น้ำท่วมใหญ่จังหวัดนครศรีธรรมราช 2554

ผู้ดูแล: Ligor007

กฏการใช้บอร์ด
ชมรมจักรยานนครศรีธรรมราช
ที่อยู่ 74/41 ถ.อ้อมค่าย ต.ท่าวัง อ.เมือง นครศรีธรรมราช 80000
โทร 089-8663343 คุณวิชาญ
โทร 081-4763322 คุณสุวาส ฐิตินันท์ ประธานชมรมจักรยานนครศรีธรรมราช
รูปประจำตัวสมาชิก
Bird2010
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 309
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 พ.ค. 2010, 20:57
Tel: 0846297929
team: Ligor
Bike: Merida

Re: น้ำท่วมใหญ่จังหวัดนครศรีธรรมราช

โพสต์ โดย Bird2010 »

Kok เขียน:รู้ได้ไงครับ วันก่อนโกชู้นจ้างเด็กแอบเข้าไปอยู่ในห้องน้ำของบ้านเช่าน้องๆวุฒิศักดิ์ แล้วพอน้องๆไปเจอมีคนอยู่ในห้องน้ำก็กรี๊ดสลบ โกชู้นเข้าไปช่วย ได้คะแนนไปเต็มๆ ในฐานะฮีโร่
ว่าทำไมระยะนี้.น้องบ่าวเรา.ฟิตปั๋ง..แรงไม่มีวันหมด..เจอสาวมาซื้อน้ำแข็งใสที่สามแยกนพพิตำ..บ่าวใส่ไม่ยั้ง..พี่ยังนึกเสียวในใจอยูเลย KOK เหอ ว่า..ผ....ผ ...ั..ว มันนั่งคร่อมรถเครื่องเหน็บสามห้าเจ็ดเอวตุง
chin chanchum
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1665
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ค. 2009, 19:18
ติดต่อ:

Re: น้ำท่วมใหญ่จังหวัดนครศรีธรรมราช

โพสต์ โดย chin chanchum »

Bird2010 เขียน:
Kok เขียน:รู้ได้ไงครับ วันก่อนโกชู้นจ้างเด็กแอบเข้าไปอยู่ในห้องน้ำของบ้านเช่าน้องๆวุฒิศักดิ์ แล้วพอน้องๆไปเจอมีคนอยู่ในห้องน้ำก็กรี๊ดสลบ โกชู้นเข้าไปช่วย ได้คะแนนไปเต็มๆ ในฐานะฮีโร่
ว่าทำไมระยะนี้.น้องบ่าวเรา.ฟิตปั๋ง..แรงไม่มีวันหมด..เจอสาวมาซื้อน้ำแข็งใสที่สามแยกนพพิตำ..บ่าวใส่ไม่ยั้ง..พี่ยังนึกเสียวในใจอยูเลย KOK เหอ ว่า..ผ....ผ ...ั..ว มันนั่งคร่อมรถเครื่องเหน็บสามห้าเจ็ดเอวตุง
.......อย่าลืมนะว่าชุดจักรยานที่พวกเราใช้อยู่ มันเป็นที่น่าสนใจ ทุกสายตาจะพุ่งเป้ามาที่เป้า.....โดยเฉพาะของน้องหมอ Bird 2010 (ปะหลักจั้ก...นี่คือคำพูดของแม่ค้าเหนียวย่างแถวลานกาเขาพูดกับลุง).....จะเล่าให้ฟังนิด คือแม่ค้าในตลาดคนหนึ่งแกเป็นคนที่พูดหรอยๆแล้วก็สนิทกับลุง แกถามว่าไตรกางเกงที่ใส่ถีบรถไอ้ตรงนั้นมันป่องๆออกมาจัง...มันอัดฟองน้ำไว้หม้าย...(ถามต่อหน้าคนมากๆรวมทั้งคนที่บ้านแกด้วย) ลุงก็ตอบไม่จริงกับแกว่า...ไม่มีไอ้ไหรรองเลย..ของจริงทั้งเพ ไม่ใส่ไอ้ไหรเพื่อให้น้ำหนักรถมันน้อย...เพราะฉะนั้นพวกเราที่ใส่ชุดปั่นอาจจะเป็นที่ชื่นชอบ(ดู)ของเพศหนึ่งแต่เป็นที่น่าอิจฉาของอีกเพศหนึ่ง เพราะเหตุนี้ สามห้าเจ็ด สิบเอ็ด สามแปดหรือเก้า มม. มีโอกาสลั่นโป้งขึ้นมาได้ (หากเราไป"หลี"แม่ค้ามากๆ) :lol: :lol: :lol: จากลุงจินต์
คนลานกา..อากาศดี
รูปประจำตัวสมาชิก
mr.T_Technic
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 546
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 มี.ค. 2010, 19:48
Tel: 0812730463
team: ไร้สังกัด
Bike: mtb_Giant-innova.....roadbike_bianchi-impulso

Re: น้ำท่วมใหญ่จังหวัดนครศรีธรรมราช

โพสต์ โดย mr.T_Technic »

chin chanchum เขียน:
Bird2010 เขียน:
Kok เขียน:รู้ได้ไงครับ วันก่อนโกชู้นจ้างเด็กแอบเข้าไปอยู่ในห้องน้ำของบ้านเช่าน้องๆวุฒิศักดิ์ แล้วพอน้องๆไปเจอมีคนอยู่ในห้องน้ำก็กรี๊ดสลบ โกชู้นเข้าไปช่วย ได้คะแนนไปเต็มๆ ในฐานะฮีโร่
ว่าทำไมระยะนี้.น้องบ่าวเรา.ฟิตปั๋ง..แรงไม่มีวันหมด..เจอสาวมาซื้อน้ำแข็งใสที่สามแยกนพพิตำ..บ่าวใส่ไม่ยั้ง..พี่ยังนึกเสียวในใจอยูเลย KOK เหอ ว่า..ผ....ผ ...ั..ว มันนั่งคร่อมรถเครื่องเหน็บสามห้าเจ็ดเอวตุง
.......อย่าลืมนะว่าชุดจักรยานที่พวกเราใช้อยู่ มันเป็นที่น่าสนใจ ทุกสายตาจะพุ่งเป้ามาที่เป้า.....โดยเฉพาะของน้องหมอ Bird 2010 (ปะหลักจั้ก...นี่คือคำพูดของแม่ค้าเหนียวย่างแถวลานกาเขาพูดกับลุง).....จะเล่าให้ฟังนิด คือแม่ค้าในตลาดคนหนึ่งแกเป็นคนที่พูดหรอยๆแล้วก็สนิทกับลุง แกถามว่าไตรกางเกงที่ใส่ถีบรถไอ้ตรงนั้นมันป่องๆออกมาจัง...มันอัดฟองน้ำไว้หม้าย...(ถามต่อหน้าคนมากๆรวมทั้งคนที่บ้านแกด้วย) ลุงก็ตอบไม่จริงกับแกว่า...ไม่มีไอ้ไหรรองเลย..ของจริงทั้งเพ ไม่ใส่ไอ้ไหรเพื่อให้น้ำหนักรถมันน้อย...เพราะฉะนั้นพวกเราที่ใส่ชุดปั่นอาจจะเป็นที่ชื่นชอบ(ดู)ของเพศหนึ่งแต่เป็นที่น่าอิจฉาของอีกเพศหนึ่ง เพราะเหตุนี้ สามห้าเจ็ด สิบเอ็ด สามแปดหรือเก้า มม. มีโอกาสลั่นโป้งขึ้นมาได้ (หากเราไป"หลี"แม่ค้ามากๆ) :lol: :lol: :lol: จากลุงจินต์
จะได้บอกหมอนงค์เวลาไปนบพิตำคราวหน้าให้ระวังจะกลายเป็นเป้าของ...ผ...ผั...ว...แม่ค้าโจ๊กใส่..นม...ไข่ :roll: :roll: :roll:
:roll: :roll:
ร่วมทุกทีม...ไปทุกทริป...ที่มีโอกาส...เพราะเราไร้สังกัด
louis04
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1310
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2008, 01:31
Tel: 08-24245566
team: จังหวัดนครศรีธรรมราช
Bike: louis garneau

Re: น้ำท่วมใหญ่จังหวัดนครศรีธรรมราช

โพสต์ โดย louis04 »

...น้ำท่วมหน้าแล้ง ภัยธรรมชาติ ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน...
...นี่คือเพียงเตือนเท่านั้น...

louis04
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1310
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2008, 01:31
Tel: 08-24245566
team: จังหวัดนครศรีธรรมราช
Bike: louis garneau

Re: น้ำท่วมใหญ่จังหวัดนครศรีธรรมราช

โพสต์ โดย louis04 »

แจ้งเตือนเตรียมรับมือภัยพิบัติแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ซึนามิ



...ก๊อปมาให้อ่าน ...เชื่อหรือไม่อยู่ที่วิจารณญาณ ของเพื่อนๆ...
...เป็นบทความที่ยาวมาก อ่านไปเรื่อยๆ ในยามว่างจากธุรกิจการงาน...



โปรดใช้วิจารณญาน

สำนักสงฆ์ป่าถ้ำธารน้ำลอด หมู่ที่ ๙
ตำบลทุ่งระยะ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร

๓๑ มีนาคม ๒๕๕๔


เรื่อง แจ้งเตือนเตรียมรับมือภัยพิบัติแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ซึนามิ ฉบับที่ ๒/๓


เจริญพร ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดระนองและพี่แม่พี่น้องชาวระนองที่เคารพรักทุกท่าน

สิ่งที่ส่งมาด้วย
๑. จดหมายตอบกลับของเลขานุการเอก ท่านเอกอัคราชทูตไทย ประจำประเทศนิวซีแลนด์>>
๒. เอกสารยืนยันตัวตน


อาตมภาพ พระภิกษุกัมมัฏฐาน ปวตฺตโน ขออนุญาติทำจดหมายแจ้งเตือนมายังท่านผู้ว่าฯและพ่อแม่พี่น้องชาวระนองที่เคารพรักทุกท่าน เป็นฉบับที่สอง จากจำนวนสามฉบับก่อนจะเกิดเหตุการณ์ครั้งแรกในเดือนมิถุนายนที่จะมาถึงนี้ โดยฉบับที่สาม จะแจ้งมาในวันที่ ๑ มิถุนายน ๕๔ จะทำหนังสือแจ้งผ่านผู้สื่อข่าวโทรทัศน์ที่สำคัญ ๆ ทุกช่อง เพื่อเป็นการประกาศให้เตรียมพร้อมขั้นสุดท้ายก่อนจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ ๔ – ๑๕ มิถุนายน ๕๔ ซึ่งอาตมาคิดว่าจดหมายแจ้งเตือนทุกฉบับจะกลายเป็นจดหมายประวัติศาสตร์ ที่จะช่วยชีวิตทั้งชาวไทยและต่างประเทศจำนวนมากให้รอดพ้นจากมหาภัยพิบัติแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิ ในครั้งนี้


จุดประสงค์ของจดหมายฉบับนี้คือ จะกล่าวบรรยายรายละเอียดของเหตุการณ์ให้เจาะลึกมากยิ่งขึ้น ตามข้อมูลที่ได้รับแจ้งมาทุกแหล่ง และจากการวิเคราะห์ส่วนตัว รวมทั้งเสนอแนวทางเตรียมรับมือทั้งก่อนและหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิระลอกที่ ๑ ให้กับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพ่อแม่พี่น้องชาวจังหวัดระนองที่จะได้รับผลกระทบในเหตุการณ์มหาภัยพิบัติในครั้งนี้ทุกคน นำไปพิจจารณา โดยจดหมายฉบับนี้จะมุ่งเน้นไปที่จังหวัดที่จะได้รับการปะทะจากคลื่นสึนามิระลอกแรกโดยตรงคือ จังหวัดสตูล จังหวัดตรัง จังหวัดกระบี่ จังหวัดภูเก็ต จังหวัดพังงา และจังหวัดระนอง


จากที่อาตมภาพได้เน้นย้ำไปว่า *** สิ่งหนึ่งที่จะยืนยันว่าสิ่งที่แจ้งเตือนเป็นจริงหรือไม่ในภาคใต้คือ ก่อนเกิดเหตุการณ์ที่ภาคใต้ จะเกิดแผ่นดินไหวและแผ่นดินยุบตัวที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้ยินว่าจะเป็นข่าวใหญ่ทางสื่อ ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง ก็จะเป็นเครื่องยันยันได้ว่าเหตุการณ์ที่ภาคใต้จะเกิดขึ้นจริง และให้เตรียมรับมือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ตอนนี้เหตุการณ์นั้นได้เกิดขึ้นไปแล้ว เมื่อคืนวันที่ ๒๔ มีนาคม ๕๔ คือเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดในภาคเหนือ โดยจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวที่ประเทศพม่าและมีผู้เสียชีวิตทั้งชาวพม่าและชาวไทยจำนวนหนึ่ง ซึ่งข้อมูลที่ได้รับแจ้งมาตรงกับข่าวที่เกิดขึ้น อาตมายังเสียดายที่ไม่ได้ลงรายละเอียดให้เหมือนกับที่ได้รับมา เพียงแต่ลงแค่ที่จังหวัดเชียงใหม่เพราะต้องการมุ่งเน้นเหตุการณ์ในภาคใต้ จึงไม่ได้ลงรายละเอียดเหตุการณ์อื่น ๆ ดังนั้นจึงถือว่าเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นแล้ว
คิวต่อไปก็คือที่ภาคใต้ของเรา


ลักษณะของเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิที่จะเข้าถล่มภาคใต้ของประเทศไทย จำนวน ๓ ระลอก ภายในปี ๒๕๕๔ ตามข้อมูลที่ได้รับแจ้งมาคือ


ระลอกที่ ๑ จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในทะเลอันดามัน ช่วงระหว่างวันที่ ๔ – ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๔ เวลาประมาณ ๕ ทุ่ม – เที่ยงคืน และเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ ที่มีความรุนแรงมากกว่า เหตุการณ์ในปี ๔๗ คลื่นเดินทางถึงชายฝั่งประเทศไทย เวลา ๐๒.๕๐ นาที (ตีสอง ห้าสิบนาที) คลื่นจะเข้าปะทะชายฝั่ง และเข้าทำลายชีวิตทั้งคนและสัตว์ อาคารบ้านเรือนของประชาชนที่อยู่ในรัศมีของคลื่นสึนามิ


จากข้อมูลที่ได้รับแจ้งและยืนยันมาจากพระอรหันต์ และพระอริยบุคคล มากกว่า ๓ ท่าน ระบุว่า กำลังของคลื่นที่เข้าปะทะชายฝั่งที่ อำเภอเมือง จังหวัดระนอง ในปีนี้นั้นคลื่นจะพัดเข้าถล่มชายฝั่งและทำลายอาคารบ้านเรือนตั้งแต่ริมทะเล จนถึงตีนภูเขาสูงทางด้านทิศตะวันออก คลื่นน้ำทะเลจะอิ่มตัวหมดพลังที่ตีนภูเขาและไหลกลับพร้อมทั้งกวาดเศษวัสดุทั้งคน สัตว์ สิ่งของต่าง ๆ ลงทะเล ซึ่งระยะทางตั้งแต่ชายฝั่ง จนถึงตีนภูเขาสูงที่มีน้ำตกที่มีชื่อของเมืองระนองนั้น ประมาณ ๓ – ๔ กิโลเมตร จากการสอบถามชาวระนองที่โทรศัพท์เข้ามาสอบถาม ระบุว่า ตีนภูเขาอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ ๕ เมตร จะเห็นได้ว่าพลังของคลื่นสึนามิในปีนี้แรงกว่าปี ๔๗ มาก ซึ่งครั้งนั้นที่จังหวัดระนอง ได้รับการปะทะที่บริเวณหาดต่าง ๆ และเข้ามาเพียงแค่บริเวณป่าชายเลนประมาณ ๒ กิโลเมตรเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ชายหาดตำบลม่วงกลวง กะเปอร์ หาดบางเบน และหาดประพาสทางด้านเหนือของอ่าวเคย บริเวณอุทยานแห่งชาติแหลมสน (ข้อมูลจาก “สึนามิในประเทศไทย” ผลงานการวิจัยของ รศ.ดร.มนตรี ชูวงศ์ นักวิชาการสึนามิและพิบัติภัยธรณีวิทยา ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ)


ให้ท่านลองจินตนาการว่า เหตุการณ์จะเกิดขึ้นในเวลากลางคืน ประมาณ ตีสอง ผู้คนทั้งพี่น้องชาวไทย และชาวพม่าหลายแสนคนที่เข้ามาทำงานในเมืองระนอง โดยเฉพาะลูกเด็กเล็กแดง หนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่กำลังนอนหลับสนิทไม่ค่อยจะตื่นกัน ซึ่งไม่เหมือนที่ญี่ปุ่น เป็นเวลากลางวันซึ่งผู้คนออกไปทำงานนอกบ้านบางส่วนแล้ว ถ้าไม่เตรียมการป้องกันหรือทำอะไรเลย จะมีผู้เสียชีวิตเฉพาะที่อำเภอเมืองระนองที่เดียวกี่แสนคน? ทรัพย์สินทั้งราชการและเอกชน คนธรรมดาจะเสียหายไปเป็นจำนวนเท่าไหร่? และที่สำคัญชีวิตคนแต่ละคนกว่าจะเติบโตมาได้จนขณะนี้ หมดข้าวสารไปกี่เกวียน? หมดหมู หมดไก่ ไปกี่เล้า? หมดปลาไปกี่คันรถสิบล้อ? กว่าพ่อแม่จะเลี้ยงดูเติบโตมาถึงขนาดนี้ หมดเงินไปกี่แสน กี่ล้าน? ถ้ามีการเสียชีวิตของคนจำนวนมากซึ่งแทบจะหมดทั้งตระกูล ซึ่งที่จังหวัดระนองเป็นตระกูลเก่าแก่ทั้งนั้น ชีวิตที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษมาแล้วกี่รุ่นต่อกี่รุ่น กี่ร้อยปี? จะสลายไปหมดเพียงแค่โดนสึนามิถล่มเพียงไม่กี่นาที ดังนั้นเป็นสิ่งที่เราจะยอมเสียไปไม่ได้และให้ทำทุกอย่างเพื่อรักษาชีวิตของพี่น้องคนไทยเอาไว้ ถึงแม้รักษาชีวิตได้แต่ถ้าเสียทรัพย์สินต่าง ๆ ที่อุตส่าห์เก็บหอมรอมริบมา ก็จะมีสภาพเหมือนต้องเริ่มต้นจากศูนย์ใหม่ เหมือนโดนศาลสั่งล้มละลาย ดังนั้นจึงควรรักษาทรัพย์สินเท่าที่จะทำได้ให้มากที่สุดเช่นเดียวกัน เช่นสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ส่วนอสังหาริมทรัพย์คือทรัพย์สินที่เคลื่อนย้ายไม่ได้ก็ต้องทำใจ และค่อยมาสร้างเอาใหม่


อาตมามีข้อมูลความรุนแรงของคลื่นสึนามิที่แน่ชัดที่อำเภอเมืองระนอง ซึ่งแหล่งข่าวเน้นย้ำมา เพราะสำนักสงฆ์ของอาตมาอยู่ตรงข้ามกันกับแนวภูเขาที่กั้นระหว่างชุมพรและระนอง ส่วนจังหวัดอื่น ๆ คือจังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต จังหวัดกระบี่ จังหวัดตรัง จังหวัดสตูลซึ่งจะได้รับการปะทะโดยตรงจากคลื่นในระลอกแรก ให้นำข้อมูลที่อำเภอเมืองระนองไปเปรียบเทียบกับพื้นที่ต่าง ๆ ในจังหวัดของท่าน ก็จะพอทราบได้ว่ารัศมีการปะทะเข้าถล่มชายฝั่งที่ต่าง ๆ มีความรุนแรงและไกลจากชายฝั่งแค่ไหน และสิ่งที่ต้องทำคือถ้าไม่ต้องการให้มีการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินที่สำคัญ ๆ ให้อพยพและเคลื่อนย้ายออกจากแนวรัศมีการปะทะของคลื่นสึนามิ ทั้งสามระลอก โดยจากการวิเคราะห์ของอาตมาคือ บริเวณจุดเสี่ยงควรอพยพไปอยู่ที่สูงไม่ต่ำกว่า ๕๐ เมตรจากระดับน้ำทะเล จะปลอดภัย แต่ให้ระวังเรื่องภูเขาถล่ม ดินสไลน์ ต้นไม้หักโค่น


ส่วนจังหวัดในภาคใต้ที่ไม่โดนการปะทะจากคลื่นยักษ์สึนามินั้น เนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงมาก จะมีผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวคือ ดินถล่ม ดินสไลน์ ดินยุบตัว และเรื่องน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแหล่งข่าวเน้นย้ำมา ๔ จังหวัด คือ นครศรีธรรมราช สงขลา (จะหนักที่หาดใหญ่ อาตมาคิดว่าจะเป็นเรื่องอาคารเก่าที่สร้างมานานพังลงมาจากแรงสั่นสะเทือน) พัทลุง และชุมพร (ซึ่งที่สำนักสงฆ์ที่อาตมาพักอยู่ได้รับแจ้งว่าจะภูเขาหินปูนจะแยกออกจากกันอีกประมาณ ๕ เมตร)>>
แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวจะไปถึงที่เมืองหลวงคือกรุงเทพมหานคร และให้ผู้ที่อยู่อาคารสูงเตรียมตัวระวังไว้


ระลอกที่ ๒ จะเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ครั้งแรกประมาณ ๑ เดือน (ระบุมาชัดเจนว่า ๒๘ วันหลังจากเหตุการณ์ครั้งแรก) โดยแหล่งข่าวบอกว่า เก็บกู้ความเสียหายยังไม่ทันเสร็จระลอกใหม่ก็เกิดขึ้นอีก เหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิจะรุนแรงกว่าระลอกแรก และมีความรุนแรงมากที่สุดในสามระลอก
ลักษณะของเหตุการที่ได้รับแจ้งมาคือจะเกิดขึ้นคล้าย ๆ กับคลื่นยักษ์สึนามิที่เข้าถล่มเกาะพีพีของจังหวัดกระบี่ ทั้งสองด้าน แต่แทนที่จะเฉพาะบริเวณแค่เกาะพีพี แต่จะเป็นทั้งด้ามขวานทอง กินบริเวณประเทศไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย โดยจะโดนคลื่นสึนามิเข้าถล่มทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทย
ในเหตุการณ์ครั้งนี้จังหวัดในภาคใต้จะได้รับผลกระทบทั้งสองฝั่ง รวมถึงจังหวัดอื่น ๆ ที่อยู่บริเวณอ่าวไทย และประเทศมาเลเซีย สิงค์โปร์ บรูไน อินโดนีเซีย
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้แกนโลกเอียงลงมากกว่าเดิม หลังจากที่เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นเมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๕๔ ก็เอียงลงไปบ้างแล้ว แหล่งข่าวระบุเลยว่า ทางด้านชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทยบางแห่ง น้ำทะเลจะกินชายฝั่ง กู่ไม่กลับ ประมาณ ๕๐ เมตร ให้พ่อแม่พี่น้องที่อยู่ชายฝั่งอ่าวไทยพิจจารณาดี ๆ
ความรุนแรงของคลื่นสึนามิในระลอกที่สองจะมีพลังทำลายมากกว่าระลอกแรก แต่ถ้าไม่เชื่อในสิ่งที่แจ้งเตือน และไม่เตรียมการอพยพและขนย้ายทรัพย์สินอย่างที่แนะนำไป ตั้งแต่ระลอกแรกในระหว่างวันที่ ๔- ๑๕ มิ.ย. ๕๔ เจ้าหน้าที่คงไม่ต้องทำอะไรมาก เพราะตายกันไม่เหลือแล้ว และทรัพย์สินก็คงพังพินาจจนไม่ต้องขนย้ายอะไร รอให้รัฐบาลเยียวยาผู้รอดชีวิตและบาดเจ็บ และให้มูลนิธิกู้ภัยต่าง ๆ มาเก็บศพทีเดียว ซึ่งตอนนี้ อาตมาได้ประสานกับมูลนิธิต่าง ๆ บ้างแล้วและมูลนิธิร่วมกตัญญู เหล่าวีรบุรุษ-วีรสตรี ในเหตุการณ์สึนามิ ปี ๔๗ มีความมั่นใจในเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแล้วเกือบร้อยเปอร์เซ็น และกำลังเตรียมพร้อม จัดประชุมทั้งกำลังคนและเครื่องมือกู้ภัยต่าง ๆ แล้ว เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว พร้อมที่จะมาช่วยเหลือพี่น้องชาวใต้เราได้ทันที ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง

ระลอกที่ ๓ จะเกิดขึ้นระหว่างปลายเดือนพฤศจิกายนจนถึงต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๔ มีความรุนแรงน้อยกว่าระลอกที่สอง ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน


เหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิที่จะเกิดขึ้นสามระลอกในปีนี้ ไม่ได้จะเกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่ประเทศต่าง ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ทะเลอันดามันจะเกิดผลกระทบกันถ้วนหน้า คือ ประเทศมาเลเซีย อินนีเซีย บรูไน แม้แต่สิงคโปร์ที่อยู่ปลายแหลมก็ยังโดน นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ศรีลังกา อินเดีย บังคลาเทศ และประเทศพม่าคู่รักคู่แค้นของไทยเรา ดังนั้นขอให้พยายามแจ้งเตือนไปยังรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ด้วย ซึ่งอาตมาได้ทำจดหมายธรรมดาและอีเมลล์ส่งไปยังเอกอัคราชทูตประเทศต่าง ๆ ที่กล่าวมา ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศแล้ว แต่ให้พยายามช่วยเน้นย้ำกันอีกครั้ง


สาเหตุสำคัญของภัยพิบัตืทั้งปวงที่ทั่วโลกกำลังประสบอยู่ในขณะนี้คือ ถ้าท่านที่ติดตามข่าวสารเรื่องแผ่นดินไหว หรือภัยธรรมชาติมาตลอดจะทราบได้ว่า ประมาณปีที่แล้วนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบภูเขาไฟใต้ทะเลซึ่งกำลังปะทุอยู่ ใต้มหาสมุทธแปซิฟิก แต่อาตมาได้รับแจ้งมาจากแหล่งข่าวว่าลูกนั้นเป็นลูกเล็ก มีภูเขาไฟใต้ทะเลลูกใหญ่กว่านั้นใต้มหาสมุทธแปซิฟิกที่กำลังปะทุอยู่ด้วยซึ่งนักวิทยาศาสตร์ยังไม่ได้ค้นพบ และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวตามแนวแผ่นเปลือกโลก โดยเฉพาะแถบ The Ring Of Fire หรือแถบวงแหวนแห่งไฟ ที่ไล่มาตั้งแต่นิวซีแลนด์ อินโดนีเซีย พม่า และผ่านไปทางญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้ชั่วชีวิตของเราต่อไปนี้ จะต้องเผชิญกับภัยพิบัติต่าง ๆ ถี่ยิ่งขึ้น


สิ่งที่อาตมาภาพได้ดำเนินการไปแล้ว คือ ส่งจดหมายลงวันที่ ๑๖ มีนาคม ๕๔ ทั้งจดหมายธรรมดากว่า ๘๐ ฉบับ และอีเมลล์ ร้อยกว่าชื่อ ไปยัง รัฐบาล หน่วยงานราชการสำคัญ ๆ ที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานทางความมั่นคงของประเทศ ทหาร ตำรวจ ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายกอบจ. ๑๔ จังหวัดภาคใต้ สถานทูต บุคคลสำคัญ รวมทั้งมูลนิธิกู้ภัยที่มีบทบาทสำคัญครั้ง สึนามิ ๔๗ ฯลฯ แต่ไม่ได้ส่งไปยังนักข่าว และคนธรรมดา เพราะไม่อยากเป็นข่าว และความตื่นตระหนกเกิดขึ้น อยากให้เป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยตรง แต่ทราบมาว่าหน่วยงานราชการบางแห่งนำจดหมายไปแจกจ่ายให้กับประชาชนให้ศึกษา และได้โทรศัพท์เข้ามาสอบถาม ซึ่งอาตมาก็ยินดี ไม่ขัดข้องประการใด และอธิบายจนเข้าใจกันทุกคน


สำหรับวันจันทร์ที่ ๒๘ มีนาคม ที่ผ่านมา ที่ทำเนียบรัฐบาลมีการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยมีวาระการประชุมเรื่องแผ่นดินไหวและน้ำท่วม ซึ่งอาตภาพขึ้นมาที่กรุงเทพพอดี ก็เห็นช่องก็เดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง และหาช่องทางเพื่อเข้าไปรายงานเรื่องนี้ให้ทางคณะรัฐมนตรีรับทราบ โดยก็ทราบอยู่ก่อนว่าถ้าไม่ได้รับเชิญมา ไม่ใช่จะเข้าได้ง่าย ๆ แต่สุดท้ายก็ได้ส่งหนังสือที่กองธุรการ สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เห็นหน่วยงานที่ส่งจดหมายฉบับแรก มาให้ข้อมูลแก่คณะรัฐมนตรีเป็นจำนวนมาก และหลังการประชุมทราบว่านายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ และท่านสาธิต วงศ์หนองเตย ประธานศูนย์เยียวยาผู้ประสบอุทกภัย เตรียมยกวาระแผ่นดินไหวและภัยพิบัติเป็นวาระแห่งชาติ ทราบมาว่าส่วนหนึ่งเป็นอานิสงฆ์ของหนังสือที่อาตมภาพทำจดหมายแจ้งไปยังรัฐบาลและหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ขอชื่นชมรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าพวกท่านทำถูกทางแล้ว โดยเฉพาะโยมพี่สาธิต วงศ์หนองเตยเป็นคนใต้ จังหวัดตรัง มีญาติพี่น้องอยู่ที่ตรังเป็นจำนวนมาก


แต่สำหรับกรณีแผ่นดินไหวและภัยพิบัติซึนามิครั้งรุนแรงที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายนนี้ ขอให้ท่านลองพิจจารณาว่า สิ่งที่รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะช่วยท่านได้คือ การแจ้งเตือนเมื่อเหตุการณ์จะมาถึงแล้วเท่านั้น ซึ่งลองพิจจารณาดูว่า จะเกิดแผ่นดินไหวเวลาประมาณ ๕ ทุ่ม – เที่ยงคืน ถ้ารอรัฐบาลแจ้งเตือน จะเตือนโดยวิธีใด โทรทัศน์ หรือ วิทยุ ซึ่งตอนนั้นท่านจะเปิดอยู่หรือเปล่า และเมื่อเกิดขึ้นแล้วท่านจะมีเวลาหนีคลื่นสึนามิแค่ประมาณ ๓ ชั่วโมงกว่าคลื่นจะเดินทางมาถึง จะปลุกคนในครอบครัวใช้เวลากี่นาที เมื่อปลุกแล้วจะขนอะไรออกไปด้วยได้บ้าง ออกไปที่ถนนแล้วจะไปเจอกับผู้คนเป็นแสนและรถราที่แตกตื่นโกลาหลจอดติดกันอยู่บนถนน จนไม่สามารถขึ้นไปสู่ที่สูงได้ทัน ดูกรณีของญี่ปุ่น ขนาดขับรถเก๋งยังหนีคลื่นไม่ทัน
ดังนั้น ถ้าท่านรอหวังพึ่งรัฐบาลและเจ้าหน้าที่เพียงอย่างเดียว สิ่งที่รัฐบาลและเจ้าหน้าที่จะช่วยได้คือ แจ้งเตือน และมาช่วยเหลือเยียวยาคนที่รอดชีวิต หรือบาดเจ็บและเก็บศพ พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล คนที่เสียชีวิตภายหลังเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วเท่านั้น และจะมีคนเสียชีวิตและทรัพย์สินเสียหายไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งมันเป็นการช่วยแก้ปัญหาที่ปลายเหตุแล้ว และทางเจ้าหน้าที่เองก็มี บ้านพัก ที่ทำงาน อยู่ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ ท่านก็มีครอบครัว ญาติพี่น้อง และทรัพย์สินที่จะต้องจัดการเหมือนกับประชาชนคนอื่น ๆ สรุปคือเจ้าหน้าที่และประชาชนก็ประสบกับชะตากรรมเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าญาติพี่น้องของเจ้าหน้าที่สูญหายหรือเสียชีวิต ก็คงไม่มีจิตมีใจที่จะช่วยเหลือท่านเต็มที่ ดังนั้นกรณีนี้ท่านจะต้องตั้งสติ และพิจจารณาด้วยความรอบคอบด้วยตนเอง ถ้ารอเพียงรอรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือและไม่เตรียมการทำอะไรแล้วจะสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของญาติพี่น้องท่านเป็นจำนวนมาก
แก้ไขล่าสุดโดย louis04 เมื่อ 20 เม.ย. 2011, 00:29, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
louis04
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1310
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2008, 01:31
Tel: 08-24245566
team: จังหวัดนครศรีธรรมราช
Bike: louis garneau

Re: น้ำท่วมใหญ่จังหวัดนครศรีธรรมราช

โพสต์ โดย louis04 »

...พระท่านเขียนมายาว...(เด็กไทยทุกวันนี้ อ่านหนังสือน้อย) ;) ;) ;)
...พอจับใจความได้ คือจบ ...
...ยังมีอีก...
:o :o :o



ครั้งนี้เป็นครั้งที่โชคดีของชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคใต้ ที่มีการแจ้งเตือนลักษณะนี้ ให้ท่านลองถามได้เลยว่าในประวัติศาสตร์ มีคนที่ได้รับข้อมูลวิธีพิเศษลักษณะนี้มา แล้วมาทำเป็นหนังสือราชการ มีเจ้าหน้าที่คนไหนเคยเห็นหรือเปล่า ? ที่ทราบมาก็เพิ่งมีอาตมานี่แหล่ะเป็นคนแรกที่ทำ และจะเป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทย และของโลก แต่จะมีคนเชื่อมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับสติปัญญาและวิจารณญาณของแต่ละคน


สาเหตุที่อาตมาต้องเปิดเผยตัวตนทั้งชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ก็เพราะว่าในการทำจดหมายราชการนั้น จำเป็นต้องมีชื่อของบุคคลที่ติดต่อ และสถานที่อยู่ที่ชัดเจน แน่นอน จดหมายจึงจะได้รับความเชื่อถือ และสามารถยันยันได้ว่าเป็นผู้ติดต่อมาจริง ถ้าเป็นจดหมายนิรนามแล้ว ผู้อ่านจะไม่ให้น้ำหนักและความสำคัญของข้อมูล หรือไม่ก็ไม่อ่านเลย หน่วยงานที่อาตมภาพทำจดหมายส่งถึงไปมีทั้งรัฐบาล หน่วยงานราชการสำคัญ ๆ ที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานทางความมั่นคงของประเทศ ทหาร ตำรวจ ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายกอบจ. ๑๔ จังหวัดภาคใต้ สถานทูต บุคคลสำคัญ รวมทั้งมูลนิธิกู้ภัย และอาตมภาพทราบดีว่าหน่วยงานที่ส่งไปแต่ละทีมีปืนกันทุกที่ ถ้าเหตุการณ์ไม่เกิดขึ้นจริง ๆ อามภาพโดนยิงทิ้งแน่นอน ตายลูกเดียว เพราะจะมีผู้โกรธแค้นเป็นจำนวนมาก ที่ทำให้ตื่นตระหนก ตกใจ และเสียเวลาทำงาน เสียเวลาทำมาหากิน

แต่อาตมาภาพมีความมั่นใจในข้อมูลที่ได้รับมาว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นตามที่แจ้งไป ล้านเปอร์เซ็น และด้วยความเมตตาสงสารในชะตากรรมของเพื่อนร่วมโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่พี่น้องชาวใต้เรา และไม่อยากให้มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ จึงตัดสินใจ “ดับเครื่องชน” ทำทุกอย่างเพื่อรักษาชีวิตเพื่อนมนุษย์ไว้ อาตมาภาพตัดสินใจทำอะไรแล้ว ไม่มีถอย
อาตมาขอพูดให้ท่านและพ่อแม่พี่น้องชาวใต้ทุกคนมั่นใจเลยว่า เหตุการณ์จะเกิดขึ้นจริง อาตมภาพขอเอาชีวิตมาเป็นประกันไว้เลยว่า ถ้าวันที่ ๑๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๔ แล้ว เหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิยังไม่เกิดขึ้นที่จังหวัดภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามันแล้ว ขอให้พี่น้องชาวไทยทุกท่าน และท่านที่ได้อ่านจดหมายฉบับนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวใต้เรานักเลง ๆ กันอยู่แล้ว มายิงอาตมภาพทิ้งได้เลย ชื่อก็มีแล้ว ที่อยู่ก็มีแล้ว เบอร์โทรก็มีแล้ว อาตมาจะรออยู่ที่สำนักสงฆ์นั่นแหล่ะ จะสั่งโยมแม่ไว้ว่า จะไม่เอาผิดเอาโทษกับใคร และให้เอาค่าทำศพ ไปจ่ายค่าลูกกระสุนที่ยิงอาตมาตายด้วย (จดมาให้ด้วยว่ายิงมากี่นัด ราคาลูกละเท่าไหร่)


อาตมาภาพวิเคราะห์ดูแล้ว สถานการณ์ที่ชาวใต้เราจะได้รับในปีนี้ร้ายแรงมาก และไม่มีใครเคยเจอมาก่อนในชีวิต ความรุนแรงและความเสียหายจะรุนแรงกว่าปี ๔๗ มาก สำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวและเกิดคลื่นสึนามิที่เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซียเมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๔๖ นั้น ได้รับการบันทึกไว้ว่าเป็นครั้งที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก คือมีผู้เสียชีวิต ๒๑๓,๗๒๖ คน (“สึนามิในประเทศไทย” อ้างแล้ว)
แต่ในเหตุการณ์ในปีนี้จะรุนแรงกว่า ปี ๔๗ มาก ถ้าไม่มีการทำอะไรเลย จะมีผู้เสียชีวิตและทรัพย์สินเสียหายมากกว่าปี ๔๗ มาก


ประเทศไทยมีความโชคดี ในยามวิกฤติจะมีผู้มีบุญบารมี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ คอยช่วยเหลือประเทศไทย ในชีวิตเราก็ได้เห็นเป็นตัวอย่างคือ การที่ได้อยู่ในร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมราชินีนาถ ทำให้ประเทศเรามีความสงบสุขมาช้านานในการครองราชและการปกป้องดูแลพสกนิกรชาวไทยของพระองค์ แม้ว่าสถานการณ์ภายนอกประเทศ และสถานการณ์ของโลกขณะนั้นกำลังสับสนวุ่นวาย และต้องการแสวงหาผลประโยชน์จากประเทศไทยก็ตาม
ในคราวเสียกรุงศรีอยุทธยาครั้งที่ ๑ บุเรงนองหรือพระเจ้าสิบทิศ ยกทัพมาตีกรุงศรีอยุทธยาแตกและได้ไทยเป็นเมืองขึ้นของพม่า เราได้พระนเรศวรมหาราช หรือพระองค์ดำ มีคู่พระบารมีของท่านคือมณีจันทร์และบรรพบุรุษนักรบ เป็นผู้ปลดแอกไทยจากพม่า และทำให้ไทยยังคงเป็นไทยอยู่ได้

ในคราวเสียกรุงศรีอยุทธยาครั้งที่ ๒ ประมาณ ๒๐๐ กว่าปีแล้วพม่ายกมาล้อมกรุงศรีอยุธยา ขณะนั้นพระนครอ่อนแอมาก พระยาวชิรปราการ (สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช) จึงพาสมัครพรรคพวกตีฝ่าออกจากพระนครศรีอยุธยา มุ่งไปรวบรวมกำลังที่หัวเมืองชายทะเลตะวันออก ที่ชลบุรี เพื่อจะรบสู้ขับไล่ข้าศึกจากพระนคร เมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่ข้าศึกบ้านเมืองสับสนเป็นจลาจล >>
ในครั้งนั้น มีมหาดเล็กท่านหนึ่งชื่อนายบุญมา มีตำแหน่งคือ นายสุดจินดา มหาดเล็กหุ้มแพร ได้หนีลงเรือเล็กหลบหนีออกจากกรุงศรีอยุธยาในคราวพม่าบุกเข้าเมือง และได้รับฉายาในครั้งนั้นว่า “นายบุญมาฟ้าสั่ง” เพราะระหว่างที่หลบหนี โดนฟ้าผ่ามาที่กลางลำเรือ เรือจมแต่ท่านและเพื่อน ๓ คนไม่ได้รับอันตรายอะไรเลย ได้ไปพบพี่ชายคือนายทองด้วง (รัชกาลที่ ๑) พี่ชายที่เมืองอัมพวาราชบุรี และไปรับมารดาของพระเจ้าตากสินที่เพชรบุรี เพื่อไปพบพระเจ้าตากสินที่เมืองจันทบุรีด้วยกัน และเข้าร่วมกองทัพกู้ชาติกับพระเจ้าตากตั้งแต่ครั้งนั้น>>
เมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่ข้าศึก ข้าศึกได้เผาผลาญบ้านเมือง วัดวาอาราม เก็บรวบรวมทรัพย์สินมีค่า แล้วยกทัพกลับไป ให้ทหารรักษาการอยู่ที่ค่ายโพธิ์สามต้น และที่ธนบุรี บ้านเมืองตกอยู่ในภาวะระส่ำระสาย แยกเป็นก๊กเป็นเหล่าถึง ๖ ก๊ก พระยาตากสิน เป็นก๊กหนึ่งรวบรวมไพล่พลตั้งอยู่ที่จันทบุรี เข้าตีพม่าข้าศึกค่ายโพธิ์สามต้น ที่รักษากรุงศรีอยุธยาแตกไปแล้ว จึงเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็น สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี สถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี นายสุดจินดา(บุญมา) ในขณะนั้นได้รับเลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น พระมหามนตรี เจ้าพระตำรวจในขวา ได้เลื่อนตำแหน่งเรื่อยมาเพราะเป็นแม่ทัพใหญ่คู่พระทัยของสมเด็จพระเจ้าตากสินร่วมกับแม่ทัพท่านอื่น ๆ เช่นนายทองด้วงพี่ชาย (ร.๑) และนายทองดีฟันขาวหรือพระยาพิชัยดาบหัก เพื่อนร่วมสาบานฯลฯ ตำแหน่งที่ได้เลื่อนคือ พระอนุชิตราชา พระยายมราช เจ้าพระยาสุรสีห์พิษณุวาธิราช เป็นผู้สำเร็จราชการเมืองพิษณุโลกและปกป้องหัวเมืองฝ่ายเหนือทั้งหมด เป็นทหารเสือของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและทหารเสือของสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ เป็นแม่ทัพใหญ่ กรำศึกในสมัยกรุงธนบุรีทั้งหมด ๑๖ ครั้ง และสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ทั้งหมด ๘ ครั้ง รวม ๒๔ ครั้ง ทั้งสงครามกอบกู้เอกราช สงครามป้องกันประเทศและสงครามขยายดินแดน รบไม่เคยแพ้ใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งศึกสำคัญคือ ศึกอะแซวุ่นกี้ยกทัพมาตีเมืองพิษณุโลก ในครั้งนั้นบัญชาการทัพคู่กับพี่ชายคือเจ้าพระยาจักรี (นายทองด้วง) ป้องกันเมืองพิษณุโลก โดยกำลังทหารพม่ามีจำนวนถึง ๓๐,๐๐๐ คน แต่ทหารไทยเมืองพิษณุโลกที่รบป้องกันเมืองมีแค่ ๑๐,๐๐๐ คนเท่านั้น ผลของสงครามครั้งนี้ประวัติศาสตร์ของทั้งสองประเทศบันทึกไว้ว่า ไม่มีใครชนะใคร เพราะทัพอะแซวุ่นกี้ย่อยยับกลับไปเช่นกัน
พลเรือเอก วสินธ์ สาริกะภูติ ได้เขียนบทความเรื่องสงครามอะแซวุ่นกี้ยกทัพพม่าตีเมืองพิษณุโลก ในวารสารนาวิกศาสตร์และกล่าวถึงท่านไว้ว่า

“เจ้าพระยาสุรสีห์พิษณุวาธิราช เป็นแม่ทัพชั้นยอดเยี่ยมผู้หนึ่ง เชี่ยวชาญทั้ง ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี มีความแกล้วกล้า ***มหาญ เฉลียวฉลาด รู้เท่าทันกลยุทธ์ของศัตร ูและ การติดตามชนิดไม่ปล่อยจนแม้แต่พม่าก็ยังเรียกว่า “ พระยาเสือ ” ท่านมีบุคลิกภาพใกล้ เคียง กับสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ มาก ตั้งแต่เข้าถวายตัวกับสมเด็จพระเจ้าตากสินฯในปี พ.ศ.๒๓๑๐ ที่เมืองจันทบุรีจนถึงสงครามคราวนี้ ท่านยังไม่เคยพ่ายแพ้ในการศึกเลย ท่านเป็นแม่ทัพที่ เพียบพร้อมด้วยยุทธวิธี ( Tactic) ดีที่สุดท่านหนึ่งของกรุงธนบุรี”


ต่อมามีการผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน โดยในประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โดนสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทร์ แต่ความเป็นจริงแล้ว มีสาเหตุสำคัญเบื้องหลัง ท่านจึงวางแผนสละราชสมบัติ โดยบอกเฉพาะคนไกล้ชิดรู้ และวางแผนให้เพื่อนของท่านคือ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก รับราชบัลลังต่อเพราะสถาณการณ์ตอนนั้นบ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย พระองค์ทรงวางแผนและทรงปรึกษาเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกทำทีเป็นว่าให้ไปตีเมืองเขมรและที่กรุงธนบุรีเกิดจลาจลและให้ยกทัพกลับมาปราบปรามการจลาจลที่กรุงธนบุรี ฯลฯ มีตัวแทนที่จะถูกสำเร็จโทษแทนพระองค์และพระองค์เสด็จหนีลงเรือสำเภาที่เจ้าพระยาสุรสีห์สั่งให้ต่อไว้ให้อย่างลับ ๆ ที่แถว ๆ บางขุนเทียน พระองค์เสด็จหนีพร้อมคนจำนวนหนึ่งไปที่นครศรีธรรมราช และไปพักบำเพ็ญเพียรที่เขาขุนพนม อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช และหนึ่งในคนที่ตามเสด็จพระองค์ไปด้วยทีหลังคือ พระยาพิชัยดาบหัก (หรือหลวงปู่ฟัก วัดพิชัยพัฒนาราม จังหวัดจันทบุรี) แต่ในประวัติศาสตร์ กล่าวไว้ว่าท่านโดนประหารชีวิตตามพระเจ้าตาก

ดังนั้น บุคคลที่เสียสละเพื่อประเทศมากที่สุดในเหตุการณ์ครั้งนั้น ที่สำคัญสองพระองค์คือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (พระอาจารย์สิงห์โต โฆษโก เป็นครูบาอาจารย์ของอาตมาภาพ ยังมีชีวิตอยู่ ปัจจุบันถอนพุทธภูมิเรียบร้อยแล้ว) ที่กอบกู้เอกราชมาตลอด แต่ยอมโดนประวัติศาสตร์จารึกไว้ว่าเสียสติ และโดนสำเร็จโทษ และสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ดังนั้นคนที่ทราบความเป็นจริง จะรู้สึกยกย่องทั้งสองพระองค์ในพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างมาก

เมื่อมีการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินใหม่ จากกรุงธนบุรี เป็นกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (ทองด้วง) ได้รับการบังคมทูลเชิญจากข้าราชบริพานและประชาชนให้เป็นพระมหากษัตริย์ เจ้าพระยาสุรสีห์พิษณุวาธิราช (นายบุญมา) ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “กรมพระราชวังบวรสถานมงคลมหาสุรสิงหนาถ” หรือ “สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทกรมพระราชวังบวรสถานมงคล”พระเจ้าอยู่หัววังหน้า เป็นพระมหากษัตริย์วังหน้าคู่กับสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มีหน้าที่ว่าราชการกึ่งหนึ่ง และปกป้องพระราชอาณาเขต ทำศึกสงครามปกป้องประเทศ

หลังตั้งกรุงรัตนโกสินเพียง ๓ ปี เกิดศึกสำคัญคือ สงครามเก้าทัพ สงครามครั้งนี้พระเจ้าปดุงกษัตริย์ของพม่าได้ยกทัพมาถึง ๙ ทัพ รวมกำลังพลมากถึง ๑๔๔,๐๐๐๐๐ นาย โดยแบ่งการเข้าโจมตีกรุงรัตนโกสินทร์ออกเป็น ๕ ทิศทาง
ทัพที่ ๑ ได้ยกมาตีหัวเมืองประเทศราชทางปักษ์ใต้ตั้งแต่เมืองระนองจนถึงเมืองนครศรีธรรมราช
ทัพที่ ๒ ยกเข้ามาทางเมืองราชบุรีเพื่อที่จะรวบรวมกำลังพลกับกองทัพที่ตีหัวเมืองปักษ์ใต้แล้วค่อยเข้าโจมตีกรุงรัตนโกสินทร์
ทัพที่ ๓ และ ๔ เข้ามาทางด่านแม่ละเมาแม่สอด
ทัพที่ ๕-๗ เข้ามาทางหัวเมืองฝ่ายเหนือตั้งแต่เชียงแสน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตีตั้งแต่หัวเมืองฝ่ายเหนือลงมาสมทบกับทัพที่ ๓ ,๔ ที่ยกเข้ามาทางด่านแม่ละเมา เพื่อตีเมืองตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก นครสวรรค์
ทัพที่ ๘-๙ เป็นทัพหลวงพระเจ้าปดุงเป็นผู้คุมทัพ โดยมีกำลังพลมากที่สุดถึง ๕๐,๐๐๐ นาย ยกเข้ามาทางด่านพระเจดีย์สามองค์เพื่อรอสมทบกับทัพเหนือ และใต้โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะเข้ารบกับกรุงเทพฯ
เวลานั้นทางฝ่ายไทยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รวบรวมกำลังไพล่พลได้เพียง๗๐,๐๐๐ นายมีกำลังน้อยกว่าทัพพระเจ้าพม่าถึง ๒ เท่า ประจวบเป็นทหารรบเดิมของพระเจ้ากรุงธนบุรีที่เคยกอบกู้บ้านเมืองสมัยเสีย กรุงศรีอยุธยาไว้ได้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงทรงปรึกษาวางแผนการรับข้าศึกกับ สมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้า สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ว่าจะทำการป้องกันบ้านเมืองอย่างไร แผนการรบของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ คือจัดกองทัพออกเป็น ๔ ทัพโดยให้รับศึกทางที่สำคัญก่อน แล้วค่อยผลัดตีทัพที่เหลือ
ทัพที่ ๑ ให้ยกไปรับทัพพม่าทางเหนือที่เมืองนครสรรค์
ทัพที่ ๒ ยกไปรับพม่าทางด้านพระเจดีย์สามองค์ ทัพนี้เป็นทัพใหญ่ มีสมเด็จพระบวรราชเจ้ามาหาสุรสิงหนาทเป็นแม่ทัพ คอยไปรับหลวงของพระเจ้าปดุงที่เข้ามาทางด่านพระเจดีย์สามองค์
ทัพที่ ๓ ยกไปรับทัพพม่าที่จะมาจากทางใต้ที่เมืองราชบุรี
ทัพที่ ๔ เป็นทัพหลวงโดยมีพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ เป็นผู้คุมทัพคอยเป็นกำลังหนุน เมื่อทัพไหนเพลี้ยงพล้ำก็จะคอยเป็นกำลังหนุน
สมเด็จพระอนุชาธิราช พระบวรราชเจ้ามาหาสุรสิงหนาท ได้ยกกองทัพไปถึงเมืองกาญจนบุรี ตั้งรับทัพอยู่บริเวณทุ่งลาดหญ้า เชิงเขาบรรทัด โดยกองทัพพม่ายกทัพมาทางด้านนั้นประมาณ ๘ หมื่นกว่าคน ขณะที่กองทัพไทยที่เข้าสกัดและรบกับพม่าทางด้านนั้นมีแค่ ๓ หมื่นคน ได้สกัดกั้นไม่ให้ทัพพม่าได้เข้ามารวบรวมกำลังพลกันได้ นอกจากนี้ยังจัดกำลังไปตัดการลำเลียงเสบียงของพม่าเพื่อให้กองทัพขาดเสบียง อาหาร แล้วยังใช้อุบาย โดยให้ทหารส่วนหนึ่งถอยกำลังออกในเวลากลางคืน ไม่ให้ทหารพม่าเห็น ครั้นรุ่งเช้าก็ให้ทหารเดินเข้ามาเสริมกำลัง เสมือนว่ามีกำลังมากมาเพิ่มเติมอยู่เสมอ เมื่อทัพพม่าขาดแคลนเสบียงอาหารประจวบกับครั้นคร้ามคิดว่ากองทัพไทยมีกำลัง มากกว่า จึงไม่กล้าจะบุกเข้ามาโจมตี สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทเมื่อสบโอกาสทำการโจมตีกองทัพ ๘-๙ จนถอยร่นพระเจ้าปดุงเมื่อเห็นว่าไม่สามารถบุกโจมตีต่อได้ประจวบทั้งกองทัพ ขาดเสบียงอาหารจึงได้ถอยทัพกลับ สำหรับการโจมตีทางด้านอื่น ทางด้านเหนือพระยากาวิละเจ้าเมืองลำปางสามารถป้องกันทัพพม่าที่ยกมาทางหัว เมืองฝ่ายเหนือได้สำเร็จ...
แก้ไขล่าสุดโดย louis04 เมื่อ 20 เม.ย. 2011, 00:28, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
louis04
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1310
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2008, 01:31
Tel: 08-24245566
team: จังหวัดนครศรีธรรมราช
Bike: louis garneau

Re: น้ำท่วมใหญ่จังหวัดนครศรีธรรมราช

โพสต์ โดย louis04 »

...ถือซะว่าได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ไปในตัว...
...อ่านกันต่อครับ...ทวนความจำ กันอัลไซล์เมอร์...



ส่วนทัพที่บุกมาทางด่านแม่ละเมามีกำลังมากกว่าจึงสามารถตีเมืองพิษณุโลกได้ แต่เมื่อเสร็จศึกทางด้านพระเจดีย์สามองค์แล้ว พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงเสด็จยกทัพขึ้นไปช่วยหัวเมืองทางเหนือ
ส่วนทางปักใต้ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท เมื่อเสร็จศึกที่ลาดหญ้าแล้ว เสด็จยกทัพลงไปช่วยทางปักต์ใต้ต่อ แต่ก่อนที่จะเสด็จไปถึงทัพพม่าได้โจมตีเมืองระนองถึง เมืองถลาง เวลานั้นเจ้าเมืองถลางเพิ่งจะถึงแก่กรรมยังไม่มีการตั้งเจ้าเมืองคนใหม่ แต่ชาวเมืองถลางนำโดยคุณหญิงจันภริยาเจ้าเมืองถลางที่ถึงแก่กรรมและนางมุก น้องสาว ได้รวบรวมกำลังชาวเมืองต่อสู้ข้าศึกจนสุดความสามารถ สามารถป้องกันข้าศึกพม่าไม่ให้ยึดเมืองถลางไว้ได้ หลังเสร็จศึกแล้วพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้คุณหญิงจันเป็นท้าวเทพกษัตรีย์ (หรือท้าวเทพสตรี) นางมุกน้องสาวเป็นท้าวศรีสุนทร นอกจากนี้ทัพพม่าบางส่วนสามารถตีเมืองนครศรีธรรมราชได้ และยกลงไปตีเมืองสงขลาต่อ เจ้าเมืองและกรมการเมืองพัทลุงพอทราบข่าวทัพพม่าตีเมืองนครศรีธรรมราชได้ ด้วยความขลาดจึงหลบหนีเอาตัวรอด แต่มีภิษุรูปหนึ่งนามว่าพระมหาช่วยมีชาวบ้านนับถือศรัทธากันมาก ได้ชักชวนชาวเมืองพัทลุงให้ต่อสู้ป้องกันสกัดทัพพม่าไม่ให้เข้ายึดเมือง พัทลุงได้ เมื่อกองทัพสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ยกกองทัพลงมาช่วยหัวเมืองปักต์ใต้ ตีทัพพม่าตั้งแต่เมืองไชยาลงมาจนถึงนครศรีธรรมราช เมื่อทัพพม่าแตกพ่ายถอยร่นไปพ้นจากหัวเมืองปักต์ใต้แล้ว พระมหาช่วยต่อมาได้ลาสิกขาบทและเข้ารับราชการ (ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)


ได้ยินมาว่า “พระยาเสือ” ในครั้งนั้น คืออาตมาภาพในครั้งนี้เอง โดยข้อมูลนี้ พระอรหันต์ที่เป็นครูบาอาจารย์ของอาตมาในปัจจุบันชาติที่ยังมีชีวิต มากกว่า ๕ องค์ กล่าวยืนยันกับอาตมาตรงกัน และอาตมาคิดว่าในครั้งนี้ ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยคือ ต้องมาช่วยพ่อแม่พี่น้องชาวปักษ์ใต้ในคราววิกฤตินี้
ครูบาอาจารย์ของอาตมา บอกกับญาติโยมบนศาลาว่า อาตมาภาพต่อไปเขาจะแต่งตั้งให้เป็นทั้งท่านเจ้าคุณและเจ้าอาวาส กิจนิมนต์ไม่เคยว่างเว้นแม้แต่เวลาขี้เวลาเยี่ยวก็แทบจะไม่มี เขาจะมานิมนต์ให้ไปโน่นไปนี่ (แต่ที่สำนักสงฆ์ไม่รับกิจนิมนต์และเน้นภาวนาเพื่อความพ้นทุกข์) บุญบารมีเยอะ ขณะเดียวกันศัตรูก็เยอะเหมือนกัน เพราะยกทัพไปตีเขาไปทั่ว ทั้งพม่า ลาว เขมร ฯลฯ ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่า หลังวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๕๔ อาตมาจะไม่โดนท่านยิงทิ้งแน่นอน
สำหรับปัจจุบันชาตินี้ อาตมาขออุทิศบุญกุศลทั้งหมดที่ทำมาเพื่อเป็นประโยชน์แก่สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เพื่อให้พ่อแม่พี่น้องที่อยู่ในประเทศไทยมีความร่มเย็นเป็นสุข
สำหรับเหตุการณ์บ้านเมือง ที่ผู้คนวุ่นวายอยู่ในขณะนี้ อาตมาคิดว่า ภายหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิเกิดขึ้น คนไทยเราจะหันมาสามัคคีกันอีกครั้ง เพราะนิสัยคนไทยเราตั้งแต่สมัยโบราณอย่างหนึ่งคือ ยามศึกเรารบ ยามสงบเราตีกัน ทะเลาะเบาะแว้งกันเอง ซึ่งจะเป็นการเปิดช่องให้อริราชศรัตรู มาแสวงหาประโยชน์จากความแตกแยกของประชาชนชาวไทยเรา ดังเช่นเหตุการณ์ในปัจจุบัน และภายหลังเหตุการณ์ในปีนี้ อาตมาขออาสาเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ชาวไทยทั้งประเทศมาสามัคคีกันอีกครั้ง ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด พุทธ คริสต์ อิสลาม จะเล่นกีฬาสีอยู่สีอะไรก็ตาม สีเหลือง สีแดง สีน้ำเงิน สีกากี สีขี้ม้า สีเขียวฯลฯ แต่ทั้งหมดคือพวกเราก็คือ “คนไทย”เหมือนกัน เรามีในหลวงและพระราชินี พระบรมสานุวงศ์ ที่เป็นร่มโพธิสมภารของพวกเรา
และอาตมามีความมั่นใจอย่างหนึ่งว่า ถ้าหากบุคคลในหน่วยงานราชการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล หน่วยงานที่สำคัญต่าง ๆ ทหาร ตำรวจ ทั้งภาครัฐและเอกชน และประชาชนหมู่เหล่าต่าง ๆ ที่จะต้องประสานงานร่วมมือกันในครั้งนี้ ถ้าหากพวกเราได้เคยร่วมงานกันมาในอดีตไม่ว่าจะเป็นการบริหารประเทศ หรือการศึกสงครามแล้ว ในปัจจุบันชาติท่านจะต้องรับฟัง พิจารณา และร่วมมือกับอาตมาในการเตรียมการรับมือแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิแน่นอน ทำให้อาตมายังพอมีความหวังในความเพียรพยายามในครั้งนี้


สำหรับแนวทางการเตรียมการรับมือแผ่นดินไหวสำหรับเจ้าหน้าที่และประชาชนในบริเวณจุดเสี่ยงนั้น อาตมาภาพได้วางแผนเตรียมไว้โดยการวิเคราะห์เหตุการณ์ตามข้อมูลที่ได้รับมา วิเคราะห์สถานการณ์ในประเทศ รัฐบาล เจ้าหน้าที่ และประชาชนในตอนนี้ พอมีแนวทางให้ท่านนำไปพิจจารณา ดังต่อไปนี้


แผนดำเนินงานโดยคร่าว ๆ ของอาตมาภาพเอง


สำหรับ อาตมาภาพ ภายหลังที่ตัดสินใจเข้าช่วยเหลือเจ้าหน้าที่และพ่อแม่พี่น้องประชาชนในจังหวัดภาคใต้เรา ทำทุกอย่างเพื่อรักษาชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด ตั้งใจจะทำให้ดีที่สุด ไม่ยอมถอยต่อปัญหาอุปสรรคใด ๆ โดยเป้าหมายของอาตมา ในการเตรียมรับมือกับแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิระลอกที่ ๑ และระลอกที่ ๒ (หลังจากเหตุการณ์แรก ๒๘ วัน) คือ>>


ทำทุกวิถีทางเพื่ออพยพชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนออกจากจุดเสี่ยงภัยพิบัติ ก่อนวันที่ ๓ มิถุนายน ๕๔ และเฝ้ารอเกิดเหตุการณ์ในครั้งแรก ระหว่างวันที่ ๔ – ๑๕ มิถุนายน ๕๔ (ประมาณ ๑๐ วัน)


อาตมาภาพมีเวลาประมาณ ๒ เดือน ครึ่ง


-ทำจดหมายแจ้งเตือน ฉบับที่ ๑ กว่า ๘๐ ฉบับและอีเมลล์อีกเป็นจำนวนมาก ถึงรัฐบาล หน่วยงานที่สำคัญ ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งราชการและเอกชน ทหาร ตำรวจ สถานทูตไทย สถานทูตต่างประเทศ และรัฐบาลของประเทศที่ได้รับผลกระทบ บุคคลสำคัญ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ แต่ไม่ทำหนังสือถึงบุคคลธรรมดา และนักข่าว เพราะไม่ต้องการเป็นข่าวและเกิดความตระหนกเกิดขึ้น แต่ให้เจ้าหน้าที่ไปชี้แจงและดำเนินการเอง
-รัฐบาลและหน่วยงานสำคัญ ๆ ที่ส่งหนังสือไปได้ตระหนักและยกวาระแผ่นดินไหวและภัยพิบัติเป็นวาระแห่งชาติ
-เจ้าหน้าที่และประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ ที่ส่งหนังสือไปเริ่มตระหนักและเริ่มเตรียมมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
-ส่งจดหมายชี้แจง ฉบับที่ ๒ (ฉบับนี้) เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและประชาชนรับทราบรายละเอียดของเหตุการณ์เพิ่มเติม เกิดความมั่นใจในข้อมูล เกิดความเชื่อมั่นและเสนอแนะแนวทางเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิ และให้เริ่มเตรียมการอพยพชีวิตและทรัพย์สินต่าง ๆ ให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ ๓ มิถุนายน ๕๔


-เป้าหมายในเดือนเมษายน คือการเก็บข้อมูลสำคัญ ๆ พร้อมทั้งออกสำรวจสถานที่เกิดเหตุโดยเน้นไปยังฝั่งทะเลอันดามัน และวิเคราะห์เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น แนวเขตปลอดภัย สถานที่ที่จะตั้งศูนย์บัญชาการรับมือภัยพิบัติในจังหวัดต่าง ๆ แต่ละอำเภอแต่ละตำบล หมู่บ้าน และรอการติดต่อกลับจากรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ เพื่ออธิบายรายละเอียดและเน้นย้ำให้เกิดความเชื่อมั่นในข้อมูลในเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ร่วมวางแผนและให้คำปรึกษากับทางรัฐบาล เจ้าหน้าที่จังหวัดต่าง ๆ และ ทหาร หรือองค์กรที่ติดต่อเข้ามาในการเตรียมตัวรับมือภัยพิบัติ


- เป้าหมายในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายก่อนเกิดเหตุการณ์ คือ ถ้าทางรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ ยังไม่ติดต่อเข้ามา และไม่ดำเนินการทำอะไร ทางทีมงานของอาตมาจะลงพื้นที่ไปชี้แจงและขอความร่วมมือกับประชาชนในการอพยพชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนฝั่งทะเลอันดามันออกจากพื้นที่เสี่ยงไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัยก่อนวันที่ ๓ มิถุนายน ๕๔ เอง โดยไม่หวั่นว่าจะเกิดอันตรายอะไรขึ้น ถ้ามีการดำเนินการแล้วก็จะเข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่และประชาชนในจังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน ในการเตรียมการป้องกันภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นให้มากที่สุด
>
-วันที่ ๑ มิถุนายน ๕๔ จะทำจดหมายถึงนักข่าวสถานีโทรทัศน์ที่สำคัญ ๆ ทุกช่อง เพื่อแจ้งรายละเอียดเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น และให้พี่น้องประชาชนเตรียมอพยพชีวิตและทรัพย์สินขั้นสุดท้าย ให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ ๓ มิถุนายน ๕๔


-ระหว่างวันที่ ๔ – ๑๕ มิถุนายน ๕๔ ซึ่งจะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิระลอกแรก อาตมาภาพจะพยายามเดินทางไปสำรวจความเรียบร้อยพี่น้องประชาชนในพื้นที่เสียงในจังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน และจะเฝ้ารอเหตุการณ์ร่วมกับเจ้าหน้าที่และประชาชนจังหวัดต่าง ๆ อยู่ที่ บนภูเขาที่มีพระพุทธรูปหินอ่อนใหญ่ที่จังหวัดภูเก็ต เป็นทัพหน้ารับคลื่นยักษ์ซึนามิที่เข้ามาปะทะชายฝั่งอันดามันของประเทศไทย



แผนดำเนินการและคำแนะนำโดยคร่าว ๆ สำหรับประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติ

อาตมามีแผนดำเนินการให้แต่ละท่านเลือกตามความพอใจของแต่ละคน ซึ่ง ขึ้นอยู่กับระดับ “ความเชื่อมั่น” ในตัวอาตมาและสิ่งที่แจ้งเตือนมานี้ มากน้อยขนาดไหน โดยใช้ สติปัญญาและวิจารณญาณ ของแต่ละท่าน


แผน ก. สำหรับท่านที่ไม่เชื่อมั่นเลย เป็นเรื่องหลอกเด็ก ไร้สาระ ต้องให้แกนนำม๊อบมาพูดถึงจะเชื่อ ไม่ต้องทำอะไรเลย ใช้ชีวิตและทำมาหากินอย่างสงบสุขเหมือนเดิม แต่ความสงบสุขจะหมดไปเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้น
แผน ข. สำหรับท่านที่เชื่อครี่ง ไม่เชื่อครึ่ง ใครพูดอะไรเชื่อไว้ก่อน วันไกล้ ๆ ค่อยว่ากันอีกที
แผน ค. สำหรับท่านที่ใช้สติปัญญาณ และวิจารณญาณของตนเองและปรึกษากับนักปราชน์ บัณฑิตและคนในครอบครัวดีแล้ว และเห็นความเป็นเหตุเป็นผล และเชื่อมั่นในสิ่งที่อาตมาแจ้งเตือนที่ยอมเอาชีวิตของตนเองเข้าแลกมานี้


ผลของผู้ที่เลือกแผน ก คือ จะได้รับบทเรียนราคาแพง ไม่สามารถกลับมาแก้ใขได้ คือการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง คนที่ตนรักและญาติพี่น้อง
ผลของผู้ที่เลือกแผน ข คือ ตนเองและญาติพี่น้องจะรอดชีวิต แต่สูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินเพราะความไม่มั่นใจว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เลยไม่ขนทรัพย์สินที่สามารถขนได้ออกมาให้หมด
ผลของผู้ที่เลือกแผน ค. คือ ท่านจะรักษาชีวิตของตัวท่านเอง บุคคลที่ท่านรัก และญาติพี่น้องของท่าน รวมทั้งทรัพย์สินที่สามารถขนออกมาได้ โดยเสียเพียงอสังหาริมทรัพย์เท่านั้นและสามารถกลับไปตั้งเนื้อตั้งตัวได้ใหม่


อาตมาภาพจะขอแนะนำแผนดำเนินการโดยคร่าว ๆ สำหรับผู้ที่เลือกแผน ค เท่านั้น คือ>>

- ให้ท่านศึกษาและทำความเข้าใจกับจดหมายแจ้งเตือนของอาตมาภาพทั้งสองฉบับ ซึ่งทางราชการจะถ่ายเอกสารแจกจ่ายไปยังท่าน และคนในหมู่บ้านของท่าน ให้พยายามตั้งสติ และพิจารณาว่า เป็นเรื่องธรรมดาของโลก อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ที่สิ่งทั้งหลายทั้งปวงจะต้องแตกดับ แปรปรวนเป็นธรรมดา ทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน และควรยึดมั่นถือมั่น >>
- ให้ปรึกษาและสอบถามกับผู้รู้ เกี่ยวเจ้าหน้าที่ นักวิชาการ ถึงโอกาสที่จะเกิดภัยพิบัติแผ่นไหวและคลื่นสึนามิ ความเสียหายที่จะเกิดขึ้น การเตรียมตัวรับมืออย่างมีสติและปัญญา และศึกษาทำความเข้าใจเรื่องนี้ให้มากที่สุด ตามคติที่ว่า “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง”

-ให้ท่านพยายามศึกษาข่าว ภาพเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่นถึงความรุนแรงและความเสียหายที่เกิดขึ้นและตระหนักว่า ถ้าอยู่ในจุดเสี่ยงเราจะต้องประสบเหตุการณ์เช่นเดียวกับที่ญี่ปุ่นเหมือนกัน แต่เราโชคดีอยู่มาก ที่เรามีการข่าวที่ดี มีผู้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าก่อน ซึ่งเราจะสามารถรักษาชีวิตของคนในครอบครัวเรา ญาติพี่น้อง และทรัพย์สินที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ไปอยู่ในที่ปลอดภัยได้ ก่อนที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น


- ปรึกษากับคนในครอบครัวของท่าน ญาติพี่น้อง ว่าจะตัดสินใจทำประการใด พร้อมทั้งพยายามอธิบายให้คนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะได้รับทราบ เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกตกใจและทำใจยอมรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้


- เมื่อได้รับการรับคำตอบจากสมาชิกของคนในครอบครัวของท่านแล้ว ให้ท่านคิดแนวทางในการแก้ใขปัญหาหลาย ๆ แนวทางและเลือกแนวทางที่ดีที่สุด พร้อมทั้งเตรียมแผนสำรองเอาไว้ กรณีที่ไม่เป็นไปตามนั้น


- ถ้าท่านเชื่อมั่นในสิ่งที่อาตมภาพแจ้งไป ๑๐๐ เปอร์เซ็นให้ท่านพยายามขนย้ายทรัพย์สินต่าง ๆ ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ไปอยู่ในสถานที่ปลอดภัย เช่น บ้านญาติพี่น้องต่างจังหวัด หรือบริเวณไกล้เคียงที่คิดว่าปลอดภัย หรือศูนย์อพยพซึ่งรัฐบาลและทางจังหวัดได้เตรียมไว้ สำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่รัศมีของคลื่นสึนามิ ซึ่งอาตมภาพวิเคราะห์ไว้ว่าสถานที่ที่ปลอดภัย จะต้องไม่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลอย่างน้อยประมาณ ๕๐ เมตร และให้ระวังเรื่องภูเขาถล่ม ดินไสลน์ และต้นไม้หักโค่น การขนย้ายทั้งชีวิตและทรัพย์สินทั้งหมดควรขนย้ายให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ ๑ มิถุนายน ๕๔ เพื่อเหลือเวลาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความเรียบร้อยของบริเวณพื้นที่ประสบภัยพิบัติ และป้องกันทรัพย์สินบางอย่างของประชาชนที่เหลืออยู่ จากโจรผู้ร้ายที่แสวงหาผลประโยชน์จากความทุกข์ของคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานต่างชาติ (บางส่วน)

- สำหรับเรือทุกชนิด เรือขนาดเล็กที่ขนย้ายได้ให้ขนขึ้นมาสู่ที่ปลอดภัย อย่างต่ำสูงกว่าระดับน้ำทะเล ๕๐ เมตร ส่วนเรือขนาดใหญ่ และขนาดกลาง ช่วงวันที่ ๔ – ๑๕ มิถุนายน ให้ออกไปลอยลำอยู่กลางทะเล ห่างจากฝั่งอย่างน้อย ๕ กิโลเมตร
- อาตมาภาพขอเอาชีวิตเป็นประกันว่าในปีนี้ตั้งแต่ เดือนมิถุนายน จนถึงเดือนธันวาคม ๕๔ บริเวณพื้นที่เสี่ยงที่จะเกิดคลื่นสึนามิ เราจะไม่สามารถอยู่อาศัยได้ เพราะคลื่นจะเข้าทำลายอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ ในบริเวณรัศมีของคลื่น และจะเกิดขึ้น ๓ ระลอก ในปีนี้ จนถึงปลายปี ให้เราอพยพไปอาศัยที่อื่นชั่วคราว บอกลูกค้าซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวของท่านว่า เราจะปิดปรับปรุง ประมาณครึ่งปี เพราะแผนผังเดิมไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยและอาคารต่าง ๆ ก็ชำรุดทรุดโทรม เราจะให้คลื่นสึนามิเก็บกวาดให้ประมาณ ๓ ครั้ง และจะก่อสร้างกันใหม่ และเปิดให้บริการใหม่ในปีหน้า ขอให้มาใช้บริการใหม่อีกครั้ง ส่วนชาวใต้เราที่อยู่ในรัศมีคลื่นจะเก็บข้าวของไปเที่ยวปิคนิคกันประมาณ ๖ เดือน


- ขอให้ท่านให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ กรณีออกประกาศขอความร่วมมือต่าง ๆ ให้ดีที่สุด เพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่เองคงไม่เคยเจอมาเหมือนกันในชีวิต การทำงานจะประสบความยากลำบากมากหากไม่มีการเตรียมการวางแผนกันไว้ล่วงหน้า อีกทั้งเครื่องไม้เครื่องมือ ยานพาหนะก็จะพังเสียหายไปจากคลื่น


-เราจะรอดูเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิด้วยกันในสถานที่ปลอดภัย (ได้ยินมาว่าฝนจะตก) ถ้าหากเกิดขึ้นแล้วความเชื่อและความความมั่นใจของท่านจะเกิดขึ้น ๑๐๐ เปอร์เซ็นเพราะประสบด้วยตนเอง แต่ถ้าหากรอจนถึงวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๕๔ แล้วยังไม่มีเหตุการณ์อะไรขึ้น ก็ให้มายิงอาตมาทิ้งได้ทันที


- พระอรหันต์ที่ท่านรับทราบเหตุการณ์และแหล่งข่าว แจ้งและเน้นย้ำมาว่า ผู้ที่จะรอดชีวิตส่วนใหญ่คือผู้ที่ปฏิบัติธรรม อานุภาพของศีล สมาธิ ปัญญา จะสามารถช่วยเหลือให้รอดพ้นจากอันตรายต่าง ๆ ได้
สำหรับท่านที่นับถือศาสนาอื่น ๆ ให้ปฏิบัติตามคำสอนของศาสดาของท่าน ที่เน้นไปในเรื่องการทำความความดี การละเว้นจากความชั่ว บาปอกุศลต่าง ๆ และการทำให้จิตใจผ่องแผ้ว แจ่มใส การกระทำอันเกิดประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น อานุภาพคุณงามความดีเหล่านี้ จะเกิดขึ้นในจิตใจของท่าน และจะปกป้องคุ้มครองตัวท่านเองให้รอดพ้นจากภัยอันตรายต่างที่จะเกิดขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งตรงกับหลักธรรมคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺม จารึ แปลว่า ธรรม ย่อมปกป้อง,รักษา ผู้ประพฤติธรรม >>
ตามที่ได้ยินได้ฟังมา ขอให้ท่านทราบไว้ว่า ประเทศไทยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านอาจเคยได้ยินชื่อและเคารพนับถือเป็นจำนวนมาก ที่ทราบเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น มีความเป็นห่วง และพยายามทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือท่านและประชาชนชาวไทยอยู่ ยกตัวอย่าง การปกป้องประชาชนชาวไทย ให้รอดพ้นจากสารกัมมันตภาพรังสีที่แผ่มาจากประเทศญี่ปุ่นในขณะนี้ แต่ท่านช่วยมาโดยวิธีการอย่างไร ให้ท่านลองใช้สติปัญญาพิจารณาดู แต่อย่าลืมว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านไม่สามารถห้ามไม่ให้เกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงได้ เพราะเป็นเรื่องปกติธรรมดาของธรรมชาติ แต่ขอให้ท่านรับฟังคำแจ้งเตือนของอาตมภาพที่พยายามช่วยท่านอยู่นี้ ตามความประสงค์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งจะเป็นวิธีที่และเหตุปัจจัยที่จะสามารถช่วยเหลือชีวิตและทรัพย์สินของพวกท่านได้ แต่ให้ท่านพยายามช่วยเหลือตนเองให้มากที่สุดด้วย>>
แผนดำเนินการและคำแนะนำโดยคร่าว ๆ สำหรับรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ที่จะต้องประสานงานและร่วมมือกัน เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด


ได้ยินมาว่า ตอนนี้ถนนทุกสายมุ่งสู่การเลือกตั้ง โดยจะมีการยุบสภาในเดือนพฤษภาคม ทั้งพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลและพรรคการเมืองอื่น ๆ ต่างมุ่งเตรียมการเลือกตั้ง ต่างกำลังมุ่งหาเสียง และพยายามกันเต็มที่ทุกกระบวนท่า เพื่อให้ได้เป็นรัฐบาล เพื่อหวังกลับมาทำหน้าที่ของ ส.ส. คือการรับใช้และเป็นที่พึ่งของประชาชน อีกครั้ง
เหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิในระลอกแรกจะเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน ระหว่างวันที่ ๔ ถึงวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๕๔ รัฐบาลขณะนั้นคงเป็นเพียงรัฐบาลรักษาการ อำนาจการสั่งการต่าง ๆ และการจัดสรรงบ คงไม่สามารถทำได้เต็มที่ ซึ่งอาตมาภาพมีความภาคภูมิใจในนักการเมืองของไทยเป็นอย่างยิ่ง และเกิดความสงสัยอยู่ว่า ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร หรือ ส.ส. มีหน้าที่รับใช้ประชาชน และประเทศชาติหรือเพื่อประโยชน์ของตนเอง และพรรคการเมืองของตน
ความวุ่นวายของบ้านเมืองไทย ๔-๕ ปีที่เกิดขึ้นมานี้ ซึ่งทำให้ชาวไทยตั้งแต่สถาบันพระมหากษัตริย์ สถาบันศาสนา สถาบันต่าง ๆ จนถึงประชาชนคนธรรมดา ทุกหมู่เหล่าเกิดความเดือดร้อน ความทุกข์ใจไปทุกหย่อมหญ้า มีสาเหตุจริง ๆ ก็มาจาก การได้-การเสีย ผลประโยชน์ของบรรดานักการเมืองทั้งนั้น ทุกข์ของประชาชนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่พอทุกข์ของนักการเมืองเรื่องเล็ก ๆ ก็ทำเป็นเรื่องใหญ่ ต่างฝ่ายต่างมุ่งทำลายซึ่งกันและกัน โดยมีชาติบ้านเมืองและประชาชนเป็นตัวประกัน และลากประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปร่วมมวงกับพวกท่านด้วย สภาผู้ทรงเกียรติ กลับกลายมีแต่คำหยาบคายเป็นตัวอย่างให้เด็ก ๆ เยาวชนของชาติเอาเป็นตัวอย่าง ทุกเรศจริง ๆ >>
ขอให้ท่านนักการเมืองบางคน ทราบด้วยนะว่า ท่านเอาเปรียบประชาชนและประเทศชาติมานานแล้ว ประชาชนเขาเริ่มทนพวกท่านไม่ไหวแล้ว

ตามที่ได้ยินได้ฟังมา บรรดานักการเมืองรุ่นพี่ของพวกท่านที่รู้จักกันเป็นอย่างดีหลายคนที่ละโลกนี้ไป บางคนก็อยู่ในนรก บางคนก็ไปเป็นเปรตกินหินกินทราย บางคนทำกรรมหนัก คิดว่าเป็นนักการเมืองแล้วใหญ่กว่ากรรม ไปด่าว่าพระอริยเจ้า พระอรหันต์ จนต้องไปเป็น***ชั้นโลกันต์ขุมท้ายสุดลึกยิ่งกว่าอเวจีมหานรก ลักษณะเป็นผนังถ้ำใหญ่ มืดมิด ด้านล่างเป็นน้ำทะเลกรดเย็นเฉียบ ***ปีนป่ายอยู่บนผนังถ้ำ มืด ๆ ได้เห็นแสงสว่างแวบมาสักทีหนึ่งก็ตอนที่พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ตรัสรู้ ไต่อยู่ไปมาบนผนัง ถ้าไต่มาเจอกันก็จะต่อสู้และจับเอาร่างพวกเดียวกันกินเป็นอาหาร ถ้าตกลงไปก็จะโดนน้ำกรดเย็นเฉียบละลายร่างกายไม่มีเหลือ แล้วก็เป็นโอปาติกะเกิดขึ้นมาใหม่ ไต่อยู่อย่างเดิมจนกว่าจะชดใช้กรรมหมด นานแสนนาน
โชคดีที่มีพระอริยเจ้าท่าน อยากรู้ว่าคนๆ นี้ไปเกิดที่ไหน ก็ได้พบ ขณะได้พบความจำ(สัญญา) ต่าง ๆ สมัยเป็นมนุษย์ก็กลับมา และเล่าถึงผลกรรมที่ตนเองได้ทำเอาไว้สมัยเป็นมนุษย์และนักการเมือง และฝากบอกมายังชาวไทยและนักการเมืองรุ่นน้อง ๆ ว่า ถ้ากลับไปแก้ใขได้ จะไม่ทำกรรมเหล่านั้นในสมัยมีชีวิตอยู่ แต่ก็แก้ใขอะไรไม่ได้แล้ว ***ตัวนี้สมัยเป็นนักการเมืองชาวไทยรู้จักกันดี แต่ขอสวงนนามเพื่อเป็นการรักษาเกียรติของท่านไว้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาคนที่เป็นแกนนำม๊อบนำผู้คนก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง กรรมนี้มีกำหนดไว้ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยที่เป็นดินแดนสำคัญที่พระพุทธศาสนาและผู้มีบุญบารมีมาเกิดเพื่อบำเพ็ญเพียรและสะสมบุญเป็นจำนวนมาก ไม่ใช่ที่ที่จะทำอะไรเล่น ๆ ได้ตามใจชอบ ได้ยินมาว่ายมบาลท่านหมายหัวพวกท่านไว้แล้ว รอเพียงแต่วันที่ท่านละสังขารไปเท่านั้น (ได้ยินว่าท่านยมบาลท่านรู้จักและนับถืออาตมาดีเพราะเคยเกิดและเป็นลูกน้องในบางชาติ) ถ้าไม่อยากไปรับกรรมตรงนั้น ให้หยุดก่อความวุ่นวายทุกอย่างโดยทันที ให้พิจารณาดูว่าระหว่าง คำว่า “ประชาธิบไตย” ที่มุ่งเฉพาะประโยชน์ตนและพวกพ้อง แต่ทำให้คนทั้งประเทศทุกหย่อมหญ้าเดือดร้อน ไม่เว้นทหาร ตำรวจ ที่ต้องทำหน้าที่ด้วยความเหน็ดเหนื่อย และคำว่า “กรรม” อย่างไหนใหญ่กว่ากัน?? ให้ทำกรรมดีให้แซงหน้ากรรมชั่วที่พวกท่านทำมาในอดีต กรรมดีจะสามารถช่วยพวกท่านได้ ให้แข่งกันทำความดี ไม่ใช่แข่งกันทำความชั่ว ความวุ่นวาย ความเดือดร้อนให้กับประเทศอย่างในปัจจุบัน และประชาชนทั้งปวงจะเคารพรัก ศรัทธาพวกท่านเอง


ที่อาตมากล่าวมานี้ มีความเจตนาดี และมีความเคารพรักในโยมพี่ ๆ นักการเมืองทุกท่าน ไม่อยากให้ท่านทำกรรมไม่ดี ซึ่งสติปัญญาของพวกท่านเองก็ทราบอยู่แล้ว แต่ความไม่เชื่อเต็มร้อยเรื่องกรรม และผลประโยชน์บางอย่างมาล่อใจที่ทำให้ลืมเรื่องนี้ไป>>
อาตมาอยากให้ประเทศชาติเรา คนไทยเรามีความสงบสุข ซึ่งเป็นหน้าที่ของนักการเมืองทุกท่าน ที่จะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่ ที่จะทำตรงนี้ และขอเป็นกำลังใจให้นักการเมืองทุกท่าน สำรวจความบกพร่องของตนเอง ปรับปรุงแก้ใข และทำให้การเมืองของไทย เป็นการเมืองที่เห็นประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นใหญ่ และอาตมภาพขอให้โยมพี่ ๆ นักการเมืองทุกท่านประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้
แก้ไขล่าสุดโดย louis04 เมื่อ 20 เม.ย. 2011, 00:28, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง
louis04
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1310
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2008, 01:31
Tel: 08-24245566
team: จังหวัดนครศรีธรรมราช
Bike: louis garneau

Re: น้ำท่วมใหญ่จังหวัดนครศรีธรรมราช

โพสต์ โดย louis04 »

... 8-) 8-) 8-) เรื่องการเมืองก็มี...
...เรื่องราวชีวิต เรื่องเล่า เรื่องคิด อ่านไว้ใช่ว่า...
...พรุ่งนี้ "ก็เช้าแล้ว"...


อาตมาหวังว่าทุกหน่วยงานที่สำคัญ ๆ ที่อาตมาส่งจดหมายไปจะได้รับจดหมายแล้ว โดยอาตมาเขียนจดหมาย คืนวันที่ ๑๖ มีนาคม ๕๔ และส่งไปรษณีย์ไปในวันจันทร์ที่ ๒๑ มีนาคม ๕๔ จดหมายธรรมดาคงถึงราว ๆ วันที่ ๒๓ – ๒๔ มิถุนายน ๕๔ ซึ่งบางหน่วยงานหลังได้รับจดหมายก็ติดต่อมายังอาตมาภาพโดยทันที ซึ่งอาตมาก็ได้ชี้แจงและอธิบายรายละเอียดของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นและยันยันว่าจะเกิดขึ้นแน่นอนโดยเอาชีวิตเป็นประกัน เพื่อตอกย้ำความมั่นใจและให้เตรียมการรับมือกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น
และวันพฤหัสบดี ที่ ๒๔ มิถุนายน ๕๔ เหตุการณ์ที่เชียงใหม่ทางภาคเหนือก็เกิดขึ้นจริง ๆ ตามที่แจ้งไว้ ซึ่งอาตมาภาพคิดว่าเร็วกว่าที่คิดไว้ แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ท่านและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มั่นใจได้ว่า คิวต่อไปคือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในภาคใต้เราในเดือนมิถุนายน ๕๔
อาตมาทราบดีว่า ภายหลังที่ท่านและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้อ่านและพิจารณาจดหมายแจ้งเตือนไปแล้ว ในใจลึก ๆ ท่านเชื่อในสิ่งที่อาตมาและแหล่งข่าวแจ้งเตือนไป ขนาดหมอดูทักบางท่านยังเชื่อ แล้วทำไมพระสงฆ์ท่านอุตส่าห์ทำหนังสือแจ้งมาโดยเอาชีวิตเข้ามาเสี่ยงอย่างนี้ทำไมจะไม่เชื่อ แต่เนื่องด้วย แหล่งที่มาของข้อมูล อยู่นอกเหนือตำหรับตำราวิชาการทางรัฐศาสตร์การปกครอง และวิทยาศาสตร์ที่พวกท่านร่ำเรียนมา และการทำงานของท่านก็ต้องทำอยู่ในระบบระเบียบของทางราชการ การจะนำข้อมูลที่มาจากวิธีพิเศษนี้ไปใช้ ท่านเองคงรู้สึกลำบากใจในการตัดสินใจและสั่งการกับผู้ใต้บังคับบัญชา เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอนาคต แม้จะมีชีวิตและทรัพย์สินจำนวนหลายแสน หลายล้านคน ซึ่งท่านมีหน้าที่รับผิดชอบที่จะสูญเสียไปหากเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง ค้ำคอท่านอยู่ก็ตาม


อาตมาร่ำเรียนมาทั้งสองสาขาวิชา คือทั้งพระพุทธศาสนา และวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาศึกษาเปรียบเทียบพระพุทธศาสนากับวิทยาศาสตร์ อาตมาเรียนมาและเข้าใจจนแตกฉานแล้ว ทั้งปริญญาตรี และปริญญาโท ดังนั้นจึงทราบได้ว่า วิทยาศาสตร์นั้น ไม่ได้ส่วนเสี้ยวหนึ่งของพระพุทธศาสนาเลย

วิทยาศาสตร์เป็นศาสตร์ที่มีการพิสูจน์ค้นคว้าและทดลอง โดยอาศัยเครื่องมืออุปกรณ์ ทฤษฏีเดิม ๆและอาศัยประสาทสัมผัสของมนุษย์เข้าไปตัดสิน คือภาพทางตา เสียงทางหู กลิ่นทางจมูก รสทางลิ้น และสัมผัสทางกาย และเมื่อได้คำตอบแล้วก็ตั้งเป็นทฤษฏีทางวิทยาศาสตร์ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มีการพิสูจน์ที่ได้คำตอบที่ดีกว่า ทฤษฏีเก่าก็ถูกล้มล้างไป และปัจจุบันวิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถอธิบายและตอบคำถามได้ทุกเรื่อง

พระพุทธศาสนาก็สนใจศึกษาธรรมชาติทั้งมวล ทั้งธรรมชาติรอบ ๆ ตัวเราเช่นเดียวกัน และที่สำคัญคือตัวเราเองคือกายกับจิต ซึ่งปัจจุบันวิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถอธิบายเรื่องจิตได้อย่างเต็มที่ อย่างดีก็ศึกษาพฤติกรรมของจิตเช่น สาขาจิตวิทยา หรือจิตแพทย์ >>
เป้าหมายของการศึกษาค้นคว้าธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ คือการนำข้อมูลนั้นมาใช้ประโยชน์เพื่อสนองกิเลสตัณหาของมนุษย์ แต่เป้าหมายในการศึกษาธรรมชาติของพุทธศาสนาสวนทางกันคือ การรู้เท่าทันความเป็นจริงในสรรพสิ่ง การพิจารณาเห็นความเป็นธาตุ เห็นเป็นอสุภะ ความไม่สวยไม่งาม และความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ และความไม่ใช่ตัวใช่ตนของสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ที่มีลักษณะ เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป ความเกิดดับในสังสาร สิ่งปรุงแต่งทั้งหลาย และให้ถอดถอนความยึดมั่นถือมั่น ความโลภ ความโกรธ ความหลง และกำจัดเชื้อหรือรากแก้วที่ทำให้มีการเกิดคืออวิชชา เพราะเมื่อมีการเกิดก็มีทุกข์ เมื่อไม่มีการเกิดก็ไม่มีทุกข์

พระพุทธเจ้าทรงสอนเรื่อง กฏไตรลักษณ์ คือ ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ของสรรพสิ่ง มากว่า ๒,๕๐๐ กว่าปีแล้ว และไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนใดในโลกจนถึงปัจจุบันสามารถล้มล้างทฤษฏีนี้ได้
ญาณรู้เห็นในสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอริยสาวก บุคคลต่าง ๆ ที่ท่านปฏิบัติธรรม สามารถเกิดขึ้นจริง และที่ได้ยินได้ฟังมา ท่านก็สามารถรับรู้เห็นสิ่งที่เหนือการรู้เห็นของมนุษย์ได้ เช่นอดีตชาติ หรืออนาคตหลายวัน หลายเดือน หรือหลาย ๆ ปี แม้กระทั่งการได้ยิน ได้เห็นภาพและเสียง สิ่งที่อยู่คนละซีกโลก การรู้เห็นเช่นนั้นได้เป็นเพราะจิตที่ท่านฝึกดีแล้ว ชำระกิเลสสิ่งที่ห่อหุ้มจิตได้แล้ว กำลังของจิตแท้ที่เป็นอิสระไม่เป็นทาสกิเลส ที่มีเชื้อคืออวิชชา ก็สามารถรู้เห็นได้ เพราะจิตเป็นธรรมชาติ “ธาตุรู้”

ยกตัวอย่างเช่นคลื่นโทรศัพท์มือถือ แม้จะมองไม่เห็นแต่ท่านก็เชื่อว่ามีอยู่จริง และเชื่อว่าโทรศัพท์รับคลื่นได้จริงเพราะท่านใช้อยู่ทุกวัน จิตคนธรรมดารู้เห็นได้จำกัด เพราะโดนอำนาจของกิเลสข่มอำนาจของจิตแท้ไว้ และเมื่อกิเลสและรากแก้วคืออวิชชาโดนทำลายไป ในหมู่พระอริยเจ้าท่านก็จะสามารถรับรู้สิ่งที่นอกเหนือประสาทสัมผัสธรรมดาของมนุษย์ได้เช่นเดียวกัน
ดังนั้น อาตมาภาพขอยืนยันว่า สิ่งที่พระอริยเจ้าและพระอริยบุคคลท่านเห็น สามารถอธิบายได้เป็นวิทยาศาสตร์ แต่วิทยาศาสตร์ปัจจุบันไม่มีทฤษฏี หรือเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์ หรือนักวิทยาศาสตร์คนใดในโลกนี้ที่จะไปอธิบายญาณรู้เห็นของพระอริยะเจ้าเหล่านั้นได้ จะเห็นได้ว่าถ้าเอาวิทยาศาสตร์มาเทียบกับพระพุทธศาสนา แทบจะไม่ติดเศษฝุ่นธุลีเลย คนตะวันออกปัจจุบันไปคลั่งไคล้ศาสตร์ตะวันตก ขณะที่คนตะวันตกเริ่มอิ่มตัวและหันมาสนใจค้นคว้าศาสตร์ของตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระพุทธศาสนา


อาตมาพบช่องโหว่ใหญ่ของรัฐบาลและทางเจ้าหน้าที่ในการเตรียมรับมือกับแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิที่รุนแรงกว่าที่ผ่าน ๆ มาที่ประวัติศาสตร์โลกได้มีการบันทึกไว้ ตามข้อมูลที่อาตมาภาพได้แจ้งท่านไปนั้น คือ เหตุการณ์ที่แจ้งเตือนเป็นเรื่องของสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งในตำหรับตำราการบริหารรัฐกิจของท่านคงไม่มีการบันทึกเอาไว้ว่า ทางรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ราชการในอดีตเคยนำข้อมูลลักษณะนี้ไปใช้ ดังนั้น รัฐบาลและเจ้าหน้าเองฝ่ายต่าง ๆ เองก็คงจะไม่ทำอะไรได้อย่างเต็มที และไม่กล้าทำอะไร เพราะเป็นเรื่องระบบระเบียบทางราชการ สิ่งที่ทางรัฐบาลบาลและเจ้าหน้าที่ทำได้คือ การแจ้งเตือนเมื่อเกิดแผ่นดินไหว แล้ว และมีเวลาหนีกันแค่ประมาณ ๓ ชั่วโมงกว่าคลื่นจะมาถึง ซึ่งจะเกิดความโกลาหล วุ่นวายเกิดขึ้น และรัฐบาลและเจ้าหน้าที่จะทำเต็มทีก็ต่อเมื่อเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นแล้ว ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย และเยียวยาผู้บาดเจ็บและผู้รอดชีวิต ซึ่งคิดว่าถ้าเป็นอย่างนี้จะเกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนที่ท่านรับผิดชอบเป็นจำนวนมาก ซึ่งแค่เพียงคนเดียวท่านก็รับผิดชอบไม่ไหวแล้ว ซึ่งในจำนวนนั้นก็เป็นพี่น้องคนใต้ของอาตมาและของท่านด้วยเช่นกัน ซึ่งอาตมายอมไม่ได้ถ้ามีการดำเนินการลักษณะนี้
ดังนั้น ในครั้งนี้ ทางรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ต้องทำงานออกนอกกรอบของตำหรับตำราและระบบราชการที่บล๊อกตัวท่านและการทำงานของท่านไว้ เพราะมีชีวิตและทรัพย์สินของคนเป็นล้านคนที่จะต้องสูญเสียไปเป็นเดิมพัน ถ้าท่านยังยึดระบบการทำงาน ไม่คิดและทำงานนอกกรอบบ้าง ถ้าประชาชนของท่านตายไปเสียหมดแล้ว ต่อไปท่านจะมีตำแหน่งหน้าที่ไปเพื่ออะไร ?
อาตมาขอยกตัวอย่าง ทางนายกรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ของประเทศนิวซีแลนด์ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่เจริญกว่าเรามาก ตามข้อมูลในจดหมายตอบกลับของท่านเลขานุการเอก ของท่านเอกอัคราชทูตไทย ประจำประเทศนิวซีแลนด์ ที่ตอบกลับมายังอาตมาภาพว่า
“ที่นิวซีแลนด์เอง ก็มีผู้เฒ่าชาวเมารีซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของคนนิวซีแลนด์ได้กล่าวเมื่องานวันชาตินิวซีแลนด์ (Waitangi Day) เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ที่ผ่านมา ต่อหน้านายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ และคณะทูตานุทูตจำนวนมากที่ไปร่วมงาน (ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์) ว่า ตนเห็นภาพเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่กรุงเวลลิงตัน คลื่นยักษ์สึนามิถล่มอาคารรัฐสภานิวซีแลนด์ลงมากองกับพื้น เห็นถุงศพกองเต็มถนน Lambton Quay ใกล้กลางกรุงเวลลิงตัน เห็นว่าจะเกิดขึ้นในเดือน มิ.ย. (มิได้ระบุปีอย่างชัดเจน) ขอให้นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์เตรียมพร้อมรับมือไว้ ทางการนิวซีแลนด์และคนที่อยู่ในนิวซีแลนด์ก็ alert เตรียมพร้อมนะคะ โรงเรียนต่างๆ ซักซ้อมวิธีปฏิบัติกรณีที่เกิดภัยพิบัติขึ้น นายกเทศมนตรีสั่งการสำรวจอาคารในพื้นที่เสี่ยงภัย ชาวบ้านเตรียมน้ำ อาหารแห้ง ไฟฉาย ของใช้จำเป็น ฯลฯ”


จะเห็นได้ว่า แม้ผู้เฒ่าชาวเมารี จะไม่ใช่นักบวช แต่ได้มีการฝึกฝนเรื่องการทำสมาธิก็สามารถ รู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคตได้ และข้อมูลก็ตรงกับข้อมูลที่อาตมาภาพได้รับแจ้งมาคือ จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงและ คลื่นยักษ์สึนามิ ในเดือนมิถุนายน >>
ท่านจะเห็นว่า นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ได้ตระหนักและสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนเตรียมการรับมือกับเหตุการณ์ที่ได้รับแจ้งมาจากผู้เฒ่าชาวเมารี และประชาชนก็เตรียมตัวรับมือ และซักซ้อมการรับมือกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแล้ว ถึงแม้จะเป็นฝรั่ง ที่เราคิดว่าเขาเชื่อแต่วิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้ แต่จะเห็นได้ว่าไม่ว่าข้อมูลจะมาจากแหล่งใด หากเป็นประโยชน์เขาจะไตร่ตรองและตรวจสอบ และดำเนินการสิ่งที่เป็นสาระสำคัญคือการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

ดังนั้น จึงขอให้ทางรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ที่เป็นความหวังของประชาชนคนใต้ ที่จะต้องประสบชะตากรรมกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิในครั้งนี้ นำไปพิจารณาและทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือและปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของเพื่อนมนุษย์ในครั้งนี้ อย่างเต็มความสามารถ และให้ดีที่สุด โดยไม่ต้องมาเสียใจในภายหลัง>>


สำหรับแนวทางดำเนินงานและคำแนะนำ ของอาตมาภาพเสนอแก่ทางรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ของจังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามันที่ได้รับการปะทะจากคลื่นสึนามิในระลอกแรกโดยตรง โดยอาตมาภาพจะอุดช่องโหว่ใหญ่ของทางรัฐบาลและเจ้าหน้าที่นั้น และจะอาสาเข้าไปช่วยเหลือท่านในการเตรียมรับมือภัยพิบัติครั้งนี้ โดยพอมีแนวทางคร่าว ๆ ดังนี้คือ
แก้ไขล่าสุดโดย louis04 เมื่อ 20 เม.ย. 2011, 00:26, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
louis04
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1310
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2008, 01:31
Tel: 08-24245566
team: จังหวัดนครศรีธรรมราช
Bike: louis garneau

Re: น้ำท่วมใหญ่จังหวัดนครศรีธรรมราช

โพสต์ โดย louis04 »

...วัวหายแล้วล้อมคอก...หรือล้อมคอกก่อนวัวหาย...
...เชื่อหรือไม่เชื่อ...
...มีผลแล้ว "ก็โดนทั้งสองอย่าง" แหละพี่น้อง...
:twisted: :twisted: :twisted:

...พระท่านมั่นใจมากกับเรื่องราวที่จะเกิดในอนาคต "เตือนให้ล้อมคอก"...
...คนมากมายหลายแสนที่เสพข่าว หากเชื่อ "ย่อมตื่น"...
...พระท่านเดียว แลกกับเรื่องราวอนาคต "มันน่าคิด"...อยู่ที่เราจะคิด...
:twisted: :twisted: :twisted:
louis04
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1310
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2008, 01:31
Tel: 08-24245566
team: จังหวัดนครศรีธรรมราช
Bike: louis garneau

Re: น้ำท่วมใหญ่จังหวัดนครศรีธรรมราช

โพสต์ โดย louis04 »

...ทางด้านพระนักคิดชื่อดัง พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือท่าน ว.วชิรเมธี ได้ออกมาเตือนสติคนในสังคมที่กำลังตื่นกลัวเรื่องโลกแตกว่า...
เรื่องภัยพิบัติธรรมชาติที่เกิดขึ้นบนโลกในตอนนี้ ในมุมของพุทธศาสนา ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าตื่นเต้น เพราะธรรมชาติคือธรรมะ...
มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นปกติ ทุกสรรพสิ่งย่อมเป็นเช่นนั้นเอง สำหรับคนที่พูดถึงเรื่องโลกแตก มันยังมาไม่ถึง ไม่ต้องกังวล ...
เป็นเรื่องของ "วันหน้า" แต่ที่สำคัญคือ เราจะใช้ "วันนี้" ให้ดีที่สุด ให้คุ้มค่าได้อย่างไร ?...
.. เหมือนกับที่สตีฟ จ็อบส์ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นซีอีโอของโลกเคยกล่าวไว้ว่า...
... "จงใช้ชีวิตดังเหมือนหนึ่งว่าทุกวันคือวันสุดท้าย"...
...หากถือคตินี้ เราจะใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า มีแก่นสาร เลิกประพฤติตัวเหลวไหล....
.... ถ้าเราทำวันนี้ให้ดีที่สุด วันนี้ที่อยู่ในมือของเรา ท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นอดีตที่ดี....
.... ทั้งยังเป็นรากฐานของวันพรุ่งนี้ที่มั่นคง...
... เพราะฉะนั้น ถึงโลกจะแตกก็ไม่น่ากังวล...
... เพราะสิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่เราจะใช้ชีวิตอย่างไรก่อนที่โลกจะแตกต่างหาก...
รูปประจำตัวสมาชิก
Bird2010
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 309
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 พ.ค. 2010, 20:57
Tel: 0846297929
team: Ligor
Bike: Merida

Re: น้ำท่วมใหญ่จังหวัดนครศรีธรรมราช

โพสต์ โดย Bird2010 »

chin chanchum เขียน:
Bird2010 เขียน:
Kok เขียน:รู้ได้ไงครับ วันก่อนโกชู้นจ้างเด็กแอบเข้าไปอยู่ในห้องน้ำของบ้านเช่าน้องๆวุฒิศักดิ์ แล้วพอน้องๆไปเจอมีคนอยู่ในห้องน้ำก็กรี๊ดสลบ โกชู้นเข้าไปช่วย ได้คะแนนไปเต็มๆ ในฐานะฮีโร่
ว่าทำไมระยะนี้.น้องบ่าวเรา.ฟิตปั๋ง..แรงไม่มีวันหมด..เจอสาวมาซื้อน้ำแข็งใสที่สามแยกนพพิตำ..บ่าวใส่ไม่ยั้ง..พี่ยังนึกเสียวในใจอยูเลย KOK เหอ ว่า..ผ....ผ ...ั..ว มันนั่งคร่อมรถเครื่องเหน็บสามห้าเจ็ดเอวตุง
.......อย่าลืมนะว่าชุดจักรยานที่พวกเราใช้อยู่ มันเป็นที่น่าสนใจ ทุกสายตาจะพุ่งเป้ามาที่เป้า.....โดยเฉพาะของน้องหมอ Bird 2010 (ปะหลักจั้ก...นี่คือคำพูดของแม่ค้าเหนียวย่างแถวลานกาเขาพูดกับลุง).....จะเล่าให้ฟังนิด คือแม่ค้าในตลาดคนหนึ่งแกเป็นคนที่พูดหรอยๆแล้วก็สนิทกับลุง แกถามว่าไตรกางเกงที่ใส่ถีบรถไอ้ตรงนั้นมันป่องๆออกมาจัง...มันอัดฟองน้ำไว้หม้าย...(ถามต่อหน้าคนมากๆรวมทั้งคนที่บ้านแกด้วย) ลุงก็ตอบไม่จริงกับแกว่า...ไม่มีไอ้ไหรรองเลย..ของจริงทั้งเพ ไม่ใส่ไอ้ไหรเพื่อให้น้ำหนักรถมันน้อย...เพราะฉะนั้นพวกเราที่ใส่ชุดปั่นอาจจะเป็นที่ชื่นชอบ(ดู)ของเพศหนึ่งแต่เป็นที่น่าอิจฉาของอีกเพศหนึ่ง เพราะเหตุนี้ สามห้าเจ็ด สิบเอ็ด สามแปดหรือเก้า มม. มีโอกาสลั่นโป้งขึ้นมาได้ (หากเราไป"หลี"แม่ค้ามากๆ) :lol: :lol: :lol: จากลุงจินต์
จริง ๆ พวกเราทุกคนก็รู้ก็เห็นอยู่ว่าที่กระเป๋ากางเกงของพวกเรา...มันฟองน้ำเพ..แต่นายต่อ...เสือสายันต์ นิลุงเหอไม่แน่..แต่เรื่องของเรื่องอย่าว่าเค้า..ทั้งเสือต่อและเสือสายันต์ที่เป็นเช่นนี้เพราะทั้งสองคนพ่อจน..ตอนเด็ก ๆ ไม่มีของเล่น..พ่อไม่มีตังซื้อของเล่นให้..ทั้งสองคนไม่ที่เล่นไหร..เลยหันมาเล่น ไ่....ตัวเอง..มันเลยใหญ่วันใหญ่คืน บ้านเราเค้าเรียกว่าใหญ่ตามมือ.... :lol: :lol: :lol:
รูปประจำตัวสมาชิก
Kok
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1542
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 09:24
Tel: 0929953529
Bike: Bianchi

Re: น้ำท่วมใหญ่จังหวัดนครศรีธรรมราช

โพสต์ โดย Kok »

เมื่อวานช่างทิพย์บอกว่า โกชู้นกับ ป๋าเบิร์ดมายั่วให้อาจ แล้วก็จากไป 555
เสือสามคัน
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1029
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 12:03
Tel: 081-9681635
team: ชมรมจักรยานนครศรีธรรมราช(กฟภ)

Re: น้ำท่วมใหญ่จังหวัดนครศรีธรรมราช

โพสต์ โดย เสือสามคัน »

Kok เขียน:เมื่อวานช่างทิพย์บอกว่า โกชู้นกับ ป๋าเบิร์ดมายั่วให้อาจ แล้วก็จากไป 555
Kok.เขาวางแผนจะแกล้งพี่..ว่าเช้าแล้วยังมาเย็นอีกอะไรทำนองนี้ ไม่คิดว่าเล่นของสูงจึงเข้าตัว 5555
การปั่นจักรยาน คือการปฏิบัติธรรม
louis04
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1310
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2008, 01:31
Tel: 08-24245566
team: จังหวัดนครศรีธรรมราช
Bike: louis garneau

Re: น้ำท่วมใหญ่จังหวัดนครศรีธรรมราช 2554

โพสต์ โดย louis04 »

กลุ่มผู้เชื่อใน "วันน้ำท่วมโลก" ได้อ้างอิงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์หลักๆ 2 ข้อ คือ
1.ข้อมูลจากนักวิจัยของหมู่เกาะกรีนแลนด์ ซึ่งตั้งในมหาสมุทรอาร์กติกทางเหนือสุดและเป็นเกาะใหญ่ที่สุดในโลก พื้นที่ประมาณ 2.2 ล้าน ตร.กม. นักวิจัยกลุ่มนี้อ้างถึงผลสำรวจการละลายของน้ำแข็งที่มีปริมาณมหาศาล หรือประมาณ 19 ร้อยล้านตัน เมื่ออุณหภูมิโลกสูงขึ้นเนื่องจากภาวะโลกร้อน น้ำแข็งเหล่านี้กำลังละลายกลายเป็นน้ำวันละถึง 1 ล้านตัน โดยจะไหลลงมาสะสมจนทำให้เกิดน้ำท่วมหนักในปี 2012 ซึ่งตรงกับคำทำนาย
2 เป็นกลุ่มนักวิจัยอวกาศที่อ้างว่า องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (นาซา) คำนวณว่า ในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 แกนโลกจะพลิกกลับขั้ว หมายความว่า ขั้วโลกเหนือจะมาอยู่ที่ขั้วโลกใต้ ช่วงเวลานั้นโลกจะไม่มีพลังจากสนามแม่เหล็กเพื่อป้องกันรังสีต่างๆ จากอวกาศเป็นการชั่วคราว และในวันที่ 22 ธันวาคม จะเป็นวันที่ดวงอาทิตย์แผ่สนามแม่เหล็กและรังสีความร้อนสูงมายังโลก เป็นจังหวะเดียวกับที่โลกไม่มีสนามแม่เหล็กป้องกันตัวเอง หายนะที่คาดว่าจะเกิดขึ้นคือ น้ำแข็งขั้วโลกละลายฉับพลันทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมโลกอย่างรวดเร็วจนคนทั่วโลก หนีไม่ทัน
กลุ่มผู้รู้ในเมืองไทยที่ถูกอ้างอิงบ่อยๆ คือ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการอำนวยการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ผู้ทำนายว่ากรุงเทพฯ จะจมใต้บาดาลในปี ค.ศ. 2015 และ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้คิดค้นระบบการลงจอดยานอวกาศบนดาวอังคารร่วมกับองค์การนาซา ทำนายว่าโลกต้องเกิดภัยพิบัติครั้งมโหฬารในปี ค.ศ.2017 นอกจากนี้ยังมี พระภิกษุ แม่ชี ฤาษีอีกหลายสำนัก ที่ให้คำทำนายคล้ายกันว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าโลกจะพบอุทกภัยน้ำท่วมครั้ง มโหฬาร คำทำนายเหล่านี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณส่วนบุคคล หลายคนอาจเชื่อหรือไม่เชื่อ....

ตามมา...อ่านต่อที่นี่...


http://forum.serithai.net/viewtopic.php?f=2&t=34255
louis04
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1310
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2008, 01:31
Tel: 08-24245566
team: จังหวัดนครศรีธรรมราช
Bike: louis garneau

Re: น้ำท่วมใหญ่จังหวัดนครศรีธรรมราช 2554

โพสต์ โดย louis04 »

...เรื่องราวต่างๆที่อ่านเจอ และได้โพสต์เข้ากระทู้นี้ มิมีเจตนาให้ตื่นตระหนก...
...เหตุเพราะไม่มีใครหยั่งรู้อนาคตได้ดั่งตาเห็น...
...พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว...ใครบางคน...หลายคน เข้าใจ...
...แต่ยามเช้าของพรุ่งนี้ "ไม่รู้" ชีวิตจะดำเนินไปได้สวยงามอย่างที่คิดหรือไม่...

...ทุกสิ่ง เริ่ม ณ เวลาที่คิด พร้อมที่จะสานต่ออย่างที่คิด...
...accident เกิดได้เสมอแม้นคิดว่าดีแล้ว...สำหรับวันพรุ่งนี้...

...ลด ละ เลิก ทิฐิ เห็นแก่ตน ในปลายติ่งสันดานของสมองที่คิด...
...พรุ่งนี้...แม้นโลกถล่ม แผ่นดินทลาย...จะอยู่หรือไป...
...เราก็ยังคงสุขตามเวลาอันควร "แค่พริบตา"...
ตอบกลับ

กลับไปยัง “ชมรมจักรยานนครศรีธรรมราช”