคายเคืองลำคอ ไม่จำเป็นต้องหยุดฝึกซ้อม แต่อาจจะลดเวลา และการออกกกำลังกายให้เบาลง แต่ถ้าหลังจากการวอร์มอัฟไปแล้วอาจรู้สึกดีขึ้น ก็สามารถฝึกซ้อมตามโปรแกรมปกติได้ แต่ถ้าปั่นไปไม่กี่นาทีแล้วรู้สึกแย่ลง ก็ควรหยุดพักผ่อนดีกว่าน้ำมูกไหลอาจไม่ได้ป่วยการที่มีของเหลว หรือน้ำมูกไหลเล็กน้อยขณะปั่นจักรยาน อาจไม่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ หรือไข้หวัด แต่อาจเป็นปรากฎการปกติของร่างกายขณะออกกกำลังกาย ยิ่งมีอากาศไหลผ่าน (หายใจ) เข้าปอดมากเท่าไหร่ ร่างกายจะทำปฏิกริยา เพื่อเพิ่มความชื้นให้กับอากาศด้วยการขับความเปียกชื้นออกมาเป็นลักษณะคล้าย ๆ น้ำมูกใส อย่างไรก็ตามปฏิกริยาดังกล่าวมักเกิดขึ้นในพื้นที่หนาวเย็นหรือช่วงฤดูหนาวเป็นไข้...พักดีกว่า
การฝึกซ้อมขณะที่เป็นไข้หวัดอยู่นั้น ไม่ช่วยเสริมสร้างความฟิตหรือความแข็งแกร่งขึ้นแม้แต่เพียงนิดเดียว แถมจะทำให้อะไร ๆ แย่ลงไปอีกด้วยซ้ำไป ทางที่ดีควรหยุดพักผ่อนสักวันหรือสองวัน เพราะการพักผ่อนเป็นทางเดียวที่ทำให้ร่างกายกลับสู่ภาวะปกติได้เร็วที่สุด ระหว่างหยุดพักให้ทานน้ำมาก ๆ การหยุดพักสักสองวันนั้น มีผลกระทบกับการฝึกซ้อมน้อยกว่าปล่อยให้ติดไข้งอมแงม เพราะหากฝืนทนเผลอ ๆ อาจต้องหยุดพักยาวเป็นสัปดาห์ก็ได้หยุดนานแค่ไหนจึงจะไม่ฟิตหากต้องหยุดพักการฝึกซ้อมสักวันสองวัน หรือสองสามวัน ไม่ได้ส่งผลกระทบความพร้อมของร่างกายมากมายอะไร โดยทั่วไปแล้ว นักกีฬาส่วนใหญ่ใช้เวลาการฝึกซ้อมมากกว่าหนึ่งสัปดาห์ ถึงจะมีผลกระทบกับระดับความฟิตของร่างกาย จนรู้สึกหรือพิสูจน์ได้จริง ๆ
อ้างอิง
Dirt Trick
กองบรรณาธิการ นิตย์สาร MBT ปีที่ 6 ฉบับที่ 61 มิถุนายน 2546
รูปประจำตัวสมาชิก
โก๋ปากน้ำโพ
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 3251
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2010, 23:30
Tel: 089-4616505
team: เพชรบูรณ์
Bike: Cannondale Optimo 04
ตำแหน่ง: เพชรเจริญ

Re: ......คลินิก(Clinic)เสือ.....

โพสต์ โดย โก๋ปากน้ำโพ »

โอ้พระเจ้า อ่านแล้ว เป็นทุกข้อเลย โดยเฉพาะไอ้ข้อที่หงุดหงิด เห็นเมียที่ไรเป็นทุกที... :lol: :lol:
รอ.... เก๊าท์ .... ด้วย ..... สูงผมไม่เอา หนาวไม่ทน ร้อนฝนไม่สู้......
เสือขุนแผน
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1320
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2010, 21:55
Tel: 0993826888
team: เสือเพชรบูรณ์,PCS.Cannondale Cycling team
Bike: LA Blue Line , Cannondale F3 lefty osho Caad12, LAPIERRE,specialized epic
ตำแหน่ง: เพชรบูรณ์
ติดต่อ:

Re: ......คลินิก(Clinic)เสือ.....

โพสต์ โดย เสือขุนแผน »

โก๋ปากน้ำโพ เขียน:โอ้พระเจ้า อ่านแล้ว เป็นทุกข้อเลย โดยเฉพาะไอ้ข้อที่หงุดหงิด เห็นเมียที่ไรเป็นทุกที... :lol: :lol:
นึกว่าผมเป็นคนเดียวเป็นเหมือนกันเหรอ :lol: :lol:
รูปประจำตัวสมาชิก
เสือปากน้ำ
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 359
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ม.ค. 2009, 13:28
Tel: 0819733394
team: Phetchabun Team
Bike: Cannondale Optimo 4000SL Team 06 ,Klein Attitude 07,Cannondale Supper-six Team 10

Re: ......คลินิก(Clinic)เสือ.....

โพสต์ โดย เสือปากน้ำ »

:D เดี๋ยวงานเข้า ทั้ง2เสือแน่ เล่นของสูง :lol:
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ....สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว....
รูปประจำตัวสมาชิก
ninjapan
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 2589
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:09
Tel: 08 1871 6537
team: khonKaen
Bike: รถฮ้าง

Re: ......คลินิก(Clinic)เสือ.....

โพสต์ โดย ninjapan »

เสือปากน้ำ เขียน::D เดี๋ยวงานเข้า ทั้ง2เสือแน่ เล่นของสูง :lol:
+1 :mrgreen: :lol:
ปั่นตามหาเสียงพิณเยือนถิ่นหมอแคน ครั้งที่ 7 ใน 1 พฤศจิกายน 2558 เด้อ
http://www.facebook.com/TourDePongneep
รับสมัครที่นี่http://tourdepongneep.com
รูปประจำตัวสมาชิก
เสือหนึ่งร้อยกิโล
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 616
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 พ.ย. 2008, 14:52
Tel: 0869322568
team: เสือเพชรบูรณ์,PEA.BIKE CLUB.
Bike: MOSSO_2006 , Bianchi MUTT XC-P_2009
ตำแหน่ง: อำเภอเมืองเพชรบูรณ์
ติดต่อ:

Re: ......คลินิก(Clinic)เสือ.....

โพสต์ โดย เสือหนึ่งร้อยกิโล »

เสือขุนแผน เขียน:
โก๋ปากน้ำโพ เขียน:โอ้พระเจ้า อ่านแล้ว เป็นทุกข้อเลย โดยเฉพาะไอ้ข้อที่หงุดหงิด เห็นเมียที่ไรเป็นทุกที... :lol: :lol:
นึกว่าผมเป็นคนเดียวเป็นเหมือนกันเหรอ :lol: :lol:
สงสัยจะงานเข้าแน่ อิ อิ +555
" ถึงร่างกายจะไม่มีแรง แต่แรงก็มีอยู่ที่หัวใจ
ถึงทางไกลแค่ไหน แม้มีแค่ใจก็จะไปให้ถึง "
เสือขุนแผน
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1320
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2010, 21:55
Tel: 0993826888
team: เสือเพชรบูรณ์,PCS.Cannondale Cycling team
Bike: LA Blue Line , Cannondale F3 lefty osho Caad12, LAPIERRE,specialized epic
ตำแหน่ง: เพชรบูรณ์
ติดต่อ:

Re: ......คลินิก(Clinic)เสือ.....

โพสต์ โดย เสือขุนแผน »

10 วิธีฝึกซ้อมที่เราสามารถเลี่ยงได้

1.ซ้อมมากเกินไป
มีนักแข่งหลายคนที่จริงจังและมุ่งมันในการฦึกซ้อมเพื่อสู่หนทางเป็นแชมป์ให้กับตัวเอง เขาฝึกซ้อมอย่างหนักตั้งแต่เริ่มฤดูกาลแข่ง
ขัน แต่พอถึงกลางฤดูเวลาที่เขาทำกลับแย่ลงทีละน้อย ๆ แล้วก็พลาดตำแหน่งตามที่ได้คาดหวังไว้
"สังสัยซ้อมน้อยไป" เขาคิดไปอย่างนั้น ก็เลยเพิ่มการฝึกซ้อมให้มากขึ้น ทั้งเพิ่มระยะทาง ปั่นขึ้นเขา ฯลฯ ผลที่ได้รับคือเวลาที่เขาเคยทำได้กลับแย่ลง
ไปกว่าเดิม เนินเขาที่เขาเคยปั่นขึ้นอย่า่งง่าย ๆ ก็กลับเป็นปัญหาสำหรับเขา เขาผิดหวังมาก เลยขายจักรยานทิ้งไปเลยหันไปคบหากิ๊กใหม่ ๆ
แทนซะจะได้สะสมคอเลสเตอร์รอลได้ดียิ่งขึ้นไป 555 คิดผิดไปแล้วครับเพ่ ลองมาอ่านบทความนี้สักนิดหนึ่งก่อนที่คุณจะบอกลาจักรยานไปนะครับ
ความจริง จะบอกให้รู้ว่า ถ้าคุณโหมซ้อมมากเกินไปจะเกิดอะไรขึ้น แล้วก็มีตำรามากมายหลายเล่มที่สอนเราว่าใ "ให้พักผ่อนให้พอ"
ร่างกายของคนเราต้องการพักผ่อนเพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ แล้วเวลาที่มันจะซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ คือ "เวลาที่เราพักผ่อนนั้นเอง"
ดังนั้นเมื่อเราได้ทำการฦึกซ้อมมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว เราก็ต้องหยุดพักบ้างโดยการพักผ่อน (นอนหลับ)
และรับประทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ เพื่อให้ร่างกายได้มีเวลาในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอบ้าง

2. "ไม่เคยขาดซ้อม"[/b]
นักแข่งหลาย ๆ คนจะใช้ตารางฝึกซ้อมซึ่งเหมาะสำหรับมืออาชีพที่แข่งอย่างเดียว แต่ชาวบ้านอย่างเรา ๆ
จะหาเวลาฝึกได้ก็ช่วงเวลาที่ว่างจากการทำงานอาชีพแล้ว จึงจัดเวลาซ้อมจักรยานต่อจากการทำงานอย่างอื่นซึ่งไม่ดีเลย
เพราะวิธีรวบการทำกิจกรรมหลาย ๆ อย่างเข้าด้วยกันจะทำให้ร่างกายโทรมเร็วกว่าปกติ เนื่องจากร่างกายไม่มีเวลาฟื้นตัว
วิธีที่ถูกคือถ้ามีอะไรมาขัดจังหวะการซ้อมของคุณจงไปทำเรื่องนั้นให้เสร็จ แล้วถือว่าวันนั้นเป็นวันพักผ่อนพิเศษสำหรับคุณ
แล้ววันรุ่งขึ้นค่อยกลับเข้าตารางฝึกซ้อมใหม่ตามปกติ จำไว้ว่าการขาดซ้อมแค่เพียงวันเดียวไม่มีผลอะไร
ต่อร่างกายของคุณเลยถ้าคุณฟิตอยู่แล้ว หากคุณหยุดเฉย ๆ ถึง 2 สัปดาห์นั้นละครับที่จะทำให้ประสิทธิ์ภาพของกล้ามเนื้อคุณลดลงไป

3. ดูดอย่างเดียว จนเพื่อน ๆ ตั้งฉายาว่า "ไอ้ตัวดูด"
ในการออกปั่นกับเพื่อน ๆ ในแต่ละวันคุณไม่เคยขี่นำเพื่อน ๆ เลย คุณจะคอยตามหลังหรือคอยดูดเพื่อนตลอดเส้นทาง ถึงแม้เพื่อนจะขี่ด้วยความเร็วเท่าไหร่ คุณก็ไม่เคยหลุดกลุ่ม จนบางครั้งคุณอาจจะเข้าใจผิดในตัวเองว่า "เราแกร่งแล้ว" แต่ความจริงคือ "ไม่" คุณยังแย่กว่าเพื่อนคุณที่เคยขี่นำหน้าด้วยความเร็วเพียง 25 กม./ชม.ด้วยซ้ำไป บ่อยครั้งเมื่อใกล้ถึงเส้นชัย หรือจุดสิ้นสุดการฝึกซ้อมประจำวันคุณจะเร่งความเร็วแซงเพื่อน ๆ ไปเข้าเส้นชัยก่อนก็นับว่าคุณยังไม่เกิดความสำเร็จในการฝึกซ้อมในครั้งนั้น ฉะนั้นการที่คุณขี่ตามเพื่อนโดยอาศัยแรงดูดจากเพื่อน ๆ นั้น นอกจากจะสร้างความเคยชินจนติดเป็นนิสัยแล้ว คุณก็ไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ สถานการณ์ในสนามแข่งขันจริง ๆ คุณไม่สามารถจะใช้แรงดูดจากเพื่อนตลอดการแข่งขัน ฉะนั้นคุณต้องฝึกขี่นำหน้ากลุ่มบ้างในการฝึกซ้อมในแต่ละวัน ยิ่งคุณขยันขี่นำหน้าบ่อย ๆ มากเพียงใดก็จะเกิดผลดีกับคุณมากเท่านั้น จนเพื่อน ๆ จะตั้งฉายาใหม่ให้คุณว่า "หัวลากประจำทีม" ก็ได้
หรือคุณอาจจะเป็นผู้ที่ลงเขาได้อย่างบ้าบิ่นเกินใคร ๆ แต่ขาขึ้นคุณเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ต้องเข็น ฉะนั้นการที่เราจะเก่งอย่างใดอย่างเดียวไม่ได้หรอกครับ ลองทำในสิ่งที่คุณไม่ค่อยถนัดด้วย อย่างถ้าคุณปั่นขึ้นเขาไม่เก่งก็ต้องหัดปั่นขึ้นเขาบ่อย ๆ และสร้างความชำนาญให้ได้ในที่สุด ในช่วงแรก ๆ คุณอาจจะเบื่อหรือเกลียดกับการปั่นขึ้นเขาที่จะต้องใช้พละกำลังและระบบหายใจมากเป็นพิเศษ แต่คุณจงฝืนฝึกฝนต่อไปเถอะครับ แล้วเมื่อทุกอย่างเริ่มดีขึ้น จากนั้นนอกจากคุณจะเปลี่ยนเป็นนักปั่นที่ชอบพิชิตยอดเขาแล้ว คุณก็จะกลายเป็นนักปั่นคนใหม่ที่เก่งกว่าเดิม จนเพื่อน ๆ ในทีมอดที่จะยอมรับในความสามารถของคุณได้ และฮีโร่ของทีมก็อาจจะเป็นตัวคุณเพิ่มมาอีกหนึ่งคนเป็นแน่แท้

4. "ไม่ยอมขี่ร่วมกลุ่มกับคนอื่น"
มีนักจักรยานหลายคนที่ชอบขี่อย่างโดดเดี่ยวไม่ยอมมาร่วมขี่กับกลุ่ม ผมเคยสอบถามหลาย ๆ คนที่ขี่จักรยานอยู่ตามลำพัง มักจะได้คำตอบว่า ผมชอบอิสระ เพราะการขี่คนเดียวไม่มีใครบังคับเราให้ขี่ไปทางใดทางหนึ่ง เราสามารถไปทุกแห่งตามที่เราต้องการ ซึ่งเป็นคำตอบที่ถูกต้องหากเรารักจะขี่เพื่อให้เวลาผ่านพ้นไปวัน ๆ เท่านั้น โดยไม่มีความมุ่งหวังว่าจะไปลงแข่งขันกับใคร แต่บางคนก็บอกว่า "ผมไม่กล้าเข้ากลุ่ม เพราะกลัวว่าจะตามเขาไม่ทัน" คำตอบข้อนี้น่าจะมาพิจารณาให้มากที่สุดครับ เพราะการขี่คนเดียวนั้นส่วนมากแล้วเราจะเข้าข้างตัวเองเสีัยมากกว่าที่จะเป็นจริง เว้นแต่นักกีฬาระดับแนวหน้าแล้วที่เขาสามารถใช้เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจมาเป็นตัวควบคุมในการฝึกซ้อมของเขา และเขามีระเบียบวินัยในการฝึกซ้อมอย่างแท้จริง
การขี่เป็นกลุ่มอาจจะไม่ได้ประโยชน์มากนักสำหรับนักแข่งเสือหมอบ แต่ยังมีประโยชน์สำหรับนักจักรยานเสือภูเขาอย่างเรา ๆ มาก เพราะตลอดเวลาการขี่เป็นกลุ่มนั้น ความสามารถและความแข็งแกร่งของเพื่อน ๆ แต่ละคนมันจะต่างกันตามลำดับ ฉะนั้นเมื่อเพื่อนเราคนใดปั่นหนักขึ้น เราก็จำเป็นต้องปั่นหนักตามไปด้วยโดยเกาะกันเป็นกลุ่มภายใต้อุโมงลมที่เพื่อน ๆ ช่วยบดบังไว้ก็พอที่จะลากสังขารไปกับเขาได้ ถึงแม้อาจจะทุลักทุเล หรือหอบแฮก ๆ ๆ บ้างในช่วงเข้ากลุ่มใหม่ ๆ ก็ตาม แต่สักวันหนึ่งคุณอาจจะเป็นผู้ที่ปั่นขึ้นไปลากเพื่อน ๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ หรือหากคุณยังถูกทอดทิ้งอยู่ท้าย ๆ เพื่อนอีก แสดงว่าคุณต้องไปปรับตัวในการฝึกซ้อมของคุณ ต้องย้อนกลับไปอ่านข้อที่ 1-4 ว่าคุณยังติดอยู่ข้อใดข้อหนึ่ง แล้วมาปรับปรุงการฝึกซ้อมต่อไป ไม่นานจนเกินไปคุณอาจจะขึ้นชื่อในกลุ่มเพื่อน ๆ ว่า"หัวลากนำเข้าคนใหม่"คือฉายาของคุณ

5. ปั่นอัดอย่างเดียว
จะมีนักจักรยานหลายคนที่มาขี่ร่วมกลุ่มกันแล้วรับรองได้ว่าจะต้องมีพวกชอบอวดตัวเองอยู่เสมอ คนประเภทนี้จะชอบขี่นำกลุ่มหรือปั่นหนีกลุ่มตลอด หรือเรียกอีกภาษาว่า "พวกบ้าพลัง หรือพวกมีอัตตาสูง" ซึ่งถ้าเขาปั่นจี้อย่างนี้ทุกครั้งที่ขี่ ก็เท่ากับว่ากำลังทำร้ายตัวเองอยู่ ไม่ต้องไปสนใจอะไรหรอกครับ เพราะร่างกายของคนเราต้องการสภาพการทำงานที่แตกต่างกันหลาย ๆ อย่าง ทั้งหนักทั้งเบา ทั้งโหมหนักและการพักผ่อน ทั้งนี้เพื่อจะให้ทุกระบบของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การขี่เล่นกินลมชมวิวไปเรื่อย ๆ บ้างปั่นแข่งขันกันบ้างจึงเป็นการช่วยให้ทุกระบบของร่างกายได้ทำงานร่วมกัน และยังสนุกกว่าการตั้งหน้าตั้งตาปั่นอย่างเดียว
ฉะนั้นการปั่นต้องมีการปั่นหนักและเบาสลับกันไปเป็นระยะ ๆ นอกจากจะไม่เป็นการทำร้ายร่างกายแล้วยังช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิด และระบบต่าง ๆ ของหัวใจสลับการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

6. กินเมื่อหิวเท่านั้น
การรับประทานอาหารสำหรับมนุษย์เราทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่เป็นนักกีฬาจะต้องเน้นในหลักโภชนาการให้มากกว่าคนทั่ว ๆ ไป นอกจากต้องกินให้ครบทั้ง 5 หมู่แล้ว การกินอาหารต้องกินเป็นเวลา ไม่ใช่รอให้ท้องหิวซะก่อนแล้วค่อยหาอาหารเติมท้องทีหลัง จงกินอาหารก่อนที่คุณจะหิว แต่เชื่อเถอะครับขณะที่เรากำลังปั่นเพลิน ๆ อยู่นั้นไม่มีใครคิดถึงความหิวเลย แต่เมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกหิวขึ้นมานั้นก็แสดงว่ามันสายไปเสียแล้วสำหรับอาหารมื้อนี้ เพราะแปลว่าระดับน้ำตาลในเลือดของคุณต่ำเกินไป ร่างกายจึงรู้สึกว่าหิว และนั้นก็หมายความว่าพลังงานสำรองในร่างกายของคุณที่ได้สร้างสมมาได้ลดลงต่ำกว่าระดับอันควรจะเป็นเสียแล้ว คราวนี้คุณจะเอาแรงที่ไหนไปสู้กับคนอื่นได้ จนกว่าร่างกายของคุณจะได้สร้างสมพลังงานขึ้นมาใหม่ โดยต้องใช้ระยะเวลาอีกนาน
กฎการกินของนักกีฬา โดยเฉพาะนักจักรยานคือเมื่อไรที่จะปั่นจักรยานกันนานเกิน 2 ชั่วโมง ก็จงกินทุก ๆ 45 นาทีหรือถ้าจะขี่กันนานเกินกว่า 4 ชั่วโมงก็ให้หยุดพักแล้วหาอะไรใส่ท้องทุก ๆ 2 ชั่วโมง ของที่จะกินก็ไม่ต้องมากนักหรอก เพียงแค่แซนวิชสักชุด กล้วยหอมสักลูกก็ใช้ได้แล้วครับ ยิ่งถ้าได้ประเภทกล้วยตากอบน้ำผึ้งที่เราเตรียมใส่กระเป๋าหลังก่อนออกเดินทางนั้นละครับสุดยอดของพลังงานที่เราจะได้รับ
สำหรับเวลาแข่งหรือช่วงเวลาที่รีบร้อนจริง ๆ ไม่มีเวลาจะแวะจอดกินอาหารแล้ว น้ำอัดลมซักกระป๋องหนึ่งจะให้พลังงานแก่คุณได้อีกครึ่งชั่วโมง แต่เมื่อหมดพลังงานแล้วก็หมดเลยนะครับ คราวนี้ต้องหารถโบกกลับบ้านให้ได้ก็ละกัน

7. ไม่ค่อยดื่มน้ำ
น้ำเป็นสิ่งที่ร่างกายคนเราจะขาดไม่ได้ เพราะในร่างกายคนเรานั้นประมาณ 75 % ประกอบด้วยน้ำ ซึ่งเป็นสื่อกลางในการล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และในร่างกายของคนเรานั้นไม่เหมือนกับอูฐ หรือจะเรียกสั้่น ไ ว่า "คนนะไม่ใช่อูฐ" เพราะอะไรครับ เพราะว่าอูฐนั้นเป็นสัตว์ที่มีคุณสมบัติพิเศษกว่าสัตว์อื่น ๆ ในโลก เพราะอูฐมันจะมีกระเพาะไว้สำหรับเก็บน้ำไว้กินได้หลาย ๆ วัน โดยที่อูฐดื่มน้ำครั้งหนึ่ง เปรียบเหมือนรถยนต์ที่เติมน้ำมันเข้าไปในถังแล้วสามารถวิ่งไปได้เป็นร้อย ๆ กิโลโดยไม่ต้องเติมน้ำมันอีกจนกว่าน้ำมันจะหมดแล้วเติมเข้าไปใหม่ อูฐก็เช่นเดียวกับถังน้ำมันรถยนต์ แต่คนเราไม่สามารถทำเหมือนอูฐได้นะครับ
ดังนั้นจึงควรจิบน้ำหรือดื่มน้ำอยู่ตลอดทั้งวัน เพื่อให้ร่างกายชุ่มช่ำอยู่ตลอดเวลา แต่คนทั่วไปมักจะดื่มน้ำไม่ค่อยพอในแต่ละวันอยู่แล้ว และที่แย่ที่สุดคือการออกขี่จักรยานในขณะที่ร่างกายขาดน้ำ นักจักรยานที่ดื่มน้ำจนร่างกายชุ่มฉ่ำเป็นประจำอยู่แล้วจะสามารถปั่นได้แบบสบาย ๆ ถึงสองชั่วโมงโดยการดื่มน้ำระหว่างทางอีก 2 กระติก ดังนั้นถ้าคิดจะขี่จักรยานนานกว่านั้นก็จงหาวิธีแบกน้ำไปให้มากกว่า 2 กระติกจึงจะเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายนะครับ

8. นอนไม่พอ
การพักผ่อนโดยการนอนหลับนั้นเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด ฉะนั้นนักจักรยานอย่างเรา ๆ บางคนแล้วอาจจะไม่มีเวลานอนอย่างเพียงพอ อาจจะเป็นด้วยเหตุผลต่าง ๆ เกี่ยวกับประกอบอาชีพในหน้าที่การงานและอื่น ๆ และไม่มีวิธีใดเลยที่จะชดเชยการนอนไม่เพียงพอ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือเราต้องนอนให้เพียงพอวันละ 7-9 ชั่วโมง หมายถึงต้องนอนให้หลับ ไม่ใช่นอนราบอย่างเดียวแต่ใจลอยไปคิดถึงกิ๊กคนแล้วคนเล่าจนสว่างคาตา นั้นหมายถึงท่านยังไม่ได้นอนนะครับ เพราะการนอนหลับสนิทนั้นตับกับไตจะได้ทำงานได้ดีที่สุด จำไว้เลยว่าถ้าคุณหลับไม่พอเมื่อไหร่ทั้งกล้ามเนื้อและจิตใจของคุณจะไม่สามารถซ่อมแซมความสึกหรอจากกิจกรรมที่คุณทำในระหว่างวันได้เลย และที่สำคัญหากคุณนอนหลับไม่เพียงพอ ประสิทธิภาพในการมองเห็นของคุณจะด้อยกว่าปกติ และประสิทธิภาพในการตัดสินใจก็จะลดลงตามไปอีกด้วย อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุในระหว่างการขับขี่ได้ครับ

9. ไม่สบายแล้วยังซิ่ง
ความเจ็บป่วยนั้นไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้นกับตนเองครอบครัวและเพื่อนฝูง การมีสุขภาพที่่ดีนั้นย่อมเป็นลาภอันประเสริฐสุด คำนี้ก็ยังเป็นอัมตะตลอดไป และเป็นที่ปรารถณาของมนุษยโลกทุกคน แต่สิ่งเหล่านี้็ก็ไม่มีใครหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้นได้ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ย่อมเป็นสัจจะธรรมของทุกสิ่งที่มีชีวิตในโลกนี้ แต่เราก็สามารถป้องกันและบรรเทาสิ่งนั้นได้จากหนักให้เป็นเบา หรือยืดอายุไขออกไปได้ตามสมควร
สำหรับนักกีฬาอย่างเราแล้วก็ย่อมมีการเจ็บป่วยบ้างเล็กน้อย อาจจะเป็นเพราะอากาศเปลี่ยนแปลง หรือสาเหตุใดก็ตาม แต่ถ้าเป็นหวัดน้ำมูกไหลธรรมดาก็ยังพอขี่จักรยานได้นะครับ แต่ก็ไม่ควรขี่ให้หนัก เพราะร่างกายเราต้องการพลังงานในการต่อสู้กับเชื้อโรค และสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายอย่างหนัก ไหนจะสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อสู้กับเชื่อโรคที่กำลังฟูมฟักตัวอยู่ในร่างกายเรา แล้วไหนอีกจะต้องสร้างภูมิต้านทานและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในระหว่างการฝึกซ้อมอีก ฉะนั้นการออกกำลังกายเพียงเบา ๆ เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อเท่านั้นเป็นดีที่สุด แต่หากคุณปั่นอัดเต็ม ๆ นั้นรับรองไม่ดีแน่ และคุณอาจจะต้องกลับมานอนเป็นไข้เข้าอู่ซ่อมระยะยาวเป็นแน่แท้ ดังนั้นคุณจะเหลือพลังงานไปทำอย่างอื่นได้ไม่มากนัก อดทนรอให้หายดีแล้วคุณค่อย ๆ ออกไปซ้อมกับเพื่อน ๆ แต่คุณจะต้องยอมรับตัวเองว่าวันแรกที่ออกไปปั่นขอเป็นเพียงตัวประกอบในทีมก็เพียงพอ ขี่แบบสบาย ๆ ตามหลังเพื่อน ๆ ไปเพื่อเรียกกำลังและกล้ามเนื้อให้กลับสู่ภาวะปกติประมาณ 2-3 วัน แล้วค่อย ๆ เพิ่มความหนักเข้าไปตามกำลังที่เรามีอยู่

10. จมอยู่กับเรื่องไม่ดี
ทุก ๆ คนย่อมมีปัญหาในชีตทั้งนั้น โดยเฉพาะในสมัยที่โลกไร้พรมแดนนี้ยิ่งเพิ่มความวุ่นวายในชีวิตมากยิ่งขึ้นหลายเท่าตัว บางคนก็มีกิ๊กจนแทบต้องเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์เดือนละหลาย ๆ เบอร์เพื่อหลบการสะกดรอยของ มท.1 ยิ่งนักกีฬาอย่างเรา ๆ เรื่องแพ้ชนะไม่ใช่เรื่องสำคัญ เอาแต่งตัวหล่อ ๆ เท่ ๆ ไว้ก่อนเพื่อเรียกแรงเชียร์จากสาว ๆ ผู้ชมรอบสนาม ซึ่งสร้างความสำเร็จสู่นักแข่งล่าเหยื่ออย่างเรามามากต่อมากแล้วนะครับ หรือปัญหาจากที่ทำงานอีกหลาย ๆ อย่างมีสะสมอยู่เรื่อย ๆ ฉะนั้นเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของคนเรานั้นล้วนจะเป็นตัวนำมาซึ่งปัญหาทั้งสิ้น
เมื่อปัญหามาสุ่มอกเมื่อไหร่ก็ย่อมเกิดอารมณ์จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปัญหานั้น ๆ และอารมณ์ของคนเรามีขึ้นมีลงอยู่ตลอดเวลา บางวันคุณอาจจะรู้สึกสบายใจปลอดโปร่งโล่งอก แต่บางวันคุณอาจจะรู้สึกตัวว่าไร้ค่าเสียเหลือเกิน ขอให้จงอย่าปล่อยตัวปล่อยอารมณ์ให้ติดอยู่กับเรื่องนั้น ๆ ตรงกันข้าม การที่คุณออกมาขี่จักรยานร่วมกับเพื่อน ๆ จะช่วยให้คุณผ่อนคลายความเครียดได้ และจงคิดแต่สิ่งดี ๆ อย่าไปยึดติดกับอะไรมากนักสำหรับผู้ที่จริงจังกับการแข่งขัน แล้วไม่สามารถหลีกเลี่ยงกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ก็ต้องยอมรับไว้ล่วงหน้าเลยว่า เวลาของคุณต้องแย่ลงแน่นอนและจงทำใจยอมรับกับสถาพที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งนึกแต่สิ่งที่ดี ๆ อย่าลืมว่าเรื่องไม่ดีทั้งหลายจะอยู่แค่ชั่วประเดี๋ยวประด๋าเท่านั้น แล้วมันก็จะผ่านไปเอง ปรับจิตใจให้สบาย ๆ แล้วจงสนุกกับการขี่จักรยานเถอะครับ รับรองอายุยืยเป็นร้อยปีแน่ครับ
อ้างอิง http://www.lungmae.com/training10.htm
รูปประจำตัวสมาชิก
nuang
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 2139
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.ค. 2009, 20:30
Tel: 083-3299326
team: "G"จักรยาน
Bike: อะไรก็ปั่น

Re: ......คลินิก(Clinic)เสือ.....

โพสต์ โดย nuang »

จออณุญาติเก็บความรู้นะครับ :D
เสือเพชรบูรณ์
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 5735
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 18:50
Tel: 0801187686
team: ทีมเสือเพชรบูรณ์
Bike: Bianchi MUTT - Cannondale F3-Six13
ตำแหน่ง: มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์
ติดต่อ:

Re: ......คลินิก(Clinic)เสือ.....

โพสต์ โดย เสือเพชรบูรณ์ »

ขอบคุณมากครับ อ่านทั้งหมดเลย ดีใจครับผมฝืนอยู่ 2 ข้อคือข้อที่ว่าป่วยแล้วออกซ้อม และชอบนอนดึก แต่เวลาช่วงแข่งจะหลับเร็วเป็นพิเศษ
ไม่ปั่นตอนนี้ แล้วจะไปปั่นตอนไหน..ล่ะ โดย..เสือคลองคล้า
รูปประจำตัวสมาชิก
เสือเพชรละคร
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 2333
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 มิ.ย. 2010, 15:02
Tel: 0880899850
team: เสือเพชรบูรณ์ สาขาเสือเพชรละคร
Bike: รถกระป๋อง,ม้าลำพอง,MONO Q

Re: ......คลินิก(Clinic)เสือ.....

โพสต์ โดย เสือเพชรละคร »

อัพหน่อยครับเผื่อมีคนอยากอ่าน :mrgreen:
นักปั่นขาแข็ง(เป็นก้อนๆ ช่วยด้วยผมเป็นตะคริวครับ)
รูปประจำตัวสมาชิก
ล้อหนาม วังโป่ง
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 503
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 มิ.ย. 2011, 12:29
team: กลุ่มวังโป่งสายปั่น ทีมเสือเพชรบูรณ์
Bike: MTB:Giant XTC SLR ROAD:Bianchi Sempre

Re: ......คลินิก(Clinic)เสือ.....

โพสต์ โดย ล้อหนาม วังโป่ง »

อ่านแล้วเศร้า.... ตารางการปั่นแรงมากกกก :o

ทำตัวเป็นตัวดูดกลุ่มท้ายๆต่อไปดีกว่า :lol:
มือใหม่หัดปั่นคร้าบบบบบ

โหมดฝึกหัด ปั่นไปล้มไป
รูปประจำตัวสมาชิก
โก๋ปากน้ำโพ
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 3251
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2010, 23:30
Tel: 089-4616505
team: เพชรบูรณ์
Bike: Cannondale Optimo 04
ตำแหน่ง: เพชรเจริญ

Re: ......คลินิก(Clinic)เสือ.....

โพสต์ โดย โก๋ปากน้ำโพ »

ล้อหนาม วังโป่ง เขียน:อ่านแล้วเศร้า.... ตารางการปั่นแรงมากกกก :o

ทำตัวเป็นตัวดูดกลุ่มท้ายๆต่อไปดีกว่า :lol:
ฮัลโหล ใช่เสือหนุ่มหรือเปล่า ข รับ .. แต่ขอบอกว่า แถวเพชรฯ เค้า ปั่นกันแบบนี้ นะครับ ... แค่ " คนเดียว " :lol: :lol:
รอ.... เก๊าท์ .... ด้วย ..... สูงผมไม่เอา หนาวไม่ทน ร้อนฝนไม่สู้......
รูปประจำตัวสมาชิก
ล้อหนาม วังโป่ง
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 503
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 มิ.ย. 2011, 12:29
team: กลุ่มวังโป่งสายปั่น ทีมเสือเพชรบูรณ์
Bike: MTB:Giant XTC SLR ROAD:Bianchi Sempre

Re: ......คลินิก(Clinic)เสือ.....

โพสต์ โดย ล้อหนาม วังโป่ง »

ถูกต้องแล้วครับเสือโก๋ ไม่มีใครหรอกครับนอกจากผมที่ คอยตามดูดคนแก่ ผู้หญิงและเด็กเวลาออกทริป 8-)

สงสัยต้องไปสังกัด ป๊อดทีม ซะแล้ว :lol:
มือใหม่หัดปั่นคร้าบบบบบ

โหมดฝึกหัด ปั่นไปล้มไป
รูปประจำตัวสมาชิก
โก๋ปากน้ำโพ
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 3251
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2010, 23:30
Tel: 089-4616505
team: เพชรบูรณ์
Bike: Cannondale Optimo 04
ตำแหน่ง: เพชรเจริญ

Re: ......คลินิก(Clinic)เสือ.....

โพสต์ โดย โก๋ปากน้ำโพ »

ล้อหนาม วังโป่ง เขียน:ถูกต้องแล้วครับเสือโก๋ ไม่มีใครหรอกครับนอกจากผมที่ คอยตามดูดคนแก่ ผู้หญิงและเด็กเวลาออกทริป 8-)

สงสัยต้องไปสังกัด ป๊อดทีม ซะแล้ว :lol:
อนุมัติ เข้า ป๊อดทีมครับ ... อย่าลืมนะครับจงสำนึกไว้เสมอ " อะไรยากๆ เราไม่เอา อะไรเบาๆ เราสู้ อะไรหมูๆ เราชอบ " :lol: :lol:
รอ.... เก๊าท์ .... ด้วย ..... สูงผมไม่เอา หนาวไม่ทน ร้อนฝนไม่สู้......
PAPI36
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 468
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มี.ค. 2009, 13:09
Tel: 08-0504-7598

Re: ......คลินิก(Clinic)เสือ.....

โพสต์ โดย PAPI36 »

โก๋ปากน้ำโพ เขียน:
ล้อหนาม วังโป่ง เขียน:ถูกต้องแล้วครับเสือโก๋ ไม่มีใครหรอกครับนอกจากผมที่ คอยตามดูดคนแก่ ผู้หญิงและเด็กเวลาออกทริป 8-)

สงสัยต้องไปสังกัด ป๊อดทีม ซะแล้ว :lol:
อนุมัติ เข้า ป๊อดทีมครับ ... อย่าลืมนะครับจงสำนึกไว้เสมอ " อะไรยากๆ เราไม่เอา อะไรเบาๆ เราสู้ อะไรหมูๆ เราชอบ " :lol: :lol:
สมาชิกเต็มหรือยังครับ :mrgreen: ถ้ายังผมยื่นใบสมัครด้วยคนครับ :P :P
สองล้อพอเพียง ชีวิตที่เพียงพอ
ตอบกลับ

กลับไปยัง “เสือเพชรบูรณ์”